Skip to content
Home » [NEW] Grammar: หลักการใช้ Infinitive ในภาษาอังกฤษ | in order to การใช้ – NATAVIGUIDES

[NEW] Grammar: หลักการใช้ Infinitive ในภาษาอังกฤษ | in order to การใช้ – NATAVIGUIDES

in order to การใช้: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Table of Contents

เมื่อพูดถึงคำกริยาในภาษาอังกฤษ ต้องได้ยินคำว่า Infinitive ซึ่งมีทั้ง Infinitive with to และ Infinitive without to ที่หลายคนเข้าใจ แต่บางคนลืม ๆ ไป เอ๊ะ! คืออะไร เรามาทบทวนและทำความเข้าใจหลักการใช้ Infinitive ในภาษาอังกฤษกันหน่อยดีกว่า

Infinitive คือ คำกริยารูปปกติ หรือคำกริยาช่อง 1 ซึ่งแบ่งเป็นสองประเภท คือ

1. Infinitive with to

Infinitive with to คือ คำกริยาช่อง 1 ที่มี to นำหน้า เช่น
to talk
to think
to sleep
to watch
to have

หน้าที่ของ Infinitive with to

1. ทำหน้าที่เป็นคำนามซึ่งเป็นประธานของประโยค เช่น

    To learn is important.
    (การเรียนเป็นสิ่งสำคัญ)

    To listen English music is a good way to learn English.
    (การฟังเพลงภาษาอังกฤษเป็นหนึ่งวิธีที่ดีในการเรียนภาษาอังกฤษ)

2. ใช้ตามหลังคำกริยาแท้ (Main Verb) โดยทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค เช่น

    She wants to learn Italian.
    (เขาต้องการเรียนภาษาอิตาลี)

    Chanatip loves to play football.
    (ชนาธิปชอบเล่นฟุตบอล)

3. ใช้ตามหลังคำคุณศัพท์ (Adjective) บางคำ ทำหน้าที่เป็นเหมือนคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) เพื่อเป็นการบอกเหตุผล เช่น

able

anxious

disappointed

due

eager

glad

happy

keen

likely

lucky

pleased

prepared

proud

ready

sad

surprised

unable

unhappy

unlikely

unwilling

willing

ตัวอย่างประโยค
    She is lucky to have such good friends.
    (เธอโชคดีที่มีเพื่อนดี ๆ มากมาย)

    I’m proud to work with you
    (ฉันภูมิใจที่ได้ทำงานกับคุณ)

และใช้ตามหลังคำคุณศัพท์เหล่านี้เพื่อให้ความคิดเห็น

clever

difficult

easy

foolish

hard

impossible

kind

nice

possible

right

silly

wrong

 

ตัวอย่างประโยค
    It’s easy to sing the song, but it’s very difficult to sing well.
    (มันง่ายที่จะร้องเพลง แต่มันยากมากที่จะร้องให้ไพเราะ)

    It was foolish of him to trespass against the law.
    (มันเป็นความโง่ของเขา ที่ละเมิดกฎหมาย)

4. ใช้ตามหลังคำนามหรือสรรพนาม โดยทำหน้าที่เป็นเหมือนคำคุณศัพท์ (Adjective) ขยายคำนามหรือสรรพนามนั้น เช่น

    I have some jeans to wash.
    (ฉันมีกางเกงยีนที่จะซัก)

    The singer to watch is Ed Sheeran.
    (นักร้องที่ดูอยู่คือ เอ็ด ชีแรน)

5. ใช้แสดงเป้าหมาย, วัตถุประสงค์ หรือใช้ในการตอบคำถาม ‘Why?’ เช่น

    Prawit bought a gorgeous watch to give to his girlfriend.
    (ประวิทย์ซื้อนาฬิกาสุดหรูเพื่อให้แก่แฟนสาวของเขา)

    I went to Nui’s house to do our report.
    (ฉันไปบ้านของนุ้ยเพื่อทำรายงานของพวกเรา)

เราใช้วลี ‘in order to’ (เพื่อที่จะ…) หรือ ‘in order not to’ (เพื่อที่จะได้ไม่…) ในการอธิบายวัตถุประสงค์ เช่น I save money in order to buy the car. (ฉันเก็บเงินเพื่อที่จะซื้อรถ) ซึ่ง Infinitive with to สามารถใช้ในความหมาย ‘in order to’ ได้ เช่น

    She wears high-heeled shoes to look taller. = She wears high-heeled shoes in order to look taller.
    (เธอสวมรองเท้าส้นสูงเพื่อที่จะให้ดูสูงขึ้น)

หลักการใช้ Infinitive with to

1. มักใช้ตามหลังคำกริยาเหล่านี้ ในโครงสร้าง Subject + Verb + Infinitive with to

afford

agree

appear

arrange

ask

attempt

begin

can’t bear

can’t stand

care

cease

choose

claim

continue

decide

demand

deserve

determine

dread

expect

fail

forget

get (be allowed to)

happen

hate

hesitate

hope

hurry

intend

learn

like

love

manage

need

neglect

offer

plan

prefer

prepare

pretend

promise

propose

prove

rail

refuse

regret

remember

seem

start

swear

tend

threaten

try

vow

wait

want

wish

would like
(หมายถึง ปรารถนา,ต้องการ)

yearn

 

ตัวอย่างประโยค
    We agreed to work together.
    (พวกเราตกลงทำงานด้วยกัน)

    I forgot to close the window.
    (ฉันลืมปิดหน้าต่าง)

2. คำกริยาบางตัวตามด้วยกรรมตรง (Direct Objects) และ Infinitive with to ในโครงสร้าง Subject + Verb + Object + Infinitive with to 

advise

allow

ask

cause

challenge

command

encourage

expect

force

get

instruct

intend

invite

lead

order

persuade

remind

teach

tell

urge

want

warn

would like

would prefer

ตัวอย่างประโยค
    He ask me to explain.
    (เขาขอให้ฉันอธิบาย)

    I encouraged my sister to learn Japanese.
    (ฉันสนับสนุนน้องสาวของฉันให้เรียนภาษาญี่ปุ่น)

3. ใช้ตามหลังคำว่า ought (ควรจะ), get used (เคยชิน) และ used (เคย) เช่น

    You ought to do this project by yourself.
    (คุณควรจะทำโปรเจ็กนี้ด้วยตัวคุณเองนะ)

    They get used to live in country.
    (พวกเขาเคยชินกับการอาศัยอยู่ในชนบท)

    I used to learn Italian 10 years ago.
    (ฉันเคยเรียนภาษาอิตาลี 10 ปีมาแล้ว)

4. ใช้ Verb to be + Infinitive with to (V.to be + V.1) หรือ have + Infinitive with to (have to + V.1) ในความหมายว่า ต้อง… เมื่อต้องการออกคำสั่งหรือขอร้อง เช่น

    You are to go now.
    (คุณต้องไปเดี๋ยวนี้)

    In France, you have to drive on the right.
    (ในฝรั่งเศสคุณต้องขับรถทางขวา)

5. เมื่อทำเป็นรูปปฏิเสธ เพียงเติม not ข้างหน้า to เช่น

    We decided not to go out tonight.
    (พวกเราตัดสินใจไม่ออกไปข้างนอกคืนนี้)

    It’s better not to smoke.
    (ไม่สูบบุหรี่มันจะดีกว่านะ)

2. Infinitive without to

Infinitive without to คือคำกริยาช่อง 1 ที่ไม่มี to นำหน้า มีหลักการใช้ดังนี้

1. ทำหน้าที่เป็นคำกริยาหลัก (Main Verb) โดยใช้ตามหลังกริยาช่วย (Auxiliary Verb) verb to do หรือ Modal Verb (will, shall, would, should, can, could, may, might, must) เช่น

    I can play the guitar.
    (ฉันสามารถเล่นกีตาร์ได้)

    Tom will go to London next week.
    (ทอมจะไปลอนดอนสัปดาห์หน้า)

2. ใช้ตามหลังคำกริยาอื่น ๆ ทั่วไปหรือเรียกว่า Special Verb ที่มีกรรมตรง (Direct Object) และคำกริยาที่แสดงถึงการยินยอมหรือให้เหตุผล เช่น watch, see, feel, hear, help, let, make, see เช่น

    I watched them bake the bread.
    (ฉันดูพวกเขาอบขนมปัง)
    watch = Special Verb
    bake = Infinitive without to
    them – Direct Object

    He saw his wife slap the child.
    (เขาเห็นภรรยาของเขาตบลูก)
    saw = Special Verb
    slap = Infinitive without to
    his wife = Direct Object

3. ใช้ตามหลังคำเหล่านี้ had better, need, dare, would rather, would sooner, rather than, but, and, or, except เช่น

    They had better be here before we start dinner.
    (พวกเขาควรอยู่ที่นี่จะดีกว่าก่อนที่พวกเราจะเริ่มดินเนอร์)
    be = Infinitive without to

    You need not wait.
    (คุณไม่จำเป็นต้องรอ)
    wait = Infinitive without to

 

[Update] [Preposition] เทคนิคการใช้บุพบท in, on, at บอกเวลา | in order to การใช้ – NATAVIGUIDES

Prepositions of Time

(

การใช้บุพบท  in

,

on

,

at บอกเวลา

)

 

คำบุพบท คือ  คำที่ใช้บอกตำแหน่ง  บอกสถานที่  บอกทิศทาง  แสดงการเคลื่อนไหว  หรือ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำนาม หรือสรรพนามกับคำอื่นๆ ในประโยค มักตามด้วย Noun, Noun Phrase, Pronoun, Noun Clause หรือ Gerund (V-ing)   ทั้งนี้ คำบุพบทในภาษาอังกฤษมีมากมายเลยล่ะค่ะ แต่ก็มีอยู่บางกลุ่มที่นักเรียนมักใช้ผิดอยู่บ่อยๆ นั่นคือ  in, on, at  ที่ใช้ในการแสดงเวลา และสถานที่ นั่นเองค่ะ   ซึ่งสาเหตุที่เรามักจะใช้ผิดก็เพราะ ส่วนใหญ่มักใช้ตามความหมายแบบไทยๆ ดังนั้น วันนี้ขออนุญาตนำเทคนิคการใช้งานคำบุพบททั้ง 3 คำนี้ มาฝากกันนะคะ

Preposition of time

in, on, at ที่ใช้ในการบอกเวลา

  1. In

    – ใช้กับ ปี  เดือน  ทศวรรษ  ศตวรรษ  ฤดูกาล  เช่น

ใช้กับเดือนต่างๆ

I will move to England in September.

My sister was born in March.

Remark: ถ้ามีวันที่อยู่กับเดือนให้ใช้ “on” นะคะ

ใช้กับปี

เช่น

I started working at Oxbridge Institute in 2012.

He was murdered in 1925

ใช้กับฤดูกาล

เช่น

It isn’t much cold here in the winter.

ใช้กับทศวรรษ

เช่น

We grew up in the 90s

นอกจากนี้เรายังใช้ in ในการบอกช่วงเวลา เช่น  in the morning, in the afternoon, in the evening เช่น

Classes start in the morning and go through the whole day.

 

  1. On

    – ใช้กับ  วันในสัปดาห์   วันที่  หรือวันสำคัญในเทศกาลต่างๆ  เช่น

ใช้กับวันในสัปดาห์

They flew to Japan on Monday.

We usually have an English class on Friday.

Remark: ใช้วันในสัปดาห์โดยบอกช่วงเวลาไว้ด้านหลังก็ยังใช้ on เช่นเดิมค่ะ  เช่น  on Sunday morning, on Friday night

ใช้กับวันที่

My birthday is on January 11.

Remark: ในการใช้ on บอกวันที่  ถึงแม้จะเอาเดือนขึ้นก่อน  แต่ถ้ามีวันที่ตามหลังก็ต้องใช้ on เช่นกันค่ะ

ใช้กับวันสำคัญต่างๆ

There’s a party at the Supakij’ house on Christmas Day.

นอกจากนี้คนอเมริกันเขาใช้ on กับวันหยุดหรือ วันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยค่ะ  คือ on weekend, on holiday

ข้อควรระวัง  เราใช้ on กับวันในสัปดาห์  แต่เนื่องจากคำในภาษาไทย มักใช้ว่า ในวันจันทร์  ในวันอังคาร  บางคนไม่ทันระวังก็มักจะเลือกใช้  in Monday  in Tuesday ซึ่งจริงๆแล้วผิดนะคะ

Remark: เมื่อเราอ่านวันที่ร่วมกับเดือน วิธีอ่านที่ถูกต้องคือ ให้เราอ่านวันที่ก่อน เช่น

               December 25 อ่านว่า “the twenty fifth of December” นะคะ

Preposition-IN-ON-AT

  1. At

    – ใช้บอกเวลาที่เป็นตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกา  เช่น

Yesterday, I got up at 10 o’clock.

The appointment is at 3 p.m.

นอกจากนี้ยังใช้กับสำนวนดังต่อไปนี้  at noon, at night, at midday, at midnight, at lunchtime, at sunrise, at sunset, at dawn, at dusk, at bed time, at present, at the moment, at the same time  เช่น

I’ll see you at lunchtime.

At sunrise everything is luminous but not clear.

I don’t eat anything at night.

**  ข้อควรระวังในการใช้คำบุพบทบอกเวลาคือ  คำแสดงเวลาบางคำไม่ต้องการบุพบท เช่น  today, tomorrow, yesterday  และคำบอกเวลาที่ขึ้นต้นด้วย  last, next, every, this เป็นต้น  เช่น

I went to Samed yesterday.

Santi will go to Singapore next week.

Somsri has a piano class every Sunday.

กฏเกณฑ์ในภาษาอังกฤษมีหลากหลาย แต่จะง่ายขึ้นถ้าฝึกใช้บ่อยๆนะคะ ^^

OXBRIDGE IELTS Institute


สมัครใช้งานระบบ MyOrder


สอบถามเพื่อใช้งานได้ที่ https://www.facebook.com/myorderai
เว็ปไซต์ของเรา https://www.myorder.ai

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

สมัครใช้งานระบบ MyOrder

การใช้ COUNT, SUM, AVG ,ORDER BY ในภาษา SQL


การใช้ COUNT, SUM, AVG ,ORDER BY ในภาษา SQL

นั่นไงบ้านมัน! ผีเด็กหันมามอง


ช่องเด็กฝึกงานโอ๊ค : Thep Oak
Facebook fan page: https://www.facebook.com/hasan00300/

ติดต่อโฆษณา
[email protected]

นั่นไงบ้านมัน! ผีเด็กหันมามอง

Live พูดคุยกับหัวหน้าโจนเมล็ดพันธุ์คือชีวิต และกองทุนเมล็ดพันธุ์สาธารณะ\”


Live พูดคุยกับหัวหน้าโจน
\”เมล็ดพันธุ์คือชีวิต
และกองทุนเมล็ดพันธุ์สาธารณะ\”

Live พูดคุยกับหัวหน้าโจนเมล็ดพันธุ์คือชีวิต และกองทุนเมล็ดพันธุ์สาธารณะ\

การใช้ IT ในองค์กร


การใช้ IT ในองค์กร
“สื่อการสอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ThaiMOOC (thaimooc.org) และเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาตสิทธิ์แบบ Creative Commons ด้วยเงื่อนไข CC BY NC SA”

การใช้ IT ในองค์กร

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ in order to การใช้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *