Skip to content
Home » [NEW] ไปอยู่ต่างประเทศ 7 ช่องทาง ที่จะทำให้เรามีโอกาส อยู่อาศัย เรียนต่อและทำงาน | เรียน ต่อ แพทย์ ต่าง ประเทศ – NATAVIGUIDES

[NEW] ไปอยู่ต่างประเทศ 7 ช่องทาง ที่จะทำให้เรามีโอกาส อยู่อาศัย เรียนต่อและทำงาน | เรียน ต่อ แพทย์ ต่าง ประเทศ – NATAVIGUIDES

เรียน ต่อ แพทย์ ต่าง ประเทศ: คุณกำลังดูกระทู้

สำหรับใครที่อยากเดินทางไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในต่างประเทศสักครั้งหนึ่งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา คนที่เพิ่งเรียนจบ หรือคนในวัยทำงาน การได้ลองใช้ชีวิตในต่างประเทศนั้น มีข้อดีมากมายที่เราไม่ควรพลาด เช่น การได้ฝึกภาษาไปในตัว มีโอกาสได้ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ช่วยเปิดกว้างในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างออกไปจากเดิม ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเรียนและการทำงานให้กับตนเอง อีกด้วย อ่าน.. ช่องทาง ไปอยู่ต่างประเทศ

Table of Contents

7 ช่องทาง ไปอยู่ต่างประเทศ

เรียนต่อ ทำงาน

จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใคร ๆ ต่างก็อยากมีโอกาสไปอยู่ต่างประเทศ และในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็มีโอกาสดี ๆ ที่ทำให้น้อง ๆ ได้มีโอกาสไปสัมผัสการใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมาฝากกันด้วย โดยแบ่งรายละเอียดออกเป็นแต่ละวัย ได้แก่ นักเรียน (ชั้นมัธยม) นิสิต-นักศึกษา และวัยทำงาน อย่ารอช้า!! มาดูกันเลย

ไปอยู่ต่างประเทศ

นักเรียน (ชั้นมัธยม)

1. โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน

สำหรับน้อง ๆ นักเรียนชั้นมัธยมนั้น ก็มีโปรแกรมฮิตในการเดินทางไปเรียนต่อกันอยู่หลายโครงการกันด้วยกัน เช่น โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน ซึ่งส่วนใหญ่จะรับน้อง ๆ อายุระหว่าง 15-18 ปี และมีเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 2.00 ขึ้นไป ทั้งนี้ข้อกำหนดและรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการด้วย น้อง ๆ จะต้องศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่พลาดโอกาสดี ๆ ในการเรียนต่อต่างประเทศกันนะจ๊ะ พร้อมกับมีประเทศให้ได้เลือกไปแลกเปลี่ยนกันมากมาย เช่น ญี่ปุ่น, อเมริกา, ฝรั่งเศส, แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น

โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน นอกจากน้อง ๆ ได้เดินทางไปเรียนรู้การเรียนการสอนในต่างประเทศแล้ว น้อง ๆ ยังจะได้เรียนรู้วัฒนธรรม เรียนรู้ภาษา และได้เพื่อนใหม่อีกมากมายด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีโครงการจากหลากหลายเอเจนซี่มาให้น้อง ๆ ได้เลือกกัน เช่น AFS, YFU, EF, MPLC, BWK และ Edudee เป็นต้น หากน้อง ๆ สนใจโครงการไหนก็ไปศึกษารายละเอียดให้ดีและเตรียมตัวกันพร้อมได้เลยค่ะ ลุย!!!

นิสิต-นักศึกษา

น้อง ๆ นิสิต-นักศึกษา เรียกได้ว่ามีหลายช่องทางด้วยกัน ในการเดินทางไปเปิดประสบการณ์ในต่างประเทศ และข้อกำหนดหรือกฏเกณฑ์ก็แตกต่างกันไปตามเอเจนซี่ต่าง ๆ โดยน้อง ๆ จำเป็นที่จะต้องสอบถามข้อมูล ศึกษารายละเอียด และเตรียมตัวให้ดี เช่น

2. Work and Travel

Work and Travel เป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในประเทศต่าง ๆ เช่น อเมริกา สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส เป็นต้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เดินทางไปฝึกภาษาในสถานการณ์จริง เรียนรู้ความเป็นอยู่ และฝึกวิชาชึพตามฤดูกาลในช่วงปิดภาคเรียนใหญ่ประมาณ 3-4 เดือน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ซึ่งน้อง ๆ จะได้ฝึกความอดทน ฝึกความเป็นผู้ใหญ่ รวมถึงวิธีการเอาตัวรอด อีกด้วย

ทั้งนี้งานที่น้อง ๆ จะได้ทดลองทำนั้นมีความหลากหลาย เช่น งานในร้านอาหาร โรงแรรม รีสอร์ต สวนสนุก และขายของที่ระลึก ฯลฯ เอเจนซี่สำหรับโครงการ Work and Travel มีหลายที่ด้วยกัน เช่น ieo, Warantex, American Learning, PST Center, Click Work and Travel เป็นต้น

7 ช่องทาง ที่จะทำให้เรามีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ

3. Work and Study

Work and Study เป็นโครงการทำงานและเรียนไปด้วยในต่างประเทศ ซึ่งมีประเทศให้น้อง ๆ ได้เลือกกันอย่างมากมาย เช่น แคนาดา, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย เป็นต้น คอร์สเรียนก็มีให้น้อง ๆ ได้เลือกเรียนเยอะเช่นกัน โดยระยะเวลานั้นก็จะมีตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อด้านอาหาร บริหารธุรกิจ และการจัดการด้านการบริการ ฯลฯ ส่วนงานที่น้อง ๆ สามารถทำไปได้ด้วยนั้น เช่น พนักงานเสิร์ฟ, พนักงานล้างจาน, พนักงานสปา และพนักงานต้อนรับ เป็นต้น เอเจนซี่สำหรับโครงการ Work and Study เช่น ieo, TSAB (Thai Study Abroad Consultant), Advice for you ฯลฯ

4. Work and Holiday

Work and Holiday ในปัจจุบันโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ให้กับเยาวชนไทยเป็นอย่างดี ซึ่งโครงการนี้มีเพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยผู้ที่สมัครเข้าร่วมโครงการจะต้องมีอายุ 18-30 ปี พร้อมด้วยผลคะแนนสอบทางด้านภาษาอังกฤษ เช่น IELTS ไม่ต่ำกว่า 4.5 หรือคะแนน TOEFL ฯลฯ น้อง ๆ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น www.thaiwahclub.com เป็นต้น

5. ทุนการศึกษาหรือทุนแลกเปลี่ยน

ทุนการศึกษาหรือทุนแลกเปลี่ยน นับว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น้อง ๆ หลายคนเลือกที่จะเดินทางไปด้วยทุนต่าง ๆ เช่น ทุนครึ่งจำนวน, ทุนจำนวนเต็ม, ทุนให้เปล่า, ทุนรัฐบาล และทุนอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ทุน ก.พ. จากรัฐบาลไทย, ทุน EF, ทุน Full Bright จากอเมริกา, ทุน Chevening จากอังกฤษ, ทุน Endeavour Awards จากออสเตรเลีย และทุน DAAD จากเยอรมัน เป็นต้น

7 ช่องทาง ที่จะทำให้เรามีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ

วัยทำงาน

สำหรับคนที่เรียนจบแล้ว หรืออยู่ในวัยทำงานที่อยากจะเปิดโอกาสให้กับตนเองได้ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ในต่างประเทศดูบ้าง ก็มีหลายช่องทางด้วยที่จะทำให้เราได้ทำตามความฝันของเรา เช่น

6. โครงการออแพร์ (AuPair)

โครงการออแพร์ (AuPair) เป็นโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับครอบครัวในต่างแดน ที่เราสามารถเลือกไปได้ในหลายประเทศ เช่น เยอรมัน, เนเธอร์แลนด์, เบลเยี่ยม, แคนาดา, อเมริกา, เดนมาร์ก ฯลฯ ซึ่งจะมีโครงการพี่เลี้ยงเด็กในต่างแดนให้เราได้เลือกกันนั่นเอง โดยมีรายได้เป็นรายสัปดาห์ เหมาะสำหรับคนที่อยากจะลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ เพราะมีรายได้ แถมยังมีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวในที่แปลกใหม่ และที่สำคัญเรายังได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ จากคนในท้องถิ่น ได้เรียนรู้ภาษาจากเข้าของภาษาจริง ๆ อีกด้วย น้อง ๆ เข้ามาดูรายละเอียดกันได้เลย www.american-learning.com

7. Work on Cruise

Work on Cruise หรือทำงานบนเรือสำราญ เหมาะสำหรับผู้ที่มีใจรักในงานด้านบริการ มีอายุระหว่าง 21-35 ปี รายได้ค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว แต่เราก็ต้องใช้ความอดทนสูงเหมือนกันในทำงานบนเรือสำราญ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับผู้คนมากมายจากหลายประเทศ หลากหลายวัฒนธรรมจากทั่วโลก รับรองได้เลยว่าเราจะได้ทั้งเรียนรู้ภาษา ได้เพื่อนใหม่ และประสบการณ์ใหม่ ๆ อีกมากมาย

โดยตำแหน่งงานที่เปิดรับนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท สำหรับคนที่สนใจสมัครทำงานบนเรือสำราญจะต้องมีประสบการณ์ด้านการทำงานด้านบริการมาก่อน และในปัจจุบันก็มีโรงเรียน/มหาวิทยาลัยเปิดสอนหลักสูตรสำหรับผู้ที่สนใจโดยเฉพาะ ได้แก่ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยพะเยา, Study Abroad Plus, IEO Study Abroad เป็นต้น ส่วนบริษัทที่เปิดโอกาสให้คนทำงานบนเรือสำราญนั้นก็มีหลายบริษัทด้วยกัน เช่น CTI Bangkok ฯลฯ

ข้อมูลจาก : www.scholarship.in.th, ภัคสรกัญญ์ ทองคำ (iPrice)

บทความที่น่าสนใจ

[Update] | เรียน ต่อ แพทย์ ต่าง ประเทศ – NATAVIGUIDES

ทางเลือกในการเรียนต่อแพทย์ที่ออสเตรเลีย

  • หลักสูตรระดับปริญญาตรี เรียนอย่างน้อย 5-6 ปี
  • หลักสูตรแพทย์ศาสตร์บัณฑิต (MD)

มหาวิทยาลัยในออสเตรเลียที่เปิดสอนหลักสูตรแพทย์ศาสตร์รวม 21 แห่งและล้วนที่ได้รับการรับรองโดย Australian Medical Council (AMC) การแพทย์นั้นต้องใช้ความสามารถอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นผลการการเรียนที่ดี ระดับความรู้ภาษาอังกฤษที่ดีมาก และมักจะมีการทดสอบทางการแพทย์และการสอบสัมภาษณ์เพิ่มเติมในการเข้าเรียนหลักสูตรนี้

รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนการแพทย์ระดับปริญญาตรี

  • Monash University (5 ปี)
  • University of Adelaide (6 ปี)
  • University of Newcastle (5 ปี)
  • University of Tasmania (5 ปี)
  • University New South Wales (6 ปี)
  • Flinders University (6 ปี)
  • James Cook University (6 ปี

นอกจากนี้ ยังมีมหาวิทยาลัยอีก 3 แห่งที่เปิดสอนหลักสูตรควบ คือ หลักสูตรระดับปริญญาตรี + หลักสูตรปริญญาโท (MD) ซึ่งหลักสูตรระดับปริญญาตรีมักจะเป็น Bachelor of Biomedical Sciences (หรือเทียบเท่า) รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดหลักสูตรควบ มีดังต่อไปนี้

  • University of Sydney (7 ปี)
  • University of Queensland (7 ปี)
  • University of Western Australia (6 ปี)

เกณฑ์ในการรับสมัครเรียนแพทย์ที่ออสเตรเลีย

ขั้นตอนการรับสมัครเรียนแพทย์จะมี 3 ส่วนหลักด้วยกัน โดยทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณาจากผลการเรียน คะแนนสอบแบบมาตรฐาน และผลการสอบสัมภาษณ์ของผู้สมัคร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมีสัดส่วนเท่ากัน

1. ผลการเรียน (IB/A Level scores)

การสมัครเรียนแพทย์ในออสเตรเลียนั้นมีการแข่งขันกันสูง นักเรียนที่มีคะแนน 37-38 สำหรับ IB หรือ AAB สำหรับ GCE ก็อาจจะยากในการเรียนต่อด้านนี้ โดยทั่วไปแล้วนักเรียนควรมีคะแนน 40+ สำหรับ IB หรือ AAAA สำหรับ GCE A Levels นอกจากนักเรียนจะต้องมีผลคะแนนที่สูงแล้ว ทางมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะมีโควต้าในการรับสมัครนักเรียนต่างชาติด้วย ดังนั้น การที่คุณผ่านเกณฑ์การรับสมัครไม่มีเป็นการันตีว่าคุณจะได้เรียนในหลักสูตรของมหาวิทยาลัยนั้น

2. การทดสอบเพื่อเรียนต่อแพทย์ (ISAT/UCAT)
ISAT – International Student Admissions Test
ISAT เป็นการสอบสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการสมัครเรียนต่อแพทย์ในออสเตรเลีย ตามข้อมูลของเว็บไซต์ ISAT “ISAT เป็นการทดสอบแบบปรนัยทางคอมพิวเตอร์จำนวน 3 ชั่วโมงที่ออกแบบมาเพื่อประเมินทักษะและความสามารถทางปัญญาของผู้สมัครซึ่งเป็นพื้นฐานของการศึกษาในระดับอุดมศึกษา”

ISAT การสอบที่ได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย และใช้ยื่นสมัครกับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแทบทุกแห่งในออสเตรเลียที่เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีสาขาวิชาแพทยศาสตร์ (ยกเว้น University of Newcastle และ University of Adelaide ที่ต้องใช้ PQA และในการสมัครเรียนที่ University of Sydney นักเรียนไม่จำเป็นต้องทำแบบทดสอบ)

  • รูปแบบการสอบ – การทดสอบจะมีทั้งหมด 100 คำถาม ซึ่งเป็นการทดสอบเกี่ยวกับการคำนวณคณิตศาสตร์และคำถามเกี่ยวกับการใช้คำพูด โดยนักเรียนมีเวลา 3 ชั่วโมงในการทำแบบทดสอบนี้ และอนุญาตให้นักเรียนหยุดพักได้ระหว่างสอบได้
  • วันสอบ – ISAT เปิดให้นักเรียนลงทะเบียนสอบได้ตลอดเวลาทางออนไลน์ ยกเว้นช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ถึงต้นเดือนมีนาคม และผลสอบของ ISAT มีอายุใช้ได้ 2 ปี 
  • ผลคะแนนสอบ – การสอบ ISAT จะมีคะแนนดิบเต็ม 100 และคะแนนที่ถูกแปลงเต็ม 200 คะแนน โดยปกติแล้วนักเรียนที่ได้คะแนนสูงกว่า 180 หรือในเปอร์เซ็นไทล์ที่ 85 หรือสูงกว่านั้น มีโอกาสถูกคัดเลือกให้สอบสัมภาษณ์ต่อในขั้นถัดไป

UCAT – University Clinical Aptitude Test
เป็นการทดสอบทางคอมพิวเตอร์โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง เป็นการประเมินความสามารถที่ทางมหาวิทยาลัยระบุว่ามีความสำคัญต่อการฝึกปฏิบัติงานในสาขาการแพทย์ / ทันตกรรม / วิทยาศาสตร์การแพทย์

การทดสอบจะแบ่งออกเป็น 5 ชุด แต่ละชุดจะใช้เวลาสอบต่างกันและเป็นคำถามปรนัย เมื่อเริ่มต้นการสอบผู้สอบจะไม่สามารถหยุดพักระหว่างสอบได้

3. การสัมภาษณ์ (กรณีที่ถูกคัดเลือก)
การสัมภาษณ์เรียนต่อแพทย์มี 2 รูปแบบ คือ การสัมภาษณ์แบบพาเนลและการสัมภาษณ์แบบหลายช่องทาง (Multiple Mini Interview: MMI)

การสัมภาษณ์แบบ panel interview เป็นรูปแบบการสัมภาษณ์แบบดั้งเดิม โดยผู้สมัครจะถูกซักถามต่อหน้าผู้สัมภาษณ์ประมาณ 5-6 คน เพื่อประเมินความเข้าใจในแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ ความมุ่งมั่นในการเป็นแพทย์ และค่านิยมส่วนบุคคลของผู้สมัคร

ส่วนการสัมภาษณ์แบบ MMI คือการสัมภาษณ์แบบแบ่งเป็นห้อง ๆ โดยแต่ละห้องจะมีผู้สัมภาษณ์ 1 คนเท่านั้น ในแต่ละห้องนักเรียนจะถูกถาม 1-2 คำถาม และใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีในการตอบก่อนที่จะไปยังห้องถัดไป การสัมภาษณ์ในรูปแบบนี้ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงยังอนุญาตให้นักเรียนเตรียมตัวก่อนที่จะเข้าสู่ session ต่อไปได้

รายชื่อมหาวิทยาลัยออสเตรเลียที่เปิดสอนปริญญาโทหลักสูตรสาขาแพทยศาสตร์

โดยปกติแล้วการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาแพทยศาสตร์จะใช้เวลา 5 ปี และผู้เรียนสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาไหนก็ได้ 

เรียนต่อแพทย์

รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนปริญญาโทหลักสูตรแพทยศาสตร์

  • Australian National University (ANU), Group of Eight
  • Deakin University
  • Griffith University
  • Macquarie University
  • Monash University, Group of Eight
  • The University of Melbourne, Group of Eight
  • The University of Queensland, Group of Eight
  • The University of Sydney, Group of Eight
  • The University of Western Australia, Group of Eight

เนื้อหาของหลักสูตรเหล่านี้ไม่แตกต่างจากระดับปริญญาตรีมากนัก แต่คุณจะเป็นต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเพื่อเรียนต่อปริญญาโทสาขานี้ แม้ว่าผู้เรียนจะไม่จำเป็นต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์ แต่คุณต้องมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่ดีเพื่อผ่านการคัดเลือก Graduate Medical School Admission Test (GAMSAT)

รายชื่อมหาวิทยาลัยชั้นนำในออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์

อ้างอิงการจัดอันดับมหาวิทยาลัยจาก QS World University Rankings 2021

สนใจเรียนต่อ Medicine ที่ออสเตรเลีย ติดต่อทีมงาน One Education เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย เรายินดีให้บริการครบทุกขั้นตอนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
Add Line: @one-edu
คลิกกรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้พี่ ๆ One Education ติดต่อกลับ

โทรสอบถามสาขาใกล้บ้านคุณ
สาขาชิดลม: 02-652-0718
สาขาปิ่นเกล้า: 02-884-5328
สาขาพระราม 2: 02-896-1445
สาขาสีลม: 02-236-7222

One Education | Study Abroad. Simplified ให้ทุกเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศของคุณเป็นเรื่องง่ายครบในที่เดียว

ตามทันทุกข้อมูลการเรียนต่อ UK & Australia

Facebook: One Education
Instagram: oneeducationthailand
Twitter: One Education
YouTube: One Education


5 ข้อดี ของ การเรียนต่อแพทย์ต่างประเทศ จากประสบการณ์ตรง


เรียนแพทย์ที่จีนเรียนที่จีนเรียนต่อต่างประเทศเรียนแพทย์ต่างประเทศ
ฮัลโหล วันนี้พี่อู๋เอา 5 ข้อดีของการเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศมาฝาก สำหรับน้องๆที่กำลังศึกษา หาข้อมูล การเรียนต่อแพทย์ต่างประเทศน้าาา เอาจริงๆมีน้องๆหลายคนถามเข้ามาเพราะเคยเห็นแต่ข้อเสียของการไปเรียนแพทย์ต่างประเทศ ดังนั้นพี่อู๋เลยยกห้าข้อดีๆที่จะได้รับ ถ้าไปเรียนต่อแพทย์ที่ต่างประเทศ มาดูพร้อมๆกันเลย 🙂
สอบถามข้อมูลหรือปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่
Contact:
Line: Supassara.mutanon
Wechat: lovessupassara
Facebook:
The little doctor
Intexcel: https://www.facebook.com/Intexcelle/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

5 ข้อดี ของ การเรียนต่อแพทย์ต่างประเทศ จากประสบการณ์ตรง

Grand Round แบบหมออเมริกา + ความลับแตก! โดนจับได้ว่าเป็นหมอดาราไทย


ติดตามหมอริทได้ที่…
IG: ritz_rueangritz ( https://www.instagram.com/ritz_rueangritz )
YT: MhorRitz ( https://www.youtube.com/c/MhorRitz )
FB: MhorRitz ( https://www.facebook.com/MhorRitz )
Twitter: MhorRitz ( https://twitter.com/MhorRitz )
ติดต่อสนับสนุนช่อง:
0639246591
ID LINE: junejutaa

Grand Round แบบหมออเมริกา + ความลับแตก! โดนจับได้ว่าเป็นหมอดาราไทย

ลงทุนมัมชวนคุย EP.21: เรียนต่อหมอ ที่ต่างประเทศ ดียังไง กับ St.George’s University


👉“เรียนต่อหมอ ที่ต่างประเทศ ดียังไง?” 🧑‍🔬
หลายๆคนคงเคยได้ยินมาว่า ถ้าอยากเรียนหมอ 💊 🩺 ควรเรียนที่ประเทศไทย….
แต่การเรียนหมอที่ต่างประเทศนั้นก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน….แล้วจะต่างจากการเรียนในประเทศไทยอย่างไร?
ลงทุนมัมชวนคุยสัปดาห์นี้ จะชวนมาคุยกับ “คุณบี นลินี เจียมวิทยานุกูล” ซึ่งเป็น Recruitment Manager for Southeast Asia ของ St. George’s University มหาวิทยาลัยที่สอนทางด้านคณะ Medicine โดยเฉพาะ ในประเทศ​เกรเนดา
👩‍🔬 เราจะมาคุยกันถึง
✅ เรียนแพทย์ที่ต่างประเทศ มีข้อดีอย่างไร?
✅ การเรียนแพทย์ที่อังกฤษ อเมริกาเป็นอย่างไร?
✅ ค่าใช้จ่าย เท่าไหร่?
✅ การเป็นหมอที่ไทย vs ต่างประเทศ ต่างกันอย่างไร?
✅ อยากเรียนแพทย์ที่ต่างประเทศ ต้องทำอย่างไร
สำหรับใครที่อยากได้ข้อมูลของ St. George’s University เพิ่มเติม ติดต่อคุณบีได้ที่นี่เลยค่ะ
👉 [email protected]
👉 Mobile: 0924665526
👉 Line ID: sguthailand
ถ้าอยากรู้ว่า เส้นทางการเรียนต่อของเด็กอินเตอร์ เป็นอย่างไร ติดตามรับชมได้ที่นี่ค่ะ
👉 https://youtu.be/VmdDtyEkmuU​
💗💗💗💗💗💗💗💗
ติดตาม \”ลงทุนมัม\” ได้ที่ช่องทางต่างๆดังนี้
FB: http://www.facebook.com/longtunmom/​
Page: https://www.longtunmom.com​
Line Official: @longtunmom

เรียนแพทย์ต่างประเทศ เรียนหมอ เรียนต่อต่างประเทศ เรียนมหาวิทยาลัย ลงทุนมัม

ลงทุนมัมชวนคุย EP.21: เรียนต่อหมอ ที่ต่างประเทศ ดียังไง กับ St.George's University

เรียนหมอที่ไทยกับที่อเมริกาต่างกันอย่างไร


สามารถเข้าร่วม Membership ได้ตามลิงค์นี้ครับ https://www.youtube.com/channel/UCS1xVkYW134dUJV9NSsu0Dw/join

เรียนหมอที่ไทยกับที่อเมริกาต่างกันอย่างไร

กลับมาทำงานที่ไทย หลังจบแพทย์ต่างประเทศ การเรียนต่อ ชีวิตการทำงาน เงินเดือน ครบ!!


เรียนแพทย์ที่จีนเรียนที่จีนเรียนต่อต่างประเทศเรียนแพทย์ต่างประเทศแพทย์ที่ไทยชีวิตหมอ
ต้องบอกว่าแขกรับเชิญคนนี้กว่าจะได้ตัวมาสัมภาษณ์รอนานม๊ากกกกก🤣 555 ในที่สุดก็ได้คิวเวลาจากพี่เก่ง นายแพทย์คเชนทร์ โสภณพงษ์ รู้สึกเป็นเกียรติมาก🤗 พี่เก่งเป็นรุ่นพี่ที่พี่อู๋รู้จักที่จบแพทย์ต่างประเทศมาแล้ว และกำลังทำงานเป็นแพทย์ที่ไทยแบบเต็มตัว งานนี้พลาดไม่ได้แล้ว เพราะคลิปนี้เจาะลึกทุกประเด็น การใช้ชีวิต การทำงานเป็นแพทย์ที่ไทย เพื่อนร่วมงานต่างๆ ไปลุ้นพร้อมๆกันว่าการเรียนแพทย์ต่างประเทศแล้วกลับมาทำงานที่ไทยต้องเจออะไรบ้าง!
ติดตามผลงานของพี่เก่งได้ที่
👉https://www.facebook.com/medSalmonn
และสำหรับคนที่สนใจเรียนต่อแพทย์ต่างประเทศ ต้อง Intexcel เท่านั้น😍 ดูแลตั้งแต่เข้าจนเรียนจบ โดยรุ่นพี่ที่เรียนจริง แนะนำได้ตรงจุดครบทุกประเด็น เข้ามาคุยกันก่อนได้นะ รับปรึกษาฟรี‼
👉Line: Supassara.mutanon
👉Wechat: lovessupassara
👉Facebook:
📌The little doctor
📌Intexcel: https://www.facebook.com/Intexcelle/

กลับมาทำงานที่ไทย หลังจบแพทย์ต่างประเทศ การเรียนต่อ ชีวิตการทำงาน เงินเดือน ครบ!!

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ เรียน ต่อ แพทย์ ต่าง ประเทศ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *