Skip to content
Home » [NEW] 102 ข้อคิดดีๆ คำคม สุภาษิตสอนใจ ภาษาไทย-อังกฤษ | แยก ภาษา อังกฤษ ที่ อยู่ – NATAVIGUIDES

[NEW] 102 ข้อคิดดีๆ คำคม สุภาษิตสอนใจ ภาษาไทย-อังกฤษ | แยก ภาษา อังกฤษ ที่ อยู่ – NATAVIGUIDES

แยก ภาษา อังกฤษ ที่ อยู่: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

อย่าทำให้ใครขายหน้าโดยเจตนา Never intentionally embarrass anyone. รวม 102 ข้อคิดดีๆ คำคม สุภาษิตสอนใจ

เอาใจคนที่ชอบอ่านสำนวน ข้อคิดดีๆ คำคมสอนใจ ภาษาไทย-ภาษาอังกฤษ มาให้ค่ะ เป็นภาคต่อจาก .. 100 ข้อคิดดีๆ คำคมสอนใจ ภาษาไทย-อังกฤษ ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษไปด้วย

Table of Contents

102 ข้อคิดดีๆ คำคม สุภาษิตสอนใจ

ภาคต่อจาก > 100 ข้อคิดดีๆ คำคมสอนใจ ภาษาไทย-อังกฤษ | อ่านแล้วเพิ่มพลังใจ

101. อย่าได้แต่งงานกับใครด้วยความหวังว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงในภายหลัง
Never marry someone in hope that they”ll change later.

102. จงหาทางคืนดีกับคนที่เคยมีเรื่องบาดหมางใจกัน
Rebuild a broken relationship.

103. จงวิจารณ์พฤติกรรม อย่าวิจารณ์ตัวบุคคล
Criticize the behavior, not the person.

104. อย่าทิ้งความสนุกที่นี่ เพื่อไปหาความสนุกที่อื่นต่อ
Never leave fun to find fun.

105. อย่าให้คู่สนทนาของคุณจับได้ว่า คุณเหลือบมองนาฬิกา ระหว่างที่คุยอยู่กับเขา
Don”t get caught glancing at your watch when you”re talking to someone.

106. ลองโทรศัพท์ไปแสดงความคิดเห็นตามรายการวิทยุบ้าง
Call a radio talk show with an opinion.

107. อย่าเถียงแม่
Don”t argue with your mother.

108. จงจำไว้ว่าช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การจดจำมากที่สุดในชีวิต มักจะมาถึงถึงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
Remember that life”s most treasured moments often come unannounced.

109. ถ้าคุณต้องร่วมงานกับเด็กๆ จงเลือกผูกเนกไทที่มีลายตัวการ์ตูน
Wear a tie with cartoon characters on it if you work with kids.

110. จงสร้างความสงบในบ้านและรักษามันไว้
Create and maintain a peaceful home.

111. จงทำตัวเป็นเพื่อนที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจ
Become the world”s most thoughtful friend.

112. จงจำไว้ว่าอะไรก็ตามที่ควรค่าแก่การกระทำ มักจะใช้เวลาเนิ่นนานกว่าที่คุณคิดเอาไว้
Remember that anything worth doing is going to take longer than you think.

113. ไม่ว่าคุณจะโกรธภรรยาแค่ไหน อย่าแยกเตียงกันนอนเด็ดขาด
No matter how angry you get with your wife, never sleep apart.

114. ถ้าอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังความคิด หรือกิจกรรมใดก็ตาม ลองตามดูว่า เงินวิ่งเข้ากระเป๋าใครบ้าง
To find out who is behind an idea or activity, follow the money.

115. จงมองหาสิ่งที่มีความสำคัญต่อบริษัทของคุณ แล้วเรียนรู้วิธีที่จะทำมันให้ดีกว่าคนอื่นๆ ในบริษัท
Find something that”s important to your company and learn to do it better than anyone else.

116. อย่าได้พลั้งปากเรียกคนอื่นว่า “เจ้าโง่” ถึงแม้ว่าคุณจะพูดเล่นๆ ก็ตาม
Never call anybody stupid, even if you”re kidding.

117. อย่าได้กินอะไรที่เคลือบช๊อกโกแลต ถ้าคุณยังไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
Don”t eat anything covered with chocolate unless you know what”s inside.

118. จงเก็บรูปแฟนเก่าแต่ละคนไว้เป็นที่ระลึก
Keep a photograph of each person you have dated.

119. ซื้อช่อดอกไม้ให้แม่ เนกไทเส้นใหม่ให้พ่อ ด้วยเงินเดือนเดือนแรกในชีวิตที่คุณได้รับ
Buy your mom flowers and your dad a new tie with your first paycheck.

120. จงรอบคอบ
Be prudent.

121. จงมั่นใจ
Be positive.

122. จงสุภาพ
Be polite.

123. อย่าซื้อหมวกกันน็อกราคาถูกๆ มาใช้
Don”t buy a cheap motorcycle helmet.

124. อย่ายอมให้ใครมาท้าทายคุณ ให้ขับรถเร็วเกินกว่าที่คุณคิดว่า ปลอดภัยได้สำเร็จ
Never let anyone challenge you to drive faster than you think is safe.

125. จงมีความคิดสร้างสรรค์
Be innovative.

126. จงดื่มด่ำกับความรู้สึก
Be passionate.

127. จงมั่นในสัญญา
Be committed.

128. เล่นเกมเศรษฐีกับบรรดาญาติๆ ของคุณ เพราะมันจะช่วยเผย ธาตุแท้หลายอย่างของแต่ละคนให้คุณได้เห็น
Play Monopoly with your-in-laws. It will reveal a lot about them.

129. จงเก็บใบเสร็จรับเงินเอาไว้ก่อน
Keep receipts.

130. อย่าไปฝืนกลไกของเครื่องยนต์เป็นอันขาด
Don”t force machinery.

131. จงยอมรับชัยชนะและความปราชัยด้วยความสง่างามพอๆ กัน
Accept triumph and defeat with equal grace.

132. จำไว้ว่าทั้งโชคร้ายและโชคไม่ดีมักดำรงอยู่นาน
Remember that bad luck as well as good luck seldom lasts long.

133. เมื่อคุณเห็นใครนั่งอยู่ที่ม้านั่งคนเดียว ลองชวนเขาคุยบ้างก็ไม่เลว
When you see someone sitting alone on bench, make it a point to speak to them.

134. เมื่อพาสุนัขไปเดินเล่น จงปล่อยให้มันเลือกทางเอง
When walking a dog, let the dog pick the direction.

135. สอนลูกๆ คุณได้เลยว่า เมื่อพวกเขาเป็นผู้แบ่งสรรอะไรก็ตาม ควรให้คนอื่นเป็นฝ่ายเลือกก่อน
Teach your children that when they divide anything, the other kid gets first pick.

136. อย่าทำตัวเป็นคนเปิดเผยมากเสียจนผู้อื่นรู้ขนาดสมองของคุณ
Don”t be so open-minded that your brains fall out.

137. จงลุกขึ้นยืนเพื่อให้เกียรติแก่ผู้อาวุโสที่เดินเข้ามาในห้อง
Stand up when an elderly person enters the room.

138. อย่าให้สัตว์เลี้ยงเป็นของขวัญแก่ใครเป็นอันขาด
Never give a pet as a surprise gift.

139. เชียร์ให้ทีมฝ่ายคุณชนะ มิใช่แช่งให้อีกฝ่ายแพ้
Root for your team to win, not for the other team to lose.

140. จงนึกขอบคุณที่พระเจ้ามิได้ทรงขานรับคำอธิษฐานทุกอย่างของคุณ
Be grateful that God doesn”t answer all your prayers.

141. เปิดเพลงโปรดฟัง ขณะที่คุณกำลังกรอกแบบเสียภาษี
Listen to your favorite music while working on your tax return.

142. หลังจากที่มีคนกล่าวคำขออภัยคุณ อย่าไปเทศน์ให้เขาฟังต่อ
After someone apologizes to you, don”t lecture them.

143. จงเต็มใจที่จะยอมรับความไม่สะดวกชั่วคราว เพื่อแลกกับการพัฒนาที่ถาวร
Be willing to accept a temporary inconvenience for a permanent improvement.

144. ถ้าเผอิญคุณมีห้องพักให้คนอื่นเช่า จงจำไว้ว่าห้องที่ไร้ผู้เช่า ยังดีกว่ามีผู้เช่าที่ไม่เอาไหน
If you ever own rental property, remember that an unrented house is better than a bad tenant.

145. เมื่อคุณเกิดชอบใครสักคนจริงๆ จังๆ ก็บอกให้เขารู้เสียเลย บางทีโอกาสที่จะทำเช่นนั้นไม่เกิดขึ้นซ้ำสอง
When you really like someone, tell them. Sometimes you only get one change.

146. อย่าล้อเลียนคนที่พูดภาษาอังกฤษแบบเพี้ยนๆ อย่างน้อยเขาก็รู้ภาษาต่างประเทศอีกภาษาหนึ่ง
Never make fun of people who speak broken English. It means they know another language.

147. ถ้าอยากให้งานเสร็จเร็วๆ ก็ให้คนขยันทำ
When you need something done, ask a busy person.

148. จงอ่านคำขอบคุณ คำแนะนำ และคำนำในหนังสือแต่ละเล่ม
Read acknowledgments, introductions, and prefaces to books.

149. อย่าประมาทในอิทธิพลของคนที่คุณยอมให้เข้ามาพัวพันในชีวิตคุณ
Never underestimate the influence of the people you have allowed into your life.

150. อย่าใช้ฟันของคุณเปิดอะไรต่อมิอะไรเป็นอันขาด
Don”t use your teeth to open things.

151. ถ้าคุณขอให้ใครช่วยทำงานอะไรสักอย่าง ก็จงปล่อยให้เขาทำตามวิธีของเขา
If you ask someone to do something for you, let them do it their way.

152. อย่าให้คนอื่นมองความกระตือรือร้นของคุณในแง่ลบ
Protect your enthusiasm from the negativity of others.

153. วิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาลูกของคุณก็คือ พยายามปรับปรุงชีวิตสมรสของคุณให้ดีเสียก่อน
Remember the best way to improve your kids is to improve your marriage.

154. จงอ่านชีวประวัติของบุคคลที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าชายหรือหญิง
Read biographies of successful men and women.

155. เมื่อใครมอบอะไรบางอย่างให้คุณ จงอย่าพูดว่า คุณไม่น่าต้องให้ฉันเลย
When someone gives you something, never say, “You shouldn”t have.”

156. จงจำไว้ว่าคำถามที่โง่ที่สุดมีคำถามเดียวเท่านั้นก็คือ คำถามที่คุณต้องการถามแต่ไม่ได้ถามออกไป
Remember that the only dumb question is the one you wanted to ask but didn”t.

157. อย่าคาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปจากพฤติกรรมเดิมๆ
Don”t expect different results from the same behavior.

158. จงถามตัวเองว่าสิ่งที่คุณทำอยู่ในวันนี้ นำคุณเข้าไปใกล้ จุดหมายที่คุณต้องการจะไปให้ถึงในวันพรุ่งนี้หรือยัง
Ask yourself if what you”re doing today is getting you closer to where you want to be tomorrow.

159. แยกเสื้อผ้าสีขาวไว้ซักต่างหาก
Wash whites separately.

160. อย่าซอกแซกเปิดดูตู้ยา ตู้ใส่ของ หรือตู้เย็นของคนอื่น
Don”t look through other people”s medicine cabinets, closets, or refrigerators.

161. เมื่อคุณต้องแข่งขันกับลูกๆ จงยอมให้พวกเขาชนะในตอนท้าย
When you race your kids, let them win at the end.

162. จงสนับสนุนธุรกิจของครอบครัว
Support family businesses.

163. จงยืนหยัดในหลักการอันสูงส่งของคุณ แม้ว่าคุณต้องยืนอย่างโดดเดี่ยวก็ตาม
Stand up for your high principles even if you have to stand alone.

164. จงซื่อสัตย์
Be faithful.

165. จงตรวจทานงานเขียนของคุณอย่างละเอียดเมื่อเขียนเสร็จ
Carefully examine your written work when you are finished.

166. จงจำไว้ว่าทุกๆ คน ล้วนผ่านคืนวันที่เลวร้ายมาแล้วทั้งนั้น
Remember that everyone has bad days.

167. อย่ากลั้นความรู้สึกเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาเอาไว้
Never resist a generous impulse.

168. อย่าทำให้ใครขายหน้าโดยเจตนา
Never intentionally embarrass anyone.

169. จงตั้งคำถามกับอคติที่อยู่ในตัวคุณ
Question your prejudices.

170. กินอาหารแต่พออิ่ม
Eat moderately.

171. ออกกำลังให้หนักเข้าไว้
Exercise vigorously.

172. จงจำไว้ว่าสิ่งสำคัญก็คือให้ความสำคัญกับเรื่องสำคัญ เป็นอันดับแรก
Remember the main thing is to keep the main thing the main thing.

คำคม สุภาษิตสอนใจ

173. มองการขับรถทางอ้อมว่าเป็นโอกาสในการได้พบสิ่งใหม่ๆ
See any detour as an opportunity to experience new things.

174. เมื่อผู้ใหญ่ล้มป่วยจงดูแลเสมือนว่าพวกเขายังเป็นเด็กอยู่
When adults are sick, care for them as though they were children.

175. สำรองเงินในธนาคารไว้บ้าง เพื่อรับมือกับปัญหาที่คาดไม่ถึง
Have a little money in the bank to handle unforeseen problems.

176. จงจำไว้ว่าในคำพูดตลกๆ นั้น มีเรื่องจริงปนอยู่ไม่น้อย
Remember that much truth is spoken in jest.

177. อย่าลืมว่าทัศนคติของคุณมีความสำคัญพอๆ กับข้อเท็จจริงเลยทีเดียว
Don”t forget that your attitude is just as important as the facts.

178. อย่าใช้ชีวิตเสมือนรถที่ลืมปลดเบรก
Don”t live with the brakes on.

179. จงจำไว้ว่า ความสุขที่แท้จริงมาจากการดำเนินชีวิต ตามครรลองคลองธรรม
Remember that true happiness comes from virtuous living.

180. ถ้าคุณรู้อยู่แก่ใจว่าคุณต้องแพ้แน่ๆ ก็จงแพ้อย่างไว้เชิงหน่อย
If you know you”re going to lose, do it with style.

181. จงขอคำแนะนำเมื่อคุณจำเป็นต้องได้รับ แต่จงจำไว้ว่า ไม่มีใครสามารถ ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องชีวิตส่วนตัวของคุณได้หรอก
Ask for advice when you need it, but remember that no one is an expert on your life.

182. จงทำความฝันให้เป็นความจริง
Rescue your dreams.

183. จงจำไว้ว่าการสร้างชีวิตคู่ให้ประสบความสำเร็จนั้น ก็เปรียบเสมือนการทำนาทำไร่ คือคุณต้องเริ่มทำใหม่ทุกๆ เช้า
Remember that creating a successful marriage is like farming; you have to start over again every morning.

184. จงสอนอะไรก็ตาม โดยทำตัวอย่างให้ดู
Teach by example.

185. จงมุ่งมั่นสู่จุดหมายอันยิ่งใหญ่
Commit yourself to a mighty purpose.

186. จงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
Live simply.

187. ฝึกคิดให้ว่องไว
Think quickly.

188. จงขยันทำงาน
Work diligently.

189. จงสู้โดยไม่เอาเปรียบคู่ต่อสู้
Fight fairly.

190. จงเป็นผู้ให้อย่างไม่อั้น
Give generously.

191. จงปลูกดอกไม้ให้มากกว่าจำนวนที่คุณเด็ดไป
Plant mor flowers than yu pick.

192. จงจำไว้ว่าสัจธรรมที่สำคัญทั้งหลาย ล้วนเป็นเรื่องพื้นๆ ทั้งสิ้น
Remember that all important truths are simple.

193. เมื่อสวดมนต์อธิษฐาน จงคิดถึงพ่อแม่ด้วย
Include your parents in your prayers.

194. จงเชื่อรักแรกพบ
Believe in love a first sight.

195. อย่าได้ไปหัวเราะเยาะความใฝ่ฝันของผู้ใดเป็นอันขาด
Never laugh at anyone”s dreams.

196. ไม่ต้องไปขอโทษใคร.. เมื่อเรามาเร็วกว่าเวลานัด
never apologize for being early for an appointment.

197. จงอาสาทำงานที่ไม่มีใครต้องการจะทำ เพราะบางทีก็มีโอกาส อันยิ่งใหญ่แอบแฝงอยู่ในงานนั้น
Volunteer. Sometimes the jobs on one wants conceal big opportunities.

198. อย่าเป็นบุคคลแรกที่แหวกประเพณีของครอบครัว
Never be the first to break a family tradition.

199. อย่าได้ลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มสัญญา ที่ยังไม่ได้ระบุข้อความใดๆ เอาไว้เป็นอันขาด
Never sign contracts with blank spaces.

200. เมื่อเกิดความขัดแย้ง จงต่อสู้อย่างเป็นธรรม อย่าใช้คำสบประมาทเรียกชื่อฝ่ายตรงข้าม
In disagreements, fight fairly. No name calling.

  1. ถ้าคุณยืมของอะไรก็ตามเกิน 2 ครั้ง จงไปหาซื้อมาใช้เองได้แล้ว
    If you borrow something more than twice, buy one for yourself.

203. จงจำไว้ว่าคุณอาจจะพลาดสิ่งดีๆ ในชีวิตไปเยอะแยะ ถ้าคุณมีทัศนคติที่ผิดๆ
Remember that you can miss a lot of good things in life by having the wrong attitude.

อ่าน : > 100 ข้อคิดดีๆ คำคมสอนใจ ภาษาไทย-อังกฤษ | อ่านแล้วเพิ่มพลังใจ

ภาพจาก https://unsplash.com

บทความแนะนำ

[NEW] หลักการใช้คอมม่า (Comma) ในภาษาอังกฤษ | แยก ภาษา อังกฤษ ที่ อยู่ – NATAVIGUIDES

คอมม่า (,) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ แต่ถึงแม้จะถูกใช้บ่อย หลายๆคนก็ยังคงสับสนอยู่ดี ว่าเราควรใช้คอมม่าตอนไหนและต้องใช้อย่างไรบ้าง

สำหรับคนที่สงสัย ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหาการใช้คอมม่าในภาษาอังกฤษ มาให้เพื่อนๆได้เรียนรู้กันได้อย่างง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

คอมม่าคืออะไร

คอมม่า (comma) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ ทำหน้าที่แยกคำ วลี หรือประโยค เพื่อให้ผู้อ่านสามารถอ่านจับใจความได้ง่ายและถูกต้องมากขึ้น

ถ้าเปรียบเทียบคอมม่ากับเครื่องหมายจุด (.) ที่ใช้ปิดท้ายประโยค หรือที่เรียกว่า period เครื่องหมายทั้ง 2 ตัวนี้จะเป็นตัวบอกการเว้นจังหวะในการอ่านและพูดเหมือนกัน แต่เครื่องหมายคอมม่าจะเป็นตัวบอกจังหวะการเว้นที่สั้นกว่า

หลักการใช้คอมม่า

ใครที่มีข้อสงสัยว่าเราต้องใช้คอมม่าในกรณีไหนและต้องใช้ยังไงบ้าง ก็ไปดูหลักการใช้คอมม่าทั้ง 11 ข้อกันเลย

1. ใช้คอมม่าหน้าคำเชื่อมที่เชื่อม independent clause

Independent clause (ประโยคใจความสมบูรณ์) คือประโยคที่มีทั้งประธานและคำกริยา ตัวประโยคจะมีใจความสมบูรณ์ในตัวมันเอง เช่น

I am a student. (ฉันเป็นนักเรียน) – ถือเป็น independent clause เพราะมีทั้งประธานและคำกริยา
Feel good (รู้สึกดี) – ไม่ใช่ independent clause เพราะไม่มีประธาน
Big black cat (แมวสีดำตัวใหญ่) – ไม่ใช่ independent clause เพราะไม่มีคำกริยา

ส่วนคำเชื่อมในที่นี้จะต้องเป็น coordinating conjunction ซึ่งก็คือคำเชื่อมที่ให้น้ำหนักกับ 2 สิ่งที่ถูกเชื่อมเท่าๆกัน โดยอาจใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคก็ได้ coordinating conjunction มีทั้งหมด 7 ตัวคือ for, and, nor, but, or, yet, so (เมื่อนำอักษรแรกมาต่อกันจะได้เป็น FANBOYS ใช้ช่วยให้ท่องจำได้ง่ายขึ้น)

หากเราเชื่อม independent clause 2 ประโยคด้วย coordinating conjunction เราจะต้องใช้คอมม่าหน้า coordinating conjunction

โครงสร้างการใช้

independent clause + , + coordinating conjunction + independent clause

ตัวอย่างประโยค

He didn’t speak to anyone, and nobody spoke to him.
เขาไม่ได้พูดกับใคร และก็ไม่มีใครพูดกับเขา

I wanted to stay home, but my wife wanted to go shopping.
ฉันอยากอยู่บ้าน แต่ภรรยาของฉันอยากไปช้อปปิ้ง

เราจะไม่ใช้คอมม่า ถ้าข้างหน้าหรือข้างหลัง coordinating conjunction ไม่ใช่ independent clause

She brushed her teeth and washed her face.
เธอแปรงฟันและล้างหน้า
(washed her face ไม่ใช่ independent clause)

I am not a writer but an editor.
ฉันไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นบรรณาธิการ
(an editor ไม่ใช่ independent clause)

2. ใช้คอมม่าเมื่อขึ้นต้นประโยคด้วย dependent clause

Dependent clause คือประโยคที่มีใจความไม่สมบูรณ์ เวลาใช้จะต้องใช้ร่วมกับประโยคอื่น ในที่นี้เราจะแบ่งออกเป็น 3 กรณี

1. Participial phrase

เมื่อประโยคขึ้นต้นด้วยวลีจำพวก participial phrase ซึ่งก็คือวลีที่ขึ้นต้นด้วย v. + ing หรือ v. ช่อง 3 เราจะต้องใช้คอมม่าคั่นหลังวลีนั้น

โครงสร้างการใช้

participial phrase + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Being the only son in the family, his family have high hopes for him.
ด้วยการที่เขาเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัว ครอบครัวของเขาจึงตั้งความหวังกับเขาไว้สูง

Bitten by my own dog, I was very disappointed.
การโดนกัดโดยหมาของตัวเองทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังมาก

2. Adverbial phrase

แต่ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย adverbial phrase ซึ่งก็คือวลีที่ทำหน้าที่เป็น adverb เราอาจใช้คอมม่าหรือไม่ใช้ก็ได้ (ถ้า adverbial phrase ยาว หรือเราต้องการเน้น adverbial phrase นั้น เราจะนิยมใช้คอมม่า)

ตัวอย่าง adverbial phrase เช่น
At 6 o’clock
After the show
In the middle of Bangkok

โครงสร้างการใช้

adverbial phrase + (,) + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

In 2020 there is a pandemic affecting the world.
ในปี 2020 มีโรคระบาดที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก

When I was six, I lived in Chiang Mai with my mom.
ตอนฉันอายุหกขวบ ฉันอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่กับแม่ของฉัน

3. Sentence adverb

ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย sentence adverb ซึ่งก็คือคำจำพวก adverb ที่ทำหน้าที่ขยายทั้งประโยค เราจะใช้คอมม่าคั่นหลัง sentence adverb นั้น

โครงสร้างการใช้

sentence adverb + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Honestly, I am not angry.
ตรงๆเลยนะ ฉันไม่ได้โกรธ

Clearly, this plan isn’t working.
เห็นได้ชัดว่าแผนนี้ใช้ไม่ได้ผล

3. ใช้คอมม่าคั่นวลีหรือคำกลางประโยคที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

เราจะใช้คอมม่าคั่นวลีหรือคำที่อยู่กลางประโยค ถ้าวลีหรือคำนั้นทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ไม่ได้จำเป็นสำหรับประโยค (แม้ตัดออกไป ใจความหลักของประโยคก็ยังเหมือนเดิม)

โครงสร้างการใช้

ประโยคส่วนที่ 1 + , + วลี/คำที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม + , + ประโยคส่วนที่ 2

ตัวอย่างประโยค

Tim, unlike Joe, is very polite.
ทิมเป็นคนสุภาพมาก ไม่เหมือนกับโจ

King Crab restaurant, which Anne recommended, is fantastic.
ร้านอาหารคิงแครบที่แอนแนะนำนั้นดีมาก

แต่ถ้าวลีหรือคำนั้นจำเป็นสำหรับประโยค ถ้าตัดออกแล้วใจความเปลี่ยน เราก็จะไม่ใช้คอมม่า

People who exercise regularly tend to be more happy.
คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมักจะมีความสุขมากกว่า
(ถ้าตัด who exercise regularly ทิ้ง ความหมายจะเปลี่ยนเป็น “คนจะมีความสุขมากกว่า” ซึ่งมีใจความผิดไปจากเดิม)

The restaurant that Anne recommended is fantastic.
ร้านอาหารที่แอนแนะนำนั้นดีมาก
(ถ้าตัด that Anne recommended ทิ้ง ความหมายจะเปลี่ยนเป็น “ร้านอาหารดีมาก” ซึ่งมีใจความผิดไปจากเดิม คือเราจะไม่รู้ว่าหมายถึงร้านไหน)

วลีที่ขึ้นต้นด้วย that มักจะจำเป็นสำหรับประโยค เรามักจะไม่ใช้คอมม่าครอบส่วนนั้น

4. ใช้คอมม่าแยกรายการคำตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป

ถ้าเรามีรายการคำตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป เราจะต้องคั่นแต่ละรายการด้วยคอมม่า ยกเว้นรายการสุดท้าย เราจะคั่นด้วยคอมม่าหรือไม่ก็ได้

โครงสร้างการใช้

รายการหนึ่ง, รายการสอง(,) and รายการสุดท้าย

ตัวอย่างประโยค

He is tall, dark, and handsome.
หรือ He is tall, dark and handsome.
เขาทั้งสูง เข้ม และหล่อ

She needs salt, pepper, and other seasonings at the grocery store.
หรือ She needs salt, pepper and other seasonings at the grocery store.
เธอต้องการเกลือ พริกไทย และเครื่องปรุงอย่างอื่นที่ร้านขายของ

5. ใช้คอมม่าคั่นระหว่าง coordinate adjectives

Coordinate adjectives คือคำคุณศัพท์ที่ขยายคำนามคำเดียวกันและมีความสำคัญเท่าๆกัน สามารถสลับที่กันได้ ตัวอย่างเช่น

เราสามารถใช้ได้ทั้ง long, narrow path
และ narrow, long path
คำว่า long และ narrow ในที่นี้จะถือเป็น coordinate adjectives

เราสามารถใช้ big black bear
แต่ไม่สามารถใช้ black big bear
คำว่า big และ black ไม่ถือเป็น coordinate adjectives (การใช้ adjective ขนาดจะต้องมาก่อนสี)

โครงสร้างการใช้

coordinate adjective 1 + , + coordinate adjective 2 + คำนาม

ตัวอย่างประโยค

The happy, lively cat is playing with the ball.
แมวที่มีความสุขสดใสกำลังเล่นกับลูกบอล

My roommate is a cheerful, kind girl.
รูมเมทของฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงและใจดี

ทั้งนี้ เราสามารถใช้ and เชื่อมระหว่าง coordinate adjectives แทนคอมม่าก็ได้เช่นกัน อย่างเช่น My roommate is a cheerful and kind girl.

6. ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำพูดกับวลีที่กำกับ

ในภาษาอังกฤษ เวลาเราเขียนประโยคที่เป็นคำพูด เราจะใช้เครื่องหมาย “-” ครอบประโยคคำพูดนั้น อย่างเช่น Anne said, “I feel sick.” ซึ่งแปลว่า แอนพูดว่า “ฉันรู้สึกป่วย”

สังเกตว่า เราจะใช้คอมม่าคั่นระหว่างวลีที่เข้ามากำกับ ซึ่งก็คือ Anne said และประโยคที่เป็นคำพูด ซึ่งก็คือ “I feel sick.”

ทั้งนี้ วลีที่กำกับนั้นอาจจะอยู่หน้า อยู่กึ่งกลาง หรืออยู่หลังประโยคที่เป็นคำพูดก็ได้

โครงสร้างการใช้

  • วลีกำกับ, “ประโยคคำพูด”
  • “ประโยคคำพูด,” วลีกำกับ, “ประโยคคำพูด”
  • “ประโยคคำพูด,” วลีกำกับ

ตัวอย่างประโยค

He answered, “She is not here.”
เขาตอบ “เธอไม่ได้อยู่ที่นี่”

“I think,” she said, “Joe can help.”
“ฉันคิดว่า” เธอพูด “โจสามารถช่วยได้”

“It is raining,” Tim said.
“ฝนกำลังตก” ทิมพูด

ในกรณีที่วลีกำกับอยู่ข้างหลังประโยคคำพูด ถ้าประโยคคำพูดลงท้ายด้วยเครื่องหมายตกใจ (!) หรือเครื่องหมายคำถาม (?) เราจะไม่ต้องใช้คอมม่า

“Stop playing video game!” mom yelled.
“หยุดเล่นเกมได้แล้ว” แม่ตวาด

“Are you alright?” Ben asked.
“คุณโอเคมั้ย” เบ็นถาม

บางคนอาจสงสัยว่า เราต้องใส่คอมม่าไว้ในหรือนอกเครื่องหมาย “-” ทำไมบางทีเห็นแต่ละที่ใช้ไม่เหมือนกัน

คำตอบก็คือถ้าเป็น American English จะนิยมเอาไว้ข้างใน เช่น “It is raining,” Tim said. แต่ถ้าเป็น British English จะนิยมเอาไว้ข้างนอก เช่น “It is raining”, Tim said.

7. ใช้คอมม่าในการแยกวันที่และสถานที่

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างวันและปีเมื่อเราเขียนวันที่ในรูปแบบ เดือน-วันที่-ปี แต่ถ้าเราเขียนในรูปแบบ วันที่-เดือน-ปี เราจะไม่ต้องใช้คอมม่า

โครงสร้างการใช้

เดือน วันที่, ปี

ตัวอย่างประโยค

She was born on December 10, 1995.
เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1995

She was born on 10 December 1995.
เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1995

และใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำบอกสถานที่ที่ต่างกัน เช่น เมือง จังหวัด รัฐ ประเทศ

โครงสร้างการใช้

  • ชื่อตำบล, ชื่อเขต, ชื่อจังหวัด, ชื่อประเทศ
  • ชื่อเมือง, ชื่อรัฐ, ชื่อประเทศ

ตัวอย่างประโยค

I live in Bangkok, Thailand.
ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

He came from Chicago, Illinois.
เขามาจากเมืองชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์

8. ใช้คอมม่าหน้า question tag

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างประโยคหลักกับ question tag

โครงสร้างการใช้

ประโยคหลัก + , + question tag

ตัวอย่างประโยค

These flowers are beautiful, aren’t they?
ดอกไม้เหล่านี้สวยมาก ว่ามั้ย

You didn’t forget the key, did you?
คุณไม่ได้ลืมกุญแจใช่มั้ย

9. ใช้คอมม่าเมื่อเรียกบุคคลโดยตรง

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำเรียกบุคคลอื่นกับส่วนอื่นของประโยค เมื่อเราเรียกบุคคลนั้นโดยตรง

โครงสร้างการใช้

  • ประโยคหลัก + , + คำเรียกบุคคล
  • คำเรียกบุคคล + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Dad, where are you?
พ่ออยู่ไหน

See you later, John.
ไว้เจอกันใหม่นะจอห์น

10. ใช้คอมม่าหลังคำขึ้นต้นประโยค

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำขึ้นต้นประโยคกับประโยคหลัก อย่างเช่น คำทักทาย yes/no

โครงสร้างการใช้

  • คำทักทาย + , + ประโยคหลัก
  • yes/no + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Hello, how is it going?
สวัสดี เป็นยังไงบ้าง

Yes, I live by myself.
ใช่ ฉันอยู่คนเดียว

11. ใช้คอมม่าเพื่อป้องกันการสับสน

เราจะใช้คอมม่าในประโยคที่อาจก่อให้เกิดความสับสนหรือความเข้าใจผิดแก่ผู้อ่าน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจความหมายได้ถูกต้องมากขึ้น

ตัวอย่างประโยค

I waved at my friend who entered the canteen, and smiled.
ฉันโบกมือให้เพื่อนที่เข้ามาในโรงอาหาร และยิ้มให้เค้า
(คอมม่าทำให้เรารู้ว่าฉันเป็นคนยิ้ม ไม่ใช่เพื่อนยิ้ม)

เป็นยังไงบ้างครับกับหลักการใช้เครื่องหมายคอมม่า (comma) ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


คำศัพท์ ผัก ภาษาอังกฤษ Vegetables


คำศัพท์ ผัก ภาษาอังกฤษ Vegetables
เรียนภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ผักภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษ ผักอังกฤษ คำศัพท์

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

คำศัพท์ ผัก ภาษาอังกฤษ Vegetables

5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures) ใช้บ่อย


โครงสร้างของประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ภาคประธาน (Subject) ที่เป็นคำนาม สรรพนาม หรือกลุ่มคำนาม และ ภาคแสดง (Predicate) ประกอบด้วยกริยา กรรม หรือส่วนขยาย โดยโครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษมี 5 โครงสร้างด้วยกัน แล้วเราไปดูกันเลยนะว่ามีอะไรบ้าง
เรียนภาษาอังกฤษฟรี
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuKZYgki4\u0026t=5s
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv47gnc8
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r51ZLFA\u0026t=10s
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1QS7O6s
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5sPRefdA\u0026t=82s
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot65xu6k
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK2AAi9Q\u0026t=3s
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnATbRFCE
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnATbRFCE
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKYd2YFzg\u0026t=2s

5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures) ใช้บ่อย

ทาง 3 แยก ภาษาอังกฤษคือ?


คลิปต่างๆเกี่ยวกับภาษาอังกฤษที่พบเจอรอบๆตัวและระหว่างการเดินทาง ภาษาอังกฤษอยู่รอบตัวจริงๆนะครับ ขอแค่ใส่ใจ สังเกตบ้างไรบ้าง อ่ะนะ =)

ทาง 3 แยก ภาษาอังกฤษคือ?

วิธีเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษ (เริ่มจาก0) เทียบอักษรอังกฤษไทย


วิธีเทียบเสียงอักษรภาษาอังกฤษไทย เทียบเสียงสระภาษาอังกฤษไทย วิธีเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษ อย่างง่าย
@EnglishThai Downunder เรียนภาษาอังกฤษฟรี แต่งประโยคภาษาอังกฤษ โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษ เรียนภาษาอังกฤษฟรี
เรียนภาษาอังกฤษกับครูฟาง, ฝึกภาษาอังกฤษ, อยากเก่งภาษาอังกฤษ, ติวสอบภาษาอังกฤษ, ติวภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษพื้นฐาน, ประโยคภาษาอังกฤษ, ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน, อยากเก่งภาษาอังกฤษ, คำศัพท์อังกฤษ, English lesson, แกรมม่าภาษาอังกฤษ, บทเรียนภาษาอังกฤษ

วิธีเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษ (เริ่มจาก0) เทียบอักษรอังกฤษไทย

ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ | WAWA kids art


ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์
เกมสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยวาชน
เพื่อเสริมทักษะความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
วิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ และอื่นๆๆอีกมากมาย
อย่าลืมกดติดตาม Subscribe WAWA kids art กันนะค่ะ
เกม คณิตศาสตร์หรรษา ระดับประถมศึกษา (10 ข้อ) https://youtu.be/GhlHe6bjBCQ
เกม หาภาพตรงกับคำสั่ง หมวดวิทยาสาสตร์ https://youtu.be/nqoTcc0QV4
เกม ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดสัตว์ https://youtu.be/xcT9ntfaVk
วาดการ์ตูนปลาโลมา, เรือ, ผีเสือ, เห็ด | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ สนุกกับการเรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ https://youtu.be/7_bjSKieC7c
วาดการ์ตูน ผีเสื้อ, ดอกไม้, บอลลูน, อ่างอาบน้ำ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรียนรู้สีผ่านงานศิลปะ https://youtu.be/sfOUFKhNmwc
เกมหารูปภาพตามคำสั่ง หมวดคำราชาศัพท์ https://youtu.be/6yPm5YA2is
เกมหาอักษรที่หายไป หมวดภาษาอังกฤษ https://youtu.be/If5UsAS9ZYQ
เรียนรู้ผลไม้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เล่นไข่เซอร์ไพรส์และลุ้นถ้วยไอศครีม | wawa kids art https://youtu.be/m0b4bpQLBfY
เรียนรู้เลข เล่นทำเลข 110 ผ่านแป้งโด เรียนรู้คำศัพท์ในหมวดผลไม้ https://youtu.be/VzdFLOoiWs
เรียนรู้เลข เล่นทำเลข 110 ผ่านแป้งโด เรียนรู้คำศัพท์ในหมวดผลไม้ https://youtu.be/VzdFLOoiWs
เกม ทายคำศัพท์ยานพาหนะ หมวดภาษาอังกฤษhttps://youtu.be/dc4ApC1qn_w
เกม หาสุภาษิตไทยจากรูปภาพ เรียนรู้ความหมายของสุภาพษิตไทย https://youtu.be/JhqtK1qae_s

ep.3 เกมทายเสียงสัตว์ 20 ข้อ | เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ | WAWA kids art

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ แยก ภาษา อังกฤษ ที่ อยู่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *