Skip to content
Home » [NEW] 150 คำแสลงภาษาอังกฤษ ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน – แยกเป็นหมวดหมู่ให้ด้วย | 4 แยก ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] 150 คำแสลงภาษาอังกฤษ ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน – แยกเป็นหมวดหมู่ให้ด้วย | 4 แยก ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

4 แยก ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

คำสแลง (Slang) ในภาษาอังกฤษ ก็คือ คำ หรือสำนวนที่พูดกันเข้าใจเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่ภาษาที่ยอมรับว่าถูกต้องเป็นทางการสำหรับทุกคน เปรียบเทียบเป็นคำพูดแบบไทยๆ อาทิ สก๊อย แหล่ม เป็นต้น ซึ่งฝรั่งเขาก็มีเช่นกัน สำหรับน้องๆ ที่จะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ ควรมาเรียนรู้คำแสลงภาษาอังกฤษนี้ไว้ มีประโยชน์เวลาไปสนทนากับฝรั่ง เพราะจะได้คุยกับเขารู้เรื่องนั่นเองค่ะ!!

Table of Contents

คำแสลงภาษาอังกฤษ

SECTION 1:

The SLANG words of “HOW ARE YOU?”

WHAT’S UP? แปลว่า เป็นไงบ้างล่ะ?

WHAT’S SHAKIN’ แปลว่า เป็นไงบ้างล่ะ?

WHAT’S NEW? แปลว่า เป็นไงบ้าง?

HOW’S IT GOING? แปลว่า เป็นไงบ้าง?

HOW’S EVERYTHING GOING? แปลว่า เป็นไงบ้าง?

HOW’RE THINGS? แปลว่า เป็นไงบ้าง?

HOW’RE YOU GETTING ALONG? แปลว่า เป็นไงบ้างล่ะ?

ARE YOU DOING OK? แปลว่า สบายดีไหม?

PRETTY GOOD? แปลว่า ค่อนข้างดี

IT’S OK? แปลว่า มันก็โอเคดี

IT’S TERRIBLE? แปลว่า มันเลวร้ายมากเลย,มันแย่มากๆ

SECTION 2:

ANSWER FROM NO.1

VERY WELL แปลว่า ดีมากเลยล่ะ

GOOD แปลว่า ดี

FINE แปล ว่า ก็ดีนะ (สามารถแปลว่า ก็ได้ ได้) เช่น Can you guy lend me your money? Fine แปลว่า อีนี่นายให้ฉันยืมเงินหน่อยจาได้หมายจ๊ะ (ออกแนวอินเดีย) … ก็ได้

QUITE WELL แปลว่า ค่อนข้างจะดี

SO SO แปลว่า ก็งั้นๆแหละ

NOT SO GOOD แปลว่า ไม่ดีมากหรอก

BAD แปลว่า ไม่ดีเลย

SO BAD แปลว่า ไม่ดีเอามากๆ,เซ็งอย่างแรง

SECTION 3:

The SLANG words of “YES”

YEAH แปลว่า เออ,ใช่

YEA แปลว่า เออ,ใช่

YEP แปลว่า เออ,ใช่

AYE แปลว่า เออ,ใช่

ABSOLUTELY แปลว่า อย่างแน่นอนเลย

CERTAINLY แปลว่า อย่างแน่นอน

TOTALLY แปลว่า อย่างแน่นอน

SURE แปลว่า ใช่,แน่นอน

OF COURSE แปลว่า ใช่ค่ะ/ครับ

RIGHT แปลว่า ถูกต้องแล้วล่ะ

EXACTLY แปลว่า ถูกเผงเลย

SECTION 4:

The SLANG words of “GUY”

DUDE แปลว่า หมอนั่น,นายนั่น,ผู้ชายที่ค่อนข้างเจ้าชู้

CHAP แปลว่า นายนั่น, หมอนั่น

BLOKE แปลว่า นายนั่น,หมอนั่น

FELLOW แปลว่า นายนั่น,หมอนั่น

SECTION 5:

The same meaning of word “CLOSE FRIEND”

FRIENDSTER แปลว่า เหล่าบรรดาเพื่อนฝูง,พรรคพวก

FOLKแปลว่า เพื่อน,แก (เช่น Hey folk, what’s up? แปลว่า ไง แก เป็นไงบ้าง)

BUDDY แปลว่า เพื่อน, แก

PARTNER แปลว่า คู่หู,เพื่อนสนิท

PAL แปลว่า เพื่อน

CHUM, CHUMMY แปลว่า เพื่อนสนิท,เกลอ

GUYS, GIRLS แปลว่า เพื่อน,เธอ,นายน่ะ

SECTION 6:

The SLANG words of “CRAZY”

CRACK แปลว่า บ้า,คนบ้า

BATTY แปลว่า บ้า

MAD แปลว่า บ้า,คลั่ง

FREAK แปลว่า ประหลาด,ความคิดวิตถาร

JERK แปลว่า บ้า,ประหลาด

WEIRD แปลว่า แปลกประหลาด,บ้าๆดี

SECTION 7 :

The SLANG words of “SWEAR WORDS”

OH! GOD แปลว่า โอ้ พระเจ้า(เรียกพระเจ้ามาช่วย อันนี้เชยมากๆเลย)

OH! MY LORD แปลว่า โอ้ พระเจ้า

FOR GODNESS! แปลว่า พระเจ้า,เจ้าประคุณเอ๋ย

FOR GOD’S SAKE! แปลว่า พระเจ้า,เจ้าประคุณเอ๋ย

FOR CHRIST’S SAKE! แปลว่า พระเจ้า,เจ้าประคุณเอ๋ย

JESUS CHRIST! แปลว่า พระเจ้า(JESUS คือชื่อของพระเยซู)

SHIT! ความหมายตรงตัวแปลว่าขี้ แต่ภาษาพูดแปลว่า ให้ตายสิ,บ้าชิบ

DAMN IT! แปลว่า ให้ตายสิ,บ้าชิบ

BULLSHIT! แปลว่า แหกตาชัดๆ, โกหกทั้งเพ

BULLCLAB! แปลว่า แหกตาชัดๆ, โกหกทั้งเพ

DAMN แล้วตามด้วย ADJECTIVEแปลว่า โค-ต-ร (เช่น Damn beautiful แปลว่า โค-ต-ร สวยเลย)

SUCK! แปลว่า ห่วยแตก (เช่น You suck แปลว่า นายมันห่วย)

SECTION 8 :

The SLANG words of “..”

ASSHOLE แอสโฮล (ใช้ด่าเฉพาะผู้ชาย-ความหมายแรง)?ความหมายตรงตัวแปลว่ารูตูด แต่ภาษาพูดแปลว่า อีตาบ้า,ไอ้บ้า?

BITCH (ใช้ด่าเฉพาะผู้หญิง-ความหมายแรงมาก)?แปลว่า นังแรด, ยัยแรด (เช่น You’re such a son of a b…i…t…c…h)

SLUTS (ใช้ด่าเฉพาะผู้หญิง-ความหมายแรงมาก) แปลว่า นังแรด, ยัยแรด

WHORE (ใช้ด่าเฉพาะผู้หญิง-ความหมายแรงมาก) แปลว่า คุณโส…,นังแพศยา

WIMP หมายถึง นายแหย (พี่แหยประจำโรงเรียน)

SISSY หมายถึง นายแหย (พี่แหยประจำโรงเรียน)

NERD หมายถึง พวกเรียนเก่งแต่เข้าสังคมไม่ได้, พวกทำตัวเฉิ่ม

GEEK หมายถึง พวกเรียนเก่งแต่เข้าสังคมไม่ได้

DORK หมายถึง พวกเรียนเห่ย

PREPS หมายถึง พวกป็อปแต่นิสัยแย่

JOGS หมายถึง นักกีฬาบึกๆที่ชอบหลงตัวเอง

BIMBO, DUMB BLONDE หมายถึง ผู้หญิงผมบลอนด์ที่สวยแต่ไร้สมอง

WANNABE หมายถึง พวกอยากป็อปแต่ไม่ป็อปซะที

SLAGGER หมายถึง เจ้าเด็กขี้เกียจ

SLEEPY HEAD แปลว่า เจ้าขี้เซา (เช่น Time to wake up, sleepy head. แปลว่า ได้เวลาตื่นแล้วเจ้าขี้เซา)

SECTION 9 :

The same meaning of word “BEAUTIFUL”

NICE แปลว่า สวย

GORGEOUS แปลว่า งดงาม, สวยแบบไม่มีที่ติ,สวยมาก,สวยกิ๋วกิ้ว?(ใช้กับพวกดารา Hollywoodทั้งหลาย)

DAMN GORGEOUS แปลว่า สวยโค-ต-ร ๆๆๆ

PRETTY แปลว่า สวยน่ารัก

HOT, SEXY แปลว่า สวยแบบร้อนแรง,เซ็กซี่

SECTION 10:

The same meaning of word “STUPID”

ASS แปลว่า โง่ (เหมือนลาเลย)

BLOCKHEAD แปลว่า คนโง่,คนบ้า

CHUMP แปลว่า โง่

FOOL, FOOLLY แปลว่า โง่

DOLT แปลว่า คนโง่,เซ่อ

DUNCE แปลว่า คนโง่

DUNDERHEAD แปลว่า คนโง่

DULL แปลว่า คนโง่, ปัญญาทึบ

DUMMY แปลว่า ไอ้ปัญญาทึบ,ไอ้ทึ่ม

IDIOT แปลว่า คนโง่,คนบ้า

SILLY แปลว่า งี่เง่า,โง่,เซ่อ,บ้า

BLUNT แปลว่า โง่, ทื่อ,ทึ่ม

SECTION 11 The SLANG words of “GO AWAY”

GET AWAY แปลว่า ออกไปให้พ้นเลย

GET OUT! แปลว่า ออกไป (เช่น TAKSIN GET OUT! 555)

GET LOST แปลว่า ไปไกลๆส้นฉันเลย ไป๊!

GETTA HELL OUT OF MY WAY แปลว่า ไปลงนรกซะไป๊

GETTA FCUK OUT แปลว่า ไปไกลๆ…ฉันเลย ไป๊!

GET YOUR ASS OUT OF MY WAY แปลว่า ย้ายตูดของแกไปเร็วๆเลย เดี๋ยวโดนถีบ

FUCK OFF แปลว่า ไปไกลๆเลยไป

LEAVE THE PLACE! แปลว่า ออกไปจากที่ซะที (ตูเบื่อแล้ว)

GET OUT OF HERE! แปลว่า ออกไปจากที่นี่ซะ

GET OUT OF MY FACE! แปลว่า ไปให้พ้นหูพ้นตาฉันเลย

GET OFF MY TAIL! แปลว่า หยุดตามฉันซะที ไปไกลๆฉันเลย?(หรือจะเรียกว่า Stop follow me! ก็ได้)

BEAT IT! แปลว่า ไปไกลๆส้นฉันเลยนะ

SECTION 12 :

Some International abbreviations you may often see

AOL ย่อมาจาก American Online

ADDY ย่อมาจาก Address

BRB ย่อมาจากbe right back

CIS ย่อมาจาก Consumer Information Service

RTFM ย่อมาจาก Read the, uh, Friggin’ Manual

ROTFL ย่อมาจาก Rolling on the floor and laughing

PITA ย่อมาจากPain in the “acronym”

BTW ย่อมาจาก by the way

BFN ย่อมาจาก Bye, for now

IRC ย่อมาจาก Internet Relay Chat

TSR ย่อมาจาก Terminate and stay Resident program

TOS ย่อมาจาก Term of service

LOL ย่อมาจาก laughing out loud

OTOH ย่อมาจาก on the other hand

OTTH ย่อมาจาก on the third hand

FWIW ย่อมาจาก for what it’s worth

RSN ย่อมาจาก Real Soon Now

SASE ย่อมาจาก Self addressed stamp envelope

SM ย่อมาจาก Snail mail

SMA ย่อมาจาก Snail mail addy

WYSIWYG ย่อมาจากwhat you see is what you get

OIC ย่อมาจาก Oh! I see

IMHO ย่อมาจาก In my humble opinion [The speaker is never humble] IMCO ย่อมาจาก In my considered opinion

G, d&r ย่อมาจาก Grinning, ducking and running

OOTB ย่อมาจาก Out of the box

WB ย่อมาจาก Welcome back (being back on IRC)

WBS ย่อมาจาก Write back soon?

SECTION 13:

The same meaning of word “WHAT HAPPENED?”

WHAT’S HAPPENING แปลว่า เกิดอะไรขึ้น

WHAT’S GOING ON แปลว่า มีอะไรเกิดขึ้น, เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

WHAT’S WRONG แปลว่า มีอะไรเกิดขึ้นหรอ,มีอะไรผิดปกติหรอ?

WHAT’S THE MATTER แปลว่า มีปัญหาอะไร, เกิดอะไรขึ้น

WHAT’S THE PROBLEM แปลว่า มีปัญหาอะไร,เกิดปัญหาอะไรล่ะนี่

WHAT’S THE TROUBLE แปลว่า มีปัญหาอะไร, เกิดปัญหาอะไรล่ะนี่

SECTION 14:

The same meaning of word “WAIT”

WAIT A MINUTE! แปลว่า รอฉันแป๊ปนึงนะ (คำว่าราวหนึ่งนาทีเป็นแค่การเปรียบเทียบ)

WAIT A SECOND! แปลว่า รอฉันแป๊ปนึงนะ (คำว่าราววินาทีเป็นแค่การเปรียบเทียบ)

WAIT A MOMENT! แปลว่า รอฉันครู่หนึ่งนะ

JUST A MINUTE! แปลว่า รอฉันแป๊ปนึงนะ (คำว่าราวหนึ่งนาทีเป็นแค่การเปรียบเทียบ)

JUST A SECOND! แปลว่า รอฉันแป๊ปนึงนะ (คำว่าราววินาทีเป็นแค่การเปรียบเทียบ)

JUST A MOMENT แปลว่า รอฉันครู่หนึ่งนะ

SECTION 15:

The same meaning of word “IT DOESN’T MATTER”

NO PROBLEM แปลว่า ไม่เป็นไรหรอก,หยวนๆ

DON’T WORRY แปลว่า ไม่เป็นไร,ไม่ต้องกังวลหรอก

IT’S FINE แปลว่า มันไม่เป็นไร, มันโอเคดี

IT’S OK แปลว่า มันไม่เป็นไร, มันโอเคดี

SECTION 16:

iNTerEstinG Words

Kidding แปลว่า ล้อเล่น (เช่น Are you kidding me?… เธอล้อฉันเล่นอ๊ะป่าว)

Find out แปลว่า เสาะแสวงหา, ค้นหา (เช่น I don’t know this word, l’ve to find out.)

Spring Break แปลว่า ช่วงปิดเทอม

SECTION 17

“EXCLAMATION”

WOW!? ว้าว

COOL!แปลว่า เจ๋งว่ะ

AWESOME! แปลว่า เจ๋งสุดๆ

THAT’S HOT! เจ๋งสุดๆ

THAT’S SMOKING!แปลว่า เจ๋งสุดๆ

THAT’S FAB! แปลว่า เจ๋งมากๆ

YOU GO GURL! แปลว่า ต้องอย่างงี้สิเพื่อนฉัน

FOR SHAME! แปลว่า น่าอายจริงเลย

SHAME ON YOU! แปลว่า น่าอายจริงเลยแก

MY WORD! แปลว่า แหม

WHAT CHEEK! แปลว่า ทะลึ่งจริง

YUM, YUM หรือ YUMMY เป็นเหมือนเสียงสูดปากแสดงความอยากกินอาหารชนิดนั้นๆ

LOOK! แปล ว่า นี่ ฟังนะ (ไม่ได้หมายความว่า มอง) (เช่น Look! I try to tell you but you don’t get it. แปลว่า นี่ ฟังนะ ฉันพยายาม บอกนายแล้ว แต่นายมันไม่เข้าใจเอง)

OH! BOY หรือ OH! MAN แปลว่า โอ้ ให้ตายสิ

WELL DONE! แปลว่า ทำได้ดี

GO ON! แปลว่า ทำต่อไป

SECTION 18:

EXCLAMATION

WHAT A PITY! แปลว่า ไม่น่าเลย,น่าเสียดายจัง

OH DEAR! แปลว่า พุธโธ่

GOOD SHOT! แปลว่า แม่นจริง

HERE IT IS แปลว่า มาแล้วหรอ,นี่ยังไงล่ะ

HI! YOU THERE แปลว่า นี่คุณคนนั้นน่ะ

BY THE WAY แปลว่า เออ นี่ฉันมีเรื่องอยากจะพูด

THAT?S IT! แปลว่า นั่นแหละ,ถูกแล้ว,ต้องยังงั้น

REALLY! แปลว่า อ๋อ ยังงั้นรึ

BY ALL MEANS! แปลว่า เชิญเลย

UGH! เสียง อืย (แสดงความขยะแขยง)

OUCH! แปลว่า โอ๊ย

OOPS! แปลว่า อุ๊ย

GO IT! แปลว่า เอาเลย

ที่มา: www.languageexpress.co.th, cr.photo: www.pinterest.com/pin/498562621226023017/

บทความที่เกี่ยวข้อง

[Update] 4 หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษดีๆ สำหรับใครที่อยากเก่งภาษา | 4 แยก ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ทุกวันนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมาก ถ้าคุณเก่งภาษาอังกฤษ คุณมีโอกาสได้ทำงานในบริษัทดีๆ อย่างเช่นบริษัทข้ามชาติต่างๆ ซึ่งจะทำให้คุณมีฐานเงินเดือนที่สูงขึ้น และมีศักยภาพในการไต่เต้าในสายงานมากกว่าคนอื่นอย่างมากมาย

อย่างไรก็ดีทักษะภาษาอังกฤษไม่ใช่สิ่งที่คุณจะสร้างมันขึ้นมาได้ในชั่วข้ามคืน คุณต้องอาศัยการฝึกฝนเป็นเวลาแรมปีเพื่อที่จะเข้าถึงไวยากรณ์ (grammar) และซึมซับศัพท์ต่างๆ เพื่อที่จะนำไปใช้ฟัง พูด อ่าน เขียนต่อไป

จากประสบการณ์ของตัวผมเอง ผมพบว่าหนึ่งในวิธีที่ได้ผลในการพัฒนาทักษะทางไวยากรณ์ คำศัพท์ และการอ่านคือคุณ คือ การอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษทุกวัน วันละประมาณ 15-30 นาทีครับ

หลายคนน่าจะทราบวิธีนี้กันอยู่แล้ว แต่อาจจะสงสัยว่า หนังสือพิมพ์ฉบับไหนที่ควรจะอ่านดี?

ดังนั้นในโพสนี้ ผมจะแนะนำหนังสือพิมพ์ดีๆ ที่ทุกคนสามารถหามาอ่านเพื่อใช้พัฒนาภาษาอังกฤษครับ

Bangkok Post อาจจะเรียกได้ว่าเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอันดับ 1 ของไทยมาทุกยุคทุกสมัย ข่าวสารและบทความในหนังสือพิมพ์เล่มนี้แน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับประเทศไทยเป็นสำคัญ เรื่องที่ครอบคลุมก็ประเด็นใหญ่ๆ สำคัญๆ ในทุกด้านไม่ว่าจะเป็น การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เรียกได้ว่าอัดแน่นไปด้วยสาระที่เกี่ยวกับประเทศไทยครับ

สำหรับในเรื่องภาษาแล้ว ผมมองว่าภาษาค่อนข้างอ่านง่าย นักเรียนมัธยมปลาย-ปริญญาตรีน่าจะอ่านได้อย่างสบายๆ ศัพท์เทคนิคเชิงลึกเป็นพิเศษอะไรก็ไม่มีเช่นเดียวกัน

ปัจจุบันคุณสามารถอ่านบทความและข่าวสาร Bangkok Post ได้ฟรีผ่านทางเว็บไซต์ bangkokpost.com แต่ถ้าคุณต้องการแบบ ePaper (หนังสืออิเล็กทรอนิกส์) หรือแบบกระดาษดั้งเดิม คุณจะต้องเสียเงินเพิ่มครับ (สัปดาห์ละ 279 บาท ปีละ 4,900 บาท)

The New York Times เป็นหนังสือพิมพ์สัญชาติอเมริกันที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกฉบับหนึ่ง เนื้อหาของ New York Times อัดแน่นไปด้วย การเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี กีฬา อาหาร แฟชั่น การเงินการลงทุน ฯลฯ ของประเทศสหรัฐอเมริกาและโลก

ดังนั้นถ้าคุณต้องการติดตามข่าวต่างประเทศ หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นสิ่งที่คุณควรหามาอ่านเลยครับ

ภาษาที่ใช้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เป็นแบบ American English และแน่นอนว่าทั้งคำศัพท์และไวยากรณ์จะยากและซับซ้อนกว่าภาษาใน Bangkok Post แต่ก็ไม่ได้ยากจนอ่านแล้วไม่เข้าใจ ผมมองว่าใครที่กำลังจะไปเรียนต่อที่อเมริกาควรจะเตรียมตัวด้วยการอ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนี้แหละครับ เพราะจะได้ปรับทักษะทางภาษาให้ใกล้เคียงเจ้าของภาษา และเข้าใจถึงค่านิยมและวัฒนธรรมอเมริกันด้วย

หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วจะไปหามาอ่านจากไหน เพราะ The New York Times เป็นหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ แต่ละฉบับคงจะแพงไม่น้อย

เมื่อก่อนอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ทุกวันนี้คุณสามารถอ่านทุกอย่างของ The New York Times ได้ผ่านทางเว็บหรือ app (iOS, Android) ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านทางโทรศัพท์ของคุณครับ

อย่างไรก็ดี ถ้าคุณไม่สมัครสมาชิก คุณจะอ่านบทความจากเว็บ nytimes ได้ไม่กี่บทความเท่านั้น และบทความระดับ exclusive คุณไม่สามารถอ่านได้เลย

แต่ถ้าคุณเลือกที่จะสมัครสมาชิก ค่าสมาชิกจะอยู่ที่สัปดาห์ละ $1 (30 บาท) หรือ 120 บาทต่อเดือน และถ้าคุณเป็นนักเรียนแล้ว ค่าสมาชิกจะเหลือเพียง $0.5 (15 บาท) หรือ 60 บาทต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมากๆ เลยทีเดียว หลังจากสมัครสมาชิกแล้ว คุณจะสามารถอ่านได้อย่างไม่จำกัดผ่านทาง web หรือ app ก็ได้ครับ

Wall Street Journal เป็นหนังสือพิมพ์ธุรกิจของสหรัฐอเมริกาที่ทรงอิทธิพลเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หนังสือพิมพ์ฉบับนี้เคยมีบทบาทในการ “แฉ” บริษัทที่ฉ้อโกงมาแล้วหลายบริษัทด้วยกัน อย่างกรณีของ Theranos สตาร์ทอัพชื่อดังเป็นต้น

เนื้อหาในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้จะเน้นหนักไปที่ธุรกิจ เศรษฐกิจ การเงิน ตลาดหุ้น แต่ก็มีข่าวต่างประเทศ การเมือง หรือไลฟ์สไตล์ให้อ่านเช่นกัน แม้ว่าน้ำหนักจะเบากว่าฝั่งธุรกิจมากก็ตาม

ผมมองว่ารูปแบบการเขียนของ Wall Street Journal เป็นทางการมาก ศัพท์และรูปประโยคที่ใช้จะเป็นลักษณะ professional และมีศัพท์เทคนิคอยู่เรื่อยๆ บทความที่เขียนหลายบทความก็เป็นแบบเฉพาะกลุ่ม ทั้งนี้เพราะกลุ่มลูกค้าสำคัญของ Wall Street Journal คือบุคคลที่อยู่ในวงการธุรกิจและผู้บริหารต่างๆ ดังนั้นมันอาจจะไม่เหมาะสำหรับน้องๆ มัธยมปลาย หรือปริญญาตรีทั่วไปที่กำลังศึกษาอยู่สักเท่าใดนัก

แต่ทว่าถ้าคุณอยากจะพัฒนาภาษาในระดับ professional หรือกำลังจะไปเรียนต่อปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจอย่างเช่น MBA ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณควรจะอ่าน Wall Street Journal เป็นกิจวัตรประจำวันของคุณครับ

เช่นเดียวกับ New York Times คุณไม่จำเป็นต้องหาฉบับกระดาษมาอ่าน เพราะคุณสามารถอ่านได้ผ่านทางเว็บ wsj.com หรือ app ก็ได้ครับ (iOS, Android)

อย่างไรก็ดี คุณไม่สามารถอ่านบทความเต็มๆ บนเว็บได้ นอกเสียจากว่าคุณจะเสียเงิน ค่าสมาชิกอยู่ที่ $28.99 (ประมาณ 870 บาทต่อเดือน) โดย 3 เดือนแรกจะคิดค่าสมาชิกเพียง $1 ครับ

The Times เป็นหนังสือพิมพ์คุณภาพสัญชาติอังกฤษที่มีอายุมากกว่า 200 ปีแล้ว The Times ยังคงเลือกที่จะทำข่าวแบบมีคุณภาพ ต่างจากหนังสือพิมพ์ในอังกฤษอื่นๆ ที่เปลี่ยนตัวเองเป็นหนังสือพิมพ์สไตล์ Tabloid หรือเน้นข่าวลือ ข่าวมโนไปตามลำดับ

ดังนั้นแน่นอนว่าถ้าคุณต้องการอ่านหนังสือพิมพ์อังกฤษที่เขียนด้วยภาษาอย่างสุภาพชน มีจรรยาบรรณ และมีสาระอัดแน่นจากทุกสาขาวิชา The Times ควรจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ของคุณครับ โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังจะไปเรียนที่อังกฤษ และต้องการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ

ในเรื่องระดับภาษา ผมว่าใกล้เคียง The New York Times ทำให้ไม่ยากจนเกินไป และเหมาะที่จะนำมาอ่านเพื่อฝึกภาษาอังกฤษได้ครับ

คุณสามารถอ่าน The Times ได้จากเว็บ thetimes.co.uk หรือผ่านทาง app (iOS, Android) แต่ไม่ฟรีนะครับ คุณอ่านฟรีได้แค่ 1 เดือนแรกเท่านั้น และหลังจากนั้นคุณจะต้องเสีย 5 ปอนด์ต่อเดือน (ประมาณ 200 บาท)

ตัวเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจ

  • The Washington Post (US) – คล้ายกับ New York Times สามารถอ่านแทนกันได้
  • Los Angeles Times (US)
  • The Guardian (UK)
  • Financial Times (UK) – คล้ายกับ Wall Street Journal
  • ใครที่อยากอ่านข่าวสารเทคโนโลยีและฝึกภาษาอังกฤษไปด้วย สามารถอ่านได้จากสื่อเหล่านี้ครับ

เคล็ดลับการอ่าน

  1. อย่าใส่ใจกับคำศัพท์ที่เราไม่ทราบมากเกินไป ลองฝึกตัวเองให้อ่านให้เข้าใจแก่นสำคัญหรือ main idea ของเรื่องเป็นหลัก คำศัพท์บางคำคุณสามารถเดาได้ว่ามันแปลว่าอะไร ถ้าคุณสามารถทำได้ตามนี้ ทักษะการอ่านของคุณจะพัฒนาขึ้นในไม่ช้า เช่นเดียวกับคะแนน TOEFL, SAT, IELTS, GRE, GMAT ของคุณด้วย
  2. จดหรือไฮไลท์คำศัพท์ที่คุณไม่เข้าใจเอาไว้ด้วย และนำไปเปิด dictionary เพื่อให้ทราบความหมาย คลังคำศัพท์ของคุณจะได้พัฒนาขึ้นครับ
  3. พยายามอ่านให้ได้ 15-30 นาทีอย่างต่อเนื่องและมีสมาธิ คุณไม่ควรหยุดอ่านบ่อยเกินไป เพราะสมองของคุณจะไม่เรียนรู้สิ่งที่ผ่านตาเข้ามาเลย ไม่ว่าจะเป็นรูปประโยคและคำศัพท์
  4. คุณควรจะเริ่มอ่านตั้งแต่ระดับง่ายไปจนถึงยาก นั่นคือ Bangkok Post ก่อนและเพิ่มระดับไปเป็น New York Times และ Wall Street Journal ตามลำดับ คุณจะได้ไม่รู้สึกท้อเมื่อพบกับบทความที่ยากเกินไป
  5. โปรดอย่าได้รู้สึกท้อ ถ้าเผชิญหน้ากับบทความที่อ่านยาก คุณอาจจะเลือกบทความที่คุณสนใจอยู่แล้วมาเริ่มอ่านก่อน เช่นถ้าคุณสนใจเรื่องกีฬา คุณก็เริ่มอ่านบทความกีฬา ถ้าคุณสนใจการเมือง คุณก็เริ่มที่การเมืองครับ
  6. สำหรับใครที่กำลังจะสอบ TOEFL, SAT, IELTS, GRE, GMAT การอ่านหนังสือพิมพ์เหล่านี้เป็นหนึ่งในวิธีการเตรียมตัวที่ดีเยี่ยมที่สุด เพราะคุณต้องอ่านบทความหลากหลายสาขาในเวลาสอบอยู่แล้ว ดังนั้นคุณควรพยายามอ่านบทความให้เข้าใจให้ได้ทุกบทความ ซึ่งรวมไปถึงบทความในสาขาที่คุณไม่ชอบหรือไม่มีความรู้ด้วย
  7. โปรดทราบไว้ว่า หนังสือพิมพ์เหล่านี้ล้วนแต่แฝงแนวคิดทางการเมืองทางเศรษฐกิจของผู้เขียนอยู่ทั้งสิ้น โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ต่างประเทศที่แสดงออกอย่างเปิดเผย เวลาอ่านคุณควรจะตั้งคำถาม แยกข้อเท็จจริงและความคิดเห็นออกจากกัน และอย่าเชื่อทุกสิ่งในที่พวกเขาเขียนออกมาครับ
  8. ส่วนใครที่อยากพัฒนาการเขียนภาษาอังกฤษ ลองไล่สังเกตดูครับว่านักเขียนมืออาชีพจัดโครงร่างในการเขียนอย่างไร และใช้ไวยากรณ์อย่างไร คุณจะสามารถนำวิธีของพวกเขาไปประยุกต์กับงานเขียนของคุณได้ครับ


5000 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดย English by Chris


สมัครเป็นสมาชิกช่องนี้!!
กดปุ่ม \”สมัคร\” ข้างล่างวีดีโอใน Youtube หรือกดลิงค์นี้ได้เลยนะครับ https://www.youtube.com/channel/UC93A91EZTtZW55WEKCz_jYA/join
สั่งซื้อหนังสือได้จากแอดมิน
@LINE ID = @EnglishbyChris
รับสอนตัวต่อตัว ติดต่อผมได้ที่
@LINE ID = @TeacherChris
WEBSITE
http://www.EnglishbyChris.com
Facebook
ค้นหา = EnglishbyChris
L1 S1 = 00:01:56
L1 S2 = 00:¬¬10:33
L1 S3 = 00:19:27
L1 S4 = 00:25:53
L1 S5 = 00:32:22
L1 S6 = 00:38:48
L1 S7 = 00:45:11
L1 S8 = 00:51:52
L1 S9 = 00:58:02
L1 S10 = 01:04:33
L1 S11 = 01:11:05
L1 S12 = 01:17:48
L1 S13 = 01:24:38
L1 S14 = 01:32:20
L1 S15 = 01:40:12
L2 S1 = 01:48:07
L2 S2 = 01:53:58
L2 S3 = 02:01:23
L2 S4 = 02:07:07
L2 S5 = 02:14:02
L2 S6 = 02:20:20
L2 S7 = 02:25:20
L2 S8 = 02:30:00
L2 S9 = 02:34:57
L2 S10 = 02:39:45
L2 S11 = 02:45:03
L2 S12 = 02:49:09
L2 S13 = 02:55:00
L2 S14 = 02:59:29
L2 S15 = 03:03:30
L3 S1 = 03:10:00
L3 S2 = 03:25:43
L3 S3 = 03:34:20
L3 S4 = 03:40:45
L3 S5 = 03:49:19
L3 S6 = 03:56:30
L3 S7 = 04:10:30
L3 S8 = 04:22:21
L3 S9 = 04:33:24
L3 S10 = 04:41:40
L3 S11 = 04:53:23
L3 S12 = 05:05:53
L3 S13 = 05:18:31
L3 S14 = 05:23:49
L3 S15 = 05:33:57

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

5000 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดย English by Chris

Present Perfect และ Past Simple Tense ตอนที่ 4 ภาษาอังกฤษ ป.4 – ม.6


Present Perfect และ Past Simple Tense
ภาษาอังกฤษ ป.4 ม.6
มาตราฐาน ต 2.2
มาดูหลักการใช้และความแตกต่างระหว่าง Present Perfect และ Past Simple Tense กับ Bobby และผองเพื่อนกัน
โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ DLIT (Distance Learning Information Technology)
http://www.dlit.ac.th

Present Perfect และ Past Simple Tense ตอนที่ 4 ภาษาอังกฤษ ป.4 - ม.6

ท่องคำศัพท์ ภาษาอังกฤษ


ท่องคำศัพท์ ภาษาอังกฤษ

100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย


100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย
กริยาอังกฤษ ภาษาอังกฤษ verb
ภาษาอังกฤษใช้บ่อย,
กริยาอังกฤษ,
คำกริยาภาษาอังกฤษใช้บ่อย,
คำกริยาอังกฤษ,
คำกริยาภาษาอังกฤษ,
กริยาอังกฤษใช้บ่อย,

100 คำกริยาภาษาอังกฤษverb ที่ใช้บ่อย

สัตว์ ภาษาอังกฤษ Animals


สัตว์ ภาษาอังกฤษ Animals
ภาษาอังกฤษ คำศัพท์ สัตว์

สัตว์ ภาษาอังกฤษ Animals

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ 4 แยก ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *