Skip to content
Home » [NEW] เล่าเส้นทางและชีวิตการทำงานฉบับ ‘แอร์โฮสเตส’ และ ‘นักบินพาณิชย์’ ในอเมริกา! | ไป ทำงาน อเมริกา – NATAVIGUIDES

[NEW] เล่าเส้นทางและชีวิตการทำงานฉบับ ‘แอร์โฮสเตส’ และ ‘นักบินพาณิชย์’ ในอเมริกา! | ไป ทำงาน อเมริกา – NATAVIGUIDES

ไป ทำงาน อเมริกา: คุณกำลังดูกระทู้

สวัสดีค่ะชาว Dek-D วันนี้เรามีสาระและแรงบันดาลใจแบบจัดเต็มมาฝากอีกแล้ว วันก่อนเรามีโอกาสได้พูดคุยกับ ‘พี่เกศ’ เจ้าของเพจ Thai girl can fly และช่องยูทูบ Thai girl can fly  ซึ่งเป็นอดีตครูพละในไทยที่ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสหรัฐอเมริกา ได้สัมผัสความสนุกและท้าทายมาแล้วทั้งงาน แอร์โฮสเตส, นักบินพาณิชย์ (Commercial Pilot) และครูสอนบิน (Flight Instructor) ทั้งหมดนี้ตั้งต้นจากการค้นพบว่าตัวเองชอบเที่ยวตลอดเวลา และอยากหาทางที่ทำให้ได้เที่ยวแบบฟรีๆ! แต่การจะพิชิตเป้าหมายนี้ได้ ภาษาคือใบเบิกทางชั้นเยี่ยมเลยค่ะ  บทสัมภาษณ์นี้จะมีรีวิวทั้งด่านอบรม การทดสอบ หน้าที่ในห้องนักบิน โอกาสในอเมริกา  และหัวข้อน่าสนใจอื่นๆ ที่คนอยากเป็นนักบินไม่ควรพลาด ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มออกเดินทางกันเลย!
 

Table of Contents

Takeoff
and…
Landing!

กว่าจะเป็นแอร์โฮสเตสในอเมริกา

ตอนอยู่ไทยเราเป็นครูพละที่สอนในโรงเรียนนานาชาติ มีส่วนช่วยให้ภาษาอังกฤษเราพัฒนาขึ้นเยอะมาก อยู่มาวันนึงเราคิดอยากออกไปเปิดโลก เพียงแต่ยังติดขัดเรื่องเงิน เพราะเงินที่เก็บสะสมไว้ก้พอแค่ตั๋วเครื่องบินกับที่พัก แต่ไม่พอค่าเรียนเลย ตอนนั้นเราตัดสินใจยืมเงินที่บ้านจำนวนหนึ่ง (คุณตาคุณยาย) ซึ่งที่บ้านก็สนับสนุนเพราะเห็นว่าเราเป็นเด็กเรียนดีมากและมีความตั้งใจ ต้องขอบคุณทางบ้านมากๆ ถ้าไม่ได้เงินก้อนนั้นคงไม่มีโอกาสได้มาที่อเมริกาค่ะ

สุดท้ายเราได้ไปเรียนต่อ ป.โท คณะบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอเมริกาพร้อมกับทำงานเป็นพนักงานในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยไปด้วย แล้วเรียนจบใน 2 ปีครึ่ง โชคดีได้ครอบครัวที่นี่และมาเป็นพลเมืองของอเมริกาเลย (ใช้เวลานานพอสมควร) พอเรียนจบมีช่วงลังเลว่าจะเอายังไงต่อดี จุดนั้นเรารู้ตัวว่าเราชอบเที่ยว อยากเที่ยวตลอดเวลา จะทำยังไงให้ได้เที่ยวฟรีๆ? ก็เลยลองสมัครเป็นแอร์โฮสเตสในสายการบินอเมริกาค่ะ

สมัครงานแอร์โฮสเตสที่อเมริกา

เราเคยโดนสบประมาทจากคนรอบข้างว่าอย่างเราเนี่ยนะจะไปเป็นแอร์ฯ เพราะเค้ามองว่าต้องพูดได้หลายภาษาถึงจะได้เปรียบ ในขณะที่เรามีแค่สกิลภาษาอังกฤษที่ยังไม่ fluent แต่เราคิดว่าถ้าเกิดไม่ลอง โอกาสจาก 50:50 จะเหลือเป็น 0 ทันที ก็เลยลองส่ง Resume ไปสมัคร แล้วค้นพบว่ามีความยากง่ายต่างจากที่ไทยพอสมควร

  • ที่อเมริกาไม่สนใจเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกทั้งหน้าตา หุ่น ผิวพรรณ ฯลฯ ขอแค่ดูสะอาดและความสูงพอเหมาะในแบบที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน (ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกรรมการ)
  • สิ่งที่เค้าพิจารณาคือไหวพริบ การตัดสินใจ และมีแพสชันในงานบริการ
  • มีแค่วุฒิ ม.6 ก็สมัครได้แล้ว

ตอนรู้ว่าคนสมัครหลายหมื่นคนก็แอบถอดใจไปแล้ว แต่อยู่ๆ ได้รับ E-mail แจ้งว่าเราผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์ 130 คน! คำถามที่เจอจะเกี่ยวกับตัวเราทั้งนั้น เราแค่ตอบให้เป็นตัวเอง พอผ่านไป 2-3 เค้าก็แจ้งว่าเราได้รับเลือก ขั้นตอนต่อไปคือการเทรนและเข้าสู่ชีวิตการเป็นแอร์โฮสเตสเต็มตัว

ความท้าทายของงานแอร์ฯ

ความยากเริ่มตั้งแต่การเทรน ไปจนถึงการทำงานจริงที่ต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน เจอผู้คนหลากหลายเชื้อชาติที่บางครั้งยากจะเข้าใจ นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคเรื่องสภาพอากาศ อย่างเช่น Alaska ในหน้าหนาวจะประมาณ -40 ถึง -50 องศา หรือหน้าร้อนที่ Arizona จะทะลุไป 50 องศา บางครั้งเจอพายุหิมะ พายุฤดูร้อน ติดค้างอยุ่สนามบินนั่นๆ เป็นสัปดาห์เลยก็มี นอกจากนี้ยังมีปัญหาสุขภาพจากการบินถี่เกินไปและนอนไม่เป็นเวลาด้วย

จริงๆ แล้วการเป็นแอร์ฯ ถือเป็นงานที่ดีและน่าสนุกเลยค่ะ แต่พอทำไป 3 ปีกลับค้นพบว่านี่ไม่ใช่งานที่เราอยากทำไปตลอดชีวิต เราอยากไปเจอความท้าทายใหม่ๆ กับรายได้ที่มากขึ้นกว่าเดิม

เริ่มเบนเข็มสู่อาชีพนักบิน

ระหว่างทำงานเรารับ job เป็นผู้ช่วยครูในโรงเรียนสอนแอร์ฯ ด้วย เค้าจะกำหนดว่าต้องเคยเป็นแอร์ฯ มาอย่างน้อย 2 ปีถึงจะสอนได้ค่ะ จุดเปลี่ยนคือมีวันนึงเราได้นั่งคุยนั่งแชร์เรื่องราวกับนักบินผู้หญิงคนนึง  เราชมเค้าประมาณว่า “คุณเท่จัง เป็นนักบินด้วย” เค้าตอบกลับมาว่า “คุณก็เป็นได้เหมือนกันนะ ถ้าฉันทำได้คุณก็ทำได้” ซึ่งจุดนั้นเรายังไม่เชื่อเลยว่าตัวเองจะทำได้ แต่นักบินคนนั้นยัง cheer up เราอีกว่ามันไม่ถึงกับยากสุดๆ ขนาดนั้นหรอก ถ้าตั้งใจจริงๆ ยังไงก็ทำได้ 

จากนั้นเค้าชวนเราไปลอง Introductory Training Flight สัก 1 ไฟลต์ (=เที่ยวบิน) บอกเราว่าก็เหมือนไปนั่งเครื่องบินเล่นๆ เนี่ยแหละ ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร คิดซะว่าไปถ่ายรูปสวยๆ ก็ได้ 5555

จากนั้นเรายังทำงานแอร์ฯ ต่อไปอีก 3-4 เดือน แต่กิจวัตรเล็กๆ ที่เพิ่มเข้ามาคือการสังเกตการทำงานของนักบิน สงสัยอะไรก็ลองถามนักบินเป็นความรู้ เค้าก็พยายามอธิบายและสาธิตให้ดู จนเรายิ่งรู้สึกว่านี่คืองานที่น่าสนใจมาก ยิ่งนาทีที่เรามีโอกาสได้ทดลองเร่งเครื่องทดสอบ (ในคลาส Introductory Training Flight) เฮ้ยยยย มัน Free ฉันบินได้! เจอแล้วสิ่งที่อยากทำมานาน ได้เห็นวิวสวยๆ เห็นแบบเต็มตา

พอกลับมาเราหาข้อมูลจริงจังเลยว่าจะเป็นนักบินได้ยากแค่ไหน มีอุปสรรคอะไรบ้าง ลงเรียนที่ไหน ใช้เงินเท่าไหร่ ฯลฯ แล้วตัดสินใจเรียนคอร์สนักบิน เหนื่อยเป็นสองเท่าเพราะต้องแบ่งเวลาและวันหยุดหลังจากบินตอนเป็นแอร์ฯ เพื่อไปเรียนที่สนามบินใกล้บ้าน จากนั้นต้องหาเวลาเรียนเองในหนังสือเพิ่มอีก เป็นช่วงเวลาตอนพักที่โรงแรมหลังจากบินเสร็จ หรือบางครั้งไฟลต์ยาวๆ ผู้โดยสารหลับก็เอาหนังสือมาอ่าน 

ตอนนั้นเหนื่อยสุดๆ นอนน้อย หัวสมองเบลอไปหมด ก็เลยตัดสินใจลาออกจากแอร์ฯ มาโฟกัสเรียนบิน เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้อยากเป็นแอร์ไปตลอดชีวิตแน่นอน และอาชีพนักบินคือสิ่งที่ใช่ เลยไม่เสียหายหรือลังเลเลยที่ต้องลาออก 

รวมๆ ใช้เวลาเรียนบิน 2 ปีรวมทดสอบ 7 ขั้น ถ้าเกิดไม่ติดโควิดจะกระชับเวลาได้กว่านี้อีก แต่ละคนใช้เวลาเรียนไม่เท่ากันนะคะ บางคนไม่ถึงปี บางคนที่ทำงานไปด้วยก็อาจจะถึง 5 ปีเลย **สำหรับบริบทที่อเมริกา ไม่ว่าใครจะเรียนจบหรือทำงานอะไรมาก่อนก็มาเริ่มเรียนเพื่อเป็นนักบินได้ อย่างนักบินที่เรารู้จักก็มักเริ่มจากงานในแวดวงนี้มาก่อน เช่น วิศวกร คนขายตั๋ว คนยกกระเป๋า หรือแอร์โฮสเตสแบบเรานี่แหละ

Become a Pilot in USA

Brief: เล่าขั้นตอนคร่าวๆ กรณีเราที่เป็นนักบินพาณิชย์ (Commercial Pilot) ที่สหรัฐอเมริกา เริ่มจากลงเรียนหลักสูตรนักบินที่ Pilot’s School (ทฤษฎี+ปฏิบัติ) โดยที่อเมริกามีกำหนดขั้นต่ำว่าต้องอยู่ในเครื่องบิน 250 ชั่วโมง, เรียนถึงระดับ 4 ขึ้นไป, ผ่านการทดสอบ Medical Certificate และทยอยทดสอบให้ครบ 7 steps เพื่อให้ได้ Pilot’s Certificate

 

**พอมาเป็นนักบินแล้วต้องเก็บชั่วโมงบินในสายการบินเล็กๆ ให้ครบ 1,500 ชั่วโมง ถึงจะไปประจำสายการบินใหญ่ๆ ได้ค่ะ

ว่าด้วยเรื่องโรงเรียนนักบิน

สำหรับชาวต่างชาติที่อยากมาเรียนในอเมริกา ต้องค้นหาโรงเรียนสำหรับ International Student โดยเฉพาะ เค้าจะส่งข้อมูลให้ เราก็จ่ายค่าธรรมเนียมสำหรับทำวีซ่าไปเรียน แต่ถ้าอยู่อเมริกาเราสามารถ walk-in ไปขอรายละเอียดและสมัครเรียนได้เลย

เราจ่ายค่าเรียนเป็นรายครั้ง เรียนจนหลักสูตรก็ราวๆ 2-3 ล้านบาทไทย ด้วยความที่ฐานะทางการเงินเราไม่ได้ดีมาตั้งแต่แรก แต่เรามุ่งจะมาทางนี้จริงๆ และมองว่าคุ้มกับการลงทุน เพราะถ้าสอบผ่านมาเป็นนักบินได้สำเร็จ ยังไงก็ได้ทุนคืนภายในไม่กี่ปี เราเลยตัดสินใจยืมเงินส่วนหนึ่งจากทางบ้าน + กู้ธนาคาร (กับดอกเบี้ย) 

หลักๆ นักบินต้องรู้อะไรบ้าง?

  • ภาษาการบิน

     งานแอร์โฮสเตสช่วยพัฒนาสกิลสื่อสารเยอะมาก แต่เราต้องเสริมภาษาการบินอีก ซึ่งเป็นศัพท์เฉพาะทางที่ทั้งยากและเยอะ

  • ส่วนประกอบเครื่องยนต์

    เราไม่เคยศึกษามาก่อน เลยเน้นดู YouTube กับหาหนังสือมาอ่านประกอบไปด้วย

  • กฎ สภาพอากาศ การตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ฯลฯ

ตลอดเวลาที่เรียนเราได้ฝึก Takeoff and landing เป็นร้อยรอบ และช่วงเวลาที่นักบินทุกคนจะไม่มีวันลืมเด็ดขาดคือวัน ‘Solo Flight’ (=ชั่วโมงโซโล่) ทดสอบบินเดี่ยวไป-กลับสนามบินที่อยู่ไกลออกไป  ตอนขึ้นเครื่องไปครูก็บอก ‘Good Luck’ เตือนให้ตรวจทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วปิดประตู! 

จุดนั้นมองไปข้างๆ ไม่มีใครเลยทั้งที่ปกติจะมีครูนั่งข้างคนขับตลอด ในใจทั้งโหวงเหวง แปลก กลัว ประหม่า เพราะถ้าพลาดขึ้นมานั่นคือชีวิตเราเลยนะ แต่พยายามบอกตัวเองว่า I got it, I can do it  … ในที่สุดก็แลนดิ้งได้อย่างปลอดภัย ทุกคนปรบมือให้ (หลังจากโซโล่ก็ยังเรียนต่อเป็นปี เพราะมีสอบอีกหลายขั้นเลยค่ะ)

เล่าชีวิตใน 1 วันแบบทำงานเต็มๆ 
นักบินพาณิชย์ต้องทำอะไรบ้าง?

นักบินในอเมริกาไม่ได้บังคับว่าต้องบินวันไหน บินกี่ไฟลต์ เราสามารถบริหารเวลาเองได้เลย แต่กฎหมายจะห้ามทำงาน 7 วัน และใน 1 วันอนุญาตให้บินได้ 8 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนเราไม่ชอบบินเยอะเพราะอยากให้สมองพร้อมที่สุด อย่างมากไม่เกิน 5 ชั่วโมงต่อวัน

เราจะต้องตรวจสอบเครื่องก่อนบินละเอียดตลอด (อาจเป็นข้อดีของนักบินหญิง) ตอนอยู่ในห้องนักบินต้องคุยวิทยุตลอดเวลา ฟังเจ้าหน้าที่ที่คอยรายงาน traffic และบอกว่าต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวายังไงบ้าง ยิ่งถ้าวันไหนสภาพอากาศแย่ก็คือจะไม่มองออกนอกหน้าต่างเลย มองหน้าจอแล้วฟังวิทยุสื่อสารอย่างเดียว และต้องจินตนาการตลอดว่าถ้าไฟดับเครื่องขัดข้องจะต้องทำอะไรก่อนหลัง ซึ่งตรงนี้นักบินผ่านการฝึกและทดสอบมาอย่างดีแล้ว

แล้วอย่างที่บอกคือที่อเมริกาเราต้องเก็บชั่วโมงสายการบินเล็กๆ ให้ครบ 1,500 ชั่วโมง ถึงจะไปประจำสายการบินใหญ่ๆ ได้ค่ะ ซึ่งเราอยู่ขั้นนี้ บินสายการบินเล็กๆ ผ่านหลายรัฐในอเมริกา เราเองชอบวิวที่ California สวยมากกกก! บินกี่รอบก็อดที่จะมองไม่ได้ แล้วยังเป็นรัฐที่เป็นย่านธุรกิจใหญ่และที่ตั้งของ Slilicon Valley พวกนักธุรกิจคือมีเครื่องบินส่วนตัวไว้เดินทางกันเป็นว่าเล่น เค้าก็จะชอบไปจ้างนักบินมาช่วยขับให้ บางทีเราจะไปเป็น Co-pilot คล้ายๆ ไปดูงานเก็บประสบการณ์ ได้สะสมชั่วโมงบินได้ด้วย

ส่วนตัวเราเจอเพื่อนร่วมงานที่ดีมากค่ะ คอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำกันตลอด เลิกบินแล้วไปเฮฮาปาร์ตี้กันปกติ ที่สำคัญคือเป็นสังคมที่เท่าเทียมไม่มีแบ่งแยกเลย ยิ่งเวลาเราบอกว่าเป็นคนไทย เค้าจะแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับประเทศไทยให้ฟัง I love ผัดไทย, I love ไทยแลนด์ เคยไปเที่ยวมา ฯลฯ บางคนบอกว่าเพิ่งเห็นเราเป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่มาเป็นนักบิน 

อัปเดตชีวิตคือตอนนี้ที่กำลังให้สัมภาษณ์กับ Dek-D อยู่ ชีวิตเรายังเหนื่อยเพราะทำงานเป็นผู้ช่วยสอนนักบินไปด้วย เราได้สอนตั้งแต่เบื้องต้นไปจนถึงฝึกปฏิบัติหลายขั้นตอน ถือว่ายากและต้องละเอียดอ่อนมากๆ เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องทุกจุด เพราะเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของทุกชีวิตบนเครื่อง

คำแนะนำถึงคนอยากเป็นนักบินในอเมริกา

Good news! ปกตินักบินจะเกษียณตอนอายุ 65 ปี ซึ่งในช่วงสิบปีนี้จะมีนักบิน 10,000 คนเกษียณ ตำแหน่งนี้ก็จะว่างเป็นหมื่นตำแหน่งเลยค่ะ 

ถ้ามีโอกาสและความตั้งใจจะมาทำงานที่อเมริกาจริงๆ อาจลองหาวิธีมาอยู่กับอเมริกาก่อนได้ว่าที่ไหนเป็นยังไง เพราะต้องมาเริ่มชีวิตใหม่ที่นี่ ส่วนเรื่องงานก็เหมือนการวัดดวง คนที่กำลังอ่านบทความอยู่ตอนนี้อาจเป็นคนไทยที่ประสบความสำเร็จเป็นคนต่อไปก็ได้ ปัจจุบันอเมริกาก็เปิดกว้างขึ้นทั้งเรื่องสีผิว เพศ เชื้อชาติ ฯลฯ เปิดรับคนอย่างเท่าเทียมขึ้นในทุกอาชีพเลยค่ะ

แต่ถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบอะไรมีแพสชันด้านไหน อย่างน้อยเรียนภาษาอังกฤษก่อน เชื่อเถอะว่าภาษาจะพาเราไปเจอโอกาสมากมายที่เราคาดไม่ถึง เราเป็นเด็กต่างจังหวัด บ้านทำสวน ฐานะทางการเงินไม่ได้ดี ไม่ได้จบมหาวิทยาลัยแพงๆ แต่ตอนเรียนเราเป็นคนเดียวในห้องที่พูดภาษาอังกฤษได้ เลยได้ไปสอนโรงเรียนนานาชาติแล้วต่อยอดมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ 

ชวนติดตามอีกช่องทางดีๆ
จัดเต็มทั้งสาระและแรงบันดาลใจ

ถ้าใครสนใจเรื่องการบิน ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ Thai girl can fly รวมถึงช่องยูทูบ Thai girl can fly . ของเกศจะมีความรู้พื้นฐานมาสอนให้แบบสนุกๆ เข้าใจง่าย มีภาพวิวสวยๆ มาฝาก มีความรู้ภาษาอังกฤษมาแชร์ และเล่าชีวิตฉบับนักบินหญิงไทยที่อเมริกา

สุดท้ายนี้เกศอยากขอบคุณทุกคนที่ส่งข้อความและคอมเมนต์ในเพจนะคะ เกศเคยได้รับข้อความนึงจากผู้ปกครองที่เขียนว่า “คุณเป็นแรงบันดาลใจที่ดีมากๆ ฉันอยากให้ลูกฉันเป็นเหมือนคุณ” อ่านจบแล้วน้ำตาไหลเลย เพราะความฝันของเกศคือการได้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้น้องๆ ทำสิ่งที่รัก เพราะความมุ่งมั่นก็พาเรามาถึงจุดนี้เหมือนกัน

[Update] รีวิว Work and Travel อเมริกา ไม่เก่งภาษาก็ไปได้! | ไป ทำงาน อเมริกา – NATAVIGUIDES

ออกเงินซื้อผลิตภัณฑ์/ ใช้บริการนี้ด้วยตัวเองจ้า

รีวิว

Work and Travel อเมริกา

รีวิวครบ จบ ในโพสเดียว 

ไม่เก่งภาษาก็ไปได้! ขอคนมีใจแล้วไปสนุกกันค่าาาา

เรื่องของเรื่องคือเพื่อน ๆ ต้องรู้ก่อนว่า WAT เป็นโครงการแลกเปลี่ยน 📚 ใช่เทอ “โครงการแลกเปลี่ยน” เราไปในวีซ่าประเภท J-1 เป็นโครงการของรัฐบาลอเมริกาที่มียาวนานมากกกก เปิดโอกาสให้ นศ. ทั้งป.ตรี-ป.โท ทุกชั้นปีเข้าร่วมได้ เพื่อไปหาประสบการณ์และเรียนรู้การทำงาน มีประสบการณ์ชีวิตและเดินทางท่องเที่ยวในอเมริกา แต่ต้องอายุ 18-28 ปี เท่านั้นน

HOW TO APPLY 

• WAT ต้องไปผ่าน Agency ฝั่งไทย (ชาวเราเรียกชื่อเล่นว่า เอเจ้น) US Sponsor และ Host Company เท่านั้น ถ้ามีใครมาแนะนำว่าสามารถพาไปได้โดยไม่ต้องผ่านทีมนี้คือให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าไม่ใช่ WAT นะ 

• สมัครผ่าน Agency ที่เป็นองค์กรแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศในไทย มีให้เลือกหลายเจ้ามีคนรีวิวแต่ละเอเจ้นไว้เยอะมาก 

• WAT ไปตอนปิดเทอม เริ่มตั้งแต่ Spring (มีค-กค) และ Summer (พค-กย) แล้วแต่ว่าพวกเทอจะปิดเทอมกันตอนไหน ส่วนตัวเราไป Summer  ระยะเวลาเข้าร่วมไม่เกิน 4 เดือน ทำงานเสร็จเที่ยวในอเมริกาได้ไม่เกิน 30 วัน อันนี้สำคัญมาก เค้าอยู่เกิน ไม่งั้นเป็นเรื่องนะ 


JOB & LOCATION

• สมัคร ส่งข้อมูล ให้ทางเอเจ้นก็เข้าไปเลือกประเภทงานและ Job Location กันเลย งานของ WAT จะเป็นแนว Customer Service คืองานบริการลูกค้า ไม่ใช่สมัครแล้วจะได้งานเลยนะเทอ เทอต้องสัมภาษณ์กับบริษัทที่จะเค้าจะจ้างเราก่อน 

• ทีนี้การสัมภาษณ์จะผ่านหรือไม่ผ่านเนี่ย หลายอย่างมาก (1) การสื่อสารภาษาอังกฤษ พูดรู้เรื่องมั้ย เข้าใจมั้ย เราจะไปบริการลูกค้าคนอเมริกา ก็ต้องพอสื่อสาร แต่ไม่ต้องเว่อวังถึงขนาดสอบ TOEFL คือภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเฉย ๆ อะเทอ (2) บุคลิก ทัศนคติ (3) อื่น ๆ เช่น ทำงาน Lifeguard ก็ต้องพอว่ายน้ำได้ เข้าอบรม Safety ได้ นึกออกป่ะเทอ 

• ทีนี้จะบอกเทคนิคในการเลือกงานยังไงให้สัมฯ ผ่าน เอางี้ก่อน เราต้องเลือกอะไรที่เราพอจะมีโอกาสผ่าน เช่น ถ้าเราสอบวัดระดับภาษาแล้ว ยังต้องปรับปรุง เราก็อาจจะไปเลือกงานที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับลูกค้ามาก แต่ถ้าใจมันได้ พอมีทักษะภาษา หรืออยากลอง ก็เลือกงานแบบ Front desk งาน Cashier งาน Bartender รายได้ก็อาจจะเพิ่มขึ้นด้วยนะ

• การเลือกเมืองและที่ทำงาน tricky มาก เลือกผิดชีวิตเปลี่ยนอะ บอกเลยแก เอางี้นะ Rank ของเราควรมีการเปรียบเทียบ ค่าแรงที่เราได้ (คิดเป็นชั่วโมง ตั้งแต่ 7-15$ ไม่รวมทิป) ค่าเช่าบ้าน ค่าครองชีพ ภาษี Sales Tax ภาษี State Tax บางเมืองรายได้สูง ค่าครองชีพสูง หรือบางที่ค่าบ้านฟรี อันนี้ต้องอ่านให้ละเอียด ถามเอเจ้นเค้าให้ชัดเจน 

• ส่วนตัวเราไปเมืองไม่ใหญ่มาก ค่าบ้านไม่แพง (75$ ต่อวีคหรือสองวีคถ้าจำไม่ผิด) ภาษีกลาง ๆ ประมาณ 5-6% แปลว่าเทอซื้อของ 100$ เทอต้องจ่ายเค้า 105-106$ ถ้าเทออยู่ NEW YORK จะอยู่ที่ 8.875% อย่างงี้เป็นต้น เราอาจจะอยู่เมืองเล็กแล้วค่อยไปเที่ยวเมืองใหญ่ก็ได้ ถ้าอยาก make money อันนี้แล้วแต่เลยคับ

PROGRAM FEE 

• คำถามยอดฮิตคือว่า แก ต้องจ่ายค่าโครงการเท่าไหร่???

เอางี้ก่อน หลัก ๆ เลยคือค่าสมัครและจองงาน

เราไปกับ NextGen Work and Travel จองงาน 5,000 บาท แต่บางช่วงพี่เค้าจะมี Promotion ฟรีค่าสมัคร โปร Early Bird ก็ลองติดตามโปรโมชั่นกันได้ 

• ต่อไป ค่าโครงการ/ค่าธรรมเนียม ประมาณ 60,000 บาท อันนี้เค้าก็มีโปรอยู่เช่นกัน อยากให้พวกเทอติดตามโปรพวกนี้ไว้ ประหยัดได้เยอะเลย เอาเงินไปช้อปที่กว่า 

• อ่ะถัดไป จะไปเมกาก็ต้องมีวีซ่า ค่าธรรมเนียมวีซ่า 9,000 บาท ขึ้นอยู่กับเรทอัตราแลกเปลี่ยน $ ณ ตอนนั้น ซึ่งจะรวมทุกขั้นตอนในการทำเลย ไม่ต้องจ่ายเพิ่มยิบย่อยอีก 

• ค่าตั๋วเครื่องบิน แนะนำให้เตรียมไว้ 30,000-60,000 บาท (ไปกับเอเจ้นเรา ไม่บังคับจองตั๋วนะ ) คือตั๋วเครื่องบินราคาจะไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับแต่ละจังหวะด้วย บางคนต้องบินไปลงเมืองเล็ก ต่อเครื่อง 2-3 ตุ๊บ ราคาก็จะแตกต่างกันไป 

• ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเป็น POCKET MONEY คือเราไปถึงเมกาต้องซื้อของเข้าบ้าน มัดจำค่าบ้าน (DEPOSIT) ซื้อเสื้อผ้า ซื้อจักรยาน คือแบบเยอะจริง กว่าจะได้เชคค่าจ้างก็น่าจะ 1-2 สัปดาห์ ดังนั้นอยากให้เตรียมเอาไว้ 1,000$ นะ 

ทุกอย่างพร้อมก็ไปบินกันจ้า part นี้วาจะเล่าว่าไปทำงานที่สวนน้ำ ตำแหน่ง food & beverage กับเอเจ้นนี้เนี่ย มันเป็นยังไง คุ้มมั้ย 

ทำงาน FOOD RUNNER ในสวนน้ำ 

ปวดขามากกกกกกกแม่

ผิวเข้มขึ้นมากกกกกกก

คือแดดอเมริกามันแรงมากแก

* เราทำงานส่วน Food & Beverage ในสวนน้ำหน้าร้อน ร้อนกว่าเมืองไทยอีกอ่ะบางวัน นางก็จะมีหลายตำแหน่ง เพราะในสวนน้ำ เทอนึกออกป่ะว่ามันจะต้องมีร้านขายของ ร้านไอติม ร้านอาหาร คือสวนน้ำเราแบบใหญ่มาก น่าจะใหญ่สุดในเมกาเลย 

* แอบกระซิบข้อดีของการทำงานสวนน้ำคือ ได้ตั๋วฟรี จ่ะ เทออยากจะเล่นกี่รอบ วันไหนว่างก็มาได้เลย แนะนำเพื่อนคนอื่นมาด้วยก็ได้ เล่นไปเลยจ้าาาาา

* อ่ะตอนแรกเค้าก็จะให้เวียนทุกร้าน ทุกตำแหน่ง ว่าเราทำได้มั้ย ชอบร้านไหน ทำงานกับทีมไหนได้ดี น้องวาก็มาลงเอยร้านที่ busy ที่สุดในสวนน้ำคือร้านขายเบอเกอร์ (ไม่รู้ว่าเราดูอึดหรือยังไงนะ) ทำไมถึงบอกว่าร้าน busy ก็คือนางมีคนเข้าตลอด ขายไม่ทัน ขนาดเปิดร้านใหญ่มากแล้วก็ขายไม่ทันเลยทุกคน เอาจริง ๆ ไม่ค่อยมีใครอยากอยู่นี้หรอก มันใช้ energy เยอะมาก แต่สายซาดิสม์อย่างเรา เอางานมาเลย!!!! ชั้นสู้!!!!

* งานหนักก็จริงนะแก แต่ได้อะไรเยอะมาก 

(1) ภาษาดีขึ้นเยอะ เพราะทำร้านนี้เราจะได้ Rotate มาเป็น Food Runner คอยรันอาหารในครัวมาหน้าร้านให้ลูกค้าซื้อ นางก็จะถามโน่นนี่ ลูกค้าน่ารักมาก (มีส่วนน้อยที่นิสัยไม่ดี เดี๋ยวเม้า!) ลูกค้าฝรั่งบางทีเค้าแพ้นม แพ้ถั่ว แพ้ชีส เราต้องบอกส่วนผสมทุกอย่างได้ ต้องคุยเป็น บางทีถามสารทุกข์สุขดิบ ภาษาดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลย 

 (2) จัดการกับเวลา อันนี้รวมทั้งเรื่องงานเรื่องส่งนตัวเลยนะ เวลาไปทำงานจะออกเป็นตารางชัดเจน แกห้ามจำวันผิด ห้ามลืมตาราง ห้ามขาด สาย อันนี้ฝรั่งรับไม่ได้ มีผลต่อการป้อนชั่วโมงงานให้เรา (ก็คือมีสิทธิ์ได้เงินน้อยลง)

 (3) ฝึกความอดทน อดทนกับคน อารมณ์ อดทนกับอากาศ ความปสด. ของตัวเราเอง ฯลฯ โอ้ยเยอะแยะมากมายที่ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะได้เจอ ไม่เคยยืนทำงานนาน ๆ ก็ต้องยืน 6 ชม./วันให้ได้ จับลูกค้าที่ขโมยของก็ทำมาแล้วแก  ต้องอึด ถึก ทน เลยแหละ

 (4) ได้เพื่อน WAT ไม่ได้มีแต่คนไทยนะแก คือเพื่อนเราจะมีทั้งคนอเมริกัน คนยุโรป คนเอเชีย แอฟริกันและอีกมากมายจากทั่วโลก นี่แหละไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมจริง ๆ เลย เพื่อน ๆ หลายคนก็ยังติดต่อกันอยู่ เป็น Network ที่ดีมาก ๆ 

 (5) ได้เงิน อ่ะ ทุกคนต้องใจเย็นก่อน ค่าแรงที่นี่ ชั่วโมงละ 300 นะ ไม่ใช่วันละ 300 คือมันดีมากกกกก บางทีได้ tip จากลูกค้าด้วย ถือว่าเริ่ด ถือว่าดีงาม บางงานได้ OT อีก พอมาหักลบกลบหนี้กับค่าใช้จ่าย ค่าบ้าน ภาษี ส่วนตัวเราไม่ขาดทุนนะ (แม่ไม่ด่า) อยู่กินในเมกาได้สบาย ๆ แถมยังไปเที่ยว CHICAGO กับ NEW YORK หลังจบทริป ได้ด้วย แถมมีเงินเหลือมาคืนค่าโครงการให้แม่อีก

อ่ะที่เม้ามาทั้งหมดจริง ๆ มันมีรายละเอียดและเรื่องเม้าอีกเยอะมาก ไว้วันหลังจะมาเล่าอีกนะค้า


USA Vlog EP.1 พาไปอเมริกาด้วยกัน | Minnie S.


vlog ที่หลายๆคนรอคอยมาแล้ววววว พาไปอเมริกาด้วยกัน! เป็นวิดีโอแรกในช่องเลยที่ไม่ได้ถ่ายในไทย หวังว่าจะชอบกันนะคะ วิดีโอพาเที่ยวเดี๋ยวมาลงให้อาทิตย์หน้าน้าาา อันนี้จะเป็นพาไปอเมริกาก่อนน
Instagram : @minniiiiiee
MNSTRAVELVLOG traveling vlog

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

USA Vlog EP.1 พาไปอเมริกาด้วยกัน | Minnie S.

พาไปส่อง life style ของวัยรุ่นอเมริกาที่ U.S.A.😎🇺🇸 จะเสรีภาพอะไรขนาดนี้!! | Thicha CK✨


สวัสดีค้า วันนี้ธิชาพาทุกๆคนไปสอดส่อง life style ของวัยรุ่นอเมริกานะคะ เเละในวันนี้ธิชาก็เตรียมคำถามเพื่อที่จะไปถามวัยรุ่นอเมริกาที่นี้ด้วย!! เเต่ละคำถาม รับลองว่าเด็ด!! ไปรับชมกันเลยค้า❤️😎🛹✨
————————————————————
🌈ติดตามธิชาช่องทางอื่นได้ที่👇
Instagram : https://www.instagram.com/thicha.ck/?hl=en
Facebook : https://www.facebook.com/thicha.ck.3
Facebook page : https://m.facebook.com/ThichaCK101482488619139/
————————————————————
🎵Hip Hop Rap Instrumental (Crying Over You) by christophermorrow
https://soundcloud.com/chrismorrow3
🎵Creative Commons — Attribution 3.0 Unported— CC BY 3.0
🎵Free Download / Stream: http://bit.ly/2AHA5G9
🎵Music promoted by Audio Library https://youtu.be/hiYs5z4xdBU
💖Thank you for watching and supporting me💖

พาไปส่อง life style ของวัยรุ่นอเมริกาที่ U.S.A.😎🇺🇸 จะเสรีภาพอะไรขนาดนี้!! | Thicha CK✨

จากครูสอนพละที่ไทยสู่การเป็นนักบินในอเมริกา


Join this channel to get access to perks:
https://www.youtube.com/channel/UCdwo6foZasLYVJQdjpnOcmg/join
ช่องนี้จะเป็นการนำเสนอวีดีโอแนว Daily Vlog แต่ก็ยังคงมีคลิปที่เป็น Content น่าสนใจมากมายในอเมริกาด้วย สามารถเลือกชมได้ใน Playlist ของช่องครับ
และนี่คือ LifeStyle ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราในอเมริกา
(คลิปที่มี EP นำหน้าคือ VLOG แต่ถ้าไม่มีคือ Content ครับ)
อีกช่องของผม https://www.youtube.com/channel/UChvL2teFdcU5lK4HFB9H5pw
จีโร่ เพจ https://www.facebook.com/MrJiroChanTX/
จีโร่ IG : https://www.instagram.com/jiro_chan_16/

จากครูสอนพละที่ไทยสู่การเป็นนักบินในอเมริกา

รีวิววัคซีน​ Moderna (โมเดอร์น่า) ผลข้างเคียง​อย่างละเอียด


dearrulez วัคซีนโควิด วัคซีนโมเดอร์นา modernavaccine mrna ผลข้างเคียง นิวยอร์ก
Review ฉีดวัคซีน​โมเดอร์​น่า ที่อเมริกาฟรี!! และ ผลข้างเคียง​ที่เจอ

รีวิววัคซีน​ Moderna (โมเดอร์น่า) ผลข้างเคียง​อย่างละเอียด

อยากไปทำงานที่ อเมริกา ใช้เงินเท่าไหร่? | USA adventure | Nice Tales


ไนซ์แจงรายละเอียด ให้ว่าอยากไปต้องเก็บตังเท่าไหร่ ใครอยากไป ตามมาดูกันเลยค่ะ.

ติดตาม Nice ช่องทางอื่นๆได้ที่
FB : https://fb.me/NiceTalesChannel
IG : https://www.instagram.com/princezznize/
Www.panit.me

อยากไปทำงานที่ อเมริกา ใช้เงินเท่าไหร่? | USA adventure | Nice Tales

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ไป ทำงาน อเมริกา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *