Skip to content
Home » [NEW] My Name ทำความรู้จักตัวละครและทีมนักแสดง เตรียมพร้อมก่อนดู ว่าที่ซีรีส์ฮิตจาก Netflix – THE STANDARD | ก่อนจะว่าคนอื่น ดูตัวเองก่อน – NATAVIGUIDES

[NEW] My Name ทำความรู้จักตัวละครและทีมนักแสดง เตรียมพร้อมก่อนดู ว่าที่ซีรีส์ฮิตจาก Netflix – THE STANDARD | ก่อนจะว่าคนอื่น ดูตัวเองก่อน – NATAVIGUIDES

ก่อนจะว่าคนอื่น ดูตัวเองก่อน: คุณกำลังดูกระทู้

My Name

My Name

ประกาศสร้าง พร้อมประกาศรายชื่อนักแสดงนำตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยแค่เปิดตัวก็สร้างกระแสในทันที เพราะมีชื่อของ ฮันโซฮี ที่แจ้งเกิดจาก และอันโบฮยอน ที่เกิดจากบทร้ายๆ ในซีรีส์ร่วมด้วยนักแสดงในตำนาน พัคฮีซุน ที่ว่ากันว่าเขารับบทซีรีส์เรื่องไหน เรื่องนั้นมาแน่ นั่นจึงแสดงว่า เป็นซีรีส์บทดีที่ทำให้เขาสนใจจนยอมรับงานแสดงนี้

 

THE STANDARD POP เข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ โดยมีนักแสดงนำ ฮันโซฮี, พัคฮีซุน, อันโบฮยอน, คิมซังโฮ, อีฮักจู, จางรยูล และผู้กำกับคิมจินมิน มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานเบื้องหลังก่อนถ่ายทำ จนออกมาเป็นผลงานเดือดๆ ที่ทั่วโลกกำลังรอคอย

 

ก่อนที่ซีรีส์ จะเข้าฉายทาง Netflix ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ เราขอชวนทุกคนมาอุ่นเครื่อง วอร์มร่างกายให้พร้อม ด้วยการทำความรู้จักตัวละคร และเรื่องราวของเหล่านักแสดงที่ทุ่มเทสุดตัวในเรื่องนี้ ทั้งการซุ่มซ้อมฉากแอ็กชันกัน 2-3 เดือนเต็มๆ นักแสดงทุกคนเล่นจริงไม่ใช้ตัวแสดงแทน โดยเฉพาะ ฮันโซฮี หญิงแกร่งหนึ่งเดียวในทีมนักแสดงนำที่เพิ่มน้ำหนักเกือบ 10 กิโลกรัมซึ่งเป็นกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายล้วนๆ เพื่อเปลี่ยนให้ตัวเองกลายเป็นตัวละครหลักของเรื่อง ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อการแก้แค้น!   

 

 

 

แนะนำตัวละครในซีรีส์ My Name ที่เราไม่อาจเชื่อใจใครได้เลย

  • ฮันโซฮี กับตัวละคร จีอู 

การที่ต้องสูญเสียพ่อไปตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้การแก้แค้นเป็นเป้าหมายอย่างเดียวในชีวิตของเธอ จีอูยอมทิ้งทั้งอนาคตและชื่อของตัวเองเพื่อล้างแค้น 

 

“ถึงจะดูเศร้าและน่าสงสาร แต่ฉันคิดว่าการเดินหน้าสู้ไปเพื่อบรรลุเป้าหมายทำให้จีอูเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งค่ะ ฉันมองว่าจีอูเป็นตัวละครที่มีมิติเดียว มีเป้าหมายเดียวคือการแก้แค้น แต่เมื่อเธอเติบโตเป็นฮเยจินจะมีความละเอียดอ่อนกว่า มีชั้นเชิง และมีเหตุมีผลมากกว่าค่ะ”

  • พัคฮีซุน กับตัวละคร ชเวมูจิน

ชเวมูจินเป็นหัวหน้าแก๊งค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ เป็นหัวหน้าใหญ่ของแก๊งดงชอน และเป็นเจ้าของโรงแรมที่เปิดไว้บังหน้า เขารับลูกสาวของเพื่อนสนิทที่ต้องการแก้แค้นเข้าแก๊ง ให้ความช่วยเหลือ และให้เธอปลอมตัวแทรกซึมเป็นพวกเดียวกับตำรวจ 

 

“ชเวมูจินเป็นคนที่ไว้ใจใครแล้วจะเชื่อใจเต็มที่ แต่จะไม่ยอมอภัยถ้าคนนั้นทำผิดพลาด เป็นตัวละครที่เยือกเย็นแต่มีเสน่ห์มากครับ ผมคิดว่าคาแรกเตอร์แบบนี้จะต้องเกิดจากการแสดงออกให้น้อย ผมแค่คอยรักษาน้ำหนักของการแสดงเอาไว้ อีกอย่างก็คือการแต่งหน้า การแต่งตัวก็ช่วยได้มากครับ ตอนที่ผมเดินเข้าเซ็ต ผมก็กลายเป็นหัวหน้าชเวมูจินแล้ว”

  • อันโบฮยอน กับตัวละคร จอนพิลโด

จอนพิลโดเป็นตำรวจมือหนึ่งของหน่วยปราบปรามยาเสพติด เขาทำทุกอย่างเต็มหน้าที่เพื่อทำลายแก๊งค้ายาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศให้ได้ ระหว่างนั้นเขาได้เจอกับจีอู คู่หูคนใหม่ที่มาร่วมงานในหน่วยปราบปรามยาเสพติด

 

“พิลโดเป็นตัวละครที่ไม่สามารถโน้มน้าวจีอูได้ครับ ต้องรอชมแล้วจะทราบครับ ด้วยความที่ตัวละครเป็นมือหนึ่งที่ต้องเก่งทุกด้านโดยเฉพาะการต่อสู้ ผมเลยต้องฝึกการต่อสู้หนักพอสมควรครับ ไม่ใช่แค่ผม แต่นักแสดงคนอื่นๆ ก็เข้าคลาสการต่อสู้ด้วยเหมือนกัน ผมอยากแสดงให้เห็นลุคของตำรวจนักสืบที่ดูน่าเกรงขาม เลยตั้งใจออกกำลังกายและเพิ่มน้ำหนักด้วยครับ”

 

  • คิมซังโฮ กับตัวละคร ชากีโฮ

หัวหน้าหน่วยปราบปรามยาเสพติดที่มีปมชีวิตในอดีต ตัวเขาเองมีเป้าหมายที่จะจับกุมหัวหน้าองค์กรค้ายาเสพติด ชเวมูจิน ให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ชากีโฮได้รับจีอูเข้าร่วมในทีมสืบสวน และเริ่มสงสัยว่าในทีมของเขาน่าจะมีหนอนบ่อนไส้

 

“ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จะจัดการกับอาชญากรด้านยาเสพติดแตกต่างจากหน่วยสืบสวนอื่นๆ เพราะต้องใช้เทคนิคหลากหลาย ต้องมีการวางแผนเพื่อการสืบสวนและจับกุม บทของผมเป็นหัวหน้าทีมที่ใช้การต่อสู้ทางสมองและความคิด จะไม่ค่อยมีฉากแอ็กชันเหมือนนักแสดงคนอื่นๆ ครับ”

  • อีฮักจู กับตัวละคร จองแทจู

ลูกน้องมือขวาที่ชเวมูจินไว้วางใจ เขาจัดการทุกอย่างในองค์กร และร่วมปรากฏตัวอยู่ข้างๆ ชเวมูจินและดงฮุนอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมชเวมูจินจึงรับตัวจีอูเข้ามาในองค์กร ทั้งยังเชื่อใจเธอเสียอีก

 

“ผมรับบทแทจู เป็นมือขวาของชเวมูจิน ที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายมากๆ และทำทุกอย่างเพื่อเขาได้ ที่ผมต้องทำส่วนใหญ่ก็คือการอยู่เงียบๆ ข้างๆ เขา แต่การแสดงที่เงียบๆ แบบคนที่อยู่ข้างๆ แบบนี้ยิ่งเป็นเรื่องท้าทายครับว่าผมจะแสดงออกมาได้อย่างไร”

  • จางรยูล กับตัวละคร โดคังแจ

น้องเล็กขององค์กร ที่มีความทะเยอทะยานที่จะเติบโตเป็นใหญ่ในองค์กร หลังจากผ่านจุดพลิกผันในชีวิตจนถูกขับไล่ออกมา เขาก็เก็บความโกรธแค้นนั้นไว้ เป็นเหมือนภูเขาไฟที่ข้างนอกดูสงบนิ่ง แต่จริงๆ แล้วกำลังรอการระเบิด

 

“คังแจเป็นน้องเล็กของแก๊งดงชอน เขาอยากได้รับคำชมจากพี่ๆ ในแก๊ง มีความโลภ มีความอยากเป็นใหญ่ แต่อีกมุมก็เหมือนเด็กเล็กๆ ที่ทำเพราะอยากเท่เหมือนรุ่นพี่ในแก๊งคนอื่นๆ ปกติผมเป็นคนผอมอยู่แล้ว จะลดน้ำหนักถือเป็นเรื่องยากทีเดียว แต่ตอนที่ได้อ่านบท ตัวละครโดคังแจที่ผมจินตนาการต่างกับตัวจริงของผมในตอนนั้นมาก ผมอยากให้ดูเฉียบคมมากขึ้น เลยตั้งใจลดน้ำหนักให้เข้ากับตัวละครนี้ครับ”

 

 

สัมภาษณ์ฮันโซฮี, พัคฮีซุน, อันโบฮยอน, คิมซังโฮ, อีฮักจู, จางรยูล และผู้กำกับคิมจินมิน 

ในงานแถลงข่าวเปิดตัวซีรีส์ นักแสดงหลักของเรื่องดูสนิทสนมกันมากๆ นั่นก็เพราะการที่พวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันตั้งแต่ก่อนถ่ายทำ เพื่อเรียนรู้ท่าทาง และศิลปะการป้องกันตัว การใช้อาวุธ รวมถึงการซ้อมฉากแอ็กชันต่างๆ เพื่อให้ซีรีส์แอ็กชันถึงเลือดถึงเนื้อเรื่องนี้สมจริงอย่างที่สุด

 

อยากถามถึงความรู้สึกว่าตอนที่อ่านบทจบครั้งแรก มันเต็มไปด้วยความรู้สึกแบบไหน

ฮันโซฮี: ตอนอ่านบทรู้สึกได้ถึงการอยากแก้แค้นค่ะ คาแรกเตอร์นี้ผูกติดกับการแก้แค้น เธอสิ้นหวังและหมดสิ้นหนทางจนฉันรับรู้ได้ผ่านการอ่านบทเลยค่ะ การแก้แค้นจึงเป็นอย่างเดียวที่ผลักดันให้ตัวละครสู้ต่อไปเป็นการแสดงที่ทำให้ฉันได้แสดงออกอีกแง่มุมหนึ่ง ทั้งเรื่องการแสดงอารมณ์ และเรื่องของฉากแอ็กชันที่ฉันไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

 

พัคฮีซุน: ปกติถ้าพูดถึงผลงานแนวฟิล์มนัวร์ เราจะนึกถึงผลงานที่โหดและเยือกเย็น แต่ความรู้สึกแปลกใหม่ตอนอ่านบทเรื่องนี้ คือการวางตัวละครหลักให้เป็นผู้หญิง ทั้งอารมณ์และความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมา รวมถึงความขัดแย้งระหว่างเธอและตัวละครอื่นๆ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ต่างจากซีรีส์ดาร์กๆ เรื่องอื่น ทั้งยังได้ผู้กำกับคิมจินมิน เจ้าของผลงานเรื่องมาร่วมกำกับแล้วด้วย ยิ่งทำให้อุ่นใจ หลังจากอ่านบทแค่ครั้งเดียวก็ตัดสินใจที่จะร่วมงานด้วยครับ

 

อันโบฮยอน: ผมเองก็ชอบซีรีส์เรื่อง มากครับ กลายเป็นแฟนคลับของผู้กำกับคิมจินมิน และอยากลองร่วมงานด้วยสักครั้ง พอได้รับบท อ่านแล้วเพลินจนวางไม่ลงเลยครับ ผมเองอยากลองเล่นแนวแอ็กชันหรือนัวร์อยู่แล้ว ในที่สุดก็ได้เจอผลงานที่ใช่ เลยเตรียมตัวอย่างเต็มที่ครับ

 

พวกคุณต้องเตรียมตัวก่อนการถ่ายทำ My Name อย่างไรบ้าง

พัคฮีซุน: นักแสดงทุกคนมีฉากแอ็กชันเยอะมาก ยกเว้นคิมซังโฮ ผมและนักแสดงชายอีกสามคนเข้าคลาสเรียนการต่อสู้ก่อนถ่ายทำสองเดือน แต่สำหรับฮันโซฮี เริ่มก่อนพวกเรา เธอฝึกอยู่เกือบสามเดือนก่อนถ่ายทำจริงเลยครับ

 

อันโบฮยอน: ผมอัดคลิปวิดีโอตอนเรียนศิลปะการต่อสู้ไว้ และแชร์ให้นักแสดงคนอื่นดูด้วย เพราะว่ามันเป็นซีนที่เราต้องต่อสู้ ต้องเคลื่อนไหวไปด้วยกัน จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ผมว่าการที่ได้ฝึกซ้อมด้วยกันเป็นเวลาร่วมสองเดือนก่อนถ่ายทำ ทำให้เราสนิทกัน และทำให้บรรยากาศกองถ่ายเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะครับ

 

 

ถามผู้กำกับคิมจินมิน ทำไมถึงเลือกฮันโซฮีเป็นนักแสดงนำ มองเห็นอะไรในตัวเธอ

ผู้กำกับคิมจินมิน: จริงๆ แล้ว หน้าตาและรูปลักษณ์ของนักแสดงส่งผลให้มีข้อจำกัดในการรับบท แต่ผมคิดว่าในข้อจำกัดมักมีความเป็นไปได้เสมอ นักแสดงที่ทำลายข้อจำกัดเหล่านั้นได้ถึงจะพบความเป็นไปได้ 

 

ตอนที่ผมเจอฮันโซฮี ผมถามแค่สองคำถามเองครับ ข้อแรก – อยากเล่นบทนี้หรือไม่ และข้อสอง – เธอจะยอมฝึกซ้อมอย่างหนักหรือเปล่า ซึ่งฮันโซฮีตอบออกมาทันทีเลยครับว่าอยากรับบทนี้ และขอให้ผมลองเชื่อใจเธอ ซึ่งคำสัญญาและความรับผิดชอบในการฝึกซ้อมทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ 

 

ผมมองว่า เป็นโอกาสดีสำหรับนักแสดงที่เคยรับบทสาวสวยมาตลอด จะได้พลิกมาลองผลงานแนวแอ็กชัน โชคดีของเธออีกอย่างที่ได้โปรดิวเซอร์ที่ดูแลด้านศิลปะการต่อสู้ และทีมนักแสดงมากความสามารถ ทำให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น

 

ฮันโซฮี คุณรับบทหนักในซีรีส์ My Name เลย ความรู้สึกในการรับบทจีอูเป็นอย่างไรบ้าง

ฮันโซฮี: ตอนที่ลองเข้าคลาสเรียนการต่อสู้ครั้งแรก ฉันคิดว่าลำบากแน่ๆ คงจะต้องทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมมากๆ 

 

ด้วยความที่เป็นครั้งแรกกับซีรีส์แอ็กชันดราม่า และไม่ใช่การทำงานคนเดียว เราต้องทำงานเป็นทีม เป็นการเคลื่อนไหวที่ต้องแสดงร่วมกับคนอื่นๆ บอกตรงๆ ว่าค่อนข้างหนักใจเหมือนกันค่ะ ไหนจะกังวลว่าจะได้รับบาดเจ็บ กลัวว่านักแสดงคนอื่นจะบาดเจ็บเพราะประสบการณ์อันน้อยนิดของตัวฉันเองด้วย แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างดี ต้องขอบคุณโปรดิวเซอร์ศิลปะป้องกันตัวที่ช่วยเหลือทีมนักแสดงดีมากๆ ค่ะ

 

อาวุธอะไรที่ตัวละครจีอูใช้ในเรื่อง และคุณรู้สึกว่าเข้ามือที่สุด

ฮันโซฮี: ในบรรดาอาวุธที่ต้องใช้มือจับ กระบองเป็นอาวุธที่นิ่มสุดค่ะ เพราะตอนถ่ายทำเป็นกระบองยางที่ทำเลียนแบบของจริง เวลาใช้ก็เลยไม่ค่อยกังวล อีกอย่างตอนเรียนคลาสการต่อสู้ได้เรียนท่ากระบองเยอะเป็นพิเศษด้วย เลยจะมั่นใจในการใช้กระบองมากกว่าอย่างอื่นค่ะ

 

คุณได้ศึกษาการแสดงจากผลงานอื่นอย่างไรบ้างเพื่อเตรียมตัวถ่ายซีรีส์ My Name

ฮันโซฮี: โปรดิวเซอร์ด้านศิลปะการต่อสู้แนะนำให้ฉันดูสไตล์การต่อสู้ในเรื่อง ซึ่งมีฉากแอ็กชันแบบ Long Take กับเรื่องและผลงานแอ็กชันอื่นๆ ที่มีตัวละครนำเป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะต่อสู้โดยใช้มือเปล่า หรืออาวุธต่างๆ ค่ะ

 

อยากให้พวกคุณลองคำนิยามคำว่า ‘แอ็กชัน’ ในซีรีส์เรื่อง My Name ที่เรากำลังจะได้ดูกัน

พัคฮีซุน: การต่อสู้ของพวกเราไม่ได้ใช้สายสลิงหรือ CG ใดๆ เลยครับ เป็นแอ็กชันที่ใช้ร่างกายปะทะเน้นๆ ขอเรียกว่า “แอ็กชันสะเทือนอารมณ์ เรียลแอ็กชัน” แล้วกันครับ 

 

ผู้กำกับคิมจินมิน: สำหรับผมเป็น “แอ็กชันแห่งการขอบคุณ” ครับ เพราะผมอยากจะแสดงความขอบคุณไปยังเหล่านักแสดง โดยเฉพาะโปรดิวเซอร์ควบคุมการแสดงในด้านศิลปะการต่อสู้จาก Seoul Action School พวกเขาทำงานหนักมาก เพื่อทำให้นักแสดงของเรารู้สึกอุ่นใจ 

 

ฉากต่อสู้ 99% มาจากการแสดงของเหล่านักแสดง บวกกับอีก 1% จากความรับผิดชอบและความไว้วางใจในตัวผู้ฝึก นักแสดงของเราเองก็ฝึกซ้อมอย่างหนักมาก ผมคิดว่าถ้าไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้ดี ผมคงเป็นผู้กำกับที่แย่มากแน่ๆ ศิลปะการต่อสู้ที่นักแสดงถ่ายทอดให้เห็นในเรื่องนี้ถือว่าเหนือความสามารถของคนธรรมดาที่ไม่ใช่นักกีฬาหรือมีพื้นฐานมาก่อน ในเวลาระยะสั้นแต่ทำได้ขนาดนี้ถือว่าน่าทึ่งมาก ผมอยากขอบคุณพวกเขาทุกคนครับ

 

นอกจากโปรดิวเซอร์ด้านศิลปะการต่อสู้ มีเจ้าหน้าที่ตัวจริงจากหน่วยงานไหนให้ข้อมูลด้วยไหม

ผู้กำกับคิมจินมิน: ระหว่างถ่ายทำพวกเราได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับแก๊งยาเสพติดตัวจริง ในทีมมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเหมือนโอฮเยจินในเรื่องเลยครับ ตอนแคสต์นักแสดงผมเลยอิงจากสมาชิกในทีมตำรวจจริงเป็นหลัก 

 

อะไรคือแรงจูงใจในการสร้างผลงานซีรีส์ My Name

ผู้กำกับคิมจินมิน: ด้วยบทประพันธ์ที่ลึกซึ้ง ตัวละครหลักที่มีความแตกต่าง รวมถึงตัวละครที่รายล้อมตัวละครหลัก ถ้าผมได้มีโอกาสทำให้ตัวละครนั้นเป็นจริงขึ้นมาผ่านบทบาทของนักแสดงต่างๆ ซีรีส์เรื่อง น่าจะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่คุ้มค่า ประกอบกับอยากที่จะสร้างผลงานแอ็กชันอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ในขณะที่ร่างกายยังรับไหวน่ะครับ 

 

ประเด็นหลักในเรื่องนี้ ผมคิดว่า ‘การแก้แค้น’ ใกล้เคียงคำว่า ‘ยุติธรรม’ ซึ่งผมเองก็หยิบยกเอาจุดนี้มาใช้เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวใน ซึ่งมันละลายอยู่ในตัวละครจีอู ในตอนสุดท้ายเธอจะได้เรียนรู้ว่าการแก้แค้นนี้มันถูกต้องหรือไม่ หรือจริงๆ แล้วการแก้แค้นคืออะไรกันแน่ คำถามมันจะมีอยู่ในทุกอีพี และเปลี่ยนไปตามที่ตัวละครได้ผ่านประสบการณ์ต่างๆ เลยครับ

 

จากคอนเซปต์ของผลงานก่อนหน้านี้ของผม จะเห็นว่าคนเลวก็ไม่ใช่เลวไปเสียหมด คนดีเองก็ไม่ได้ดีไปทุกอย่าง แต่ในเรื่องนี้บ่งบอกชัดเจนว่า คนดีคือคนดี คนชั่วอย่างไรก็คือคนชั่ว บทบาทของนักแสดงที่รับบทหัวหน้าทีมตำรวจและหัวหน้าแก๊งมาเฟียนั้นสำคัญมาก เมื่อได้นักแสดงที่มากประสบการณ์มารับบทเป็นหัวหน้า ก็ยิ่งทำให้ตัวละครลูกน้องในทีมสบายไปด้วย ตอนถ่ายทำผมเลยแทบจะไม่กังวลเลย ต้องขอบคุณทั้งพัคฮีซุนและคิมซังโฮมากครับ

 

 

เรื่องราวการแก้แค้นในซีรีส์ My Name

จีอู (ฮันโซฮี) เป็นพยานเพียงคนเดียวที่เห็นพ่อตายไปต่อหน้าต่อตาในวันเกิดครบรอบ 17 ปีของตน เธอจึงตัดสินใจออกตามล่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอ และได้ไปขอความช่วยเหลือจาก มูจิน (พัคฮีซุน) เพื่อนสนิทของพ่อที่เป็นหัวหน้าใหญ่แก๊งดงชอน องค์กรค้ายาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ โดยมูจินได้บอกกับจีอูว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเป็นคนสังหารพ่อของเธอ และได้หยิบยื่นโอกาสใหม่ ตัวตนใหม่ให้เธอว่า ‘โอฮเยจิน’ เพื่อปลอมตัวเข้าไปทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบความจริงที่แสนโหดร้าย

 

จีอูเข้าไปทำงานในแผนกปราบปรามยาเสพติดร่วมทีมปฏิบัติการกับตำรวจสายสืบ จอนพิลโด (อันโบฮยอน) และหัวหน้าทีม ชากีโฮ (คิมซังโฮ) ซึ่งนั่นทำให้เธอต้องทำการสืบสวนหัวหน้าแก๊งอาชญากรของเธอเอง ยิ่งจีอูพยายามหาทางช่วยมูจินมากเท่าไร เหล่าเพื่อนตำรวจของเธอก็ยิ่งสงสัยในตัวเธอมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งมือขวาของบอสมูจินอย่าง จองแทจู (อีฮักจู) ก็ยังรู้สึกไม่ไว้ใจในตัวจีอูอีกด้วย นอกจากนี้ จีอูยังต้องรับมือกับภัยอันตรายจากอันธพาลประจำแก๊งดงชอนอย่าง โดกังแจ (จางรยูล) อีกด้วย

 

ตัวละครตัวอื่นๆ รอบๆ ตัวจีอู ล้วนแต่เพิ่มความน่าสนใจให้กับเรื่องราวในซีรีส์ ขณะที่ตัวจีอูค่อยๆ ถลำลึกเข้าไปสู่ก้นบึ้งของความอันตราย และจากความสัมพันธ์กับตัวละครต่างๆ ในเรื่องนี้ แม้จะทำให้จีอูได้เข้าใกล้ความจริงในการไล่ล่าหาคนที่ฆ่าพ่อของเธอมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวกลับพาเธอมาพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน และยังต้องเผชิญกับความจริงที่แสนเจ็บปวดในระหว่างที่เธอตามล้างแค้นให้พ่อ ว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนดีและคนเลว

 

เป็นซีรีส์แนวแอ็กชัน-นัวร์ มีทั้งหมด 8 ตอน นำแสดงโดย ฮันโซฮี, พัคฮีซุน, อันโบฮยอน, คิมซังโฮ, อีฮักจู, จางรยูล ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ คิมจินมินจากเรื่อง ออกอากาศวันที่ 15 ตุลาคมนี้

 

ตัวอย่างซีรีส์ 

 

Table of Contents

[NEW] 15 เรื่องน่ารู้ก่อนไปดู Dune | ก่อนจะว่าคนอื่น ดูตัวเองก่อน – NATAVIGUIDES

อวกาศ ทะเลทราย และการเมือง … Dune คือนิยายไซ-ไฟคลาสสิกขึ้นหิ้งที่ทรงพลังและส่งอิทธิพลให้แวดวงไซ-ไฟมาเป็นเวลา 50 กว่าปี และนี่เป็นอีกครั้งที่เรื่องราวมหากาพย์จะเปลี่ยนจากตัวหนังสือบนหน้ากระดาษ มาเป็นหนังงานสร้างสุดยิ่งใหญ่เวอร์ชั่นคนแสดง

 

เพื่อเตรียมตัวก่อนไปดู Dune ที่จะเริ่มฉายวันแรก 21 ตุลาคม ค.ศ.2021 นี้ The MATTER ขอมาเล่าถึงเรื่องราวและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยก่อนจะได้ไปดูจริง

 

 

1. Dune คือหนังที่สร้างจากนิยายไซ-ไฟ (science fiction: sci-fi) ระดับตำนานในชื่อเดียวกันของผู้เขียน แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต (Frank Herbert) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ.1965 ได้รับรางวัลนิยายยอดเยี่ยมทั้งจาก Hugo และ Nebula เรื่องราวของ Dune ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลถึงขนาดที่แวดวงคนอ่านนิยายไซ-ไฟยกให้เป็นงานเขียนคลาสสิกที่ชีวิตนี้ต้องอ่านให้ได้สักครั้ง และความเป็นมหากาพย์ของเนื้อเรื่องก็ถูกขนานนามว่าเป็น The Lord of the Rings เวอร์ชั่นอวกาศ

 

 

2. เนื้อหาของ Dune อยู่ในยุคที่ไกลกว่าปัจจุบันเป็นเวลานับหมื่นปี เทคโนโลยีเดินทางในอวกาศได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนอาศัยอยู่ตามดวงดาวต่างๆ ในจักรวาล และทั้งหมดนั้นก็อยู่ภายใต้การปกครองแบบจักรวรรดิ เรื่องเริ่มต้นที่ พอล อะเทรดีส ต้องออกจากดาวคาลาดานบ้านเกิดด้วยเหตุผลที่จักรพรรดิพาดิชามีบัญชาให้พ่อของพอล ดยุคเลโท อะเทรดีส ไปปกครองอาร์ราคิส (ดูน) ดวงดาวทะเลทรายที่เต็มไปด้วยสไปซ์ (Spice) ทรัพยากรที่มีมูลค่าสุดในจักรวาล แต่การเดินทางครั้งนี้เป็นเหมือนกับดักที่ตระกูลฮาร์คอนเนน ศัตรูคู่อาฆาตของตระกูลอะเทรดีสวางเอาไว้

พอล อะเทรดีส ต้องผจญภัยและเอาตัวรอดท่ามกลางแผนร้าย การแย่งชิงอำนาจเพื่อครอบครองทรัพยากร และการเมืองระหว่างองค์กรใหญ่ ทั้งจากสภาแลนด์สราดที่เป็นกุญแจสำคัญสู่การปกครอง บริษัทโชมคอมพานีที่ควบคุมการค้า สมาพันธ์อวกาศที่ผูกขาดการเดินทางข้ามดวงดาว และสำนักเบนี เจสเซอริต ที่มีความสำคัญในทางศาสนา ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนไปจนถึงองค์ประกอบในเรื่องเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ Dune มีแฟนคลับอย่างเหนียวแน่นมาจนถึงทุกวันนี้

 

 

3. Dune มีอิทธิพลกับวงการไซ-ไฟมากโดยเฉพาะกับตำนานขึ้นหิ้งอย่าง Star Wars เพราะเรียกได้ว่า จอร์จ ลูคัส (George Lucas) ได้รับแรงบันดาลใจจาก Dune มาเต็มๆ ที่เห็นได้ชัดๆ คือ ลุค สกายวอร์กเกอร์ ตัวเอกที่เหมือนถอดแบบมาจาก พอล อะเทรดีส หรือดาวทาทูอินบ้านเกิดลุค ดาวทะเลทรายที่คล้ายกับอาร์ราคิส (ดูน)

 

 

4. ถ้าบอกว่าฝากความหวังไว้ถูกคนก็คงจะไม่ผิด เพราะผู้กำกับ Dune คือ เดอนี วิลเนิฟว์ (Denis Villeneuve) ผู้กำกับที่เคยฝากผลงานระดับคุณภาพอย่าง Sicario, Arrival, และ Blade Runner 2049 เอาไว้ นอกจากฝีมือการกำกับ เดอนียังเป็นแฟนคลับเดนตายของนิยายต้นฉบับอีกด้วย เดอนีให้สัมภาษณ์บ่อยครั้งว่างานกำกับคราวนี้เป็นเหมือนเรื่องส่วนตัวสำหรับเขา การได้กำกับ Dune คือความฝันที่เขาเคยฝัน และอยากจะทำมันให้ได้มาตั้งแต่ตอนที่ได้อ่านนิยายในช่วงวัยรุ่น

 

 

5. กองทัพนักแสดงของ Dune นับว่ายิ่งกว่าทีมออลสตาร์ ขนมาทั้งรุ่นเล็กมากความสามารถและรุ่นใหญ่ระดับตำนาน เริ่มตั้งแต่ ทิโมธี ชาลาเมต์ จาก Call Me by Your Name, เซนเดยา จาก Spider-Man, เจสัน โมโมอา จาก Aquaman, อดีตนักมวยปล้ำชื่อดัง เดฟ บอทิสตา, ไปจนถึงนักแสดงรุ่นใหญ่ สเตลแลน สการ์สการ์ด และนักแสดงระดับท็อปอีกหลายคนที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในมหากาพย์ครั้งนี้

 

 

6.เพิ่มความอลังการด้วยเสียงดนตรีประกอบจาก ฮานส์ ซิมเมอร์ นักทำดนตรีประกอบคู่บุญของ คริสโตเฟอร์ โนแลน การันตีผลงานจากทั้ง Inception และ Interstellar ฮานส์คือคนแรกๆ ที่เดอนีชวนมามีส่วนร่วมกับ Dune ฮานส์ที่ประทับใจนิยายต้นฉบับมาตั้งแต่วัยรุ่นอยู่แล้วก็ตอบรับแทบจะทันที ในส่วนของดนตรีประกอบก็นับว่าแปลกใหม่ ฮานส์ร่วมมือกับนักดนตรีคนอื่นสร้างเครื่องดนตรีชิ้นใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ ด้วยเหตุผลที่ว่า Dune เล่าเรื่องในอนาคต และในอนาคตเครื่องดนตรีทั้งเครื่องสาย เครื่องกระทบ หรือเครื่องเป่าก็น่าจะพัฒนาไปมาก ฮานส์เลยคิดว่าจำเป็นต้องมีเครื่องดนตรีแบบใหม่

 

 

7.การดัดแปลง Dune เป็นมีประวัติที่ไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่ แถมยังไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ด้วยความที่ตัวเรื่องมีฉากหลังเป็นสเกลใหญ่ระดับจักรวาลและเนื้อหาเองก็ซับซ้อน มีความพยายามดัดแปลงอยู่หลายครั้งก่อนหน้า เดอนี วิลเนิฟว์ จะมากำกับ แต่ก็มีทั้งอุปสรรคและความล้มเหลว

เริ่มแรกในปี ค.ศ.1971 อาเธอร์ พี. เจคอบส์ ผู้อำนวยการสร้างซีรีส์หนัง Planet of the Apes ได้ลิขสิทธ์ไป แต่สองปีหลังจากนั้นเขาก็มาด่วนจากไปก่อน ต่อมาลิขสิทธ์ตกเป็นของ อาเลฮันโดร โยโดโรวสกี ผู้กำกับชาวชิลี-ฝรั่งเศส ที่วางแผนว่าจะได้ศิลปินเซอร์เรียลตัวพ่ออย่าง ซัลวาดอร์ ดาลี มาร่วมแสดง พร้อมวงดนตรี Pink Floyd มาทำเพลงประกอบ คอนเซปต์เองอาร์ตก็ร่างไว้แล้ว แต่สุดท้ายโปรเจกต์นี้ก็ต้องพับเก็บเพราะหนังใช้ต้นทุนสูงเกินไป และอาจมีความยาวถึง 10–14 ชั่วโมง

ความพยายามยังไม่หมดแค่นั้น ในปี ค.ศ.1979 ริดรีย์ สก็อตต์ ได้รับการทาบทามให้กำกับ Dune แต่ริดรีย์ก็ต้องบอกปฏิเสธเพราะเขาได้เสียพี่ชายไปในช่วงเวลาเดียวกัน ก่อนจะหันไปกำกับ Blade Runner แทน

 

 

8. กว่า Dune จะได้เป็นหนังจริงๆ จังๆ ก็ในปี ค.ศ.1984 โดยฝีมือกำกับของ เดวิด ลินช์ แต่ตัวหนังกลับขาดทุนและโดนวิจารณ์อย่างหนักจากหลายสาเหตุ ทั้งรายละเอียดของเรื่องที่ถูกยัดไว้ในหนังเรื่องเดียวจนคนดูสับสน องค์ประกอบในเรื่องที่เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือจากในนิยาย รวมถึงตอนจบที่แฟนๆ ดูจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ ผลตอบรับที่ออกมาทำให้ลินช์ถึงขั้นอยากถอดชื่อตัวเองออกเลยด้วยซ้ำ

เราคงต้องดูกันว่า Dune ในเวอร์ชั่นปี ค.ศ.2021จะประสบความสำเร็จแค่ไหน

 

 

9. นอกจากมหากาพย์เนื้อหา ยังมีมหากาพย์การเลื่อน เมื่อคนเข้าโรงหนังไม่ได้ด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างการระบาดของ COVID-19 ทำให้ Dune ต้องเลื่อนวันฉายเป็นเวลากว่า 10 เดือน จากวันฉายแรกที่ตั้งใจไว้คือ 18 ธันวาคม ค.ศ.2020 เป็น 1 ตุลาคม ค.ศ.2021 ก่อนจะเลื่อนฉายอีกครั้งมาเป็นวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ.2021

 

10. แม้โลกจะมีเทคโนโลยี green screen แต่เดอนีตัดสินใจที่จะใช้ CGI ให้น้อยที่สุด เดอนีอยากให้ทุกอย่างดูสมจริงสำหรับทั้งคนดู นักแสดง และเขาเองด้วย เดอนีบอกว่าการถ่ายทำด้วยสถานที่และองค์ประกอบจริงๆ จะช่วยให้นักแสดงได้สัมผัสบรรยากาศคล้ายกันกับใน Dune เพื่อให้การแสดงนั้นสมจริงมากขึ้น ซึ่ง ทิโมธี ชาลาเมต์ ให้สัมภาษณ์ว่าตัวเขาเองเข้าฉาก green screen แค่สามฉาก ดังนั้น งานนี้ฉากในห้องหรืออาคารทีมงานล้วนสร้างกันขึ้นมาใหม่ บุกไปถ่ายในทะเลทรายจริงๆ ที่จอร์แดนและซาอุดิอาระเบีย แน่นอนว่าร้อนในระดับ 37–45 องศาเซลเซียส การันตีความอินกับบทของนักแสดง

 

 

11. สถานที่ไปแล้ว งานเอฟเฟกต์ก็ไม่น้อยหน้า ตัวยานที่เราจะได้เห็นในเรื่องทางทีมงานก็สร้างขึ้นมาจริงๆ เป็นยานที่นักแสดงสามารถเข้าไปนั่งและหมุนคันบังคับได้ ฉากที่ทะเลทรายต้องสั่นไหว ทีมงานก็ฝังพื้นขนาด 400 ตร.ม. ไว้ใต้ทรายให้เกิดแรงสั่นสะเทือนจนเท้าของนักแสดงจมลงไปได้

 

 

12. ที่ไม่แน่ใจว่าโชคดีไหม คือ สเตลแลน สการ์สการ์ด นักแสดงรุ่นใหญ่ที่ต้องรับบท บารอน วลาดิเมียร์ ฮาร์คอนเนน ผู้นำตระกูลฮาร์คอนเนนแสนเจ้าเล่ห์ที่มีร่างกายอ้วนท้วน การรับบทบารอนทำให้สเตลแลนต้องให้ทีมเอฟเฟกต์แต่งตัวให้เขานานครั้งละกว่าแปดชั่วโมง และ 80 ชั่วโมงคือเวลาทั้งหมดที่สเตลแลนนั่งเมื่อยอยู่บนเก้าอี้ระหว่างที่กำลังเปลี่ยนโฉม

 

 

13. ในเนื้อเรื่องของ Dune ความพิเศษข้อหนึ่ง คือ ตัวละครจะใส่ชุด ‘สติลสูท’ ชุดที่ออกแบบมาเพื่อเดินทางในทะเลทรายโดยเฉพาะ ตัวชุดสามารถหมุนเวียนน้ำที่ร่างกายผู้ใส่สูญเสียไปให้นำกลับมาบริโภคใหม่ได้ ดังนั้น เสื้อผ้าจึงเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญ ซึ่งทีมเสื้อผ้าก็รับงานหนักออกแบบเครื่องแต่งกายกว่า 1,000 แบบ เพื่อที่จะได้ชุดที่เข้ากับเรื่อง และเป็นชุดที่นักแสดงใส่สบายในทะเลทรายที่ร้อนระอุด้วย

 

 

14. Dune ในเวอร์ชั่น ค.ศ.2021 ของ เดอนี วิลเนิฟว์ เป็นเนื้อหาแค่ครึ่งหนึ่งจากความยาวกว่า 700–800 หน้าของนิยายเล่มแรก ไอเดียหั่นครึ่งนี้ดูจะน่ากลัวก็จริง แต่นี่ก็เป็นไอเดียที่ ริดรีย์ สก็อตต์ เคยเสนอไว้ เดอนีเองเห็นด้วยว่าเขาไม่อยากอัดเนื้อหาทั้งหมดลงไปในหนังเรื่องเดียว แม้จะแบ่งเป็นสองภาคแต่เดอนีก็ยืนยันว่า Dune ค.ศ.2021 เป็นหนังที่ดูเดี่ยวๆ ได้โดยไม่เสียอรรถรส

 

 

15. ถึงจะไม่จำเป็นต้องดูภาคต่อ แต่เดอนีก็แง้มมาแล้วว่าตั้งใจจะทำเป็นหนังไตรภาค โดยวางไว้ว่าเนื้อหาจะไปถึงใน Dune Messiah นิยายเล่มที่สองในซีรีส์นิยายต้นฉบับ และถ้าอยากทำให้ยิ่งใหญ่กว่านั้น นิยาย Dune ที่ แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต เขียนไว้มีอยู่ทั้งหมด 6 เล่ม พร้อมสร้างเป็นหนังภาคต่อได้แบบยาวๆ

 

 

ถ้าพร้อมแล้ว ถึงเวลาที่เราจะมุ่งหน้าสู่โลกไซ-ไฟและทะเลทรายของ Dune

 

 

อ้างอิงข้อมูลจาก

dune.fandom.com

www.vulture.com

dunenewsnet.com

www.mentalfloss.com

www.youtube.com

screenrant.com

www.indiewire.com

www.imdb.com

 

 

Share this article



BUNNYKING – \”คิดต่าง\” Feat. CobraK [MIXTAPE] +Lyrics


สามารถดาวน์โหลดเพลงนี้ได้ที่ http://bit.ly/1PUkpgk
ติดตามเพลงใหม่ๆโดยการกดติดตาม (subscribe)
https://www.facebook.com/mrbunnyking
https://www.facebook.com/THECobraK
BUNNYKING คิดต่าง feat.CobraK
Beat Prod : \” FRAYTOOP \”
Lyrics…
.
.
.
.
.

จะพูดก็พูดให้ดี จะคิดก็คิดให้ดี
จะทำอะไรก็คิดแต่สิ่งที่ดี
ไม่ใช่ว่าทำแต่สิ่งไม่ดี
เป็นตัวอย่างให้คนเขาดู
ทำดีให้คนเขาดู
ไม่ใช่ไม่พอใจอะไรอะไรก็ Fck you
(Hook) เชื่อว่า ทำดีต้องได้ดีในสักวัน
ถึงแม้ผู้คนดูถูกกัน ใครจะว่าก็ช่างมัน
เชื่อว่า ใครทำอะไรก็ต้องได้อย่างนั้น
เกลียดนักพวกชอบดูถูกฝัน
และพวกที่อิจฉากัน
ก็ด่าคนนั้นว่าคนนี้ประจำวัน
ก็ทำไงได้เพราะความคิดเรามันต่างกัน
เกิดเป็นคนด้วยกันแล้วก็ดันมาเกลียดกัน
เกลียดกันทั้งๆที่เรานั้นไม่รู้จักกัน
ทุกๆคนต่างคนต่างฝัน
ใครมีความสุขอะไรก็ทำไปทำมัน
ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่ง
ไม่ได้คิดว่าตัวเองเท่ห์
ไม่ได้อยากให้ตัวเองเด่น
และไม่ได้เป็นคนเจ้าเล่ห์
จำคำพูดของพี่ได้เสมอ
อย่าไปสนใจเขา
เราก็ทำของเราไป
อยากจะพูดอะไร พูดอะไร ก็พูดไป
อยากจะทำสักสิบเพลง เอ้า..ก็ทำไป
ก็ดีใจนะมีคนที่คิดถึง
ดูแลตัวเองดีดีอยากบอกว่าคิดถึง
การได้เดินเข้ามาได้รู้อะไรหลายๆอย่าง
ไม่เคยโกรธใครส่วนตัวหรืออะไรยังไงยังไงก็ผลงาน
คำพูดไม่ดีจะติดตัวไปอีกยาวนาน
อโหสิกรรมให้ขอแค่อย่ามาระราน
(Hook)
ไม่ใช่จิตรกรก็เลยไม่ชอบสร้างภาพ
ไม่ใช่นักประพันธ์ก็เลยไม่ชอบสร้างเรื่อง
ปล่อยไก่ไปก่อนละกันเพราะไม่คบเด็กสร้างบ้าน
รื้อสมองออกมาใหม่เพราะมันไม่ใช่แค่วางเครื่อง
ศักดิ์ศรีคนเราแค่เพียงเขม่าควันในก้านธูป
ควันอาจจะลอยไกลแต่ใจเป็นผงในกระถางธูป
มือไปลูบคมมันบาดลึกจนตัวเกรง
ศักดินาที่สูงกว่าคือทำตัวเหนือกว่าตัวเอง
จะเดินด้วยสองขาหรือรอชะตามาแรนดอม
ต้องว่ายทวนกระแสเหมือนแซลมอนไม่ใช่แพลงตอน
เป็นกฎธรรมชาติที่เข็มทิศไปฝั่งเหนือ
ยอมโดนเสือกินดีกว่าสิ้นหวังบนหลังเสือ
ฝนมันจะตกพระอาทิตย์ก็คงไม่ขวางเมฆ
คนดวงจะตกไม่ทำผิดมีสิทธิ์โดนหางเลข
คำคนอย่าไปแคร์จงยิ้มแสยงเหมือนหน้าของยักษ์
จงใช้ฝันนำทางและอย่าไปใช้สมองนัก
(Hook),(Hook)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

BUNNYKING - \

ใครคิดถึง – เบิร์ด ธงไชย (เพลงประกอบละคร วิมานทราย) [OFFICIAL MV]


ใครคิดถึง (เพลงประกอบละคร วิมานทราย)
ศิลปิน : ธงไชย แมคอินไตย์
Producer : Achariya Dulyapaiboon , Chonlatas Chansiri
เนื้อร้อง / ทำนอง : อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์
เรียบเรียง : ชลทัศน์ ชาญศิริเจริญกุล
Keys: Bavornpat Jinprasert
Guide /Background Vocal : Achariya Dulyapaiboon
Vocal Director : Achariya , Chonlatas
Recording at Kandee Studio , Chonlatas studio
Mix Mastering : Rawee Kangsanarak
คงจะจริงที่วันเวลา มันจะพาอะไรให้เปลี่ยน
เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครก็เข้าใจ
ใจของคนก็คงเหมือนกัน เพียงไม่นานก็เปลี่ยนผันไป
แต่อาจไม่ใช่สำหรับฉัน
ที่ยังทำอะไรเดิมๆ อย่างนั้น
แค่เพราะฉันไม่ชอบเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่ยังรักใคร
ตรงนี้ไม่มีใครคิดถึงเธอ
เป็นแค่เพียงบางครั้งยังไม่ชินเท่าไร
คงเพราะวันเหล่านั้นสวยงามเกินไป
จนฉันเองก็ไม่เข้าใจ เพราะอะไรต้องลืม
ฉันแค่รู้สึกดีที่ได้นึกถึงมัน
คงไม่ผิดถ้าเก็บไปฝันบางคืน (ทุกคืน)
ไม่ต้องคิดมากมาย
ไม่มีใครเขาคิดถึงเธอ
ขอเถอะเธออย่าโทษฉันเลย
ที่ไม่เคยจะลืมทุกอย่าง
คงสักวันที่มันจะจาง หายไป
ใครคิดถึง เบิร์ดธงไชย วิมานทราย
ช่องวัน31 GMMGrammy
。。。。。。。。。。。。。。。。
❛ ติดตามความเคลื่อนไหวของ GMM Grammy ❜ เพิ่มเติมได้ที่
GMM Grammy Official Instagram : https://www.instagram.com/gmmgrammy/
GMM Grammy Official Facebook : https://www.facebook.com/GMMGRAMMYOFFICIAL
GMM Grammy Official Twitter : https://twitter.com/GMMGRAMMY

ใครคิดถึง - เบิร์ด ธงไชย (เพลงประกอบละคร วิมานทราย) [OFFICIAL MV]

Warz RYZENZ : ก่อนนจะว่าคนอื่น ควรดูตัวเองก่อน


กลุ่ม : https://www.facebook.com/groups/220633346393796?sorting_setting=CHRONOLOGICAL

Warz RYZENZ : ก่อนนจะว่าคนอื่น ควรดูตัวเองก่อน

ก่อนจะโทษใคร ดูตัวเองก่อน! | Friend Zone 2 Dangerous Area


เรื่องราวความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนรัก โบโย่ บูม เอิร์ธ สตั๊ด
กับเรื่องราวดรามาเข้มข้นของความรักที่ไม่ชัดเจน เมื่อโบโย่
ที่หลังจากตัดสินใจคบกับกู๊ดมาปีนึง แต่เขายังทำกับเธอเหมือนเพื่อนคนนึง
บูมที่ย้ายเข้ามาอยู่กับต่อและมีปัญหากับการจัดการกับผู้หญิง
ที่เข้ามาใหม่ในชีวิตต่อตั้งแต่เขาเป็นนักร้องดัง เอิร์ธที่กำลังค้นหาตัวเอง
หลังจากลาออกจากงานและพยายามจัดการชีวิตคู่ที่รู้สึกไม่มั่นคง
หลังจากดรามาที่พี่แซมไปนอนกับสตั๊ด รวมถึงการกลับมาของแฟนเก่าพี่แซม
และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสตั๊ดที่จะกลับมาเป็นเพื่อนกันแบบเดิมได้หรือเปล่า
ในเมื่อจุดเริ่มต้นมันเกินเพื่อนไปแล้ว และการกลับมาของเพื่อนเก่าอย่าง
บิ๊ว ที่จะมาปั่นป่วนชีวิตของพวกเขาและพาเราไปรู้เรื่องราวของความสัมพันธ์
ของเพื่อนกลุ่มนี้ในอดีตตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยว่ามันร้ายและแรงขนาดไหน
นำแสดงโดย
ลี ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ รับบท กู๊ด
สิงโต ปราชญา เรืองโรจน์ รับบท เอิร์ธ
ปลื้ม ปุริม รัตนเรืองวัฒนา รับบท ล็อคเกอร์
พลัสเตอร์ พรพิพัฒน์ พัฒนเศรษฐานนท์ รับบท สตั๊ด
อาร์ม วีรยุทธ จันทร์สุข รับบท ป๊อป
ณัฐ ศักดาทร รับบท แซม
เบสท์ ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ รับบท ต่อ
จอส เวอาห์ แสงเงิน รับบท เซฟ
แพรวา ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ รับบท โบโย่
น้ำตาล ทิพนารี วีรวัฒโนดม รับบท บูม
อ้าย สรัลชนา อภิสมัยมงคล รับบท แอ้ม
พรีน รวิสรารัตน์ พิบูลภานุวัธน รับบท บิ๊ว
แอปเปิ้ล ลาภิสรา อินทรสูต รับบท คริส
กระปุก พัชรา ทับทอง รับบท มิวสิก
ปอ อรรณพ ทองบริสุทธิ์ รับบท หมอต้น
ติดตามได้ใน Friend Zone 2 Dangerous Area
ทุกวันศุกร์ เวลา 22.30 น. ทางช่อง GMM25 | 23.30 น. บน LINE TV
ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของ GMMTV ได้ที่
FB | https://www.facebook.com/GMMTVOFFICIAL
IG | https://www.instagram.com/GMMTV
Twitter | https://www.twitter.com/GMMTV
TikTok | http://vm.tiktok.com/RLrVAC
YouTube | https://www.youtube.com/GMMTV
LINETV | https://tv.line.me/st/gmmtv
Dailymotion | https://www.dailymotion.com/gmmtv
Weibo | http://www.weibo.com/u/6146914790
Website | http://www.gmmtv.com
ติดต่อโฆษณา
คุณชนิดา วงศ์ธนาภักดี โทร 026698330
[email protected]
FriendZone2 GMMTV

ก่อนจะโทษใคร ดูตัวเองก่อน! | Friend Zone 2 Dangerous Area

Ep.105 | ก่อน “ชี้หน้า” ว่าคนอื่นเลว | เหตุผลที่ห้ามหยุดทำดี | Capt.Benz-ผู้กองเบนซ์


Ep.105 ก่อน “ชี้หน้า” ว่าคนอื่นเลว
.
ก่อนที่เราจะเป็นห่วงผู้คน
อยากให้เขาดีขึ้น
เราจงถามตัวเอง
ย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ตลอดเวลาว่า
ตัวเราเนี่ยมันดีแล้วจริง ๆ หรือเปล่า
.
จริง ๆ มันก็ต้องสื่อสาร
ว่าที่ผมยอมเนี่ย
ไม่ใช่ยอมเพราะยอมนะ
ไม่ใช่ยอมเพราะผมรับได้
กับพฤติกรรมของคุณนะ
ผมยอมเพื่อให้โอกาส
.
นี่คือโอกาส
ที่คุณจะได้ฉุกคิดนะว่าพฤติกรรมที่ทำอยู่เนี่ย
มันใช่หรือไม่ใช่
ผมยอมผมมี limit
ผมมีลำดับขั้นตอนของผม
ต้องสื่อสารชัดเจนนะ
ถ้าไม่สื่อสารชัดเจนเนี่ย
เขาก็จะเข้าใจว่าเรา
ยอมรับได้กับความเห็นแก่ตัวของเขา
.
เราไหวกี่ครั้งล่ะ?
บางคนเนี่ยก็ set ไว้ชัดเจนว่า
ให้โอกาสได้แค่ครั้งเดียว
แล้วแต่ แล้วแต่คน
พี่ยอมรับได้
ยอมรับคนที่ทำนิสัยไม่ดี ๆ
ทำพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ
ต่อพี่ ต่อคนรอบข้างพี่ ต่อคนที่พี่รักเนี่ย
ได้แค่ 3 ครั้ง
.
สมัยก่อนนะ แต่สมัยนี้ครั้งเดียว
ใครเี้ยใส่ผม
ผมให้เี้ยได้แค่ครั้งเดียว
.
ก็เรื่องที่เรารับไม่ได้
เรื่องเงินเนี่ยสำคัญมาก
เรื่องการโกงเงิน
เรื่องการทุจริต
ไม่ชอบ
.
ทุจริต
ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเงินอย่างเดียวด้วย
ทุจริต คอรัปชั่น ทุกอย่าง
โกงเงิน โกงเวลา โกงกติกา
อันนี้ไม่ชอบ
.
เพราะเราไม่ทำ มันเป็นการเบียดเบียนคนอื่น
ถ้าว่าให้ลึกตามศีลเนี่ย มันผิดศีลมากเลย
การโกงเงินก็คือ ผิดศีลข้อ 2 ใช่ปะ?
โกงเวลาเนี่ย ผิดศีลข้อ 1
คุณไปเบียดเบียนชีวิตคนอื่นเขา
เพราะลมหายใจมันใช้แล้วหมดไป
.
คุณนัดเขากี่โมง
แล้วคุณมาโกงเวลาเขา
เนี่ยคุณเบียดเบียนชีวิตเขา
เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย
เรื่องเวลาเนี่ยสำคัญมาก
.
โกงกติกาเนี่ยครอบคลุมหมดเลย
เรามีกฎของเรา เรามีกฎชีวิตของเรา
อย่างนี้ห้าม อย่างนี้ให้
พระพุทธศาสนา หรือทุกที่ มีหมด
มีกติกาของเขาหมด
.
ห้าม ให้ ห้าม ให้
ใครมาละเมิดกฎเราเนี่ยถือว่า
มึงเบียดเบียน Code of Honor
.
ตั้งกฎให้มันชัดเจนว่า
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธอทำกับฉัน
แล้วฉันไม่ชอบ
ฉันจะอนุญาตให้เธอทำ
ได้แค่ครั้งเดียว
.
คุยกัน คือถ้าไม่คุยกัน
มันก็ เข้าใจกันไปเอง
คนมันมีคนเดียวในโลกมั้ย
เว้นแต่ว่าเขาเป็นพ่อเป็นแม่
เป็นคนใกล้ชิด เป็นคนสนิท
มันเป็นกรรม
ที่จะต้องเกิดมาเจออะไรแบบนี้
.
ขอให้คิดทำใจสบาย ๆ ว่า
ชาติที่แล้วก็ทำพฤติกรรมเช่นนี้มา
ชาตินี้ก็มาโดนเขาทำคืน
คิดแบบนี้แล้วมันสบายใจ
จริง ไม่จริงไม่รู้หรอก
แต่มันอยู่ที่วิธีคิด
ถ้าคุณคิดแล้วมันสบายใจ
จงคิดแบบนั้นเถิด
อย่าไปเสียเวลาให้กับ
อะไรที่มันทำให้เราแบบว่าไม่มีความสุข
.
ทำอะไรที่ไม่มีความสบายกาย
ไม่สบายใจบ้าง เพื่อฝึกฝน ขัดเกลาตัวเอง
ไปทำอะไรที่มันไม่มีความสุขมาก ๆ เนี่ย
อย่าไปทำเลย
เวลามันน้อย
.
ยอมรับแล้วก็มองเห็นมัน
เห็นมันว่ามันเป็นของมันอย่างแหละ
ก่อนที่เราจะเป็นห่วงผู้คน
อยากให้เขาดีขึ้น
เราจงถามตัวเอง
ย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ตลอดเวลาว่า
ตัวเราเนี่ยมันดีแล้วจริง ๆ หรือเปล่า
.
ถ้าตัวเราดีแล้วจริง ๆ
เราจึงมีคุณสมบัติที่จะไป
ช่วยให้คนอื่นดีขึ้น
ถ้าตัวเราเอง เรายังขัดเกลาตัวเองได้ไม่ดี
อย่าเพิ่งตีวงออกไปกว้างนักเลย
เอาตัวเองให้รอด
เชื่อมั้ยว่าถ้าเราเอาตัวเองรอดแล้วเนี่ย
คนรอบข้างมันเปลี่ยนเอง
.
ถ้าเราดี
คนรอบข้างมันดีเอง
แต่อย่าลืม
‘กฎแห่งกรรม’
.
มันไม่ใช่การเปลี่ยน scope มาที่ตัวเอง
มันคือเริ่มที่ตัวเองก่อน
เราเช็คก่อน เราดีรึยัง
เราเช็คง่าย ๆ พื้นฐานเนี่ย
ศีล 5 ข้อเนี่ยเราดีรึยัง
.
เรารับมือกับความรัก โลภ โกรธ หลง
ได้ดีแค่ไหน เวลาเราโลภ เราจัดการยังไง
ถ้าเราจัดการความโลภตัวเองไม่ได้
แล้วคุณไปโกรธคนอื่นที่เขาโลภ
คุณบ้าแล้ว
.

เราระงับความโกรธตัวเองไม่ได้
แล้วไปโกรธคนอื่นที่เขาโกรธ
ไปรู้สึกว่าคนอื่นแย่
คุณโกรธ คุณบ้าแล้ว
คลิปก่อน ๆ หน้านี้
.
พูดมึง กู ๆ
เราก็พูดกันเอง
ถูกมั้ยล่ะ?

มีคนมาคอมเมนต์ตลกมากเลย
“มึงพูดเพราะ ๆ ไม่ได้เหรอวะ
ไอ้เี้ย”
คอมเมนต์ เดี๋ยวนะ…
ผมกำลังเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อะไรอยู่เนี่ย
เขาอยากให้ผมพูดเพราะ
แล้ว…ทำไม…
เขาเป็นอย่างนี้ล่ะ?

มันก็งง ๆ ดีนะ
.
บารมี 10 ข้อ
ถ้าถามว่าอะไรสำคัญที่สุด
สำคัญทุกอย่างเลย
ไม่มีปัญญาให้ทานไม่ได้
ไม่มีปัญญารักษาศีลไม่ได้
ไม่มีปัญญาเนี่ยเนกขัมมะ ไม่ได้
ไม่มีปัญญาตั้งมั่นไม่ได้
ไม่มีปัญญาเนี่ยปล่อยวางไม่ได้
เมตตาไม่ได้ อดทนไม่ได้
.
แล้วถ้าไม่อดทน
ก็ไม่เกิดปัญญา
โยงกันไปโยงกันมาหมด
ถ้าไม่อดทน
ให้ทานไม่ได้
ถ้าไม่อดทนรักษาศีลไม่ได้
เนี่ยคือขันติบารมี
.
จุดเริ่มต้น
มันควรจะอยู่ที่ตัวเรา
ว่าเราเต็มพร้อมรึยัง
ก่อนที่เราจะไปเมตตาคนอื่น
เราเมตตาตัวเองมากน้อยแค่ไหน
เราเต็มพร้อมกับตัวเองแค่ไหน
.
เราทำความดีให้ถึงพร้อมกันเราเนี่ยแค่ไหน
ไม่ใช่แค่ศาสนาพุทธ ทุกศาสนา
จริง ๆ แล้วพูดเรื่องเดียวกัน
‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ’
ความเลวทั้งหลายอย่าไปทำ
.
‘กุสลสฺสูปสมฺปทา’
ทำความดีเยอะ ๆ
ทำให้ถึงพร้อม เราถึงพร้อมรึยัง
แล้วถึงพร้อมด้วยวิธีไหน
‘สจิตฺต ปริโยทปนํ’
ทำใจใส ๆ ไว้
.
ทางพุทธทำใจใส ๆ
ด้วยการดูลมหายใจอะไรก็ว่าไป
ทางคริสต์ทำใจใส ๆ ด้วยการนึกถึงพระเจ้า
ทางอิสลามทำใจใส ๆ
ด้วยการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า
มันคือเรื่องเดียวกัน
ทำดี เว้นชั่ว ทำใจใส ๆ
เรื่องเดียวกันทั้งหมด

ผู้กองเบนซ์
.
ปล. เราไม่สามารถทำให้คนรักได้ 100% แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เราจะไปหยุดทำความดีของเรา

ติดต่องานวิทยากร,อบรมสัมมนา,สนับสนุนช่อง โทร 0944499464 (คุณจี้)

IG : capt.benz
FB : http://www.facebook.com/polcaptbenz
Line@ : captbenz
อ่านบทความ : https://www.blockdit.com/captbenz

Ep.105 | ก่อน “ชี้หน้า” ว่าคนอื่นเลว | เหตุผลที่ห้ามหยุดทำดี | Capt.Benz-ผู้กองเบนซ์

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ก่อนจะว่าคนอื่น ดูตัวเองก่อน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *