Skip to content
Home » [NEW] Grammar: Subject – Verb Agreement หลักการใช้คำกริยาให้สอดคล้องกับประธานในภาษาอังกฤษ | การ ใช้ and – NATAVIGUIDES

[NEW] Grammar: Subject – Verb Agreement หลักการใช้คำกริยาให้สอดคล้องกับประธานในภาษาอังกฤษ | การ ใช้ and – NATAVIGUIDES

การ ใช้ and: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Table of Contents

ประโยคมีองค์ประกอบหลักคือ ประธาน (Subjects) กริยา (Verbs) กรรม (Objects) โดยแต่ละภาษามีกฎไวยากรณ์แตกต่างกันไป ภาษาอังกฤษก็เช่นกัน ที่จะมีกฎในการใช้ประธานและกริยาร่วมกันในประโยค ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องรู้ 

 

กฎการใช้ประธาน (Subjects) และ กริยา (Verbs) ร่วมกันในประโยค
 

กฎข้อที่ 1 : ประธานเอกพจน์ อยู่ใน Present Simple Tense กริยาต้องเป็นเอกพจน์ คือเติม s/es  เช่น

She speaks English very well.
(เธอพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก)
 

The dog barks at the cat.
(สุนัขเห่าแมว)
 

ถ้าประธานพหูพจน์หรือหลายคน หลายสิ่ง กริยาต้องเป็นพหูพจน์ด้วย คือ กริยารูปปกติไม่ต้องเติม s/es เช่น

The dogs bark at the cat.
(พวกสุนัขเห่าแมว)
 

These children live in Tokyo.
(เด็ก ๆ เหล่านี้อาศัยอยู่ในโตเกียว) 

กฎข้อที่ 2 : ประธาน 2 ตัว เชื่อมด้วย and ให้ถือเป็นพหูพจน์ กริยาก็นับเป็นพหูพจน์ด้วย เช่น

Tom and I work until 7:00 p.m. each day.
(ทอมและฉันทำงานจนกระทั่งถึงหนึ่งทุ่มในแต่ละวัน) 
 

Nid and her Japanese husband are moving back to Japan.
(นิดและสามีชาวญี่ปุ่นของเธอกำลังย้ายกลับญี่ปุ่น) 
 

Sugar and Fish sauce are needed for the Thai recipe.
(น้ำตาลและน้ำปลาจำเป็นสำหรับสูตรอาหารไทย) 

กฎข้อที่ 3 : ประธาน 2 ตัวเชื่อมด้วย and แต่คิดเป็นสิ่งเดียวกันหรือเป็นหน่วยเดียวกัน ให้นับเป็นเอกพจน์ กริยาก็เป็นเอกพจน์ เช่น

Rice and omelet is my favorite breakfast.
(ข้าวและไข่เจียวเป็นอาหารเช้าสุดโปรดของฉัน : ในที่นี้หมายถึงข้าวที่มีไข่เจียววางอยู่ในจานเดียวกันคือของชิ้นเดียวกันจึงนับเป็นเอกพจน์) 

กฎข้อที่ 4 : ประธานที่มีคำนามมากกว่า 1 เชื่อมด้วย and ถ้าเป็นคนหรือสิ่งเดียวกัน จะใช้ article ที่ประธานตัวหน้าที่เดียวเท่านั้น เช่น 

The manager and owner of this restaurant is my brother.
(ผู้จัดการและเจ้าของร้านนี้เป็นพี่ชายของฉัน : The manager and owner = ผู้จัดการกับเจ้าของเป็นคนเดียวกัน) 
 

The black and white dog under the table is my girlfriend’s dog.
(สุนัขดำขาวที่อยู่ใต้โต๊ะเป็นสุนัขของแฟนฉันเอง : The black and white dog = สุนัขตัวเดียวมีสองสีคือดำ-ขาว) 
 

ข้อควรระวัง!! ถ้าเป็นคนละคนหรือคนละสิ่งต้องใส่ article ที่หน้าคำนามทั้งสองคำ เช่น

     The manager and the owner of this restaurant are my brothers. (ผู้จัดการและเจ้าของเป็นคนละคนกัน)

     The black and the white dog under the table are my girlfriend’s dogs. (มีหมาสีดำและหมาสีขาว)

กฎข้อที่ 5 : ประธานที่มีคำขยายหรือวลีเหล่านี้ต่อท้าย กริยาจะเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ให้ยึดประธานหรือคำนามที่อยู่ข้างหน้าเป็นหลัก เช่น
 

  accompanied by (พร้อมด้วย)        

  along with (พร้อมด้วย)        

  as well as (เช่นเดียวกับ, และ)   

  besides (นอกจาก)            

  but (ยกเว้น)                       

  except (ยกเว้น)       

  excluding (ไม่นับ)                        

  in addition to (นอกจาก)

  in company with (พร้อมด้วย)         

  including (รวมทั้ง)

  together with (พร้อมด้วย)

 

 

Ploy as well as her parents is going to Europe.
(พลอยและพ่อแม่ของเธอกำลังจะไปยุโรป)
 

My brothers, in addition to my sister, are famous basketball players.
(นอกจากน้องสาวของฉันบรรดาพี่ชายของฉันก็เป็นนักบาสเกตบอลชื่อดังเหมือนกัน)

กฎข้อที่ 6 : ประโยคหรือวลีที่ขยายประธาน ไม่มีผลต่อการใช้กริยาของประธาน เช่น

Zico, with all his players, was on the field.
(ซิโก้กับนักเตะของเขาอยู่ในสนาม)
 

Mr. Clark, like our other neighbors, is very helpful.
(มิสเตอร์คาร์กเหมือนเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ ของพวกเราคือให้การช่วยเหลือเกื้อกูลมาก ๆ) 

กฎข้อที่ 7 : คำต่อไปนี้เมื่อเป็นประธานให้ถือเป็นเอกพจน์ กริยาก็เป็นเอกพจน์เสมอ เช่น
 

  anybody   

  everybody

  someone

  anyone

  everyone

  somebody

  anything

  everything    

  something

  anywhere 

  everywhere 

  somewhere

  each + singular N.          

  either + singular N.         

  neither + singular N.

  each of + Plural N.         

  either of + Plural N.        

  neither of + plural N.

 

Everyone is in the room.
(ทุกคนอยู่ในห้อง) 
 

Someone in the office likes you.
(บางคนในที่ทำงานแอบชอบคุณ)

กฎข้อที่ 8 :  ประธานที่เชื่อมด้วย or, either….or, neither… nor, not only……but also กริยาให้ถือตามประธานตัวหลัง เช่น   

Neither Nantanach nor Naphat likes fish.
(ไม่ว่าจะนันทนัชหรือณภัทรก็ไม่ชอบปลา)
 

Neither Pim nor her friends are leaving.
(ไม่ว่าจะพิมหรือเพื่อน ๆ ของเธอไม่ได้กำลังจะออกไป) 
 

Not only Mark but also his friends are coming to the party tonight.
(ไม่ใช่แต่มาร์กเท่านั้น แต่เพื่อน ๆ ของเขากำลังจะมาปาร์ตี้คืนนี้ด้วยเช่นกัน) 
 

** หมายเหตุ ในกรณีประธาน 2 ตัว มักเอาประธานที่เป็นพหูพจน์ไว้ข้างหลังมากกว่า

กฎข้อที่ 9 : คำต่อไปนี้ถ้าใช้แทนคำนามนับได้ ให้ถือเป็นพหูพจน์เสมอ เช่น

  all     

  both                 

  (a) few

  many   

  several              

  some

 

All were ready to leave the party by midnight.
(ทุกคนพร้อมออกจากงานปาร์ตี้ตอนเที่ยงคืน)
 

 

Many were invited to the lunch but only twelve showed up.
(มีหลายคนถูกเชิญมาทานอาหารกลางวันแต่มีมาแค่ 12 คนเท่านั้น) 

กฎข้อที่ 10 :  จำไว้ว่า ‘There’ และ ‘Here’ ที่ขึ้นต้นประโยคไม่ใช่ประธาน แต่เราจะเจอประธานหลังคำเหล่านี้ในประโยคเสมอ เช่น

There are books in my bag.
(มีหนังสืออยู่ในกระเป๋าของฉัน : are สอดคล้องกับ books ซึ่งเป็นประธานของประโยค)
 

Here is the report you wanted.
(นี่คือรายงานที่คุณต้องการ : is สอดคล้องกับ report ซึ่งเป็นประธานของประโยค)     

กฎข้อที่ 11 : คำนามบางคำที่อยู่ในรูปพหูพจน์ให้ถือเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเป็นเอกพจน์ เช่น

mumps, home economics, social studies economics, measles, calisthenics, statistics, civics, physics, gymnastics, phonics, news, acrobatics, aesthetics, thesis, mathematics
 

Mathematics is an easy subject for some people.
(คณิตศาสตร์เป็นเรื่องง่ายสำหรับบางคน) 
 

Measles is a dangerous disease for pregnant women.
(โรคหัดเป็นโรคอันตรายสำหรับผู้หญิงท้อง) 

กฎข้อที่ 12 :  การใช้วลีบอกปริมาณ มีหลักดังนี้
 

12.1. วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ถ้าตามด้วยนามเอกพจน์ กริยาต้องใช้เอกพจน์ ถ้าตามด้วยนามพหูพจน์กริยาต้องใช้พหูพจน์ เช่น
 

  a lot of

  plenty of

  most of

  some of

  lots of

  all of

  none of

  percent of

เช่น

Some of my jewelry is missing.
(เครื่องประดับบางชิ้นของฉันหายไป) 
 

A lot of books were left on the table.
(หนังสือจำนวนมากเหลืออยู่บนโต๊ะ)        
 

Most of my friends live in Milan.
(เพื่อนของฉันส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่มิลาน)
 

12.2. วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ใช้กับคำนามนับได้ที่เป็นพหูพจน์ และกริยาก็ต้องเป็นพหูพจน์ เช่น
 

  a number of                               

  many

  a large number of                       

  a good many

  a great number of                       

  a great many

 

A number of students were studying very hard in the classroom even after school.
(นักเรียนจำนวนมากกำลังเรียนอย่างคร่ำเคร่งในห้องเรียนแม้จะเป็นหลังโรงเรียนเลิกแล้วก็ตาม)   
  

There are still a large number of problems to be solved.
(ยังมีปัญหาอีกมากให้แก้ไข) 
 

12.3. วลีบอกปริมาณต่อไปนี้ เมื่อใช้กับนามนับไม่ได้ กริยาต้องใช้รูปเอกพจน์ตลอดไป เช่น
 

  much      

  a large number of

  a great deal of               

  a large amount of

  a good deal of               

  a large quantity of

 

A large amount of money was stolen from the bank.
(เงินจำนวนมากถูกขโมยไปจากธนาคาร) 

กฎข้อที่ 13 :  ประโยคที่มี who, which, that เป็น Relative Pronoun กริยาของ Relative Pronoun จะใช้รูปของเอกพจน์หรือพหูพจน์ให้ถือเอาตามคำที่มันแทนซึ่งอยู่ข้างหน้า who, which, that เช่น 

There is a boy who is running in the park.
(มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งคนที่กำลังวิ่งอยู่ในสวน : who = a boy)
 

No houses that were made of wood survived the fire.
(ไม่มีบ้านสักหลังที่สร้างจากไม้แล้วจะรอดจากไฟไหม้ได้ : that = houses) 

กฎข้อที่ 14 :  ประธานที่ขึ้นต้นด้วยวลีที่นำหน้าด้วย to (Infinitive Phrase) หรือ gerund (V.ing) ถือว่าเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเป็นรูปเอกพจน์ เช่น 

To study English is fun.

Studying English is fun.

กฎข้อที่ 15 : ประธานที่เป็นจำนวนเงิน, มาตราต่าง ๆ และช่วงเวลา ถือเป็นเอกพจน์ กริยาจึงเป็นเอกพจน์ เช่น

Ten million bahts is too high for this car.
(สิบล้านบาทมันแพงเกินไปสำหรับรถคันนี้) 
 

Twenty years is a long time to wait.
(ยี่สิบปีเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับการรอคอย) 
 

Sixty-five miles is all we have left to drive.
(หกสิบห้าไมล์คือระยะทั้งหมดที่พวกเราเหลือในการขับรถ)

กฎข้อที่ 16 : ประธานที่เป็นเศษส่วนของคำนามพหูพจน์ กริยาจะเป็นพหูพจน์ และประธานที่เป็นเศษส่วนของคำนามเอกพจน์ กริยาจะเป็นเอกพจน์ เช่น

Two-thirds of the boys are playing football.
(สองส่วนสามของเหล่าเด็กผู้ชายกำลังเล่นฟุตบอล) 
 

One-third of the cheese is moldy.
(หนึ่งส่วนสามของชี้สขึ้นรา) 

กฎข้อที่ 17 :  ชื่อหนังสือ, บทความ, หนัง และเพลง เป็นเอกพจน์เสมอ เช่น

Harold and the Purple Crayon was my favorite book as a child. (Harold and the Purple Crayon คือหนังสือเล่มโปรดของฉันตอนเด็ก ๆ) 

 

 

 

 

 

[NEW] เทคนิคการใช้ Past Tense ในการเล่าเรื่อง ลำดับเหตุการณ์ แบบฉบับเข้าใจง่าย | การ ใช้ and – NATAVIGUIDES

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังงงไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง Past Tense อยู่ตอนนี้ เรามีบทความเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาฝากกันด้วยนะ ซึ่งจะช่วยทำให้เพื่อนๆ เข้าใจมากยิ่งขึ้น แถมยังมีตัวอย่างการใช้อย่างถูกต้องมาให้ดูกันอีกด้วย ถ้าพร้อมแล้ว!!! ก็มาลุยกันได้เลย

การใช้ Past Tense ในการเล่าเรื่อง

Past Tense คือ รูปแบบของคำกริยาที่แสดงถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต แบ่งออกได้เป็น 4 รูปแบบ ได้แก่

1. Past Simple โดยมีโครงสร้างรูปแบบคือ Subject + Verb 2 หรือ Verb เติม ed

2. Past Continuous โดยมีโครงสร้างรูปแบบคือ Subject + was/were + Verb (ing)

3. Past Perfect โดยมีโครงสร้างรูปแบบคือ Subject + had + Verb 3

4. Past Perfect Continuous โดยมีโครงสร้างรูปแบบคือ Subject + had + been + Verb (ing)

ซึ่งในแต่ละรูปแบบ/โครงสร้าง ก็มีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. Past Simple Tense

(Subject + Verb 2 หรือ Verb เติม ed) ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีต มักมีคำหรือกลุ่มคำของอดีตมากำกับด้วย เช่น

  • ago (แต่ก่อน)
  • once (ครั้งหนึ่งในอดีต)
  • yesterday (เมื่อวานนี้)
  • last night (เมื่อคืนก่อน)
  • last month (เมื่อเดือนที่แล้ว)
  • when he was young (เมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก)
  • after they had gone (หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว)

ตัวอย่างประโยค

  • I went to church yesterday. (ฉันไปโบสถ์เมื่อวานนี้)
  • She bought that car last year. (เธอซื้อรถคันนั้นเมื่อปีที่แล้ว)

2. Past Continuous Tense

(Subject + was, were + Verb (ing) ซึ่งมีวิธีการใช้ดังนี้

2.1 ใช้ร่วมกับ Past Simple Tense เมื่อมีเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต โดยให้ใช้ Past Simple Tense กับเหตุการณ์สั้นๆ ที่เกิดขึ้นทีหลัง และใช้ Past Continuous Tense กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนและกำลังดำเนินอยู่ในขณะนั้น เช่น While I was watching the football match, I had a headache. (ขณะที่ฉันกำลังดูการแข่งขันฟุตบอลอยู่นั้น ฉันก็ปวดศีรษะ)

2.2 ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่กำลังดำเนินอยู๋ในอดีตในเวลาเดียวกัน เช่น We were playing while they are studying. (พวกเรากำลังเล่นกัน ขณะที่พวกเขากำลังเรียน )

3. Past Perfect Tense

( Subject + had + Verb 3) มีวิธีการใช้ดังนี้

3.1 ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงในอดีต โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนให้ใช้ Past Perfect Tense ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังให้ใช้ Past Simple Tense เช่น I went to work after I had eaten breakfast.  (ฉันไปทำงานหลังจากที่ได้ทานอาหารเช้า) และ We had learnt Japanese before we went to Japan. (พวกเราได้เรียนภาษาญี่ปุ่นก่อนที่พวกเราจะไปประเทศญี่ปุ่น)

3.2 ใช้กับการแสดงความปรารถนาในสิ่งที่ไม่เป็นจริงที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีต เช่น We wish we had passed the examination. (พวกเขาอยากให้พวกเราสอบผ่าน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพวกเราสอบไม่ผ่าน)

4. Past Perfect Continuous Tense

(Subject + had + been + Verb (ing) มีวิธีการใช้ที่ไม่แตกต่างจาก Past Perfect Tense แต่มีจุดต่างกันตรงที่ Past Perfect Continuous Tense จะเน้นความต่อเนื่องของเหตุการณ์ หรือการกระทำได้ดีกว่า Past Perfect Tense เช่น I had been sleeping for two hours when he came in. (ฉันได้นอนหลับต่อเนื่องมาเป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว เมื่อตอนที่เขาเข้ามา)

——————————————————

ปล. เคล็ดลับส่งท้าย… อันแรกที่เราควรทำในการเรียนเรื่อง Past Tense ก็คือ ต้องจำโครงสร้างให้ได้เสียก่อน แล้วก็ลองสร้างภาพ ลำดับเหตุการณ์ดีๆ ก็จะทำให้เราสามารถเขียนได้อย่างถูกต้อง

ที่มา : englishbykanjan


Do you กับ Are you ใช้ต่างกันอย่างไร? เข้าใจง่ายๆ ไม่มีแกรมม่าร์ – English Tips EP.5


คำถามที่ขึ้นต้นด้วย Do you กับ Are you มักจะเป็นสิ่งที่หลายๆคนสับสนและยังไม่รู้ว่าควรใช้อันไหนกันแน่ และที่สำคัญมันต่างกันยังไง? ถ้าจะหาคำตอบก็ไม่ได้ยาก แค่ค้นหาในกูเกิลกับยูทูปก็ได้คำตอบแล้ว แต่ทุกคำตอบก็มีแต่ภาษาแกรมม่าร์ คือถ้าไม่รู้แกรมม่าร์ก็แทบจะไม่เข้าใจเลยว่าสรุปแล้วประโยคไหนใช้ Do you ประโยคไหนใช้ Are you เกร็ดความรู้ภาษาอังกฤษวันนี้ผมจะมาอธิบายให้ทุกคนใช้งานกันให้ถูกและเข้าใจง่ายๆในแบบที่คนไม่รู้แกรมม่าร์ก็ใช้ได้ มาดูกันว่ายังไง
EnglishTips
อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษตัวต่อตัว หรือเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบบุฟเฟ่ต์
สมัครได้เลย ​https://www.unfoxenglish.com/
สอบถามแอดไลน์ ​https://lin.ee/5uEdKb7h

ติดตามช่องทางอื่นๆ และพูดคุยกันได้ที่
ชุมชนคนรักภาษาอังกฤษ https://www.unfoxenglish.com
FB: https://www.facebook.com/unfoxenglish
Twitter: https://www.twitter.com/unfoxenglish
Lacta’s IG: https://www.instagram.com/lactawarakorn
Bell’s IG: https://www.instagram.com/toshiroz
ติดต่องาน
Email: [email protected]
Line: http://nav.cx/oOH1Q6T

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Do you กับ Are you ใช้ต่างกันอย่างไร? เข้าใจง่ายๆ ไม่มีแกรมม่าร์ - English Tips EP.5

Conjunction คำเชื่อมฉันกับเธอ and, so, because, but | by Teacher June Jr


นักเรียนคนใดที่สงสัยในเรื่องอะไรสามารถคอมเม้นท์ไว้ใต้คลิปได้เลยนะคะ
ทำการบ้านด้วยล่ะ 🙂

Conjunction คำเชื่อมฉันกับเธอ and, so, because, but | by Teacher June Jr

วิธีการใช้ Antigen Test Kit ทางน้ำลาย(ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเอง) | เฮลธิแมกซ์


ชุดตรวจโควิด19 ด้วยตนเอง Antigen Test Kit ทางน้ำลายคืออะไร มีวิธีการใช้แบบไหน เหมาะสำหรับใครในการใช้ตรวจเบื้องต้น และมีวิธีการปฎิบัติตัวอย่างไรหลังทราบผลเชื้อ เพื่อจะได้ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่ครอบครัว คนที่ใกล้ชิด และเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม
.
🔴กรณีผลทดสอบ Positive (พบเชื้อ)
สามารถเข้าสู่ระบบการรักษาได้ โดยลงทะเบียนทางสายด่วน 1330 กด 14 หรือ
ลงทะเบียน\rด้วยตนเอง ผ่านเว็บไซต์ https://crmsup.nhso.go.th/ จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อสอบถาม\rข้อมูล และอาจนำเข้าสู่ระบบ Home Isolation
(อ้างอิง : https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2150945)
.
🟢กรณีผลทดสอบ Negative (ไม่พบเชื้อ)
หากเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ควรทำการแยกตัว และควรทำการทดสอบซ้ำ ภายใน 35 วัน\r
หากปรากฏอาการของโควิด ควรทำการทดสอบซ้ำทันที
.
📌คลิปวิดีโอนี้จัดทำขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ แก่บุคคลทั่วไป บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการนำคลิปวิดีโอนี้ไปตัดต่อ ดัดแปลงสำหรับการเผยแพร่เพื่อประโยชน์ในทางการค้า โดยทุกท่านสามารถรับชมคลิปวิดีโอฉบับเต็มผ่านทาง ช่องทาง HealthyMax Channel

RapidAntigenTest COVID19 โควิด19
ชุดตรวจโควิด ป้องกันโควิด
วิธีการใช้ชุดตรวจโควิด วิธีใช้RapidTest
วิธีตรวจโควิดด้วยตัวเอง ตรวจโควิดด้วยตัวเอง
ตรวจโควิดน้ำลาย ที่ตรวจโควิดแบบน้ำลาย
ที่ตรวจโควิดด้วยตัวเอง
HealthyMax​
สุขภาพดีทุกจังหวะชีวิต​
HealthyMaxMarket​
โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์​
ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก​
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล​
โรงพยาบาลพระรามเก้า​
โรงพยาบาลวิมุต
ศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค​
ไอคอนสยาม​
.
อย่าลืม‼ กดติมตาม \u0026 กดไลค์กดแชร์ 👇
Youtube : HeathyMaxChanel https://bit.ly/3hC33eD​
.
ONLINE SHOP สินค้าคัดสรร ครบครันห่วงใย ใส่ใจสุขภาพ
ได้ที่…healthymaxmarket.com https://bit.ly/2XJcMaR​
.
💬สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเภสัชกร
และทีมงานร้านเฮลธิแมกซ์ทุกสาขา หรือช่องทาง Online
.
Facebook : Healthymax Club http://bit.ly/2QBWoUu​
Line : @HealthyMax https://bit.ly/3eZO3Wi​
Instagram : healthymax.club https://bit.ly/3cCW1mW​
📞Call Connect : 02 138 3838

วิธีการใช้ Antigen Test Kit ทางน้ำลาย(ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเอง) | เฮลธิแมกซ์

\”Pre Honeymoon\” วันแรกกับการใช้ชีวิตคู่!! ของนิวและเมษา [MaysaNewChapter]


ชีวิตวันแรกหลังการแต่งงาน มาอยู่ด้วยกัน 2 คน ถือซะว่ามา Pre Honeymoon ซะเลย จะทำอะไรกันบ้างน๊าาาาา ไปดูกันเลย!!
ติดตามชมคลิปใหม่ก่อนใครได้ที่ : https://bit.ly/2Uttk5q
ติดตามแฟนเพจได้ที่ : https://bit.ly/3dFlZHy
PreHoneymoon วันแรกกับการใช้ชีวิตคู่ นิวและเมษา นิวชัยพล NewChaiyapol ชีวิตหลังแต่งงานวันแรก staycation siamkempinskihotelbangkok

\

เกี่ยวข้าวจีบสาวบ้านป่าไปด้วยสาวพรศรีน่ารักมากEP65


เกี่ยวข้าวจีบสาวบ้านป่าไปด้วยสาวพรศรีน่ารักมากEP65

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ การ ใช้ and

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *