Skip to content
Home » [NEW] | เหตุ และ ผล ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] | เหตุ และ ผล ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

เหตุ และ ผล ภาษา อังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

อาหารไทย ผลไม้ไทย และขนมไทย มีความอร่อย และหลากหลายน่ารับประทาน เป็นที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ วันนี้เรามีประโยคสนทนาภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับการสอบถามถึงความชอบ หรืออยากจะลองกินดูบ้างหรือเปล่า เป็นประโยคภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ ที่เพื่อน ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

อยากกินมั้ย ภาษาอังกฤษ

Thai Fruit and Desserts
ไท้ ฟรุ้ท แอ่นด์ ดิเซิ้ร์ทส์
ผลไม้และขนมไทย
A. CONVERSATION (บทสนทนา)
A: Would you care for some fruit and desserts after dinner?
วูล์ด ยู แค้ร์ ฟอร์ ซัม ฟรุ้ท แอ่นด์ ดิเซิ้ร์ทส์-อั้ฟเทอร์ ดินเหนอร์?
คุณสนใจผลไม้และขนมหลังอาหารบ้างไหมครับ?
B: No, thank you. They’re not for me. I’d like to go on with my beer. Thai beer is very good indeed.
โน้, แธ้งคิว. เดย์เออร์ น้อท ฟอร์ มี้. ไอด์ ไล้ค์ ถุ โก๊ ออน วิธ มาย เบี๊ยร์. ไท้ เบียร์ อิซ ฟ์เว้รี กู๊ด อินดี๊ด
ไม่ ขอบคุณมาก สำหรับผมไม่ ผมจะดื่มเบียร์ต่อ เบียร์ไทย อร่อยจริงๆ
A: Are you sure you won’t try some? Don’t you care for Thai fruit? Could you eat some that goes along well with your beer?
อาร์ ยู ชั้วร์ ยู โว้นท์ ทร้าย สัม? โด๊นท์ ยู แค้ร์ ฟอร์ ไท้ ฝรุท? คูล์ด ยู อีท ซั้ม แดท โก๊ซ์ อะลอง เว้ล วิธ ยัวร์ เบี้ยร์?
คุณแน่ใจหรือว่าจะไม่ลองบ้าง? คุณไม่สนใจผลไม้ไทยหรือ? คุณกินที่มันไปกับเบียร์บ้างได้ไหม?
B: Do you think so? What kind of fruit is it?
ดู ยู ธิ้ง โส? ว้อท ไค้น์ด์-ออฟ ฟรุ้ท อี๊ซ อิท?
คุณคิดอย่างนั้นหรือ? ผลไม้ชนิดไหนล่ะ?
A: Normally, there’s a variety of fruit during this season. We can have a plate of mixed fruit like papaya, pineapple and water melon.
น้อร์มอลลี, แดร์ซ์ อะ ฟ์วะไร้เอะที อ่อฟ ฟรุ้ท ดิ๊วริง ดิซ ซี้ซัน. วี แคน แฮ้ฟว์ อะ เพล้ท อ่อฟ มิกซ์ด์ ฟรุ้ท ไล้ค ผะพ้าหยา ไพ้น์แนพเพิล แอ่นด์ ว้อเทอร์เม้ลอน
ตามปกติมีผลไม้หลายชนิดระหว่างฤดูนี้ เราอาจขอผลไม้รวมสักจาน เช่น มะละกอ สับปะรด และแตงโม
B: And would you please order another bottle of beer? Look! What are the spiny fruits near the cashier counter?
แอนด์ วูล์ด ยู พลี้ซ อ๊อเดอร์ อะนั้ธเธอร์ บ๊อทเทิล อ่อฟ เบี๋ยร์? ลุ้ค! ว้อท อะร์ เดอะ สไป๊นี ฟรุ้ทส์ เนียร์ เดอะ แค้ชเชียร์ เค้าน์เทอร์?
และคุณกรุณาสั่งเบียร์อีกขวดได้ไหมครับ? ดูนั้นซิ ผลไม้เป็นหนามใกล้เค้าน์เตอร์เก็บเงินนั้นคืออะไร?
A: Those are durians. They’re of the most expensive kind of fruit in Thailand. One durian may cost over a hundred baht.
โด๊ซ-อาร์ ดู๊เรียนซ์. เดย์เออร์ อ่อฟ เดอะ โม้ซท์ เอกซ์- เพ้นสิฟว์ ไค้น์ด์ อ่อฟ ฟรุ้ท อิน ไท้แลนด์. วัน ดู๊เรียน เมย์ ค้อช-โอ๊ฟ์เวอร์ อะ ฮั้นด์เรด บ๊าท
เหล่านั้นคือทุเรียน มันเป็นผลไม้ชนิดที่แพงที่สุดในประเทศ ไทย ทุเรียนผลหนึ่งอาจมีราคามากกว่าหนึ่งร้อยบาท
B: It smells so awful. I can’t bear this smell. I don’t like it at all.
อิท สเม้ลซ์ โซ อ๊อฟุล. ไอ ค้านท์ แบ้ร์ ดิ๊ซ สเม้ล. ไอ โด๊นท์ ไล้ค์ อิท แอท-อ๊อล
มันมีกลิ่นแย่เหลือเกิน ผมทนกลิ่นนี้ไม่ได้ ผมไม่ชอบมันเลย
A: But if you taste the meat, you will like it.
บัท อิฟ ยู เท้สท์ เดอะ มี้ท, ยู วิล ไล้ค์-อิท
แต่ถ้าคุณชิมเนื้อ คุณจะชอบมัน
B: And what is beside durians? It’s a kind of spiny fruit too.
แอ่นด์ ว้อท อิซ บีไซ้ด์ ดู๊เรียนซ์? อิทส์ อะ ไคน์ด์ ออฟ สไป๊นี ฟรุ้ท ทู้
และอะไรอยู่ข้างทุเรียน มันเป็นผลไม้มีหนามเหมือนกัน
A: That’s jackfruit. I don’t think you’ve ever tried it before. The yellow meat inside is very sweet and delicious.
แดทส์ แจ๊คฟรุท. ไอ โด๊นท์ ธิ้งค์ ยูฟว์ เอ๊ฟเวอร์ ไทรด์ อิท บีฟ้อร์ เดอะ เย้ลโล มี้ท อิ๊นไซด์ อิซ ฟ์เว้รี สวี้ท แอ่นด์ ดิลี้ชเชียซ
นั้นคือขนุน ผมไม่คิดว่าคุณเคยลองมาก่อน เนื้อสีเหลืองข้างในหวานและอร่อยมาก
B: Let’s try something else, but not durian. Maybe a few pieces of jackfruit too. I’d like to try it.
เล้ทส์ ทร้าย ซั้มธิง เอ๊ลซ์, บัท น้อท ดู๊เรียน. เม้บี อะ ฟิ้ว พี้ซเซซ อ่อฟ แจ๊คฟรุท ทู้. ไอด์ ไล้ค์ ทู ทราย อิท
ขอสั่งอย่างอื่นเถอะ แต่ไม่ไข่ทุเรียน อาจเป็นขนุนสักส์ห้าชิ้นด้วย ผมอยากจะขอลองดู
B: VOCABULARY (คำศัพท์)
fruit (n)    ฟรุ้ท    ผลไม้
desserts (n)    ดิเซิร์ทส์    ของหวาน
care for (v)    แค้ร์ ฟอร์    สนใจ
go on (v)    โก๊ ออน    ทำต่อไป ดำเนินต่อไป
indeed (adv) อินดี๊ด    จริงๆ
go along with (v) โก๊ อะล้อง วิธ เข้ากันได้กับ, ไปกันได้กับ
What kind of…? ว้อท ไคน์ด์ อ่อฟ    ชนิดไหน…?
normally (adv) น้อร์มอลลี    ตามปกติ
a variety of (adj) อะ ฟ์วะไร้เอะที ออฟ     หลายชนิด, นานาชนิด
plate (n) เพล้ท    จาน
mixed (adj) มิกซ์ด์    ปนกัน, ผสมกัน
papaya (n) ผะพ้ายา    มะละกอ
pineapple (n) ไพ้น์แอพเพิล    สับปะรด
water melon (n) ว้อเทอร์ เม้ลอน     แตงโม
counter (n) เค้าน์เทอร์ เค้าน์เตอร์, โต๊ะเก็บเงิน
cashier (n) แค้ชเชียร์    คนเก็บเงิน
spiny (adj) สไป๊นิ    มีหนาม, เป็นหนาม
durian (n) ดู๊เรียน    ทุเรียน
jackfruit (n) แจ๊คฟรุท    ขนุน
expensive (adj) เอกเพ้นสิฟ    แพง
over (adv) โอ๊ฟ์เวอร์    เกิน, เลย, มากกว่า
kind (n) ไคน์ด์    ชนิด
awful (adj) อ๊อฟุล    แย่, ไม่ดี
can’t bear (v)    ค้านท์ แบ๊ร์     ทนไม่ได้ ทนไม่ไหว
beside (prep)    บีไซ้ด์    ข้าง ข้างๆ
sweet (adj)    สวี้ท    หวาน
delicious (adj)    ดิลี้ชเชียซ    อร่อย มีรสดี
order (v)    อ๊อเดอร์    สั่ง
else (pron)    เอ๊ลซ์    อย่างอื่น
try (v)    ทร้าย     ลอง
C. EXPRESSIONS TO REMEMBER (ประโยคที่ควรจำ)
1. Would you care for some fruit and desserts?
วูล์ด ยู แค้ร ฟอร์ ซัม ฟรุ้ท แอ่นด์ ดิเสิร์ทส์?
คุณสนใจผลไม้และขนมไหมครับ?
2. No, thank you.
โน้, แธ้งคิว
ไม่ ขอบคุณมาก
3. They’re not for me.
เดย์เออร์ น้อท ฟอร์ มี้
สำหรับผมไม่
4. I’d like to go on with my beer.
ไอด์ ไล้ค์ ถุ โก๊ ออน วิธ มาย เบี๊ยร์
ผมขอดื่มเบียร์ต่อ
5. Are you sure you won’t try some?
อาร์ ยู ชั้วร์ ยู โว้นท์ ทร้าย สัม?
คุณแน่ใจหรือว่าจะไม่ลองบ้าง?
6. Don’t you care for Thai fruit?
โดนท์ ยู แค้ร์ ฟอร์ ไท้ ฝรุท?
คุณไม่สนใจผลไม้ไทยหรือ?
7. Do you think so?
ดู ยู ธิ้ง โส?
คุณคิดอย่างนั้นหรอ?
8. What kind of fruit is it?
ว้อท ไค้น์ด์-ออฟ ฟรุ้ท อิซ อิท?
ผลไม้ชนิดไหนล่ะ?
9. Normally, there’s a variety of fruit during this season.
น้อร์มอลลี, แดร์ซ์ อะ ฟ์วะไร้เอะที อ่อฟ ฟรุ้ท ดิ๊วริง ดิส ซี้ซัน
ตามปกติมีผลไม้หลายชนิดระหว่างฤดูนี้
10. They’re of the most expensive kind of fruit.
เดย์เออร์ อ่อฟ เดอะ โม้ซท์ เอกช์เพ้นสิฟว์ ไค้น์ด์ อ่อฟ ฟรุ้ท
มันเป็นผลไม้ชนิดที่แพงที่สุด
11. It smells so awful.
อิท สเม้ลช์ โซ อ๊อฟุล
มันมีกลิ่นแย่เหลือเกิน
12. I can’t bear this smell.
ไอ ค้านท์ แบ๊ร์ ดิ๊ช สเม้ล
ผมทนกลิ่นนี้ไม่ได้
13. I don’t like it at all.
ไอ โด้นท์ ไล้ค์ อิท แอท-อ๊อล
ผมไม่ชอบมันเลย
14. I don’t think you’ve ever tried it before.
ไอ โด้นท์ ธิ้ง ยูฟ์ว์ เอ๊ฟเวอร์ ทร้าย อิท บีฟ้อร์
ผมไม่คิดว่าคุณเคยลองมาก่อน
15. Let’s try something else.
เล้ทส์ ทร้าย ซั้มธิง เอ๊ลซ์
ขอสั่งอย่างอื่นเถอะ
16. I’d like to try it.
ไอด์ ไล้ค์ ทุ ทร้าย อิท
ผมอยากจะขอลองดู
D. POINTS OF ATTENTION
(ประเด็นที่ควรสนใจ)
1. การออกเสียง -s, -z, -ez คำกริยาเมื่อใช้กับเอกพจน์บุรุษที่ 3 และคำนามบางคำเมื่อเป็นพหูพจน์ จะต้องเติม -S แค่การออกเสียง ตัว -S อาจออกเป็น -s, -z, -ez แล้วแต่พยัญชนะลงท้ายของคำกริยา หรือคำนาม ในการออกเสียงมีหลักต้องจำดังต่อไปนี้
1.1 -S เมื่ออยู่หลังพยัญชนะไม่มีเสียงลงในลำคอ หรือเรียกว่า พยัญชนะไม่มีเสียง เช่น เสียง k, p, t เป็นต้น ดังปรากฎในคำต่อไปนี้
speaks    สปี๊คส์
walks    ว้อล์คส์
parks    พาร์คส์
works    เวร์คส์
1.2 -Z เมื่ออยู่หลังพยัญชนะมีเสียงลงในลำคอ หรือเรียกว่า พยัญชนะมีเสียง เช่นเสียง b, d, g, l, m, n, r และสระ a, e, i, o, u เป็นต้น เช่นในเสียงต่อไปนี้
robs        ร้อบซ์
plays    เพล้ย์ซ
rubs        รับซ์
sells        เซ้ลซ์
1.3 -ez เมื่ออยู่หลังพยัญชนะที่มีเสียงเสียดสี เช่นที่ลงท้ายด้วยเสียงต่อไปนี้ s, ch, sh, se, tch, ch, dge, ge, ss จะต้องออกเสียงอีกพยางค์หนึ่งเพิ่มขึ้น เช่น
teaches    ที้ชเชซ    สอน
rushes    รัชเชซ    เร่งรีบ
pushes    พุ้ชเชซ    ผลัก
glasses    กล๊าสเซซ    แก้ว
dresses    เดร๊สเซซ    ชุดเสื้อกระโปรง
bridges    บริ๊ดเจซ    สะพาน
2. การใช้คำ too, also, either, as well ซึ่งแปลว่า ด้วยเหมือนกัน ก็ แต่มีวิธีใช้ต่างกันดังนี้
2.1 too ใช้ไนประโยค บอกเล่า หรือ คำถาม แต่ต้อง อยู่ท้ายประโยค เท่านั้น
I like it too.
ไอ ไล้ค์ อิท ทู้
ผมชอบมันเหมือนกัน
They will come too.
เดย์ วิล คั้ม ทู้
พวกเขาจะมาเหมือนกัน
2.2 also ใช้ไนประโยคบอกเล่า หรือคำถาม แต่ต้องอยู่หน้ากริยาแท้ หรือหลังกริยาช่วย เช่น
We also study in this university.
วี อ๊อลโซ สตั๊ดดี อิน ดิซ ยูนิฟเวิ้ร์ซซิที
พวกเราศึกษาอยู่มทาวิทยาลัยนี้ด้วย
I can also speak Spanish.
ไอ แคน อ๊อลโซ สปี๊ค สแป๊นนิช
ผมพูดภาษาสเปนได้ด้วย
2.3 either ใช้ในประโยคปฏเสธเท่านั้น แปลว่า ไม่ด้วย หรือ ไม่เหมือนกัน เช่นในประโยคต่อไปนี้
1. I don’t like durian either.
ไอ โด๊นฑ์ ไล้ค์ ดุ๊เรียน ไอ๊เธอร์
ผมไม่ชอบทุเรียนเหมือนกัน
2. She doesn’t know either.
ชu ด๊าซ:7น โน้ว์ ไอ๊เธอร์
เธอไม่รู้เหมือนกัน
2.4 as well ใช้ในประโยคบอกเล่า แต่จะอยู่ท้ายประโยค หรืออยู่หน้ากริยาแท้ หรือ หลังกริยาช่วยก็ได้ เช่นในประโยคต่อไปนี้
1. You can try it as well.
ยู แคน ทร้าย อิท แอซ เว้ล
คุณลองมันได้เหมือนกัน
2. She may as well want to tell you.
ชี เมย์ แอซ เว้ล ว้อนท์ ทู เท้ล ยู
เธอก็อยากจะบอกคุณ
3. การออกเสียงสูงต่ำในประโยคคำถาม ตอบรับ/ปฏิเสธ การออกเสียงในประโยคคำถาม ตอบรับหรือปฏิเสธ จะออกเสียงสูงในตอนท้ายเช่นเดียวกับภาษาไทย เช่น คุณไปไหม? คุณไปมั้ย? คุณชอบไหม? คุณชอบมั้ย? ภาษาอังกฤษออกเสียงเช่นเดียวกัน ดังประโยคตัวอย่างต่อไปนี้
1. Do you live in Sydney?
ดู ยู ลิ้ฟว์ อิน ซิดหนี?/ดู ยู ลิ้ฟ อิน ซิดนี้ย์?
คุณอยู่ในซิดนีย์มั้ย?
2. Don’t you care for Thai fruit?
โดนท์ ยู แค้ร์ ฟอร์ ไท้ ฝรุท?
คุณไม่สนใจผลไม้ไทยบ้างหรือ?
E. EXERCISES (แบบฝึกหัด)
1. จงอ่านคำต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
speaks    สปี๊คส์    พูด
walks    ว้อล์คส์    เดิน
parks    พ้าร์คส์    จอดรถ
works    เวิ้ร์คส์    ทำงาน
talks        ท้อล์คส์    คุย
keeps    คี้พส์        รักษา
drops    ดร๊อพส์    ทำหล่น
hops        ฮ้อพส์    กระโดด
hopes    โฮ้พส์        หวัง
weeps    วี้พส์        ร้องไห้
hits        ฮิทส์        ตี
beats    บี๊ทส์        เฆี่ยนตี
eats        อี๊ทส์        กิน
sits        ซิ้ทส์        นั่ง
write        ไร้ท์ส์        เขียน
books    บุ๊คส์        หนังสือ
cups        คั้พส์        ถ้วย
hooks    ฮุ้คส์        ขอเกี่ยว
weeks    วี้คส์        สัปดาห์
shops    ช้อพส์    ร้าน
shirts    เชิ้ร์ทส์    เสื้อ
seats    ซี้ทส์        ที่นั่ง
nuts        นัทส์        ถั่ว
huts        ฮัทส์        กระท่อม
notes    โน้ทส์    บันทึก
streets    สตรี๊ทส์    ถนน
banks    แบ๊งค์ส์    ธนาคาร
students    สติ๊วเด้นท์ส์    นักศึกษา
remarks    รีม้าร์คส์    หมายเหตุ
pests    เพ้ซท์ส์    สัตว์ที่เป็นอันตราย
reports    รี้พอร์ทส์    รายงาน
exports    เอ๊กซ์พอร์ทส์    สินค้าออก
months    มันธ์ส์    เดือน
2. จงอ่านคำต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
robs          ร้อบช์    ปล้น
plays     เพล้ย์ซ์    เล่น
rubs        รั้บซ์        ถู
sells        เซ้ลซ์        ขาย
needs    นี้ดช์        ต้องการ
does        ด๊าซ        ทำ
hugs        ฮั้กซ์        กอด
runs        รั้นซ์        วิ่ง
digs        ดิ๊กซ์        ขุด
is        อิซ        เป็น
kills        คิ้ลซ์        ฆ่า
reads    รี้ดซ์        อ่าน
stands    สแต๊นด์ซ์    ยืน
bends    เบ๊นด์ซ์    ก้ม ทำให้งอ
has        แฮ้ซ        มี
leams    เลิร์นซ์    เรียน
sees        ซี้ซ์        เห็น
studies    สตั้ดดีซ์    ดูหนังสือ
stays    สเต๊ย์ซ์    พัก
hands    แฮ้นด์ซ์    มือ
seas        ซี้ซ        ทะเล
fathers    ฟ้าเธอร์ซ์    พ่อ
teachers    ที้ชเชอร์ซ์    ครู
bottles    บ้อทเทิลซ์    ขวด
temples    เท้มเพลซ์    วัด
ladies    เล้ดีซ์        สุภาพสตรี
rooms    รู้มซ์        ห้อง
bees            บี๊ซ์        ผง
tomatoes    โทเม้โทซ์    มะเขือเทศ
yours    ยั้วร์ซ์        ของคุณ
birds        เบิร์ดซ์    นก
schools    สคู้ลซ์    โรงเรียน
pupils    พิ้วพิลซ์    นักเรียน
buildings    บิ้ลดิงซ์    ตึก
theirs    แดร์ซื        ของเขา
doors    ดอร์ซ์        ประตู
nations    เน้ชั่นซ์    ชาติ
countries    คั้นทรีซ์    ประเทศ
chairs    แช้ร์ซ์        เก้าอี้
3. จงอ่านคำต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
teaches    ที้ชเชซ    สอน
rushes    รั้ชเชซ    รีบเร่ง
pushes    พุ้ชเชซ    ผลัก
brushes    บรั้ชเชซ    แปรง
crashes    แคร้ซเขซ    ชน
crushes    ครั้ชเชซ    คั้น
presses    เพร้ซเซซ    กด
dresses    เดร๊ซเซซ    แต่งตัว
addresses  แอดเดร๊ซเซซ    ทักทาย
hatches    แฮ้ทเชซ    ฟักไข่
matches    แม้ทเชซ    จับคู่
dashes    แด๊ชเชซ    พุ่งไป
charges    ช้าร์จเจซ    คิดเงิน
passes    พ้าซเซซ    ผ่าน
branches    บร๊านช์เชซ    สาขา
basis    เบ๊ซิซ     พื้นฐาน
bases    เบ๊เซซ    พื้นฐาน
thesis    เธ้ซิซ    ปริญญานิพนธ์
theses    เธ้เซซ    ปริญญานิพนธ์
analysis    แอนน้าไลซิซ    วิเคราะห์
analyses    แอนน้าไลเซซ    วิเคราะห์
classes    คล้าซเซซ    ชั้น
courses    ค้อรซเซซ    รายวิชา
judges    จั้ดเจซ    ผู้พิพากษา
waitresses    เว้ทเทรซเซซ    คนเสิร์ฟ
buses    บั๊ซเซซ    รถประจำทาง
passages    พ้าซเซซเจซ    ทางเดิน
crisis    ไคร้ซิซ    วิกฤตการณ์
crises    ไคร้เซซ    วิกฤตการณ์
cages    เค้จเจซ    กรง
bridges    บริ๊ดเจซ    สะพาน
messages    แม้ซเซจเจซ    ข่าวสาร
boxes    บ๊อกเชซ    กล่อง
languages    แล้งเกวจเจซ    ภาษา
purposes    เพ้อโพซเซซ    เป้าหมาย
increases     อิ๊นครีซเซซ    การเพิ่ม
4. จงฝึกสนทนาประโยคต่อไปนี้ และใช้คำที่ให้ไว้ในตอนท้ายแทนคำในประโยคที่ขีดเส้นใต้
1. A: I like papaya.
ไอ ไล้ค์ ผะพ้ายา
B: I like papaya too.
ไอ ไล้ค์ ผะพ้ายา ทู้
2. A: She likes pomelo.
ชี ไล้ค์ โพ้ม เมโล
B: We also like pomelo.
วี อ๊อลโซ ไล้ค์ โพ้มเมโล
3. A: They like coffee.
เดย์ ไล้ค์ ค้อฟฟี
B: we like coffee as well.
วี ไล้ค์ ค้อฟฟี แอซ เว้ล
4. A: We don’t like durian.
วี โด๊นท์ ไลค์ ดู๊เรียน
B: I don’t like durian either.
ไอ โด๊นท์ ไล้ค์ ดู๊เรียน ไอ๊เธอร์
coffee        ค้อฟฟี        กาแฟ
tea            ที้            ชา
chocolate        ช้อคโคแลท    ช้อคโคแลต
ovaltine        โอ๊ฟ์วัลทีน        โอวัลติน
milk            มิ้ลค์            นม
durian        ดู๊เรียน        ทุเรียน
pineapple        ไพ้นแนพเพิล    สับปะรด
guava        กว๊าฟ์วา        ฝรั่ง
pomelo        โพ้มเมโล        ส้มโอ
lychee        ลี้ชชี            ลิ้นจี่
coke            โค้ค            โค้ก
pepsi        เพ้พซี        เป๊พซี่
5. ฝึกประโยคสนทนาต่อไปนี้ และใช้คำที่ให้ไว้แทนคำขีดเส้นใต้ดังต่อไปนี้
1. A: Would you care for fruit?
B: No, thank you. I’d like to have icecream, please.
(A)                            (B)
coffee ค้อฟฟี/ค้อฟฝี?            icecream    ไอ๊ซครีม
cake  เค้ค/เขค?                tea    ที้
icecream ไอ๊ซ์ครีม\ไอ๊ซขรีม?     coffee    ค้อฟฟี
milk มิ้ลค์/หมิลค์?            ovaltine    โอ๊ฟ์วัลทีน
coke โค้ค/โขค?                water    ว้อเทอร์
whisky วิซคี/วิซขี?            beer     เบี๊ยร์
brandy แบร๊นด/แบร๊นดี๋?        wine    ไว้น์
gin    ยิ้น/หยิน?                brandy    แบร๊นดี
champagne แชมเพ้นจ์/แชมเผนจ์?
orange juice อ๊อเรนจ์ จู๊ซ
tomato juice โทเม้โท จู๊ซ/โทเม้โท จู๋ซ?
seven-up    เซ้ฟเวนอั้พ
pepsi เพ้พซี่/เพ้พสี?            sprite    สไปร๊ท์
6. จงฝึกประโยคสนทนาต่อไปนี้ และใช้คำที่ให้ไว้แทนคำขีดเส้นใต้ดังต่อไปนี้ (ระวังเสียงเมื่อเป็นคำถามตอบรับ/ปฏิเสธ และเสียงประโยคบอกเล่า)
1. A: Would you please order another bottle of beer?
B: Yes, I’ll order another bottle of beer.
another cup of coffee
อะนัธเธอร์ คั้พ อ่อฟ ค้อฟฝี/ค้อฟฟี
กาแฟอีกหนึ่งถ้วย
three bottles of coke
ธรี้ บ๊อทเทิล อ่อฟ โขค/โค้ค
โคล่าสามขวด
two glasses of milk
ทู้ กล๊าซเซซ อ่อฟ หมิลค์/มิ้ลค์
นมสองแก้ว
three cups of Chinese tea
ธรี้ คั้พ อ่อฟ ไช้นีซ ถี/ที้
ชาจีนสามถ้วย
two bowls of noodle soup
ทู้ โบ๊ลช์ อ่อฟ นู้ดเดิล สุพ/ซุ้พ
ก๋วยเตี๋ยวน้ำสองชาม
two icecream
ทู้ ไอ๊ซ์ขรีม/ไอ๊ซ์ครีม
ไอศกรีมสองถ้วย
two pieces of cake
ทู้ พี้ซเซซ อ่อฟ เขค/เค้ค
ขนมเค้กสองชิ้น
four glasses of water
โฟ้ร์ กล๊าซเซซ อ่อฟ ว้อเถอร์/ว้อเทอร์
นํ้าเย็นสี่แก้ว
a plate of mixed fruit
อะ เพล้ท อ่อฟ มิกซ์ด์ ฝรุท/ฟรุ้ท
ผลไม้รวมหนึ่งจาน
one pitcher of beer
วัน พิทเชอร์ อ่อฟ เบี๋ยร์/เบี๊ยร์
เบียร์หนึ่งเหยือก
two glasses of orange juice
ทู้ กล๊าชเซซ อ่อฟ อ๊อเรนจ์ จู๋ซ/จุ๊ซ
น้ำส้มคั้นสองแก้ว
7. จงอ่านประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้องตามเสียงสูงต่ำ
1. Can you drink?
แคน ยู ดริ๋งค์?
2. Is this yours?
อิส ดิส หยัวร์?
3. Do you feel happy?
ดุ หยุ ฟีล แฮ้พผี?
4. Does this coffee taste bitter?
ด่าส ดิส ค้อฟฟี เทสท์ บิทเถอร์?
5. Did they buy a new car?
ดิด เด่ย์ บ๊าย อะ นิ้ว ขาร์?
6. Did you enjoy the party last night?
ดิด หยุ เอนจ๊อย เดอะ พ้าร์ที ล้าสท์ ไหนท์?
7. Isn’t it good?
อิซซึนท์ อิท กู๋ด?
8. Would you like coffee?
หวูล์ด หยุ ไล้ค์ ค้อฬฝี?
9. Would your care for a piece of cake?
หวูล์ด หยุ แค้ร์ ฟอร์ อะ ฝีซ อ่อฟ เขค?
10. Can we have one more beer?
แคน วี แฮ้ฟว์ วัน มอร์ เบี๋ยร์?
ที่มา:ดร.สุนทร  โคตรบรรเทา

(Visited 6,797 times, 5 visits today)

[NEW] การใช้คำเชื่อมในภาษาอังกฤษ « Pitukpong’s Blog | เหตุ และ ผล ภาษา อังกฤษ – NATAVIGUIDES

And (และ)ใช้เชื่อมข้อความคล้อยตาม กันสอดคล้องกันหรือเป็นไปทำนองเดียวกัน เช่น
We eat with fork and a spoon.
Tina and Tom are playing football.

Or (หรือ)
ใช้เชื่อมข้อความเพื่อเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
Is your house big or small
Would you like tea or coffee

But (แต่)
ใช้เชื่อมข้อความที่ขัดแย้งกัน เช่น
That house is beautiful but very expensive.
I can ride a bicycle but I can’t ride a horse.

Because (เพราะว่า) ใช้เชื่อมข้อความที่เป็นเหตุเป็นผลกันโดย becauseจะนำหน้าประโยคที่เป็น สาเหตุ
เช่น
I like my sister because she is pretty.
She can pass the exam because she studies hard.

So (ดังนั้น)
ใช้เชื่อมข้อความที่เป็นเหตุเป็นผลกันโดย so จำนำหน้าประโยคที่เป็นผล
เช่น
Cathy eats a lot so she is fat.
My sister is pretty so I like her.

Though/although (แม้ว่า) ใช้เชื่อมข้อความที่ขัดแย้งกัน เช่น
Although he ran very fast, he didn’t win the first prize.

Either….or (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งใน 2อย่าง) ถ้านำมาเชื่อมประโยคในส่วนที่เป็นประธานจะ ใช้คำกริยาตามประธานตัวหลัง เช่น
Either you or he is wrong.
You can get either this pen or that pencil.

Neither …….nor (ไม่ทั้ง 2อย่าง)
ถ้านำมาเชื่อมประโยคในส่วนที่เป็นประธานจะ ใช้คำกริยาตามประธานตัวหลัง
เช่น
Neither I nor she speaks English.

o that: (เพื่อว่า, เผื่อว่า)
ตามด้วยประโยค (Clause) เสมอ
กริยาของประโยคที่ตามหลัง so that จะต้องอยู่ในรูป may หรือ might หรือ should + Verb ช่องที่ 1 เช่น
I stepped a side “so that” she “might” go in. (ผมก้าวไปข้าง ๆ เพื่อว่าหล่อนจะได้เข้าไปข้างในได้)
ถ้าต้องการเปลี่ยนประโยค Complex Sentence ที่มี so that มาเชื่อม ไปเป็น Simple Sentence
ก็สามารถทำได้โดยใช้ in order to หรือ so as to + Verb ช่องที่ 1 ได้ เช่น
He gave up smoking “in order to (หรือ so as to)” get better. (เขาเลิกบุหรี่ก็เพื่อให้อาการ (ของเขา) ดีขึ้น)

so……that: (เสีย…จนกระทั่ง)
คำที่อยู่ระหว่าง so…that ได้แก่ Adjective (คุณศัพท์) หรือ Adverb (กริยาวิเศษณ์) เท่านั้น
แต่บางครั้งหลัง Adjective จะมีนามมาร่วมด้วยก็ได้ มีโครงสร้างดังนี้ so + [Adverb/Adjective/Adj+Noun] + that เช่น
Wichai runs “so” fast “that” I cannot overtake him.

such…..that: (เสีย…จน)
คำที่อยู่ระหว่าง such…that ได้แก่ นาม โดยมี Adjective มาขยายอยู่ข้างหน้า มีโครงสร้างดังนี้
แบบ A: such a + Adjective + นามเอกพจน์นับได้ + that เช่น
He is “such” a good boy “that” everyone likes him. (เขาเป็นเด็กดีเสียจนทุก ๆ คนชอบเขา)
such a + Adjective + นามเอกพจน์นับได้ ในแบบ A นั้นจะใช้ so…that มาแทนก็ได้ แต่ต้องเขียนโครงสร้างใหม่ คือ ให้ a มาอยู่ชิดกับนามเอกพจน์ที่นับได้ เป็นดังนี้ so + Adjective + a + นามเอกพจน์นับได้ + that เช่น
He is “so” good “a” boy “that” I like him.
(= He is “such a” good boy “that” I like him.)
แบบ B: such + [Adjective+นามพหูพจน์ / Adjective+นามนับไม่ได้] + that เช่น
They are  “such” heavy boxes “that” I can hardly lift them up.

in order to, so as to: (เพื่อที่จะ)
ตามด้วย Infinitive (กริยาช่องที่ 1) ทั้งนี้เพื่อเชื่อมเนื้อความ 2 ประโยคให้เป็นหนึ่งประโยค เช่น
I shall go on working late tonight “so as to” be free tomorrow.
(= I shall go on working late tonight. I shall be free tomorrow.)
(ผมจะทำงานต่อไปจนดึกเพื่อที่จะว่าง (ไม่ต้องทำงาน) ในวันพรุ่งนี้)

in order that: (เพื่อว่า)
in order that ต่างจาก in order to ตรงที่ว่า in order to ตามด้วย infinitive ส่วน in order that ตามด้วยประโยค (Clause) ตลอดไป
Children go to school “in order that” they may learn things.
(= Children go to school “in order to” learn things.)

lest: (มีความหมายเท่ากับ so that…not แปลว่า “เพื่อจะได้ไม่”)
ประโยคที่ตามหลัง lest ต้องใช้ should (แทน may, might) ตลอดไป และใช้ได้กับทุกบุรุษอีกด้วย เช่น
He works harder “lest” he should (may) fail. (เขาทำงานหนักขึ้น เพื่อจะได้ไม่ประสบความล้มเหลว)

as long as, so long as: (เมื่อ, ถ้า)
สันธานคู่ (Correlative Conjunction) ตัวนี้ นิยมวางไว้ต้นประโยคมากกว่ากลางประโยค และเมื่อจบประโยคข้างหน้าต้องใส่เครื่องหมาย Comma (,) ทันที เช่น
“As (so) long as” you come here in time, you will see her. (ถ้าคุณมาที่นี่ทันเวลา คุณจะพบเธอแน่)

if: (ถ้า, หาก)
คำนี้เมื่อเชื่อมประโยคจะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคทั้งสองก็ได้
ถ้าวางไว้ต้นประโยค เมื่อจบประโยคท่อนแรกให้ใส่ Comma (,) เช่น
“If” the weather holds good, we shall stay another week.
แต่ถ้าวาง if ไว้กลางประโยคทั้งสอง ไม่ต้อง Comma เช่น
We shall stay here another week “if” the weather holds good.

unless: (ถ้า…ไม่, เว้นเสียแต่ว่า…ไม่) มีความหมายเท่ากับ if…not
เมื่อนำมาเชื่อมจะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคก็ได้ เช่น
We shall go “unless” it rains.
หรือ “Unless” it rains, we shall go.
(= We shall go “if” it “does not” rain.)
ระวัง! อย่าใช้ not ในประโยคที่ตามหลัง unless เพราะ unless มีความหมายเป็นปฏิเสธ (negative) อยู่ในตัวแล้ว เช่น
ผิด: “Unless” he “does not study” harder, he will fail in the exam.
ถูก: “Unless” he “studies” harder, he will fail in the exam.

but that: (ถ้า…ไม่) มีความหมายเหมือนกับ if…not
เมื่อนำมาเชื่อมความ จะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคก็ได้ แต่ต้องตามหลังด้วยประโยค
และอย่าใช้ not ในประโยคที่ตามหลัง but that เพราะ but that มีความหมายเป็นปฏิเสธอยู่แล้ว เช่น
She would have fallen “but that” I caught her. (เธอคงจะตกลงไปแล้ว ถ้าผมไม่ได้จับเธอไว้)
“But that” he is in debt, he would enter priesthood. (ถ้าเขาไม่เป็นหนี้ เขาก็คงบวช)
จำอีก: “but for + Noun” แปลว่า “ถ้า…ไม่” เหมือนกับ but that
ต่างกันแต่ว่า หลัง but that เป็นประโยค ส่วนหลัง but for เป็นนาม
“But for” my help, he should have failed last year. (ถ้าผมไม่ช่วย เขาก็คงสอบตกไปแล้วปีกลายนี้)
(= “But that” I helped him, he should have failed last year.)

inasmuch as: (เพราะ, ด้วยเหตุที่) มีความหมายเท่ากับ because
จะวางไว้ต้นหรือกลางประโยคทั้งสองที่ไปเชื่อมก็ได้ เช่น
He yielded to the invader, “inasmuch as” his army was thoroughly defeated.
(เขายอมแพ้ต่อผู้มารุกราน (ข้าศึก) เพราะกองทัพของเขาถูกตีอย่างพ่ายแพ้ไป)
“Inasmuch as” he is sick, he had better go to hospital. (เพราะเขาไม่สบาย เขาก็ควรจะไปโรงพยาบาลดีกว่า)

or และ or else
or: (หรือ) ใช้เชื่อมคำ (words), วลี (phrases), ประโยค (clauses) ที่แสดงการเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
เชื่อมคำ: Is it sweet “or” sour? (เปรี้ยวหรือหวาน?)
เชื่อมวลี: Is he at home “or” in the office? (เขาอยู่บ้านหรือว่าไปทำงาน?)
เชื่อมประโยค: You look after the house “or” go to work. (คุณเฝ้าบ้านหรือมิฉะนั้นก็ไปทำงาน (เลือกเอา))
ส่วน or else: (หรือมิฉะนั้น) มีความหมายเท่ากับ otherwise นิยมใช้เชื่อมประโยค (Clause) มากกว่าคำหรือวลี เช่น
I must clean it, “or else” it will be rusty. (ผมจะต้องทำความสะอาด มิฉะนั้นมันจะขึ้นสนิม)

till และ until: (จนกระทั่ง, จนกว่า)
until มักใช้กับประโยค (Clause) ที่ไปนำหน้าอีกประโยคหนึ่ง
พูดให้ง่ายเข้าก็คือ วางไว้ต้นประโยค ใช้ until (มากกว่า till ว่าอย่างงั้นเถอะ) เช่น
“Until” you told me, I had known nothing about him. (ผมไม่เคยได้รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย จนกระทั่งคุณบอกผม)
till นิยมวางไว้กลางประโยคเสียมากกว่า (แต่จะใช้ until ก็ได้) เช่น
He had never written to me “till (until)” he returned.

provided และ providing: (ถ้าหากว่า) คำทั้งสองก็เป็นสันธานอันหนึ่ง มีหน้าที่เชื่อมประโยคดุจดั่งสันธานทั่ว ๆ ไป
แต่เวลานำมาใช้ provided จะตามด้วย that เสมอ
ส่วน providing ไม่ต้องมี that เช่น
We shall go “provided that” it does not rain. (พวกเราจะไปถ้าหากว่าฝนไม่ตก)
Amy will go “providing” her friend can go together. (เอมี่จะไปถ้าหากว่าเพื่อนของเธอก็ไปด้วยกันได้)

supposing: (ถ้า, สมมติว่า)
คำนี้นิยมไว้ต้นของประโยคหน้า หรือใช้กับ Clause หน้า เช่น
“Supposing” you win the government lottery, what do you buy? (สมมติว่าคุณถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล คุณจะซื้ออะไรบ้าง?)

since: (ตั้งแต่, เพราะว่า, เนื่องจากว่า)
ถ้าแปลว่า “ตั้งแต่” ใช้เชื่อมระหว่างประโยค Present Perfect (Subject + have/has + V3) หรือ Present Simple (Subject + V1(ประฐานเอกพจน์เติมs)) กับ Past Simple (Subject + V2(เติมedบ้าง,ผันบ้าง)) เช่น
He has worked hard “since” his father died. (Present Perfect, Past Simple)
ถ้าแปลว่า “เพราะว่า, เนื่องจากว่า” ให้วางไว้หน้า Clause ของประโยคแรก เช่น
“Since” he doesn’t learn English, he can’t speak it. (เนื่องจาก (เพราะ) เขาไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษ เขาจึงพูดไม่ได้)

as soon as: (เมื่อ = when)
แต่ใช้ความหมายฉับพลันกว่า when เช่น
I shall go back “as soon as” he arrives.
อนึ่ง จะวาง as soon as ไว้หน้า Clause แรกก็ได้ แต่ต้องใส่ Comma เมื่อจบความของประโยคแรก เช่น
“As soon as” he arrives, I will tell him.

in case: (ในกรณีที่, เพราะ)
ตามด้วยประโยค (Clause)
วิธีใช้ก็เช่นเดียวกับ so that, for fear that คือ จะต้องตามด้วย may, might, should, can, could ตัวใดตัวหนึ่ง เช่น
Don’t go too near the river “in case” you “should” fall in it. (อย่าเข้าไปใกล้แม่น้ำนัก เพราะคุณอาจจะตกไปก็ได้)
ตามด้วยประโยค (Clause)
ถ้า In case วางไว้หน้า Clause แรก ไม่ต้องตามด้วย can, could, should, may, might เช่น
“In case” I “forget”, please remind me about that.
ระวัง! in case of + นาม (ไม่ใช่ประโยค) เช่น
“In case of” fire, please inform the fire-brigade. (ถ้าเกิดเพลิงไหม้ โปรดแจ้งกองดับเพลิงทราบ)

because และ because of: ทั้งสองคำแปลเหมือนกันคือ “เพราะ, เพราะว่า” แต่วิธีใช้ต่างกันคือ
because: เป็น Conjunction เชื่อมประโยคแสดงเหตุผล
หลัง because ต้องเป็นอนุประโยค (Clause) เสมอ เช่น
Jack did not come to school “because” he was ill.
because of: เป็น Preposition (คำที่ใช้เชื่อม Noun และ Pronoun เข้ากับคำอื่น ๆ ที่อยู่ในประโยค ทั้งนี้เพื่อให้ใจความของประโยคกลมกลืนสละสลวยขึ้น” ได้แก่ in, on, at, by, from, toward, into, etc.) วลี
หลัง because of ต้องมีกรรมมารับ จะเป็นสรรพนามหรือคำเสมอนามก็ได้ แต่จะเป็นประโยคไม่ได้ เช่น
She failed “because of” him.

the same…+Noun+…as: (เหมือนกับ, เช่นเดียวกันกับ)
ระหว่าง the same กับ as ให้ใส่คำนามเข้ามา เช่น
I have “the same” trouble “as” you (have). (ผมมีข้อยุ่งยากเช่นเดียวกับคุณ (มี))
ถ้านามนั้นกล่าวถึงมาแล้ว หรือผู้พูดและผู้ฟังรู้กันดีอยู่แล้วว่า หมายถึงอะไรในสิ่งที่เหมือนกัน หลัง the same ก็ไม่ใส่นามเข้ามา
This “book” is “the same as” that one. (หนังสือเล่มนี้เหมือนกับเล่มนั้น)

either of และ neither of
either of + นามพหูพจน์ = (อย่างใดอย่างหนึ่ง)
ถ้าไปเป็นประธานในประโยค กริยาต้องใช้เอกพจน์ตลอดไป เช่น
“Either of you” is wrong. (เธอคนใดคนหนึ่งจะต้องผิด)
I don’t (กริยาพหูพจน์) want “either of the apples”. (ผมไม่ต้องการแอปเปิ้ลผลใดผลหนึ่ง)

neither of + นามพหูพจน์ = (ไม่ทั้งสองอย่าง)
ถ้าเป็นประธาน กริยาใช้เอกพจน์ เช่น
“Neither of the books” is of any use to me. (หนังสือทั้งสองเล่มไม่มีประโยชน์ใด ๆ แก่ผมเลย)
I want “neither of them”. (ผมไม่ต้องการทั้งสองอย่าง)

no sooner……than: (พอ…ก็)
คำนี้เป็น Conjunctive ใช้เชื่อมประโยคทั้งสองเข้าด้วยกัน
ประโยคที่ no sooner…than ไปเชื่อมมักเป็นประโยค Past Perfect (Subject + had +V3) กับ Past Simple (Subject + V2)
He had “no sooner” seen it “than” he started to run. (Past Perfect, Past Simple)
(พอเห็นเขาเริ่มออกวิ่ง)
หรือจะวาง No sooner ไว้ต้นประโยคก็ได้ เช่น
“No sooner” had he arrived “than” he was told to start back again. (Past Perfect, Past Simple)
(พอมาถึงเขาก็ได้รับคำสั่งให้ออกเดินทางกลับไปอีก)

not so…….as: (ไม่เท่ากับ)
คำนี้ความจริงก็คือ as…as นั่นเอง แต่ใช้ในประโยคปฏิเสธเท่านั้น (ส่วน as…as ใช้ในประโยคบอกเล่า) เช่น
บอกเล่า: He is “as clever as” you are. (เขาฉลาดเท่ากับคุณ(ฉลาด))
ปฏิเสธ: He is “not so clever as” you are. (เขาไม่ฉลาดเท่าคุณ

ขอขอบคุณ*—->>http://englishlearningthailand.com/error-in-conjunction-คำเชื่อมที่มักจะใช้ผิดเสมอ.htmlขอขอคุณ**—->>>

Share this:

Like this:

ถูกใจ

กำลังโหลด…


เมื่อน้องเจเคเป็นตุ๊กตาสควิดเกม แม้แต่ซอมบี้ก็ยังต้องยอมแพ้!! | คิดดีทีวี


เมื่อน้องเจเคเป็นตุ๊กตาสควิดเกม ทุกอย่างจึงดูจะวุ่นวายเล็กน้อย ไหนจะซอมบี้ที่มาบุกบ้านอีก น้องเจเคที่เป็นตุ๊กตาโกะโกวาจะทำอย่างไร ไปชมกันครับ
ตุ๊กตาโกะโกวา สควิดเกม น้องเจเค

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

เมื่อน้องเจเคเป็นตุ๊กตาสควิดเกม แม้แต่ซอมบี้ก็ยังต้องยอมแพ้!! | คิดดีทีวี

ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม | มัธยมศึกษาตอนปลาย | (พต31001) | ตอนที่ 14


ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม | มัธยมศึกษาตอนปลาย | (พต31001) | หลักสูตร กศน. 2551
Chapter 14 Global Warming
บทความเกี่ยวกับสาเหตุและผลกระทบของภาวะโลกร้อน
คําศัพท์ สํานวน และวลีเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน
โครงสร้างของประโยค Passive Voice
บทสนทนาเกี่ยวกับการป้องกันหรือการลดภาวะโลกร้อน
Mind Map แสดงเหตุผล และผลกระทบของภาวะโลกร้อน

ภาษาอังกฤษเพื่อชีวิตและสังคม | มัธยมศึกษาตอนปลาย | (พต31001) | ตอนที่ 14

8 เฉลย ความสามารถทั่วไปด้านเหตุผล


สถาบันวิชาการเตรียมสอบรับราชการขงเบ้ง
สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
เพจ : สถาบันวิชาการเตรียมสอบรับราชการขงเบ้ง
https://web.facebook.com/KhongbengAcademy/
Line ID : khongbeng4.04 , khongbeng4.05
โทร : 0892662294

8 เฉลย ความสามารถทั่วไปด้านเหตุผล

Unit 1


Unit 1

ฝึกแต่งประโยคสนุกๆกันค่า


มาทดสอบความรู้พื้นฐานไวยากรณ์กันจ้า

ฝึกแต่งประโยคสนุกๆกันค่า

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เหตุ และ ผล ภาษา อังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *