Skip to content
Home » [NEW] เรียนต่ออเมริกา เรียนต่อแคนาดา กับ North America Study | university of melbourne เข้า ยาก ไหม – NATAVIGUIDES

[NEW] เรียนต่ออเมริกา เรียนต่อแคนาดา กับ North America Study | university of melbourne เข้า ยาก ไหม – NATAVIGUIDES

university of melbourne เข้า ยาก ไหม: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกอยู่เป็นจำนวนมาก
หนึ่งในนั้นอาจเป็นมหาวิทยาลัยในฝันของน้องๆทุกคน

วันนี้พี่ๆ Education For Life ได้รวบรวมกลุ่มมหาวิทยาลัยระดับท็อปของโลกที่รวมตัวกันภายใต้ชื่อ Ivy League เราไปดูกันค่ะว่า ชื่อนี้มีที่มาอย่างไร และมีมหาวิทยาลัยอะไรบ้าง…

Ivy League คืออะไร ?

Ivy League เป็นการรวมกลุ่มของมหาวิทยาลัยเอกชนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงโดดเด่นทางด้านวิชาการจำนวน 8 แห่งทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1954 โดยจุดประสงค์เดิมเพื่อการรวมกลุ่มทางด้านกีฬา ทุกมหาวิทยาลัยมีเป้าหมายที่จะต้องควบคุมมาตรฐานคุณภาพการศึกษาให้ติดอันดับโลก

คำว่า Ivy คือกลุ่มไม้เลื้อยที่นิยมปลูกตามผนังอาคารหรือตึกเรียนต่างๆ ในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อกลุ่มนั้นเอง โดยปัจจุบันมหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งเหล่านี้ติด 1 ใน 15 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของอเมริกาทั้งสิ้น
จุดเด่นอีกอย่างที่เป็นที่ทราบกันทั่วโลกของกลุ่มมหาวิทยาลัย Ivy League คือการคัดเลือกนักเรียนที่ยากมากๆ เพราะมหาวิทยาลัยต้องการคนเก่งที่มีความสามารถโดดเด่น และสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัยเท่านั้น โดยปกติมหาวิทยาลัยรับนักเรียนเพียงแค่ 10% จากยอดสมัครรวมทั้งหมด


มหาวิทยาลัย Ivy League กับการจัดอันดับจากของสหรัฐอเมริกา และระดับโลก

Ivy League
National Ranking
(U.S. New & Report)
QS World University
Rankings 2016

Brown University
14
49

Columbia University
4
22

Cornell University
15
17

Dartmouth College
12
158

Harvard University
2
2

University of Pennsylvania
9
18

Princeton University
1
11

Yale University
3
15

Brown University, Rhode Island


Brown University

เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งอยู่ในรัฐ Rhode Island ก่อตั้งขึ้นในปี 1764 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกาเป็นอันดับที่ 7 ของสหรัฐอเมริกา อีกทั้ง 

Brown University ยังติดอันดับ

 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งก่อนยุคปฏิวัติอเมริกาอีกด้วย

Brown University 

เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่รับนักเรียนโดยปราศจากข้อผูกมัดทางศาสนา นอกจากนั้นแล้วยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในเครือ Ivy League ที่ก่อตั้งคณะวิศกรรมศาสตร์ ในปีค.ศ. 1847 ปัจจุบันมีนักเรียนในระดับปริญญาตรี 6,200 คน ปริญญาโท 2,000 คน นักเรียนแพทย์ 490 คนและบุคลากรของมหาวิทยาลัยอีกกว่า 700 คน มหาวิทยาลัยเปิดสอนกว่า 100 สาขาในระดับปริญญาตรีและ 50 สาขาในระดับปริญญาโท ทำให้ทั้งมหาวิทยาลัยมีนักเรียนจากทุกรัฐของอเมริกาและจากหลายประเทศทั่วโลก

Brown University

มีชื่อเสียงในเรื่องกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมและกิจกรรมเพื่อชุมชนที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นทุกปีภายในแคมปัสเพื่อให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมรวมกัน หากพูดถึงการรับนักเรียนเข้าของมหาวิทยาลัยใน Ivy League มีความยากมากๆทุกแห่ง

สำหรับ

Brown University

มีอัตราเข้ารับนักเรียนอยู่ที่ร้อยละ 8.5 เพียงเท่านั้น
ปัจจุบันมีศิษย์เก่าจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ Emma Watson นางเอกสาวที่มีชื่อเสียงระดับโลก และ Ted Turner เจ้าของสำนักข่าวประจำสหรัฐอเมริกาอย่าง CNN อีกด้วย

Columbia University, New York


Columbia University

 เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในนคร New York และเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 5 ของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในตอนเหนือของเกาะแมนฮัตตัน ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1754 ด้วยชื่อ King’s College โดยสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งอังกฤษ

Columbia University

 มีศิษย์เก่า และคณาจารย์ที่ได้รับรางวัลโนเบลมากที่สุด ฃเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 102 ท่าน มีศิษย์เก่าที่เป็นประธานาธิบดี และนายรัฐมนตรีจากทั่วโลกจำนวน 29 คน หนึ่งในนั้นคือ Barack Obama ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐ ศิษย์เก่าที่ปัจจุบันเป็น CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกจำนวน 45 คน มีศิษย์เก่าได้รับรางวัลออสการ์อีกกว่า 28 คน นอกจากนั้นแล้ว Columbia University ยังเป็นผู้มอบรางวัล Pulizer ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบในวงการสื่อสิ่งพิมพ์ในระดับชาติ เป็นเวลากว่า 100 ปีมาแล้ว

Columbia University

เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เปิดให้บริการคลื่นวิทยุด้วยระบบ FM มีคณะวิศกรรมศาสตร์ที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ด้วยเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นให้มีอาจารย์มากพอเพื่อดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง

Columbia University

ขึ้นชื่อในเรื่องความหลากหลายของเชื้อชาติที่นอกจากจะมีนักเรียนจากทั่วทุกรัฐในอเมริกาแล้ว ยังมีนักเรียนจากทั่วโลกอีกกว่า 90 ประเทศ และมีนักเรียนเกือบครึ่งเป็นนักเรียนผิวสี มหาวิทยาลัยมีกองทุนสนับสนุนเงินลงทุนจำนวนมากที่พร้อมช่วยเหลือนักเรียนเพราะมหาวิทยาลัยเชื่อว่า เงินจะต้องไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนของนักเรียน

Cornell University, New York


Cornell University

 ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1865 โดย Ezra Cornell และ Andrew Dickson White เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งอยู่ในเมือง Ithaca รัฐ New York ได้ชื่อว่ามีแคมปัสที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกา เพราะมหาวิทยาลัยตั้งอยู่บนภูเขาและมีน้ำตกไหลผ่านกลางแคมปัส และยังติดกับทะเลสาบอีกด้วย

Cornell University

 มีจุดประสงค์เพื่อสอนในทุกสาขาวิชาตั้งแต่วิทยาศาสตร์ไปจนถึงศิลปศาสตร์ จากทั้งทฤษฏี และการประยุกต์ ในปัจจุบันเปิดสอนทั้งสิ้น 7 โรงเรียนในระดับปริญญาตรี และ 7 โรงเรียนในระดับปริญญาโท

Cornell University

 มีชื่อเสียงทางด้านวิชาการในหลากหลายด้ายจากการทำวิจัยต่างๆของคณาจารย์และ นักเรียน ปัจจุบันมีนักเรียนปริญญาตรีทั้งสิ้น 14,000 คน ระดับปริญญาโทอีก 7,000 คนจากทั่งอเมริกาและทั่วโลก มีศิษย์เก่าทั้งสิ้น 245,000 คน มีศิษย์ที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก

Cornell University

 โดดเด่นในหลายๆด้าน และวงการต่างๆ ทั่วโลก อาทิ Ruth Bader Ginsburg ประธานศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา E.B.White นักประพันธ์ชื่อดังเจ้าของผลงานเรื่อง Stuart Little และ Charlotte’s Web Irene Rosenfeld เจ้าของแบรนด์ Kraft Foods Lee Teng-hui ประธานาธิบดีของไต้หวันคนปัจจุบัน และอีกจำนวนมาก

Dartmouth College, New Hampshire

Dartmouth College 

เป็นวิทยาลัยที่เล็กที่สุดใน Ivy League ตั้งอยู่ในเมือง Hanover รัฐ New Hampshire ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1769 โดย Eleazar Wheelock เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งก่อนการปฏิวัติอเมริกา ปัจจุบันมีสาขาวิชาให้เลือกเรียนจำนวนมาก สาขาที่ได้รับความนิยมได้แก่ Social Science, Biological, Biomedical Sciences, Engineering และ History

Dartmouth College

 ให้ความสำคัญกับการสอนเป็นพิเศษ เพราะตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ควบคุมการสอนของมหาวิทยาลัยโดยให้อาจารย์เฉพาะทางสอน และยังเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่จะสอนนักเรียนได้ ซึ่งอาจารย์จำนวนมากของมหาวิทยาลัยเป็นนักวิชาการตัวท็อปของประเทศทั้งสิ้น

Dartmouth College

มีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงในสาขาต่างๆของโลกทั้งสิ้น ได้แก่ Michael Armstrong ซีอีโอของค่ายโทรศัพท์ในอเมริกา AT&T, John Donahoe ซีอีโอของ eBay, Grant Tinker ซีอีโอของ NBC และศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงอีกจำนวนมาก

Dartmouth College

เป็นที่รู้จักกันในเรื่องประเพณีที่มหาวิทยาลัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและการส่งเสริมนักเรียนให้มีสปิริตของการเชียร์กีฬา มีประเพณีที่สำคัญ ได้แก่ Big Weekends การจัดปาร์ตี้ประจำมหาวิทยาลัยในสุดสัปดาห์ เทอมละ 1 ครั้งเพื่อให้นักเรียนได้ผ่อนคลายจากการเรียน

Dartmouth College

 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปี ก็จะมีงาน Homecoming โดยจัดขึ้นรอบกองไฟ ณ สนามของมหาวิทยาลัย ในช่วงฤดูหนาวก็มี Winter Carnival ซึ่งเริ่มจัดตั้งแต่ปี 1911 เพื่อการส่งเสริมกีฬาฤดูหนาวนั้นเอง เป็นที่แรกที่ริเริ่มถือว่าเป็นประเพณีที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐ และในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกปีก็จะมีงาน Green Key เป็นการจัดปาร์ตี้ในช่วงสุดสัปดาห์อีกเช่นกัน

Harvard University, Massachusetts


The Harvard Business School Baker Library faces the Charles River in Boston, Massachusetts, U.S., on Sunday, June 26, 2011. Photographer: Kelvin Ma/Bloomberg

Harvard University 

ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยตัวท็อปของทั้งอเมริกา และโลกจากหลายแห่ง อาทิ ช่วงปี 2552-2553 ได้รับอันดับ 1 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของสหรัฐอเมริกา และได้รับอันดับ 1 ให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก ติดต่อกันมายาวนยานหลายปี

Harvard University

ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มนักบวชชื่อ Puritanism ที่อพยพมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งจุดประสงค์ในตอนนั้นตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่ศาตนาตามลัทธิของตนเอง ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อ Harvard University เพราะต้องการให้เกียรติแก่ John Harvard นักบวชท่านนึง

Harvard University 

มีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพการศึกษาทางด้านวิชาการ และคุณภาพของคณาจารย์ของ 

Harvard University

ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยได้ชื่อให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งมหาวิทยาลัยได้เงินกองทุนสูงที่สุดของโลก ด้วยเงิน 34.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

Harvard University

เป็นมหาวิทยาลัยที่มีบรรดาศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ได้ทำหน้าที่สำคัญระดับโลกทั้งสิ้น ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาที่มีถึง 8 คน ได้แก่ John Adams, John Quincy Adams, Rutherford B. Hayes, Theodore Roosevelt, Franklin D. Roosevelt, John F. Kennedy, George W. Bush, และประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง Barack Obama นอกจากนั้นแล้วยังมีคนสำคัญอีกจำนวนมากเช่น Michelle Obama ภริยาของประธานาธิบดี Barack Obama, Mark Zuckerberg คนก่อตั้ง Facebook, Bill Gates คนก่อตั้ง Microsoft เป็นต้น

ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยตัวท็อปของทั้งอเมริกา และโลกจากหลายแห่ง อาทิ ช่วงปี 2552-2553 ได้รับอันดับ 1 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของสหรัฐอเมริกา และได้รับอันดับ 1 ให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลก ติดต่อกันมายาวนยานหลายปีก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มนักบวชชื่อ Puritanism ที่อพยพมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งจุดประสงค์ในตอนนั้นตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่ศาตนาตามลัทธิของตนเอง ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อ Harvard University เพราะต้องการให้เกียรติแก่ John Harvard นักบวชท่านนึงมีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพการศึกษาทางด้านวิชาการ และคุณภาพของคณาจารย์ของห้องสมุดของมหาวิทยาลัยได้ชื่อให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อีกทั้งมหาวิทยาลัยได้เงินกองทุนสูงที่สุดของโลก ด้วยเงิน 34.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

University of Pennsylvania, Pennsylvania

Ivy_leagues_top_world_0220

University of Pennsylvania

หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า UPenn หรือ Penn เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ ก่อตั้งขึ้นในปี 1740 โดย Benjamin Franklin ตั้งอยู่ในเมือง Philadelphia รัฐ Pennsylvania เป็นหนึ่งในสมาคมมหาวิทยาลัย Association of American Universities และ เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งขึ้นก่อนการปฏิรูปอเมริกา

University of Pennsylvania

 มีชื่อเสียงในด้านการแพทย์ พาณิชยศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และสถาปัตยกรรม ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น 24,599 คน และคณาจารย์อีกกว่า 4,127 คน

University of Pennsylvania 

ที่มีแลนด์มาร์คสำคัญเกิดขึ้นจำนวนมาก เช่น สมาคมของนักเรียน, Business School, Medical school ขึ้นเป็นครั้งแรกของสหรัฐอเมริกา

University of Pennsylvania 

ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับต้นๆของประเทศ โดยเฉพาะ Business School ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ของประเทศมาโดยตลอด โดยภาพรวมแล้ว University of Pennsylvania ขึ้นชื่อให้เป็นมหาวิทยาลัยที่เข้ายากที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐเลยทีเดียว

University of Pennsylvania

 มีศิษย์เก่าจำนวนมากที่สร้างชื่อเสียงในระดับโลก อาทิ ศิษย์เก่าได้รับรางวัลโนเบลทั้งสิ้น 25 คน ศิษย์เก่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีก 9 คน, Leonard Lauder เจ้าของแบรนด์ Estée Lauder, John Legend นักร้องชื่อเสียง John Sculley ซีอีโอของ Pepsi Co., Mortimer Zuckerman เจ้าของวารสารชื่อดังอย่าง U.S. News and World Report

หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า UPenn หรือ Penn เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ ก่อตั้งขึ้นในปี 1740 โดย Benjamin Franklin ตั้งอยู่ในเมือง Philadelphia รัฐ Pennsylvania เป็นหนึ่งในสมาคมมหาวิทยาลัย Association of American Universities และ เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งขึ้นก่อนการปฏิรูปอเมริกามีชื่อเสียงในด้านการแพทย์ พาณิชยศาสตร์ นิติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และสถาปัตยกรรม ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น 24,599 คน และคณาจารย์อีกกว่า 4,127 คนที่มีแลนด์มาร์คสำคัญเกิดขึ้นจำนวนมาก เช่น สมาคมของนักเรียน, Business School, Medical school ขึ้นเป็นครั้งแรกของสหรัฐอเมริกาได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับต้นๆของประเทศ โดยเฉพาะ Business School ที่ถูกจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ของประเทศมาโดยตลอด โดยภาพรวมแล้ว University of Pennsylvania ขึ้นชื่อให้เป็นมหาวิทยาลัยที่เข้ายากที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐเลยทีเดียว

Princeton University, New Jersey

Princeton University

 แรกเริ่มก่อตั้งขึ้นในชื่อ College of New Jersey ก่อตั้งขึ้นในปี 1746 ในเมือง Elizabeth ต่อมาย้ายมาที่เมือง Princeton รัฐ New Jersey จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นชื่อปัจจุบันในปี 1896

Princeton University 

เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่อันดับที่ 4 ของสหรัฐอเมริกา เปิดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี และโทในสาขา Humanities, Social Sciences, และ Engineering

Princeton University 

เป็นมหาวิทยาลัยมีหอพักรองรับนักเรียนปริญญาตรีให้พักในแคมปัสตลอด 4 ปีการศึกษา ด้วยจำนวนนักเรียนกว่า 98 เปอร์เซ็นต์พักในแคมปัส มหาวิทยาลัยมีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงสำคัญระดับโลกจำนวนมาก ด้วย 40 คนได้รับรางวัลโนเบล 17 คนได้รับรางวัล The National Medal of Science

Princeton University 

มีบุคลากรที่มีความสามารถได้รับรางวัลโนเบลหลายคน เช่น นักเคมี Tomas Lindahl, Osamu Shimomura นักนิเวศวิทยา เป็นต้น ประธานาธิบดี James Madison และ Woodrow Wilson ก็เป็นศิษย์เช่นกัน นอกจากนั้นแล้วยังมี Jeff Bezos เจ้าของ Amazon และอีกหลากหลายคน

แรกเริ่มก่อตั้งขึ้นในชื่อ College of New Jersey ก่อตั้งขึ้นในปี 1746 ในเมือง Elizabeth ต่อมาย้ายมาที่เมือง Princeton รัฐ New Jersey จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นชื่อปัจจุบันในปี 1896เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่อันดับที่ 4 ของสหรัฐอเมริกา เปิดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี และโทในสาขา Humanities, Social Sciences, และ Engineering

Yale University, Connecticut

Yale University 

ก่อตั้งขึ้นในปี 1701 ตั้งอยู่ในเมือง New Haven รัฐ Connecticut เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับ 3 ของอเมริกา เป็นมหาวิทยาลัยที่เข้ายากเป็นอันดับ 1 ของสหรัฐ

Yale University 

สาขาที่ยอดนิยมได้แก่ Political Science, History, Economics, Psychology, Biology นอกจากนั้นแล้วยังเป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงในหลักสูตรด้านดนตรี

Yale University 

ปัจจุบันมีโรงเรียนทั้งสิ้น 14 โรงเรียน ทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก มีห้องสมุดที่ใหญ่เป็นอันดับสามในสหรัฐ รวบรวมหนังสือและงานวิจัยไว้จำนวนมาก

Yale University

ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่นักเรียนอยากเรียนมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยการจัดอันดับของ U.S. News แต่ก็ขึ้นชื่อในเรื่องการรับสมัครนักเรียนที่ยากเหมือนมหาวิทยาลัยอื่นๆใน Ivy League โดยปี 2016 รับนักเรียนเพียงแค่ 1,972 คน จากนักเรียนที่สมัครทั้งสิ้น 31,455 คน มีศิษย์ที่เป็นคนสำคัญจำนวนมาก เช่น George H. W. Bush, Bill Clinton, George W. Bush เป็นต้น

ก่อตั้งขึ้นในปี 1701 ตั้งอยู่ในเมือง New Haven รัฐ Connecticut เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับ 3 ของอเมริกา เป็นมหาวิทยาลัยที่เข้ายากเป็นอันดับ 1 ของสหรัฐสาขาที่ยอดนิยมได้แก่ Political Science, History, Economics, Psychology, Biology นอกจากนั้นแล้วยังเป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงในหลักสูตรด้านดนตรีปัจจุบันมีโรงเรียนทั้งสิ้น 14 โรงเรียน ทั้งระดับปริญญาตรี โท และเอก มีห้องสมุดที่ใหญ่เป็นอันดับสามในสหรัฐ รวบรวมหนังสือและงานวิจัยไว้จำนวนมาก

เกร็ดน่ารู้ของ Ivy League

 มีการคัดเลือกที่ยากมากๆ น้องๆที่สนใจควรเตรียมตัวหาข้อมูลการรับสมัครของแต่ละมหาวิทยาลัยตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างน้อย 2 ปีก่อนการเข้าเรียนค่ะ

 มีค่าเรียนที่แพง แต่ก็มีทุนให้จำนวนมากเช่นกัน

 มหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งไม่มีตัวแทนในประเทศไหนเลยทั่วโลก นักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนที่นี้จำเป็นต้องทำเรื่องติดต่อเรียนด้วยตัวเองเท่านั้น

 

 
 
ข้อมูลเพิ่มเติม  เรียนต่อป.ตรี (Bachelor) อเมริกา คลิ๊ก!!
ข้อมูลเพิ่มเติม  เรียนต่อป.โท (Master) อเมริกา คลิ๊ก!!

เราเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยใน The United States of America (USA) ประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ

บริการฟรีทุกขั้นตอน Tel. 02 129 3214, 02 129 3215 สมัครเรียน สมัครหอพักของมหาวิทยาลัย จองตั๋วเครื่องบิน รถรับ-ส่งสนามบิน รวมถึงเตรียมเอกสาร กรอกใบสมัคร On-line และทำการนัดหมายกับสถานฑูตอเมริกา ให้ฟรี

ถึงแม้มหาวิทยาลัยในเครือ Ivy League ว่ามีค่าเทอมที่แพง แต่ก็มีทุนที่ช่วยเหลือค่าเรียนสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดี และมีคุณสมบัติพิเศษตามที่มหาวิทยาลัยต้องการ ด้วยเงินจำนวนมาก เรามาดูกันค่ะว่ามหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งนี้มีมหาวิทยาลัยอะไรบ้างเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งอยู่ในรัฐ Rhode Island ก่อตั้งขึ้นในปี 1764 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกาเป็นอีกทั้ง1 ใน 9 มหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งก่อนยุคปฏิวัติอเมริกาอีกด้วยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่รับนักเรียนโดยปราศจากข้อผูกมัดทางศาสนา นอกจากนั้นแล้วยังเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในเครือ Ivy League ที่ก่อตั้งคณะวิศกรรมศาสตร์ ในปีค.ศ. 1847 ปัจจุบันมีนักเรียนในระดับปริญญาตรี 6,200 คน ปริญญาโท 2,000 คน นักเรียนแพทย์ 490 คนและบุคลากรของมหาวิทยาลัยอีกกว่า 700 คน มหาวิทยาลัยเปิดสอนกว่า 100 สาขาในระดับปริญญาตรีและ 50 สาขาในระดับปริญญาโท ทำให้ทั้งมหาวิทยาลัยมีนักเรียนจากทุกรัฐของอเมริกาและจากหลายประเทศทั่วโลกมีชื่อเสียงในเรื่องกิจกรรมทางด้านวัฒนธรรมและกิจกรรมเพื่อชุมชนที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นทุกปีภายในแคมปัสเพื่อให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมรวมกัน หากพูดถึงการรับนักเรียนเข้าของมหาวิทยาลัยใน Ivy League มีความยากมากๆทุกแห่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในนคร New York และเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นตั้งอยู่ในตอนเหนือของเกาะแมนฮัตตัน ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1754 ด้วยชื่อ King’s College โดยสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งอังกฤษเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่เปิดให้บริการคลื่นวิทยุด้วยระบบ FM มีคณะวิศกรรมศาสตร์ที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ด้วยเอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นให้มีอาจารย์มากพอเพื่อดูแลนักเรียนได้ทั่วถึงขึ้นชื่อในเรื่องความหลากหลายของเชื้อชาติที่นอกจากจะมีนักเรียนจากทั่วทุกรัฐในอเมริกาแล้ว ยังมีนักเรียนจากทั่วโลกอีกกว่า 90 ประเทศ และมีนักเรียนเกือบครึ่งเป็นนักเรียนผิวสี มหาวิทยาลัยมีกองทุนสนับสนุนเงินลงทุนจำนวนมากที่พร้อมช่วยเหลือนักเรียนเพราะมหาวิทยาลัยเชื่อว่า เงินจะต้องไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนของนักเรียนก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1865 โดย Ezra Cornell และ Andrew Dickson White เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งอยู่ในเมือง Ithaca รัฐ New York ได้ชื่อว่ามีแคมปัสที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของอเมริกา เพราะมหาวิทยาลัยตั้งอยู่บนภูเขาและมีน้ำตกไหลผ่านกลางแคมปัส และยังติดกับทะเลสาบอีกด้วยมีจุดประสงค์เพื่อสอนในทุกสาขาวิชาตั้งแต่วิทยาศาสตร์ไปจนถึงศิลปศาสตร์ จากทั้งทฤษฏี และการประยุกต์ ในปัจจุบันเปิดสอนทั้งสิ้น 7 โรงเรียนในระดับปริญญาตรี และ 7 โรงเรียนในระดับปริญญาโทมีชื่อเสียงทางด้านวิชาการในหลากหลายด้ายจากการทำวิจัยต่างๆของคณาจารย์และ นักเรียน ปัจจุบันมีนักเรียนปริญญาตรีทั้งสิ้น 14,000 คน ระดับปริญญาโทอีก 7,000 คนจากทั่งอเมริกาและทั่วโลก มีศิษย์เก่าทั้งสิ้น 245,000 คน มีศิษย์ที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมากเป็นวิทยาลัยที่เล็กที่สุดใน Ivy League ตั้งอยู่ในเมือง Hanover รัฐ New Hampshire ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1769 โดย Eleazar Wheelock เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยที่ก่อตั้งก่อนการปฏิวัติอเมริกา ปัจจุบันมีสาขาวิชาให้เลือกเรียนจำนวนมาก สาขาที่ได้รับความนิยมได้แก่ Social Science, Biological, Biomedical Sciences, Engineering และ Historyให้ความสำคัญกับการสอนเป็นพิเศษ เพราะตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ควบคุมการสอนของมหาวิทยาลัยโดยให้อาจารย์เฉพาะทางสอน และยังเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่จะสอนนักเรียนได้ ซึ่งอาจารย์จำนวนมากของมหาวิทยาลัยเป็นนักวิชาการตัวท็อปของประเทศทั้งสิ้น

Table of Contents

[NEW] ประสบการณ์เรียนโท “ดนตรีบำบัด” พร้อมการทำงานเป็นครูสอนดนตรีที่เมลเบิร์น | university of melbourne เข้า ยาก ไหม – NATAVIGUIDES

     แชร์ประสบการณ์เรียนโทที่มหาวิทยาลัยระดับท็อป The University of Melbourne กับสาขา “Master of Music Therapy” โดยคุณอุ๊ดจัง ตวงพร ภูวจรูญกุล

Master of Music Therapy จาก Faculty of Fines Art and Music (VCA&MCM), The University of Melbourne เป็นคอร์สเรียนปริญญาโทที่ไม่ได้เพียงแค่สอนการเล่นดนตรี แต่สอนถึงหลักจิตวิทยาในการใช้ดนตรีเพื่อบำบัด ด้วยหลักสูตรการสอนที่เน้นปฏิบัติจริง นักเรียนจะได้ไปฝึกงานตามสถานที่จริง เช่น โรงพยาบาล หรือศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น

ในบทความนี้คุณอุ๊ดจังจะมาเล่าประสบการณ์ถึงการไปเรียน Music Therapy ที่เมลเบิร์น พร้อมประสบการณ์การทำงานเป็นครูสอนดนตรี ว่าคุณอุ๊ดจังมีวิธีการหางานยังไง หรือวิธีการจัดการเวลาในการเรียน การทำงาน และเวลาส่วนตัว

Thai WAH Club : แนะนำตัวหน่อยค่ะคุณอุ๊ดจัง 🙂

สวัสดีค่ะ ชื่ออุ๊ดจัง ตวงพร ภูวจรูญกุลค่ะ มาจากกรุงเทพฯ ก่อนจะมาออสเตรเลียเป็นครูสอนเปียโนอิสระอยู่ 2 ปี มีสอนทั้งที่โรงเรียนสอนดนตรี และตามบ้านนักเรียนค่ะ

 

Thai WAH Club : เล่าย้อนกลับไปนิดนึงก่อนมาเรียนที่ออสเตรเลีย เคยเรียนที่ไหนมาก่อนคะ

ตอนปริญญาตรีเรียนที่คณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาดนตรีแจ๊ส เครื่องดนตรีเอก เป็นเปียโนค่ะ

 

Thai WAH Club : แล้วตอนนี้คุณอุ๊ดเรียนที่ไหน คณะสาขาอะไรเหรอคะ

ตอนนี้เรียนอยู่ ปี 2 สาขา Master of Music Therapy, Faculty of Fines Art and Music (VCA&MCM), University of Melbourne ค่ะ

 

Thai WAH Club : ก็ถือว่าสาขาที่เรียนใกล้เคียงกับตอนเรียนที่ไทยเลย คิดว่าหลังจากเรียนจบแล้วสามารถนำความรู้ตรงนี้ไปต่อยอดอะไรได้บ้างคะ

จริงๆ โดยส่วนตัวคิดว่าสาขาที่เรียนตอน ป.โท นั้นต่างกับตอนเรียน ป.ตรี มากๆ ถึงแม้จะมีคำว่า ดนตรีเหมือนกัน แต่เป้าหมายและหลักการในการเรียนไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

ตอนเรียน ป.ตรี เป็นการเรียนที่เน้น Performing เหมือนกับฝึกให้ตัวเราเป็นนักดนตรีอาชีพ เน้นที่พัฒนาความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีเอก การเล่นรวมวงกับคนอื่นหรือการแต่งเพลง

แต่การเรียนดนตรีบำบัดนั้นไม่ได้เน้นพัฒนาไปที่ความสามารถในการเล่นดนตรี แต่เป็นความรู้ความเข้าใจและพื้นฐานของการเป็นนักดนตรีบำบัดที่ใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางในการ communicate และ connect กับคนไข้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิชาทางจิตวิทยาด้วย

ทุกวันนี้ที่เรียนอยู่แทบจะไม่รู้สึกเลยว่าเรียน ป.โท อยู่ เพราะว่าทั้งเนื้อหาและวิชาของดนตรีบำบัดนั้นไม่เหมือนกับวิชาใน ป.ตรี ที่ผ่านมาเลย เลยรู้สึกว่าเหมือนมาเรียนอะไรที่ใหม่จากเดิมมากๆ เหมือนยังไม่เคยได้รู้สิ่งนี้มาก่อน เลยรู้สึกเหมือนเรียน ป.ตรีอีกครั้ง

ส่วนเรื่องต่อยอดสำหรับตัวอุ๊ดจังเอง คิดว่าการตัดสินใจมาเรียนดนตรีบำบัดใน ป.โท เป็นการต่อยอดสิ่งที่เรามีจากตอน ป.ตรี แล้ว คือตอน ป.ตรี เรียนรู้ที่จะเล่นดนตรี พอมาป.โท คือมาเรียนรู้ที่จะใช้ดนตรี (ที่เราเล่นได้) ในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ในฐานะ musician แต่เป็น music therapist

ถ้าถามว่าจากจุดนี้จะต่อยอดอย่างไร ก็คิดไว้ว่าอยากกลับไปทำงานเป็นนักดนตรีบำบัดที่ประเทศไทย ทำให้คนไทยรู้จักดนตรีบำบัดมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะแค่คนไข้หรือคนทั่วๆไป แต่รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์เองที่อาจจะยังไม่รู้จักสาขาวิชาชีพนี้อย่างลึกซึ้งเท่าไหร่

Thai WAH Club : คุณอุ๊ดจังเลือกเรียนที่ The University of Melbourne ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยใน Group of Eight ด้วย การสมัครเข้าเรียนที่นี่ถือว่ายากไหมคะ

จะบอกว่ายากก็ยาก จะบอกว่าง่ายก็ง่าย ฮ่าๆๆ คือมันมีส่วนที่ง่าย ส่วนที่ยาก และส่วนที่ยากที่สุด บวกกับสาขาที่มาเรียนใช้วิชาเฉพาะตัวค่อนข้างเยอะ requirement ของมหาวิทยาลัยก็เลยเยอะไปด้วย และต้องบอกไว้ก่อนว่าเราใช้เวลาเตรียมตัวค่อนข้างเยอะ

สำหรับอุ๊ดจังส่วนที่ง่ายคือส่วนที่เกี่ยวข้องกับ music skill เช่น ต้องมีใบสอบเทียบเครื่องดนตรีเอก เกรด 8 จาก AMEBหรือสถาบันอื่นที่เทียบเท่า ซึ่งตัวเราเองก็ไล่สอบแต่ละเกรดมาตั้งแต่เด็กๆ หรือต้องจบ ป.ตรี ในสาขาดนตรีหรือที่เกี่ยวข้อง (เช่น พยาบาล นักจิตวิทยา นักกายภาพบำบัดฯ) requirement พวกนี้เป็นเรื่องที่ง่ายเพราะเป็นเรื่องที่เราได้ทำไปแล้ว

ส่วนที่ยาก คือ การต้องมีชั่วโมงอาสาสมัคร การอัดวิดิโอเล่นเครื่องดนตรี ซึ่งต้องใช้เวลาฝึกซ้อมด้วย เพราะการเรียนดนตรีบำบัดนั้นเน้นที่การใช้กีต้าร์มากกว่าเครื่องดนตรีอื่น ถึงแม้ว่าจะเล่นเปียโนมานานแต่ก็ต้องฝึกซ้อมเล่นกีต้าร์ที่ตัวเองยังไม่ถนัดด้วยเหมือนกัน และก็มีวิชาจิตวิทยาพื้นฐานที่ตัวเราไม่ได้เรียนในระดับป.ตรี ก็ต้องมาลงเรียน มสธ. เพิ่มเพื่อที่จะให้ครบ requirement ของทางมหาวิทยาลัยค่ะ

แต่ !! ส่วนที่ยากที่สุดสำหรับอุ๊ดจังเองเป็นเรื่องภาษาอังกฤษมากกว่าค่ะ สอบ 4 รอบกว่าจะผ่านได้ แต่ตัวเราเองสอบ TOEFL นะคะ ไม่ได้สอบ IELTS เพราะตอนแรกตั้งใจจะไปอเมริกา แล้วก็เริ่มติวเนื้อหาข้อสอบ TOEFL มาตั้งแต่ต้น เลยไม่อยากมาเปลี่ยนแนวข้อสอบอีกที แต่ถึงจุดนี้ผ่านมาได้ก็เพราะตั้งใจมากๆ ที่จะทำให้ผ่าน แล้วก็อยากมาเรียนที่ University of Melbourne มากๆ ค่ะ

 

Thai WAH Club : แล้วทำไมถึงตัดสินใจเลือกมาเรียนต่อสาขานี้ที่ออสเตรเลียเหรอคะ คิดว่าอะไรเป็นจุดเด่นของที่นี่

โปรแกรมดนตรีบำบัดของที่ University of Melbourne มีจุดเด่นหลายอย่างค่ะ อย่างแรกเลยใช้เวลาเรียน 2 ปี และได้ฝึกงาน ได้ลองฝึกกับคนไข้จริงๆ ตั้งแต่เทอมที่หนึ่งเลย เรียกว่าเรียนทั้งหมด 4 เทอม ก็ได้ฝึกงานทุกเทอม แต่ละเทอมก็ต่างสถานที่กันไป

สองเทอมที่ผ่านมาได้ไปฝึกที่ Specialist School และ Disability Day Care Center ส่วนเทอมนี้ทำอยู่ที่ Neuro Rehabilitation Centre ได้ประสบกาณ์กับความรู้เยอะมากๆ ค่ะ

จุดเด่นที่สำคัญที่สุด คือ หากเราเรียน Master of Music Therapy ที่ University of Melbourne เมื่อเราจบเราจะสามารถ apply เป็น Registered Music Therapist (RMT) ได้โดยไม่ต้องสอบ เพราะว่า Australian Music Therapy Association (AMTA) ได้รับรองหลักสูตรให้กับทาง University of Melbourne แล้วค่ะ เรียกว่าตั้งใจเรียนให้จบก็ได้ใบประกาศนียบัตรวิชาชีพพร้อมออกไปทำงานได้เลย

Thai WAH Club : ช่วยเล่าถึงการไปฝึกงานกับทางมหาวิทยาลัยตามสถานที่จริงหน่อยค่ะ

อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าสองเทอมที่ผ่านมาได้ไป Specialist School และ Disability Day Care Centre ปัจจุบันนี้เทอมที่ 3 แล้ว ทำอยู่ที่ Neuro Rehabilitation Centre ค่ะ

สังเกตได้ว่าเราจะเปลี่ยนสถานที่ฝึกงานทุกๆ เทอม นั่นก็เพื่อที่จะได้ลองใช้ดนตรีบำบัดกับคนไข้กลุ่มต่างๆ ซึ่งเมื่อคนไข้ไม่เหมือนกัน เป้าหมายในการทำบำบัดก็ไม่เหมือนกัน วิธีการและแนวคิดก็ต่างกันออกไปด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่เปลี่ยนที่ฝึกงานเราก็เหมือนได้ที่ทำงานใหม่ เรียนเรื่องใหม่ๆ

แต่ไม่ได้ไปฝึกคนเดียวโดดๆ เลยนะคะ ทุกสถานที่ที่ไปจะมีนักดนตรีบำบัดอยู่แล้ว อาจารย์ประจำวิชา Clinical Placement จากทางมหาวิทยาลัยก็จะติดต่อนักดนตรีบำบัดที่ทำงานอยู่ในสถานที่ต่างๆ ให้มาเป็น Supervisor ให้กับเรา

ดังนั้นเราก็จะได้เรียนรู้จากการสังเกต Supervisor ของเราทำงาน และได้ลงมือทำงานจริงๆ พร้อมมี Supervisor คอยให้คำแนะนำและช่วยเหลืออยู่ตลอด

เทอมแรกๆ ที่ไปทำที่ Specialist School ก็ยังงงๆอยู่เลยค่ะ แต่ Supervisor ก็ให้คำแนะนำดี ช่วยเหลือและก็คอยผลักดันให้ตัวเราลองทำเองดูบ้าง แต่พอมาเทอมสอง พอ Supervisor เริ่มเห็นว่าทำได้บ้างแล้วก็แทบจะได้ทำงานกับคนไข้เองตลอดทั้งเทอม

ไม่ใช่แค่นั่ง Observe หรือช่วย Supervisor ระหว่างชั่วโมงบำบัด แต่ได้นำชั่วโมงบำบัดเอง เล่นดนตรี สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนไข้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สนุกมากๆ เหมือนเป็นการเรียนรู้แบบ Learning by Doing

ซึ่งสำหรับอุ๊ดจังเองรู้สึกว่าวิธีการเรียนแบบนี้เหมาะกับตัวเอง แอบบอกตรงๆเลยว่าเรียนรู้จากที่ฝึกงานได้มากกว่าเรียนที่มหาวิทยาลัยเยอะมาก เพราะบางทีนั่งในคลาสอาจารย์พูดถึงเรื่องทฤษฎีว่าต้องใช้แบบไหน ตัวเรานึกยังไงก็นึกไม่ออก ฮ่าๆๆ แต่พอได้เห็น Supervisor ทำเราเข้าใจเลย เก็ทภาพ เข้าใจบริบท และวิธีการมากขึ้น สรุปได้ว่าชอบไปฝึกงานมากกว่าไป เรียนที่มหาวิทยาลัยค่ะ ฮ่าๆๆ

 

Thai WAH Club : ตอนนี้นอกจากเรียนแล้ว ยังทำงานพิเศษสอนเปียโนไปด้วย คุณอุ๊ดมีช่องทางหางานยังไงบ้างคะ แล้วงานที่ทำมีส่วนช่วยกับการเรียนของเรายังไงบ้าง

ตอนหางานทำทีแรกยอมรับว่าท้อมากกกกก ก.ไก่ สิบตัว คือ ส่ง Resume ไปหลายที่มากๆ แต่ก็ไม่มีที่ไหนตอบกลับมาเลยในช่วง 3 เดือนแรก ช่องทางที่ส่ง Resume ก็คือเข้าไปในเว็บหางานทั่วๆ ไปเลยค่ะ พอเห็นว่าที่ไหนต้องการครูสอนดนตรี ครูสอนเปียโน ที่เราพอจะเดินทางไม่ลำบากมากนักก็ส่ง Resume ไปเลยค่ะ

ช่วงแรกก็มีเพื่อนแนะนำคนรู้จักที่ทำธุรกิจสอนดนตรีตามบ้านนักเรียน แต่พอได้ลองไปคุยกับเจ้าของโรงเรียนก็รู้สึกไม่สะดวก เพราะเจ้าของอยากให้เราไปสอนที่บ้านนักเรียนเลย ตัวเราไม่มีรถ เดินทางลำบากหากจะไปหลายๆ บ้านในวันเดียวกัน และที่สำคัญคือค่าตอบแทนไม่คุ้มค่ารถและเวลา เราเลยรองานจากโรงเรียนอื่นเข้ามา เพราะคิดแล้วจริงๆ ว่าทำยังไงก็ไม่คุ้มเลยต้องปฏิเสธไป แต่งานสอนเปียโนที่ทุกวันนี้ทำอยู่ก็เป็นผลจากการส่ง Resume และเจ้าของโรงเรียนติดต่อกลับมานัดสัมภาษณ์แล้วได้งานค่ะ

ถ้าถามว่าช่วยเกี่ยวกับการเรียนเราไหมก็คิดว่าช่วยนิดหน่อย เช่น ให้เราได้เจอเด็กมากขึ้น ได้สังเกตพฤติกรรมของเด็กแต่ละคน ได้เอาหลักจิตวิทยาที่ใช้ในดนตรีบำบัดมาปรับใช้กับนักเรียนบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในบริบทของการสอนดนตรีอยู่ไม่ใช่การบำบัด แต่ถ้าไม่คิดเยอะขนาดนั้นก็เหมือนกับว่าได้มาฝึกพูด ฝึกฟังภาษาอังกฤษเพิ่มจากการไปมหาวิทยาลัยและฝึกงานค่ะ ฮ่าๆๆ

 

Thai WAH Club : แบ่งเวลาทั้งเรียนไปด้วย แล้วก็ทำงานไปด้วยยังไงบ้างคะ

ถ้าถามว่ามาออสเตรเลียเรื่องไหนยากที่สุด เราขอตอบเลยว่าเรื่องนี้ค่ะ ฮ่าๆๆ ยากมากๆ เรียกว่าทุกวันนี้ก็ยังพยายามจะทำให้มันพอดีๆ กันไป

อยากจะเพิ่มเข้าไปอีกว่านอกจากจะไปเรียน ทำงาน ฝึกงานแล้ว ยังต้องแบ่งเวลาเพื่อรับผิดชอบตัวเองส่วนอื่นๆ อีก เช่น ทำกับข้าว ซักผ้า ทำความสะอาดห้อง หรือเวลาที่เราจะต้องพักผ่อน ให้เวลากับตัวเองด้วย

แต่สำหรับตัวอุ๊ดจังเองชอบความเป็น routine ค่ะ คือพอเรารู้ว่าต้องทำอะไรวันไหน เรากำหนดไว้เลยว่าวันไหนเรียน วันไหนฝึกงาน วันไหนทำงาน ช่วงไหนของสัปดาห์จะต้องทำกับข้าว สัปดาห์ไหนซักผ้า เรียกว่ามีตารางเขียนไว้หมดเลยค่ะ แล้วก็พยายามยึดเวลาที่มีกับตารางไว้ให้ได้ เพราะถ้าเราทำได้ตามตาราง เราก็จะ control เวลาและหน้าที่แต่ละอย่างได้ แต่ขอยอมรับเลยว่า ยากจริงๆ ตัวเองก็พยายามทุกครั้งให้มันเป็นอย่างที่วางแผนไว้ แต่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

Thai WAH Club : ความต่างทางภาษาถือว่าเป็นอุปสรรคสำหรับการอาศัยอยู่ที่นี่มากไหมคะ

สำหรับตัวอุ๊ดจังเองคิดว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคในการอยู่สักเท่าไหร่ แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่ยากในการเรียน เพราะการเรียน ป.โท นั้นเราต้องเขียน Paper และ Assignment เยอะมากๆ เป็นภาษาแบบ Academic อีกทั้งวิชาที่มาเรียนก็ใช้ศัพท์ที่ยาก ศัพท์เฉพาะเข้าไปอีก เลยรู้สึกว่าภาษาเป็นเรื่องที่ยากในการเรียนมากกว่าการใช้ชีวิต

แต่ก็แอบรู้สึกว่าช่วง 2-3 เดือนแรกที่มาอยู่ ยังไม่คุ้นกับสำเนียงออสซี่เท่าไหร่ ก็มีช่วงเวลาปรับตัว แล้วก็ให้โอกาสตัวเองทำผิดบ่อยๆ มันก็จะดีขึ้นค่ะ (ง่ายๆคือ ฟังไม่รู้เรื่องแล้วก็ตอบผิด ฮ่าๆๆ)

 

Thai WAH Club : สังคมการเรียนรวมถึงวิธีการสอนของที่นี่แตกต่างกับที่ไทยยังไงบ้างคะ

ต่างกันมากกกกค่ะ ที่นี่คือต้องอ่านหนังสือมาก่อนแล้วอาจารย์จะมาอธิบายทีหลัง บางครั้งเรียกว่าถ้าไม่ได้อ่านมาก็จะงงๆ ไปเลยว่ามันคืออะไร กระบวนการเรียนก็เน้นให้ใช้ Critical Thinking แบบการคิดวิเคราะห์ หาเหตุผล

วิธีการสอนของอาจารย์ก็จะเป็นแนว Give and Take มากกว่ามายืนสอนอย่างเดียว เช่น หากเรารู้อะไรที่จะเสริมหัวข้อที่อาจารย์กำลังพูดถึงอยู่ก็สามารถพูดได้ โดยอาจารย์ก็รับฟังความคิดเห็นของนักเรียนด้วยเหมือนอาจารย์เองก็พร้อมจะรับมุมอื่นๆ ที่ต่างไปจากความคิดเขาด้วย

แต่ส่วนที่ชอบที่สุดในการเรียนของที่นี่คืออาจารย์ทุกท่านกล้าพูดว่า “อันนี้ฉันไม่รู้อ่ะ ขอไปหาคำตอบก่อนนะ เดี๋ยวจะมาบอกอาทิตย์หน้า” มันทำให้เรารู้สึกว่าไม่มีใครทุกคนเก่งหมด รู้หมด ทุกคนต้องพร้อมที่จะขวนขวายหาคำตอบ แม้กระทั่งอาจารย์เราเองที่มีประสบการณ์ทำงานมาแบบ 20 ปี เป็นถึง Professor มีงานวิจัยตีพิมพ์ระดับโลก เขียนหนังสือเป็น 10 เล่ม แต่เขาก็ยังยอมรับว่ามีเรื่องที่เขายังไม่รู้ เพราะเขาไม่เคยทำแต่ก็พร้อมที่จะช่วยนักเรียน โดนการที่จะไปหาคำตอบมาให้แล้วตัวเขาเองก็ได้เรียนรู้ไปพร้อมกับนักเรียนด้วย

 

Thai WAH Club : ได้ออกไปเที่ยวต่างเมือง หรือมีประสบการณ์อื่นๆ อะไรอีกบ้างคะที่เราได้รับนอกจากการเรียนที่นี่

สำหรับอุ๊ดจังเองประสบการณ์อื่นนอกจากมาเรียนที่ได้จากออสเตรเลีย คือประสบการณ์การใช้ชีวิตคนเดียวค่ะ ตัวเราเองไม่เคยไปอยู่ที่อื่นเลย มาเรียนที่ออสก็เป็นการมาเรียนไกลบ้านครั้งแรก การต้องใช้ชีวิตคนเดียว รับผิดชอบตัวเองทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่ที่เราไม่เคยได้รู้มาก่อนว่าเป็นอย่างไร

ถ้าจะมองให้เหนื่อยและลำบากก็มองได้ แต่จะมองให้เป็นโอกาสในการเรียนรู้ชีวิตและได้ลองทำอะไรที่ตัวเองไม่เคยทำมันก็มองได้เหมือนกัน ตัวเรารู้สึกว่าเราทำอะไรหลายอย่างมากที่ไม่เคยได้ทำแบบจริงๆ จังๆ เหมือนตอนอยู่เมืองไทย เช่น ทำกับข้าว คือมันจริงจังมากๆ นะ จริงจังแบบ คือไม่ทำก็ไม่มีกิน เพราะไม่มีกับข้าวสำเร็จขายทั่วๆ ไป มีก็แซนวิชตามซุปเปอร์หรือถ้ามีขายราคาก็จะสูงกว่าทำกินเองมาก

เรารู้สึกว่าเรื่องพวกนี้เป็นอะไรที่ทำให้เราเรียนรู้ตัวเองมากขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น อย่างตอนนี้คือ ชอบทำกับข้าวไปเลย เอนจอยมาก เมื่อก่อนไม่เคยทำ ซื้อโจ๊กปากซอยกินทุกเช้า 35 บาทอิ่มจังตังค์อยู่ครบ แต่พอที่นี่ไม่มีก็ต้องหัดทำ หัดที่จะลองเรื่องอะไรใหม่ๆ ให้กับตัวเอง

ส่วนเรื่องออกไปเที่ยวนอกเมือง ช่วงที่งานที่มหาวิทยาลัยไม่เยอะก็พอมีโอกาสออกไปนอกเมืองกับเพื่อนอยู่บ้าง ส่วนใหญ่จะเช่ารถแล้วขับออกไปเที่ยว มีได้ไป Grampian National Park, Great Ocean Road, Sorrento, Mornington Peninsula มาบ้าง

ก่อนเปิดเทอมปีที่แล้วก็ได้มีโอกาสไป Sydney มาด้วย ส่วนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยว Uluru ที่ Northern Territory มาด้วยค่ะ สวยและประทับใจมากๆ

Thai WAH Club : หลังจากเรียนจบมีแพลนจะทำอะไรบ้าง จะอยู่ที่ออสเตรเลียต่อเลยไหมคะ หรืออยากกลับไทยก่อน

อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่าอยากต่อยอดอาชีพนักดนตรีบำบัดด้วยการกลับไปอยู่เมืองไทย ทำงานที่เมืองไทย อยากให้คนไทยรู้จักวิชาชีพนี้มากยิ่งขึ้น ก็วางแผนไว้ว่าจะกลับเมืองไทยก่อนค่ะ หากโอกาสอะไรข้างหน้าก็ค่อยว่ากันอีกทีค่ะ

 

Thai WAH Club : ฝากบอกทิ้งท้ายสักหน่อยถึงคนที่อยากมาเรียนต่อที่ออสเตรเลียค่ะ

ก่อนอื่นก็อยากให้กำลังใจทุกคนที่กำลังเตรียมตัวอยู่นะคะ เข้าใจมากๆ ว่าสิ่งที่ต้องทำมันเยอะและ ยากมากๆ แต่ก็ขอให้มุ่งมั่นตั้งใจและไม่ท้อค่ะ เพราะมันเป็นสิ่งที่จะผลักดันตัวเราให้ไปข้างหน้าต่อได้ ส่วนใครที่กำลังคิดจะมาเรียนที่ออสเตรเลียแต่ยังไม่ได้เริ่มเตรียมตัว ก็อยากบอกว่าเตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่งนะคะ ฮ่าๆๆ

ถ้าน้องๆ ยังอยู่ปี 3 หรือ ปี 4 เตรียมตัวไว้เลยค่ะ คิดเลยว่าอยากเรียนอะไร อยากเข้าที่ไหน พอเราเริ่มวางแผนเราจะเห็นเป้าหมาย พอเราเห็นเป้าหมายเราจะเห็นทางที่ไปให้ถึงจุดๆ นั้น แต่ถ้าเราไม่เริ่มคิดหรือวางแผนอะไรเลย พอถึงเวลาที่เราต้องเลือกเดินเราก็จะมองไม่เห็นแม้แต่ก้าวที่อยู่ข้างหน้า ถ้าเราวางแผนแล้วเราเปลี่ยนแผนได้ แต่ถ้าไม่ได้วางแผนไว้เลยก็จะไม่รู้เลยว่าอะไรคือแผนของเรา สู้ๆ นะคะทุกคน เป็นกำลังใจให้ค่ะ 🙂

 

ติดตามบทความสัมภาษณ์ประสบการณ์การใช้ชีวิตในออสเตรเลียอื่นๆ ได้ที่เว็บไซต์ Beyond Study Center หรือทางเฟซบุ๊คเพจของ Beyond Study Center ได้เช่นกัน

หากใครมีประสบการณ์ไป WAH ไปเรียน หรือไปทำงานที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ สามารถเข้ามาแชร์ประสบการณ์กันได้ โดยติดต่อมาที่ Inbox ของเฟซบุ๊คเพจ ThaiWAHClub และทาง LINE@ : @beyondstudy


ยื่น Statement เท่าไหร่? Pocket money💸 การหาที่พัก/การเดินทางในออสเตรเลีย🇦🇺 Ep.2 | Juneissaree


สวัสดีค่ะ เราจะมาอธิบายในเรื่อง Statement ที่เรายื่น , วิธีการหาที่พัก , การเดินทางในออส และ เทคนิคการวางแผนเก็บเงินเพื่อจ่ายค่าเรียนของเรา
ย้ำนะคะว่า ประสบการณ์(ของเรา)ในตอนที่เราไปนะคะ😊
หวังว่าคลิปนี้จะมีประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลไปประเทศออสเตรเลียนะค้าา💘
เราไปเรียนภาษาที่ Australia | Melbourne 🇦🇺
ใครที่ยังไม่ได้ดู Ep.1 จิ้ม https://youtu.be/YPDrV3g7JV0
Instagram : https://instagram.com/juneniissum?utm…
Facebook : https://www.facebook.com/jissaree/
Contact me
[email protected]
LINE : juneniissum (for work)
Facebook page : June Issaree
ออสเตรเลีย เรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อต่างประเทศ Melbourne Australia
เรียนภาษา

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ยื่น Statement เท่าไหร่? Pocket money💸 การหาที่พัก/การเดินทางในออสเตรเลีย🇦🇺 Ep.2 | Juneissaree

สมัครเรียนป.ตรีที่ออสเตรเลียยังไง I ค่าเทอมหลัก1,000,000บาท??? (Australia)


หลายๆคนอาจจะคิดว่าการมาเรียนป.ตรีที่ประเทศออสเตรเลียต้องใช้มันขั้นตอนการสมัครที่ยุ่งยาก แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดค่ะ ในคลิปนี้เรากก็จะมาอธิบายขั้นตอนการสมัครเรียนค่ะ
สมัครเรียน: https://www5.uac.edu.au/uacug/
USI: https://www.usi.gov.au/students/getausi
Facebook group แลกเปลี่นข้อมูลที่ออสเตรเลีย https://www.facebook.com/groups/584954786244949/?ref=share
follow me
Facebook: https://www.facebook.com/NoonieNone
IG: kc.millie.kavee

สมัครเรียนป.ตรีที่ออสเตรเลียยังไง  I ค่าเทอมหลัก1,000,000บาท??? (Australia)

สมัครเรียนปริญญาโท ที่ออสเตรเลียยังไง?🇦🇺 ค่าเทอมเท่าไร? 💰 ได้ทุนของมหาลัยด้วยย!🥺💕| PNSRxSYD 03


สวัสดีค่า💘 กลับมาเจอกับฟรองซ์อีกเเล้วน้าา 🥰🥰 วันนี้ฟรองซ์จะมาเล่าให้เพื่อนๆฟังถึงการสมัครเรียนปริญญาโท มหาลัยที่ออสเตรเลียกันนะคะ ฟรองซ์เรียนอยู่ที่ University of Technology Sydney (UTS) คณะ Master of Strategic Communicaion 💘 ฟรองซ์มากับเอเจ้น ชื่อ IGroup Education \u0026 Visa Specialists นะคะ ซึ่งสาขาที่ฟรองซ์เรียน เรียนทั้งหมด 1ปีครึ่ง🥰 ซึ่งในคลิปฟรองซ์ได้บอกถึงขั้นตอนการเตรียมตัว, admission requirements, SOP, online portfolio เเต่ต้องบอกก่อนเลยนะคะ ว่าเป็นของมหาลัย+คณะ ของฟรองซ์ เเนะนําให้เพื่อนๆไปดูwebsite ของมหาลัยกับคณะที่ตัวเองสนใจเลยน้าา รับรองมีบอกเเน่นอนค่า💘
online portfolio : https://portfolio.adobe.com/
IGroup Education \u0026 Visa Specialists : https://www.facebook.com/iGroupvisas
FOLLOW ME
» Instagram : https://www.instagram.com/ffraancee/
ออสเตรเลีย เรียนต่อออสเตรเลีย เรียนต่อต่างประเทศ ปริญญาโทออสเตรเลีย ทุนออสเตรเลีย UniversityOfCanberra UniversityofTechnologySydney

สมัครเรียนปริญญาโท ที่ออสเตรเลียยังไง?🇦🇺 ค่าเทอมเท่าไร? 💰 ได้ทุนของมหาลัยด้วยย!🥺💕| PNSRxSYD 03

Tất tần tật về apply DU HỌC ÚC, bí kíp APP ĐÂU ĐỖ ĐÓ, tỉ lệ đỗ 100% 🇦🇺 | Dao Unofficial


Tất tần tật về apply DU HỌC ÚC, bí kíp APP ĐÂU ĐỖ ĐÓ, tỉ lệ đỗ 100% | Dao Unofficial
duhocuc
Hello mọi người, hôm nay mình up video chia sẻ tất tần tật mọi thứ về apply du học Úc. Mong là video có ích cho mọi người.
Nội dung video:
0:00 Intro
0:08 Trường và ngành mình đang học
1:25 Những yếu tố bắt buộc trong hồ sơ apply du học Úc
6:23 Yếu tố làm đẹp hồ sơ
9:05 Cách apply du học
________________________________
Sản phẩm mình sử dụng:
Máy uốn xoăn tóc tự động:
https://shp.ee/fckf6nm
Cushion Clio Kill Cover:
https://shp.ee/xsy4sx5
Che khuyết điểm The Saem:
https://shp.ee/nnpkwcf
Kẻ lông mày TFS:
https://shp.ee/jbkb4qf
________________________________
🍑 Follow my social accounts:
Instagram: https://instagram.com/haphuong.spicy
Facebook: https://www.facebook.com/daounofficial
🍑 For work:
[email protected]
________________________________
Xem những video khác của Đào tại đây 👇🏻
🌸TỰ HỌC 7.5+ IELTS TRONG 2 TUẦN
https://www.youtube.com/watch?v=809xSpDZ07E
🌸HÀNH TRÌNH VỀ NƯỚC GIAN NAN CỦA DU HỌC SINH ÚC
https://www.youtube.com/watch?v=rJ5MyC2SEx8\u0026t=58s
________________________________
© Bản quyền thuộc về Dao Unofficial
© Copyright by Dao Unofficial ☞ Do not Reup

Tất tần tật về apply DU HỌC ÚC, bí kíp APP ĐÂU ĐỖ ĐÓ, tỉ lệ đỗ 100% 🇦🇺 | Dao Unofficial

รีวิว เมลเบิร์น ออสเตรเลียดีจริงไหม??🇦🇺🇦🇺 เรียนภาษา,ทำงาน ได้รึเปล่า??🤔🤔 I Why I Choose Melbourne


สวัสดีค่าาา วันนี้เราจะมารีวิว แบบสั้นๆ กับการไปเรียนภาษา และการไปทำงาน ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียกันค่ะ หวังว่า คลิปนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆที่สนใจ ไปเรียนต่างประเทศนะคะ 🥰😊☺️

รีวิว เมลเบิร์น ออสเตรเลียดีจริงไหม??🇦🇺🇦🇺 เรียนภาษา,ทำงาน ได้รึเปล่า??🤔🤔 I Why I Choose Melbourne

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ university of melbourne เข้า ยาก ไหม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *