Skip to content
Home » [NEW] 7 เทคนิค เขียนอีเมล์ email ภาษาอังกฤษธุรกิจ ให้ฝรั่งร้องว้าว | แบบร่าง ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] 7 เทคนิค เขียนอีเมล์ email ภาษาอังกฤษธุรกิจ ให้ฝรั่งร้องว้าว | แบบร่าง ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

แบบร่าง ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

วิธีเขียนอีเมล์ email ภาษาอังกฤษธุรกิจแบบมืออาชีพ

          การติดต่อประสานงาน และการเจรจาทางธุรกิจในปัจจุบันแทบจะหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย โดยเฉพาะทักษะการเขียนภาษาอังกฤษธุรกิจ อันกล่าวกันว่าเป็นหนึ่งใน Skill ปราบเซียนที่อาจทำให้กำแพงภาษาเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ แต่ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะบทความนี้มีตัวช่วย

          การเขียนอีเมล์ (email) ไม่ว่า Gmail หรือ Hotmail ในภาษาไทยเพียงลำพังก็ยากอยู่แล้วที่จะเรียบเรียงถ้อยคำให้กระชับ สวยงาม และเป็นทางการ ยิ่งต้อง เขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษ แล้วเป็น ภาษาอังกฤษธุรกิจ ด้วย อาจทำให้หลายคนอกสั่นขวัญผวากันไปตาม ๆ กัน กระนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีรูปแบบ (pattern) ที่หากเราเข้าใจเทคนิคหรือเคล็ดลับแล้ว ก็จะสามารถช่วยเพิ่มพูนความมั่นใจใน การเขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษธุรกิจ มากขึ้นเป็นทบทวี หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น กลเม็ดมัดใจ (wow factor) ในการเขียน อีเมล์ ของเรา

          วันนี้ เราจึงขอเสนอ 7 เทคนิค เขียนอีเมล์ (Email) ภาษาอังกฤษธุรกิจ ชั้นเซียน ที่ทำให้ฝรั่งผู้รับอีเมล์ของเราต้องร้องว้าวด้วยความชื่นชม แล้วเข้าใจผิดนึกว่าฝรั่งเป็นคนเขียนเลยทีเดียว พร้อมแล้ว มาเริ่มกันเลย

 

Table of Contents

สารบัญ 

  1. เขียนอีเมล์ให้สั้นกระชับ (Always be brief)
  2. ใส่ข้อมูลติดต่อในอีเมล์ Signature ให้ครบถ้วน
  3. ตั้งหัวข้ออีเมล์อย่างเป็นมืออาชีพ
  4. ใช้วาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจผู้รับอีเมล์
  5. ใช้ชั้นเชิงของภาษาให้เกิดประโยชน์ในการเขียนอีเมล์
  6. ใช้ภาษาเป็นทางการเท่าที่จำเป็นในอีเมล์
  7. ก่อนส่งอีเมล์ ให้ตรวจเช็คความถูกต้องของไวยากรณ์และการสะกดคำเสมอ
  8. สรุป

 

1.เขียนอีเมล์ ให้สั้นกระชับ (Always Be Brief)

          ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การเขียนอีเมล์ ไม่ใช่เรียงความหรือบทความที่เราจะต้องใส่เนื้อหาทั้งหมดลงไป เนื่องจากความสนใจและเวลาของผู้อ่านอีเมล์ของเรามีข้อจำกัด ฉะนั้น เราจึงต้องวางแผนให้ดีว่าต้องการให้คนที่อยู่ปลายทางรับรู้ เข้าใจ หรือทำอะไร ด้วยข้อความสั้น ๆ ไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 ก่อนอื่นให้เราถามตนเองก่อนว่าเราเขียนอีเมล์นี้ขึ้นมาเพื่ออะไร โดยอาจทำ Bullet point ง่าย ๆ ขึ้นมาบนกระดาษ เช่น

  • เราต้องการให้เขาทำอะไร
  • เราต้องการให้เขารับรู้หรือเข้าใจอะไร
  • ถ้าเราเป็นคนอ่าน เราต้องการอะไรจากอีเมล์ฉบับนี้
  • ถ้าเราเป็นคนอ่าน เราจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการอ่านอีเมล์ฉบับนี้
  • ถ้าเราเป็นคนอ่าน ทำไมเราต้องหยุดอ่านอีเมล์ฉบับนี้ทันที

 

           พอเราทำ Bullet Point เสร็จแล้ว ก็ให้เราเขียนคำตอบสั้น ๆ กำกับลงไป เช่น เราต้องการให้เขาทำอะไร ถ้าเป็นจดหมายสมัครงาน ก็ต้องการให้ผู้อ่านพิจารณารับเราเข้าทำงาน หรือหากเป็นอีเมล์เสนอสินค้า เราก็ต้องการให้เขาเกิดความสนใจในสินค้าของเรา หรือ ถ้าเราเป็นคนอ่าน ทำไมเราต้องการอะไรจากอีเมล์ฉบับนี้ ในกรณีที่มีคนอีเมล์มาเสนอสินค้า เราก็ต้องการสรรพคุณ ข้อมูลโดยสังเขป และลิงก์ที่สามารถนำเราไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า รีวิว และรายละเอียดอื่น ๆ ได้ เมื่อวางแผนเรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นลงมือเขียน

          หลักง่าย ๆ ของ การเขียนอีเมล์ ให้กระชับ คือ การจัดวางย่อหน้าให้มีความสำคัญลดหลั่นกันลงไป ย่อหน้าแรก ในกรณีที่เราไม่รู้จักผู้รับอีเมล์ ควรเป็นการแนะนำตัว ตำแหน่ง และจุดประสงค์ของการเขียนอีเมล์ดังกล่าว ย่อหน้าต่อมา ควรเป็นเนื้อหาหรือสารที่เราต้องการนำเสนอให้กับผู้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสินค้า/บริการ สิ่งที่เราต้องการให้ผู้รับอีเมล์กระทำหรือช่วยเหลือ และจบย่อหน้าสุดท้ายด้วยข้อความแสดงความขอบคุณ ช่องทางในการติดต่อ และลิงก์หรือช่องทางในการหาข้อมูลเพิ่มเติม เพียงแค่ 3 ย่อหน้า ความยาวไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 ก็จะทำให้เราเขียนอีเมล์คุณภาพขึ้นมาได้โดยใช้เวลาไม่นาน แถมยังสั้น กระชับ และตรงประเด็นอีกด้วย

 

เทคนิคการเขียนอีเมล์ สั้นกระชับ ตรงประเด็น ด้วย 3 ย่อหน้า

  • ย่อหน้าที่ 1 : แนะนำตัว จุดประสงค์ของการเขียนอีเมล์
  • ย่อหน้าที่ 2 : เนื้อหาสาระที่เราต้องการให้ผู้รับอีเมล์รับทราบ กระทำ หรือเกิดความสนใจ
  • ย่อหน้าที่ 3 : ข้อความแสดงความขอบคุณ ช่องทางในการติดต่อ และหาข้อมูลเพิ่มเติม

ตัวอย่าง การเขียนแนะนำตัวใน อีเมล์ภาษาอังกฤษธุรกิจ

          – Just a couple of lines to introduce myself. My name is Somchai and I am responsible for marketing for Srinak cooperation. I’m based in Chiang Mai.

          – Just a quick introduction: my name is Wittaya, I head up marketing business here in Lampang.

ตัวอย่าง การเขียนเนื้อหาสาระให้ผู้รับอีเมล์ทราบ

          – I am contracting you because we need to recruit some HR staffs for our office in Rayong.

          – I am now collecting information on what is currently in place and our customers would love to have. Given your role, I would love to pick your brains on this process.

ตัวอย่าง การเขียนแสดงความขอบคุณ และช่องทางในการติดต่อ

          – I look forward to hearing from you, please feel free to contact me via …[email protected] or simply call me at xxx-xxxx-xxxx

          – Thanks in advance, for more details, please call me xxx-xxxx-xxxx

 

2.ใส่ข้อมูลติดต่อใน Signature ให้ครบถ้วน

          ปัจจุบัน อีเมล์ ไม่ว่าจะเป็น Gmail หรือ Hotmail เราสามารถเพิ่มข้อมูลติดต่อ (contact information) ในส่วนของลายเซ็น (Signature) ได้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะปรากฎอยู่ในอีเมล์ของเราตลอดโดยไม่ต้องเพิ่มใหม่ทุกครั้งที่ส่งอีเมล์ โดยหลัก ๆ แล้ว ข้อมูลติดต่อที่เราควรใส่ลงใน Signature ควรประกอบด้วย

  • ชื่อ – สกุล (Name)
  • ตำแหน่ง (Position)
  • บริษัท/สังกัด (Company
  • แผนก (Department/Division/Branch)
  • หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ ทั้งมือถือและเบอร์ที่ทำงาน (Phone Number)
  • อีเมล์สำหรับติดต่อ (Email Address)
  • Line, Facebook, เว็บไซต์ และโซเชียลมีเดียที่ติดต่อได้

          ทั้งนี้ ข้อมูลที่ใส่ในลายเซ็นอีเมล์ ควรมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

          ตัวอย่าง ข้อมูลติดต่อใน Signature อีเมล์

                    วิรัช ธานี (Wirat Thani)

                    หัวหน้าแผนกครีเอทีฟ (Head of Creative Department)

                    บริษัท เพลินตาเพลินใจ มาร์เกตติ้ง (Pleon Ta Ploen Jai Marketing)

                    xxx-xxxx-xxxx   [email protected]

 

3.ตั้งหัวข้ออีเมล์อย่างเป็นมืออาชีพ

          หัวข้ออีเมล์เปรียบได้ดั่งประตูบานแรกสู่เนื้อหาที่เราต้องการเสนอแก่ผู้รับ หากเราตั้งใจเขียนอีเมล์อย่างถูกตั้งตามหลักการเป๊ะๆ แต่มาตกม้าตายที่ผู้รับไม่เปิดอ่านอีเมล์เพราะคิดว่าเป็นสแปมล่ะ เป็นความรู้สึกที่แย่มากเลยใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้น เราจึงจำเป็นต้องพิถีพิถันกับการตั้งหัวข้ออีเมล์สักหน่อย อาจจะดูหยุมหยิมไปบ้าง แต่การตั้งหัวข้ออีเมล์ที่ดี เป็นมืออาชีพ และตรงประเด็นจะช่วยประหยัดเวลาในการสื่อสารกับผู้รับในระยะยาวไปได้ไม่น้อย โดยหลักแล้ว หัวข้ออีเมล์ที่ดีควรมีลักษณะดังนี้

  • ตรงประเด็นต่อผู้รับ
  • กระตุ้นให้ผู้รับอยากเปิดอีเมล์เราอ่าน
  • เตือนผู้รับว่าควรอ่านอีเมล์โดยเร็วหรือทันที่ได้รับ
  • ค้นหาง่ายในกล่องอีเมล์ขาเข้า (Mailbox)
  • สั้น กระชับ ตรงไปตรงมา อ่านแล้วรู้ทันทีว่าเกี่ยวกับอะไร

 

          ตรงประเด็นต่อผู้รับ: หัวข้ออีเมล์ของเราควรมีความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งหรือหน้าที่การงานของผู้รับ เช่น หากเราต้องการส่งอีเมล์สมัครงาน เราก็ควรต้องใส่คีย์เวิร์ด ‘สมัครงาน’ ลงไปในอีเมล์ของเราด้วย เพื่อสร้างความเกี่ยวข้องกับผู้รับ เมื่อเขาได้รับแล้วก็ต้องเปิดเพราะเป็นส่วนหนึ่งของงาน ไม่ใช่อีเมล์สแปมที่ไหน

          กระตุ้นให้ผู้รับอยากเปิดอีเมล์เราอ่าน: การตั้งหัวข้ออีเมล์ก็ไม่ต่างจากการตั้งชื่อบทความหรือชื่อคลิปวิดีโอที่เราต้องการให้คนเข้ามาอ่านหรือดูเยอะ ๆ แต่การกระตุ้นในที่นี่ไม่ได้หมายความจะต้องเรียกร้องความสนใจแบบ Click bait อะไรกันขนาดนั้น โดยเราอาจใส่ข้อความเชิงข้อร้อง please หรือ quick favor ให้ผู้รับเห็นว่าเราต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ หรืออยากให้เปิดอ่านอีเมล์ของเราจริง ๆ

          เตือนผู้รับว่าควรอ่านอีเมล์โดยเร็วหรือทันที่ได้รับ: เทคนิคนี้ขอเตือนไว้ก่อนว่าใช้ได้ แต่อย่าใช้บ่อย มิฉะนั้น จะสร้างความรำคาญต่อผู้รับอีเมล์มากกว่าการกระตุ้นให้เกิดความสนใจ กรณีนี้เราอาจจะใส่คำว่า ‘Urgent!’ ไว้ข้างหน้าหัวข้ออีเมล์เพื่อแสดงความเร่งด่วนให้ผู้รับอีเมล์ร้อนใจอยากเปิดเข้ามาอ่านทันทีที่ได้รับ ทั้งนี้ เนื้อหาอีเมล์ของเราควรมีความสัมพันธ์กับหัวข้อด้วย ไม่ใช่ตั้งชื่อหัวข้อว่า ด่วน! แต่เปิดเข้ามาเป็นอีเมล์ขายถั่งเช่าก็คงไม่ใช่นะ

          ค้นหาง่ายในการกล่องอีเมล์ขาเข้า: การที่อีเมล์ของเราจะค้นหายากหรือง่ายใน Mailbox ของผู้รับนั้นมีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อคีย์เวิร์ดที่เราใส่ลงในหัวข้อของเรา เพราะฉะนั้น หัวข้อของอีเมล์เราควรมีคีย์เวิร์ดที่จัดประเภทหมวดหมู่ได้ง่าย เช่น [สมัครงาน] หรือ [เทคนิค SEO] ซึ่งช่วยให้ผู้รับที่มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดดังกล่าวสามารถ Search หาอีเมล์ของเราได้ง่าย โดยไม่จมหายไปในกองอีเมล์ Spam ต่าง ๆ นั่นเอง

          สั้น กระชับ ตรงไปตรงมา อ่านแล้วรู้ทันทีว่าเกี่ยวกับอะไร: เช่นเดียวกับเนื้อหาอีเมล์ หัวข้ออีเมล์ของเราก็ควรที่จะมีความสั้น กระชับ ตรงไปตรงมา กวาดตาดูรวดเดียวก็รู้ได้เลยว่าเป็นอีเมล์เกี่ยวกับอะไร ต้องการอะไร และมีความเร่งด่วนขนาดไหน เช่น ถ้าเราจะส่งอีเมล์ไปสมัครงานในตำแหน่งหนึ่งเราก็ควรระบุให้ชัดไปเลยในหัวข้อว่าอีเมล์ของเราเกี่ยวกับอะไร ต้องการอะไร เช่น Wichai Pisut. Request for interview for position as SEO specialist เป็นต้น

        

4.ใช้วาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจ

          นอกเหนือจากสไตล์ การเขียนอีเมล์ ให้อ่านง่าย กระชับ ได้ใจความ การใช้ระดับของสำนวนภาษาอังกฤษ และจิตวิทยาในการโน้มน้าวให้ผู้รับอีเมล์ยอมทำในสิ่งที่เราต้องการก็มีความสำคัญมากเช่นกัน แน่นอนว่า ชั้นเชิงการใช้ภาษาหรือทักษะความสามารถทางวรรณศิลป์ของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม การเขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษธุรกิจ มักจะมีรูปแบบการใช้ระดับของภาษาที่เป็นแบบแผน (pattern) อยู่พอสมควร ฉะนั้น เราสามารถนำแบบแผนดังกล่าวมาปรับใช้กับ การเขียนอีเมล์ ของเราได้ ยกตัวอย่างเช่น

ตัวอย่าง การใช้ภาษาสำหรับการขอร้อง

          – I know that you are very busy but…

          – I really need your help to

          – Sorry to bother you but…

          – Any comments you may have, would be very much appreciated

          – I cannot sort this out by myself

 

ตัวอย่าง การใช้ภาษาเพื่อเน้นย้ำความสำคัญ

          – We would like to point out that

          – As far as we know

          – Please note that

          – May We take opportunity to

          – We also like to take this opportunity to bring to your attention…

ตัวอย่าง การใช้ภาษาสำหรับการนัดหมาย

          – Can we arrange a meeting on…

          – Would it be possible for us to meet on…

          – Let’s arrange to meet and we an discuss about this

ตัวอย่าง การใช้ภาษาเพื่อสอบถามรายละเอียดกับสินค้าและบริการ

          – We are considering buying

          – We urgently need

          – Could you also let us know if you are prepared to…

          – Will you please let us know whether you could supply…

          – Please send up price list for…

          – Could you send us further details of…

 

5.ใช้ชั้นเชิงภาษาให้เกิดประโยชน์ในการเขียนอีเมล์

          การใช้ชั้นเชิงของภาษาให้เป็น คือ สิ่งที่จำเป็นสำหรับการเขียนเพื่อประสานงานทุกชนิด ใน การเขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษธุรกิจ บางครั้งเราต้องการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ซึ่งในบางครั้งเราก็ต้องลองประมาณการความรู้สึกของผู้รับอีเมล์ด้วยเช่นกัน หากเราเป็นเขาเราจะรู้สึกอย่างไรขณะที่อ่านข้อความที่เราเขียนขึ้น ด้วยเหตุนี้ ในบางครั้งเราอาจต้องใช้ชั้นเชิงของภาษาในการสื่อความให้สละสลวยและมีความสุภาพมากขึ้น ถือว่าเป็นการถนอมน้ำใจและจูงใจให้ผู้รับอีเมล์เกิดความรู้สึกต่อเรา ยกตัวอย่างเช่น

ตัวอย่าง การใช้ชั้นเชิงภาษาในการแสดงความคิดเห็น

          แทนที่เราจะคอมเมนต์ว่า ‘Your assignment is okay’ เราอาจเขียนไปว่า ‘It’s looking really good and I like the way you’ve used statistics’

          หรือแทนที่จะเขียนตอบไปแบบสั้น ๆ ห้วน ๆ ว่า ‘It looks fine’ เราอาจลองเพิ่มถ้อยคำไปว่า ‘Overall it looks satisfying and the conclusions are quite obvious’

          เพียงเท่านี้เราก็สามารถซื้อใจผู้รับอีเมล์ของเราได้แล้ว เพียงแค่การเปลี่ยนหรือเพิ่มถ้อยคำอีกไม่กี่คำ เพราะการเขียนอีเมล์เป็นการสื่อสารทางเดียวโดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้เห็นสีหน้าท่าทางของเรา เพราะฉะนั้น เขาย่อมต้องมีการตีความถ้อยคำที่เราเขียน ในแง่ร้ายที่สุด อาจตีความผิดไปเลยก็มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ขอให้เราลองคิดถึงความรู้สึกของผู้รับอีเมล์ แล้วลองใช้เทคนิคชั้นเชิงภาษาปรับการเขียนอีเมล์ของเราให้ Soft มากขึ้น

 

6.ในอีเมล์ ให้ใช้ภาษาเป็นทางการเท่าที่จำเป็น

          แน่นอนว่าการใช้ภาษาทางการใน การเขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษธุรกิจ เป็นสิ่งที่จำเป็น อย่างไรก็ตาม หากเราได้รู้จักมักคุ้นกับผู้รับอีเมล์ของเรามาระดับหนึ่งแล้ว การใช้ภาษาแบบไม่เป็นทางการจะช่วยสร้างความรู้สึกเป็นมิตรและสนิทใจมากกว่า ซึ่งช่วยให้การประสานงานราบรื่นและผ่อนคลายเหมือนเราคุยกับเพื่อนนั่นเอง ตัวอย่างการแปลงภาษาทางการ ให้อยู่ในรูปแบบไม่เป็นทางการก็มีอยู่ไม่น้อย ที่เราใช้ในการเขียนอีเมลหลักๆ ยกตัวอย่างเช่น

ตัวอย่าง การเปลี่ยน ภาษาทางการ เป็น ภาษาไม่เป็นทางการ ในการเขียนอีเมล์

          – We have pleasure in confirming the acceptance of your order (เป็นทางการ)

            This is to confirm that your order has been accepted (ไม่เป็นทางการ)

          – It is necessary that I have the assignment by Monday (เป็นทางการ)

            Please could I have the assignment by Monday (ไม่เป็นทางการ)

          – You are requested to acknowledge this email (เป็นทางการ)

            Please acknowledge this email (ไม่เป็นทางการ)

ข้อสังเกต: จะเห็นได้ว่า การเขียนอีเมล์ ด้วยรูปแบบไม่เป็นทางการ นอกจากจะช่วยสร้างความรู้สึกเป็นมิตรและเป็นกันเองแล้ว ยังช่วยให้อีเมล์ของเราสั้นลง น่าอ่านมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

 

7.ก่อนส่งอีเมล์ ให้ตรวจเช็คความถูกต้องของไวยากรณ์และการสะกดคำเสมอ

          สิ่งที่สำคัญที่สุดของ การเขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษธุรกิจ คือ การตรวจเช็คความถูกต้องของไวยากรณ์และการสะกดคำต่าง ๆ เพราะการพิมพ์ผิดนอกจากจะแสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดที่สร้างความเสียหายมหาศาลได้อีกด้วย โดยหลักแล้ว ก่อนที่เราจะส่งอีเมล์ ควรที่จะหยุดพักไว้ก่อนสักสองสามนาที เดินไปชงกาแฟหรือไปเข้าห้องน้ำ อย่าส่งหลังจากพิมพ์เสร็จทันที เพราะเราจะอยู่ใกล้กับตัวงานมากจนมองไม่เห็นข้อผิดพลาด หลังเขียนอีเมล์เสร็จให้เราทิ้งไว้สักพัก แล้วกลับมานั่งอ่านทวนทั้งหมดอีกครั้ง โดยมีจุดที่เราต้องให้ความสำคัญในการ รีวิวอีเมล์ของเราเราก่อนกดส่ง สรุปได้ดังนี้

  • ตรวจเช็คไวยากรณ์ว่าถูกต้องตามหลักภาษาอังกฤษหรือไม่
  • ตรวจเช็คคำผิด และการสะกดคำจาก Dictionary
  • คัดเกลาภาษาให้อ่านลื่นไหลมากขึ้น
  • เนื้อหาที่เราเขียนสอดคล้องกับจุดประสงค์ของการเขียนอีเมล์หรือไม่
  • หากเราเป็นผู้รับอีเมล์จะรู้สึกอย่างไรกับอีเมล์ฉบับนี้
  • ถ้าไม่รีบมาก ลองให้เพื่อนร่วมงานหรือคนรู้จักลองอ่านและให้ความเห็นดู

          หลังจากเราตรวจเช็คและรีวิวอีเมล์ของเราเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมตรวจเช็คว่าเราได้ใส่ข้อมูลติดต่อกลับลงใน Signature ครบถ้วนดีแล้วหรือยัง จากนั้นก็คลิก Send เพื่อส่งก็เป็นอันเสร็จภารกิจ ทางทีดี เราควร copy email ของเราหรือทำโฟลเดอร์แบบฟอร์มอีเมลที่เราเขียนขึ้นให้เป็นหมวดหมู่ คราวหน้าจะได้หยิบฟอร์มเก่ามาแก้ไขรายละเอียดเพื่อเพิ่มความรวดเร็วและความสะดวกสบายใน การเขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษ เพื่อการติดต่อประสานงานมากขึ้นในอนาคต

 

สรุป

                     การเขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษธุรกิจ ให้ฝรั่งที่เป็นผู้รับอีเมล์รู้สึกประทับใจในความเป็นมืออาชีพและทักษะชั้นเชิงการใช้ภาษาของเราไม่ใช่เรื่องที่ยากเลย หากเราจับจุดและแบบแผนการเขียนอีเมล์ในแบบของเราได้ หวังว่าผู้อ่านจะสามารถนำ เทคนิคการเขียนอีเมล์ 7 ประการข้างต้นไปปรับใช้กับหน้าที่การงานและการติดต่อประสานงานได้ไม่มากก็น้อย การเขียนอีเมล์เป็นภาษาอังกฤษ อาจเป็นสิ่งที่ดูน่ากลัวสำหรับใครหลายคน แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อเราตั้งใจและทุ่มเทเวลาให้กับมันแล้ว ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้อย่างแน่นอน จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

          หากท่านใดยังไม่มี อีเมล์สำหรับใช้งาน ก็สามารถ สมัครอีเมล์ใหม่ Gmail และ สมัครอีเมล์ใหม่ Hotmail ได้แบบง่ายๆ ด้วยการทำตามขั้นตอนที่เราได้เรียบเรียงไว้ ใช้เวลาไม่เกิน [2 นาที] ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

 

แถมเพิ่มเติม

คำลงท้าย สำหรับการเขียน อีเมล์ ภาษาอังกฤษธุรกิจ

คำลงท้ายอีเมล์ภาษาอังกฤษ แบบมาตรฐาน

– Best regards

– Kind regards

– Regards

– With Best regards

คำลงท้ายอีเมล์ภาษาอังกฤษ แบบไม่เป็นทางการ

– Cheers

– Have a nice weekend

– Hope to hear from you soon

-All the best

คำลงท้ายอีเมล์ภาษาอังกฤษ สำหรับการติดต่อธุรกิจ

– Yours truly

– Yours faithfully

– Sincerely yours

– Yours sincerely

                   

ข้อมูลอ้างอิง: Email and Commercial Correspondence – Adrian Wallwork

Tag: การเขียนอีเมล์, การเขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษ, การเขียนอีเมล์ภาษาอังกฤษธุรกิจ, สมัครอีเมล์ใหม่, สมัครอีเมล์ใหม่ Gmail, สมัครอีเมล์ใหม่ Hotmail, คำลงท้ายอีเมล์ภาษาอังกฤษ 

[Update] ขอโทษที่รบกวน พูดเป็นภาษาอังกฤษยังไงดีนะ? — รวม 10 ประโยคภาษาอังกฤษ ในที่ทำงาน | OpenDurian เตรียมสอบ | แบบร่าง ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

เวลาต้องทำงานกับคนต่างชาติ ไม่ว่าจะพูด หรือเขียนอีเมล หลายคนมีปัญหาว่าไม่รู้จะใช้ประโยคแบบไหนดี อย่างเช่นถ้าอยากพูดว่า “รบกวน” เป็นภาษาอังกฤษ ต้องเริ่มยังไงดี? — บทความนี้คัดมา 10 ประโยคภาษาอังกฤษในที่ทำงาน ให้ทุกคนจำโครงสร้าง ไปใช้กันได้เลยค่า

1. Sorry to bother (disturb) you, but + ประโยคคำถาม

คำแปล: ขอโทษที่รบกวนนะ แต่… 

เวลาอยากจะรบกวนใคร บางทีเขาอาจจะทำงานอยู่ เราควรจะออกตัวขอโทษที่ไปรบกวนเขาก่อน แล้วค่อยเข้าเรื่อง ไม่งั้นอยู่ดีๆ ไปถามเลย เราอาจจะโดนเหวี่ยงได้ (ประมาณว่าไม่เห็นเหรอ ฉันทำงานอยู่นะ!) ลองดูตัวอย่างกันค่ะ
 

  • Sorry to bother you, but could you check this report for me?
    ขอโทษที่รบกวนนะ แต่คุณช่วยตรวจสอบรายงานนี้ให้ฉันหน่อยได้มั้ย
     
  • Sorry to disturb you, but can I borrow the stapler?
    ขอโทษที่รบกวนนะ แต่ฉันขอยืมที่เย็บกระดาษหน่อยได้มั้ย
     

จำประโยคขึ้นต้นไปเลยค่ะ Sorry to bother (disturb) you, but… แล้วก็ตามด้วยคำถามที่เราอยากจะถามต่อได้เลย 

ถ้าเราเป็นผ่ายถูกถามด้วยประโยคนี้ เราก็ตอบได้ว่า

  • Yes, I’ll do it for you.
    ได้เลย เดี๋ยวฉันทำให้คุณนะ
     
  • Sorry, I can’t do it now.
    โทษทีนะ แต่ฉันทำตอนนี้ไม่ได้น่ะ

2. Do you have a minute?

คำแปล: ว่างคุยซักนิดมั้ย/มีเวลาซักเดี๋ยวมั้ย

แปลตรงๆ จะแปลว่า มีเวลาซักนาทีมั้ย แต่จริงๆ ก็หมายถึงพอมีเวลาสั้นๆ มั้ยนั่นเอง ใช้เวลาเราอยากกวนเวลาใครสั้นๆ นอกจากประโยคนี้แล้ว จะใช้ประโยคด้านล่างแทนก็ได้ค่ะ แปลโดยรวมเหมือนกันเลยค่ะ

  • Are you free to talk?
  • Can I have a word with you?
  • Can I talk to you for a minute/a second?

ถ้าเราว่าง คุยได้ ก็ตอบไปว่า Yes./Sure./Of course.  และถามกลับไปได้ว่า What is it?/What’s the matter? (คุยเรื่องอะไรล่ะ, มีเรื่องอะไรรึเปล่า)

3. Would you mind helping me with + N.?

คำแปล: รังเกียจมั้ยถ้าจะช่วยฉันเกี่ยวกับ…

  • Would you mind helping me with this document?
    รังเกียจมั้ยถ้าจะช่วยฉันเกี่ยวกับเอกสารนี้
     
  • Would you mind helping me with the project?
    รังเกียจมั้ยถ้าจะช่วยฉันเกี่ยวกับโปรเจคนี้
     
  • Would you mind helping me with the contract?
    รังเกียจมั้ยถ้าจะช่วยฉันเกี่ยวกับสัญญาฉบับนี้

ใช้เวลาต้องการขอความช่วยเหลือได้เลยค่ะ เป็นประโยคแบบสุภาพมากๆ แต่สังเกตว่ารูปประโยคนี้ จะตามด้วยคำนาม คือไม่ได้บอกว่าให้ช่วย “ทำอะไร” แต่แค่ขอให้ช่วยเรื่องอะไร หรือเกี่ยวกับอะไร เหมือนถามรวมๆ ว่าช่วยฉันเรื่องนี้ได้มั้ย

ดังนั้นจำรูปประโยค Would you mind helping me with ไปเลยค่ะ แล้วอยากจะขอความช่วยเหลือเรื่องอะไรก็เอาศัพท์มาต่อท้ายได้เลย

*ถ้าอยากจะลดระดับความสุภาพลง หรือคุยกับเพื่อนร่วมงานที่ค่อนข้างสนิท ก็ใช้ Can you help me with + N.? ได้เหมือนกันค่ะ จะดูเป็นกันเองมากกว่า แต่ถ้าไม่แน่ใจ ใช้ Would you mind ไปเลย สุภาพสุดแล้วจ้า

4. Would you mind + V.ing?

คำแปล: รังเกียจมั้ยที่จะทำ…

  • Would you mind sending the presentation to me?
    รังเกียจมั้ยที่จะส่งสื่อนำเสนองานให้ฉันหน่อย
     
  • Would you mind photocopying this bill for me?
    รังเกียจมั้ยที่จะถ่ายเอกสารบิลนี้ให้ฉันหน่อย

ประโยคนี้เอาไปใช้เวลาอยากให้คนอื่นช่วยเรา “ทำอะไร” คือระบุเลยว่าคุณช่วยทำนั่นนี่ให้ฉันหน่อยได้มั้ย ซึ่งโครงสร้างจะต้องตามด้วย V.ing (หรือที่รู้จักกันอีกชื่อคือ Gerund) ค่ะ มีหลักง่ายๆ ว่า อยากให้ช่วยทำอะไร เอา V. ตัวนั้นไปเติม -ing แล้วต่อท้ายประโยคได้เลย เช่น

  • ตัดกระดาษ cut > cutting the papers
     
  • หาข้อมูล find > finding the information
     
  • ร่างจดหมาย draft > drafting the letter

 

5. Would you mind if + ประโยค?

คำแปล: จะเป็นอะไรมั้ยถ้า…

  • Would you mind if I skip the meeting?
    จะเป็นอะไรมั้ยถ้าฉันจะขอไม่เข้าประชุม
     
  • Would you mind if I postpone the deadline?
    จะเป็นอะไรมั้ยถ้าฉันจะขอเลื่อนกำหนดส่งงาน

นอกจากแปลว่า รังเกียจมั้ย” แล้ว Would you mind ยังสามารถหมายถึง “จะเป็นอะไรมั้ย” ได้ด้วย คือใช้โยนหินถามทางก่อนได้ว่า ถ้าเราจะทำแบบเนี้ย จะเป็นไรป่าว เช่นอยากอยากโดดประชุม ก็ไปถามนายก่อนว่า Would you mind if I skip the meeting? (แต่อย่าลืมเตรียมเหตุผลที่ฟังขึ้นไปบอกนายด้วยนะ)

 

✿ อัพคะแนน TOEIC พร้อมสมัครทุกงาน! เริ่มติวกับครูดิวเลย! 

ติว TOEIC ครูดิว พร้อมลองทำข้อสอบเหมือนจริง

 

6. Can you join the meeting on + วันที่ + at + เวลา?

คำแปล: คุณเข้าร่วมประชุมวันที่…เวลา…ได้มั้ย

  • Can you join the meeting on Friday at 10 a.m.?
    คุณสามารถเข้าร่วมประชุมวันศุกร์ เวลา 10 โมงเช้าได้มั้ย
     

    หรือใช้ประโยคนี้ก็ได้ค่ะ
     

  • Are you available for the meeting on Friday at 10 a.m.?
    คุณว่างสำหรับการประชุมวันศุกร์ เวลา 10 โมงเช้ามั้ย

ได้ใช้แน่นอนเวลาจะถามคนอื่นๆ ว่าเข้าประชุมได้มั้ย ซึ่งจุดที่ต้องระวังก็คือการใช้ on กับ at แค่นั้นเองค่ะ

จำว่า “on ใช้กับวัน ส่วน at นั้นกับเวลา”

ซึ่งอาจจะไม่มาพร้อมกันทั้งสองอย่างก็ได้ เช่นถ้าวันนี้มีประชุมช่วงบ่าย เราก็อาจจะถามว่า Can you join the meeting at 1 p.m.? คนฟังก็จะเข้าใจค่ะว่าหมายถึงวันนี้ หรือถ้าเขาไม่มั่นใจก็จะถามเองว่า Today? (วันนี้เหรอ)

แล้วถ้าอยากบอกว่าพุธนี้, อาทิตย์หน้า, เดือนหน้า ล่ะ? >> ให้ตัด on ออกค่ะ กลายเป็น

  • Can you join the meeting + this Wednesday/next week/next month?

เป็นการถามแบบกว้างๆ ก่อน ยังไม่ได้เจาะจงรายละเอียดเวลาแน่นอน ซึ่งถ้าเขาถามต่อ เราก็ตอบไปได้ค่ะ
 

  • on (วันอะไร) at (เวลาไหน) เช่น on Monday at 1.30 p.m.

7. Sorry, I’m quite busy right now.

คำแปล: ขอโทษนะตอนนี้ฉันยุ่งอยู่

ประโยคนี้ต้องรู้ไว้เลย ไม่งั้นปฏิเสธไม่เป็น รับงานมาทำหัวฟูแน่นอน ส่วนถ้าอยากให้ดูซอฟท์ๆ สวยๆ หน่อย ใช้ประโยคนี้ได้ค่ะ

  • I wish I could help, but I’m busy right now.
    ฉันก็อยากจะช่วยนะ แต่ตอนนี้ยุ่งอยู่น่ะ

ถ้าเราเป็นฝ่ายไปขอความช่วยเหลือคนอื่น ก็อาจจะได้ยินประโยคนี้ได้นะคะ เพราะคงไม่มีใคร say yes กับคำขอของเราทุกรอบแน่ๆ ค่า

8. Can I speak to + ชื่อคน/ชื่อตำแหน่ง?

คำแปล: ขอสายคุณ…หน่อยได้มั้ยคะ/ครับ

  • Can I speak to Mr. Smith?
    ขอสายคุณสมิธหน่อยได้มั้ยคะ/ครับ
     
  • Can I speak to the sales department head?
    ขอสายหัวหน้าฝ่ายขายหน่อยได้มั้ยคะ/ครับ

ใช้เวลาโทรไปขอคุยกับใคร หรือจะใช้คุยต่อหน้าก็ได้ค่ะ เช่นไปถึงโต๊ะเลขาหน้าห้อง แล้วอยากขอคุยกับเจ้านายหน่อย ซึ่งคำตอบที่เราอาจจะได้รับ เช่น

  • Who’s calling, please?
    ไม่ทราบว่าใครโทรมาคะ
     
  • I’m sorry. He’s not available at the moment.
    ขอโทษนะคะ แต่ตอนนี้เขายังไม่ว่างเลยค่ะ
     
  • He’s on the other line.
    เขาติดสายอื่นอยู่ค่ะ
     
  • Just a moment./Hold the line please./Could you hold on, please?
    ถือสายรอซักครู่นะคะ

คำตอบพวกนี้เราสามารถเอาไปใช้ได้เหมือนกันนะคะ ถ้าหากเราเปนคนรับโทรศัพท์เอง ใครเป็นเลขาฯ หรือต้องติดต่อลูกค้า เพื่อนร่วมงานทางโทรศัพท์บ่อยๆ ได้ใช้แน่นอนค่ะ

9. When (What time) can I call you back?

คำแปล: ฉันโทรกลับหาคุณได้เมื่อไร

ประโยคนี้ใช้เวลาเราโทรหาใคร แต่เขายังไม่ว่างคุย ณ ตอนนั้น เราก็ถามกลับไปได้ว่างั้นสะดวกให้เราโทรกลับไปอีกครั้งเมือไรดี คำตอบส่วนมากเขาก็จะบอกช่วงเวลา หรือระยะเวลากลับมาเช่น

  • Can you call me again at 2 p.m.?
    โทรหาฉันอีกทีตอนบ่ายสองได้มั้ย
     
  • Can you call me in 15 minutes?
    อีก 15 นาทีค่อยโทรหาฉันได้มั้ย

หรือถ้าเขาจะเป็นคนโทรกลับมาหาเราเองเมื่อสะดวก ก็จะบอกได้ว่า

  • I’ll call you back when I’m free.
    ฉันจะโทรกลับหาคุณเองเมื่อฉันว่าง
     
  • I’ll call you back in 30 minutes.
    อีก 30 นาทีฉันจะโทรกลับหาคุณนะ

10. Can I take + วัน/อาทิตย์นี้/เดือนหน้า off?

คำแปล: ฉันขอลาในวัน…ได้มั้ย

  • Can I take Monday off?
    ฉันขอลาวันจันทร์ได้มั้ย
     
  • Can I take this Friday off?
    ฉันขอลาวันศุกร์นี้ได้มั้ย

หรือถ้าอยากถามก่อนว่าขอลาซักวันนึงได้มั้ย (ยังไม่รู้ว่าวันไหน) ก็ใช้ประโยคว่า

  • Can I take a day off?
    ฉันขอลาซักวันได้มั้ย

จดให้ไวเลยประโยคนี้ โดยเฉพาะใครที่มีนายต่างชาติ ถึงเวลาจะไปอ้อนนายขอลางานจะได้พูดคล่องๆ นะคะ ^^

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ กับ 10 ประโยคใช้บ่อยในที่ทำงาน จริงๆ แล้วไม่ยากเลย เพียงแต่เราต้องขยันเอามาใช้บ่อยๆ เท่านั้นเอง เวลาจะพูดจะได้นึกประโยคออกทันที ไม่ต้องมานั่งเรียง S. V. ให้ปวดหัว จำเป็นประโยคไปใช้กันได้เลยค่ะ 

 

 

✿ อัพคะแนน TOEIC พร้อมสมัครทุกงาน! เริ่มติวกับครูดิวเลย! 

ติว TOEIC ครูดิว พร้อมลองทำข้อสอบเหมือนจริง

ติว TOEIC กับครูดิว ดียังไง?

  • คอร์สติว TOEIC ของครูดิวนั้น เรียน Online
  • แบ่งบทเรียนชัดเจน เรียนง่ายไม่งง คลิ๊กเลือกบทเรียนที่ต้องการได้ทันที
  • สามารถหยุด, เล่นซ้ำบทเรียนที่ต้องการได้แบบไม่อั้น! (ตลอดระยะเวลาคอร์ส)
  • อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ใหม่ล่าสุด! ครบชุด!
  • มีไฟล์ E-Book (PDF) ประกอบการเรียนให้ดาวน์โหลด (และมีหนังสือเรียนเป็นเล่มส่งให้ถึงบ้าน)
  • เรียนเวลาไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ แค่มี Internet
  • หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบทเรียน สามารถส่งคำถามหาทีมงานได้
  • การันตีคะแนน 750+ (หากสอบแล้วไม่ถึง สามารถแจ้งทวนคอร์สได้ฟรี!)

 

ทดลองติว TOEIC ฟรีได้ที่ >>> คอร์ส KruDew TOEIC 


คำศัพท์ TOEIC สำหรับอ่านประกาศรับสมัครงาน ภาษาอังกฤษ


💖 ถ้าอยากให้กำลังใจ มาสมัครสมาชิกกันนะครับ 💖
กดตรงนี้ 👉 https://www.youtube.com/channel/UCaiwEWHCdfCi23EYN1bWXBQ/join
คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ควรรู้ สำหรับอ่านประกาศรับสมัครงานภาษาอังกฤษ
เมื่อต้องการสมัครงานภาษาอังกฤษ นอกจากนั้นยังถือเป็นคำศัพท์สำคัญสำหรับผู้ที่เตรียมสอบโทอิค (TOEIC) สามารถท่องจำคำศัพท์เพื่อนำไปใช้ในการสอบ TOEIC ได้ด้วยครับ
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ฟรี! คลิก: https://www.tonamorn.com/\r
\r
แจกศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 1,000 คลิก: https://www.tonamorn.com/vocabulary\r
\r
สอน การแต่งประโยคภาษาอังกฤษ\r
https://www.tonamorn.com/learnenglish/writesentences/\r
\r
เรียนภาษาอังกฤษ จากภาพสวยๆ บนอินสตาแกรม\r
https://instagram.com/ajtonamorn\r
\r
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ, บทสนทนาภาษาอังกฤษ, ไวยากรณ์ แบบฝึกหัดพร้อมเฉลย และบทเรียนภาษาอังกฤษอีกมากมาย เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่พื้นฐาน จนถึงระดับสูง ฟรี 100%

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

คำศัพท์ TOEIC สำหรับอ่านประกาศรับสมัครงาน ภาษาอังกฤษ

ABC Song with Balloons + More Nursery Rhymes \u0026 Kids Songs – CoComelon


Subscribe for new videos every week!
https://www.youtube.com/c/Cocomelon?sub_confirmation=1
A new compilation video, including one of our most recent songs, \”ABC Song with Balloons\”!

Watch your favorite song by clicking a title below:
0:08 ABC Song with Balloons
3:17 The Ant and the Grasshopper
5:54 Old MacDonald
8:26 John Jacob Jingleheimer Schmidt
11:13 Breakfast Song
13:37 Traffic Safety Song
16:34 The More We Get Together
19:21 Clean Up Song
22:04 Baa Baa Black Sheep
24:32 Ten Little Duckies (Counting Song)
27:11 Nap Time Song
30:13 Hickory Dickory Dock
33:19 One Potato, Two Potatoes
Watch our playlists:
Family Fun
https://www.youtube.com/watch?v=jbBbRjs_niM\u0026list=PLT1rvk7Trkw7odS3
Kids Songs by CoCoMelon
https://www.youtube.com/watch?v=4t5WI5RF67Y\u0026list=PLT1rvk7Trkw6eCetnOs60kLGdmcHhyj0tPR3vMf8CuMJN5gP
JJ \u0026 Friends
https://www.youtube.com/watch?v=4t5WI5RF67Y\u0026list=PLT1rvk7Trkw4QbgqgSEJjJz3HIewomqdS
Nursery Rhymes in 3D
https://www.youtube.com/watch?v=z3Tm_aS3N0\u0026list=PLT1rvk7Trkw55UcI5ijZ_4QmsKqYSSXEq
About Cocomelon:
Where kids can be happy and smart!
At Cocomelon, we are dedicated to creating quality, educational videos that can help kids learn all about letters, numbers, shapes, colors, animals, and so much more!
Your kids will love our friendly characters and colorful animated videos while learning both classic nursery rhymes and original songs.
WEBSITE: http://www.Cocomelon.com
FACEBOOK: https://www.facebook.com/Cocomelonkids
TWITTER: https://www.twitter.com/Cocomelonkids

Copyright Treasure Studio, Inc. All Rights Reserved.

ABC Song with Balloons + More Nursery Rhymes \u0026 Kids Songs - CoComelon

Cô Bé Maruko Tập 816 – Phần 2 – Tiết Học Bơi Thú Vị – Hoạt Hình Tiếng Việt


🎉Đăng ký POPS Kids Learn để tham gia các khóa học online tương tác với giảng viên ngay nhé 👉 https://popskids.onelink.me/X36W/POPSKidsLearn
🔥 ▶️ Tải ứng dụng POPS để xem hoạt hình và chương trình thiếu nhi hay: http://bit.ly/ungdungPOPS
▶️ Xem ngay nhiều nội dung hay cho thiếu nhi trên website POPS.vn: http://bit.ly/POPSwebsite1
Cô Bé Maruko Tập 816 Phần 2 Tiết Học Bơi Thú Vị Hoạt Hình Tiếng Việt
Chibi Marukochan xoay quanh cuộc sống thường ngày của cô bé Maruko. Học không giỏi, nhà lại nghèo, đã thế còn láo ngáo nên hay rơi vào những tình huống dở khóc dở cười, Maruko là một người bạn tinh thần vô cùng ý nghĩa đối với các bạn nhỏ trên khắp thế giới. Cùng trở về thế giới tuổi thơ với gia đình Maruko và những người bạn của cô bé nhé!
POPS Kids Junior là ngôi nhà chung dành cho các bé từ 0 6 tuổi với các nội dung được thiết kế dành riêng cho bé đa dạng và phong phú như: phim hoạt hình Tiếng Việt, dạy bé học tiếng anh bằng hình ảnh, dạy bé tập nói, truyện cổ tích, nhạc thiếu nhi, review đồ chơi, … Hơn thế nữa, kho nội dung được lựa chọn đúng với độ tuổi sẽ giúp bé phát triển toàn diện, nhận biết nhanh hơn về thế giới xung quanh và bổ sung thêm các kỹ năng hữu ích trong cuộc sống.
▶️ Đăng ký kênh YouTube POPS Kids Junior: https://www.youtube.com/c/popskidsjunior
▶️ Đăng ký kênh YouTube POPS Kids Music: https://www.youtube.com/c/popskidsmusic
▶️ Đăng ký kênh YouTube POPS Kids: https://www.youtube.com/c/popskids
▶️ Đăng ký kênh YouTube POPS Anime: https://www.youtube.com/c/popsanime
▶️ Đăng ký kênh YouTube POPS Up: https://www.youtube.com/c/popsupchannel
▶️ Đăng ký kênh YouTube Babyccino: https://www.youtube.com/c/babyccinotv
▶️ Đăng ký kênh YouTube Learning For Kidz: https://www.youtube.com/c/learningforkidz
▶️ Tham gia cộng đồng FB POPS Kids: https://www.facebook.com/pops.kids
▶️ Tham gia cộng đồng FB POPS Anime: https://www.facebook.com/pops.anime
▶️ Tham gia cộng đồng FB Thích Hoạt Hình: https://www.facebook.com/thichoathinh
▶️ Tham gia cộng đồng group Mẹ Đẹp Thông Thái: https://www.facebook.com/groups/338036913815334/
▶️ Theo dõi Instagram: https://www.instagram.com/pops_kids/

Cô Bé Maruko Tập 816 - Phần 2 - Tiết Học Bơi Thú Vị - Hoạt Hình Tiếng Việt

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts


คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts
คำศัพท์ร่างกาย ภาษาอังกฤษ ศัพท์อังกฤษ

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรื่องสัตว์ต่างๆ l พร้อมรูปและคำอ่าน l คำศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน


วีดีโอสอนคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ มาพร้อมกับรูปสัตว์ คำอ่าน คำแปล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ เรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรื่องสัตว์ต่างๆ l พร้อมรูปและคำอ่าน l คำศัพท์ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ แบบร่าง ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *