Skip to content
Home » [NEW] Enough is Enough #OleOut คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี | เพลง ฉัน ไม่ ได้ ใคร ก็ ต้อง ไม่ ได้ – NATAVIGUIDES

[NEW] Enough is Enough #OleOut คอลัมน์ #BELIEVE โดย ศาลาผี | เพลง ฉัน ไม่ ได้ ใคร ก็ ต้อง ไม่ ได้ – NATAVIGUIDES

เพลง ฉัน ไม่ ได้ ใคร ก็ ต้อง ไม่ ได้: คุณกำลังดูกระทู้

บทสรุปทุกอย่างที่ชี้ชัดว่า เวลาของโอเล่ กุนนาร์ โซลชา มันหมดลงอย่างเป็นทางการในแง่ของพฤตินัยแล้ว กับทุกๆเหตุผลที่ทำไมเส้นทางของเขาต้องยุติลง เพราะถ้า “ไม่ไหวก็คือไม่ไหว” จะไม่อดทนอีกต่อไป และนี่คือจุดสิ้นสุดแล้ว ที่เราควรได้เริ่มต้นใหม่กับใครสักคน สานต่อกับสิ่งที่เขาจะมอบมรดกเอาไว้ต่อจากนี้

เราไม่ได้มีปัญหากับการพ่ายแพ้หนึ่งนัด ท่ามกลาง 38 เกมลีก กับการตามจ่าฝูง 8 แต้ม และยังเหลือเกมในมืออีก29นัด

เราไม่ได้มีปัญหากับการพ่ายแพ้คู่อริอย่างลิเวอร์พูลคาบ้าน การที่ต้องแพ้ทีมที่”ดีกว่า”มาก เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ และยอมรับในสภาพความเป็นจริง

เราไม่ได้มีปัญหากับฟุตบอลที่การแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอในทุกการลงแข่งขัน โลกฟุตบอลก็มีแค่นี้

แต่สิ่งที่พวกเราแฟนบอลรู้สึกย่ำแย่ คือการจัดการของคนเป็นผู้จัดการทีมอย่าง “โอเล่ กุนนาร์ โซลชา” ที่ทำทุกอย่างได้เละเทะอย่างเหลือเชื่อ ในแง่ของวิธีการบริหารจัดการในหลายๆเรื่อง จนเกิดเกมการแข่งขันที่จะติดอยู่ในความทรงจำของแฟนผี และประวัติศาสตร์ของสโมสรไปอีกนานว่า นี่คือแมตช์แห่งความพังพินาศที่สุดในประวัติศาสตร์ของแมนยูไนเต็ด อย่างน้อยก็เท่าที่เราเห็นและเกิดทันดูมาจะสามสิบปีของแฟนบอลยุคกลางๆอย่างผู้เขียน

เกมนี้คือที่สุดของที่สุดจริงๆ

ทั้งเรื่องแผนการเล่นที่ยังจัด formation เดิมๆที่ดึงศักยภาพของทีมและนักเตะชุดที่มีอยู่ในมือ ณ ปัจจุบัน ออกมาได้ไม่เต็มที่

ทั้งการบริหารคน และทรัพยากรในทีม ที่ยังคงยึดติดกับนักเตะคนเดิมๆ บางตัวที่เล่นได้ย่ำแย่ กับแผนที่ไม่เหมาะสม ก็ยังคงใช้งานอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่คนทั้งโลกเห็นว่ามันมีปัญหา แต่มีเพียงเขาคนเดียวที่คิดว่าว่าไม่ใช่ปัญหา กับเรื่องการใช้คู่กลางที่เป็นแม็คโทมิเนย์-เฟร็ด ในแผน 4-2-3-1 ที่มีคนคุมแดนกลางแค่สองตัว

และเป็นสองตัวที่สกิลในการคุมแดนกลางน้อยที่สุด ถ้าเทียบกับ ป็อกบา มาติช ที่อย่างน้อยน่าจะคุมเกมในแดนกลางได้บ้าง

แม้กระทั่งตัวสำรองที่โดน “toxic” จากการจัดทีมที่ไม่เคยมอบโอกาสให้ สำหรับ ดอนนี่ ฟานเดอเบคเอง ก็ยังจะมีสกิลทักษะและการอ่านเกมที่ดีกว่าสองคนนี้ อย่างน้อยที่สุดน่าจะเอาตัวรอด และคุมบอล จ่ายบอล รวมถึงขยับตำแหน่งตัวเองในสนาม ที่จะทำให้ทีมเล่นกันได้ดีกว่านี้

โอเล่ กุนนาร์ โซลชานั้นจริงๆแล้วก็ถูกด่าและตำหนิกันมาเป็นเวลานานหลายๆเรื่อง แต่ต้องยอมรับว่า ปีที่ผ่านมาผลงานมันดีจริงๆ และเราก็มีความสุขกับการเชียร์บอลปีที่แล้วมากๆ ภายใต้การเล่นของนักเตะหลายๆคนอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส, เอดินสัน คาวานี่, ปอล ป็อกบา, เมสัน กรีนวู้ด และ ลุค ชอว์ ที่โชว์ฟอร์มกันได้อย่างดีเยี่ยมมากๆ

ปีที่แล้วเรายังว่ากล่าวกันได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่นัก เพราะผลงานในลีกมันดีจริงๆ กับการพาทีมขึ้นมาถึงอันดับสองของลีกได้ ก็ถือว่ามีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัดในแง่ของผลลัพธ์รูปธรรม ซึ่งเกมลีกมันเป็นตัววัดที่ดีที่สุดจริงๆ เพราะต้องลงแข่งต่อเนื่องทั้งปี มันสะท้อนคุณภาพการเล่นของทีมได้ดีกว่าในบอลถ้วย

ปีที่แล้วจึงยังเป็นอีกปีที่ดีของโซลชาในแง่เกมลีก แต่.. มีอะไรบางอย่างที่เป็นsignมานานแล้ว สำหรับการบริหารจัดการทีมของเขาว่ามันไม่ได้สมบูรณ์พร้อม

จุดที่เห็นชัดที่สุดคือ เกมรอบชิงในนัดสำคัญกับ บียาร์เรอัล ที่แมนยูไนเต็ดเอาจริงๆแล้ว ตัวนักเตะทั้งทีม ชื่อชั้น ความสามารถ ศักยภาพทุกอย่าง เหนือกว่าบียาร์เรอัลหมด หากว่าทำทีมดีๆ แมนยูไนเต็ดได้แชมป์ยูโรปาลีก 2020/21 ไปแล้ว

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ภาคการบริหารจัดการทีมหน้างานที่ย่ำแย่ของโซลชาในการตัดสินใจ การแก้เกม และการเลือกเปลี่ยนตัวนักเตะลงสนามทั้งหลาย คือสิ่งที่แฟนผีจำนวนมาก “รับรู้” มาตลอดว่า มันคือจุดอ่อนของเขาในการทำงาน

โซลชาเป็นคนที่ค่อยๆซ่อมแซมทีมจากยุคมืดขึ้นมาในหลายๆประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการเคลียร์นักเตะdead woodทั้งหลาย การปั้นทีมนักเตะอายุน้อยขึ้นมา พร้อมๆกับดันผู้เล่นฝีเท้าดีที่มีแววจากอะคาเดมี่ พร้อมกับการเสริมทัพที่ตรงจุด และได้ผู้เล่น “ตัวหลัก” มาปักหลักประจำแต่ละตำแหน่งมากมายอย่างที่เราเห็นกัน ไม่ว่าจะเป็น กลางรุกอย่างบรูโน่ เซ็นเตอร์แบ็คอย่างแมกไกวร์ รวมถึงปีกที่ดันขึ้นมาจากชุดเยาวชนอย่าง เมสัน กรีนวู้ด ลูกรักซึ่งเขาปั้นมากับมือ รวมถึงการเซ็นสัญญาดีลที่ใช่สุดๆของทีมเราอย่าง เอดินสัน คาวานี่ด้วย

นี่คือข้อดีของเขาที่ค่อยๆแก้ไขโครงสร้างของทีม ให้กลับมาดูมีอนาคตขึ้น ในแผนการทำทีมระยะยาว นี่คือข้อดีที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่าโซลชาทำเอาไว้ได้ดี

แต่ในภาพลักษณ์ดังกล่ว มันมี”จุดดำมืด”ซ้อนอยู่ตรงนี้นานแล้ว

การคุมทีมหน้างาน โอเล่มีชุดความคิดประหลาดๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนตัวช้ามากๆแบบว่า เหลือสองสามนาทีสุดท้ายก่อนเข้าช่วงทดเจ็บ ก็ยังส่งมาด้วยความคิดที่ว่า นักเตะจะใช้แค่ห้านาทีแล้วเปลี่ยนแปลงผลการเล่นได้

ซึ่งมันบ้ามากที่คิดแบบนั้น ไม่มีใครบนโลกนี้จะทำได้บ่อยๆเหมือนที่เจ้าตัว(น้าโอเล่)แกทำได้สมัยยังเป็นนักเตะ

ชุดความคิดเปลี่ยนตัวช้า แก้เกมระหว่างครึ่งช้า อันนี้มีมานานมากๆ กับสไตล์การคุมทีมที่ไม่อยากจะใช้คำว่า “มอบความเชื่อใจให้นักเตะตัวจริงในสนาม” เลย

แต่เราอยากจะเขียนว่า เขา “ไม่เชื่อใจในตัวสำรองเลย” มากกว่า การเปลี่ยนตัวที่ทำเหมือนไม่อยากจะเปลี่ยน จึงมีให้เห็นบ่อยๆด้วยการส่งตัวสำคัญลงมาช่วงจะหมดเวลา แล้วหวังว่ามันจะทำอะไรได้

นี่คือปัญหาหลักๆ

นอกจากนี้ จุดดำมืดที่ มืดสนิทซะยิ่งกว่าเพลงของพี่เล็ก ฮิวโก้นั่นก็คือ การ treat นักเตะของแก ที่ดูเหมือนจะสร้างบรรยากาศในห้องแต่งตัวที่ดี แต่บางคนกลับถูกจัดการแบบไม่เหลียวแล ไม่ใยดี และปฏิบัติกับเขาได้ย่ำแย่มาก

เคสแซร์คิโอ โรเมโร่ คือตัวอย่างที่ดีที่สุดที่สะท้อนว่า การจัดการทรัพยากรบุคคลของโซลชา มันไม่ได้ดีซะ100% จุดที่เป็นด้านมืด คือ “ดำสนิท” จริงๆ เพราะการตัดหางปล่อยวัดโรเมโร่อย่างน่าเกลียด ทั้งๆที่เขามีความสามารถ และรับใช้สโมสรมาหลายปีแบบไม่เคยออกมาบ่น หรือทำตัวงอแงที่เป็นมือสอง แต่กลับไม่สนใจใยดี รวมถึงขัดขวางไม่ปล่อยตัวออกจากทีมด้วย

มันคืออะไร ไม่ใช้งาน แต่ก็ไม่ปล่อยออกจากทีม ปิดโอกาสนักเตะไปอีกหนึ่งปีเต็มๆ โรเมโร่น่าสงสารมากกับการจัดการของเขาในครั้งนี้ ทั้งๆที่โรเมโร่ก็เป็นอีกคนที่เป็นที่รักของแฟนผีจำนวนมากเช่นกัน

และอีกเคสที่เห็นชัดๆ ก็แน่นอนว่า “ดอนนี่ ฟานเดอเบค” ถูกปฏิบัติอย่างทุเรศที่สุดอีกคนนึง ด้วยการที่ไม่เคยมอบหมายให้เขาได้รับโอกาสเลย ทั้งๆที่ฝีเท้าก็มีของอยู่ในตัว

ผ่านไป 9 นัด ดอนนี่ ฟานเดอเบค ได้ลงสนามทั้งหมด “6นาที” ถ้วน ในพรีเมียร์ลีก

อย่าบอกว่า เพราะบรูโน่ขวางตำแหน่ง AM อยู่ และไม่สามารถใช้ดอนนี่ได้ ถ้าคุณยังสามารถเอา ปอล ป็อกบา ผู้เล่นมิดฟิลด์ตำแหน่งเดียวกันลงในจุดของ LW ได้ ทำไมคุณจะลองส่งฟานเดอเบค ลงเล่นเป็นตัวรุกหุบเข้าในแบบนั้นไม่ได้ ไม่ว่าจะทาง RW ที่ถนัด หรือจะเป็น LW จุดเดียวกับป็อกบาก็ตาม

เหตุผลมีอย่างเดียว โอเล่ “อคติ” ให้โอกาสแต่นักเตะลูกรัก คีย์แมนตัวจริงในสายตาเขา และไม่เคยคิดจะให้โอกาสดอนนี่ ฟานเดอเบคเลย ซึ่งนอกจากVDBแล้ว เรื่องพรรค์นี้ยังมีตั้งแต่ยุคของ Angel Gomes ที่ถูกปิดโอกาสการได้รับโอกาสลงสนาม ไม่ว่าเขาจะดีพอหรือไม่ก็ตาม แต่โอกาสของโกเมส แทบไม่ได้รับเลย

กลับกัน โอเล่ยังคงส่งลูกรักลงสนามรัวๆในช่วงนั้น อย่างลินการ์ด กับ เปเรย์ร่า ในวันที่ฟอร์มไม่ดี, มาต้าที่หมดแล้ว แต่สุดท้าย โกเมสไม่เคยได้โอกาสลงสนามเลย ทั้งๆที่มีฝีเท้า ทักษะการเล่น และเซนส์ที่ใช้ได้เลยด้วยบอลเร็วของเขา

สุดท้ายแล้ว โกเมสก็ต้องหลุดออกจากทีมไปจากการบีบบังคับทางอ้อมที่ไม่ให้โอกาสของโซลชา

การทรีทนักเตะอย่างโรเมโร่ โกเมส และฟานเดอเบค เช่นนี้ มันคือสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจแฟนบอลจำนวนมากมาตลอด ว่ามันไม่สมควรจะเกิดขึ้นแบบนี้ แต่กลับกัน โอเล่เอาอกเอาใจ “ลูกรัก” ในมุมมองของแก และให้ลงสนามอยู่เสมอ

นักเตะตัวหลักที่ต้องลงสนาม มันจำเป็นต้องส่งลงก็จริงอยู่ แต่ “ลูกรัก” บางคน ก็ได้รับโอกาสมากเกินไป กับการเล่นในสนามที่จำเป็นต้องแก้ไข แต่ก็กลับได้รับโอกาสอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีการปรับแก้การเล่นเพื่อให้มันดีขึ้น

ยกตัวอย่างง่ายๆที่สุด แรชฟอร์ด กับ กรีนวู้ด

สองคนนี้คือกองหน้าพรสวรรค์จากอะคาเดมี่ของเราที่มีอนาคตอีกไกล ยังพัฒนาได้อีกเยอะ แต่ปัญหาก็คือ ภาคการเล่นบางอย่างของสองคนนี้มันมีปัญหา และทำให้ฟอร์มไม่เฉิดฉายเท่าที่ควรจะเป็น จากปัญหาการเล่นที่มักจะพึ่งพาแต่ความสามารถเฉพาะตัวมากเกินไป รวมถึงด้านการตัดสินใจ และการเล่นที่เชื่อมั่นในตัวเองมากไปจนกลายเป็นการฝืนเล่นทั้งคู่

แรชฟอร์ดพยายามฝืนเลี้ยง ฝืนดึงบอลเล่นเอง ในขณะที่ เมสัน กรีนวู้ดในปีนี้ ฝืนเล่นเองเช่นกัน มีจังหวะเมื่อไหร่ก็จะยิงอย่างเดียวเท่านั้น ยิงเอง ไม่ว่าจะมีลุ้นไม่มีลุ้นกูก็ยิง ทั้งๆที่เพื่อนรออยู่มากมาย

จุดอ่อนพวกนี้สามารถแก้ได้ด้วยการ “coaching” ให้นักเตะเหล่านี้ปรับแก้นิสัยและวิธีการเล่นในสนามให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่เห็นคือ เราก็ยังเจอเด็กสองคนนี้ทำแบบเดิมๆ ฝืนแบบเดิมๆอยู่เช่นเคย ทำให้เกมรุกมันขาดประสิทธิภาพไปเยอะ

พ่อแม่รังแกฉัน

ในยามที่ดูทีมอื่นต่อบอลกันโบ๊ะบ๊ะ ไม่ว่าจะเป็นลิเวอร์พูล ซิตี้ หรือแม้กระทั่งอตาลันต้าที่แพ้เราไป ก็ยังมีระบบการเล่นที่ดีในลักษณะของบอลระบบ และ “ทีมเวิร์ค” ที่มีทั้ง ball connection และ positional play อยู่ในการเล่นในสนาม ซึ่งเป็นเรื่องของระบบ และทีมเวิร์คล้วนๆ

ต่อบอลกันอย่างสนุกสนาน ไม่มีใครฝืนใช้ความสามารถเฉพาะตัว สุดท้ายเพื่อนก็ได้จบสกอร์ทุกครั้งจากการเล่นที่มีระบบและทีมเวิร์คที่ดี ในยามที่ดูคนอื่นเล่น

แต่หันกลับมาทีมเรา ยังเห็นกรีนวู้ดฝืนเลี้ยงฝืนลากแล้วก็ติด ยังเห็นกรีนวู้ดกระชากแล้วก็ยิงเองทุกลูก เหมือนตัวรุกทั้งทีมมีคนเดียวคือเขา ทั้งๆที่เพื่อนยืนกันโล่งๆอยู่

นี่คือผลจากการดูแล ควบคุมวิธีการเล่นของนักเตะที่ไม่มีเลยของโซลชาและทีมงาน ที่สามารถปรับแก้ด้วยการกำชับและใส่คำสั่งให้นักเตะเล่นในวิธีการที่เขาต้องการได้

แต่นี่เหมือนปล่อยอิสระให้นักเตะในสนามเล่นอย่างตามใจชอบ ผลก็คือ เกมมันก็ออกมาไม่มีประสิทธิภาพ ต่างคนต่างเล่น”ตามใจชอบ” เหมือนอย่างที่เป็นนั่นเอง

จุดดำมืดยังไม่หมดเพียงเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้แฟนบอลจำนวนมากหมดศรัทธามาตั้งแต่ปีก่อนๆ เพราะเขามองเห็นสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญของโซลชา นั่นก็คือเรื่องของ “ทัศนคติ” (attitude) และ “ชุดความคิด” (mindset) ในการคุมทีมข้างสนามของเขา มีปัญหามากๆ

เขาคือผู้จัดการทีมที่เพลย์เซฟมากเกินไป และหลายๆครั้ง “ไม่กล้า” ที่จะสั่งให้ทีมบุกแหลก หรือเล่นในแบบที่ดีกว่านี้ได้ จากความกลัวอะไรบางอย่างอยู่ซึ่งมันไม่เมคเซนส์ ยกตัวอย่างอีกครั้งก็คือเกมรอบชิงกับบียาร์เรอัล

โอเล่ยังคงใช้นักเตะชุดเดิมๆลงสนามไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้งๆที่จริงๆแล้ว มีโควตาในมือเยอะมาก และน่าที่จะส่งลงมาบดขยี้และเปิดเกมบุกแหลกใส่บียาร์เรอัลได้ตั้งแต่ช่วง extra time เพราะทรัพยากรในมือเหลืออีกเพียบ และสดกว่า เร็วกว่าทั้งนั้น

หากว่าโซลชาไม่ “ใจป๊อด” แล้วเลือกเปิดเกมบุกใส่บียาร์เรอัล และทำสำเร็จ เราก็จะไม่ต้องไป “วัดดวง” ปวดตับกับการดวลจุดโทษ ที่ต้องอาศัยดวงเข้ามาเกี่ยวข้อง บวกกับความแน่นอนของผู้ออกมายิงจุดโทษ

ถ้าโซลชามีชุดความคิดที่เป็นผู้ชนะมากกว่านี้ หากว่าเขามี “Winning Mentality” มากพอ มันจะสะท้อนออกมาในภาคการจัดทีมเลย และแฟนบอลจะสัมผัสได้ว่า มึงอยากชนะว่ะ มึงกระหาย มึงมีpassionว่ะ

สิ่งเหล่านี้จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จและคว้าแชมป์ได้ ผู้จัดการทีมจะต้องมีสิ่งนี้

แต่โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่มีสิ่งนี้อยู่ในตัวเลย มีแต่ความกลัว และความปอดแหกที่หลายๆคนด่ากันว่า “ใจป๊อด” นั่นแหละ มันคือคำที่เราสามารถตำหนิและพูดได้เลยว่า โซลชาเป็นคนแบบนั้น

เขาไม่มี Winning Mentality อยู่ในตัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆที่เป็นคนนึงที่ควรจะเข้าใจDNAของสโมสรดีที่สุดอยู่แล้ว จากการเป็นลูกทีมของ Sir Alex Ferguson และผ่านยุครุ่งเรืองที่ทีมนักเตะที่มีแต่จิตใจของ “ผู้ชนะ” อยู่เต็มทีม

นัดชิง คือตัวอย่างที่ดีมากๆว่า โซลชาอาจจะทำให้เราไปไม่ถึงฝั่งฝันได้ หากยังไม่แก้ไขตัวเองในด้าน “มุมมอง” ตรงนี้

นั่นคือเรื่องของซีซั่นที่แล้ว ซึ่งมีหลายๆคนเช่นกันที่ยังคงคิดเช่นเดียวกับผู้เขียนว่า อย่างน้อยที่สุด overall ของผลงานปีที่แล้วถือว่าสอบผ่าน กับการพาทีมขึ้นมาเป็นรองแค่แมนเชสเตอร์ซิตี้ทีมเดียวเท่านั้นในลีก เราก็ยังพอมองเห็นแสงสว่างบ้างเล็กน้อย และพยายามจะภาวนาว่า เขาจะพัฒนาการคุมทีมหน้างานให้มีประสบการณ์มากยิ่งขึ้น พัฒนาไปพร้อมๆกับนักเตะด้วยเช่นกัน

 แต่สุดท้ายความหวังก็ล้มเหลว

หลายๆครั้งที่โซลชาทำได้ดีแล้ว มันก็มีอยู่บ้างพอสมควรในแง่ของแทคติกการแก้เกม ที่ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนเกมและคัมแบ็คได้บ่อยๆในปีที่แล้ว มันก็ไม่ใช่ว่า โซลชาจะโง่เต่าตุ่นไปซะทั้งหมด

ซึ่งหลายๆครั้ง เขาโดนด่าสาดเสียเทเสีย “เกินกว่าความเป็นจริง” ไปเยอะมาก ข้อนี้จึงทำให้หลายๆคน รวมถึงผู้เขียนเองก็ต้องแก้ต่างให้แกเช่นกัน หากว่าพิจารณาแทคติกและสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามจริงๆ ในฐานะคนที่นั่งดูฟูลแมตช์ซ้ำแทบทุกเกม และเขียนรีวิวหลังเกมอยู่ มันมีอยู่เยอะมากที่เป็นการแก้เกมดีๆของโซลชาในปีที่แล้ว

ความดีมีในตัวไหม ตอบได้เลยว่า มีแน่นอน

นั่นคือความหวังเล็กๆที่เรายังคงมอบโอกาสให้เขาทำทีมต่อ ด้วยความเข้าใจว่า ทุกสิ่งมันจะต้องค่อยๆพัฒนาไปตามลำดับ และมันจะต้องยิ่งดีขึ้น โดยเฉพาะ “ปีนี้” ทีมได้โอกาสในการคว้าตัวนักเตะที่เทียวไล้เทียวขื่อมานานแสนนาน แถมค่าตัวก็แพงอย่าง เจดอน ซานโช่ เข้ามาเสริมทีม รวมถึง กองหลังระดับโลกอย่าง ราฟาเอล วาราน

และสุดท้าย การกลับมาของกองหน้าเบอร์หนึ่งอย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือการเติมคุณภาพระดับWorld Class มาให้กับแดนหน้าของทีม

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ กลับย่ำแย่ยิ่งกว่าการดูบอลปีที่แล้ว

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คุมทีมเหมือนเด็กประถมที่ไม่เข้าใจอะไรเลยสักอย่าง ทำเหมือนไม่รู้ปัญหา ทำเหมือนไม่รู้ว่าทีมอ่อนแอด้านไหน และควรทำยังไง

เขายังดื้อด้านกับชุดความคิดหลักๆในหัวที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงแน่ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ติดอยู่กับแผน 4-2-3-1 อันเป็นทรงการเล่นปัจจุบัน ที่ควรจะเห็นได้แล้วว่า ทีมมีปัญหาทุกครั้งเวลาเจอบอลเพรสซิ่งใส่ ทีมเราจะเสียกระบวนทันที

และการยึดติดกับ แม็คเฟร็ด มากเกินเหตุ ทำให้คุณภาพแดนกลางไม่มีเลย เพราะสองคนนี้ทำได้แค่วิ่งไล่บอลเท่านั้น แต่ไม่สามารถคุมพื้นที่ให้ปลอดภัยได้ หลายๆครั้งพวกเขาหลุดตำแหน่งอย่างน่าเกลียดจนคู่แข่งหลุดเข้าไปดวลกับCBตรงๆ

พวกเขาไม่สามารถคุมบอลให้นิ่งได้ เพราะไม่มีสกิลโฮลดิ้งทั้งคู่ ไม่มีชั้นเชิง ไม่มีความสามารถในการเก็บบอลไว้กับตัว เพราะแค่โดนเพรสนิดหน่อยก็ลนลานปล่อยบอลมั่วซั่วแล้วเพราะกลัวโดนแทคเกิลเสียบอลสำหรับเฟร็ด ซึ่งก็จ่ายเสียเพราะลน ไม่นิ่ง อย่างที่เห็น

ส่วนแม็คโทมิเนย์เองก็ไม่ต่างอะไรกับเฟร็ด เอาจริงๆน้องแม็คถือว่าไม่กล้าเล่น และครีเอทเกมจากแดนกลางให้ทีมไม่ได้เลย สิ่งที่เขาทำคือ “Square Passes” ทั้งปีทั้งชาติ อันหมายถึงการจ่ายคืนเพื่อน การจ่ายบอลให้เพื่อนใกล้ๆ มีแค่นั้นจริงๆ

นานๆเห็นวางบอลยาวทีก็มี แต่ถามว่าแม่นไหม ก็ไม่ได้แม่นอะไรขนาดนั้น ยังสร้างเกมให้ทีมไม่ได้จากลูกจ่ายดังกล่าว เพราะถ้าให้วัดกันจริงๆ ลินเดอเลิฟยังวางบอลยาวได้แม่น และทำประโยชน์ให้กองหน้าได้เยอะกว่าแม็คโทมิเนย์

การมีสองคนนี้ลงเล่นคู่กันในจุดdouble pivot ของสนาม ทำให้ทีมมีแค่มิติเกมรับอย่างเดียว ในการใช้ผู้เล่นสองคน ในการวิ่งคู่กันปัดกวาดและไล่บอล ซึ่งถามว่าดีไหม มันก็ไม่ได้ดีเด่อะไรขนาดนั้น เพราะเกมหลังๆก็ยังเจอคู่แข่งต่อบอลเล่นง่ายๆ และเจาะแมนยูเข้าอยู่ดี

การยึดติดกับแม็คเฟร็ด ทั้งๆที่ทำให้ทีมมีแดนกลางที่สู้กับใครไ่ม่ได้เลย ไม่ว่าจะเจอทีมเล็กๆ ทีมกลางตารางก็ตาม ยังสู้เขาไม่ได้ และทำเกมลำบากทุกครั้ง

ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงว่า เจอทีมระดับแมนซิตี้ และลิเวอร์พูลจะเป็นยังไง.. สำหรับการใช้แม็คเฟร็ด

ผลก็เห็นอยู่แล้ว 0-5 กับการพ่ายแพ้ที่เกินคำว่าหมดรูป แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกนัดนึงเลย ที่ไม่ใช่ในแง่ตัวเลข แต่เป็นแง่ของรูปแบบการเล่น และรูปเกมที่หมดสภาพในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพที่แพ้ สกอร์ที่แพ้ รวมถึงการควบคุมอารมณ์ การคุมสถานการณ์

นักเตะฟิวส์ขาด และหลุดเล่นหนักใส่คู่ต่อสู้แบบน่าเกลียด และสมควรโดนใบแดงหลายๆจังหวะ ทั้งป็อกบาที่ดูเหมือนจะลงมาเพื่อสิ่งนี้ตั้งแต่แรก และการมีเขาอยู่ก็เหมือนกอดระเบิดอยู่กับอกไว้ตลอดเวลา

CR7 ที่น็อตหลุดเช่นกันและไปเตะบอลใส่เด็กมันแบบน่าเกลียดมาก จนมีโอกาสแดงได้เลยไปหวดเข้าใส่บอลที่อยู่ติดกับกลางลำตัวของเขาด้วยอารมณ์ แล้วเตะเต็มเหนี่ยวด้วยนะ

คิดดูว่าถ้าไม่โดนบอลจะเกิดอะไรขึ้น

พอเป็นแบบนี้ JK จึงดูเหมือนจะผ่อนเกมครึ่งหลัง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ต้องการเสียลูกทีมคนใดให้บาดเจ็บไปจากการเล่นด้วยความระเบิดอารมณ์ของนักเตะแมนยูไนเต็ด แต่สุดท้ายพวกเขาก็เสียเกอิต้าจากการเข้าบอลขาคู่ของป็อกบาไป

ทุกอย่างเป็นผลพวงมาจากการทำทีมของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาเน้นๆ ที่ยึดติดกับความคิดเดิมๆ จนส่งผลให้ทีมหมดสภาพเช่นนี้ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเขาจะมาแบบไหน เจ้าตัวก็ให้สัมภาษณ์เอง แต่ก็ดันจัดทีมที่เป็นจุดอ่อน ลงมาโดนเขาเข่นเละด้วยHigh Pressing เช่นนี้ โดนกดอยู่ในแดนตัวเอง เหมือนเดิมไม่มีผิด เหมือนกับที่แฟนบอลคาดการณ์และกังวลกันก่อนเกม

ทุกอย่างที่เลวร้าย เกิดขึ้นหมดในนัดนี้

เรื่อง “ชุดความคิดและทัศนคติ” นี่แหละ คือตัวตัดสินที่ทำให้แฟนบอลตัดสินใจเลิกสนับสนุนโซลชา และรู้สึก “พอ” กับเขาแล้วในตอนนี้

เกมเจอกับบียาร์เรอัล นั่นคือจุดที่ชัดที่สุด แต่เกมนัดที่ “ชัดกว่าเยอะ” มันคือปีนี้ กับเกมที่พลาดท่าพ่ายยังบอยส์ 2-1 นั่นคืออีกเกมที่ย่ำแย่ระดับที่เรียกได้ว่า “อัปยศ” อีกนัดนึง ในบรรดาสองเกมของปีนี้ที่ใช้คำนี้ได้

“อัปยศภาคแรก” คือการที่ทีมเหลือสิบคนจากการเข้าบอลโง่ๆของอารอน วานบิสซาก้า จนทำให้ตัวเองได้ใบแดง และทีมลำบาก ทั้งๆที่ควรเป็นเกมเก็บสามแต้มเต็มของแมนยูด้วยซ้ำ

การโดนแดง เหลือสิบคน มันไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้เราหงุดหงิด แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นต่างหาก ที่น่าเจ็บปวด

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ตัดสินใจถอดซานโช่ออกสังเวยใบแดงของAWB และใช้ดาโลต์ ลงมาแทนแบ็คขวาในตอนนั้น ซึ่งแม้จะเหลือสิบคน แต่ปลายครึ่งแรกยูไนเต็ดก็ยังทำได้ดีอยู่ ในยามที่ยังนำอยู่ 0-1 จากคริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับการเล่นแผนที่เป็นหลังสี่คนของ “แบ็คโฟร์” และยังเล่นในระบบ 4-2-2-1 ทีมยังสามารถไปบุกยังบอยส์ได้อยู่เลย ทั้งๆที่เหลือสิบคน

แต่ครึ่งหลังลงมา โซลชากลับแก้เกมด้วยการเปลี่ยนมาอุดเน้นๆด้วยการรีบถอดฟานเดอเบคออก แล้วส่งวารานลงมาเล่นหลังสาม เพื่อที่จะลงไปอุดยังบอยส์ในระบบ 3-4-1-1

ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงที่ว่า ปรับแผนอุดลงมา เพื่อยันสกอร์ 0-1 เอาไว้ แต่ปัญหามันอยู่ที่ การเล่นที่ลงไป “อุดอย่างเดียว” โดยไม่คิดที่จะสู้ กะว่าจะเอา 0-1 ให้ได้ด้วยสกอร์แค่นี้ แล้วจะลงมาอุดสู้กับทีมระดับแค่ “ยังบอยส์” ไปอีก 45 นาที

เล่นเหมือนรอโดนอย่างเดียว แต่ไม่พยายามที่จะบวกสกอร์เพิ่ม เพื่อเมคชัวร์สามแต้มที่ควรจะได้ในเกมนี้

อ่ะ ปรับformation ไม่ว่ากัน เพื่อบล็อคประตูคู่แข่ง แต่ปัญหาคือ ในยามที่ทีมควรจะต้องหาทางบุกบ้างเพื่อยิงสกอร์เมคชัวร์ 0-2 โซลชากลับเปลี่ยนมาเล่นอุด ด้วยแผนหลังสาม และเลิกทำเกมบุกไปโดยสิ้นเชิง ลงไปตั้งรับอย่างเดียว

ซึ่งสุดท้ายการเล่นแบบรอโดน ก็โดนจริงๆ ด้วยประตูตีเสมอในนาที 66

แค่นี้ก็แย่มากพออยู่แล้ว ซึ่งเมื่อโดนตีเสมอ สถานการณ์มันเปลี่ยนไป คุณควรที่จะทำให้แมนยูชนะในเกมนี้ให้ได้ด้วยการเปิดเกมบุกใส่พวกเขาบ้าง

แต่สิ่งที่โอเล่ทำคือ “กลัวทีมแบบยังบอยส์” จนขี้หดตดหายด้วยการ ส่งตัวลงมาอุดเพิ่ม เพื่อไม่ให้แพ้ และกะจะเอาสกอร์ 1-1 กลับบ้าน ด้วยมุมมองที่ว่า ทีมเหลือสิบคนแล้ว สู้ไม่ได้แล้ว

ทั้งๆที่ชื่อชั้น เกรดนักเตะ สิบคนก็ยังเหลือเยอะและดีกว่ายังบอยส์อยู่ดี ยังมีศักยภาพจะยิงประตูแซงพวกเขาได้ แต่โอเล่กลับปอดแหกหนักกว่าเดิมด้วยการรีบถอดเอาตัวทำเกมรุกคนสำคัญออกหมดเกลี้ยง โดยเฉพาะสองคนที่เป็นความหวังสูงสุดของทีม ไม่ว่าจะเป็น บรูโน่ หรือ โรนัลโด้ ออกจากสนามมา แล้วส่ง มาติช กับ ลินการ์ดลงกองหน้าแทน

ถอดหน้าเป้า กับ กลางรุกระดับท็อปออก แล้วส่ง มิดฟิลด์ตัวรับ มิดฟิลด์ตัวรุก ลงมาเล่นในสนาม ด้วยสาเหตุเดียวเลยคือ ไม่คิดจะพยายามสู้ยังบอยส์อีกแล้ว และจะลงไป “อุดสถานเดียว” กับพวกเขา

ทั้งๆที่จริงๆ 4-2-2-1 ในครี่งแรกไม่ได้แย่ และยังทำเกมบุกใส่ยังบอยส์ได้อย่างดีอยู่

แม้จะเหลือสิบคน ไม่ได้แปลว่าเราทำอะไรไม่ได้แล้ว ยิ่งกับทีมแบบยังบอยส์ก็ตามที่ต่างชั้นกันมากๆ สิบคนของยูไนเต็ดควรจะทำได้ดีกว่านี้ แต่นี่โอเล่สั่งอุดแบบไม่คิดจะเอาอะไร นอกจาก 0-1 กลับบ้าน ลงไปตั้งรับอย่างเดียวเน้นๆ ถอดตัวรุกที่จะขู่คู่แข่งในแดนหน้าอีก คืออย่างน้อยเหลือโด้ เหลือบรูโน่ไว้สักคน ก็คงจะดีกว่านี้ แต่นี่ถอดออกมาหมดเลย

มันคือ “วิธีคิดแบบผู้แพ้” อย่างแท้จริง ซึ่งตรงกันข้ามกับ Winning Mentaliy เหมือนอยู่คนละข้างบนเส้นขนาน

โซลชาไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะ “พยายามเอาชนะยังบอยส์ให้ได้” อยู่ในหัวเลยในตอนที่โดนตีเสมอ กลับถอดตัวรุกคนสำคัญออก แล้วส่งมาติช ลินการ์ด ลงมาเล่นเกมlow blockตั้งรับต่ำ และอุดเพื่อเอาแค่สกอร์เสมอกลับบ้าน

สิ่งนี้คือสิ่งที่รับไม่ได้อย่างแรง และมันสะท้อนให้เห็นชัดเจนแล้วว่า เกมในรอบชิงกับบียาร์เรอัล เราไม่ได้คิดไปเอง เขามีสิ่งนี้อยู่ในตัวจริงๆ กับ “วิธีคิดแบบผู้แพ้” ที่ไม่มีความเชื่อมั่น ไม่มีความกระหายในการจะพาทีมชนะให้ได้

มีแต่ชุดความคิดปอดแหก และกลัวทุกอย่างบนโลกนี้

เกมเจอยังบอยส์ มันคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เราเชื่อแล้วว่า ให้คนแบบนี้คุมทีมต่อไป มันคงจะประสบความสำเร็จยากแน่นอน เพราะนี่คือลักษณะของ “ชุดความคิด” ของเขา ที่มันไม่มีวันเปลี่ยนแน่ๆ ซึ่งคนเราทุกคนนั้น การจะเปลี่ยนชุดความคิดที่ตัวเอง “เชื่อ” มันทำได้ยากอยู่แล้ว

แต่ยิ่งคนที่ดื้อเงียบและอีโก้สูงอย่างโซลชา มันยิ่งยากกว่านั้นอีก

และเรื่องดังกล่าว ก็สะท้อนออกมาในแผน 4-2-3-1 ด้วยตัวนักเตะที่จัดส่งลงสนามมาแบบดื้อดึงจะใช้ตัวเดิมๆให้ได้ ในแผนเดิมๆที่ก็เคยโดนเขากดซะเละเทะมาแล้วในแผนนี้ แต่ก็ยังจะจัดลงมาเจอกับทีมระดับลิเวอร์พูลอีก

ทั้งๆที่ควรจะมีการปรับเปลี่ยนแผนการเล่นบ้าง ควรมีแผนสำรองในการให้นักเตะได้เล่นบ้าง

อย่างที่บอกในบทความก่อนว่า โอเล่ต้องการ “การเปลี่ยนแปลง” ด่วนๆ ไม่ว่าจะนักเตะ หรือแผนการเล่นก็ตาม ควรต้องมีการกล้าเปลี่ยนบ้าง หากอยากหลุดพ้นจากช่วงที่ทีมฟอร์มตกระนาวแบบนี้

ไม่ว่าจะส่งตัวที่ไม่มีโอกาส ให้ได้ลงสนามบ้าง หรือการปรับแผนเป็นแผนอื่นๆ ที่เหมาะกับทีมอีกมากมาย โดยเฉพาะ 3-4-1-2 กับ 4-3-1-2 แผนที่ลดตัวรุกหนึ่งตัว เพิ่มแดนกลางคุมเกมลงไปเล่นตรงกลางกันสามคน และเลิกใช้ระบบ double pivot ในคู่มิดฟิลด์

ปัญหาเกิดที่แดนกลาง ก็ต้องแก้ที่แดนกลาง ในเมื่อคุมเกมไม่ได้ มีรูโหว่ เราก็เพิ่มปริมาณกองกลางเข้าไป แล้วปรับลดแดนหน้าลงสักหนึ่งคน และใช้แผนหน้าคู่ที่เป็น หน้าเป้า + กองหน้ากึ่งปีกอีกคนนึง ทำให้เหมือนเราแค่ยอมเสียตัวรุกคนเดียว แต่ได้แดนกลางที่เหนียวแน่นมากขึ้น ซึ่งในแผน 4-3-1-2 มันก็คล้ายๆกับจะเป็น 4-3-3 หัวกลับนั่นเอง

กลางจะแน่นขึ้นทันที หลังจะแน่นขึ้นทันที หากว่าลองปรับมาใช้สองแผนนี้ ทีมจะแก้ปัญหาแดนกลางได้ชะงัดมาก โดยที่ยังไม่จำเป็นต้องมามัวแต่รอเดแคลน ไรซ์ รอตลาดนักเตะเปิด

เอะอะๆก็แก้ปัญหาด้วยการรอทุ่มซื้อนักเตะอย่างเดียว นั่นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี

เพราะถ้าจะทำทีมด้วยการซื้อแต่นักเตะเก่งๆมารวมกัน แต่ไม่มีวิธีบริหารจัดการที่ดี เหมือนที่ตอนนี้เป็นอยู่

ซื้อมิดฟิลด์ร้อยล้านปอนด์มาสักสองตัว ทีมก็จะยังมีระบบที่ไม่เสถียรในการเล่นอยู่ดี ถ้ามีแค่ตัวเก่งๆมาเล่นแบบตัวใครตัวมัน เน้นแต่ความสามารถเฉพาะตัวเหมือนตอนนี้

ทีมก็จะยังคงสะเปะสะปะไร้ทรงอยู่ดี ต่อให้มีเดแคลน ไรซ์ หรือ คาลวิน ฟิลลิปส์เข้ามาพร้อมกันก็ตาม

การเปลี่ยนแปลง คืออีกวิธีที่จะช่วยได้ แต่สุดท้ายแล้วโอเล่ก็ยังคงดื้อด้าน เล่นแต่ 4-2-3-1 ในทุกๆเกม ซึ่งที่คัมแบ็คชนะอตาลันต้ามาได้เพราะเกมรับพวกเขาห่วยด้วยนั่นแหละ นอกจากประเด็นเรื่องที่ปรับตัวดีๆลงสนามมา และเล่นดีขึ้นในครึ่งหลัง แต่ต้องยอมรับว่า อตาฯเขารั่วจริงๆ

นัดนั้นพอทน และเข้าใจได้ที่จะเล่นแผนเดิมๆ แต่เกมเจอลิเวอร์พูล มันชัดอยู่แล้วว่าเขาจะมายังไง ทุกคนบนโลกนี้ก็รู้หมดว่าพวกเขาเล่นยังไง

และแมนยูไนเต็ด มีปัญหาในการเล่น จากแผนไหน จากการใช้นักเตะคนไหนลงสนาม

แต่โซลชาก็ยังคงเลือกที่จะส่งแผนที่มีจุดอ่อน กับนักเตะที่มีจุดอ่อนเต็มไปหมด ลงไปเล่นกับทีมที่ฟอร์มดีๆและมาด้วยจุดแข็งที่ข่มเราตั้งแต่แรก ด้วยบอลระบบ และบอลเพรสซิ่งที่ทรงประสิทธิภาพกว่า

เมื่อรวมกับแนวรุกที่มีความแน่นอน และคมกริบ ทั้งๆที่ใช้ตัวรุกลงสนามแค่สามคน แล้วปรับระบบการเล่นที่ทำเกมบุกจากวิงแบ็คเตินขึ้นมาริมเส้นได้แทน

ตัวรุกแดนหน้าแค่สามคน แต่ใช้ระบบทีมกดแมนยูไนเต็ดไปห้าลูก

กลับกับ แผนเรา ตัวรุกมีสี่คน แต่ยิงเขาไม่ได้สักลูก เพราะความไม่บาลานซ์ในแดนกลางนี่แหละที่ตัวผู้เล่นขาดประสิทธิภาพ ขาดปริมาณ และแผนการเล่นที่รองรับความสามารถนักเตะที่มีอยู่

เอาตัวสกิลน้อยสองคนมาจับคู่กัน แล้วสุดท้ายทำอะไรแทบไม่ได้ในแดนกลาง เสียบอลตลอดทั้งเกม บอลสะเปะสะปะ คุมบอลไม่อยู่ จ่ายพลาดง่ายๆแบบน่าเกลียดๆ

ทั้งหมดทั้งมวล เกิดขึ้นเพราะการคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คนเดียวแบบเน้นๆ ที่ทำให้แผนการเล่น และระบบทีมสู้ลิเวอร์พูลไม่ได้ในแดนกลาง อันเป็นผลทำให้โดนบุกกดข้างเดียว

เมื่อรวมกับแทคติกที่ผิดพลาดที่ไม่ควบคุมแบ็คสองข้าง ที่มักจะหุบเข้ากลางมาตลอดจนเปิดพื้นที่โดนเจาะบ่อยๆ บวกกับการเลน่ของเซ็นเตอร์แบ็คราคาแพง ที่ทำตัวเหมือนบอล อบต ที่ไม่เข้าใจคำว่า positioning ว่าเป็นยังไง ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญของกองหลัง

แทนที่จะรักษาตำแหน่งดีๆ แต่กลับป้องกันด้วยการพยายามเข้าไป man-marking คู่แข่งแบบแมลงวันตอมขี้ วิธีการเล่นบอลของเด็กประถม โดยการตามคู่แข่งออกไปนอกพื้นที่ CBของเราสองคนทั้งเลิฟ และ แมกไกวร์ ทำแบบนี้ตลอดในแทคติกของโซลชา ทำให้พื้นที่หน้าประตูมักจะโหว่ทันที ซึ่งตัวที่เข้ามาแทนตำแหน่ง มันดูแลตรงนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะแม็คโทมิเนย์ เฟร็ด หรือแม้แต่แบ็คสองข้างที่หุบเข้ามาแทนCB นั่นเอง

ผิดตรงไหน? ใช่ ความผิดนักเตะครึ่งหนึ่งที่ยืนตำแหน่งกันมั่วซั่ว และทิ้งตำแหน่งตัวเองเละเทะกันหมดในเกมเจอลิเวอร์พูล จนดูเหมือนชอว์จะเป็นคนผิด แต่จริงๆแล้วไม่ใช่

เซ็นเตอร์แบ็คที่ออกจากตำแหน่งไป เพราะการไม่คุมแผนการเล่นของทีมให้รักษาพื้นที่ดีๆต่างหากที่ทำให้ลิเวอร์พูลเจาะเราเหมือนเล่นกับเด็กอนุบาลขนาดนั้น

มันก็โซลชาอีกนั่นแหละครับ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จึงเป็นคำตอบที่ดีมากๆแทบจะครบทุกประการแล้วว่า ทำไมโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ถึงทำให้แฟนบอลเหลืออด และหมดความเชื่อมั่นและศรัทธาไปแล้ว จากภาพอันเจ็บปวดที่คนเดินออกจากโอลด์แทรฟฟอร์ดกันอย่างมหาศาล เพราะไม่อยากดูลิเวอร์พูลบุกมากระทืบศักดิ์ศรีเละเทะคาโอลด์แทรฟฟอร์ด จนกลายเป็นภาพที่เจ็บปวดที่สุดวันนึงในชีวิตการเชียร์แมนยูไนเต็ด

เป็นเพราะตัวเขาเองล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับคำด่าอคติใดๆ ไม่เกี่ยวกับปัจจัยภายนอก และในหลายๆครั้งความผิดพลาดของนักเตะที่เกิดขึ้นในสนาม ใช่ นักเตะเล่นพลาดเองจริงๆ บางทีก็โทษผู้จัดการทีมไม่ได้

แต่หลายๆครั้ง ที่นักเตะพลาด ก็เพราะการกำชับแทคติกของ ผจก และทีมโค้ชนั่นแหละที่ไม่ดีพอในการบริหารจัดการทีม

นักเตะอย่างเฟร็ด จะเล่นแย่ลงกว่านี้น้อยมาก ถ้าเขาได้เล่นในแผนที่มีโอกาสเป็นตัว CM กลางสนาม ไม่ใช่มาเล่น DMคู่ เหมือนทุกวันนี้ ซึ่งสกิลทักษะเฟร็ดต่ำมากในการจะเล่น DM จะฝากบอลไปให้มันก็มีสิทธิ์โดนตัดสูงมากๆ เพราะเซนส์บอลเหลี่ยมบอลแทบไม่มีเลย โดนบีบนิดนึงก็ลนลาน โดนใช้ร่างกายปะทะ ก็กระแทกแพ้เข้าหมด ไม่เคยเบียดใครชนะเลยนอกจากเบียดฟานเดอเบคให้เป็นตัวสำรอง ชนะได้อยู่คนเดียวแค่นั้นแหละ

ความดีของโซลชาก็มี แต่สิ่งที่ไม่ดีในการคุมทีม มันเยอะมากๆจนกระทั่งสภาพทีมเป็นอยู่อย่างที่เห็นทุกวันนี้

ความเชื่อมั่นยังเหลือไหม ตอบได้ตรงๆเลยว่า ไม่เหลือมาสักระยะแล้ว เพราะมันเริ่มเห็นแล้วว่า เขาไม่ปรับปรุง ไม่พัฒนาเลยในปีนี้ แต่กลับถอยหลังลงคลองไปซะอีก เพราะบอลปีที่แล้วยังดูสนุกกว่านี้เลย

โซลชาได้ตัวWorld Class เข้าทีมมาสามคน แต่กลับทำทีมได้ห่วยลงกว่าปีก่อน

และบางสถานการณ์ อย่างเกมยังบอยส์ หรือเกมแพ้ลิเวอร์พูลนี้นั้น คือสถานการณ์ที่วัดกึ๋นและความใจสู้ของผู้จัดการทีม

แต่สุดท้ายแล้ว เกมเจอลิเวอร์พูลก็ไม่ต่างอะไรกับยังบอยส์ ในแง่ชุดความคิดของการเปลี่ยนตัว ที่ส่ง ดาโลต์ลงสนามมาพร้อมคาวานี่ แทนบรูโน่ แรชฟอร์ด ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยและเอาไปพัก

จริงๆแล้ว ลินการ์ดควรลงสนามมามากกว่า เพราะอย่างน้อยที่สุดจะมีคนปั้นเกมได้ ในเมื่อคุณทิ้ง “Ronaldo x Cavani” ลงเป็นกองหน้าคู่ในสนาม

แต่กลับถอดตัวปั้นเกมออกหมดเลย แล้วใช้แบ็คอย่างดาโลต์ลงมาเล่นซ้าย และหวังว่ามันจะทำเกมรุกให้ทีมได้ แต่ในที่สุดก็เห็นแล้วว่า มันคือการเปลี่ยนตัวไม่เมคเซนส์ที่กลายเป็นลิเวอร์พูลต่างหาก ที่ได้บอล และชิ่งกันไปชิ่งกันมา ไม่เอาแล้ว ไม่บุกใส่เราแล้ว เพื่อต้องเซฟตัวเองไม่ให้มีนักเตะบาดเจ็บ เพราะเราเข้าหนัก เล่นหนักใส่เขาจนมีตัวเจ็บออกไป

มันน่าอายมาก

ดังนั้น ทุกสิ่งที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ทำมาทั้งหมดนี้ มันเป็นการทำตัวเองของเขาล้วนๆ เหมือนคุมทีมอยากให้สโมสรปลดยังไงไม่รู้ ด้วยการใช้วิธีการเดิมๆ นักเตะเดิมๆ ลงสนามไปให้ชาวบ้านเค้าเข่น และหยามศักดิ์ศรีเล่นทุกเกม จนตอนนี้ไม่มีทีมไหนในพรีเมียร์ลีกกลัวเราอีกต่อไปแล้ว เพราะรู้จุดอ่อนเต็มๆ เหมือนที่เลสเตอร์ กับ วิลล่า “ซัดเราถึงตาย” ไปสองเกมเหนาะๆ ยังไม่รวมบอลถ้วยที่แพ้ไปอีกสองเกม รวมเกมเจอลิเวอร์พูลบุกมาระเบิดถังขี้คาบ้าน 0-5

โซลชาไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น ยังคงใช้แผนเดิมๆ นักเตะเดิมๆ ที่ทำให้ทีมมีจุดอ่อนเดิมๆอยู่แบบนี้ สุดท้ายผลลัพธ์ออกมา ก็ยังโดนขย่ม โดนข่มขืนทางใจไม่ต่างจากหลายนัดที่ผ่านมา

บอกแล้วว่า ถ้าไม่เปลี่ยนก็ตาย ตอนนี้เขาตายจริงๆ ตายไปจากใจแฟนบอลไปแล้ว สำหรับโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในบทบาทหน้าที่การเป็นผู้จัดการทีม

เขียนร่ายตำหนิจุดอ่อนแย่ๆของโซลชามายาวขนาดนี้ ผู้อ่านอาจจะคิดว่าผมเกลียดชังขี้หน้าโซลชาไปแล้ว แต่จริงๆแล้วไม่ ส่วนตัวผู้เขียนยังคงไม่ได้เกลียดแกเลย แค่ไม่เข้าใจ และปวดประสาทกับการทำงานของแกเท่านั้น ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำทีมแบบคนไม่มีเซนส์เช่นนี้

ผมไม่ได้เกลียดแก แต่ผมคิดว่าหมดเวลาของแกแล้วจริงๆ

แน่นอนว่า ต่อให้โซลชาจะ “หมดสภาพการเป็นผู้จัดการทีม” ไปแล้วในมุมมองของผม แต่มันก็เป็นคนละภาพกับความเป็นตำนานสมัยนักเตะ ที่เราจะไม่เอาไปปนกัน ซึ่งตอนนั้นเขาคือฮีโร่จริงๆ และเป็นอดีตลูกเรือของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เราชื่นชอบมากที่สุดคนนึงในบรรดาตำนานแมนยู กับชาย

ผู้ซึ่งยิงประตูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรมา

แม้จะเป็นแบบนี้ แต่ผมก็จะยังคงมองเขาเป็นตำนานสโมสรคนเดิมที่เคยรู้จักอยู่ดี

ภาพจำเหล่านั้นจะไม่มีทางแปดเปื้อนใดๆทั้งสิ้น

ในบทบาทหน้าที่การเป็นผู้จัดการทีม โซลชาทำได้ดีในแง่ที่เข้ามาแก้ไขปัญหาซับซ้อนยุ่งเหยิงของทีมไปเยอะมาก รวมถึงวาง “รากฐานโครงสร้างทีม” ที่มีอนาคตระยะยาวเอาไว้อย่างเต็มที่ไปหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวหลักอายุน้อย / ทีมเยาวชนที่มีตัวดีๆเยอะแยะมากมาย

 เขาเข้ามาแก้ไขปัญหาได้ดีมากๆ แต่เมื่อถึงเวลาที่ลุยงานหน้าฉากในขณะเรียลไทม์ของการแข่งขันแต่ละแมตช์ ต้องบอกเลยว่า สกิลหน้างานของโอเล่นั้นโคตรย่ำแย่จริงๆ ไม่ต่างอะไรกับผู้จัดการทีมระดับกลางๆทั่วไป ที่ไม่ได้มีชุดความคิดดีๆเหมือนผู้จัดการทีมระดับแนวหน้า

ถึงตอนนี้มันไม่เหลืออะไรแล้วล่ะโซลชา ขอบคุณที่เข้ามาแก้ไขปัญหาให้ทีมไปได้เยอะมากๆ และพาทีมดีขึ้นมาในปีที่แล้ว และสร้างวัตถุดิบดีๆเอาไว้ให้ทีมในปีนี้เต็มไปหมด

ผมจะจดจำภาพการเป็นผู้จัดการทีมของเขาเฉพาะในแง่ของ “สิ่งดีๆ” ที่โอเล่สร้างมาให้ทีมชุดปัจจุบันอย่างมากมายมหาศาล

และจะยินดีอย่างยิ่งถ้าเขาได้ปรับเปลี่ยนบทบาทหน้าที่ไปดำเนินการบริหารงานหลังฉากต่อไป ในการช่วยพาทีมไปในทิศทางที่ถูกต้อง กับตำแหน่ง Director สักหน้าที่หนึ่งของสโมสร

ไม่ต้องออกไปอยู่ที่ไหน ทำงานด้วยกันต่อไป แต่เปลี่ยนหน้าที่เท่านั้นเอง

แต่อย่างแรกก่อนเลยคือ “คุณขับรถคันนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว” ถึงเวลาที่ต้องคืนรถ แล้วปล่อยให้คนอื่นได้มาเป็นคนขับให้เราบ้าง เพื่อที่จะพารถคันที่ชื่อว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ไปได้ไกลกว่านี้ ในจุดที่ทีมควรจะอยู่

จนถึงตอนนี้ผมยังไม่มีความรู้สึกที่เกลียดโซลชาเลยแม้แต่น้อยแบบที่จะต้องด่ากันหยาบๆคายๆด้วยอารมณ์โกรธ หงุดหงิดที่รับไม่ได้ ผมไม่ทำแบบนั้น

แต่ถ้าให้ถามว่า สำหรับผู้จัดการทีมคนนี้ เอาไงต่อไป?

ผมตอบได้ชัดเจนเลยว่า นี่คือการไล่โอเล่ “ครั้งที่สอง” แล้ว จากที่ครั้งแรกเคยขึ้นคำๆนี้มาครั้งนึงแล้ว และโซลชาก็กดอัลติพาทีมผ่านพ้นช่วงดังกล่าว รอดตัวมาได้หวุดหวิด และผงาดขึ้นในปีที่แล้ว

กลับกัน ปีนี้ทีมแย่ลง และจุดอ่อนในตัวเขาก็เผยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนมันปิดไม่มิดอีกต่อไป และเราเห็นแล้วว่า ต่อให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้ เขาก็จะยังคงทำแบบเดิมๆ ทรีทนักเตะบางคนแย่ๆเหมือนเดิม ไม่ไว้วางใจลูกทีม มีระบบลูกรัก และอ่อนแอในเรื่องของชุดความคิดแบบ “ผู้ชนะ” ที่ไม่มีอยู่ในการทำทีมของเขาเลย

ข้อสุดท้ายนี่สำคัญมาก เพราะเขาทำทีมแบบผู้แพ้นี่แหละ ที่เรามองเห็นแล้วว่า ควรพอกันได้สักทีสำหรับผู้จัดการทีมคนนี้ เพราะนี่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือแม้กระทั่งโจเซ่ มูรินโญ่เองก็ตามที

ในเมื่อความคิดมันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนได้ยาก ยิ่งไม้แก่แบบโอเล่แล้ว คงหวังอะไรไม่ได้อีกแล้ว

มันมองไม่เห็นอีกแล้วว่าอนาคตจะประสบความสำเร็จได้ด้วยผู้จัดการทีมที่มีmindsetแบบนี้

Enough is Enough จะไม่ทนอีกต่อไป ถ้าไม่ไหวก็คือไม่ไหว มันถึงเวลาที่ต้องพอแล้ว ถึงเวลาที่ต้อง “หยุด” และปล่อยบังเหียนนี้แล้ว

กับนาฬิกาเรือนเก่าที่เขาไขลานเอาไว้ เกลียวกลไกมันหมุนฟันเฟืองมาจนถึงจุดสุดท้ายที่เข็มนาฬิกาจะเดินต่อ และมันกำลังจะหยุดการทำงานลงแล้ว พร้อมกับเวลาที่หมดลงไปนับตั้งแต่บัดนี้

ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่โอเล่จะทำเพื่อทีมได้ เหมือนที่ผ่านๆมาที่เขาทำเพื่อทีมมาตลอดในวิธีการของเขา ซึ่งเรารู้สึกขอบคุณมากๆและไม่เคยลืมว่า โอเล่ทำให้เรามีความสุขกับการดูบอลอีกครั้ง และเคยได้รับความหวังว่าทีมเราจะประสบความสำเร็จได้ในอนาคต

แต่จะขอบคุณยิ่งขึ้น ถ้าเขา พิจารณาตัวเอง” และรู้ว่า ไม่สามารถทำทีมนี้ต่อไปได้อีกแล้ว เพราะไม่สามารถควบคุมอะไรให้ทีมทำได้อย่างที่ใจคิด ทั้งๆที่มีนักเตะระดับโลกอยู่เต็มทีม และsquad depthเรื่องตัวรุกก็ไม่เป็นสองรองใครในพรีเมียร์ลีก

ถ้ารู้ตัวเองจริงๆ ได้โปรดทำสิ่งนี้เพื่อเราเถอะ เพราะแม้ผลงานจะเป็นแบบนี้ ยังไงผมคนนึงแน่ๆล่ะที่ไม่ได้เกลียดคุณเลย แม้กระทั่งตอนนี้ คุณจะเป็นตำนานในใจผมตลอดไป ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม

แต่ช่วยแสดงความรับผิดชอบ และเสียสละเพื่อทีมสักครั้งเถอะ เปิดโอกาสให้เราได้รับอะไรดีๆใหม่ๆเข้ามาดูแลที่นี่ต่อ ในการรับมือคุมทีมนี้ต่อจากคุณ ที่คุณสร้างมันมาตลอดเกือบสามปี

มันดีพอที่จะส่งไม้ต่อให้คนอื่นได้แล้ว นี่คือการทำเพื่อทีมครั้งสุดท้าย เพื่อแก้ไขทุกสิ่งที่มันแตกสลายไปพร้อมกับความรู้สึกของแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเมื่อวานให้มันกลับมาดีขึ้น

ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมเพื่อสโมสรเราได้ไหมโซลชา คุณหมดเวลาแล้วนะ.. ออกเถอะ

It’s time to say goodbye

#OleOut

-ศาลาผี-

ภาพนี้คือภาพเก่าที่ถูกใช้ในครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว จากการOleOutครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มกราคม ปี2020

[Update] 10 เกมออกกำลังกาย ที่คน (ต้อง) อยู่ติดบ้านก็เฮลท์ตี้ได้ (10 Recommended Fitness Games) | เพลง ฉัน ไม่ ได้ ใคร ก็ ต้อง ไม่ ได้ – NATAVIGUIDES

แชร์หน้าเว็บนี้ :

10 เกมออกกำลังกาย ที่คน (ต้อง) อยู่ติดบ้านก็เฮลท์ตี้ได้
(10 Recommended Fitness Games)

เพราะโควิดเป็นพิษ เลยทำให้ชีวิตประจำวันของใครหลายคนต้องเปลี่ยนไป หนึ่งในนั้นคือการออกกำลังกายนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการไปสวนสาธารณะ ไปฟิตเนส หรือแม้กระทั่งลานอเนกประสงค์ตามชุมชน ก็ต้องถูกงดไปเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในสังคม แถมการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ก็ยิ่งทำให้ไม่ได้ขยับร่างกายเข้าไปใหญ่ จากที่ปกติต้องมีการเดินทางไป – กลับที่ทำงาน ก็กลายเป็นว่าไม่ได้ออกไปไหนเลย

แต่ชีวิตคนเราต้องการการออกกำลังกายกันสักหน่อยเพื่อให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญ และทำให้สุขภาพดีได้ในระยะยาว ทว่า การไม่ได้ออกกำลังกายนาน ๆ ก็อาจทำให้เริ่มหมดไฟ ดังนั้น เรามาหาเกมเรียกเหงื่อสนุก ๆ เล่นกันดีกว่า กับ 10 เกมออกกำลังกายที่คน (ต้อง) อยู่ติดบ้านก็สุขภาพดีได้ค่ะ

1. เกม Ring Fit Adventure

แพลตฟอร์มที่รองรับ :

  • Nintendo Switch

เกม Ring Fit Adventure หนึ่งในเกมที่ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นเกมออกกำลังกายที่สามารถเล่นสนุกแล้วได้เหงื่อจริง แถมยังลดน้ำหนักได้จริงถ้าหากคุณมีวินัยในการเล่นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย เกมนี้จะใช้การตรวจจับการเคลื่อนไหวจากอุปกรณ์ที่เรียกว่า Ring-Con ที่มีรูปร่างเหมือนห่วงฮูลาฮูป แต่มีความยืดหยุ่นกว่าเพราะสามารถบีบเข้า – ดึงออกได้ตามที่ตัวเกมกำหนดไว้ และสายรัดขาที่สามารถใส่ Joy-Con เข้าไปได้ ซึ่งอุปกรณ์ทั้งสองจะมาพร้อมตัวเกมเลยในเวลาที่คุณซื้อมาเล่น

เกม Ring Fit Adventure  เกม Ring Fit Adventure

อนึ่ง ผู้เขียนเคยรีวิวตัวเกมไว้แล้ว สามารถตามไปอ่านรีวิวกันได้ที่ รีวิว Ring Fit Adventure เกมออกกำลังกายที่จะผ่านด่านไปได้ต้องออกแรงกันหน่อย ! หรือจะตามไปดูไลฟ์สดย้อนหลังที่ผู้เขียนสตรีมไว้ ก็สามารถตามไปได้ที่ Ring Fit Adventure – ผจญภัยเรียกเหงื่อกันเถอะ

2. เกม Fitness Boxing / Fitness Boxing 2 : Rhythm & Exercise

แพลตฟอร์มที่รองรับ :

  • Nintendo Switch

เกม Fitness Boxing และ Fitness Boxing 2 : Rhythm & Exercise ทั้งสองเกมเป็นเกมต่อยมวย ที่ภาคแรกขายดิบขายดีจนต้องมีภาค 2 ตามออกมาให้ได้เล่นกัน วิธีการเล่นก็ไม่ยาก เพียงแค่คุณคล้อง Joy-Con เข้ากับข้อมือทั้งสองและกำ Joy-Con ไว้เสมือนคุณกำมือเพื่อต่อยมวยนั่นล่ะ จากนั้นก็จัดการปล่อยท่าฮุคซ้าย ต่อยขวา หมัดตรง หรือท่าอื่น ๆ ตามแต่ที่เกมจะกำหนดมาให้ โดยที่คุณจะต้องต่อยให้เข้ากับจังหวะเพลงด้วยนะ ถึงจะได้คะแนนดี ซึ่งถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำแล้วล่ะก็ รับรองว่าจะต้องมีปวดแขนกันบ้าง

เกม Fitness Boxing และ Fitness Boxing 2 : Rhythm & Exercise   เกม Fitness Boxing และ Fitness Boxing 2 : Rhythm & Exercise

3. เกม Just Dance

แพลตฟอร์มที่รองรับ :

  • Windows PC, PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, Nintendo Switch, iOS, Android, Stadia

เกม Just Dance ทุกภาค ถือเป็นเกมออกกำลังกายชั้นดี ไม่ว่ามันจะอยู่บนแพลตฟอร์มไหนก็ตาม คุณจะได้ขยับเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อเต้นไปตามจังหวะเพลงและท่าทางที่เกมกำหนดเพื่อทำคะแนน ซึ่งภาคล่าสุดของแฟรนไชส์นี้คือ Just Dance 2021 ที่มีเพลงยอดนิยมมากมายทั้งเพลงสากลและเพลงเกาหลี เช่น Don’t Start Now – Dua Lipa, Feel Special – TWICE, Señorita – Shawn Mendes & Camila Cabello, และเพลงอื่น ๆ อีกเพียบ แถมถ้าเพลงไม่จุใจพอ ยังสามารถสมัครสมาชิก Just Dance Unlimited เพื่อเล่นเพลงในภาคเก่า ๆ ได้ด้วย

เกม Just Dance   เกม Just Dance

4. เกม Beat Saber

แพลตฟอร์มที่รองรับ :

  • Windows PC, PS4, Oculus Quest

เกม Beat Saber เป็นเกมที่จะต้องใช้เครื่องเล่น VR ในการเล่นกับเครื่องเล่นนั้น ๆ ที่คุณมี เช่น ถ้าคุณซื้อใน Steam ก็จะสามารถเล่นด้วยแว่น VR อย่าง HTC Vive, Oculus Rift, และ Windows Mixed Reality ได้ แต่ถ้าเล่นบน PS4 ก็จะต้องใช้ PlayStation VR พร้อมด้วย PS Move อีกสองอันในการเล่นด้วย (มีแค่แว่นไม่ได้นะ) โดยเกมนี้ เราจะได้สวมบทบาทเป็นเจไดที่ถือดาบไลท์เซเบอร์ในมือทั้งสองข้าง เพื่อรอฟันลูกบาศก์ที่ไหลเข้ามาตามจังหวะเพลง ถ้าหากเราสวิงแขนได้กว้างขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะได้คะแนนเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้นเท่านั้น เห็นอย่างนี้ไม่ใช่ของง่าย ๆ นะ โดยเฉพาะระดับความยากตั้งแต่ Hard ขึ้นไปนี่ เหนื่อยใช้ได้เลยล่ะ

เกม Beat Saber   เกม Beat Saber

5. เกม Mario Tennis Aces

แพลตฟอร์มที่รองรับ :

  • Nintendo Switch

เกม Mario Tennis Aces ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเกมเทนนิส ดังนั้น เราก็จะได้สวมบทบาทเป็นตัวละครในเกมเพื่อตีเทนนิสกัน โดยเราจะต้องทำการจับ Joy-Con ไว้ในมือเสมือนจับไม้แร็กเก็ต (Racket) แล้วขยับท่าทางให้ตรงกับตำแหน่งของตัวละครในเกมเพื่อทำการเสิร์ฟลูกหรือโต้กลับ ซึ่งเกมนี้สามารถเล่นได้ทั้งแบบเดี่ยว (เล่นกับ NPC) และแบบคู่ (เล่นด้วยกันสองคน หรือตีกันเองก็ได้) ถ้าหากอยากจะได้ฟีลออกกำลังกายจริง ๆ ล่ะก็ แนะนำให้ลุกมาเล่นกันหน้าจอทีวีเลย จะได้อรรถรสสุด ๆ แถมในปัจจุบันยังมีไม้แร็กเก็ตที่เอาไว้เสียบกับ Joy-Con มาขายแล้วด้วย ใครอยากได้ความสมจริงก็ลองไปหาซื้อกันดู

เกม Mario Tennis Aces   เกม Mario Tennis Aces

6. เกม Zumba Burn It Up !

แพลตฟอร์มที่รองรับ :

  • Nintendo Switch

เกม Zumba Burn It Up ! เกมที่เปิดให้คุณได้เต้นบริหารร่างกายอย่างจริงจังตามจังหวะซุมบา เกมนี้จะต่างจาก Just Dance ตรงที่ใช้คนจริง ๆ เข้าไปเป็นแบบให้เราเต้นตามภายในเกม อยากให้ลองนึกภาพตามถึงเวทีที่มีคนสอนเต้นแอโรบิคตามลานกว้างของห้าง และเปิดเพลงให้คนที่มาเข้าร่วมเต้นตามกัน ฟีลจะคล้าย ๆ ประมาณนั้น แต่จะต่างกันตรงที่ เพลงเป็นจังหวะซุมบาล้วน ๆ และมีความเข้มข้นของท่าที่ใช้พอสมควร เรียกว่าถ้าคุณเต้นจนจบเพลงได้โดยที่ไม่ลดความแรงของการเต้นลงแล้วล่ะก็ ความแข็งแกร่งของคุณอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดาแล้วแน่นอน

เกม Zumba Burn It Up !   เกม Zumba Burn It Up !

7. เกม ARMS

แพลตฟอร์มที่รองรับ :

  • Nintendo Switch

เกม ARMS เป็นเกมต่อสู้บนสังเวียนโดยการใช้หมัดยางยืดมาสู้กัน (นึกถึง One Punch Man ไว้ มันคล้าย ๆ กัน) โดยเราสามารถปล่อยหมัดตรง, หมัดฮุค, แดชหลบ, หรือแม้กระทั่งชาร์จหมัดไว้เพื่อรอโอกาสต่อยรัวไม่ยั้งในคราวเดียวได้ด้วย เมื่อไม่สามารถหลบการโจมตีได้ ก็สามารถกดตั้งการ์ดเพื่อรับหมัดได้แทน และเมื่อสบโอกาส ก็สามารถกดจับคู่ต่อสู้เข้ามาใกล้ ๆ เพื่อทำการปล่อยกระบวนท่าต่อยเสยออกไปได้เช่นกัน เกมนี้ใช้ Joy-Con สองข้างต่อผู้เล่น 1 คน ดังนั้น ถ้าจะเล่นกับเพื่อน ก็อย่าลืมหา Joy-Con มาเพิ่มอีกคู่ด้วยนะ

  เกม ARMS   เกม ARMS

8. เกม Jump Rope Challenge

แพลตฟอร์มที่รองรับ :

  • Nintendo Switch

เกม Jump Rope Challenge เป็นเกมเล่นง่าย ๆ โหลดฟรีได้ตลอดเวลาใน Nintendo eShop แถมตัวเกมขนาดเล็กมาพร้อมกับกติกาที่ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่คุณถอด Joy-Con ทั้งสองข้างมาไว้ในมือ แล้วจับให้เหมือนกับตอนที่คุณจับด้ามจับเชือกกระโดด จากนั้น กดปุ่มเริ่มแล้วหมุนข้อมือพร้อมกระโดดเป็นจังหวะได้เลย ตัว Joy-Con จะทำการจับการเคลื่อนไหวของเราพร้อมนับจำนวนครั้งให้เสร็จสรรพ ซึ่งตัวเกมจะมี Challenge ให้เราทำด้วยการกระโดดให้ครบ 100 ครั้ง / วัน หลังจากนั้นก็จะทำการบันทึกสถิติความต่อเนื่องในการกระโดดเชือกให้เราในทุก ๆ วันที่ทำสำเร็จโดยอัตโนมัติ ส่วนถ้าใครอยากตั้งเป้าให้เกิน 100 รอบ ก็สามารถกด Next เล่นต่อได้

เกม Jump Rope Challenge   เกม Jump Rope Challenge

9. เกม Mario and Sonic at the Olympic Games Tokyo 2020

แพลตฟอร์มที่รองรับ :

  • Nintendo Switch

เกม Mario & Sonic at the Olympic Games Tokyo 2020 คือเกมที่รวมเอากีฬาที่ถูกบรรจุในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี ค.ศ. 2020 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มาให้คุณได้เล่นกันผ่านตัวละครที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีอย่าง Mario และ Sonic ที่มากับผองเพื่อนแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ผ่านการแข่งขันที่หลากหลายที่ทำให้คุณเล่นเกมนี้ได้อย่างคุ้มค่าแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น วิ่งกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง, ชกมวย, ว่ายน้ำ, เทควันโด, สเก็ตบอร์ด, เซิร์ฟสเก็ต, ฟุตบอล, และอื่น ๆ อีกเพียบ ซึ่งเกมนี้สามารถเล่นด้วยกันได้สูงสุดถึง 8 คนในเครื่อง Switch หนึ่งเครื่อง ดังนั้น อย่าลืมเตรียม Joy-Con ให้พอกับจำนวนคนเล่นด้วยล่ะ

เกม Mario & Sonic at the Olympic Games Tokyo 2020   เกม Mario & Sonic at the Olympic Games Tokyo 2020

10. เกม Fitforce

แพลตฟอร์มที่รองรับ :

  • Windows PC, Mac OS, iOS, Android

เกม Fitforce เป็นเกมออกกำลังกายฝีมือคนไทย ที่ได้รับเสียงโหวตในระดับ แง่บวกเป็นส่วนมาก (Mostly Postive) และด้วยความที่เป็นเกมคนไทยนี้เอง ที่ทำให้สามารถอ่านและเข้าใจเกมได้ไม่อยากด้วยเมนูภาษาไทย การออกกำลังกายสามารถทำได้โดยการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับ PC ที่ทำการดาวน์โหลดและติดตั้งเกมไว้แล้วใช้มือถือของคุณเป็นตัวจับการเคลื่อนไหวเพื่อให้แสดงผลที่ PC และที่สำคัญ เกมนี้สามารถติดตั้งฟรีและเล่นได้ฟรี ! ทั้งบนมือถือและ PC แต่ถ้าใครต้องการเล่นมินิเกมอื่น ๆ เพิ่มเติมจากที่มีให้ ก็สามารถจ่ายเงินซื้อมินิเกมเพิ่มเพื่ออุดหนุนผู้พัฒนาไทยกันได้

เกม Fitforce   เกม Fitforce   เกม Fitforce


เหตุผล_ปาน.wmv


นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

เหตุผล_ปาน.wmv

Thời Không Sai Lệch , Yến Vô Hiết – Top 15 Bản Nhạc Tik Tok Trung Quốc Gây Nghiện 2021 🎶 Zinn Music


🎶 Thời Không Sai Lệch , Yến Vô Hiết Top 15 Bản Nhạc Tik Tok Trung Quốc Gây Nghiện 2021 🎶
tiktok edmtiktok nhactiktok nhactrung zinnmusic
✓ Top 20 Bản Nhạc Tik Tok Trung Quốc Gây Nghiện 2021: https://www.youtube.com/watch?v=7Q79u0R5GUY
✓ Top 15 Bản Nhạc Tik Tok Trung Remix 2021 : https://www.youtube.com/watch?v=n8UfbqEglTU
✓ Top 15 Bản Nhạc Tik Tok Hay Nhất 2021 : https://www.youtube.com/watch?v=NTU6MqL2u1o
📋 Track List
00:00 Thời Không Sai Lệch
03:24 Bạch Nguyệt Quang Và Nốt Chu Sa
06:50 Yến Vô Hiết
10:10 Phi Điểu Và Ve Sầu
15:00 Đại Thiên Bồng
19:07 Bất Quá Nhân Gian
23:13 Kiêu Ngạo
27:27 Đông Miên
31:55 Dũng Khí
35:55 Thiếu Niên
39:49 Màu Xanh
44:19 Sau Này Khi Gặp Được Anh Ấy
48:25 Thế Giới Tươi Đẹp Ôm Trọn Lấy Em
51:25 Sứ Thanh Hoa
55:21 Thương Ly Biệt
🎬 Link Tải Nhạc : https://drive.google.com/file/d/1YygTxulZHP9jAiYuzWTKwCjvbOd0uu2S/view?usp=drivesdk
📷 Link Ảnh : https://drive.google.com/file/d/10O6txfGyzXjor0CMXIJgRzhUSLTBY4ZK/view?usp=drivesdk
❤️ Hợp tác, quảng cáo, khiếu nại các vấn đề về bản quyền liên hệ chúng tôi qua mail: [email protected]
❤️ Nếu bạn thấy hay thì Subcribes và ấn chuông 🔔 thông báo để không bỏ lỡ video mới :3
💠 Tag: EDM Tik Tok Remix 🎶
( edm , nhạc tik tok , edm tik tok trung quốc , nhac tik tok nhac gay nghien , nhạc tik tok remix , edm tik tok gây nghiện , edm tik tok 2020 , edm tik tok 2020 , edm 2021, edm 2021 , edm remix , edm china , min yang edm tik tok , nhac tik tok hot , hot douyin , douyin remix , nhac hoa remix , edm nhẹ nhàng , edm tik tok trun quốc remix , edm gay nghien , edm tiktok , nhac tiktok , edn tik tok 2021 , edm tik tok , tik tok , nhac tik tok hay 2020 , nhạc edm tik tok , nhạc tik tok 2020 , nhạc remix tik tok , tik tok songs , nhac tik tok remix , tik tok thailand , edm tik tok 8d , nhac thai lan remix , edm thái lan remix , nhạc tik tok thái lan remix , nhạc 8d , edm thái lan remix tik tok , edm remix thailand , nhạc thái lan remix , edm 8d , edm tik tok thailand , nhạc 8d remix , TIK TOK MUSIC GÂY NGHIỆN 2020 , 抖音 Douyin , douyin , tik tok music gây nghiện 2020 , tik tok music , music tik tok , tik tok china , tik tok trung quoc , yêu thích nhất , 2021 , tik tok 2021 , edm nhe nhang thu gian , edm tik tok thu gian , edm tik tok nhe nhang thu gian , edm tik tok song , edm tik tok china , nhạc trung quốc tik tok , nhac trung quoc remix , tik tok trung quốc , tiktok , edm tik tok songs )

Thời Không Sai Lệch , Yến Vô Hiết - Top 15 Bản Nhạc Tik Tok Trung Quốc Gây Nghiện 2021 🎶 Zinn Music

ถ้าฉันไม่ได้ เธอก็ไม่ได้ Ost.กุหลาบราคี | แนน วาทิยา | Official MV


Digital Download 4933042
Tha Chan Mai Dai Thoe Ko Mai Dai Ost.Kulap Rakhi
ศิลปิน แนน วาทิยา
คำร้อง The Must
ทำนอง เรืองกิจ ยงปิยะกุล
เรียบเรียง บุรินทร์ สุภัครพงษ์กุล
ความรักก็เหมือนของรักของหวงที่ไม่อยากให้ใครมาแย่งไป แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้รักตอบ แต่ก็ไม่มีวันให้คนอื่นมาครอบครองแทน จะทำทุกวิธีทางเพื่อรักษาความรักครั้งนี้ไว้แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ยอม ซึ่งการถ่ายทอดอารมณ์จริงจังหนักหน่วงแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “แนน วาทิยา” นักร้องคุณภาพที่ร้องได้กินใจทุกเพลง
iTunes Store,True Music, JOOX และ Qikplay: http://www.qikplay.com
FB : http://www.facebook.com/ChandelierMusicLabel และ http://www.facebook.com/ch3soundtrack
IG : @chandelier_music และ @Ch3Thailand Music Youtube : Ch3 Thailand Music WWW.เพลงละครช่อง3.com
ฉันไม่เคยจะยอมแพ้ ไม่เคยจะสนใจ อยากจะได้อะไร ยังไงต้องได้มา
ยังจริงจังอยู่กับเขา ไม่มีวันเลิกรา ถ้าเธอคิดเข้ามา อย่าหาว่าใจร้าย
อยากให้เธอนั้นคิดดีดี เรื่องอย่างนี้มีใครยอมให้ใคร ถึงต้องตาย ก็คงไม่ยอม
ถ้าฉันไม่ได้ เธอก็อย่าหวังว่าจะได้ เรื่องของหัวใจ จะยังไงให้มันได้รู้กัน
ถ้าฉันไม่ได้ ไม่ให้ใครได้ทั้งนั้น ต้องข้ามศพฉันถ้ามีใครได้เขาไปครอบครอง
คงไม่ต้องให้พูดซ้ำ ช่วยจำไว้ให้ดี ถ้าสมองเธอมี ก็ควรจะใช้มัน
ลืมไปเลยว่ามีเขา ที่เธอนั้นต้องการ อย่าให้ฉันรำคาญ ไปหาคนอื่นไป
(ซ้ำ /)

ถ้าฉันไม่ได้ เธอก็ไม่ได้ Ost.กุหลาบราคี | แนน วาทิยา | Official MV

ฉันไม่ได้…ใครก็ต้องไม่ได้ : Parn ( เกร้ท Cover )


17/04/2013
Download MP3 ได้ที่ 339025 และ http://bit.ly/YDHQCj
Download on itunes : http://bit.ly/X4VHiU
Listen on Deezer : http://bit.ly/158RiSA
ฉันไม่ได้…ใครก็ต้องไม่ได้ (เพลงประกอบละครบ่วงบาป) : ปาน ธนพร
\”ปาน ธนพร\” กับการถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละคร \”รำพึง\” ที่แสดงโดย \”พลอย เฌอมาลย์\” ในละครเรื่อง \”บ่วงบาป\” และเรื่องราวทั้งหมดที่อยู่ในเพลงนี้
เพลงเนื้อหาแรง จี้ตรงทุกความรู้สึกของผู้หญิง จากศิลปินคุณภาพ ที่พูดแทนผู้หญิงวันนี้ได้ดีที่สุด
ปาน ธนพร Fanpage : https://www.facebook.com/ParnThanaporn
ปาน ธนพร instagram : @parnthanaporn
เพลง : ฉันไม่ได้…ใครก็ต้องไม่ได้ (เพลงประกอบละครบ่วงบาป)
ศิลปิน : ปาน ธนพร
อัลบั้ม : ฉันไม่ได้…ใครก็ต้องไม่ได้ (เพลงประกอบละครบ่วงบาป) Single
คำร้อง สุทธิพงษ์ สมบัติจินดา
ทำนอง วุฒิชัย สมบัติจินดา
เรียบเรียง คีรินทร์ คุ้มรักษ์
ไม่ให้เธอเป็นของใคร ไม่แบ่งให้ใช้ ไม่ครองร่วมกัน ไม่ยอมมีวันที่แยกกันไกล
จะกีดกันเธอทุกทาง จะขัดและขวางจะเป็นเหมือนไฟ เผาใครให้เอื้อมมือมาไม่ถึง
ตรงนี้ฉันคือที่หนึ่ง จงจำให้ซึ้งหัวใจ
ถ้าฉันไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ต้องไม่ได้เธอ เพราะฉันมีเธอที่เป็นเหมือนลมหายใจ
จะผิดก็รับ จะบาปก็พร้อม แต่ฉันไม่ยอมให้ใคร ถ้าหากจะแพ้ก็ขอแค่ตาย…อยู่ข้างเธอ
หากมีใครทรมาน ต้องไม่ใช่ฉันคนเดียวปวดร้าว เพราะเขาก็ต้องจะต้องรับมันไป
บ่วงกรรมทำมาด้วยกัน ดลใจให้ฉันต้องเป็นเหมือนไฟ เผาใครให้เอื้อมมือมาไม่ถึง
(ซ้ำ , )
คนนี้ต้องเป็นที่หนี่ง จงจำให้ซึ้งหัวใจ
ถ้าฉันไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ต้องไม่ได้เธอ ไม่ว่าจะเจอนรกขุมที่เท่าไหร่
มันผิดก็รับ มันบาปก็เห็น แต่ฉันไม่เป็นฝ่ายไป ถ้าหากจะแพ้ก็ขอแค่ตาย…อยู่ข้างเธอ
ถ้าผิดจากนี้ก็ขอสิ้นใจ…ต่อหน้าเธอ

ฉันไม่ได้...ใครก็ต้องไม่ได้ : Parn ( เกร้ท Cover )

URBOYTJ – ช่วยไม่ได้ (CAN’T HELP) – OFFICIAL VISUALIZER


Produced By URBOYTJ
Arranged By Jirayut Phaloprakarn
Composed By Jirayut Phaloprakarn, Narongsak Sribandasakwatcharakorn
Written By Jirayut Phaloprakarn, Thanee Wongniwatkajorn, Noppa Hoisung
Keyboard By Chonlatas Chansiricharoengul
Guitar By Narurthai Samattanawin
Additional Vocal by Supanut Sewaga
Recording at Kandee Studio
Mixed By Tyree Thomas
Mastered By Randy Merrill
VERSE 1
เธอใส่ใจคนอยู่เป็นร้อย
คนถูกใจเธออยู่นับพัน
ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้
ที่จะรวมฉัน
เธอดูดีในแบบของเธอ
แค่ได้เจอฉันก็เผลอสั่น
ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้
ที่ใครรุมรักเธอ
PRE
เอาจริงแค่ได้มอง ก็ตายแล้วตายอีกอ่ะ
ไม่ให้มีเจ้าของอ่ะ ไม่ให้ใครจีบอ่ะ
ไม่อยากให้มีแฟนอ่ะ ไม่งั้นฉันคงแย่อ่ะ
ช่วยอยู่ให้ฉันมองไปตลอด Like this
HOOK
อยู่คนเดียวงี้ดีจะตาย 
อย่าเพิ่งมีใครให้ตายเชื่อเหอะ
แค่เธอนะบอกว่าเธอยังเหงา ฉันก็สบายใจ
อยู่คนเดียวด้วยกันก็พอ
ไม่ได้ขอให้เธอมาใกล้
อยู่เป็นความหวังของใครต่อใคร ให้ไปนานๆ
VERSE2
ก็เธอดีจนมีภาระ
เป็นที่รักของทุกๆคน
ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้
ที่จะหลงรัก
ก็เพราะงั้นฉันเลยยิ่งหวง
เธอมาทำให้ฉันไหวหวั่น
ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้
Oh baby
PRE, HOOK,
BRIDGE
มาอยู่กับฉันก็ได้ไม่ต้องมีแฟนหรอก
มีข้งมีคู่อะไร ไม่ต้องไปแชร์หรอก
อย่าดื้อได้มั้ย ทำไมไม่เชื่อที่แม่บอก
ไม่ต้องไปหวานกับใคร เธอไม่ใช่แครอท
ถึงไม่ใช่แฟนแต่จะไม่เหงาอย่างแน่นอน
ถ้าไม่อย่างงั้นเอาฉันไปคุยด้วยแทนก่อน
คนเดียวไม่ตายหรอก เธอไม่ต้องมีแฟนหรอก 
จะได้ป่าว
HOOK,
URBOYTJ ช่วยไม่ได้ CANTHELP

URBOYTJ -  ช่วยไม่ได้ (CAN'T HELP) - OFFICIAL VISUALIZER

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เพลง ฉัน ไม่ ได้ ใคร ก็ ต้อง ไม่ ได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *