Skip to content
Home » [NEW] 10 คำถามฮิต พิชิตสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ | ประสบการณ์ ที่ ดี ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] 10 คำถามฮิต พิชิตสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ | ประสบการณ์ ที่ ดี ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

ประสบการณ์ ที่ ดี ภาษา อังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ…หลายๆคนมักจะขาดความมั่นใจพอได้ยินว่าบริษัทที่ตัวเองสมัครไปต้องสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ แค่สัมภาษณ์ธรรมดาก็กังวลใจแล้ว นี่ยังเป็นภาษาอังกฤษอีก… โอยตายเลย ขืนเราไม่เตรียมพร้อมให้ดีมีหวังตกม้าตายเอาได้ง่ายๆ จริงๆแล้วการสอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษทั่วๆไป ย้ำว่าทั่วไปนะครับ บริษัทต้องการรู้ระดับทักษะภาษาอังกฤษของเรา ว่าสามารถใช้สื่อสารจริงได้ดีแค่ไหน

เรามาดูตัวอย่างคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษกันเลยครับ เรื่องแนะนำตัวนี่ขอข้ามไปก่อนเพราะเชื่อว่าหลายๆคนคงมีพื้นฐานอยู่แล้ว

คำถามแบบที่ 1: คุณสมบัติเฉพาะตัว (Personality)

เจอคำถามแบบนี้เข้าไปก็ต้องบรรยายถึงลักษณะเด่นของตัวเราที่จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทครับ อาจใช้คำคุณศัพท์หลายๆแบบเข้ามาช่วย

  1. Tell me about yourself. 

    (ไหนลองพูดเกี่ยวกับตัวคุณให้ฟังซิ)

  2. How would you describe your attitude towards work? 

    (คุณจะอธิบายทัศนคติในการทำงานของคุณอย่างไร) 

  3. What would you say about your personality? 

    (คุณมีลักษณะนิสัยอย่างไร)

  4. What inspires you to work?

    (อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของคุณ)

  1. I’d say I’m hardworking and honest.

    (ผมเป็นคนขยันขันแข็งและซื่อสัตย์ครับ)

  2. I am a results-oriented person.

    (ดิฉันเป็นคนให้ความสำคัญกับผลลัพธ์)

  3. I am very outgoing and have the people skills needed to get customers interested.

    (ผมเป็นคนเข้าสังคมง่าย และมีทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ที่จำเป็นในการทำให้ลูกค้าสนใจ)

  4. Challenging projects motivate me more than anything.

    (โครงการที่ท้าทายเป็นตัวกระตุ้นสำหรับผมมากกว่าสิ่งอื่นใด)

ตัวอย่างคำตอบยาว

I am an idealistic person. I want a job with a company that is making money, but also one that is helping people. I want to go home knowing that my work has helped others in their job or their personal life. I have to have a job where I believe in what I am doing.
ผมเป็นคนที่มีอุดมการณ์ ต้องการทำงานในบริษัทที่สร้างรายได้ แต่ก็ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นด้วย ผมอยากกลับถึงบ้านด้วยความรู้สึกว่างานของผมได้ช่วยเหลือด้านการดำเนินชีวิตหรือการทำงานของผู้อื่น ผมต้องทำงานที่ผมศรัทธาว่ากำลังทำสิ่งนั้นอยู่

คำถามแบบที่ 2: เหตุผลการสมัครงาน (Reasons for Applying)

คำถามสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษแน่นอนต้องมีเหตุผลที่เราสมัครงานนี้ ก็บอกตามความเป็นจริงว่าเราอาจเรียนมาด้านนี้โดยตรง หรือบริษัทของเค้าโดดเด่นมากกว่าบริษัทอื่นๆก็ได้

  1. Why are you interested in this position?

    (ทำไมคุณถึงสนใจตำแหน่งนี้)

  2. Why do you think you are a good fit for this job?

    (ทำไมคุณถึงคิดว่าคุณเหมาะสมกับงานนี้)

  3. What do you know about our company?

    (คุณรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับบริษัทเรา)

  4. What do you hope to get out of a job?

    (คุณหวังว่าจะได้อะไรจากการทำงาน)

  1. This job is good fit for my background.

    (งานนี้เหมาะสมกับภูมิหลังของดิฉัน)

  2. With my negotiation skills, I feel I would be able to contribute a lot to the company.

    (ผมรู้สึกว่าจะมีส่วนช่วยบริษัทได้มากด้วยทักษะการเจรจาต่อรอง)

  3. I know this is the leading automobile company.

    (ผมรู้ว่าบริษัทนี้เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมยานยนต์)

  4. I want a job where I can contribute, and also learn.

    (ดิฉันต้องการงานที่สามารถมีส่วนช่วย ขณะเดียวกันก็ได้เรียนรู้งานไปด้วย)

ตัวอย่างคำตอบยาว

The first thing I look for in a job is the opportunity to better myself. I like jobs where I am forced to learn, and where I can get better at things over time. If a job isn’t challenging, I can’t improve my skills.
สิ่งแรกที่ผมใฝ่หาในงานคือโอกาสที่จะพัฒนาตนเองเสมอ ผมชอบงานที่บังคับให้ตนเองเรียนรู้ และที่ทำให้เติบโตขึ้นตามกาลเวลา ถ้างานไม่มีความท้าทายผมก็คงไม่สามารถพัฒนาทักษะตนเองได้

คำถามแบบที่ 3: รายละเอียดการทำงาน (About the Job)

ก่อนอื่นต้องทำการบ้านมาให้ดีนะครับว่าตำแหน่งที่ไปสมัครเนี่ย เค้ามี Job description อย่างไร เราต้องทำอะไรบ้าง และเรามีคุณสมบัติเหมาะสมรึเปล่า สามารถหาข้อมูลได้ตามกระทู้ต่างๆหรือถามจากผู้รู้ ส่วนเรื่องเงินเดือนควรรอให้ผู้สัมภาษณ์เสนอมาก่อน

  1. What skills do you think are needed for this position?

    (คุณคิดว่าทักษะอะไรบ้างที่จำเป็นต่องานตำแหน่งนี้)

  2. Tell me what skills or experiences you have that would be useful for this job.

    (ช่วยบอกหน่อยว่าคุณมีทักษะหรือประสบการณ์อะไรที่เป็นประโยชน์สำหรับงานนี้)

  3. How much do you expect to earn at this position?


    (คุณคาดหวังเงินเดือนเท่าไหร่ในตำแหน่งนี้)

  1. A solid understanding of the market is most important.

    (ความเข้าใจด้านการตลาดอย่างลึกซึ้งนั้นสำคัญที่สุด)

  2. I have worked in advertising before, and I have a degree in design.

    (เมื่อก่อนดิฉันเคยทำงานด้านโฆษณา แล้วก็มีปริญญาด้านการออกแบบด้วย)

  3. With my background and degree work, I feel something around 25,000 Baht would be acceptable.

    (เมื่อดูตามประวัติและประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าจะยอมรับเงินเดือนที่ประมาณ 25,000 บาท)

คำถามแบบที่ 4: ประวัติการศึกษา (Educational Experience)

คำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษนี้จะย้อนเวลาไปสมัยที่เราเรียนอยู่ สำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานควรเตรียมตัวด้านนี้เป็นพิเศษ

  1. What classes did you take that helped prepare you for this job?


    (คุณเรียนวิชาอะไรมาบ้างที่จะช่วยคุณเตรียมความพร้อมสำหรับงานนี้)

  2. Why did you choose business administration as your major?

    (ทำไมคุณเลือกบริหารธุรกิจเป็นวิชาเอก)

  3. Which subjects did you have the most trouble with? 


    (คุณมีปัญหากับวิชาไหนมากที่สุด)

  1. I took classes on marketing and consumer psychology that apply directly to this job.

    (ผมได้เข้าเรียนด้านการตลาดและจิตวิทยาผู้บริโภค ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้กับงานนี้ได้โดยตรง)

  2. I feel that an understanding of all aspects of a company is essential.

    (ผมรู้สึกว่าการเข้าใจทุกแง่มุมของบริษัทเป็นสิ่งจำเป็น)

  3. I had a bit of trouble with my English classes, but I am trying to improve.


    (ผมมีปัญหาเล็กน้อยในวิชาภาษาอังกฤษ แต่ผมก็กำลังพยายามพัฒนาอยู่)

คำถามแบบที่ 5: ประสบการณ์การทำงาน (Working Experience)

ผู้สัมภาษณ์ต้องการทำความเข้าใจกับทัศนคติในการทำงานของเราและความสามารถในการแก้ปัญหา

  1. What have you had the most success with in your career?


    (สิ่งที่คุณประสบความสำเร็จสูงสุดในการทำงานคืออะไร)

  2. How did you manage difficulties on the job?

    (คุณจัดการกับอุปสรรคการทำงานอย่างไร)

  3. Why did you leave your last job?


    (ทำไมคุณถึงลาออกจากงานเก่าล่ะ)

  1. The most rewarding experience I had so far was being named Salesman of the Year.


    (ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดของดิฉันคือได้รับรางวัลพนักงานขายยอดเยี่ยมแห่งปี)

  2. I plan and arrange tasks according to priority, and dedicate my full attention to them.

    (ผมวางแผนงานว่าอะไรสำคัญที่สุด อะไรควรทำก่อน-หลัง และก็มุ่งมั่นลงมือทำเต็มที่)

  3. I want to further my career. I am looking for bigger challenges and new experiences.

    (ผมต้องการความก้าวหน้าในอาชีพ ผมจึงมองหาความท้าทายและประสบการณ์ใหม่ๆ)

คำถามแบบที่ 6: ความสามารถของผู้สมัคร (Candidate’s Abilities)

นี่เป็นคำถามสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษที่วัดความสามารถของเรา ว่าเราจะรู้จุดแข็งจุดอ่อนของตนหรือไม่ เราควรบอกจุดแข็งอย่างมั่นใจแต่ถ่อมตน และบอกจุดอ่อนอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะปรับปรุงส่วนที่ตนบกพร่อง

  1. What are your strengths/ weaknesses?


    (จุดแข็ง/จุดอ่อนของคุณคืออะไร)

  2. Do you mind having a number of tasks to do at once?

    (คุณทำงานหลายงานในเวลาเดียวกันได้ไหม)

  3. What do you do in your free time?

    (คุณทำอะไรในช่วงเวลาว่าง)

  4. Are you involved in any community groups or work?
    คุณเข้าร่วมกลุ่ม หรืองานเพื่อสังคมอะไรบ้างหรือเปล่า

  1. My strong point is being able to understand a customer’s needs, but I sometimes get nervous when I have to speak in public.


    (จุดแข็งที่สุดของผมคือการเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า แต่บางครั้งจะตื่นเต้นเมื่อต้องพูดต่อหน้าฝูงชน)

  2. I’m good at multitasking, and used to working on several projects at once.

    (ดิฉันทำงานหลายงานพร้อมกันได้ดี และเคยจัดการโครงการหลายอย่างในเวลาเดียวกันมาแล้ว)

  3. I like reading novels. I also go outdoors to play basketball, swimming, and sometimes badminton.


    (ดิฉันชอบอ่านนวนิยาย แล้วก็ชอบไปเล่นบาสเก็ตบอล ไปว่ายน้ำ แล้วก็แบตมินตันเป็นบางครั้ง)

  4. I was president of the faculty’s debate club.
    (ผมเคยเป็นประธานชมรมโต้วาทีของคณะ)

คำถามแบบที่ 7: ด้านมนุษยสัมพันธ์ (Interpersonal Experiences)

ตรงส่วนนี้บริษัทจะดูว่าเราจะทำงานกับเพื่อนร่วมงานอย่างไร และจะผลักดันให้ทีมประสบความสำเร็จหรือไม่ งานปัจจุบันเน้นทำเป็นทีมทั้งนั้นครับ 

  1. Tell me about your work relationship with your colleagues.


    (ช่วยบอกความสัมพันธ์ในการทำงานระหว่างคุณกับเพื่อนร่วมงานหน่อย)

  2. How did you handle friction with your superiors?

    (คุณจัดการความไม่ลงรอยกับหัวหน้าคุณอย่งไร)

  3. What do you think is the most important thing in working with people?


    (คุณคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดในการทำงานร่วมกับผู้อื่น)

  1. I always try to be a team player and work hard to get along with people at work.


    (ผมพยายามทำงานเป็นทีม และพยายามอย่างมากเพื่อทำความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมงาน)

  2. I did my best to compromise and explain my intentions clearly.

    (ผมพยายามประนีประนอม และอธิบายความต้องการให้ชัดเจนที่สุด)

  3. It is important to treat everyone with respect as much as listening to them.

    (การปฏิบัติกับทุกคนด้วยความเคารพเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การรับฟังผู้อื่นก็สำคัญไม่แพ้กัน)

คำถามแบบที่ 8: แผนการในอนาคต (Future Plans)

ทางบริษัทอาจถามถึงสถานะส่วนตัว หรือครอบครัว ทั้งนี้เพราะมันมีผลต่อนโยบายของบริษัทในการโยกย้ายพนักงานไปที่อื่น

  1. Where do you see yourself in five years?

    (คุณหวังว่าอีก 5 ปีข้างหน้าคุณจะอยู่ตรงจุดไหน)

  2. What are some things you would like to do in your life?

    (คุณอยากทำอะไรบ้างในชีวิต)

  3. Have you ever considered studying abroad?

    (คุณเคยคิดจะไปเรียนต่อเมืองนอกไหม)

  1. My sights are set on management, so I want to be a department manager in the next few years.

    (ดิฉันมุ่งไปที่การบริหารจัดการ ดังนั้นจึงอยากเป็นผู้จัดการแผนกในอีก 2-3 ปีข้างหน้า)

  2. If I had the time, it would be nice to learn how to fly a plane.

    (ถ้ามีเวลา ผมคิดว่าถ้าได้ลองเรียนขับเครื่องบินก็คงจะดี)

  3. Learning in a classroom wasn’t very interesting to me, so no.

    (ผมไม่เคยสนใจการเรียนในห้องเรียนมากนัก ดังนั้นจะไม่เรียนต่อครับ)

คำถามแบบที่ 9: ความสำเร็จและความล้มเหลว (Successes and Failures)

การตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษแนวๆนี้ อาจยกประสบการณ์ส่วนตัวขึ้นมา ทั้งช่วงที่ทำงานอยู่หรือตอนที่เรียนอยู่

  1. What has been your greatest success?

    (ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณคืออะไร)

  2. Tell me about a time when a task or project did not go well for you.

    (ช่วยเล่าช่วงเวลาที่งานหรือโครงการไม่ราบรื่นให้ฟังหน่อย)

  3. How do you feel about setbacks and failures?

    (คุณรู้สึกอย่างไรกับความพ่ายแพ้แล้วความล้มเหลว)

  1. The advertising campaign I led at my last job was a huge success.

    (แคมเปญโฆษณาล่าสุดที่ผมเป็นผู้นำทีมประสบความสำเร็จอย่างมาก)

  2. I was late for a teleconference one morning. The client lost trust in my company and turned to our competitor.

    (เช้าวันหนึ่งผมมาประชุมทางไกลสาย ลูกค้าเสียความเชื่อมั่นในบริษัทเราและหันไปหาคู่แข่งของเราแทน)

  3. Failure is not a bad thing. We learn more from our mistakes than from our success.

    (ความล้มเหลวก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เราเรียนรู้จากความผิดพลาดมากกว่าขากความสำเร็จ)

คำถามแบบที่ 10: ความสามารถในการบริหารจัดการ (Management Skills)

  1. How do you manage your time?

    (คุณบริหารจัดการเวลาอย่างไร)

  2. What do you think is the most important thing in managing projects?

    (คุณคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการจัดการกับโครงการคืออะไร)

  3. How would you describe your managing skills for people?

    (คุณจะบรรยายทักษะการบริหารจัดการคนของคุณอย่างไร)

  1. I prepare daily and weekly goals and regularly check my progress.

    (ดิฉันตั้งเป้าหมายล่วงหน้าไว้ทุกวันและทุกสัปดาห์ รวมทั้งตรวจสอบความก้าวหน้าของตนเองด้วย)

  2. The hands-on approach works best for me.

    (การลงมือปฏิบัติเอง เหมาะกับผมที่สุด)

  3. I am a strict manager, but I make sure to reward people when they perform well.

    (ผมเป็นผู้จัดการที่เข้มงวด แต่ผมจะให้รางวัลกับคนที่ทำงานดีอย่างแน่นอน)

คำถามเบื้องต้นสำหรับการสอบสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษก็มีเท่านี้ครับ ถ้าเจอคำถามสัมภาษณ์งานที่ต้องอาศัยไหวพริบอย่างเช่น “ผู้ชายคนหนึ่งจอดรถของเค้าไว้ที่โรงแรม และต่อมามันก็หายไป …เกิดอะไรขึ้น?” หรือ “ช่วยดีไซน์แผนอพยพ สำหรับเมืองซานฟรานซิสโกให้หน่อย” แบบนี้ร้อยคนร้อยคำตอบครับ อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะนี่เป็นคำถามสัมภาษณ์งานของบริษัทระดับโลกอย่าง Google เชียวนะ บางทีเราอาจเจอคำถามจำพวกนี้ ถึงตอนนั้นก็ต้องใช้ประสบการณ์ส่วนตัวแล้วล่ะนะ

Table of Contents

[NEW] การเขียน Resume / CV ภาษาอังกฤษ | ประสบการณ์ ที่ ดี ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

มาเจาะลึกถึงเทคนิคการเขียน resume ภาษาอังกฤษกันสักหน่อย การเขียนเรซูเม่ให้ดีเป็นสิ่งที่ยากมากแต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเขียนไม่ได้  หลักสำคัญคือ ต้องเขียนสิ่งที่เป็ฯตัวเราจริงๆ เนื้อความสั้น กระชับ และได้ใจความ ส่วนรูปแบบของเรซูเม่ จริงๆแล้วไม่มีใครรู้ว่าแบบไหนคือดีที่สุด เอาเป็นว่าอ่านง่ายสบายตา เท่านี้ก็ถือได้ว่าเป็นเรซูเม่ที่ดีค่ะ การเขียนเรซูเม่ทั่วไปมีหลักการเช่นเดียวกับการเขียนออไลน์เรซูเม่ แต่ออนไลน์เรซูเม่มีความพิเศษกว่า เพราะสามารถใส่ลิ้ง (Link) เพื่อที่จะโชว์ความสามารถพิเศษหรือ portfolio ของเราให้นายจ้างดูได้ และยังสามารถใส่วีดีโอเรซูเม่ (VDO Resume) เพื่อแนะนำหรือพรีเซนต์ประวัติย่อของเราได้ด้วย ซึ่งนายจ้างที่เห็นวีดีโอเรซูเม่ก็จะสามารถเห็นบุคลิกภาพของเราก่อนเรียกเข้าสัมภาษณ์งาน ความพิเศษของออนไลน์เรซูเม่ เป็นสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาเพื่อให้เรซูเม่ของเราน่าสนใจและเพิ่มโอกาสในการเรียกเข้าสัมภาษณ์งานให้กับเราอีกด้วย ในบทความนี้เราจะแบ่ง resume ออกเป็น 6 ส่วนหลักๆ คือ  

 

1. หัวเรื่องและจุดมุ่งหมายในงาน (Heading & Career Objective )

2. ข้อมูลส่วนตัว (Personal Information)

3. ทักษะความสามารถ (Skills) 

4. ข้อมูลทางด้านการศึกษา (Education)

5. ประสบการณ์ทำงาน (Working Experience)

6. บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References)

 

 

1. หัวเรื่องและจุดมุ่งหมายในงาน (Heading & Career Objective )

 

ส่วนหัวกระดาษ (Heading) ต้องระบุชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์และอีเมล์ที่สามารถติดต่อเราโดยตรงได้ อย่าลืมเช็คเบอร์โทรและอีเมล์ก่อนส่งเรซูเม่สมัครงานอีกครั้งเพราะเป็นส่วนที่สำคัญและไม่ควรจะเขียนผิดพลาด เนื่องจากถ้านายจ้างสนใจเรียกเข้าสัมภาษณ์งานแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อเราได้ เรซูเม่เราก็จะไม่มีความหมายไม่ต่างกับกระดาษเปล่านะคะ

ส่วนจุดมุ่งหมายในงาน (Career Objecting) คือการระบุเป้าหมายของการสมัครงานในตำแหน่งงานที่เราต้องการสมัคร และควรระบุตำแหน่งงานที่เราต้องการสมัครให้ชัดเจน อาจมีการระบุจำนวนเงินเดือนที่ต้องการด้วยก็ได้

 

การระบุจุดมุ่งหมายในการทำงานที่ชัดเจน และสอดคล้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร เช่น ตั้งเป้าหมายระยะสั้นว่าจะทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จได้อย่างไร หรือการตั้งเป้าหมายระยะยาวในช่วงเวลา 3-5 ปีข้างหน้าในเส้นทางอาชีพว่าจะเป็นไปในทิศทางใด เป็นต้น ซึ่งการตั้งเป้าหมายในสายอาชีพให้ชัดเจนเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และสร้างแรงจูงใจที่สำคัญแก่องค์กรในการเลือกรับผู้สมัครคนดังกล่าวเข้าทำงานเพื่อสร้างผลงานและขับเคลื่อนองค์กรได้ต่อไป

 

ตัวอย่าง หัวเรื่องและจุดมุ่งหมายในงาน (Heading & Career Objective )

 

MR. FISCHER PARTNERS

55 Wave Place Wireless Rd., Lumpini, Pathumwan, Bangkok, 10330

Tel. 02-2541448-9  E-mail: [email protected]

CAREER OBJECTIVE: Seeking a position in the accounting field where excellent analytical and technical skills can be utilized to improve the company’s profitability 
EXPECTED SALARY:   15,000- 25,000 Baht

 

 

2. ข้อมูลส่วนตัว (Personal Information)

 

ข้อมูลส่วนตัว (Personal  Information) ถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในเรซูเม่  ประกอบไปด้วยรูปภาพ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ประวัติการศึกษา สำหรับรูปถ่ายควรเป็นรูปที่เห็นใบหน้าตรงชัดเจน และแต่งกายสุภาพเรียบร้อย เนื่องจากรูปถ่ายจะเป็นสิ่งแรกที่ HR เห็นจากเรซูเม่ของผู้สมัคร นอกจากนี้ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลติดต่อกลับทั้งเบอร์โทรศัพท์ และอีเมลที่ต้องดูเป็นทางการ เช่น ชื่อ.นามสกุล@xxx.com 

 

ส่วนข้อมูลที่เกี่ยวกับสัญชาติ ศาสนา น้ำหนัก ส่วนสูง และงานอดิเรกที่เราสนใจนอกเวลางาน บางคนอาจจะเลือกที่จะไม่ใส่ขอมูลเกี่ยวกับ สัญชาติ ศาสนา น้ำหนัก และส่วนสูง ถ้าต้องการให้เรซูเม่ของเราดูเป็นมืออาชีพ และถ้าข้อมูลเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้องาน ดังนั้นในส่วนนี้ จะใส่เพียว ที่อยู่ เบอร์โทร อีเมล์ และงานอดิเรกที่สนใจนอกเวลางาน เท่านั้นก็ได้ แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับเนื้องานก็จำเป็น เช่น ถ้าเราสมัครเป็นแอร์โฮสเตส ที่นายจ้างจะต้องรู้ความสูงและน้ำหนัก แบบนี้เราก็ควรระบุลงไปให้ชัดเจน เป็นต้น

 

ตัวอย่าง ข้อมูลส่วนตัว (Personal Information)

 

PERSONAL INFORMATION 

Residential Address : 55 Wave Place Wireless Rd., Lumpini, Pathumwan, Bangkok, 10330

Mobile : 084-752-5656

Email : [email protected]

Date of Birth : 15 May 1977

Nationality : Thai

Age : 41

Marital Status : Single

Interest and Activities : Volunteer at local Rescue Mission, Participant in various running events, Enjoy jogging, tennis, reading

 

 

3. ทักษะความสามารถ (Skills)

 

ทักษะความสามารถ เป็นหัวข้อที่เราควรใส่ลงในเรซูเม่ (Resume) ของเรา  เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าสัมภาษณ์งาน เพราะช่วยให้เรซูเม่ของผู้สมัครดูน่าสนใจและได้เปรียบคู่แข่ง  เนื่องจากปัจจุบันนายจ้างจะเลือกดูประสบการณ์ทำงานและทักษะความสามารถของผู้สมัครเป็นหลัก ดังนั้น ใครมีความสามารถอะไร ควรใส่ให้ครบนะคะ โดยเฉพาะทักษะที่จำเป็นในตำแหน่งงานที่สมัครจะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานมากขึ้น อาทิ ทักษะด้านภาษา ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาที่ 3 เช่น ญี่ปุ่น จีน เยอรมัน ฯลฯ รวมไปถึงทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่จำเป็นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้

 

ทักษะความสามารถแบ่งออกเป็น Hard Skill และ Soft Skill

 

Hard Skill หรือ Qualification คือ ทักษะที่จำเป็นในการทำงานในแต่ละสายอาชีพ เช่น ถ้าเราเป็นนักบัญชี เราต้องรู้เกี่ยวกับการบันทึกบัญชี การสอบบัญชี และการยื่นภาษีต่างๆ  ถ้าเราเป็นวิศวกร คุณต้องรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและหลักการคำนวณ ว่ากันง่ายๆคือ ทักษะส่วนใหญ่ที่เราเรียนมาในมหาวิทยาลัย (อาจจะดูได้จากวิชาหลักที่เราเรียนในมหาวิทยาลัย) คือ Hard Skill

 

Soft Skill คือ มีขอบเขตที่กว้างกว่า โดยเป็นทักษะที่สามารถใช้ได้กับทุกสายอาชีพ เป็นลักษณะส่วนบุคคลที่สัมพันธ์กับความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence Quotient) เช่นทักษะการสื่อสารการแก้ปัญหาความขัดแย้ง การจูงใจ การจัดการอารมณ์ของตัวเอง การเจรจาต่อรอง การคิดเชิงกลยุทธ์ การสร้างทีมงาน ซึ่งแตกต่างจาก Hard Skills ที่สัมพันธ์กับความฉลาดทางสติปัญญา (Intelligence Quotient)

 

ตัวอย่าง การเขียนทักษะความสามารถ (Skills)

 

QUALIFICATION

 

  • General accounting transaction and entering data to accounting system

  • Issue withholding tax certificate

  • prepare and record AR,AP payment 

  •  handle all VAT and TAX calculation 

  • issue Invoice, Debit note, Credit note

  • Good command of Written and Spoken English

 

Skill

 

  • Having analytical skills, leadership, highly responsible and results oriented. 

  • Ability to work under pressure conditions

  • Typing skills: Thai, 45 words per minute | English, 50 words per minute

 

 

4. ข้อมูลทางด้านการศึกษา (Education)

 

เขียนวุฒิการศึกษาที่เราได้รับมา และการฝึกอบรมต่างๆ หรือกิจกรรมนอกหลักสูตรที่เคยเข้าร่วม ถ้าให้ดีต้องเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครด้วย สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน สามารถใช้ประสบการณ์ระหว่างการศึกษาได้ เช่น ถ้าเคยเป็นเหรัญญิกของสมาคมหรือค่าอาสา ก็เขียนว่า ได้รับเลือกให้เป็นเหรัญญิกของโครงการค่ายอาสาพัฒนาชนบท มีหน้าที่จัดทำเอกสาร รวบรวมเอกสาร รวมถึงบัญชีรายรับรายจ่ายทั้งหมดของโครางการ เป็นต้น ส่วนคนที่เคยมีประสบการทำงานมาแล้วก็สามารถใส่ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เคยทำมาได้เลย (อย่าลืมใส่ลิ้ง หรือเว็บไซต์ของที่ทำงานเก่า ลงไปในออนไลน์เรซูเม่ด้วย เพื่อให้นายจ้างตรวจเช็คได้สะดวก) การเขียนข้อมูลทางการศึกษา (Education) ให้เรียงจากวุฒิการศึกษสูงสุดไปวุฒติที่ต่ำที่สุด แต่ไม่ควรต่ำเกิดวุฒิมัธยมปลายหรือ ปวช. และถ้าเขียนอยู่ในบรรทัดเดียวกัน ให้เขียนเรียงลำดับจาก ช่วงเวลาที่เรียน วุฒิที่ได้รับ และชื่อสถาบัน

 

ตัวอย่าง ข้อมูลทางด้านการศึกษา (Education)

 

EDUCATION HISTORY

May 2010 – Aug 2012                 Masters in  Accounting,University of ABC,  Bangkok THAILAND

May 2006 – Feb 2010                 Bachelor of Science – Accounting, University of ABC, Bangkok THAILAND

May 2000 – Feb 2006                High School Certificate equivalent, AAA High School, Bangkok THAILAND

 

ข้อสังเกต

 

  • เขียนชื่อวุฒิขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ

  • ชื่อสถาบัน ให้ใส่จังหวัดที่สถาบันตั้งอยู่ ยกเว้นสถาบันที่ใช้ชื่อจังหวัดเป็นชื่อสถาบัน (เช่น Chiang Mai University, Khon Kaen University)

  • เราสามารถเพิ่มหัวข้อการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับงานเข้าไปที่หัวข้อนี้ หรือเพิ่มหัวข้อการฝึกอบรมขึ้นมา ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เราได้งานมากขึ้นด้วย วิธีเขียนก็เช่นเดียวกับการศึกษาหรือประสบการณ์ทำงาน คือ ให้เขียนเรียงลำดับ วันเดือนปีที่อบรม ระยะเวลา ชื่อหลักสูตรในการอบรม และสถาบันที่จัดการอบรม

 

 

5. ประสบการณ์ทำงาน (Working Experience)

 

ในส่วนนี้จะคล้ายกับข้อมูลการศึกษา โดยเริ่มจาก ชื่อสถานประกอบการ ตำแหน่งงาน จังหวัด ประเทศ (ถ้าทำงานต่างประเทศมาก่อน) วันเดือนปีที่เริ่มทำงาน  และระยะเวลาที่ทำงานนั้น และควรใส่ขอบเขตหน้าที่ ที่เราได้รับผิดชอบขณะทำงานอยู่ด้วย หรืออาจจะจัดรูปแบบให้แตกต่างแต่อานแล้วสบายตา เข้าใจง่ายก็ได้ (ดูตัวอย่างข้างล่าง) นอกจากนั้น ถ้าเคยผ่านงานมาหลายที่ ให้เขียนงานที่ทำปัจจุบันก่อน แล้วเรียงไปจนถึงตำแหน่งงานแรก  และการอบรมที่เคยเข้าร่วม ส่วนนิสิต นักศึกษาจบใหม่ การระบุประสบการณ์พิเศษเป็นการช่วยให้เรซูเม่ดูน่าสนใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร การออกค่าย การฝึกงาน ตลอดจนการทำงานล่วงเวลา (Part-Time) ทั้งนี้ประสบการณ์พิเศษจะเป็นปัจจัยสนับสนุนว่าผู้สมัครเป็นบุคคลที่มีความสามารถรอบด้าน และมีความรับผิดชอบ

 

ตัวอย่าง ประสบการณ์ทำงาน (Working Experience)

 

WORK EXPEREINCE

FP RECRUITMENT, Bangkok THAILAND  (Feb 2013 – April 2014)

Accounting Assistant

 

  • Performed accounts payable functions for construction expenses.

  • Managed vendor accounts, generating weekly on demand cheques.

  • Managed financial departments with responsibility for Budgets, Forecasting, Payroll, Accounts Payable and Receivable.

  • Created budgets and forecasts for the management group.

  • Ensured compliance with accounting deadlines.

  • Prepared company accounts and tax returns for audit.

  • Coordinated monthly payroll functions for 200+ employees.

  • Liased with bankers, insurers and solicitors regarding financial transactions.

 

K FiSCHER & CO, Bangkok, THAILAND  (March 2010 – Dec 2012)

Administrative Assistant

 

  • Performed general office duties and administrative tasks.

  • Prepared weekly confidential sales reports for presentation to management.

  • Managed the internal and external mail functions.

  • Provided telephone support.

  • Scheduled client appointments and maintained up-to-date confidential client files.

 

 

6. บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References)

 

เรซูเม่ (Resume) ภาษาอังกฤษ ที่เราเขียนจะดูมีความน่าเชื่อถือสูง ถ้าเรามีชื่อและข้อมูลการติดต่อของบุคคลที่นายจ้างสามารถสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวเราได้ ประมาณ 2-3 คน (ไม่ควรทำงานที่เดียวกัน และต้องไม่ใช่ญาติพี่น้องของเรา) ดังนั้นบุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (reference) ของเราควรเป็นหัวหน้างานเก่าหรือ หากคุณยังไม่มีประสบการณืทำงานเลย ก็ควรจะเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ในวงการธุรกิจ เช่น ต้องเป็นบุคคลที่มีงานมั่นคง หรือมีชื่อเสียง อาจเป็นข้าราชการ หัวหน้าหน่วยงาน อาจารย์ หรือเจ้าของกิจการ ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะต้องรู้จักและเคยเห็นการทำงานของเราเป็นอย่างดี การเขียนให้เรียงจากชื่อ-นามสกุล (ถ้าเป็นอาจารย์ที่มีตำแหน่งต้องใส่คำนำหน้าด้วย เช่น ศาสตราจารย์ = Prof. , รองศาสตราจารย์ = Assoc.Prof) ตำแหน่ง ชื่อสถานประกอบการ และหมายเลขโทรศัพท์

 

ตัวอย่าง บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References)

 

REFERENCES

Mr. Chanin Kulkanjanatorn, Director, AEC Enlist Co.Ltd., Bangkok THAILAND Tel. 02-392-4186

อย่างไรก็ตาม resume ที่เราส่งไปนั้นยังไม่ต้องอ้าง reference ก็ได้แต่ให้เขียนว่า “References will be sent on request.” (หมายความว่า เอกสารอ้างอิงจะส่งให้กรณีที่ทางบริษัทร้องขอมา)

 

ตัวอย่างเรซูเม่ (Resume) ภาษาอังกฤษ


ภาษาอังกฤษ 40 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน | คำนี้ดี EP.477


เตรียมกดพอสและพูดตามได้เลย เพราะ 40 คำศัพท์นี้จำง่ายและนำไปใช้ได้จริง!
คำนี้ดีเอพิโสดนี้ เราได้รวบรวมศัพท์ที่ทุกๆ คนควรจะรู้จักเอาไว้ให้แล้ว เป็นศัพท์คุ้นหูคุ้นตาที่เราเจอได้บ่อยมากๆ เวลาใช้หรือพูดคุยภาษาอังกฤษกัน ระดับของคำศัพท์ส่วนใหญ่จะเป็น ‘ง่าย’ และ ‘ยากกว่าง่ายขึ้นมานิดหนึ่ง’ พร้อมกับประโยคตัวอย่างให้คุณผู้ชมได้นำไปท่องและใช้กันได้ทุกวัน
มีคำไหนที่อยากรู้ความหมายและวิธีใช้ก็คอมเมนต์กันไว้ได้เลยนะครับ
———————————————
THE STANDARD PODCAST : EYEOPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : https://www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: https://soundcloud.com/thestandardpodcast
Spotify : https://open.spotify.com/show/7o7TF3zfPyoydhWxtGSzLC?si=Nb_LuV8NS3C9mJ6ePdXLA
Twitter : https://twitter.com/TheStandardPod
Facebook : https://www.facebook.com/thestandardth/
คำนี้ดี TheStandardPodcast TheStandardco TheStandardth

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ภาษาอังกฤษ 40 คำที่ใช้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน | คำนี้ดี EP.477

คำศัพท์ ผลไม้ ภาษาอังกฤษ Fruit


คำศัพท์ ผลไม้ ภาษาอังกฤษ Fruit
คำศัพท์อังกฤษ ภาษาอังกฤษ กีฬาอังกฤษ

คำศัพท์ ผลไม้ ภาษาอังกฤษ Fruit

กับดักทางใจที่ฉุดคนไทยเอาไว้ไม่ให้ fluent ภาษาอังกฤษจริงๆ เสียที Feat. PEACHII | คำนี้ดี EP.207


มันอาจจะไม่ใช่เคล็ดลับระดับโลกที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่แค่การปลดล็อกวิธีคิดเล็กๆ บางอย่างนี่แหละที่อาจเปลี่ยนชีวิตในแง่มุมของการเรียนและใช้ภาษาอังกฤษของคุณไปได้อย่างสิ้นเชิง เริ่มจากการนิยามและความเข้าใจในคำว่า ‘fluent’ หรือ ‘ความคล่องแคล่วในการใช้ภาษา’ ก่อนเลย
———————————————
THE STANDARD PODCAST : EYEOPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : https://www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: https://soundcloud.com/thestandardpodcast
Spotify : https://open.spotify.com/show/7o7TF3zfPyoydhWxtGSzLC?si=Nb_LuV8NS3C9mJ6ePdXLA
Twitter : https://twitter.com/TheStandardPod
Facebook : https://www.facebook.com/thestandardth/
คำนี้ดี TheStandardPodcast TheStandardco TheStandardth

กับดักทางใจที่ฉุดคนไทยเอาไว้ไม่ให้ fluent ภาษาอังกฤษจริงๆ เสียที Feat. PEACHII | คำนี้ดี EP.207

100+ คำถาม-คำตอบที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ #KNDSpeakingClass #KNDTopList | คำนี้ดี EP.399


อยากถามตอบให้คล่องๆ ก็ต้องซ้อม! เพราะที่จริงศัพท์สำนวนไม่ได้ยากเลย เคยผ่านตากันมาแล้วทั้งนั้น แต่มันแค่นึกไม่ออกเฉยๆ เอง ถ้าอย่างนั้นมาดูกันว่า คำถามคำตอบอะไรบ้างที่เราได้ใช้แน่ๆ แล้วมาพูดตามกันได้เลย
———————————————
THE STANDARD PODCAST : EYEOPENING FOR YOUR EARS
พอดแคสต์จากสำนักข่าว THE STANDARD
Website : https://www.thestandard.co/podcast
SoundCloud: https://soundcloud.com/thestandardpodcast
Spotify : https://open.spotify.com/show/7o7TF3zfPyoydhWxtGSzLC?si=Nb_LuV8NS3C9mJ6ePdXLA
Twitter : https://twitter.com/TheStandardPod
Facebook : https://www.facebook.com/thestandardth/
KNDSpeakingClass KNDTopList คำนี้ดี TheStandardPodcast TheStandardco TheStandardth

100+ คำถาม-คำตอบที่ใช้บ่อยที่สุดในภาษาอังกฤษ #KNDSpeakingClass #KNDTopList | คำนี้ดี EP.399

น่าอาย คนสวนพูดภาษาอังกฤษได้ l Lw Film


หนังสั้น เรื่องราวสะท้อนสังคม เตือนภัยต่างๆ
หนังสั้น ละครสั้น

น่าอาย คนสวนพูดภาษาอังกฤษได้ l Lw Film

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ประสบการณ์ ที่ ดี ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *