Skip to content
Home » [NEW] ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ตอนที่ 12 เรื่อง คำสรรพนาม(Pronouns) EP-4 | ระบุเพศ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ตอนที่ 12 เรื่อง คำสรรพนาม(Pronouns) EP-4 | ระบุเพศ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ระบุเพศ ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

Table of Contents

การใช้คำสรรพนามเกี่ยวกับบุคคล (Personal Pronouns) แทนบุรุษที่ 3

ในการใช้ภาษาอังกฤษยุคใหม่นั้นจะกลายเป็นภาษาที่ไม่กำหนดเพศ (ungendered language) มากขึ้น ในขณะที่ภาษาอื่นคำนามอาจจะแบ่งออกเป็นเพศหญิง/เพศชาย แต่คำนามในภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ไม่มีเพศ (neutral)
ก่อนพูดเนื้อหาต่อไป เรามาสรุปเกี่ยวกับคำสรรพนามแทนบุคคลในภาษาอังกฤษได้ดังนี้
1. สรรพนามแทนบุคคล ที่แบ่งเป็นเพศและเปลี่ยนแปลงตามเพศได้แก่
สรรพนามที่ใช้แทนบุรุษที่ 3 เอกพจน์ ได้แก่
เพศหญิง เอกพจน์ บุรุษที่ 3 คือ she, her, hers, herself     (หล่อน)
เพศชาย เอกพจน์ บุรุษที่ 3 คือ he, him, his, himself     (เขา)
2. สรรพนามแทนบุคคล ที่ไม่แบ่งเป็นเพศและไม่เปลี่ยนแปลงตามเพศได้แก่
บุรุษที่ 3 เอกพจน์(ไม่ระบุเพศ) คือ  it, its, its own, itself  (มัน)
บรุษที่ 3 พหูพจน์ (ไม่ระบุเพศ) คือ they, them, their, theirs, themselves (พวกเขา)
บุรุษที่ 1 เอกพจน์ (ไม่ระบุเพศ) คือ I, me, my, mine, myself  (ฉัน)
บุรุษที่ 1 พหูพจน์ (ไม่ระบุเพศ) คือ we, us, our, ours, ourselves   (พวกเรา)
บุรุษที่ 2 เอกพจน์/พหูพจน์ คือ you,  you,  your,  yours,  yourself   (คุณ/พวกคุณ)
             

ยกเว้น

 yourselves ใช้แทนบุรุษที่ 2 พหูพจน์
นอกจากนี้แล้ว ในกรณีที่ บุรุษที่ 3 เอกพจน์ (ไม่รู้เพศ) จะใช้ they, them, their, theirs, themselves เป็นกรณีพิเศษ หรือ เรียกว่า

Singular They

ครับ
พิจารณาตัวอย่างประโยคการใช้ 

Singular They


• “If

anyone

needs extra help with their studies,

they

should feel free to see me after class.”
(ถ้าใคร ๆ ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนของพวกเขา พวกเขาควรจะรู้สึกมีอิสระที่จะพบฉันหลังจากเลิกเรียน)
เราจะพบว่า คำนามที่มีอยู่ก่อน คือ anyone (ใครบางคน) เป็นรูปเอกพจน์
แต่เขาใช้สรรพนาม their และ they แทน ก็เพราะว่า เราไม่ทราบว่า anyone เป็นผู้ชายหรือ ผู้หญิง เราจึงไม่สามารถใช้ she /he /her/him แทนได้ ครับ

การใช้คำสรรพนามแทนบุรุษที่ 3

พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “I really love Jenny.

She

is my best friend.”
(ฉันชอบเจนนี่จริง ๆ หล่อน เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน)
(She ใช้แทน Jenny)

• “Danny said that

he

would lend me

his

jacket for tonight.”
(แดนนี่บอกว่า เขาจะให้ฉันยืมเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาสำหรับคืนนี้)
(ใช้ he, his แทน Danny)

• “Look at that cute dog wagging

his

tail!”
(ดูสิ สุนัขน่ารักตัวนั้น กำลังกระดิกหางของเขา!)
(ใช้ his แทน dog 

กรณีเป็นสัตว์เลี้ยงและรู้เพศ

)

• “Bill and Samantha told me

they

were coming over later.”
(Bill และ Samantha ได้บอกฉันว่า พวกเขาจะมาเยี่ยมในภายหลัง)
(ใช้ they แทน Bill และ Samantha)

• “You should not try to control love, but rather be guided by

it

.”
(คุณไม่ควรพยายามที่จะควบคุมความรัก แต่ควรทำตามมันมากกว่า)
(ใช้ it แทน love)

• “I’ve got the report for you. I’ll just set

it

on your desk.”
(ฉันได้รายงานนั้นมาให้คุณ ฉันจะตั้งมันไว้บนโต๊ะของคุณ)
(ใช้ it แทน the report)

• “The horse galloped by,

its

hooves pounding the ground violently.”
(ม้านั้นถูกควบ, เกือกของมันทำเสียงกระทบพื้นอย่างแรง)
(ใช้ its แทน The horse) 

เราใช้ it แทนสัตว์ที่ไม่ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยง (pet)

• “The parade floats  are spectacular!  I love  watching  them go down the street.”
(กองทหารเดินขบวนน่าตื่นตา ฉันชอบดูพวกเขาเดินขบวนตามถนน)
(ใช้ them แทน floats )

การใช้คำสรรพนามแทนนั้น ชื่อมันก็บอกว่าใช้แทนคำนามที่มีอยู่ก่อน (Antecedent) ในขณะที่คำนามที่มีอยู่ก่อนนั้น อาจมีฐานะเป็นประธาน หรือ กรรมของประโยคก็ได้ ในการทำข้อสอบต้องพิจารณาให้ดีครับ

การใช้คำสรรพนามแทนบุรุษที่ 3 ที่เป็นประเทศหรือเรือ

เราจะพบว่า มีการใช้คำสรรพนามแทนชื่อประเทศต่าง ๆ หรือ เรือ
พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “The SS Freedom is a good ship.

She

has certainly seen

her

fair share of adventure.”
จะเห็นว่า เขาจะใช้คำสรรพนาม she และ her แทนชื่อเรือ SS Freedom


• “The Prime Minister promised that the United Kingdom would be returned to

her

former glory during his term.”
จะเห็นได้ว่า เขาจะใช้ คำสรรพนาม her แทนประเทศ United Kingdom

การใช้คำสรรพนามแทนบุคคลตามฐานะของการทำหน้าที่ (Case)

ในการใช้คำสรรพนามแทนบุคคลนั้น จะเปลี่ยนรูปตามการทำหน้าที่ 4 ลักษณะมีดังนี้
1. Subject – ผู้กระทำ(ประธานของกริยา)
2. Object – เป็นกรรมของกริยา
3. Possessive determiner – เป็นส่วนบ่งชี้ความเป็นเจ้าของ(คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ)
4. Possessive pronoun – เป็นสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ

คำสรรพนามที่ใช้แทนคำที่มีฐานะเป็น Subject (ผู้กระทำ)

พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “

I

know that

she

said that.” (ฉันรู้ว่าหล่อนได้พูดดังกล่าว)
จะเห็นว่า เราใช้ คำสรรพนามแทน I และ she เพราะว่า ทั้งคู่มีฐานะเป็นผู้กระทำ

• “

He

told

her

to be quiet.” (เขาได้บอกให้หล่อนเงียบ)
ประโยคนี้ เราใช้คำสรรพนาม He เพราะว่าเขาเป็นผู้กระทำ หรือเป็นประธานของประโยค
ในขณะที่เราใช้คำสรรพนาม her เพราะหล่อนมีฐานะเป็นกรรมของกริยา told

คำสรรพนามที่ใช้แทนคำที่มีฐานะเป็น Object (กรรม)

พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “Please send

them

in straight away.” (กรุณาส่งไปให้พวกเขาทันที)
กรณีนี้เราใช้คำสรรพนาม them เพราะมีฐานะเป็นกรรมตรง (Direct Object) ของกริยา send

• “Take

him

away!” (นำตัวเขาออกไป!)
กรณีนี้เราใช้คำสรรพนาม him เพราะมีฐานะเป็นกรรมตรง (Direct Object) ของประโยค

• “Please tell

me

any news immediately!” (โปรดแจ้งข่าวให้ฉันโดยทันที!)
เราจะเห็นว่าในประโยคนี้ เราจะพบว่า
คำว่า any news มีฐานะเป็นกรรมตรง (Direct Object) ของกริยา tell
คำสรรพนาม me มีฐานะเป็นกรรมรองของประโยค (Indirect Object)

อธิบายเพิ่มเติม สำหรับนักศึกษาที่สับสนระหว่างกรรมตรงกับกรรมรอง

กริยาของประโยค คือ tell (บอก)
กรรมตรงของกริยา คือ news (ข่าว)
กรรมรองของกริยา คือ  me (ตัวฉัน) เพราะฉันเป็นผู้รับ news จากการกระทำของกริยา tell
เพียงแต่ในประโยคภาษาอังกฤษนิยมวางกรรมรองไว้ก่อนกรรมตรง ก็เท่านั้นเองครับ

• “I can’t believe he brought

you

flowers. How sweet!”
(ฉันไม่อยากเชื่อว่าเขาได้นำดอกไม้มาให้คุณ ช่างน่ารักจริง!)
กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน flowers (ดอกไม้) เป็นกรรมตรงของกริยา brought
ส่วนคำสรรพนาม you มีฐานะเป็นกรรมรอง

• “You said to give

you

the money as soon as I had

it

.”
(คุณได้บอกว่าจะให้เงินคุณ ทันทีที่ฉันได้มัน)
จากประโยคข้างต้น จะพบว่า You และ I เป็นคำสรรพนามมีฐานะเป็นประธาน (Subject)
ส่วน you มีฐานะเป็นกรรมรอง และ

it

มีฐานะเป็นกรรมตรง

การใช้คำสรรพนามแทนบุคคลหลังกริยาเชื่อม (Linking Verbs)


สำหรับเรื่องนี้มักเป็นสิ่งที่นักเรียนสับสนในกรณีที่เราใช้คำสรรพนามหลังกริยาเชื่อม เป็นส่วนเติมเต็มของประธาน (Subject Complement) เนื่องจากการใช้ Linking Verbs มีลักษณะการใช้ที่แตกต่างจากกริยากลุ่มอื่น และอาจมีการเข้าใจผิดและใช้ผิดพลาดได้
พิจารณาตัวอย่างประโยค

“It was me who did this.”

“It was I who did this.” (มันคือ ฉันผู้ได้ทำสิ่งนี้)
นักเรียนพึงระวังไว้เสมอว่า

หลัง Linking Verbs จะไม่มีกรรมมารองรับ

จะมีแต่ส่วนเติมเต็มของประธาน
จากประโยคข้างต้นเราจะเห็นว่า คำสรรพนาม I มีฐานะเป็นประธาน

Me was the one* who did this.”

I was the one* who did this (ฉันคือคนผู้ได้ทำสิ่งนี้)
ประโยคนี้ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจาก one ในที่นี้หมายถึงตัวของผู้พูดเองว่าได้ทำบางสิ่ง
เราจะใช้ me ไม่ได้ เพราะผู้พูดไม่มีฐานะเป็นกรรมในประโยคนั่นเอง ครับนักเรียน

• “Her husband took all the credit, but it was

she

who did all the work.”
(สามีของหล่อนได้เอาเครดิตทั้งหมด แต่มันเป็นหล่อนผู้ซึ่งได้ทำงานนั้นทั้งหมด)
จะเห็นว่าหลัง Linking Verbs สรรพนามแทนบุคคลจะอยู่ในรูปของ Subject เสมอ

• “It was

they

who assured us that there would be no problems.”
(มันคือ พวกเขาผู้ที่ทำให้เรามันใจว่านั่นจะไม่เป็นปัญหา)

หมายเหตุ


ในภาษาพูดเราอาจจะเคยได้ยินประโยคว่า
“it’s

me

”  (มันคือฉัน)
“that was

her

” (นั่นเป็นหล่อน)
แต่ในภาษาเขียนหรือภาษาทางการที่ถูกต้องนั้น จะเขียนแบบนั้นไม่ได้ ก็เพราะว่า ส่วนที่ตามหลัง กริยา be จะเป็นคำสรรพนามที่มีรูปเป็น Subjective case ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเติมของประธาน (Subject Complement) 

สำหรับรายละเอียดเกี่ยว Linking Verbs ผมจะพูดอย่างละเอียดไว้อีกบทนะครับ

การใช้คำสรรพนามแทนบุคคล ในฐานะแสดงถึงความเป็นเจ้าของ (Possessive Case)

โดยรูปของคำสรรพนามแทนบุคคลนั้น เมื่อแสดงความเป็นเจ้าของจะมีการเปลี่ยนรูป โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ Possessive Determiners และ Possessive Pronouns
โดย Possessive Determiners จะทำหน้าที่เหมือนกับคำคุณศัพท์ (Adjective) เป็นตัวขยายคำนาม ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นคำนามในประโยคได้
พิจารณาตัวอย่างประโยค

My

dad’s glasses went missing.” (แว่นตาของพ่อของฉันกำลังหายไป)
กรณีนี้ my (ของฉัน) ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ ขยาย dad นั่นเอง เราจะเรียกคำสรรพนาม my ว่าเป็น Possessive Determiners หรือ คุณศัพท์ที่แสดงความเป็นเจ้าของ

  “Hey,  those glasses are my!”

  “Hey,  those glasses are

mine

!” (เฮ้ แว่นตาเหล่านั้นเป็นของฉัน)

  

“Hey, those are

my

glasses! (เฮ้ เหล่านั้นเป็นแว่นตาของฉัน)
นักศึกษาจะสงสัยว่า ทำไมประโยคแรกถึงใช้ my (ของฉัน) ไม่ได้ ก็เพราะตามที่ผมบอกมาแล้วว่า

my จะต้องตามด้วยคำนามที่มันขยายเสมอ

เพราะมันเป็นคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ เราจะวางโดด ๆ ไม่ได้ครับ จะต้องใช้ 

my

 glasses ถึงจะถูกต้อง
ส่วนคำว่า mine (ของฉัน) เป็น

คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่ต้องมีคำนามตามมา

สำหรับ คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive Pronouns) ในทางไวยากรณ์เป็นคำสรรพนามที่

ทำหน้าที่เป็นคำนาม

พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “I can see

mine

through the window!”
(ฉันสามารถเห็นของของฉันทางหน้าต่าง)
• “You said you bought

yours

for $50?”
(คุณบอกว่า คุณได้ซื้อของของคุณ ในราคา 50 เหรียญ)
• “Jenny seems pretty sure that the book is

hers

.”
(เจนนี่ดูเหมือนมั่นใจมากว่า หนังสือนั้น เป็น ของของหล่อน)
เราจะสังเกตเห็นว่า คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่ต้อง + คำนาม

พิจารณาตัวอย่างประโยค
• “He said it was

his

computer, but I don’t think it is actually

his

.”
(เขาบอกว่า มันเป็น คอมพิวเตอร์ของเขา แต่ฉันไม่คิดว่าจริง ๆ แล้ว มันเป็นของของเขา)
นักศึกษาจะเห็นว่า ประโยคนี้ ประธานที่มีอยู่ก่อนก็คือ He
ส่วน 

his

 computer (คอมพิวเตอร์ของเขา) his เป็น Possessive Determiners ขยาย computer
ส่วน

his

ตัวหลัง แปลว่า ของของเขา เป็น Possessive Pronouns
เนื่องจาก มีรูปที่เหมือนกัน ให้นักศึกษากลับไปดูตารางที่ผมได้สรุปไว้ในโพสท์ที่ผ่านมาครับ

• “As the campaign reached the peak of its success, it seemed to take on a life of its own.”
(เมื่อการรณรงค์ได้ถึงจุดสูงสุดของความสำเร็จของมัน มันเหมือนการเริ่มชีวิตเป็นของของมันเอง)
เราจะพบว่า  its success (ความสำเร็จของมัน) กรณีนี้ its เป็น Possessive Determiners
ในขณะที่ its own (ของของมัน) เป็น Possessive Pronouns 
โดยปกติแล้วเราจะพบว่า its จะมีรูปเหมือนกันทั้ง Possessive Determiners และ Possessive Pronouns
แต่เขามักนิยมใช้คำว่า its own (ของของมัน) แทน its ซึ่งมีความหมายเหมือนกัน
ในขณะที่สำนวน a life of its own หมายถึง ลักษณะการมีชีวิตที่อิสระด้วยตัวของมัน

สำหรับโพสท์นี้ จะขยายความเรื่องคำสรรพนามไว้เพียงแค่นี้ก่อน โปรดติดตามตอนต่อไป สวัสดีครับ


เรียบเรียงโดย

  • ติวเตอร์แบงค์
  • สถาบันติว PERFECT ซ.รามคำแหง 43/1
  • สถาบันติว THE BEST CENTER ซ.รามคำแหง 43/1
  • ติวเตอร์ประจำวิชา ENG, ENS, CEN2101, CEN2102, APR2101
  • ติดต่อติวเตอร์ โทร. 081-7269394 Line ID : sjbank

เอกสารอ้างอิง

  1. Brinton, Laurel J. & Donna M. Brinton. 2010. The linguistic structure of Modern English, 2nd edn. Amsterdam: John Benjamins Publishing Company.
  2. Hopper, Paul J. 1999. A short course in grammar. New York: W. W. Norton & Company.
  3. Huddleston, Rodney. 1984. Introduction to the grammar of English. Cambridge: Cambridge University Press.
  4. Raymond Murphy. 2019. English Grammar in Use, Cambridge University Press; 5 edition (24 Jan. 2019).

ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด 5 ธ.ค. 2562

ในการใช้ภาษาอังกฤษยุคใหม่นั้นจะกลายเป็นภาษาที่ไม่กำหนดเพศ (ungendered language) มากขึ้น ในขณะที่ภาษาอื่นคำนามอาจจะแบ่งออกเป็นเพศหญิง/เพศชาย แต่คำนามในภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ไม่มีเพศ (neutral)ก่อนพูดเนื้อหาต่อไป เรามาสรุปเกี่ยวกับคำสรรพนามแทนบุคคลในภาษาอังกฤษได้ดังนี้1. สรรพนามแทนบุคคล ที่ได้แก่ได้แก่เพศหญิง เอกพจน์ บุรุษที่ 3 คือ she, her, hers, herself (หล่อน)เพศชาย เอกพจน์ บุรุษที่ 3 คือ he, him, his, himself (เขา)2. สรรพนามแทนบุคคล ที่ได้แก่บุรุษที่ 3 เอกพจน์(ไม่ระบุเพศ) คือ it, its, its own, itself (มัน)บรุษที่ 3 พหูพจน์ (ไม่ระบุเพศ) คือ they, them, their, theirs, themselves (พวกเขา)บุรุษที่ 1 เอกพจน์ (ไม่ระบุเพศ) คือ I, me, my, mine, myself (ฉัน)บุรุษที่ 1 พหูพจน์ (ไม่ระบุเพศ) คือ we, us, our, ours, ourselves (พวกเรา)บุรุษที่ 2 เอกพจน์/พหูพจน์ คือ you, you, your, yours, yourself (คุณ/พวกคุณ)yourselves ใช้แทนบุรุษที่ 2 พหูพจน์นอกจากนี้แล้ว ในกรณีที่ บุรุษที่ 3 เอกพจน์ (ไม่รู้เพศ) จะใช้ they, them, their, theirs, themselves เป็นกรณีพิเศษ หรือ เรียกว่าครับพิจารณาตัวอย่างประโยคการใช้• “Ifneeds extra help withstudies,should feel free to see me after class.”(ถ้าใคร ๆ ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนของพวกเขา พวกเขาควรจะรู้สึกมีอิสระที่จะพบฉันหลังจากเลิกเรียน)เราจะพบว่า คำนามที่มีอยู่ก่อน คือ anyone (ใครบางคน) เป็นรูปเอกพจน์แต่เขาใช้สรรพนาม their และ they แทน ก็เพราะว่า เราไม่ทราบว่า anyone เป็นผู้ชายหรือ ผู้หญิง เราจึงไม่สามารถใช้ she /he /her/him แทนได้ ครับ• “I really loveis my best friend.”(ฉันชอบเจนนี่จริง ๆเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน)(She ใช้แทน Jenny)• “said thatwould lend mejacket for tonight.”(แดนนี่บอกว่า เขาจะให้ฉันยืมเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาสำหรับคืนนี้)(ใช้ he, his แทน Danny)• “Look at that cutewaggingtail!”(ดูสิ สุนัขน่ารักตัวนั้น กำลังกระดิกหางของเขา!)(ใช้ his แทน dog• “told mewere coming over later.”(Bill และ Samantha ได้บอกฉันว่า พวกเขาจะมาเยี่ยมในภายหลัง)(ใช้ they แทน Bill และ Samantha)• “You should not try to control, but rather be guided by.”(คุณไม่ควรพยายามที่จะควบคุมความรัก แต่ควรทำตามมันมากกว่า)(ใช้ it แทน love)• “I’ve gotfor you. I’ll just seton your desk.”(ฉันได้รายงานนั้นมาให้คุณ ฉันจะตั้งมันไว้บนโต๊ะของคุณ)(ใช้ it แทน the report)• “galloped by,hooves pounding the ground violently.”(ม้านั้นถูกควบ, เกือกของมันทำเสียงกระทบพื้นอย่างแรง)(ใช้ its แทน The horse)• “The paradeare spectacular! I love watchinggo down the street.”(กองทหารเดินขบวนน่าตื่นตา ฉันชอบดูพวกเขาเดินขบวนตามถนน)(ใช้ them แทน floats )การใช้คำสรรพนามแทนนั้น ชื่อมันก็บอกว่าใช้แทนคำนามที่มีอยู่ก่อน (Antecedent) ในขณะที่คำนามที่มีอยู่ก่อนนั้น อาจมีฐานะเป็นประธาน หรือ กรรมของประโยคก็ได้ ในการทำข้อสอบต้องพิจารณาให้ดีครับเราจะพบว่า มีการใช้คำสรรพนามแทนชื่อประเทศต่าง ๆ หรือ เรือ• “Theis a good ship.has certainly seenfair share of adventure.”จะเห็นว่า เขาจะใช้คำสรรพนาม she และ her แทนชื่อเรือ• “The Prime Minister promised that thewould be returned toformer glory during his term.”จะเห็นได้ว่า เขาจะใช้ คำสรรพนาม her แทนประเทศในการใช้คำสรรพนามแทนบุคคลนั้น จะเปลี่ยนรูปตามการทำหน้าที่ 4 ลักษณะมีดังนี้1. Subject – ผู้กระทำ(ประธานของกริยา)2. Object – เป็นกรรมของกริยา3. Possessive determiner – เป็นส่วนบ่งชี้ความเป็นเจ้าของ(คุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ)4. Possessive pronoun – เป็นสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ• “know thatsaid that.” (ฉันรู้ว่าหล่อนได้พูดดังกล่าว)จะเห็นว่า เราใช้ คำสรรพนามแทน I และ she เพราะว่า ทั้งคู่มีฐานะเป็นผู้กระทำ• “toldto be quiet.” (เขาได้บอกให้หล่อนเงียบ)ประโยคนี้ เราใช้คำสรรพนาม He เพราะว่าเขาเป็นผู้กระทำ หรือเป็นประธานของประโยคในขณะที่เราใช้คำสรรพนาม her เพราะหล่อนมีฐานะเป็นกรรมของกริยา told• “Please sendin straight away.” (กรุณาส่งไปให้พวกเขาทันที)กรณีนี้เราใช้คำสรรพนาม them เพราะมีฐานะเป็นของกริยา send• “Takeaway!” (นำตัวเขาออกไป!)กรณีนี้เราใช้คำสรรพนาม him เพราะมีฐานะเป็นของประโยค• “Please tellimmediately!” (โปรดแจ้งข่าวให้ฉันโดยทันที!)เราจะเห็นว่าในประโยคนี้ เราจะพบว่าคำว่า any news มีฐานะเป็นของกริยา tellคำสรรพนาม me มีฐานะเป็นกริยาของประโยค คือ tell (บอก)กรรมตรงของกริยา คือ news (ข่าว)กรรมรองของกริยา คือ me (ตัวฉัน) เพราะฉันเป็นผู้รับ news จากการกระทำของกริยา tellเพียงแต่ในประโยคภาษาอังกฤษนิยมวางกรรมรองไว้ก่อนกรรมตรง ก็เท่านั้นเองครับ• “I can’t believe he broughtflowers. How sweet!”(ฉันไม่อยากเชื่อว่าเขาได้นำดอกไม้มาให้คุณ ช่างน่ารักจริง!)กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน flowers (ดอกไม้) เป็นกรรมตรงของกริยา broughtส่วนคำสรรพนาม you มีฐานะเป็นกรรมรอง• “said to givethe money as soon ashad.”(คุณได้บอกว่าจะให้เงินคุณ ทันทีที่ฉันได้มัน)จากประโยคข้างต้น จะพบว่า You และ I เป็นคำสรรพนามมีฐานะเป็นประธาน (Subject)ส่วนมีฐานะเป็นกรรมรอง และมีฐานะเป็นกรรมตรงสำหรับเรื่องนี้มักเป็นสิ่งที่นักเรียนสับสนในกรณีที่เราใช้คำสรรพนามหลังกริยาเชื่อม เป็นส่วนเติมเต็มของประธาน (Subject Complement) เนื่องจากการใช้ Linking Verbs มีลักษณะการใช้ที่แตกต่างจากกริยากลุ่มอื่น และอาจมีการเข้าใจผิดและใช้ผิดพลาดได้“It waswho did this.”“It waswho did this.” (มันคือ ฉันผู้ได้ทำสิ่งนี้)นักเรียนพึงระวังไว้เสมอว่าจะมีแต่ส่วนเติมเต็มของประธานจากประโยคข้างต้นเราจะเห็นว่า คำสรรพนาม I มีฐานะเป็นประธานwas the one* who did this.”was the one* who did this (ฉันคือคนผู้ได้ทำสิ่งนี้)ประโยคนี้ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจาก one ในที่นี้หมายถึงตัวของผู้พูดเองว่าได้ทำบางสิ่งเราจะใช้ me ไม่ได้ เพราะผู้พูดไม่มีฐานะเป็นกรรมในประโยคนั่นเอง ครับนักเรียน• “Her husband took all the credit, but it waswho did all the work.”(สามีของหล่อนได้เอาเครดิตทั้งหมด แต่มันเป็นหล่อนผู้ซึ่งได้ทำงานนั้นทั้งหมด)จะเห็นว่าหลัง Linking Verbs สรรพนามแทนบุคคลจะอยู่ในรูปของ Subject เสมอ• “It waswho assured us that there would be no problems.”(มันคือ พวกเขาผู้ที่ทำให้เรามันใจว่านั่นจะไม่เป็นปัญหา)ในภาษาพูดเราอาจจะเคยได้ยินประโยคว่า“it’s” (มันคือฉัน)“that was” (นั่นเป็นหล่อน)แต่ในภาษาเขียนหรือภาษาทางการที่ถูกต้องนั้น จะเขียนแบบนั้นไม่ได้ ก็เพราะว่า ส่วนที่ตามหลัง กริยา be จะเป็นคำสรรพนามที่มีรูปเป็น Subjective case ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเติมของประธาน (Subject Complement)โดยรูปของคำสรรพนามแทนบุคคลนั้น เมื่อแสดงความเป็นเจ้าของจะมีการเปลี่ยนรูป โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ Possessive Determiners และ Possessive Pronounsจะทำหน้าที่เหมือนกับคำคุณศัพท์ (Adjective) เป็นตัวขยายคำนาม ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นคำนามในประโยคได้dad’s glasses went missing.” (แว่นตาของพ่อของฉันกำลังหายไป)กรณีนี้ my (ของฉัน) ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ ขยาย dad นั่นเอง เราจะเรียกคำสรรพนาม my ว่าเป็น Possessive Determiners หรือ คุณศัพท์ที่แสดงความเป็นเจ้าของ“Hey, those glasses are!”“Hey, those glasses are!” (เฮ้ แว่นตาเหล่านั้นเป็นของฉัน)“Hey, those areglasses! (เฮ้ เหล่านั้นเป็นแว่นตาของฉัน)นักศึกษาจะสงสัยว่า ทำไมประโยคแรกถึงใช้ my (ของฉัน) ไม่ได้ ก็เพราะตามที่ผมบอกมาแล้วว่าเพราะมันเป็นคำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ เราจะวางโดด ๆ ไม่ได้ครับ จะต้องใช้glasses ถึงจะถูกต้องส่วนคำว่า mine (ของฉัน) เป็นในทางไวยากรณ์เป็นคำสรรพนามที่• “I can seethrough the window!”(ฉันสามารถเห็นทางหน้าต่าง)• “You said you boughtfor $50?”(คุณบอกว่า คุณได้ซื้อของของคุณ ในราคา 50 เหรียญ)• “Jenny seems pretty sure that the book is.”(เจนนี่ดูเหมือนมั่นใจมากว่า หนังสือนั้น เป็น ของของหล่อน)เราจะสังเกตเห็นว่า คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่ต้อง + คำนาม• “He said it wascomputer, but I don’t think it is actually.”(เขาบอกว่า มันเป็น คอมพิวเตอร์ของเขา แต่ฉันไม่คิดว่าจริง ๆ แล้ว มันเป็นนักศึกษาจะเห็นว่า ประโยคนี้ ประธานที่มีอยู่ก่อนก็คือ Heส่วนcomputer (คอมพิวเตอร์ของเขา) his เป็นขยาย computerส่วนตัวหลัง แปลว่า ของของเขา เป็นเนื่องจาก มีรูปที่เหมือนกัน ให้นักศึกษากลับไปดูตารางที่ผมได้สรุปไว้ในโพสท์ที่ผ่านมาครับ• “As the campaign reached the peak ofsuccess, it seemed to take on a life of.”(เมื่อการรณรงค์ได้ถึงจุดสูงสุดของความสำเร็จของมัน มันเหมือนการเริ่มชีวิตเป็นของของมันเอง)เราจะพบว่าsuccess (ความสำเร็จของมัน) กรณีนี้เป็นในขณะที่(ของของมัน)เป็นโดยปกติแล้วเราจะพบว่าจะมีรูปเหมือนกันทั้งและแต่เขามักนิยมใช้คำว่า(ของของมัน) แทน its ซึ่งมีความหมายเหมือนกันในขณะที่สำนวน a life ofหมายถึง ลักษณะการมีชีวิตที่อิสระด้วยตัวของมันสำหรับโพสท์นี้ จะขยายความเรื่องคำสรรพนามไว้เพียงแค่นี้ก่อน โปรดติดตามตอนต่อไป สวัสดีครับ

[NEW] 2 คำศัพท์ที่ห้ามสับสน “Percentage” และ “Percent” สัญลักษณ์เครื่องหมายเปอร์เซ็นต์ คือ “%” | ระบุเพศ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

Highlight

⟴ 

How do you say this word “

How do you say this word ” คุณดื่มกาแฟมั๊ย/หรือเปล่า? ” in English? เพื่อนๆแต่งประโยคนี้ ” คุณดื่มกาแฟมั๊ย/หรือเปล่า? ” เป็นภาษาอังกฤษได้ไหมครับ

ทั้งคำว่า

Percentage

และ 

Percent

มีความหมายเหมือนกันคืออัตราร้อยละ แต่การใช้แตกต่างกันคือ

จัดเต็มกันไปเลยครับ อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ เอาเป็นว่า จำเฉพาะประโยคที่อยากจะนำไปใช้งานจริงๆก็พอแล้วครับ

ช่วงเฉลย “ตอบถูก ได้1

00

!”

 a. 

 b. 

 c.

Click! ภาษาอังกฤษพูดอย่างไร Say it in English.

👉

:

ลิ้งค์แนะนำ คลิก

👉

:

ผมหวังอย่างยิ่งสิ่งที่เราสืบค้น(Research) เลือกสรรค์(Select) และนำมาเขียน(Writing)เพื่อ share ให้กับเพื่อนๆ จะมีประโยชน์ต่อธุรกิจ การงาน ของเพื่อนๆครับ

มากไปกว่านั้น เราคาดว่า(Expect) เพื่อนๆจะสามารถนำไปต่อยอดหรือเติมเต็มเรื่องอื่นๆหรือสถานการณ์เฉพาะหน้าที่ใช้ภาษาอังกฤษร่วมอยู่ด้วยได้เป็นอย่างดี…

ขาดตก บกพร่องอย่างใด ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ

และถ้าภาษาอังกฤษที่ทางเรานำเสนอนี้ดี รบกวนเพื่อนๆช่วยกด + และ share ต่อๆได้ให้ด้วยก็จักเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ

ขอบคุณมากครับ แล้วพบกันใหม่ครับ

Bye,

Thanks for reading.

Posted by:

I’ve known, then I’ve grown.

จัดเต็มกันไปเลยครับ อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ เอาเป็นว่า จำเฉพาะประโยคที่อยากจะนำไปใช้งานจริงๆก็พอแล้วครับลิ้งค์แนะนำ คลิกลิ้งค์แนะนำ คลิกผมหวังอย่างยิ่งสิ่งที่เราสืบค้น(Research) เลือกสรรค์(Select) และนำมาเขียน(Writing)เพื่อ share ให้กับเพื่อนๆ จะมีประโยชน์ต่อธุรกิจ การงาน ของเพื่อนๆครับมากไปกว่านั้น เราคาดว่า(Expect) เพื่อนๆจะสามารถนำไปต่อยอดหรือเติมเต็มเรื่องอื่นๆหรือสถานการณ์เฉพาะหน้าที่ใช้ภาษาอังกฤษร่วมอยู่ด้วยได้เป็นอย่างดี…ขาดตก บกพร่องอย่างใด ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับและถ้าภาษาอังกฤษที่ทางเรานำเสนอนี้ดี รบกวนเพื่อนๆช่วยกด + และ share ต่อๆได้ให้ด้วยก็จักเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับขอบคุณมากครับ แล้วพบกันใหม่ครับBye,Thanks for reading.


Why gender equality matters in business? Pita Limjaroenrat Grab Thailand


Why does genderequality matter in business?
Here’s the answer from Pita Limjaroenrat, Executive Director at Grab (Thailand). IWD2018
Music: \”Reach for Success\” by Scott Holmes
http://www.scottholmesmusic.com

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Why gender equality matters in business? Pita Limjaroenrat Grab Thailand

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ หมวดร่างกาย | Vocabulary Body Parts English


Vocabulary Body Parts English 21 คำ กับน้องเป็ดอินดี้
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ หมวดร่างกาย นิทานindysong\r
\r
ติดตามช่อง Indysong Kids https://www.youtube.com/user/indysong\r
แฟนเพจ Facebook Fanpage https://www.facebook.com/IndysongKids

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ หมวดร่างกาย | Vocabulary Body Parts English

SEX VOCABULARY Part 1 | Learn English | คำศัพท์ภาษาอังกฤษเรื่องเพศศึกษา​ ตอนที่​1


SEX VOCABULARY | Learn English |
คำศัพท์ภาษาอังกฤษเรื่องเพศศึกษา

SUBSCRIBE so you don’t miss a thing.
If you’re new to my channel. I post NEW VIDEO about motherhood, beauty\u0026lifestyle, cooking and travelling EVERYDAY.
Follow me :
https://www.facebook.com/warangkanadiary/

For collaborations email me at:
[email protected]

SEX VOCABULARY Part 1 | Learn English | คำศัพท์ภาษาอังกฤษเรื่องเพศศึกษา​ ตอนที่​1

กุ๋งกิ๋ง | นิทานสนุกกับกุ๋งกิ๋ง เรื่อง กุ๋งกิ๋งมีน้อง


นิทาน Animation รายการนิทานสนุกกับกุ๋งกิ๋ง เรื่อง กุ๋งกิ๋งมีน้อง โดย แปลน ฟอร์ คิดส์ เรื่องโดย มนฤดี ทองกลอย ภาพโดย นพดล กำจรไพศาล
หนังสือนิทานเรื่อง กุ๋งกิ๋งมีน้อง https://bit.ly/30MUw0J
สั่งซื้อหนังสือและสื่อเสริมพัฒนาการ ได้ที่ https://www.planforkids.com

ติดตามเฟซบุ๊กของแปลน ฟอร์ คิดส์ ได้ที่ https://www.facebook.com/planforkids

กุ๋งกิ๋ง | นิทานสนุกกับกุ๋งกิ๋ง เรื่อง กุ๋งกิ๋งมีน้อง

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts


คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts
คำศัพท์ร่างกาย ภาษาอังกฤษ ศัพท์อังกฤษ

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ระบุเพศ ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *