Skip to content
Home » [NEW] 10 วิธีฝึกภาษาเกาหลีให้เก่งขั้นเทพ!! (แนะนำหนังสือ+เพลง+เว็บไซต์) | อยาก ได้ ภาษา เกาหลี – NATAVIGUIDES

[NEW] 10 วิธีฝึกภาษาเกาหลีให้เก่งขั้นเทพ!! (แนะนำหนังสือ+เพลง+เว็บไซต์) | อยาก ได้ ภาษา เกาหลี – NATAVIGUIDES

อยาก ได้ ภาษา เกาหลี: คุณกำลังดูกระทู้

                         สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว

Dek-D.com

…. เจอกับ

พี่เป้

และ

Korean

Kori

อีกแล้ว
                         เช่นเคย^^

 จากที่ได้เจอกันทุกวันพุธ ตอนนี้เราเปลี่ยนมาเจอกันทุกวันที่
                         10 20 และ 30 ของเดือน

แล้วนะ ห้ามลืมๆ

เด็กดีดอทคอม :: เจาะลึกมหาลัยดัง ณ เกาหลี : Korea University(มหาวิทยาลัยโคเรีย)

                          คำถามนึงที่มีน้องๆ ถามพี่ผ่านทางทวิตเตอร์เยอะมากกกกกกกกก็คือ

                         

“ทำยังไงจะเก่งภาษาเกาหลี?” “มีหนังสือเกาหลีอะไรแนะนำมั้ย?”
                          “เรียนพิเศษภาษาเกาหลีที่ไหนดี?” 

ซึ่งพี่เองก็ตอบบ่อยมากและคิดว่า
                          หากนำมาเขียนเป็นบทความใน

Korean

Kori

ก็น่าจะดีเหมือนกัน 

                          เพราะฉะนั้นวันนี้มีเทคนิคเจ๋งๆ ในการเรียนภาษาเกาหลีให้ได้ผลดี
                          มาฝากค่ะ

โดยเป็นวิธีที่พี่ใช้จริง ทำจริง และได้ผลจริง!

 

หลายคนคงรู้ดีว่า

พยัญชนะและสระของภาษาเกาหลีนั้นมีไม่กี่ตัว (พยัญชนะ 14 ตัว สระเดี่ยว 10 ตัว สระประสม 11 ตัว) ใช้เวลาท่องจำชั่วโมงสองชั่วโมงก็พอจำได้แล้วค่ะ

พี่เป้

จำได้เลยว่า พี่ให้เพื่อนที่รู้ภาษาเกาหลีช่วยสอนพวกพยัญชนะและสระรวมถึงการประสมคำ ใช้เวลาแป๊บเดียวก็พอจำได้แล้ว 

ทีนี้ก็ถึงเวลาฝึกอ่าน ถ้าเอาให้สนุกๆ ก็ต้องฝึกอ่านเนื้อเพลงของนักร้องที่เราชอบสิเนาะ วิธีนึงที่พี่ใช้และรู้สึกว่าได้ผลคือ เปิดดูคลิปพวกรายการไลฟ์คอนเสิร์ต เช่น Music bank, Music core, MCountdown

เวลาที่นักร้องขึ้นไปร้อง

เพลงนั้น มันจะมีเนื้อร้องขึ้นอยู่ข้างล่าง นั่นแหละค่ะ น้องๆ พยายามฝึกอ่านให้ทัน

ฝึกบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน จริงๆ นะเออ

ง่ายมากค่ะ ให้น้องๆ ไปตามร้านหนังสือ และยืนเลือกเลยว่าหนังสือเล่มไหนที่เราอ่านแล้วรู้เรื่องที่สุด เพราะแต่ละคนก็ชอบหนังสือไม่เหมือนกัน ยืนอ่านไปเรื่อยๆ เลยค่ะ พนักงานไม่ไล่เราออกจากร้านหรอก……..ฮะ อะไรนะ!! จะให้พี่แนะนำหนังสือให้เหรอ???

หนังสือที่พี่ใช้อ่านเมื่อนานมาแล้วคือเล่มนี้ค่ะ พี่ว่าเป็นหนังสือที่โอเคมากเลย(ไม่ได้ค่าโฆษณา) สอนตั้งแต่เบื้องต้น

จนถึงระดับที่ใช้สนทนาเรื่องทั่วๆ ไปได้ อธิบายไวยากรณ์ได้เริด

แต่ข่าวร้ายคือพี่ซื้อตั้งแต่ 5-6 ปีก่อน ทุกวันนี้มันคง 

ไม่มีขาย
แล้วอะ TT

อีกวิธีที่พี่เคยทำคือ ไปกวาดยืมหนังสือสอนภาษาเกาหลีมาจากห้องสมุดค่ะ เค้าให้ยืมได้ครั้งละไม่เกิน 7 เล่ม พี่ก็ค่อยๆ ทยอยยืมมาอ่านเรื่อยๆ เล่มไหนถูกใจก็เอาไปซีร็อกเก็บไว้ ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อหนังสือก็ได้นะ

หลังจากที่พี่อ่านหนังสือในข้อ 2 จบแล้ว ก็พอจะเริ่มเข้าใจทิศทางภาษา

เกาหลีแล้วว่าไวยากรณ์มันพอจะเป็นยังไง

พี่คิดว่าการเรียนภาษาเกาหลีเหมือนกับการที่หัดขี่จักรยานเลยค่ะ ตอนแรกๆ 

ยังไง๊ยังไงก็ขี่ไม่ได้ จะล้มตลอด แต่พอเริ่มทรงตัวได้ จากนั้นก็ค่อยๆ ฝึกขี่เองไปได้เรื่อยๆ จนเก่งเองได้ไม่ยาก

(

เปรียบซะเห็นภาพเลยมั้ย)

วิธีต่อมาที่พี่ทำคือ

ดูคลิปสอนภาษาเกาหลีจากยูทูบค่ะ รายการที่พี่ดูคือ Let’s speak Korean.

เป็นรายการสอนภาษา

เกาหลีของช่อง Arirang ของเกาหลี โดยสอนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้ฟังยากอะไรมากมายนะคะ รายการนี้มีประมาณ 200 กว่าตอน ตอนละประมาณ 10 นาที พี่ก็ดูครบทุกตอนเลยค่ะ (ย้ำว่าทุกตอน!) ค่อยๆ ดูไปวันละตอนสองตอน วันไหนว่างหน่อยก็ดูไป 10 ตอนเลย ดูไปก็จดไปว่าเราได้เกร็ดความรู้อะไรจากตอนนั้นๆ บ้าง

พอดูจบ 200 

กว่าตอน พี่ขอรับประกันว่าน้องๆ สามารถเอาความรู้จากรายการนี้ไปสอบวัดระดับเกาหลี(TOPIK) ผ่านระดับต้นได้ 

โดยไม่จำเป็นต้องไปหาเรียนพิเศษที่ไหนเลยล่ะ

เรื่องจริงนะ :))

วิธีนี้เป็นวิธีที่สำคัญค่ะ ต่อให้น้องๆ อ่านหนังสือครบทุกเล่มจนทะลุปรุโปร่ง แต่หากไม่ได้รับคำแนะนำจากผู้ที่เชี่ยว

ชาญจริงๆ เราอาจจะพลาดเกร็ดความรู้บางอย่างไปได้

เพราะการที่เราอ่านหนังสือเองหรือดูผ่านคลิป พอมีคำถามข้อ

สงสัย เราก็ไม่รู้จะไปถามใคร  ดังนั้นการเรียนกับผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นเรื่องสำคัญค่ะ วิธีที่สะดวกที่สุดคือน้องๆ ควรไปลง

เรียนพิเศษตามสถาบันสอนภาษาทั่วไป มีเปิดสอนเยอะมากกกก

หรือหากน้องๆ คนไหนเรียนระดับมหาวิทยาลัยแล้ว

พี่แนะนำให้น้องไปลงเรียนภาษาเกาหลีของคณะอักษรศาสตร์(หรือมนุษยศาสตร์ หรือศิลปศาสตร์)

อย่างพี่เรียนคณะรัฐศาสตร์ พี่ก็ไปลงเรียนภาษาเกาหลีเป็นวิชาเลือกค่ะ วิธีนี้มันจะเป็นการกระตุ้นให้เราขยันด้วยนะ สาเหตุก็คือ ผลการเรียนมันจะได้ออกมาเป็นเกรด A B C D และตามปกติคนที่ลงวิชาเลือกก็เพราะอยากเรียนวิชาที่ชอบ+ดึงเกรดให้สูงขึ้น ดังนั้นถ้าตั้งใจเรียนดีๆ อาจจะได้ A และไปฉุดเกรดเฉลี่ยรวมของเราให้ขึ้นมาได้เยอะเลยค่ะ …. 

สำหรับวิธีนี้มันช่วยพี่ได้เยอะมาก พี่ลงภาษาเกาหลีไป 5 ตัว และได้ A หมด (เป็นความภูมิใจสูงสุดของชีวิต) ฉุดเกรดเฉลี่ยรวมให้สูงขึ้นมาเยอะทีเดียวค่ะ เพราะลำพังเกรดจากคณะรัฐศาสตร์ที่พี่เรียนนั้นบอกตรงๆ ว่าค่อนข้างเน่าหนอนทีเดียว T~T

หลังจากเราได้เรียนคลาสภาษาเกาหลีไปแล้ว ทีนี้น้องๆ คงมีความรู้ติดตัวมากในระดับนึงแล้วค่ะ ประมาณว่า ถ้าเจอ

คนเกาหลีเข้ามาชวนคุยเรื่องจิปาถะทั่วไป เราก็น่าจะคุยกับเขาได้รู้เรื่องแล้วล่ะเนาะ :))

อย่างที่พี่บอกไปว่า การเรียนภาษาเกาหลีก็เหมือนกับหัดขี่จักรยาน แรกๆ มันยากมาก แต่พอน้องเริ่มทรงตัวได้ ทีนี้

แหละ เราจะสามารถต่อยอดเองได้ฉลุย ภาษาเกาหลีก็ไม่ต่างกันค่ะ ถ้าเราพอเข้าใจหลักไวยากรณ์ของมันระดับต้น-

กลางแล้ว น้องๆ สามารถอ่านหนังสือระดับสูงเองได้ไม่ยาก 

แต่ในร้านหนังสือบ้านเรานั้น ส่วนมากจะมีแต่หนังสือระดับต้น-กลางซะมากกว่า ใครที่อ่านระดับกลางจนทะลุปรุโปร่ง

แล้ว ก็คงจะหงุดหงิดว่า….มียากกว่านี้อีกมั้ย!!! 5555 ดังนั้นหนังสือที่เราต้องอ่านต่อไป ก็คือ

“หนังสือจากเกาหลี”

 

หนังสือที่ฮิตๆ จะเป็นหนังสือสอนภาษาเกาหลีจากสถาบันสอนภาษาในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่เกาหลีเลยค่ะ

เล่มซ้ายเป็นของสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยยอนเซ

ขอบอกว่าดีมากกกกกกกก รวมไวยากรณ์ภาษาเกาหลีทุกตัวครบถ้วน

 แนะนำเลยค่ะ พี่ชอบมากๆ พกไว้เล่มเดียวนี่สบายไปตลอดชาติ แต่ไวยากรณ์จะค่อนข้างปนกัน เช่น 

บางทีเอาไวยากรณ์ที่ยากกว่ามาไว้ด้านหน้า แต่เอาไวยากรณ์ง่ายๆ ไปไว้ข้างหลัง ดังนั้นใครจะอ่านเล่มนี้ก็ควรจะมีพื้น

ฐานเกาหลีในระดับที่ค่อนข้างดีหน่อยนะ

อีกเล่ม(เล่มขวา)ที่เคยอ่านแล้วคิดว่าโอเคก็คือ หนังสือของสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล

แต่จะแบ่งเป็นระดับ 1-6 ค่ะ 

ข้อดีคือจะสอนจากง่ายไปยากและมีแบบฝึกหัดให้ลองทำเยอะด้วยล่ะ 

หาซื้อได้ที่ไหน? สำหรับในประเทศไทย พี่เคยเห็นมีขายตามเว็บไซต์ต่างๆ  ลองเอาชื่อหนังสือไปเซิร์ชหาจากกูเกิ้ลได้

เลยค่ะ หรือหากใครคิดจะไปเกาหลีเร็วๆ นี้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือใหญ่ๆ เช่น ร้านหนังสือที่ตึก Kyobo แถว

ย่านควางฮามุน ราคาเล่มละประมาณ 15,000 วอนหรือประมาณ 400 กว่าบาทค่ะ 

เวลาที่เราฟังเพลงเกาหลี ส่วนมากก็ฟังไปเรื่อยๆ เน้นเอาชิลมากกว่า แต่พอเราเรียนภาษาเกาหลีมาแล้ว

การฟังเพลงทุกประโยคมันมีความหมายมากๆ เลยนะ เพราะนั่นหมายถึงการฝึกฟังไปด้วยในตัว

ถ้าเป็นไปได้ น้องๆ ควรตั้งใจฟังว่าเค้าร้องว่าอะไร เพลงที่ควรใช้หัดฟังคือ “เพลงช้า” ค่ะ (ถ้าเพลงเร็วก็จบกัน ฟังไม่รู้

เรื่อง) เน้นเพลงช้าเนิบๆ  เพราะเราจะได้ฟังทัน

อ้อ ที่สำคัญ  

ให้ลองพิมพ์หรือเขียนตามไปด้วยว่าเราได้ยินเค้าร้องว่าอะไร จากนั้นให้ลองเช็คจากเนื้อเพลงที่ถูกต้องอีกทีว่า ที่หูเราได้ยินกับเนื้อเพลงจริงๆ นั้นมันถูกต้องมั้ย?

เพลงช้าที่พี่คิดว่า น้องๆ ที่เรียนภาษาเกาหลีมาระดับหนึ่งน่า

จะพอฟังออก ก็เช่น

เพลง Love Rain (사랑비) ของ จางกึนซอก

เพลงนี้ช้ามาก ช้าจนจะหลับอยู่แล้ว 5555 ใช้คำง่ายๆ ไม่ยากเลยค่ะ

비 오는 저녁 그녀 모습 보았죠. 오래전부터 보고 싶던 그녀를 우산이 없는 그녀에게 말했죠. 내 우산속으로 그대 들어오세요….살랑 살랑 살랑 들려오는 빗소리 두근 두근 두근 두근 떨려오는 내 가슴 살랑 살랑 살랑 두근 두근 두근 우산소리 빗소리 내 가슴소리 사랑비가 내려오네요…

อย่างเพลงนี้ ท่อนที่ร้องว่า 

살랑 살랑 살랑 들려오는 빗소리 หลายคนคงได้ยินคำว่า 살랑 เป็น 사랑 ที่แปลว่าความรัก ดังนั้นจึงทำให้รู้ว่า ในภาษาเกาหลี 살랑 แทนเสียงฝนตกนั่นเอง ~~

เพลง Winter Child (겨울아이) ของ ซูจี

เพลงนี้ก็ช้ามากค่ะ ใช้คำง่ายมากกกก และร้องประโยคเดิมซ้ำไปมา พี่ว่าน้องๆ 

ที่เรียนภาษาเกาหลีมาแล้วน่าจะฟังเพลงนี้ออกมากกว่า 70% ของเนื้อเพลงทั้งหมดนะ

겨울에 태어난 아름다운 당신은 … 눈처럼 깨끗한 나만의 당신…겨울에 태어난 사랑스런 당신은 눈처럼 맑은 나만의 당신….하지만 봄 여름과 가을 겨울 언제나 맑고 깨끗해..

.

เป็นยังไงบ้างคะ ฟังออกตามนี้มั้ย เนื้อเพลงสั้นมากเลยล่ะ

เพลง Because it’s you (그대니까요) ของ ทิฟฟานี่

เพลงก็ช้ามาก(และเศร้ามาก) ฟังไม่ยากค่ะ

미안하단말 하지 말아요…내게 사랑은 끝이 아닌데 이렇게 우리 헤어진다면 어떡해요 어떡해요…사랑 하나뿐인데 사랑할 수 없고 정말 하고 싶은 말 할 수도 없는데 점점 멀어져가는 사랑이 지키지 못할 말들이 날 울세 하네요.

เพลงนี้เหมือนจะแอบยากกว่าเพลงข้างบน แต่ก็ยังพอไหว ใครฟังไม่ออกระวังคอมดับนะเออ ฮ่าๆๆๆๆๆ

เพลง It’s me (나야) ของ ซันนี่&ลูน่า

เพลงนี้ก็เป็นเพลงช้าค่ะ แต่ไม่ช้าเท่า 3 เพลงข้างบน แต่ใช้คำง่ายมากกกก เป็นคำทั่วๆ ไป แทบไม่มีศัพท์ไหนในเพลงที่ยากเลย

사랑해 사랑해 사랑해…천번은 말해도 모자라…그리워 그리워  그리운 순간마다 또 더 그리워 … 부르고 부르고 부르면 자꾸만 떠오르는 얼굴 바라고 바라고 바라면 언젠간 니가 내 맘 알아줄까…..오직 너 밖에 모르는 그런 나야 너만을 사랑해줄 사람 바로 나야 널 만난 세상이 내게 기적같은 일이라 그런거야 오직 너만을 원하는 그런나야 너만을 지켜줄 사람 또 바로 나야 니곁에 너만 바라보는 그겐 나야 미련한 나야…

ฟังออกตามนี้มั้ย^^ เอ๊ะ ไม่ยากไปใช่มั้ยเนี่ย >__< เพลงนี้เพราะและน่ารักมากๆ เลยล่ะ

สำหรับการดูหนังดูละครนั้น ในความเห็นของพี่(ซึ่งอ่อนพาร์ทการฟังมากที่สุดในบรรดาฟัง พูด อ่าน เขียน) พี่ว่าเป็นวิธีที่ยากค่ะ  เพราะโดยธรรมชาติของคนเกาหลีเป็นชาติที่พูดเร็วมากกกก แถมละครมันก็มีที่มาที่ไป ต่อให้ดูตั้งแต่ตอนแรก มันก็มีที่มา(ซึ่งเราก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร) ดังนั้นการฝึกฟังจากหนังหรือละครนั้นพี่ว่ายากมากทีเดียว แต่ถ้าให้พี่แนะนำวิธีที่ใช้คือ

ในรายการไลฟ์คอนเสิร์ตต่างๆ จะมีช่วงสัมภาษณ์ศิลปินในห้องพัก

ซึ่งเราก็พอจะเดาได้ว่าศิลปินจะพูดหรือ

สัมภาษณ์อะไร ส่วนมากก็ไม่พ้น รู้สึกยังไงที่คัมแบ็ค? รู้สึกยังไงที่ได้เข้าชิงที่ 1 ประจำสัปดาห์? อัลบั้มนี้พิเศษยังไง? 

เตรียมอะไรให้แฟนๆ บ้าง? เชื่อเถอะว่าไม่พ้นคำถามพวกนี้ ซึ่งก็จะทำให้เราพอเดาทางได้ว่าเค้าจะพูดคำตอบออกมา

แนวไหน 

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงตอนที่ศิลปินได้รับรางวัลที่ 1

ประจำสัปดาห์จากรายการไลฟ์คอนเสิร์ตด้วยค่ะ เขาก็จะพูดขอบคุณคนนั้นคนนี้และพูดความรู้สึก ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่เราสามารถหัดฟังภาษาได้ไม่ยาก^^

เป็นวิธีที่พี่คิดว่าช่วยพัฒนาภาษาเขียนของเราได้ดีที่สุดเลยล่ะค่ะ

คนจะเก่งภาษาได้ต้องหัดใช้จริง ดังนั้นเราต้องหาคนมาคุยเป็นเพื่อน

และจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนเกาหลีแท้ๆ นี่แหละ มีประโยชน์หลายข้อทีเดียว

– ได้รู้หลักการใช้คำที่ถูกต้อง 

ยกตัวอย่างเช่น คำว่า 간직하다 แปลว่า “เก็บ” ซึ่งพี่ก็เข้าใจมาตลอดว่า หมายถึงเก็บเงินอะไรทำนองนี้ แต่วันหนึ่งพี่

ลองใช้คุยกับเพื่อนเกาหลีว่า 나는 돈을 간직해요. (ฉันเก็บเงิน) เ

พื่อนก็สอนว่าจริงๆ แล้วคำว่า 간직하다 มักใช้กับ

การเก็บสิ่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินนะ เช่น เก็บความลับ เก็บจดหมาย

ถ้าจะใช้ว่าเก็บเงิน ควรใช้ว่า 돈을 모으다 (나는 돈을 

모아요.) จะถูกต้องกว่านะจ๊ะตัวเธอ

ได้รู้ว่าไวยากรณ์ไหนใช้บ่อยหรือไวยากรณ์ไหนไม่นิยมใช้ 

ให้ย้อนกลับไปข้อ 5 ที่พี่อ่านหนังสือสอนภาษาเกาหลีของสถาบันภาษาของยอนเซซึ่งรวมไวยากรณ์ครบทุกตัว พี่

เกิดคึก อยากลองนำไวยากรณ์ที่อ่านจากหนังสือมาใช้บ้าง เลยลองพิมพ์คุยกับเพื่อนโดยใช้ไวยากรณ์นั้น เพื่อนก็ขำ

กร๊ากออกมาเลยค่ะ และบอกว่า เนี่ย “ไวยากรณ์ตัวนี้ที่เธอใช้น่ะ ในชีวิตจริงไม่มีใครใช้หรอกนะ มีสอนแต่ในหนังสือ

ไม่ก็ใช้ในเพลงเก่าๆ แค่นั้นแหละ” เพล้ง หน้าแตกเลย ฮ่าๆๆ

– ได้รู้ภาษาแชท ได้รู้คำย่อ 

เวลาแชทกับเพื่อนเกาหลีเราจะได้รู้คำย่อหรือภาษาเขียนเยอะทีเดียวค่ะ เช่น

딴 사람 มาจาก 다른 사람 (คนอื่น)

걍 있어 มาจาก 그냥 있어 (อยู่เฉยๆ)

모 해? มาจาก 뭘 해? (ทำอะไร?)

ส่วนวิธีหาเพื่อนเกาหลีนั้น น้องๆ สามารถเซิร์ชหาจากกูเกิ้ลได้เลยว่า Find Korean Friend มีหลายเว็บเลยค่ะ หรือ

ใครพออ่านเว็บภาษาเกาหลีออก ลองเซิร์ชว่า 친구 만들기 ซึ่งคนเกาหลี(ที่พี่คุย)ส่วนมาก เค้าดูเต็มใจและยินดี

มากๆ เลยค่ะที่มีคนต่างชาติอยากจะแชทกับเขาเพื่อเรียนรู้ภาษาเกาหลี^^ บางคนใจดีมากสอนคำด่าให้ด้วยก็มี 555+ 

จากข้อ 7 เราได้ฝึกอ่านและเขียนไปแล้ว ทีนี้เราต้องมาฝึกพูดกันบ้าง! ลำพังแค่ฝึกในห้องเรียนไม่พอแน่ๆ ค่ะ จะไปฝึกพูดกับคุณพ่อคุณแม่ เดี๋ยวท่านก็อาจจะจับเราส่งโรงพยาบาลได้ ดังนั้นเรามาฝึกพูดคนเดียวกันเถอะ! 

วิธีนี้เป็นวิธีที่พี่ใช้ทุกวัน พูดคนเดียวทุกวัน (เหมือนคนบ้าเลยอะ) เช่น

เวลาอาบน้ำ เวลาแต่งตัว ก็ให้เราพูดกับตัวเองว่า

วันนี้เราเจออะไรมาบ้าง เราทำอะไรมาบ้าง โดยพูดพอให้ตัวเราเองเข้าใจในสิ่งที่เราพูด

ไม่ต้องเน้นให้ถูกไวยากรณ์ 

ไม่ต้องสนใจว่าเป็นอดีตปัจจุบันหรืออนาคต พูดไปเรื่อยๆ เลย บ้าอยู่คนเดียวนี่แหละ เช่น

“오늘 아침부터 비가 와서 정말 짜증나. 아침식사도 못 먹고 일이 너무 많아서 피곤해. 하지만 저녁에 집에 오자마자 엄마가 준비해준 밥을 먹고 너무 맛있어. 또 먹고 싶어.”

(วันนี้ฝนตกแต่เช้า เซ็งมาก ข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน งานก็เยอะ เหนื่อยชิบเป๋ง แต่ตอนเย็น พอกลับมาถึงบ้านก็ได้กินข้าวที่แม่เตรียมไว้ให้ อร่อยสุดๆ อยากกินอีกอะ)

ประมาณนี้ค่ะ เห็นมั้ยว่าประโยคที่พูดก็ง่ายมากๆ เป็นไวยากรณ์ระดับต้นเลย ลองฝึกพูดทุกวัน รับรองว่าเก่งได้แน่นอน

หลายคนคงทำหน้าเงิบ เอ่อ อ่านข่าวเกาหลีเลยเหรอ ยากไปมั้ยพี่???

ไม่ยากค่ะ เพราะเราจะอ่านข่าวสั้นๆ เน้นข่าวบันเทิงที่พวกเราคงถนัดที่สุด

555+ ที่พี่ใช้ฝึกอ่านบ่อยก็คือข่าวบันเทิงในเว็บ naver.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์อันดับ 1 ของเกาหลีนั่นเอง

หมวดที่พี่คิดว่าไม่ยากเกินไปก็คือหมวดที่ชื่อว่า 스타들의 ‘직찍’

จะเป็นการรวมรูปดารานักร้องและมีเนื้อข่าวสั้นๆ ประมาณ 10 บรรทัด มีทั้งข่าวยากง่ายสลับกันไป

ลองเข้าไปฝึกอ่านกันได้ที่นี่เลยค่ะ

อย่างรูปนี้ก็มีใจความของข่าวว่า 

리지는 24일 오후 자신의 트위터에 “레몬같은 미소”라는 글과 함께 한 장의 사진을 게재했다.

ใครเรียนภาษาเกาหลีมาก็คงแปลได้ไม่ยากว่า …. วันที่ 24 ตอนบ่าย ลิซซี่โพสข้อความกับรูป 1 รูป ลงในทวิตเตอร์ของตัวเองว่า “ยิ้มที่เหมือนกับเลมอน” 

เชื่อว่าแต่ละคนก็คงมีทริกหรือวิธีการจดจำภาษาเกาหลีที่เป็นวิธีของตัวเอง

อย่างพี่เคยไปเที่ยวเกาหลีแล้วไปช้อปปิ้งที่ร้านเครื่องเขียน และได้เจอกับพวกสมุดโน้ตเล็กๆ ไว้จดศัพท์ กรี๊ดดดดดดดดดด ทำไมมันน่ารักแบบนี้ >//<

งานนี้ก็กวาดซื้อมาสิคะ ฮ่าๆๆๆ

จากนั้นพี่ก็ค่อยๆ จดศัพท์หรือไวยากรณ์บางตัว ย้ำว่าบางตัวเท่านั้นนะ! เน้นตัวที่เราจำไม่ได้ จึงต้องจดเก็บเอาไว้และพกติดตัว เวลาไม่มีอะไรทำจริงๆ ก็ค่อยหยิบมาเปิดดูก็ได้ค่ะ ให้พอผ่านตาบ้าง ยังไงสักวันก็ต้องจำได้แหละ! แถมเวลาหยิบขึ้นมานั่งท่อง ยังช่วยสร้างภาพให้เราดูเป็นผู้หญิงแบ๊วๆ ที่ถือสมุดลายคิกขุท่องศัพท์อีกด้วย อิอิ สร้างภาพนั่นเอง 55555 

หรือบางคนจะจดศัพท์แล้วติดไว้รอบห้องนอน ก็เป็นวิธีที่ไม่เลวนะคะ ยังไงลองหาดูว่าเราถนัดวิธีไหน^^

 


 

                         นั่นก็คือ 10 วิธีที่พี่ทำจริงและได้ผลจริงค่ะ ใครจะนำวิธีไหนไปใช้ก็ไม่
                         สงวนสิทธิ์เลย ยินดีมากๆ จ้า หรือใครมีวิธีอื่นที่ไม่ซ้ำใครแต่ได้ผล
                         ก็ลองคอมเม้นท์บอกเพื่อนๆ ได้นะ ขอให้ทุกคนเก่งภาษาเกาหลีในเร็ววันจ้า ^^ 

 

 

ภาพประกอบ: http://www.aliexpress.com,pann.news.nate.com

[NEW] Creatrip: ประโยคภาษาเกาหลีที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน | อยาก ได้ ภาษา เกาหลี – NATAVIGUIDES

เรียนประโยคจำเป็นในการมาเที่ยวเกาหลี

สวัสดีค่ะทุกคน! พวกเรา Creatrip ศูนย์รวบรวมข้อมูลการท่องเที่ยวเกาหลีที่อัพเดทโดยคนเกาหลีในทุก ๆ วัน

#ภาษาเกาหลี #เรียนเกาหลี

#เรียนภาษาเกาหลี #ศัพท์เกาหลี

 

วันนี้เราจะพาทุกคนมาเรียนรู้ประโยคภาษาเกาหลีที่สามารถใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันกันค่ะ! มาดูกันดีกว่าว่าภาษาเกาหลีและฮันกึลแตกต่างกันอย่างไรนะ? แล้วภาษาเกาหลีที่หลาย ๆ คนบอกว่าง่ายจะง่ายจริงหรือเปล่า~?   

 

  🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube 

Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี

เรียนภาษาเกาหลี 101

ภาษาเกาหลีและฮันกึล

ภาษาเกาหลีและฮันกึล

ภาษาเกาหลีประกอบด้วยภาษาเกาหลี (한국어, ฮันกุก-ออ) และตัวอักษรเกาหลี (한글, ฮันกึล) จากการศึกษาพบว่าภาษาเกาหลีถูกใช้ในคาบสมุทรเกาหลีตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และบันทึกทางประวัติศาสตร์จากยุคสามก๊กก็แสดงให้เห็นว่าภาษาเกาหลีเป็นภาษาราชการของทั้งเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ แม้ว่าทั้ง 2 ภาษาจะมีการพัฒนาที่แตกต่างกันมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็ตามค่ะ

ตัวอักษรเกาหลีถูกสร้างขึ้นในปี 1446 โดยกษัตริย์เซจง ก่อนหน้านี้ ชาวโชซอนต้องใช้อักษรจีนในการเขียนค่ะ เนื่องจากภาษาจีนและภาษาเกาหลีแตกต่างกันมาก ประชาชนทั่วไปจึงยากที่จะเรียนรู้และอ่านหนังสือ ดังนั้นกษัตริย์เซจงจึงพัฒนาตัวอักษรเกาหลีเพื่อให้การศึกษาเข้าถึงได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

ตัวอักษรเกาหลีได้นำวัฒนธรรม, วรรณกรรม, และการศึกษาของเกาหลีก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่ง และนั่นก็เป็นเหตุผลที่คนเกาหลีมักจะเลือกกษัตริย์เซจงเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดค่ะ

ไวยากรณ์ของภาษาเกาหลี

ความแตกต่างทางไวยากรณ์ที่ชัดเจนอย่างแรกระหว่างภาษาไทยและภาษาเกาหลีก็คือโครงสร้างของประโยคนั่นเองค่ะ

  • ภาษาไทย: ฉัน (นาม) + ชอบ (กริยา) + เธอ (กรรม)
  • ภาษาเกาหลี: 나는 (นาม)+ 너를 (กรรม) + 좋아해 (กริยา)

นี่เป็นเพียงการยกตัวอย่างง่าย ๆ เท่านั้นนะคะ เพราะว่าเมื่อประโยคยาวขึ้นไวยากรณ์ก็จะยิ่งยากมากขึ้นกว่านี้อีกค่ะ แต่สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาเกาหลีก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะการพูดว่า “나는 (ฉัน) 좋아해 (ชอบ) 너를 (เธอ)” ก็ยังสามารถฟังแล้วเข้าใจได้อยู่ค่ะ

ความแตกต่างทางไวยากรณ์อีกอย่างหนึ่งก็คือ ภาษาเกาหลีมักจะละเว้นคำนามของประโยคค่ะ ทำให้บางทีเราอาจจะงง ๆ ว่าประโยคนี้กำลังพูดถึงอะไรนะ เช่น เราสามารถพูดคำว่า  “좋아해 (คำกริยา)” ได้โดยที่คนเกาหลีจะเข้าใจกันเองว่านามและกรรมในประโยคคือใคร ซึ่งบางทีก็ทำเอาสับสนเลยล่ะค่ะ   

การเลือกใช้ระดับภาษา

การเลือกใช้ระดับภาษา

สิ่งที่ยากอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับภาษาเกาหลีก็คือ “การเลือกใช้ระดับภาษา” ค่ะ โดยเราจะต้องเลือกระดับของภาษาให้ตรงตามอายุของบุคคลที่เรากำลังสนทนาด้วย ตัวอย่างเช่น ถ้าจะพูดว่า “คุณทานอาหารเย็นแล้วหรือยัง?” กับบุคคลที่มีอายุต่างกันออกไป จะได้ว่า:

  • คนที่มีอายุมากกว่า: 저녁 [식사하셨어요]? ชิก-ซา-ฮา-ชยอช-ซอ-โย?
  • เพื่อน: 저녁 [먹었어]? มอก-กอต-ซอ?

“식사하다” เป็นวิธีที่เป็นทางการในการพูดว่า “รับประทานอาหาร” ในขณะที่ “먹다” เป็นวิธีที่ไม่เป็นทางการนั่นเองค่ะ โดยทั่วไปแล้วชาวต่างชาติบางคนจะเรียนรู้ประโยคที่ไม่เป็นทางการก่อน ดังนั้นเวลาจะพูดกับคนเกาหลีก็อย่าลืมระวังเรื่องการเลือกใช้ระดับภาษาให้ถูกต้องด้วยนะคะ

สำเนียงท้องถิ่นของเกาหลี

ภาษาถิ่นของเกาหลีที่มา : Reply 1994

สำเนียงท้องถิ่นในเกาหลีมีความชัดเจนและแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ค่ะ แต่ในปัจจุบัน เนื่องจากทุกคนใช้สื่อเดียวกันจึงมีเพียงไม่กี่สำเนียงที่ยังคงเหลืออยู่ โดยส่วนมากคำศัพท์พื้นฐานจะเหมือน ๆ กัน (ยกเว้นสำเนียงท้องถิ่นของเชจูที่เข้าใจยากมาก ๆ)

สำเนียงท้องถิ่นที่โดดเด่นที่สุดของเกาหลีมี 2 สำเนียง ได้แก่ สำเนียงคยองซังโดและสำเนียงชอลลาโด โดยสำเนียงท้องถิ่นของคยองซังโดจะมีความหนักแน่นมากกว่า ในขณะที่สำเนียงท้องถิ่นของชอลลาโดจะฟังดูนุ่มนวลกว่าค่ะ

ประโยคภาษาเกาหลีในชีวิตประจำวัน

1. 안녕하세요 (อันนยองฮาเซโย) / 안녕 (อันนยอง)

“안녕하세요 (อันนยองฮาเซโย)” เป็นคำทักทายในภาษาเกาหลี โดยอันนยองฮาเซโยจะเป็นการทักทายแบบให้เกียรติ แต่ถ้าพูดกับเพื่อนใช้แค่คำว่า “안녕 (อันยอง)” ก็พอค่ะ หรือจะใช้ “안녕 (อันยอง)” ในตอนบอกลาก็ได้เช่นกันนะคะ

2. 감사합니다 (คัมซาฮัมนีดา)

“감사합니다 (คัมซาฮัมนีดา)” แปลว่า “ขอบคุณ” ในภาษาเกาหลีค่ะ ถือเป็นการขอบคุณที่เป็นทางการที่สุด ส่วนถ้าจะพูดกับเพื่อนหรือคนที่สนิท ใช้แค่ “고마워 (โคมาวอ) ก็ได้เช่นกันค่ะ

3. 알겠습니다 (อัลเก็ตซึมนีดา)

“알겠습니다 (อัลเก็ตซึมนีดา)” หมายถึง “เข้าใจแล้ว” หรือ “รับทราบแล้ว” สามารถใช้ในการตอบรับเมื่อมีคนบอกบางอย่างกับเราได้ค่ะ หรือจะพูดแค่คำว่า “โอเค” ก็ได้นะคะ คนเข้าหลีเข้าใจเหมือนกันค่ะ~

4. 괜찮아요 (แควนชานาโย)

“괜찮아요 (แควนชานาโย)” แปลว่า “ไม่เป็นไร” อาจจะเป็นคำปลอบโยนหรือเป็นการปฏิเสธอย่างสุภาพก็ได้เช่นกัน หรือจะใช้ในกรณีที่ต้องการบอกว่า “ฉันสบายดี” ก็ได้นะคะ หรือถ้ามีคนขอให้ทุกคนลองทำบางอย่าง การจะปฏิเสธอย่างสุภาพก็สามารถพูดว่า “괜찮아요 (แควนชานาโย)” ได้เลยค่ะ

5. 죄송합니다 (ชเวซงฮัมนีดา)

“죄송합니다 (ชเวซงฮัมนีดา)” หมายถึง “ขอโทษ” ถือเป็นวิธีการขอโทษที่เป็นทางการที่สุดแล้วค่ะ แต่ถ้าจะพูดกับคนที่สนิทก็สามารถใช้คำว่า “미안 (มีอัน)” หรือ “미안해 (มีอันแฮ)” ได้เช่นกันนะคะ

6. 안녕히 계세요 (อันยองฮี คเยเซโย) / 안녕히 가세요 (อันยองฮี คาเซโย)

ทั้งสองคำเป็นการบอกลาค่ะ โดย “안녕히 계세요 (อันยองฮี คเยเซโย)” จะเป็นการบอกลาคนที่อยู่ ซึ่งหมายความว่า “ขอให้อยู่อย่างปลอดภัย” ส่วน “안녕히 가세요 (อันยองฮี คาเซโย)” เป็นการบอกลาคนที่ไป หมายความว่า “ขอให้ไปอย่างปลอดภัย” นั่นเอง

ประโยคภาษาเกาหลีในร้านอาหาร

1. 사장님 (ซาจังนิม) / 저기요 (ชอกีโย)

ประโยคภาษาเกาหลีในร้านอาหาร

ที่มา : Welcome, First time in Korea?

“사장님 (ซาจังนิม)” หมายถึง “เจ้าของร้าน” ซึ่งเป็นวิธีการเรียกพนักงานที่สุภาพที่สุดค่ะ ทุกคนสามารถยกมือขึ้นและพูดว่า 사장님” เพื่อสั่งอาหารได้เลยนะคะ ส่วน “저기요 (ชอกีโย)” ก็เป็นคำไว้เรียกพนักงานเช่นกัน แต่จะสุภาพน้อยกว่าค่ะ แนะนำให้ใช้คำว่า 사장님 (ซาจังนิม) ดีกว่านะคะ

2. 물 좀 주세요 (มุล จุม จูเซโย)

“물 좀 주세요 (มุล จุม จูเซโย)” แปลว่า “ขอน้ำหน่อย” สำหรับใครที่ต้องการอย่างอื่น เช่น ทิชชู่หรือเครื่องเคียง ก็สามารถพูดว่า “티슈 좀 주세요 (ขอทิชชู่หน่อย)” และ “반찬 좀 주세요 (ขอเครื่องเคียงหน่อย)” ได้เลยค่ะ

3. 추천해주세요 (ชูชอนแฮจูเซโย)

หากไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรดีก็สามารถขอคำแนะนำจากพนักงานได้โดยการพูดว่า “추천해주세요 (ชูชอนแฮจูเซโย)” หมายถึง “ช่วยแนะนำเมนูหน่อย” และพนักงานก็จะช่วยแนะนำเมนูซิกเนเจอร์หรือเมนูขายดีให้กับทุกคนค่ะ

4. 매운가요? (แมอุนกาโย?)

ประโยค “매운가요? (แมอุนกาโย?)” สำคัญมาก ๆ สำหรับคนที่ไม่ทานเผ็ดนะคะ เพราะเป็นประโยคที่ใช้ถามว่าเมนูที่เราจะสั่ง “เผ็ดมั้ย?” นั่นเอง ส่วนถ้าอยากให้ลดความเผ็ดลงหน่อยก็สามารถพูดว่า “덜 맵게 해주세요 (ทอล แมพเก แฮจูเซโย)” ได้เลยค่ะ

5. 더 주세요 (ทอ จูเซโย)

ประโยคภาษาเกาหลีในร้านอาหาร

ที่มา: The Return of Superman

“더 주세요 (ทอ จูเซโย)” มีความหมายคล้ายคลึงกับประโยค “~좀 주세요” เป็นการขอเพิ่มนั่นเองค่ะ อาจจะเป็นการขอเครื่องเคียงหรือน้ำเพิ่มนั่นเอง

ประโยคภาษาเกาหลีในขนส่งสาธารณะ

1. 가주세요 (คาจูเซโย)

“가주세요 (คาจูเซโย)” แปลว่า “โปรดไปที่…” เราสามารถบอกสถานที่ที่เราต้องการไปกับคนขับแท็กซี่ได้เลยค่ะ เช่น 강남으로 가주세요 (โปรดไปที่คังนัม)

2. 내려주세요 (แนรยอจูเซโย)

สำหรับใครที่ขึ้นรถแท็กซี่และต้องการลงจากรถ ก็ให้บอกคนขับว่า “내려주세요 (แนรยอจูเซโย)” หรือจะบอกคนขับรถบัสเพื่อขอลงก็ได้นะคะ แต่จำไว้ว่าต้องกดปุ่มก่อนเพื่อให้รถบัสหยุดนะคะ

3. 여기 앉으세요 (ยอกี อันจือเซโย)

ประโยคภาษาเกาหลีในขนส่งสาธารณะ

ที่มา : Welcome, First time in Korea?

“여기 앉으세요 (ยอกี อันจือเซโย)” แปลว่า “โปรดนั่งตรงนี้” ใช้ในสถานการณ์ที่เราต้องการสละที่นั่งให้กับใครบางคนนั่นเองค่ะ ในประเทศเกาหลี การให้ที่นั่งแก่คนชราเป็นเรื่องที่สุภาพและน่ารักมาก ๆ เลยนะคะ

4. 잠깐만요 (ชัมกันมันโย)

“잠깐만요 (ชัมกันมันโย)” แปลว่า “กรุณารอสักครู่” ใช้ในตอนที่เรากำลังมองหากระเป๋าสตางค์หรือบัตรเดินทาง ทุกคนก็สามารถขอให้คนขับรถรอสักครู่ได้อย่างสุภาพนั่นเองค่ะ

ประโยคภาษาเกาหลีในการช้อปปิ้ง

1. ~있어요? (อิซซอโย?)

ถ้าอยากรู้ว่าที่ร้านมีของที่เราต้องการหรือเปล่า ก็สามารถถามได้ว่า “A 있어요? (A อิซซอโย?)” ซึ่งจะแปลว่า “มี A มั้ย?” ช่วยให้สามารถประหยัดเวลาและช้อปปิ้งได้สะดวกขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ

2. 얼마예요? (ออลมาเยโย?)

ประโยคภาษาเกาหลีในการช้อปปิ้ง โมโมะ twice

ที่มา : TWICE TV

ถ้าช้อปปิ้งแล้วหาป้ายราคาไม่เจอ ก็สามารถถามคนขายว่า “얼마예요? (ออลมาเยโย?)” ซึ่งจะแปลว่า “ราคาเท่าไหร่” นั่นเองค่ะ

3. 깎아주세요 (กักกาจูเซโย)

หากซื้อของแล้วอยากได้ส่วนลดซักนิดซักหน่อย ก็สามารถพูดว่า “깎아주세요 (กักกาจูเซโย)” ซึ่งจะแปลว่า “โปรดลดให้หน่อย” ได้นะคะ โดยเฉพาะถ้าไปช้อปปิ้งที่ตลาดมือสองหรือร้านค้าเล็ก ๆ การขอส่วนลดก็จะช่วยให้ประหยัดเงินได้มากเลยล่ะค่ะ

4. 담아주세요 (ทัมอาจูเซโย)

ประโยคภาษาเกาหลีในการช้อปปิ้ง

สำหรับใครที่ต้องการถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษเพื่อใส่ของที่ซื้อ ก็สามารถบอกพนักงานได้ว่า “담아주세요 (ทัมอาจูเซโย)” ซึ่งจะแปลว่า “ช่วยใส่ลงในถุงให้หน่อย” แต่ทุกคนอาจจะต้องจ่ายค่าถุงประมาณ 50 วอนนะคะ (ราคาถุงของแต่ละร้านอาจแตกต่างกันออกไป) เพราะว่าเกาหลีไม่มีถุงให้นั่นเองค่ะ~

5. 입고 갈게요 (อิบโก คัลเกโย)

สำหรับใครที่ซื้อเสื้อผ้าแล้วต้องการจะใส่เลย เพียงแค่บอกพนักงานว่า “입고 갈게요 (อิบโก คัลเกโย)” ซึ่งแปลว่า “จะใส่ออกไปเลย” เพียงเท่านี้พนักงานก็จะช่วยตัดป้ายราคาออกให้เพื่อที่เราจะได้สวมใส่อย่างสบายใจค่ะ

6. 더 둘러보고 올게요 (ทอ ทุลรอโบโก อุลเกโย)

ถ้าดูของในร้านแล้วยังไม่ถูกใจ หรืออยากจะเดินให้มากกว่านี้เพื่อเปรียบเทียบราคา ก็สามารถบอกพนักงานได้ว่า “더 둘러보고 올게요 (ทอ ทุลรอโบโก อุลเกโย)” ซึ่งแปลว่า “ขอเดินดูให้มากกว่านี้อีกหน่อย” เพียงเท่านี้ก็จะสามารถออกจากร้านได้โดยไม่รู้สึกผิดแล้วล่ะค่ะ~   

คำแสลงในภาษาเกาหลี

1. 대박 (แทบัก)

คำแสลงในภาษาเกาหลี แทบัก

ที่มา : Infinite Challenge

“대박 (แทบัก)” เป็นคำที่เรามักจะได้ยินตลอดเวลาดูซีรีส์หรือรายการวาไรตี้ค่ะ ความหมายของแทบักคือ “สุดยอด” ซึ่งมักจะใช้กับคำว่า 헐 (ฮอล) ซึ่งแปลว่า ว้าว โดยจะพูดว่า “헐 대박 (ฮอล แทบัก)” เพื่อแสดงความรู้สึกว่าเซอร์ไพรส์และประหลาดใจมากขนาดไหน

2. 맛집 (มัดจิบ)

“맛집 (มัดจิบ)” เป็นคำย่อของ “맛있는 거 파는 집” แปลว่า ร้านอาหารที่อร่อยนั่นเองค่ะ เวลาจะไปเที่ยวย่านไหนของเกาหลีแล้วต้องการหาร้านอาหารอร่อย ๆ ก็สามารถเสิร์ชชื่อสถานที่ที่เราจะไปตามด้วยคำว่า 맛집 ได้เลยค่ะ

3. 꿀잼 (กุลแจม), 노잼 (โนแจม)

꿀 (กุล) หมายถึง น้ำผึ้ง และ 잼 (แจม) เป็นคำย่อของ 재미 ซึ่งมีความหมายว่าสนุก ดังนั้นพอรวมกันก็จะได้เป็นคำว่า “꿀잼 (กุลแจม)” ซึ่งแปลว่า “สนุกมาก” ในทางตรงกันข้าม “노” ของ 노잼 คือ “NO (ไม่)” ซึ่งทำให้คำว่า “노잼 (โนแจม)” หมายถึง “ไม่สนุกเลย”

4. 극혐 (กึกฮยอม)

“극혐 (กึกฮยอม)” เป็นคำประสมของ 극 (สุดโต่ง) และ 혐오 (ความเกลียดชัง) เมื่อพูดว่า “극혐” ก็แปลว่า “เกลียดมาก ๆ” แต่ในปัจจุบันความหมายได้ลดความรุนแรงลงและมีการใช้ในลักษณะที่ขี้เล่นมากขึ้น

5. 소확행 (โซฮวักแฮง)

คำแสลงในภาษาเกาหลี

ที่มา : Knowing Bros

“소확행 (โซฮวักแฮง)” เป็นคำที่กล่าวถึงวิถีชีวิต มาจาก 소소하지만 (ถึงจะเล็กแต่), 확실한 (แน่นอน), และ 행복 (ความสุข) รวมกันเป็น “การมีความสุขเล็ก ๆ ในชีวิต” ใช้สำหรับบรรยายคนหนุ่มสาวที่เบื่อการแข่งขันและการแสวงหาความมั่งคั่ง พวกเขาจึงมองหาความสุขเล็ก ๆ รอบตัวแทน ซึ่งทำให้คำ ๆ นี้เป็นที่นิยมอย่างมากเลยล่ะค่ะ

วิธีการเรียนภาษาเกาหลี

โรงเรียนสอนภาษาเกาหลี

โรงเรียนสอนภาษาเกาหลี

สำหรับใครที่มีเวลาและต้องการเรียนภาษาเกาหลีอย่างจริงจังก็สามารถเรียนในโรงเรียนสอนภาษาเกาหลีได้เลยค่ะ ข้อดีก็คือจะสามารถเรียนภาษาเกาหลีได้ตามขั้นตอน มีทั้งการสอนพูดและการสอนเขียนอย่างถูกหลักไวยากรณ์ แถมยังสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปสอบใบรับรอง TOPIK ได้ด้วยนะคะ

เคป็อป, ซีรีส์เกาหลี

เคป็อป, ซีรีส์เกาหลี

ส่วนใหญ่แล้วคนที่เริ่มสนใจภาษาเกาหลีก็มักจะเป็นคนที่ชอบไอดอลเคป็อปหรือซีรีส์เกาหลีค่ะ ดังนั้นการเรียนจากสิ่งที่ชอบก็จะทำให้เครียดน้อยลงและสนุกมากขึ้น อย่าลืมมองหาซีรีส์ดี ๆ ซักเรื่องแล้วพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่ตัวละครกำลังพูดถึงกันดูนะคะ รับรองว่าจะช่วยในการเรียนรู้ภาษาเกาหลีได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ~

เป็นยังไงกันบ้างคะกับประโยคภาษาเกาหลีที่สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน? ง่ายมาก ๆ เลยใช่มั้ยละคะ? ใครที่ชื่นชอบประเทศเกาหลีก็อย่าลืมเรียนภาษาเกาหลีเอาไว้ซักนิดซักหน่อยนะคะ~   

🤞🏻Subscribe พวกเรา Creatrip บน Youtube 

Creatrip Instagram
instagram.com/creatrip.thailand

🎈ช้อปปิ้ง|สั่งซื้อสินค้าเกาหลี


วิธีเรียนภาษาเกาหลีให้ได้ผล ที่คนพูดเกาหลีเป็นแล้วไม่บอกคุณ – KHEM KOREA


❤️ Youtube KHEM KOREA
👉🏻 https://www.youtube.com/channel/UCdvbt6CPh8RPbYNJ14SuQqg?view_as=subscriber

❤️ ติดตามเขมได้ที่
สั่งหนังสือ Line : https://line.me/R/ti/p/%40khemkr
ทวิตเตอร์ : https://twitter.com/khem_korea
Facebook : https://twitter.com/khem_korea
Instagram : https://www.instagram.com/khem.korea/
Podcast : https://soundcloud.com/khemkorea
ภาษาเกาหลี patเกาหลี TOPIK เขมโคเรีย KHEMKOREA

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

วิธีเรียนภาษาเกาหลีให้ได้ผล ที่คนพูดเกาหลีเป็นแล้วไม่บอกคุณ - KHEM KOREA

พูดภาษาเกาหลีไม่ได้? ลองวิธีนี้! แนะนำวิธีเรียนภาษา | Minijoa


มินใช้วิธีนี้เรียน4ภาษานะครับ (ไทย อังกฤษ เกาหลี จีน)
กลุ่ม : https://www.facebook.com/groups/168390518279918
วิธีเรียนภาษาเกาหลี พูดเกาหลี เรียนเกาหลี

พูดภาษาเกาหลีไม่ได้? ลองวิธีนี้! แนะนำวิธีเรียนภาษา | Minijoa

ฝรั่งท้อง คลอดลูกกลางสนามบิน!! PREGNANT


พี่เฟิร์นมี TikTok แล้วน้า กดอันนี้
https://bit.ly/3qnnnqX
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ฟอลโล่ Instagram พี่เฟิร์น กดอันนี้
https://bit.ly/3EWJXLl
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
Fanpage Facebook 108Life กดอันนี้
https://bit.ly/30iAwqG
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
Facebook ส่วนตัว พี่เฟิร์น
https://bit.ly/3H6i0SZ
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
Facebook ส่วนตัว พี่อิงค์
https://bit.ly/3wwTdTp

ฝรั่งท้อง คลอดลูกกลางสนามบิน!! PREGNANT

อยากพูดเกาหลีได้ อยากเรียนเกาหลี เริ่มยังไงดี? โดยภาษาเกาหลีน่ารู้


สามารถติดตามได้ที่ เพจเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/pasakaoleenaru
🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸🌸
คอร์สเรียนออนไลน์ PATเกาหลี
ชีทสรุปพร้อมส่ง รับสอนเกาหลี
💚twitter : @koreanbypie
💙 IG : Pasakaoleenaru
📩 ติดต่อ: inbox ที่เพจภาษาเกาหลีน่ารู้
📥line : https://line.me/R/ti/p/%40xvg4507f
/ line : @xvg4507f (มี@)

อยากพูดเกาหลีได้ อยากเรียนเกาหลี เริ่มยังไงดี? โดยภาษาเกาหลีน่ารู้

Akdong Musician(AKMU) – GIVE LOVE M/V


Available on iTunes @ http://smarturl.it/AKMU_PLAY
AKDONGMUSICIAN AKMU AKMUPLAY GIVELOVE
More about AKDONG MUSICIAN @
http://www.ygakmu.com/
https://www.facebook.com/officialAKMU
http://www.youtube.com/officialAKMU
http://twitter.com/ygent_official

Akdong Musician(AKMU) - GIVE LOVE M/V

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ อยาก ได้ ภาษา เกาหลี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *