[NEW] Boolean – JavaScript | เครื่องหมายคำถาม – NATAVIGUIDES

The value passed as the first parameter is converted to a boolean value, if necessary. If the value is omitted or is 0, -0, null, false, NaN, undefined, or the empty string (""), the object has an initial value of false. All other values, including any object, an empty array ([]), or the string “false“, create an object with an initial value of true.

Do not confuse the primitive Boolean values true and false with the true and false values of the Boolean object.

Any object of which the value is not undefined or null, including a Boolean object whose value is false, evaluates to true when passed to a conditional statement. For example, the condition in the following if statement evaluates to true:

var
 x 
=
 
new
 
Boolean
(
false
)
;
if
 
(
x
)
 
{
   
}

This behavior does not apply to Boolean primitives. For example, the condition in the following if statement evaluates to false:

var
 x 
=
 
false
;
if
 
(
x
)
 
{
   
}

Do not use a Boolean object to convert a non-boolean value to a boolean value. To perform this task, instead, use Boolean as a function, or a double NOT operator:

var
 x 
=
 
Boolean
(
expression
)
;
      
var
 x 
=
 
!
!
(
expression
)
;
           
var
 x 
=
 
new
 
Boolean
(
expression
)
;
  

If you specify any object, including a Boolean object whose value is false, as the initial value of a Boolean object, the new Boolean object has a value of true.

var
 myFalse 
=
 
new
 
Boolean
(
false
)
;
    
var
 g 
=
 
Boolean
(
myFalse
)
;
        
var
 myString 
=
 
new
 
String
(
'Hello'
)
;
  
var
 s 
=
 
Boolean
(
myString
)
;
       

Do not use a Boolean object in place of a Boolean primitive.

Note: When the non-standard property document.all is used as an argument for this constructor, the result is a Boolean object with the value false. This property is legacy and non-standard and should not be used.

When using == to loosely compare an object to a boolean primitive, it’s important to have a clear understanding of what’s actually being compared. Consider the following example:

if
 
(
[
]
)
 
{
 console
.
log
(
"[] is truthy"
)
}
          
if
 
(
[
]
 
==
 
false
)
 
{
 console
.
log
(
"[] == false"
)
}
  

The reason for [] == false even though [] is truthy is: the comparison [] == false compares the value of [] to false. And to get the value of [], the JavaScript engine first calls [].toString(). That results in "", and that is what’s actually compared to false. In other words, [] == false is equivalent to "" == false. And "" is falsy — and so that’s what explains the behavior in the example.

เครื่องหมายคำถาม (?) เป็น  เครื่องหมายวรรคตอนสัญลักษณ์วางไว้ที่ท้ายของประโยคหรือวลีเพื่อระบุคำถามโดยตรงเช่นเดียวกับใน:  เธอถามว่า “คุณมีความสุขที่จะอยู่บ้าน?”  เครื่องหมายคำถามที่เรียกว่ายังมี  ประเด็นการสอบสวนทราบการสอบสวนหรือ  ประเด็นคำถาม

เพื่อให้เข้าใจเครื่องหมายคำถามและการใช้งานควรทราบว่าในทางไวยากรณ์  คำถาม  คือประโยคประเภทหนึ่งที่   แสดงในรูปแบบที่ต้องการคำตอบ (หรือดูเหมือนจะต้องการ) ยังเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็น  ประโยคคำถามเป็นคำถามซึ่งจะสิ้นสุดลงด้วยคำถามเครื่องหมายเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปจากประโยคที่ทำให้เป็น  คำสั่ง , ให้  คำสั่งหรือเป็นการแสดงออกถึง  อัศเจรีย์

ประวัติศาสตร์

จุดเริ่มต้นของเครื่องหมายคำถามถูกปกคลุมไปด้วย “ในตำนานและความลึกลับ” “Oxford Living Dictionaries” กล่าว อาจเป็นวันที่ชาวอียิปต์ผู้บูชาแมวโบราณที่สร้าง “เส้นโค้งของเครื่องหมายคำถาม” หลังจากสังเกตเห็นรูปร่างของหางแมวที่อยากรู้อยากเห็น มีต้นกำเนิดที่เป็นไปได้อื่น ๆ พจนานุกรมออนไลน์กล่าวว่า:

“ความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งจะเชื่อมโยงเครื่องหมายคำถามกับคำภาษาละติน  quaestio  (‘คำถาม’) สมมุติว่าในสมัยกลางนักวิชาการจะเขียน ‘quaestio’ ไว้ท้ายประโยคเพื่อแสดงว่าเป็นคำถามซึ่งจะถูกย่อให้เป็น  qoในที่สุด  q ก็ถูกเขียนไว้ด้านบนของตัว  oก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นเครื่องหมายคำถามที่ทันสมัยอย่างสม่ำเสมอ “

หรืออีกวิธีหนึ่งอาจใช้เครื่องหมายคำถามนี้โดย Alcuin of York นักวิชาการและกวีชาวอังกฤษที่เกิดในปี 735 ซึ่งได้รับเชิญให้เข้าร่วมศาลของชาร์ลมาญในปี 781 เมื่ออยู่ที่นั่น Alcuin เขียนหนังสือหลายเล่มเป็นภาษาละตินรวมถึงงานบางเล่มเกี่ยวกับไวยากรณ์ด้วย สำหรับหนังสือของเขา Alcuin ได้สร้างเครื่องหมาย  วรรคตอนสอบสวน  หรือ “จุดซักถาม” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่มีลักษณะคล้ายเครื่องหมายทิลเดอร์หรือแสงฟ้าแลบอยู่ด้านบนซึ่งแสดงถึงน้ำเสียงที่ดังขึ้นที่ใช้เมื่อถามคำถาม

ใน “A History of Writing” สตีเวนโรเจอร์ฟิชเชอร์กล่าวว่าเครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นครั้งแรกในราวศตวรรษที่แปดหรือเก้าซึ่งอาจเริ่มต้นด้วยผลงานของ Alcuin ซึ่งเป็นต้นฉบับภาษาละติน แต่ไม่ปรากฏเป็นภาษาอังกฤษจนถึงปี 1587 ด้วยการตีพิมพ์ของ Sir Philip Sidney ” อาคาเดีย” ซิดนีย์ใช้เครื่องหมายวรรคตอนอย่างเต็มที่เมื่อแนะนำให้ใช้เป็นภาษาอังกฤษ: ตามเวอร์ชันของ “Arcadia” ที่ถอดความโดย Risa Bear และเผยแพร่โดย University of Oregon เครื่องหมายคำถามปรากฏในงานเกือบ 140 ครั้ง

วัตถุประสงค์

เครื่องหมายคำถามจะบ่งบอกถึงคำถามหรือข้อสงสัยเสมอ “Merriam-Webster’s Guide to Punctuation and Style” กล่าวเพิ่มเติมว่า “เครื่องหมายคำถามปิดท้ายคำถามโดยตรง” พจนานุกรมให้ตัวอย่างเหล่านี้

• เกิดอะไรขึ้น?
• “ พวกเขามาถึงเมื่อไหร่?”

เครื่องหมายคำถามคือเครื่องหมายวรรคตอน “ต้องการน้อยที่สุด” Rene J. Cappon ผู้เขียน “The Associated Press Guide to Punctuation” กล่าวเพิ่มเติมว่า “สิ่งที่คุณต้องรู้คือคำถามคืออะไรและคุณจะเว้นวรรคตามนั้น”

Merriam-Webster กำหนดคำถามเป็นสำนวนเชิงคำถามซึ่งมักใช้ในการทดสอบความรู้เช่น:

• “วันนี้คุณไปโรงเรียนหรือเปล่า?” 

จุดประสงค์ของเครื่องหมายคำถามดูเหมือนง่าย “คำถามเหล่านี้เป็นคำถามโดยตรงตามด้วยประเด็นการซักถาม” Cappon กล่าว แต่เมื่อมองอย่างใกล้ชิดแสดงให้เห็นว่าเครื่องหมายวรรคตอนที่ดูเรียบง่ายนี้อาจใช้งานยากและง่ายต่อการใช้ในทางที่ผิด

การใช้งานที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง

มีหลายกรณีที่การใช้เครื่องหมายคำถามอาจเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับนักเขียน:

คำถามหลายข้อ:  Cappon บอกว่าคุณใช้เครื่องหมายคำถามหรือแม้แต่เครื่องหมายคำถามหลาย ๆ ข้อเมื่อคุณมีคำถามหลายข้อที่คุณคาดหวังคำตอบหรือคำตอบแม้จะมีส่วนของประโยคเช่น:

• แผนการพักผ่อนของเธอคืออะไร? ชายหาด? เทนนิส? อ่าน “สงครามและสันติภาพ”? การท่องเที่ยว?

โปรดทราบว่าเครื่องหมายคำพูดตอนท้ายของ “สงครามและสันติภาพ” จะอยู่ข้างหน้าเครื่องหมายคำถามเนื่องจากเครื่องหมายวรรคตอนนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชื่อหนังสือ

ละเว้นเครื่องหมายจุลภาคและเครื่องหมายวรรคตอนอื่น ๆ : Harold Rabinowitz และ Suzanne Vogel ใน “The Manual of Scientific Style: A Guide for Authors, Editors, and Researchers” โปรดทราบว่าห้ามวางเครื่องหมายคำถามไว้ ข้าง  ลูกน้ำและไม่ควรอยู่ ถัดจาก  ระยะเวลาการ  ยกเว้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของการ  ย่อเครื่องหมายคำถามทั่วไปไม่ควรจะเป็นสองเท่าสำหรับการเน้นหรือจับคู่กับ  เครื่องหมายอัศเจรีย์

และ “The Associated Press Stylebook, 2018” กล่าวว่าเครื่องหมายคำถามไม่ควรอยู่เหนือเครื่องหมายจุลภาคเช่นใน:

” ‘นั่นใคร?’ เธอถาม.”

คุณจะ  ไม่ จับคู่เครื่องหมายจุลภาคและเครื่องหมายคำถามไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเครื่องหมายคำพูด ในประโยคนี้เครื่องหมายคำถามจะอยู่หน้าเครื่องหมายคำพูดด้วยเพราะมันจบประโยคคำถาม

คำถามอ้อม : ตามกฎทั่วไปไม่ได้ใช้เครื่องหมายคำถามในตอนท้ายของคำถามทางอ้อมเป็นประโยคบอกเล่าที่รายงานคำถามและจบลงด้วยการ เป็นระยะเวลา  มากกว่าเครื่องหมายคำถาม ตัวอย่างของคำถามทางอ้อมคือ เธอถามฉันว่าฉันมีความสุขที่ได้อยู่บ้านไหม Cappon กล่าวว่าคุณอย่าใช้เครื่องหมายคำถามเมื่อคาดว่าจะไม่มีคำตอบและยกตัวอย่างคำถามทางอ้อมเหล่านี้: 

“ คุณช่วยปิดหน้าต่างได้ไหม” มีกรอบเหมือนคำถาม แต่อาจไม่ใช่ เช่นเดียวกับ“ คุณได้โปรดอย่ากระแทกประตูเมื่อคุณออกไป”

Gerald J. Alred, Charles T. Brusaw และ Walter E. Oliu ใน “The Business Writerer’s Companion” เห็นด้วยอธิบายเพิ่มเติมว่าคุณไม่ต้องใส่เครื่องหมายคำถามเมื่อคุณ “ถาม”  คำถามเชิงโวหารโดยพื้นฐานแล้วเป็นข้อความที่คุณไม่ได้ คาดหวังคำตอบ หากคำถามของคุณเป็น “คำขอที่สุภาพ” ซึ่งคุณคิดว่าคุณจะได้รับคำตอบในเชิงบวก – คุณสามารถพกพาไปที่ร้านขายของชำได้ไหม – ใส่เครื่องหมายคำถาม

คำถามภายในคำถามทางอ้อม

การใช้เครื่องหมายคำถามอาจกลายเป็นเรื่องยากยิ่งขึ้นเนื่องจากคู่มือเครื่องหมายวรรคตอนของ Merriam-Webster แสดงให้เห็นในตัวอย่างนี้:

• อะไรคือแรงจูงใจของเธอ? คุณอาจจะถาม

ประโยคนั้นเป็นคำถามทางอ้อม: ผู้พูดไม่ได้คาดหวังคำตอบ แต่คำถามทางอ้อมมีประโยคคำถามซึ่งผู้พูดจะอ้างหรือประกาศความคิดของผู้ฟังเป็นหลัก Merriam-Webster ให้ตัวอย่างที่ยุ่งยากกว่า:

• ฉันสงสัยว่ามันจะได้ผลจริงเหรอ?
•  ด้วยความงงงวย“ ใครจะทำอย่างนั้นได้” เธอสงสัย

ประโยคแรกยังเป็นคำถามทางอ้อม ผู้พูด ( I ) กำลังอ้างถึงความคิดของตัวเองซึ่งอยู่ในรูปของคำถาม แต่ผู้พูดไม่คาดหวังคำตอบดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ประโยคคำถาม Merriam-Webster ยังแนะนำให้คุณจัดรูปประโยคแรกด้านบนใหม่เป็นประโยคประกาศง่ายๆโดยไม่ต้องใช้เครื่องหมายคำถาม:

• ฉันสงสัยว่ามันจะได้ผลจริงหรือเปล่า

ประโยคที่สองยังเป็นคำถามทางอ้อมที่มีประโยคคำถาม สังเกตว่าเครื่องหมายคำถามมา  ก่อน  เครื่องหมายคำพูดเพราะประโยคคำถาม – “ใครสามารถทำสิ่งนั้นได้บ้าง” – เป็นคำถามที่ต้องใช้เครื่องหมายคำถาม

จอร์จเบอร์นาร์ดชอว์ใน “Back to Methuselah” ให้ตัวอย่างคำถามทางอ้อมแบบคลาสสิกที่ประกอบด้วยประโยคคำถาม (หรือคำถาม):

“คุณเห็นสิ่งต่างๆและคุณพูดว่า ‘ทำไม?’ แต่ฉันฝันถึงสิ่งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนและฉันพูดว่า ‘ทำไมไม่?’ “

ผู้พูดกำลังสร้างข้อความสองประโยค เขาไม่คาดหวังคำตอบสำหรับทั้งสองอย่าง แต่ในแต่ละข้อความมีคำถาม – “ทำไม” และ “ทำไมไม่” – ทั้งการอ้างถึงผู้ฟัง

เครื่องหมายการสนทนา

รอยปีเตอร์คลาร์กผู้เขียน “The Glamour of Grammar” เป็นเครื่องหมายคำถามที่เป็นรูปแบบ “มนุษย์ที่ลึกซึ้งที่สุด” เครื่องหมายวรรคตอนนี้ “จินตนาการถึง  การสื่อสารที่  ไม่กล้าแสดงออก แต่เป็นการโต้ตอบแม้กระทั่ง  การสนทนา ” เครื่องหมายคำถามในตอนท้ายของประโยคคำถามบ่งบอกถึงอีกฝ่ายโดยปริยายและแสวงหามุมมองและข้อมูลของเธอ

เครื่องหมายคำถามคือ “กลไกของการโต้วาทีและการสอบสวนความลึกลับการแก้ไขและความลับที่จะเปิดเผยการสนทนาระหว่างนักเรียนกับครูความคาดหวังและคำอธิบาย” คลาร์กกล่าวเสริม ใช้อย่างถูกต้องเครื่องหมายคำถามสามารถช่วยให้คุณมีส่วนร่วมกับผู้อ่านของคุณ สามารถช่วยดึงดูดผู้อ่านของคุณในฐานะพันธมิตรที่กระตือรือร้นซึ่งคำตอบที่คุณต้องการและความคิดเห็นของใครสำคัญ