เรียน ต่อ แพทย์ ต่าง ประเทศ: คุณกำลังดูกระทู้
สำหรับใครที่อยากเดินทางไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในต่างประเทศสักครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนที่เพิ่งเรียนจบ หรือคนในวัยทำงาน การได้ลองใช้ชีวิตในต่างประเทศนั้น มีข้อดีมากมายที่เราไม่ควรพลาด เช่น การได้ฝึกภาษาไปในตัว มีโอกาสได้ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ช่วยเปิดกว้างในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างออกไปจากเดิม ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเรียนและการทำงานให้กับตนเอง อีกด้วย อ่าน.. ช่องทาง ไปอยู่ต่างประเทศ
Table of Contents
7 ช่องทาง ไปอยู่ต่างประเทศ
เรียนต่อ ทำงาน
จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ต่างก็อยากมีโอกาสไปอยู่ต่างประเทศ และในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็มีโอกาสดี ๆ ที่ทำให้น้อง ๆ ได้มีโอกาสไปสัมผัสการใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมาฝากกันด้วย โดยแบ่งรายละเอียดออกเป็นแต่ละวัย ได้แก่ นักเรียน (ชั้นมัธยม) นิสิต-นักศึกษา และวัยทำงาน อย่ารอช้า!! มาดูกันเลย
นักเรียน (ชั้นมัธยม)
1. โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน
สำหรับน้อง ๆ นักเรียนชั้นมัธยมนั้น ก็มีโปรแกรมฮิตในการเดินทางไปเรียนต่อกันอยู่หลายโครงการกันด้วยกัน เช่น โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน ซึ่งส่วนใหญ่จะรับน้อง ๆ อายุระหว่าง 15-18 ปี และมีเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 2.00 ขึ้นไป ทั้งนี้ข้อกำหนดและรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการด้วย น้อง ๆ จะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่พลาดโอกาสดี ๆ ในการเรียนต่อต่างประเทศกันนะจ๊ะ พร้อมกับมีประเทศให้ได้เลือกไปแลกเปลี่ยนกันมากมาย เช่น ญี่ปุ่น, อเมริกา, ฝรั่งเศส, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น
โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน นอกจากน้อง ๆ ได้เดินทางไปเรียนรู้การเรียนการสอนในต่างประเทศแล้ว น้อง ๆ ยังจะได้เรียนรู้วัฒนธรรม เรียนรู้ภาษา และได้เพื่อนใหม่อีกมากมายด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีโครงการจากหลากหลายเอเจนซี่มาให้น้อง ๆ ได้เลือกกัน เช่น AFS, YFU, EF, MPLC, BWK และ Edudee เป็นต้น หากน้อง ๆ สนใจโครงการไหนก็ไปศึกษารายละเอียดให้ดีและเตรียมตัวกันพร้อมได้เลยค่ะ ลุย!!!
นิสิต-นักศึกษา
น้อง ๆ นิสิต-นักศึกษา เรียกได้ว่ามีหลายช่องทางด้วยกัน ในการเดินทางไปเปิดประสบการณ์ในต่างประเทศ และข้อกำหนดหรือกฏเกณฑ์ก็แตกต่างกันไปตามเอเจนซี่ต่าง ๆ โดยน้อง ๆ จำเป็นที่จะต้องสอบถามข้อมูล ศึกษารายละเอียด และเตรียมตัวให้ดี เช่น
2. Work and Travel
Work and Travel เป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในประเทศต่าง ๆ เช่น อเมริกา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส เป็นต้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เดินทางไปฝึกภาษาในสถานการณ์จริง เรียนรู้ความเป็นอยู่ และฝึกวิชาชึพตามฤดูกาลในช่วงปิดภาคเรียนใหญ่ประมาณ 3-4 เดือน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ซึ่งน้อง ๆ จะได้ฝึกความอดทน ฝึกความเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงวิธีการเอาตัวรอด อีกด้วย
ทั้งนี้งานที่น้อง ๆ จะได้ทดลองทำนั้นมีความหลากหลาย เช่น งานในร้านอาหาร โรงแรรม รีสอร์ต สวนสนุก และขายของที่ระลึก ฯลฯ เอเจนซี่สำหรับโครงการ Work and Travel มีหลายที่ด้วยกัน เช่น ieo, Warantex, American Learning, PST Center, Click Work and Travel เป็นต้น
3. Work and Study
Work and Study เป็นโครงการทำงานและเรียนไปด้วยในต่างประเทศ ซึ่งมีประเทศให้น้อง ๆ ได้เลือกกันอย่างมากมาย เช่น แคนาดา, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย เป็นต้น คอร์สเรียนก็มีให้น้อง ๆ ได้เลือกเรียนเยอะเช่นกัน โดยระยะเวลานั้นก็จะมีตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อด้านอาหาร บริหารธุรกิจ และการจัดการด้านการบริการ ฯลฯ ส่วนงานที่น้อง ๆ สามารถทำไปได้ด้วยนั้น เช่น พนักงานเสิร์ฟ, พนักงานล้างจาน, พนักงานสปา และพนักงานต้อนรับ เป็นต้น เอเจนซี่สำหรับโครงการ Work and Study เช่น ieo, TSAB (Thai Study Abroad Consultant), Advice for you ฯลฯ
4. Work and Holiday
Work and Holiday ในปัจจุบันโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ให้กับเยาวชนไทยเป็นอย่างดี ซึ่งโครงการนี้มีเพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยผู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการจะต้องมีอายุ 18-30 ปี พร้อมด้วยผลคะแนนสอบทางด้านภาษาอังกฤษ เช่น IELTS ไม่ต่ำกว่า 4.5 หรือคะแนน TOEFL ฯลฯ น้อง ๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น www.thaiwahclub.com เป็นต้น
5. ทุนการศึกษาหรือทุนแลกเปลี่ยน
ทุนการศึกษาหรือทุนแลกเปลี่ยน นับว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น้อง ๆ หลายคนเลือกที่จะเดินทางไปด้วยทุนต่าง ๆ เช่น ทุนครึ่งจำนวน, ทุนจำนวนเต็ม, ทุนให้เปล่า, ทุนรัฐบาล และทุนอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ทุน ก.พ. จากรัฐบาลไทย, ทุน EF, ทุน Full Bright จากอเมริกา, ทุน Chevening จากอังกฤษ, ทุน Endeavour Awards จากออสเตรเลีย และทุน DAAD จากเยอรมัน เป็นต้น
วัยทำงาน
สำหรับคนที่เรียนจบแล้ว หรืออยู่ในวัยทำงานที่อยากจะเปิดโอกาสให้กับตนเองได้ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ในต่างประเทศดูบ้าง ก็มีหลายช่องทางด้วยที่จะทำให้เราได้ทำตามความฝันของเรา เช่น
6. โครงการออแพร์ (AuPair)
โครงการออแพร์ (AuPair) เป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับครอบครัวในต่างแดน ที่เราสามารถเลือกไปได้ในหลายประเทศ เช่น เยอรมัน, เนเธอร์แลนด์, เบลเยี่ยม, แคนาดา, อเมริกา, เดนมาร์ก ฯลฯ ซึ่งจะมีโครงการพี่เลี้ยงเด็กในต่างแดนให้เราได้เลือกกันนั่นเอง โดยมีรายได้เป็นรายสัปดาห์ เหมาะสำหรับคนที่อยากจะลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพราะมีรายได้ แถมยังมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวในที่แปลกใหม่ และที่สำคัญเรายังได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ จากคนในท้องถิ่น ได้เรียนรู้ภาษาจากเข้าของภาษาจริง ๆ อีกด้วย น้อง ๆ เข้ามาดูรายละเอียดกันได้เลย www.american-learning.com
7. Work on Cruise
Work on Cruise หรือทำงานบนเรือสำราญ เหมาะสำหรับผู้ที่มีใจรักในงานด้านบริการ มีอายุระหว่าง 21-35 ปี รายได้ค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว แต่เราก็ต้องใช้ความอดทนสูงเหมือนกันในทำงานบนเรือสำราญ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับผู้คนมากมายจากหลายประเทศ หลากหลายวัฒนธรรมจากทั่วโลก รับรองได้เลยว่าเราจะได้ทั้งเรียนรู้ภาษา ได้เพื่อนใหม่ และประสบการณ์ใหม่ ๆ อีกมากมาย
โดยตำแหน่งงานที่เปิดรับนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท สำหรับคนที่สนใจสมัครทำงานบนเรือสำราญจะต้องมีประสบการณ์ด้านการทำงานด้านบริการมาก่อน และในปัจจุบันก็มีโรงเรียน/มหาวิทยาลัยเปิดสอนหลักสูตรสำหรับผู้ที่สนใจโดยเฉพาะ ได้แก่ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยพะเยา, Study Abroad Plus, IEO Study Abroad เป็นต้น ส่วนบริษัทที่เปิดโอกาสให้คนทำงานบนเรือสำราญนั้นก็มีหลายบริษัทด้วยกัน เช่น CTI Bangkok ฯลฯ
ข้อมูลจาก : www.scholarship.in.th, ภัคสรกัญญ์ ทองคำ (iPrice)
บทความที่น่าสนใจ
[Update] | เรียน ต่อ แพทย์ ต่าง ประเทศ – NATAVIGUIDES
ทางเลือกในการเรียนต่อแพทย์ที่ออสเตรเลีย
- หลักสูตรระดับปริญญาตรี เรียนอย่างน้อย 5-6 ปี
- หลักสูตรแพทย์ศาสตร์บัณฑิต (MD)
มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียที่เปิดสอนหลักสูตรแพทย์ศาสตร์รวม 21 แห่งและล้วนที่ได้รับการรับรองโดย Australian Medical Council (AMC) การแพทย์นั้นต้องใช้ความสามารถอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผลการการเรียนที่ดี ระดับความรู้ภาษาอังกฤษที่ดีมาก และมักจะมีการทดสอบทางการแพทย์และการสอบสัมภาษณ์เพิ่มเติมในการเข้าเรียนหลักสูตรนี้
รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนการแพทย์ระดับปริญญาตรี
- Monash University (5 ปี)
- University of Adelaide (6 ปี)
- University of Newcastle (5 ปี)
- University of Tasmania (5 ปี)
- University New South Wales (6 ปี)
- Flinders University (6 ปี)
- James Cook University (6 ปี
นอกจากนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยอีก 3 แห่งที่เปิดสอนหลักสูตรควบ คือ หลักสูตรระดับปริญญาตรี + หลักสูตรปริญญาโท (MD) ซึ่งหลักสูตรระดับปริญญาตรีมักจะเป็น Bachelor of Biomedical Sciences (หรือเทียบเท่า) รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดหลักสูตรควบ มีดังต่อไปนี้
- University of Sydney (7 ปี)
- University of Queensland (7 ปี)
- University of Western Australia (6 ปี)
เกณฑ์ในการรับสมัครเรียนแพทย์ที่ออสเตรเลีย
ขั้นตอนการรับสมัครเรียนแพทย์จะมี 3 ส่วนหลักด้วยกัน โดยทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณาจากผลการเรียน คะแนนสอบแบบมาตรฐาน และผลการสอบสัมภาษณ์ของผู้สมัคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีสัดส่วนเท่ากัน
1. ผลการเรียน (IB/A Level scores)
การสมัครเรียนแพทย์ในออสเตรเลียนั้นมีการแข่งขันกันสูง นักเรียนที่มีคะแนน 37-38 สำหรับ IB หรือ AAB สำหรับ GCE ก็อาจจะยากในการเรียนต่อด้านนี้ โดยทั่วไปแล้วนักเรียนควรมีคะแนน 40+ สำหรับ IB หรือ AAAA สำหรับ GCE A Levels นอกจากนักเรียนจะต้องมีผลคะแนนที่สูงแล้ว ทางมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะมีโควต้าในการรับสมัครนักเรียนต่างชาติด้วย ดังนั้น การที่คุณผ่านเกณฑ์การรับสมัครไม่มีเป็นการันตีว่าคุณจะได้เรียนในหลักสูตรของมหาวิทยาลัยนั้น
2. การทดสอบเพื่อเรียนต่อแพทย์ (ISAT/UCAT)
ISAT – International Student Admissions Test
ISAT เป็นการสอบสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการสมัครเรียนต่อแพทย์ในออสเตรเลีย ตามข้อมูลของเว็บไซต์ ISAT “ISAT เป็นการทดสอบแบบปรนัยทางคอมพิวเตอร์จำนวน 3 ชั่วโมงที่ออกแบบมาเพื่อประเมินทักษะและความสามารถทางปัญญาของผู้สมัครซึ่งเป็นพื้นฐานของการศึกษาในระดับอุดมศึกษา”
ISAT การสอบที่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย และใช้ยื่นสมัครกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแทบทุกแห่งในออสเตรเลียที่เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีสาขาวิชาแพทยศาสตร์ (ยกเว้น University of Newcastle และ University of Adelaide ที่ต้องใช้ PQA และในการสมัครเรียนที่ University of Sydney นักเรียนไม่จำเป็นต้องทำแบบทดสอบ)
- รูปแบบการสอบ – การทดสอบจะมีทั้งหมด 100 คำถาม ซึ่งเป็นการทดสอบเกี่ยวกับการคำนวณคณิตศาสตร์และคำถามเกี่ยวกับการใช้คำพูด โดยนักเรียนมีเวลา 3 ชั่วโมงในการทำแบบทดสอบนี้ และอนุญาตให้นักเรียนหยุดพักได้ระหว่างสอบได้
- วันสอบ – ISAT เปิดให้นักเรียนลงทะเบียนสอบได้ตลอดเวลาทางออนไลน์ ยกเว้นช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม และผลสอบของ ISAT มีอายุใช้ได้ 2 ปี
- ผลคะแนนสอบ – การสอบ ISAT จะมีคะแนนดิบเต็ม 100 และคะแนนที่ถูกแปลงเต็ม 200 คะแนน โดยปกติแล้วนักเรียนที่ได้คะแนนสูงกว่า 180 หรือในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 85 หรือสูงกว่านั้น มีโอกาสถูกคัดเลือกให้สอบสัมภาษณ์ต่อในขั้นถัดไป
UCAT – University Clinical Aptitude Test
เป็นการทดสอบทางคอมพิวเตอร์โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง เป็นการประเมินความสามารถที่ทางมหาวิทยาลัยระบุว่ามีความสำคัญต่อการฝึกปฏิบัติงานในสาขาการแพทย์ / ทันตกรรม / วิทยาศาสตร์การแพทย์
การทดสอบจะแบ่งออกเป็น 5 ชุด แต่ละชุดจะใช้เวลาสอบต่างกันและเป็นคำถามปรนัย เมื่อเริ่มต้นการสอบผู้สอบจะไม่สามารถหยุดพักระหว่างสอบได้
3. การสัมภาษณ์ (กรณีที่ถูกคัดเลือก)
การสัมภาษณ์เรียนต่อแพทย์มี 2 รูปแบบ คือ การสัมภาษณ์แบบพาเนลและการสัมภาษณ์แบบหลายช่องทาง (Multiple Mini Interview: MMI)
การสัมภาษณ์แบบ panel interview เป็นรูปแบบการสัมภาษณ์แบบดั้งเดิม โดยผู้สมัครจะถูกซักถามต่อหน้าผู้สัมภาษณ์ประมาณ 5-6 คน เพื่อประเมินความเข้าใจในแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ ความมุ่งมั่นในการเป็นแพทย์ และค่านิยมส่วนบุคคลของผู้สมัคร
ส่วนการสัมภาษณ์แบบ MMI คือการสัมภาษณ์แบบแบ่งเป็นห้อง ๆ โดยแต่ละห้องจะมีผู้สัมภาษณ์ 1 คนเท่านั้น ในแต่ละห้องนักเรียนจะถูกถาม 1-2 คำถาม และใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีในการตอบก่อนที่จะไปยังห้องถัดไป การสัมภาษณ์ในรูปแบบนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงยังอนุญาตให้นักเรียนเตรียมตัวก่อนที่จะเข้าสู่ session ต่อไปได้
รายชื่อมหาวิทยาลัยออสเตรเลียที่เปิดสอนปริญญาโทหลักสูตรสาขาแพทยศาสตร์
โดยปกติแล้วการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาแพทยศาสตร์จะใช้เวลา 5 ปี และผู้เรียนสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาไหนก็ได้
รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนปริญญาโทหลักสูตรแพทยศาสตร์
- Australian National University (ANU), Group of Eight
- Deakin University
- Griffith University
- Macquarie University
- Monash University, Group of Eight
- The University of Melbourne, Group of Eight
- The University of Queensland, Group of Eight
- The University of Sydney, Group of Eight
- The University of Western Australia, Group of Eight
เนื้อหาของหลักสูตรเหล่านี้ไม่แตกต่างจากระดับปริญญาตรีมากนัก แต่คุณจะเป็นต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเพื่อเรียนต่อปริญญาโทสาขานี้ แม้ว่าผู้เรียนจะไม่จำเป็นต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์ แต่คุณต้องมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่ดีเพื่อผ่านการคัดเลือก Graduate Medical School Admission Test (GAMSAT)
รายชื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำในออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์
อ้างอิงการจัดอันดับมหาวิทยาลัยจาก QS World University Rankings 2021
สนใจเรียนต่อ Medicine ที่ออสเตรเลีย ติดต่อทีมงาน One Education เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย เรายินดีให้บริการครบทุกขั้นตอนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
Add Line: @one-edu
คลิกกรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้พี่ ๆ One Education ติดต่อกลับ
โทรสอบถามสาขาใกล้บ้านคุณ
สาขาชิดลม: 02-652-0718
สาขาปิ่นเกล้า: 02-884-5328
สาขาพระราม 2: 02-896-1445
สาขาสีลม: 02-236-7222
One Education | Study Abroad. Simplified ให้ทุกเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศของคุณเป็นเรื่องง่ายครบในที่เดียว
ตามทันทุกข้อมูลการเรียนต่อ UK & Australia
Facebook: One Education
Instagram: oneeducationthailand
Twitter: One Education
YouTube: One Education
5 ข้อดี ของ การเรียนต่อแพทย์ต่างประเทศ จากประสบการณ์ตรง
เรียนแพทย์ที่จีนเรียนที่จีนเรียนต่อต่างประเทศเรียนแพทย์ต่างประเทศ
ฮัลโหล วันนี้พี่อู๋เอา 5 ข้อดีของการเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศมาฝาก สำหรับน้องๆที่กำลังศึกษา หาข้อมูล การเรียนต่อแพทย์ต่างประเทศน้าาา เอาจริงๆมีน้องๆหลายคนถามเข้ามาเพราะเคยเห็นแต่ข้อเสียของการไปเรียนแพทย์ต่างประเทศ ดังนั้นพี่อู๋เลยยกห้าข้อดีๆที่จะได้รับ ถ้าไปเรียนต่อแพทย์ที่ต่างประเทศ มาดูพร้อมๆกันเลย 🙂
สอบถามข้อมูลหรือปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่
Contact:
Line: Supassara.mutanon
Wechat: lovessupassara
Facebook:
The little doctor
Intexcel: https://www.facebook.com/Intexcelle/
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
Grand Round แบบหมออเมริกา + ความลับแตก! โดนจับได้ว่าเป็นหมอดาราไทย
ติดตามหมอริทได้ที่…
IG: ritz_rueangritz ( https://www.instagram.com/ritz_rueangritz )
YT: MhorRitz ( https://www.youtube.com/c/MhorRitz )
FB: MhorRitz ( https://www.facebook.com/MhorRitz )
Twitter: MhorRitz ( https://twitter.com/MhorRitz )
ติดต่อสนับสนุนช่อง:
0639246591
ID LINE: junejutaa
ลงทุนมัมชวนคุย EP.21: เรียนต่อหมอ ที่ต่างประเทศ ดียังไง กับ St.George’s University
👉“เรียนต่อหมอ ที่ต่างประเทศ ดียังไง?” 🧑🔬
หลายๆคนคงเคยได้ยินมาว่า ถ้าอยากเรียนหมอ 💊 🩺 ควรเรียนที่ประเทศไทย….
แต่การเรียนหมอที่ต่างประเทศนั้นก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน….แล้วจะต่างจากการเรียนในประเทศไทยอย่างไร?
ลงทุนมัมชวนคุยสัปดาห์นี้ จะชวนมาคุยกับ “คุณบี นลินี เจียมวิทยานุกูล” ซึ่งเป็น Recruitment Manager for Southeast Asia ของ St. George’s University มหาวิทยาลัยที่สอนทางด้านคณะ Medicine โดยเฉพาะ ในประเทศเกรเนดา
👩🔬 เราจะมาคุยกันถึง
✅ เรียนแพทย์ที่ต่างประเทศ มีข้อดีอย่างไร?
✅ การเรียนแพทย์ที่อังกฤษ อเมริกาเป็นอย่างไร?
✅ ค่าใช้จ่าย เท่าไหร่?
✅ การเป็นหมอที่ไทย vs ต่างประเทศ ต่างกันอย่างไร?
✅ อยากเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศ ต้องทำอย่างไร
สำหรับใครที่อยากได้ข้อมูลของ St. George’s University เพิ่มเติม ติดต่อคุณบีได้ที่นี่เลยค่ะ
👉 [email protected]
👉 Mobile: 0924665526
👉 Line ID: sguthailand
ถ้าอยากรู้ว่า เส้นทางการเรียนต่อของเด็กอินเตอร์ เป็นอย่างไร ติดตามรับชมได้ที่นี่ค่ะ
👉 https://youtu.be/VmdDtyEkmuU
💗💗💗💗💗💗💗💗
ติดตาม \”ลงทุนมัม\” ได้ที่ช่องทางต่างๆดังนี้
FB: http://www.facebook.com/longtunmom/
Page: https://www.longtunmom.com
Line Official: @longtunmom
เรียนแพทย์ต่างประเทศ เรียนหมอ เรียนต่อต่างประเทศ เรียนมหาวิทยาลัย ลงทุนมัม
เรียนหมอที่ไทยกับที่อเมริกาต่างกันอย่างไร
สามารถเข้าร่วม Membership ได้ตามลิงค์นี้ครับ https://www.youtube.com/channel/UCS1xVkYW134dUJV9NSsu0Dw/join
กลับมาทำงานที่ไทย หลังจบแพทย์ต่างประเทศ การเรียนต่อ ชีวิตการทำงาน เงินเดือน ครบ!!
เรียนแพทย์ที่จีนเรียนที่จีนเรียนต่อต่างประเทศเรียนแพทย์ต่างประเทศแพทย์ที่ไทยชีวิตหมอ
ต้องบอกว่าแขกรับเชิญคนนี้กว่าจะได้ตัวมาสัมภาษณ์รอนานม๊ากกกกก🤣 555 ในที่สุดก็ได้คิวเวลาจากพี่เก่ง นายแพทย์คเชนทร์ โสภณพงษ์ รู้สึกเป็นเกียรติมาก🤗 พี่เก่งเป็นรุ่นพี่ที่พี่อู๋รู้จักที่จบแพทย์ต่างประเทศมาแล้ว และกำลังทำงานเป็นแพทย์ที่ไทยแบบเต็มตัว งานนี้พลาดไม่ได้แล้ว เพราะคลิปนี้เจาะลึกทุกประเด็น การใช้ชีวิต การทำงานเป็นแพทย์ที่ไทย เพื่อนร่วมงานต่างๆ ไปลุ้นพร้อมๆกันว่าการเรียนแพทย์ต่างประเทศแล้วกลับมาทำงานที่ไทยต้องเจออะไรบ้าง!
ติดตามผลงานของพี่เก่งได้ที่
👉https://www.facebook.com/medSalmonn
และสำหรับคนที่สนใจเรียนต่อแพทย์ต่างประเทศ ต้อง Intexcel เท่านั้น😍 ดูแลตั้งแต่เข้าจนเรียนจบ โดยรุ่นพี่ที่เรียนจริง แนะนำได้ตรงจุดครบทุกประเด็น เข้ามาคุยกันก่อนได้นะ รับปรึกษาฟรี‼
👉Line: Supassara.mutanon
👉Wechat: lovessupassara
👉Facebook:
📌The little doctor
📌Intexcel: https://www.facebook.com/Intexcelle/
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ เรียน ต่อ แพทย์ ต่าง ประเทศ