Skip to content
Home » [NEW] Grammar: การใช้คำนามคู่กับคำบุพบทต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ (Nouns + Prepositions Combinations) | nounคือ – NATAVIGUIDES

[NEW] Grammar: การใช้คำนามคู่กับคำบุพบทต่าง ๆ ในภาษาอังกฤษ (Nouns + Prepositions Combinations) | nounคือ – NATAVIGUIDES

nounคือ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

การใช้คำนาม (Nouns) ตามด้วยคำบุพบท (Prepositions)

Nouns + Preposition ‘to’

Nouns + to

ความหมาย

access to

ทางเข้า

an addiction to

การติดยาเสพติด

allusion to

การพาดพิงถึง, การอ้างถึง, การพูดถึง

an alternative to

โอกาสในการเลือก

an attitude to

ทัศนคติ

approach to

การเข้าใกล้, วิธีการ

change to

การเปลี่ยนแปลง, เงินทอน, การต่อรถ

concern to

ความสัมพันธ์, ความเกี่ยวพัน

a contribution to

การบริจาค, การช่วยเหลือ, การอุดหนุน

a damage to something

การทำร้าย, ความเสียหาย, ผลเสีย

dedication to

การอุทิศให้

desire to

ความปรารถนา

devotion to

การอุทิศ, ความจงรักภักดี

an exception to

การยกเว้น, ข้อยกเว้น

an introduction to

การแนะนำ

invitation to

การเชิญ

newcomer to

สมาชิกใหม่, ผู้มาใหม่

a reaction to something

การตอบสนอง

reason to

เหตุผล

a reference to

การอ้างอิง

relevance to

ความสัมพันธ์กัน

a reply to

การตอบ, คำตอบ

some resistance to

การต่อต้าน, ความอดทน

a response to

การตอบสนอง, การตอบโต้, คำตอบ

a solution to

วิธีการ, วิธีแก้, ทางออก

transition to

การส่งผ่าน, การเปลี่ยน

a threat to

การคุกคาม, การขู่เข็ญ

visit to

การไปเยี่ยม, การไปมาหาสู่

Ex. The only access to the building is from this direction.
(ทางเข้าตึกคือจากทางนี้เท่านั้น)

Ex. Thanks for your contribution to the project.
(ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของคุณต่อโปรเจ็กนี้)

Ex. Her dedication to her job led to her promotion.
(การอุทิศตนต่องานของเธอ ทำให้เธอได้เลื่อนตำแหน่ง)

Nouns + Preposition ‘for’

Nouns + for

ความหมาย

admiration for

การชมเชย, การยกย่องสรรเสริญ

advertisement for

การโฆษณา, การประกาศ, การแจ้งความ

approval for

การเห็นด้วย, การอนุญาต

arguments for

การโต้แย้ง, การโต้เถียง, ข้อพิสูจน์

a bid for

การให้ราคา

case for

เหตุการณ์, คดี, เรื่องราว

a check for (an amount of money)

เช็กเงินสด (จำนวนเงิน)

credit for

สินเชื่อ, ความไว้วางใจ

cure for

การฟื้นฟู, การรักษา, การแก้ไขปัญหา

a demand for something

ความต้องการ

an exception for

ข้อยกเว้น

fondness for

ความชอบ, ความรัก, ความงมงาย

hatred for

ความเกลียดชัง

love for

ความรัก

a need for something

ความจำเป็น, ความต้องการ

order for

คำสั่ง, ใบสั่งซื้อ

a preference for

ความพึงใจ, การชอบมากกว่า

a reason for something

เหตุผล

recipe for

วิธีการ, วิธีปรุง, ตำราอาหาร

a reputation for

ชื่อเสียง, ความโด่งดัง

request for

การเรียกร้อง, การขอร้อง

some respect for

ความเคารพนับถือ

some responsibility for

ความรับผิดชอบ

room for

ที่ว่าง, ห้อง

a substitute for

ผู้แทน, ตัวแทน

search for

การค้นหา, การตรวจสอบ

a talent for

ความสามารถพิเศษ, พรสวรรค์

thirst for

ความกระหาย, ความต้องการ

Ex. I will send you a check for 50,000 baht.
(ฉันจะส่งเช็กให้คุณ 50,000 บาท)

Ex. That’s a sure recipe for failure.
(นั่นเป็นวิธีการที่ล้มเหลวแน่นอน)

Ex. They kindly made room for me to sit down.
(พวกเขาใจดีแบ่งที่ว่างสำหรับให้ฉันนั่ง)

Nouns + Prepositions ‘with

Nouns + with

ความหมาย

argument with

การโต้แย้ง, การถกเถียง

concern with

ความสัมพันธ์, ความเกี่ยวพัน

connection with something

การติดต่อ, ความสัมพันธ์

a contact with

การติดต่อ, การพบปะ

contrast with

ความแตกต่าง, การเปรียบเทียบ

date with

การนัดหมาย, คู่นัดหมาย

some dealings with

การค้า, ธุรกิจ, การติดต่อ

difficulty with

ความยากลำบาก, ความยุ่งยาก

some involvement with

การเกี่ยวข้อง, การเกี่ยวโยง

link with

การเชื่อมต่อ

matter with

สาระ, เนื้อหา, ภารกิจ

meeting with

การพบกัน, การประชุม

quarrel with

การทะเลาะ, ข้อพิพาท

a relationship with something

ความสัมพันธ์

some sympathy with

ความเห็นอกเห็นใจ, การเข้าข้าง, การเห็นพ้องต้องกัน

trouble with

ความลำบาก, ปัญหา, อุปสรรค

Ex. Tuu had a big argument with Pom.
(ตู่มีการโต้เถียงอย่างรุนแรงกับป้อม)

Ex. I’ve got a dinner date with Ananda on Sunday.
(ฉันมีนัดดินเนอร์กับอนันดาในวันอาทิตย์)

Nouns + Preposition ‘of’

Nouns + of

ความหมาย

address of

ที่อยู่

an advantage of something

ผลประโยชน์, ความได้เปรียบ, ข้อดี

awareness of

การรับรู้, ความตระหนัก, สติ

benefit of

ผลประโยชน์, ข้อได้เปรียบ

a cause of something

สาเหตุ

a disadvantage of something

ข้อเสีย

example of

ตัวอย่าง

exhibition of

งานนิทรรศกการ, งานมหกรรม

experience of

ประสบการณ์

a fall of

การตก, การลดลง, ฤดูใบไม้ร่วง

fear of

ความกลัว

grasp of

การจับ, การคว้า, ความสามารถในการเข้าใจ

a habit of

นิสัย, กิจวัตร, ธรรมเนียม

an increase  of

การเพิ่มขึ้น, จำนวนที่เพิ่มขึ้น

knowledge of

ความรู้

a lack of

ความขาดแคลน

love of

ความรัก

member of

สมาชิก

memory of

ความทรงจำ, ความจำ

method of

วิธีการ, แบบแผน

price of

ราคา

a photograph / picture of something

ภาพถ่าย

possibility of

สิ่งที่เป็นไปได้, ความเป็นไปได้

problem of

ปัญหา

a process of

ขั้นตอน, กระบวนการ

relevance of

ความสัมพันธ์กัน

a result of

ผลลัพธ์

risk of

ความเสี่ยง

understanding of

ความเข้าใจ

way of

วิธี, แนวทาง

Ex. I knew that you wouldn’t take advantage of me!
(ฉันรู้ว่าคุณไม่เอาผลประโยชน์จากฉันหรอก)

Ex. He was unsuccessful, but it wasn’t for lack of trying.
(ถึงเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่เคยขาดความพยายาม)

Ex. Anyone over 40 has a risk of a heart attack.
(คนวัย 40 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงจะเป็นโรคหัวใจ)

Nouns + Preposition ‘in’

Nouns + in

ความหมาย

belief in

ความเชื่อ, ความมั่นใจ

change in

ความเปลี่ยนแปลง

course in

ช่วงเวลา, เส้นทาง, หลักสูตร

a decrease in something

การลดลง, การบรรเทา

a delay in

ความล่าช้า, ความเฉื่อยชา

difference in

ความแตกต่าง

difficulty in

ความยากลำบาก

experience in

ประสบการณ์

a fall in something

การตก, การลดลง, ฤดูใบไม้ร่วง

growth in

การเจริญเติบโต, การพัฒนา

an increase in something

การเพิ่มขึ้น, จำนวนที่เพิ่มขึ้น

interest in

ความสนใจ

lesson in

บทเรียน, ชั่วโมงเรียน

participation in

การเข้าร่วม, การมีส่วนร่วม

place in

สถานที่

a rise in something

การเพิ่มขึ้น

success in

ความสำเร็จ

Ex. Her belief in God is very strong.
(ความเชื่อในพระเจ้าของเธอแข็งแกร่งมาก)

Ex. I have not the least interest in your plan.
(ฉันไม่สนใจในโครงการของคุณแม้แต่น้อย)

ข้อสังเกต : คำว่า increases และ decreases สามารถตามด้วย preposition ‘in’ หรือ ‘of’ ก็ได้ โดย in จะพูดถึงสิ่งที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ส่วน of พูดถึงปริมาณหรือจำนวน

Nouns + Prepositions ‘on’

Nouns + on

ความหมาย

an agreement on

การเห็นพ้อง, การเห็นด้วย

an attack on

การโจมตี

a ban on

คำสั่งห้าม, การห้าม

an effect on

ผล, อิทธิพล

an expert on

ผู้เชี่ยวชาญ, ผู้ชำนาญ

a tax on

ภาษี

a constraint on

ข้อจำกัด

a curb on

ริม, ขอบ

a speech on

คำพูด, การพูด

Ex. Mark is expert on computer games.
(มาร์กเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เกมส์)

Ex. This medicine has an important bad effect on your health.
(ยานี้มีผลร้ายอย่างมากต่อสุขภาพของคุณ)

Other Prepositions

Nouns + Prepositions

ความหมาย

anger at

ความโกรธ

an expert at

ผู้เชี่ยวชาญ, ผู้ชำนาญ

bill by

ใบแจ้งหนี้, ใบเก็บเงิน

vase by

แจกัน, โถ, กระถาง

book by

หนังสือ

bond between

ข้อผูกมัด, พันธการ

contact between

การติดต่อสื่อสาร

difference between

ความแตกต่าง

Ex. You can’t judge a book by its cover.
(คุณไม่สามารถตัดสินหนังสือได้จากปกของมัน)

Ex. What is the difference between every day and everyday?
(อะไรคือความแตกต่างระหว่าง every day และ everyday)

 

 

[Update] Pronoun คืออะไร พร้อมตัวอย่างประโยค | nounคือ – NATAVIGUIDES

Pronoun เป็นหัวข้อหนึ่งในภาษาอังกฤษที่สำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่ใช้บ่อยและเป็นพื้นฐานในการเรียนแกรมม่าเรื่องอื่นๆ

ในบทความนี้ ชิววี่จะมาอธิบายเกี่ยวกับ pronoun ว่ามันคืออะไร มีการใช้อย่างไร และมีตัวอย่างประโยคอะไรบ้าง ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Pronoun คืออะไร

Pronoun (คำสรรพนาม) คือคำที่ใช้แทนคำนาม เพื่อความสะดวกและความกระชับในการใช้ภาษา อย่างเช่นคำว่า I, you, he, she, it, we, they, everyone, someone เป็นต้น

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น

John is my friend. He lives in the same town with me.
จอห์นเป็นเพื่อนฉัน เขาอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกันกับฉัน

สังเกตว่า เราจะไม่ใช้ John ซ้ำในประโยคที่ 2 แต่จะเปลี่ยนไปใช้ he แทน คำว่า he ในที่นี้ก็คือ pronoun ซึ่งเป็นคำที่ใช้แทนคำนาม John นั่นเอง

ในภาษาอังกฤษ เมื่อเรากล่าวซ้ำถึงคำนามใด หรือเมื่อเรากล่าวถึงสิ่งที่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังรู้กันอยู่แล้วว่าหมายถึงสิ่งไหน เราจะเปลี่ยนไปใช้ pronoun แทน

ตัวอย่างคำ pronoun มีอะไรบ้าง

Pronoun พื้นฐาน 7 ตัว

Pronoun พื้นฐานจะมีอยู่ 7 ตัวคือ I, you, he, she, it, we, they โดยทั้ง 7 ตัวนี้จะมีความพิเศษตรงที่ว่ามันมีหลายรูป เราจะต้องเลือกใช้รูปให้ตรงกับหน้าที่ในประโยค

Pronoun
ทำหน้าที่
เป็นประธานPronoun
ทำหน้าที่
เป็นกรรมPronoun
แสดงความเป็นเจ้าของPronoun สะท้อนIMeMineMyselfYouYouYoursYourself/YourselvesHeHimHisHimselfSheHerHersHerselfItItItsItselfWeUsOursOurselvesTheyThemTheirsThemselves

สำหรับ pronoun พื้นฐาน 7 ตัวนี้ ถ้าใช้เป็นประธานในประโยค เราจะต้องใช้รูปประธาน ซึ่งก็คือ I, you, he, she, it, we, they

She called me yesterday.
เธอโทรหาฉันเมื่อวาน

ถ้าใช้เป็นกรรม (ผู้ถูกกระทำ) ในประโยค เราจะต้องใช้รูปกรรม ซึ่งก็คือ me, you, him, her, it, us, them

I called her yesterday.
ฉันโทรหาเธอเมื่อวาน

ถ้าใช้บอกความเป็นเจ้าของ เราจะต้องใช้รูปแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งก็คือ mine, yours, his, hers, its, ours, theirs

This bag is hers.
กระเป๋าใบนี้เป็นของเธอ

ถ้าประธานและกรรมเป็นบุคคลหรือสิ่งเดียวกัน การใช้ pronoun เป็นกรรม เราจะต้องใช้รูปสะท้อน ซึ่งก็คือ myself, yourself, yourselves, himself, herself, itself, ourselves, themselves

She can take care of herself.
เธอสามารถดูแลตัวเองได้

Pronoun ชนิดอื่นๆ

นอกจาก pronoun พื้นฐานเหล่านี้แล้ว ยังมี pronoun ชนิดอื่นๆอีก อย่างเช่น

Interrogative pronoun (คำสรรพนามที่ใช้ในคำถาม) เช่น what, which, who, whom, whose

Indefinite pronoun (คำสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะ) เช่น everybody, everyone, everything, somebody, someone, something, some, anybody, anyone, anything, any, nobody, no one, nothing, neither, none

Relative pronoun (คำสรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยคหรือขยายคำนาม/คำสรรพนาม) เช่น who, whom, whose, which, that, where, when, why

Pronoun เหล่านี้แต่ละตัวก็จะมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เราควรเรียนรู้วิธีการใช้เสียก่อน เพื่อที่จะได้นำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง

คำสรรพนามบุรุษที่ 1, 2, 3

เราสามารถแบ่งประเภท pronoun เป็นสรรพนามบุรุษต่างๆได้ 3 ประเภท คือ

สรรพนามบุรุษที่ 1 (first-person pronouns) คือคำสรรพนามที่ใช้แทนผู้พูด อย่างเช่นคำว่า

I – ฉัน
We – พวกเรา

สรรพนามบุรุษที่ 2 (second-person pronouns) คือคำสรรพนามที่ใช้แทนผู้ฟัง อย่างเช่นคำว่า

You – คุณ, พวกคุณ

สรรพนามบุรุษที่ 3 (third-person pronouns) คือคำสรรพนามที่ใช้แทนบุคคลอื่น (ผู้ที่อยู่นอกวงสนทนา) อย่างเช่นคำว่า

He – เขา
She – เธอ
It – มัน
They – พวกเขา

คำบุรุษสรรพนามกับแกรมม่า

ในภาษาอังกฤษ การใช้คำสรรพนามบุรุษที่ 3 ที่เป็นเอกพจน์ (มีจำนวนหนึ่งหน่วย) อย่างเช่น he, she, it เราจะต้องใช้คำกริยารูปเอกพจน์ เมื่อใช้คำกริยาช่อง 1 (เช่น is, does, has, คำกริยาที่เติม s/es)

She eats spicy food regularly.
เธอกินอาหารเผ็ดเป็นประจำ

It is cute.
มันน่ารักจัง

แต่ถ้าเป็นคำสรรพนามพหูพจน์ หรือคำสรรพนามบุรุษอื่น เราจะต้องใช้คำกริยารูปพหูพจน์ (เช่น are, do, have, คำกริยาที่ไม่เติม s/es)

I eat spicy food regularly.
ฉันกินอาหารเผ็ดเป็นประจำ

You are cute.
คุณน่ารักจัง

ตัวอย่าง pronoun ในประโยค

เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เรามาดูตัวอย่างประโยคการใช้ pronoun พื้นฐานทั้ง 7 ตัวกัน

1. I

I แปลว่า “ฉัน, ผม, ดิฉัน” ใช้เป็นประธานในประโยค

I want to be a lawyer.
ฉันอยากเป็นทนาย

ถ้าใช้เป็นกรรม เราจะใช้ me

My mom want me to be a lawyer.
แม่อยากให้ฉันเป็นทนาย

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของฉัน” เราจะใช้ mine

This pen is mine.
ปากกาด้ามนี้เป็นของฉัน

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “ฉัน” เราจะใช้กรรมเป็น myself

I believe in myself.
ฉันเชื่อในตัวฉันเอง

2. You

You แปลว่า “คุณ, พวกคุณ” ใช้เป็นประธานในประโยค

You are a good student.
คุณเป็นนักเรียนที่ดี

You are good students.
พวกคุณเป็นนักเรียนที่ดี

การใช้เป็นกรรม เราจะใช้รูปเดียวกับประธาน เพราะคำว่า you มีรูปประธานและรูปกรรมเหมือนกัน

I don’t want you to be sad.
ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของคุณ/พวกคุณ” เราจะใช้ yours

My umbrella is broken. Can I borrow yours?
ร่มฉันพัง ขอฉันยืมของคุณได้มั้ย

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “คุณ/พวกคุณ” เราจะใช้กรรมเป็น yourself/yourselves

You should be proud of yourself.
คุณควรภูมิใจในตัวเอง

3. He

He แปลว่า “เขา” (ใช้กับบุคคลอื่นที่เป็นเพศชาย) ใช้เป็นประธานในประโยค

Tim lives together with me. He is my roommate.
ทิมอาศัยอยู่ด้วยกันกับฉัน เขาเป็นรูมเมทของฉัน

ถ้าใช้เป็นกรรม เราจะใช้ him

Tim is my roommate. I live together with him.
ทิมเป็นรูมเมทของฉัน ฉันอาศัยอยู่ด้วยกันกับเขา

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของเขา” เราจะใช้ his

The black bag is mine, and the green one is his.
กระเป๋าใบสีดำเป็นของฉัน และใบสีเขียวเป็นของเขา

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “เขา” เราจะใช้กรรมเป็น himself

He called himself a clever man.
เขาเรียกตัวเองว่าคนฉลาด

4. She

She แปลว่า “เธอ” (ใช้กับบุคคลอื่นที่เป็นเพศหญิง) ใช้เป็นประธานในประโยค

She told me her secret.
เธอบอกความลับของเธอแก่ฉัน

ถ้าใช้เป็นกรรม เราจะใช้ her

I told her my secret.
ฉันบอกความลับของฉันแก่เธอ

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของเธอ” เราจะใช้ hers

This book isn’t hers.
หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่ของเธอ

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “เธอ” เราจะใช้กรรมเป็น herself

She looks at herself in the mirror every morning.
เธอมองตัวเองในกระจกทุกเช้า

5. It

It แปลว่า “มัน” (ใช้กับสัตว์หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิต) ใช้เป็นประธานในประโยค

This book is amazing. It was written by my uncle.
หนังสือเล่มนี้เยี่ยมมาก มันถูกเขียนโดยคุณลุงของฉันเอง

การใช้เป็นกรรม เราจะใช้รูปเดียวกับประธาน เพราะคำว่า it มีรูปประธานและรูปกรรมเหมือนกัน

This book is amazing. I just bought it yesterday.
หนังสือเล่มนี้เยี่ยมมาก ฉันเพิ่งซื้อมันมาเมื่อวาน

คำว่า it แม้จะมีรูปสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของเป็น its แต่เราจะไม่นิยมใช้กัน ถ้าจะใช้ ให้เราเลี่ยงไปใช้คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของแทน ซึ่งจะเขียนว่า its เหมือนกัน แต่เวลาใช้ต้องมีคำนามตามหลัง

This milk is past its expiration date.
นมอันนี้เลยวันหมดอายุแล้ว
(Its ในที่นี้เป็นคำคุณศัพท์ เวลาใช้ต้องมีคำนามตามหลัง เราจะไม่นิยมใช้คำว่า its เป็นคำสรรพนาม)

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “มัน” เราจะใช้กรรมเป็น itself

The cat is licking itself.
แมวกำลังเลียตัวมันเอง

6. We

We แปลว่า “พวกเรา” ใช้เป็นประธานในประโยค

We have been married for nearly three years.
พวกเราแต่งงานกันเกือบ 3 ปีแล้ว

ถ้าใช้เป็นกรรม เราจะใช้ us

The teacher told us to be quiet.
ครูบอกให้พวกเราเงียบ

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของพวกเรา” เราจะใช้ ours

This land is ours.
ดินแดนแห่งนี้เป็นของพวกเรา

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “พวกเรา” เราจะใช้กรรมเป็น ourselves

We have rights to protect ourselves.
พวกเรามีสิทธิที่จะป้องกันตัวเอง

7. They

They แปลว่า “พวกเขา” ใช้เป็นประธานในประโยค

They went on a trip to France last week.
พวกเขาไปเที่ยวฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ก่อน

ถ้าใช้เป็นกรรม เราจะใช้ them

I had lunch with them yesterday.
ฉันกินข้าวเที่ยงกับพวกเขาเมื่อวาน

ถ้าใช้กับ “สิ่งที่เป็นของพวกเขา” เราจะใช้ theirs

This land isn’t theirs.
ดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่ของพวกเขา

ถ้าทั้งประธานและกรรมคือ “พวกเรา” เราจะใช้กรรมเป็น themselves

Many children have to look after themselves.
เด็กหลายๆคนต้องดูแลตัวเอง

เป็นยังไงบ้างครับกับ pronoun ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะรู้จักและพอจะใช้ pronoun กันเป็นแล้ว ถ้ายังไงก็อย่าลืมหมั่นทบทวนและฝึกใช้บ่อยๆด้วยนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


คำนานพหูพจน์ ที่เปลี่ยนรูปไปจากเดิม (irregular plural noun) | Eng ลั่น [by We Mahidol]


ถ้าเราเห็นหนูหนึ่งตัว เราก็บอกว่า “I saw a mouse.” แต่ถ้ามีหนู 3 ตัวล่ะ? เราจะต้องใช้คำว่าอะไร? ระหว่าง
a. I saw 3 mouses.
b. I saw 3 mice.
คำนามเอกพจน์ คำนามพหูพจน์ โอ๊ย แค่ได้ยินแค่ชื่อก็มึนหัวจะตายอยู่แล้ว! เช่น apple ถ้ามีมากกว่าหนึ่งลูกก็เปลี่ยนเป็น apples แต่รู้หรือเปล่า? โลกเราไม่ได้ง่ายแบบนั้นเสมอไป เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า irregular plural noun อยู่ มันคืออะไร? มีอะไรบ้าง? วันนี้พี่คะน้า รุ่นพี่วิทยาลัยนานาชาติ ม.มหิดล จะมายกตัวอย่างคำนามที่เปลี่ยนรูป เปลี่ยนจนบางทีเราจำไม่ได้ ไปดูกันเลยดีกว่า
WeMahidol Mahidol Engลั่น irregularpluralnoun
YouTube : We Mahidol
Facebook : http://www.facebook.com/wemahidol
Instagram : https://www.instagram.com/wemahidol/
Twitter : https://twitter.com/wemahidol
TikTok : https://www.tiktok.com/@wemahidol
มหาวิทยาลัย มหิดล Mahidol University : https://www.mahidol.ac.th/th/
Website : https://channel.mahidol.ac.th/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

คำนานพหูพจน์ ที่เปลี่ยนรูปไปจากเดิม (irregular plural noun) | Eng ลั่น [by We Mahidol]

Abstract Noun คืออะไร


Abstract Noun (อาการนาม) คือ คำนามที่บอกอาการ หรือสภาวะต่างๆ มักจะเป็นคำที่ขึ้นต้นด้วย การ ความ เช่น ความสุข ความรู้ การพูด เป็นต้น จะทำหน้าที่ เป็นคำนามที่นับไม่ได้
Abstract Noun เกิดจาก 3 กรณี ด้วยกัน คือ
1. เกิดจากคำ adj. เช่น happy (adj.) happiness (n.) ความสุข
2. เกิดจาก verb เช่น live (v.) อาศัย life (n.) ชีวิต
3. เกิดจาก common noun เช่น child (n.) เด็ก childhood (n.) วัยเด็ก เป็นต้น
จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้
ติดตาม Facebook และ Instagram : The Happy Time with Q
หากผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมานะที่นี้ด้วยค่ะ 😀

Abstract Noun คืออะไร

AM กับ PM ใช้ต่างกันยังไง และใช้ตอนไหน? – English Tips EP.1


หลายคนอาจจะงงว่า AM กับ PM คืออะไร? ใช้ยังไง? และต้องใช้ตอนไหน? หลายคนรู้แล้วแต่ก็ยังสับสนอยู่ว่าตอนไหนใช้ AM ตอนไหนใช้ PM English Tips ตอนแรกวันนี้จะมาไขข้อสงสัย และมีเทคนิคทำความเข้าใจวิธีใช้แบบง่ายๆ มาให้ทุกคนได้ใช้อย่างถูกต้องกัน รับรองว่าจำง่าย ใช้ได้ และไม่ลืมแน่นอน
EnglishTips
อยากฝึกพูดภาษาอังกฤษตัวต่อตัว หรือเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์แบบบุฟเฟ่ต์
สมัครได้เลย ​https://www.unfoxenglish.com/
สอบถามแอดไลน์ ​https://lin.ee/5uEdKb7h
ติดตามช่อง YouTube ส่วนตัว
ช่องยูทูปของแล็คต้า https://www.youtube.com/lactawarakorn
ช่องยูทูปของเบล https://www.youtube.com/bellvittawut
ติดตามช่องทางอื่นๆ และพูดคุยกันได้ที่
ชุมชนคนรักภาษาอังกฤษ https://www.unfoxenglish.com
FB: https://www.facebook.com/unfoxenglish
Twitter: https://www.twitter.com/unfoxenglish
Lacta’s IG: https://www.instagram.com/lactawarakorn
Bell’s IG: https://www.instagram.com/toshiroz
ติดต่องาน
Email: [email protected]
Line: http://nav.cx/oOH1Q6T

AM กับ PM ใช้ต่างกันยังไง และใช้ตอนไหน? - English Tips EP.1

Noun Clause คืออะไร


Hilight!
เปิดแล้วคอร์สติว TOEIC Level up สำหรับคนที่อยากเพิ่มคะแนน TOEIC ให้ถึงเป้า
update แนวข้อสอบแบบใหม่ดูรายละเอียดได้ทาง
https://www.englishleklek.tv/courses/newtoeic_reading_online/
Note !
อย่าลืมมา join group ติวโจทย์ TOEIC แบบใหม่ของพี่เล็กกันได้ที่
https://www.facebook.com/groups/531233361052037/

Noun Clause คืออะไร

Noun คำนามคืออะไรบ้างนะ


เรียนภาษาอังกฤษ ติวฟรี ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ์Nounคำนามเรียนออนไลน์

Noun คำนามคืออะไรบ้างนะ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ nounคือ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *