Skip to content
Home » [NEW] เรียงร้อยเรื่องราวในจักรวาลภาพยนตร์ Marvel | iron fist สนุกไหม – NATAVIGUIDES

[NEW] เรียงร้อยเรื่องราวในจักรวาลภาพยนตร์ Marvel | iron fist สนุกไหม – NATAVIGUIDES

iron fist สนุกไหม: คุณกำลังดูกระทู้

     มาร์เวล สตูดิโอส์ (Marvel Studios) ไม่ได้แค่ทำให้หนังซูเปอร์ฮีโรจากหนังสือการ์ตูนเป็นหนังทำเงิน แต่ยังพาไปไกลกว่านั้น ในแง่ของการเล่าเรื่อง เพราะจากหนังที่สร้างกันมาแล้ว 26 เรื่อง หนังแต่ละเรื่องของตัวละครแต่ละราย เกิดขึ้นในจักรวาลเดียวกัน ตัวละครมีความสัมพันธ์ มีเหตุการณ์​ สถานที่เกิดเหตุสืบเนื่องกัน ซึ่งอาจทำให้สับสน หรือมึน ๆ ว่าเรื่องราวต่อเนื่องกันยังไง หรือเรียงลำดับกันแบบไหน

     แต่นั่นยังยุ่งไม่พอ เพราะในปี 2012 มาร์เวล สตูดิโอส์ ก็ปล่อยหนัง The Avengers ที่เอาตัวละครทั้งหลายมาอยู่ในเรื่องเดียวกัน แล้วหลังจากนี้พวกเขายังแยกไปมีหนังของตัวเองอีก แม้เรื่องของแต่ละคนจะมีโทนเฉพาะ แต่ก็มีความเกี่ยวโยงกัน ที่ทำให้ความเป็นมาในภาพรวม ซับซ้อนและสับสนในคราวเดียวกัน จนหลาย ๆ คนคงสงสัยว่า เรื่องราวของหนังซูเปอร์ฮีโรมาร์เวล ที่เรียกว่า จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล (Marvel Cinematic Universe) นั้น เริ่มต้นและสานต่อกันตรงไหน? อย่างไร? และถ้าจะดูแบบให้เรื่องราวต่อเนื่องกัน ควรจะเริ่มจากเรื่องอะไร? และเดินหน้าแบบไหน?

 

Table of Contents

หนังใหญ่ฉายโรง

     หนังใหญ่ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล จะแบ่งเป็นเฟส ที่ตอนนี้เดินทางมาถึงเฟส 4 เรียบร้อยแล้ว โดยมีหนังรวม 26 เรื่อง (รวม Eternals)

  • เรียงตามลำดับการออกฉาย

     เป็นวิธีการชมที่ง่ายที่สุด เพราะไม่ว่าหนังจะมาก่อนหรือหลัง ก็ต้องมีสิ่งที่เชื่อมกับหนังก่อนหน้า และสายป่านให้เกาะต่อไปยังหนังที่ตามมา ในเฟสแรก ที่เป็นการเปิดจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลด้วย เริ่มต้นที่ Iron Man (2 พฤษภาคม 2008), The Incredible Hulk (13 มิถุนายน 2008), Iron Man 2 (7 พฤษภาคม 2010), Thor (6 พฤษภาคม 2011), Captain America: The First Avenger (22 กรกฎาคม 2011), Marvels The Avengers (4 พฤษภาคม 2012)

Iron Man หนังเรื่องแรกในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ที่ออกฉายในปี 2008

     เฟสสอง เริ่มจาก Iron Man 3 (3 พฤษภาคม 2013), Thor: The Dark World (8 พฤศจิกายน 2013), Captain America: The Winter Soldier (4 เมษายน 2014), Guardians of the Galaxy (1 สิงหาคม 2014), Avengers: Age of Ultron (1 พฤษภาคม 2015) และ Ant-Man (17 กรกฎาคม2015)

     เฟสที่สาม ซึ่งมีหนังเยอะที่สุดในตอนนี้ ประเดิมกันที่ Captain America: Civil War (6 พฤษภาคม2016), Doctor Strange (4 พฤศจิกายน 2016), Guardians of the Galaxy, Vol. 2 (5 พฤษภาคม 2017), Spider-Man: Homecoming (7 กรกฎาคม2017), Thor: Ragnarok (3 พฤศจิกายน 2017), Black Panther (16 กุมภาพันธ์ 2018), Avengers: Infinity War (27 เมษายน 2018), Ant-Man and the Wasp (6 กรกฎาคม 2018), Captain Marvel (8 มีนาคม 2019), Avengers: Endgame (26 เมษายน 2019) และ Spider-Man: Far from Home (2 กรกฎาคม2019)

Eternals หนังเปิดเฟสที่ 4 ของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล

     ส่วนเฟสล่าสุด (เฟสสี่) สตาร์ตด้วย Black Widow (9 กรกฎาคม 2021), Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings (3 กันยายน 2021), Eternals (5 พฤศจิกายน 2021) แล้วก็เป็น Spider-Man: No Way Home (17 ธันวาคม 2021), Doctor Strange in the Multiverse of Madness (25 มีนาคม 2022), Thor: Love and Thunder (6 พฤษภาคม 2022), Black Panther: Wakanda Forever (8 กรกฎาคม 2022), The Marvels หรือ Captain Marvel 2 (11 พฤศจิกายน 2022), Ant-Man and the Wasp: Quantumania (17 กรกฎาคม 2023) และ Guardians of the Galaxy Vol. 3 (5 พฤษภาคม 2023)

     นี่คือการชมแบบง่ายที่สุด ไม่ยุ่งยาก แต่อย่าลืมว่า ห้ามชมแค่ตัวหนัง เพราะฉากหลังเครดิตตอนท้ายก็มีความสำคัญ เพราะหลาย ๆ ครั้งจุดเชื่อมโยงมันอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ

  • เรียงตามลำดับเวลาในเรื่อง

     เป็นการเล่นท่ายากมากขึ้น ด้วยการชมตามลำดับเหตุการณ์ ที่จะเรียงลำดับแตกต่างจากแบบแรก และหนังเรื่องแรกจะไม่ใช่ Iron Man แต่เป็น Captain America: The First Avenger ที่เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในปี 1943 – 1945 เมื่อเครื่องบินของสตีฟ โรเจอร์สตก และเขาถูกแช่แข็งอยู่นานร่วมครึ่งศตวรรษ เรื่องที่ 2 คือ Captain Marvel เครื่องบินของแครอล เดนเวอร์สประสบอุบัติเหตุในปี 1989 เธอถูกพวกครีนำไปดูแล แล้วกลับมาโลกในปี 1995 ซึ่งเรื่องราวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในปีนี้

Captain America: The First Avenger จะเป็นหนังเรื่องแรกในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล หากเรียงตามลำดับเวลาของเรื่อง

     เรื่องที่ 3 ถึงจะเป็น Iron Man ที่ตัวหนังแม้จะออกฉายในปี 2008 แต่เหตุการณ์ในเรื่อง จริง ๆ แล้วเกิดขึ้นในปี 2010 เรื่องที่ 4 คือ Iron Man 2 ที่เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 2011 ต่อด้วย The Incredible Hulk ซึ่งเป็นเหตุการณ์หลัง Iron Man ไม่นานและทับซ้อนกับ Iron Man 2 จากนั้นก็เป็นการเปิดตัวธอร์ ใน Thor หนังเรื่องที่ 6 ซึ่งเป็นเวลาช่วงเดียวกับ Iron Man 2 คือปี 2011 แถมมีเรื่องย้อนหลังเป็นศตวรรษใส่เข้ามาด้วย ทางมาร์เวลบอกว่า หนัง The Incredible Hulk, Iron Man 2 และ Thor จะอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน ดูเรื่องไหนก่อนก็ได้

Marvel s The Avengers หนังรวมดาวเรื่องแรกในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล

     การรวมตัวครั้งแรกเกิดขึ้นในหนังเรื่องที่ 7 The Avengers บรรดาซูเปอร์ฮีโรต้องรับมือโลกิในปี 2012 ซึ่งส่งผลให้โทนี สตาร์กมีอาการทางจิตตามมาใน Iron Man 3 ส่วน Thor: The Dark World เป็นเหตุการณ์ในปี 2013 และ Captain America: The Winter Soldier ที่แสดงถึงจุดเริ่มต้นความขัดแย้งของหน่วยชีลด์ในปี 2014 ที่ตั้งขึ้นหลังเหตุการณ์ใน The Avengers เป็นหนังเรื่องที่ 10 ตัวละครกลุ่มใหม่ Guardians of the Galaxy ที่ก่อร่างสร้างตัวออกผจญภัยในปี 2014 ปีเดียวกับ The Winter Soldier แต่เป็นไปในห้วงอวกาศ ถูกแนะนำตัวในหนังเรื่องที่ 10 และสานต่อทันควันด้วยภาค 2 Guardians of the Galaxy Vol. 2 ซึ่งเป็นเหตุการณ์หลังภาคแรกไม่กี่เดือน

     การรวมพลหนที่ 2 Avengers: Age of Ultron เป็นหนังเรื่องที่ 13 เราได้เห็นเหล่าซูเปอร์ฮีโรแตกคอกัน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องที่เป็นปี 2015 โดยขณะที่อเวนเจอร์สต้องรับมืออัลทรอน สก็อตต์ แลงก็กลายเป็นมนุษย์มดใน Ant-Man ผลพวงจาก The Winter Soldier และ Age of Utron มาถึงจุดแตกหักในปี 2016 กับ Captain America: Civil War หนังเรื่องที่ 15 ที่มีฉากย้อนถึงเรื่องการเสียชีวิตของพ่อโทนี สตาร์ก ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาระหว่าง The First Avenger กับ Iron Man ด้วย

Marvel s What If…? แอนิเมชัน ที่เรื่องราวเกิดขึ้นคนละไทม์ไลน์กับจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล

     ปี 2016 เป็นปีที่ยุ่งมากของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล เพราะหนังเรื่องที่ 16 Black Widow ซึ่งนาทาชา โรมานอฟ ต้องหนีการตามล่าจากสิ่งที่เกิดขึ้นใน Civil War หนังเรื่อง 17 Spider-Man: Homecoming ที่ต่อตรงจาก Civil War เช่นกัน รวมทั้งหนังเรื่อง 18 Black Panther ซึ่งว่าด้วยการแย่งชิงบัลลังก์วากันด้า ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนี้ ขณะที่หนังเรื่อง 19 Doctor Strange ก็กินเวลาในปี 2016 – 2017 ส่วน Thor: Ragnarok ที่มีสีสันฉูดฉาดมากขึ้นคือเรื่องที่ 20 ซึ่งเหตุการณ์เกิดหลังสิ่งที่เป็นไปใน Doctor Strange ที่มีฉากธอร์มาหาหมอแปลก เพื่อแกะรอยพ่ออีกด้วย Ant-Man and the Wasp หนังมนุษย์มดเรื่องที่ 2 เป็นหนังเรื่องที่ 21 แต่ถึงจะออกฉายหลัง Avengers: Infinity War เหตุการณ์ในเรื่องกลับเกิดขึ้นในปี 2018 ก่อนธานอสมาโลก โดยหนังจบลงที่การดีดนิ้วของตัวร้ายรายนี้ และมีฉากย้อนเวลาไปถึงยุค 80s ด้วย

Inhumans ซีรีส์มาร์เวลสร้าง ที่จอดแค่ปีแรก โดยตอนไพล็อตมาลงโรงไอแม็กซ์บ้านเราด้วย

     เรื่องที่ 22 เป็น Avengers: Infinity War ซึ่งความเป็นไปกินเวลาสั้น ๆ ไม่เกิน 48 ชั่วโมงในปี 2018 ตามด้วย Avengers: Endgame ที่เริ่มจากเหตุการณ์หลังธานอสดีดนิ้วในปี 2018 ไม่นาน แต่เรื่องส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในปี 2023 แต่ก็มีย้อนเวลาไปมาในปี 1970, 2012, 2013 และ 2014 Spider-Man: Far from Home หนังเรื่องที่ 24 ว่าด้วยชีวิตปีเตอร์ ปาร์เกอร์ หลัง Endgame 8 เดือน ส่วน Eternals ที่มีฉากตัวละครพูดถึงการดีดนิ้วของบรูซ แบนเนอร์ นั่นหมายความว่า เรื่องราวเกิดหลัง Endgame และน่าจะเป็นช่วงเดียวกับ Far from Home คือหน้าร้อนของปี 2024ขณะที่ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings แม้จะเปิดเรื่องด้วยเหตุการณ์ร้อยปีก่อน แล้วโดดมาปี 1996 แต่เวลาส่วนใหญ่ในเรื่องจะเป็นพฤศจิกายน 2024 ทำให้กลายเป็นหนังเรื่องที่ 26 จากการเรียงตามลำดับเหตุการณ์

     ที่หากจะสรุปง่าย ๆ สำหรับการเรียงตามเวลาก็คงเป็นไปตามนี้

  • 1943–1945 – Captain America: The First Avenger
  • 1995 – Captain Marvel
  • 2010 – Iron Man
  • 2011 – Iron Man 2 / Thor / The Incredible Hulk
  • 2012 – The Avengers / Iron Man 3
  • 2013 – Thor: The Dark World
  • 2014 – Captain America: The Winter Soldier / Guardians of the Galaxy / Guardians of the Galaxy Vol. 2
  • 2015 – Avengers: Age of Ultron / Ant-Man
  • 2016 – Captain America: Civil War / Black Widow / Black Panther / Spider-Man: Homecoming
  • 2016–2017 – Doctor Strange
  • 2017 – Thor: Ragnarok
  • 2018 – Ant-Man and the Wasp / Avengers: Infinity War
  • 2023 – Avengers: Endgame
  • 2024 – Spider-Man: Far from Home / Eternals / Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings

 

ซีรีส์โทรทัศน์

     จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ไม่ได้มีแค่เรื่องราวในโรงใหญ่ ยังมีงานซีรีส์โทรทัศน์ ที่ทั้งเป็นผลงานของมาร์เวล สตูดิโอส์เอง และงานที่ขายสิทธิ์ให้กับเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งบางเรื่องก็เข้ามาโยงใยกับเหตุการณ์ในหนังใหญ่ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะงานที่สร้างและปล่อยให้ชมทางดิสนีย์พลัส ที่ก่อนจะจับไปรวมกับหนังใหญ่ มาดูการเรียงลำดับของซีรีส์โทรทัศน์ในดิสนีย์พลัสกันก่อนดีกว่า

  • เรียงตามการปล่อยให้ชม

     เช่นเดียวกับหนังลงโรง นี่คือวิธีที่ง่ายที่สุด ซีรีส์จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลทางดิสนีย์พลัส จะเริ่มต้นกันจาก WandaVision (15 มกราคม 2021), The Falcon & The Winter Soldier (19 มีนาคม 2021), Loki (11 มิถุนายน 2021), Marvel s What If…? (11 สิงหาคม 2021) และ Hawkeye (24 พฤศจิกายน 2021)

The Defenders ซีรีส์รวมดาว บรรฮีโรมาร์เวลที่เน็ตฟลิกซ์สร้าง

  • เรียงตามลำดับเวลาในเรื่อง

     แม้ซีรีส์จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลทางดิสนีย์พลัส จะเป็นเหตุการณ์หลังจาก Avengers: Endgame แต่เมื่อมีการเล่นกับการเดินทางข้ามเวลา และมิติที่หลากหลาย ทำให้การจัดเรียงเรื่องราวตามลำดับเวลาในเรื่องมีความซับซ้อนเช่นกัน

     เริ่มจาก Loki ที่เล่นกับเรื่องเส้นเวลาอย่างหนัก แม้เรื่องเกิดขึ้นหลังสิ่งที่เป็นไปใน Endgame แต่การที่หยิบเอาตัวโลกิต่างไทม์ไลน์มาเล่น ก็ทำให้เรื่องราวแตกต่างไป กลายเป็นตัวละครในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ที่อยู่ในอีกโลก ในอีกมิติหนึ่ง ไม่ต่างไปจาก Marvel s What If…? ที่เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในอีกไทม์ไลน์ ที่ไม่ใช่ไทม์ไลน์ของจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล

WandaVision ซีรีส์จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ที่คว้ารางวัลเอ็มมีมาครองถึง 3 รางวัล

     สำหรับ WandaVision ถึงจะมีหลายช่วงเวลา แต่เรื่องไทม์ไลน์ชัดเจนว่าเป็นปี 2023 หลังเหตุการณ์ใน Endgame แค่เดือนเดียว ซึ่งจะมาก่อน Spider-Man: Far From Home ที่เป็นเรื่องหลัง Endgame ผ่านไปแล้ว 8 เดือน ส่วน The Falcon and The Winter Soldier ในภาพรวมเป็นเหตุการณ์ในปี 2023 ซึ่งผู้กำกับคารี สค็อกแลนด์ บอกว่า เรื่องราวในซีรีส์เกิดขึ้น 6 เดือนหลัง Endgame

 

หนังโรงและซีรีส์ทางดิสนีย์พลัส

     ความซับซ้อน และยุ่งยากจะเพิ่มมากขึ้น สำหรับการติดตามเรื่องราวที่เป็นไปในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล เมื่อจับเอาหนังโรงและซีรีส์ทางดิสนีย์พลัสมาเชื่อมเข้าด้วยกัน แล้วจัดเรียงลำดับตามเวลาในเรื่อง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ จะเป็น

  1. Captain America: The First Avenger
  2. Captain Marvel
  3. Iron Man
  4. Iron Man 2
  5. The Incredible Hulk
  6. Thor
  7. The Avengers
  8. Iron Man 3
  9. Thor: The Dark World
  10. Captain America: The Winter Soldier
  11. Guardians of the Galaxy
  12. Guardians of the Galaxy Vol. 2
  13. Avengers: Age of Ultron (2015)
  14. Ant-Man
  15. Captain America: Civil War
  16. Black Widow
  17. Black Panther
  18. Spider-Man: Homecoming
  19. Doctor Strange
  20. Thor: Ragnarok
  21. Ant-Man and The Wasp
  22. Avengers: Infinity War
  23. Avengers: Endgame
  24. WandaVision
  25. The Falcon and The Winter Soldier
  26. Spider-Man: Far From Home
  27. Eternals
  28. Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ส่วน Loki กับ Marvel s What If…? เป็นเรื่องในอีกไทม์ไลน์หนึ่ง

     ในอนาคตเมื่อหนังโรง อย่าง Spider-Man: No Way Home, Doctor Strange in the Multiverse of Madness, Thor: Love and Thunder, Black Panther: Wakanda Forever, The Marvels, Guardians of the Galaxy Vol. 3, Ant-Man and the Wasp: Quantumania รวมถึง Blade กับ Fantastic Four ตลอดจนซีรีส์โทรทัศน์ Hawkeye, Ms Marvel, She-Hulk, Moon Knight, Secret Invasion, Ironheart, Armor Wars และ Wakanda Series ปล่อยออกมา ก็คงต้องมีการเรียงลำดับกันอีก ที่น่าจะซับซ้อนและยุ่งเหยิงมากขึ้นแน่นอน

Daredevil ที่ว่ากันว่า เป็นซีรีส์มาร์เวล เน็ตฟลิกซ์สร้างที่ดีที่สุด

     แต่ก่อนจะถึงวันนั้น จำกันได้ไหมว่า ก่อนจะมีดิสนีย์พลัส เคยมีซีรีส์มาร์เวลที่เน็ตฟลิกซ์สร้าง รวมถึงซีรีส์ชุด Agent Carter กับ Agents of SHIELD แถมด้วยหนังสั้นแทรกในดีวีดีหรือบลู-เรย์ จะต้องชมกันยังไงหากจับทุกอย่างมามัดรวมเรียงตามลำดับเวลาของเรื่อง โดยไม่ต้องไปสนว่า เรื่องโน้นนี้นั้นจะหาชมกันได้ที่ไหน เพราะตอนนี้ซีรีส์มาร์เวลในเน็ตฟลิกซ์ก็ถูกถอดไปแล้ว และแผ่นหนังมาร์เวลก็ไม่ได้มีการปั้มขายใหม่ เพื่อให้หาซื้อง่าย ๆ แต่อย่างใด 

Agents of SHIELD ซีรีส์ในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ที่มักจะถูกมองข้าม

     แต่ถ้าหาชมได้ และคิดจะชม สะสางสมองให้พร้อม และเตรียมเวลาชีวิตให้ดี เพราะนี่คือภารกิจชีวิตเลยทีเดียว

  1. Captain America: The First Avenger
  2. Agent Carter (ปี 1)
  3. Agent Carter (ปี 2)
  4. Agent Carter (ในดีวีดี Iron Man 3 )
  5. Captain Marvel
  6. Iron Man
  7. Iron Man 2
  8. The Incredible Hulk
  9. The Consultant (ในดีวีดี Thor )
  10. A Funny Thing Happened on the Way to Thor s Hammer (ในดีวีดี Captain America: The First Avenger )
  11. Thor
  12. The Avengers
  13. Item 47 (ในดีวีดี The Avengers )
  14. Iron Man 3
  15. All Hail the King (ในดีวีดี Thor: The Dark World )
  16. Agents of SHIELD (ปี 1, ตอนที่ 1-7)
  17. Thor: The Dark World
  18. Agents of SHIELD (ปี 1, ตอนที่ 8-16)
  19. Captain America: The Winter Soldier
  20. Agents of SHIELD (ปี 1, ตอนที่ 17-22)
  21. Guardians of the Galaxy
  22. Guardians of the Galaxy Vol 2
  23. Daredevil (ปี 1)
  24. Agents of SHIELD (ปี 2, ตอนที่ 1-10)
  25. Jessica Jones (ปี 1)
  26. Agents of SHIELD (ปี 2, ตอนที่ 11-19)
  27. Avengers: Age of Ultron
  28. Agents of SHIELD (ปี 2, ตอนที่ 20-22)
  29. Daredevil (ปี 2, ตอนที่ 1-4)
  30. Luke Cage (ปี 1, ตอนที่ 1-4)
  31. Daredevil (ปี 2, ตอนที่ 5-11)
  32. Luke Cage (ปี 1, ตอนที่ 5-8)
  33. Daredevil (ปี 2, ตอนที่ 12-13)
  34. Luke Cage (ปี 1, ตอนที่ 9-13)
  35. Ant-Man
  36. Agents of SHIELD (ปี 3, ตอนที่ 1-19)
  37. Iron Fist (ปี 1)
  38. Captain America: Civil War
  39. Black Widow (ฉากหลังเครดิตจะไปรับกับเรื่องหลัง Endgame )
  40. Agents of SHIELD (ปี 3, ตอนที่ 20-22)
  41. The Defenders (ปี 1)
  42. Agents of SHIELD (ปี 4, ตอนที่ 1-6)
  43. Doctor Strange
  44. Black Panther
  45. Agents of SHIELD (ปี 4, ตอนที่ 7-8)
  46. Agents of SHIELD: Slingshot (ปี 1, ตอนที่ 1-6)
  47. Agents of SHIELD (ปี 4, ตอนที่ 9-22)
  48. Spider-Man: Homecoming
  49. Thor: Ragnarok
  50. Inhumans (ปี 1)
  51. The Punisher (ปี 1)
  52. Runaways (ปี 1)
  53. Agents of SHIELD (ปี 5, ตอนที่ 1-10 ซึ่งมีการเดินทางข้ามเวลาอย่างบ้าคลั่ง)
  54. Jessica Jones (ปี 2)
  55. Agents of SHIELD (ปี 5, ตอนที่ 11-18)
  56. Cloak & Dagger (ปี 1)
  57. Cloak & Dagger (ปี 2)
  58. Luke Cage (ปี 2)
  59. Iron Fist (ปี 2)
  60. Daredevil (ปี 3)
  61. Runaways (ปี 2)
  62. The Punisher (ปี 2)
  63. Jessica Jones (ปี 3)
  64. Ant-Man and the Wasp (ฉากหลังเครดิตจะไปรับกับเรื่องใน Infinity War )
  65. Avengers: Infinity War
  66. Agents of SHIELD (ปี 5, ตอนที่ 19-22 ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาเดียวกับ Infinity War )
  67. Agents of SHIELD (ปี 6 เรื่องราวเกิดขึ้นช่วง 5 ปีระหว่าง Infinity War กับ Endgame )
  68. Agents of SHIELD (ปี 7 เรื่องราวเกิดขึ้นช่วง 5 ปีระหว่าง Infinity War กับ Endgame)
  69. Runaways (ปี 3 เหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังธานอสดีดนิ้ว แต่ไม่มีการกล่าวถึง)
  70. Avengers: Endgame
  71. WandaVision
  72. The Falcon and The Winter Soldier
  73. Spider-Man: Far From Home
  74. Eternals
  75. Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ปิดท้ายด้วยเรื่องต่างไทม์ไลน์ของ Loki กับ Marvel s What If…?

 

ที่มา: SOURCE 1 / SOURCE 2 / SOURCE 3 / SOURCE 4 / SOURCE 5

[NEW] อบิลิตี้ของโปเกมอน (Ability) | iron fist สนุกไหม – NATAVIGUIDES

งาน Gamescom งานนิทรรศการออกบูธนำเสนอเกมจากผู้ผลิตวีดีโอเกมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ประเทศเยอรมนี (แต่ปีนี้จัดขึ้นแบบออนไลน์ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19) ซึ่งเพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 25-27 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ มีการออกบูธของเกมต่างๆ มากมาย ซึ่งบางเกมก็เป็นที่คาดหวังจากบรรดาคอเกมเมอร์อยู่แล้วอย่างเช่นการนำเกม Saints Row กลับมาสร้างใหม่เพื่อวางจำหน่ายใน PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series X/S และ Windows PC ในช่วงเดือนปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แต่มีอยู่เกมหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจใหักับผู้เข้าชมนิทรรศการเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ ตัวอย่างของเกมใหม่ล่าสุด DokeV จากเกาหลีใต้ ที่นำเสนอภาพกราฟิกอันน่าตื่นตะลึง รวมทั้งตัวละครกับแอนิเมชันที่มีความน่ารักสดใส ความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ของเกมทั้งที่ยังพัฒนาไม่เสร็จดีนี้ ทำให้ผู้คนต่างสงสัยกันว่า ทำไมสตูดิโอพัฒนาเกมที่แทบไม่ค่อยมีใครได้ยินชื่อหรือคุ้นหูมาก่อนนี้ จึงสามารถรังสรรค์เกมออกมาได้เตะตาผู้เข้าชมงาน จนกลายมาเป็นดาวเด่นของงานได้เกมหนึ่งขนาดนี้

 











ภาพของตัวเกม DokeV ที่กำลังพัฒนาอยู่

 

Pearl Abyss สตูดิโอพัฒนาเกมจากประเทศเกาหลีใต้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเกม MMORPG อย่าง Black Desert ที่เคยสร้างกระแสตอบรับอย่างดีมาระยะหนึ่งก่อนหน้านี้ คือผู้ที่ริเริ่มพัฒนา่เกม DokeV ขึ้นมา แม้ว่างาน Gamescom จะไม่ได้เป็นงานเกมงานแรกที่ทาง Pearl Abyss เลือกที่จะเปิดตัวอย่างของเกมดังกล่าว เพราะว่าข้อมูลของตัวเกมก็เคยถูกประกาศออกไปในเว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์มาระยะหนึ่งแล้ว แต่สำหรับหลายๆ คนรวมทั้งตัวผมเองด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นถึงตัวเกมและความเป็นไปได้ต่างๆ ในการเล่นเกมดังกล่าวแบบเต็มๆ ซึ่งก็นานมาแล้วนะครับ ที่จะมีตัวอย่างของเกมใดก็ตาม ที่สามารถสร้างกระแสตอบรับและถูกกล่าวขวัญถึง อีกทั้งสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้มากขนาดนี้

แต่ก่อนที่ตัวอย่างเกม DokeV จะถูกเปิดตัว และก่อนที่งาน Gamescom จะถูกจัดขึ้นเพียงสัปดาห์เศษๆ Pokémon Presents ตอนล่าสุด ก็เพิ่งจะออกอากาศไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาครับ รายการที่นำเสนอโดย The Pokémon Company นี้ เป็นการพูดถึงเกี่ยวกับเกมโปเกมอนที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งดาวเด่นของการออกอากาศครั้งนี้ก็คือ Pokémon Brilliant Diamond, Pokémon Shining Pearl และ Pokémon Legends: Arceus นั่นเองครับ ถึงแม้การนำเสนอตัวอย่างกลไกต่างๆ ภายในตัวเกม รวมถึงรูปแบบการเล่น และภาพตัวอย่างกราฟิกในเกมที่แสดงออกมาในการออกอากาศครั้งนี้นั้น จะทำออกมาได้ดีกว่าเมื่อตอนที่ตัวเกมประกาศชื่อภาคอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกันกับเกม DokeV ที่ผลิตโดยสตูดิโอเกมที่เล็กกว่า Nintendo และ Creatures Inc. หลายเท่าแล้ว ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่า แฟรนไชส์เกมโปเกมอนที่มีอายุครบ 25 ปีแล้ว ทำไมจึงยังไม่สามารถทำตัวเกมให้ออกมามีความน่าตื่นตาตื่นใจ และทันสมัยเข้ากับยุคนี้ได้เสียทีครับ

เกม Pokémon Sword และ Pokémon Shield ก็เคยเผชิญกับเสียงก่นด่าของเหล่าแฟนเกมที่ไม่ชื่นชอบกับตัวเกมกันอยู่เนืองๆ บ้างเหมือนกัน แต่เสียงบ่นเหล่านั้นก็มลายหายสูญไปทันทีที่เกมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยเว็บไซต์ Serebii.net ได้รายงานเอาไว้ว่า ยอดจำหน่ายของตัวเกมทั้งสองภาคนั้น มีจำนวนรวมถึง 21 ล้านก๊อปปี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกมโปเกมอนภาค Gold และ Silver ที่เกมโปเกมอนภาคหลักจะมียอดจำหน่ายรวมกับเกิน 20 ล้านก๊อปปี้เช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าแฟรนไชส์เกมโปเกมอนนั้น ยิ่งใหญ่เสียจนบรรดาเสียงบ่น และความไม่ชื่นชอบของแฟนเกมบางกลุ่ม แทบจะไม่มีผลอะไรกับยอดขายของเกมแม้แต่น้อย?

นั่นจึงกลายมาเป็นประเด็นที่เราจะมาวิเคราะห์กันในวันนี้ครับผม แฟรนไชส์ Pokémon กำลังติดหล่มความสำเร็จของตัวเองอยู่หรือเปล่า? แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินครับที่เราจะหาข้อวิจารณ์ใดๆ กับตัวเกมโปเกมอนได้ เพราะสุดท้ายแล้ว เรากำลังพูดถึงหนึ่งในแฟรนไชส์ของเกมและการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จ เป็นที่รู้จัก และทำรายได้โดยรวมมากที่สุดในโลก โดยจากผลการเก็บข้อมูลเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 พบว่า Pokémon ทำรายได้จากยอดขายเกม อนิเมะ มังงะ ภาพยนตร์ และผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ รวมกันมากถึง 92,121 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.067 ล้านล้านบาท) มากกว่า Hello Kitty, Mickey Mouse, Star Wars, Marvel แม้กระทั้ง Super Mario ของค่ายเกมเดียวกันเสียอีกครับ นอกจากนี้ เกมโปเกมอนยังไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงในเกมคอนโซลของ Nintendo อย่าง Nintendo Switch หรือ Nintendo 3DS แต่เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ยังรุกเข้าไปแข่งขันในตลาดเกมในสมาร์ตโฟน รวมทั้งแฟรนไชส์ยังขยายตัวออกไปถึงซีรีย์การ์ตูน ทั้งมังงะ และอนิเมะ ภาพยนตร์ การ์ดเกม แม้กระทั้งสินค้ามากมายมหาศาลที่ล่อตาล่อใจบรรดาเด็กและผู้ใหญ่ให้หาซื้อมาเป็นเจ้าของกัน (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันครับ 55+) จนกลายมาเป็นแหล่งรายได้อันดับ 1 ของแฟรนไชส์ แซงหน้าเกมภาคหลักไปเรียบร้อย ซึ่งแฟรนไชส์ Pokémon เอง ควรที่จะใช้การพัฒนาเกมภาคหลัก เป็นตัวเชิดหน้าชูตา เพื่อส่งเสริมให้ตลาดเกมโปเกมอน ยังคงเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ และทำให้เป็นจุดดึงดูดหลักจุดหนึ่งของแฟรนไชส์โดยภาพรวมต่อไป เหมือนกับที่เคยเป็นมาในยุคแรกๆ ของ Pokémon ที่มีเกมภาคหลักเพียงแค่ Red, Blue, Green และ Yellow เท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แฟรนไชส์ Pokémon ยังคงพยายามทำเช่นนั้นอยู่แน่จริงๆ หรือ

25 อันดับของแฟรนไชส์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดตลอดกาล วัดจากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์โดยรวม

แต่ทว่า ภาพตัวอย่างของเกม Pokémon Brilliant Diamond, Pokémon Shining Pearl หรือ Pokémon Legends: Arceus ที่ปรากฎในการออกอากาศที่ผ่านมา กลับทำให้แฟนๆ เกมบางคนผิดหวังว่า ทำไมเกมภาครีเมคที่ทำออกมา ทั้งที่ได้พัฒนามาอยู่ในแพลตฟอร์มอย่าง Nintendo Switch ทั้งทีแล้ว จึงทำออกมาได้ไม่ “ว้าว” กันอย่างที่คาดหวังเอาไว้ จริงอยู่ครับที่ตัวเกมนั้น มีการนำเสนอรูปแบบการเล่นที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากเกมภาคดั้งเดิม แต่ทว่าเกมโปเกมอนในปีนี้ กลับยังไม่สามารถสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจได้มากพอเหมือนกับเกมรีเมค หรือว่ารีมาสเตอร์จากค่ายเกมอื่นๆ เลย (ลองดูเกม Diablo II: Resurrected เป็นตัวอย่างของลักษณะการทำเกมรีมาสเตอร์ที่คู่ควรก็ได้ครับ)

เรายังสามารถเปรียบเทียบสเกลความน่าตื่นตาตื่นใจของตัวอย่างเกมได้ กับอีก 3 เกมของ Nintendo Switch ที่ปล่อยตัวอย่างเกมออกมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน อาทิ The Legend of Zelda: Link’s Awakening, The Legend of Zelda: Breath of the Wild 2 และ Xenoblade Chronicles: Definitive Edition ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกราฟิกอันน่าตื่นตาตื่นใจที่ถูกพัฒนาขึ้นผิดไปจากเกมภาคก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ The Legend of Zelda: Breath of the Wild 2 ภาคต่อของเกม The Legend of Zelda: Breath of the Wild ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดเกมหนึ่ง เท่าที่เคยมีมาใน Nintendo Switch (และอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดเท่าที่ Nintendo เคยทำออกมาเลยก็เป็นได้ครับ) แต่ผมก็ยังให้ข้อยกเว้นกับตัวอย่างใหม่ล่าสุดของ Pokémon Legends: Arceus ที่ดูจะพัฒนาเกมออกมาได้ถูกทาง และเข้าใกล้สไตล์การเล่นเกมแบบ Breath of the Wild เข้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังดูไม่น่าตื่นตาตื่นใจในระดับที่เท่าเทียมกันก็ตามครับ

 

เหตุผลส่วนหนึ่งที่อาจเป็นสาเหตุให้เกมโปเกมอนภาคหลักในปัจจุบัน ยังคงไม่สามารถทำออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจมากพอ อาจจะซ่อนตัวอยู่ในข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์ของ Nintendo Switch เองก็เป็นได้ครับ ซึ่งถึงแม้จะเป็นเกมคอนโซลเวอร์ชั่นล่าสุดของทาง Nintendo แต่ก็ยังคงมีประสิทธิภาพในด้านการแสดงผลกราฟิกที่ห่างไกลคู่แข่งอย่าง Microsoft Xbox Series X/S หรือ Sony PlayStation 5 ชนิดไม่เห็นฝุ่น อย่างที่แฟนๆ เกม Xenoblade ได้ประสบกันมาแล้ว เมื่อตัวเกมภาคที่สอง ถูกวางจำหน่ายไปเมื่อช่วงปี 2560 กลับไม่สามารถทำงานได้บน Nintendo Switch อย่างลื่นไหล และประสบปัญหาในการแสดงผลอยู่บ้าง จนเจอเสียงก่นด่าของแฟนๆ ไปพอสมควร ซึ่ง ณ ตอนนี้ Nintendo Switch ก็ได้เดินทางมาถึงปีที่ 4 นับตั้งแต่วันวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มีนาม 2560 แล้ว คงจะหาผู้พัฒนาเกมได้ยากขึ้นที่จะสนใจมาพัฒนาเกม หรือว่า Port เกมที่มีภาพกราฟิกสวยๆ มายังเกมคอนโซลที่เริ่มมีอายุมากขึ้น และมีข้อจำกัดทางการการแสดงผลกราฟิกเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เกมที่พัฒนาโดย Nintendo และ Studio ต่างๆ ในเครือของตนเอง ก็ยังคงมีความน่าดึงดูดมากพอให้ผู้เล่นยอมจ่ายเงินเพื่อเล่นอยู่ได้บ้าง อย่าง The Legend of Zelda: Breath of the Wild ที่วางจำหน่ายพร้อมกันกับตัวคอนโซล Nintendo Switch ก็ยังคงสร้างยอดขายมาได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ จึงอาจจะไม่ใช่ข้อสรุปที่ฟันธงไปได้ว่า ทำไมเกมโปเกมอนภาคหลักจะทำออกมาให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจบน Nintendo Switch เหมือนอย่างเกมภาค Pokémon Sword และ Pokémon Shield ที่เคยทำไปได้แล้วบ้าง

แม้จะมีข่าวลือเรื่องของการพัฒนาเกมคอนโซลยุคถัดไปของ Nintendo อย่าง “Switch Pro” วนเวียนอยู่ในความคิดของแฟนๆ เกมอยู่บ้าง แต่จนถึงตอนนี้ ความฝันดังกล่าวก็ยังคงเป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะว่าข่าวการพัฒนา Nintendo Switch ครั้งล่าสุด ก็ยังคงเป็นเพียงแค่การผลิต Nintendo Switch รุ่นที่ใช้หน้าจอ OLED เพิ่มขึ้นมาอีก 1 รุ่น (ที่ทาง Nintendo บอกเอาไว้ว่าสามารถแสดงเฉดสีได้ดีกว่า Nintendo Switch รุ่นดั้งเดิมที่ใช้หน้าจอ LCD อย่างมาก) อย่างไรก็ตาม แฟนๆ เกมของ Nintendo หลายคนก็ยังคงคาดหวังให้ทาง Nintendo เร่งพัฒนาเกมคอนโซลยุคถัดไปออกมาโดยเร็ว เพื่อที่เกมต่างๆ จากทางค่ายฯ รวมถึงโปเกมอน จะได้มีโอกาสพัฒนาภาพกราฟิกให้ออกมาทัดเทียมหรือว่าเหนือกว่าเกมจากค่ายอื่นๆ บ้าง แต่แฟนๆ จะต้องรอไปอีกนานเท่าใดกันครับ ในเมื่อทั้ง The Pokémon Company, Game Freak และ Nintendo ต่างนั่งอยู่บนบัลลังก์ราชาแห่งแฟรนไชส์ ที่ยากจะหาใครมาโค่นได้ (ยังมีแฟรนไชส์ที่พยายามแย่งส่วนแบ่งตลาดโปเกมอนโดยตรงอยู่บ้างนะครับ อย่าง Yo-kai Watch หรือ Digimon แต่ก็ไม่มีเจ้าใดที่สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดของโปเกมอนไปได้อย่างมีนัยสำคัญ) ในเมื่อตัวเองเป็นแฟรนไชส์อันดับ 1 ของโลกแล้ว จะมาเสียแรงเสียเวลา มานั่งเปลี่ยนสิ่งที่ยังคงขายได้เมื่อ 10-20 ปีก่อนไปทำไมกันละครับ

ความยิ่งใหญ่ของแฟรนไชส์ Pokémon  เอง อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ทางผู้พัฒนาเกมฯ ไม่กล้าที่จะเสี่ยงฉีกกฎเกณฑ์อะไรออกไปมากกว่านี้ ในการทำเกมโปเกมอนภาคหลัก ทำให้เรายังคงวนเวียนอยู่กับสไตล์การเล่นเกมโปเกมอนที่ไม่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนมากนัก หรืออาจจะมีสาเหตุอื่นๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่นอกเหนือสายตาของเหล่าผู้เล่นและลูกค้าอย่างเราๆ ท่านๆ แต่มีสิ่งหนึ่งครับที่เป็นที่แน่ชัด ก็คือ ต่อให้เกมโปเกมอนจะมีคนติเตียนว่ากล่าวกันมากสักเพียงใดก็ตาม เกมโปเกมอนภาคใหม่ที่กำลังจะออกมานี้ ก็ยังคงขายได้อยู่วันยังค่ำ อย่างที่ Pokémon Sword และ Pokémon Shield ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นมาก่อนแล้ว และผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตอันใกล้นี้ แต่สำหรับผม รวมทั้งแฟนๆ เกมที่ติดตามแฟรนไชส์ Pokémon  มาอย่างยาวนาน นอกจากจะคาดหวังอยู่ในใจลึกๆ ให้ Pokémon  ยังคงประสบความสำเร็จเช่นนี้ต่อเนื่องไปตราบนานเท่านานแล้ว ยังคาดหวังให้เกม Pokémon  พัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อดึงดูดให้คนนอกแวดวงให้หันมาสนใจแฟรนไชส์นี้กันมากขึ้นอีกด้วยครับ

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะมีเกมที่ทำออกมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจสักเพียงใดก็ตาม อย่าง DokeV และอีกหลายๆ เกมที่ผมไม่ได้พูดถึง ณ ที่นี้ ที่หวังจะเข้ามาแข่งขัน หรือว่าช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดไป แต่ผมยังเชื่อว่า Pokémon  จะยังคงสามารถรักษามนต์เสน่ห์ที่มีอยู่ในตัวมันเอง และทำให้แฟรนไชส์ยังคงสามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง แต่ความสำเร็จนี้ไม่อาจคงอยู่ได้ด้วยตัวมันเองอย่างแน่นอนครับ อยู่ที่ทาง The Pokémon Company, Game Freak และ Nintendo  ตลอดจนทั้งแฟนๆ โปเกมอนทั่วทุกมุมโลกแล้วละครับ ว่าจะยังคงสามารถรักษาโมเมนตัมแห่งความสำเร็จนี้ เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่ 

หนึ่งในแฟรนไชส์ของเกมและการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จ และเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกอย่าง Pokémon กำลังเดินทางมาถึงทางตันหรือไม่? และ Pokémon จะยังคงก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง ในโลกที่มีการแข่งขันกันสูงเช่นนี้ต่อไปได้อย่างไร?งาน Gamescom งานนิทรรศการออกบูธนำเสนอเกมจากผู้ผลิตวีดีโอเกมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ประเทศเยอรมนี (แต่ปีนี้จัดขึ้นแบบออนไลน์ เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19) ซึ่งเพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 25-27 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ มีการออกบูธของเกมต่างๆ มากมาย ซึ่งบางเกมก็เป็นที่คาดหวังจากบรรดาคอเกมเมอร์อยู่แล้วอย่างเช่นการนำเกม Saints Row กลับมาสร้างใหม่เพื่อวางจำหน่ายใน PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series X/S และ Windows PC ในช่วงเดือนปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 แต่มีอยู่เกมหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจใหักับผู้เข้าชมนิทรรศการเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ ตัวอย่างของเกมใหม่ล่าสุด DokeV จากเกาหลีใต้ ที่นำเสนอภาพกราฟิกอันน่าตื่นตะลึง รวมทั้งตัวละครกับแอนิเมชันที่มีความน่ารักสดใส ความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ของเกมทั้งที่ยังพัฒนาไม่เสร็จดีนี้ ทำให้ผู้คนต่างสงสัยกันว่า ทำไมสตูดิโอพัฒนาเกมที่แทบไม่ค่อยมีใครได้ยินชื่อหรือคุ้นหูมาก่อนนี้ จึงสามารถรังสรรค์เกมออกมาได้เตะตาผู้เข้าชมงาน จนกลายมาเป็นดาวเด่นของงานได้เกมหนึ่งขนาดนี้ภาพของตัวเกม DokeV ที่กำลังพัฒนาอยู่Pearl Abyss สตูดิโอพัฒนาเกมจากประเทศเกาหลีใต้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเกม MMORPG อย่าง Black Desert ที่เคยสร้างกระแสตอบรับอย่างดีมาระยะหนึ่งก่อนหน้านี้ คือผู้ที่ริเริ่มพัฒนา่เกม DokeV ขึ้นมา แม้ว่างาน Gamescom จะไม่ได้เป็นงานเกมงานแรกที่ทาง Pearl Abyss เลือกที่จะเปิดตัวอย่างของเกมดังกล่าว เพราะว่าข้อมูลของตัวเกมก็เคยถูกประกาศออกไปในเว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์มาระยะหนึ่งแล้ว แต่สำหรับหลายๆ คนรวมทั้งตัวผมเองด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นถึงตัวเกมและความเป็นไปได้ต่างๆ ในการเล่นเกมดังกล่าวแบบเต็มๆ ซึ่งก็นานมาแล้วนะครับ ที่จะมีตัวอย่างของเกมใดก็ตาม ที่สามารถสร้างกระแสตอบรับและถูกกล่าวขวัญถึง อีกทั้งสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้มากขนาดนี้แต่ก่อนที่ตัวอย่างเกม DokeV จะถูกเปิดตัว และก่อนที่งาน Gamescom จะถูกจัดขึ้นเพียงสัปดาห์เศษๆ Pokémon Presents ตอนล่าสุด ก็เพิ่งจะออกอากาศไปเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาครับ รายการที่นำเสนอโดย The Pokémon Company นี้ เป็นการพูดถึงเกี่ยวกับเกมโปเกมอนที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งดาวเด่นของการออกอากาศครั้งนี้ก็คือ Pokémon Brilliant Diamond, Pokémon Shining Pearl และ Pokémon Legends: Arceus นั่นเองครับ ถึงแม้การนำเสนอตัวอย่างกลไกต่างๆ ภายในตัวเกม รวมถึงรูปแบบการเล่น และภาพตัวอย่างกราฟิกในเกมที่แสดงออกมาในการออกอากาศครั้งนี้นั้น จะทำออกมาได้ดีกว่าเมื่อตอนที่ตัวเกมประกาศชื่อภาคอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกันกับเกม DokeV ที่ผลิตโดยสตูดิโอเกมที่เล็กกว่า Nintendo และ Creatures Inc. หลายเท่าแล้ว ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่า แฟรนไชส์เกมโปเกมอนที่มีอายุครบ 25 ปีแล้ว ทำไมจึงยังไม่สามารถทำตัวเกมให้ออกมามีความน่าตื่นตาตื่นใจ และทันสมัยเข้ากับยุคนี้ได้เสียทีครับเกม Pokémon Sword และ Pokémon Shield ก็เคยเผชิญกับเสียงก่นด่าของเหล่าแฟนเกมที่ไม่ชื่นชอบกับตัวเกมกันอยู่เนืองๆ บ้างเหมือนกัน แต่เสียงบ่นเหล่านั้นก็มลายหายสูญไปทันทีที่เกมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยเว็บไซต์ Serebii.net ได้รายงานเอาไว้ว่า ยอดจำหน่ายของตัวเกมทั้งสองภาคนั้น มีจำนวนรวมถึง 21 ล้านก๊อปปี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกมโปเกมอนภาค Gold และ Silver ที่เกมโปเกมอนภาคหลักจะมียอดจำหน่ายรวมกับเกิน 20 ล้านก๊อปปี้เช่นนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่าแฟรนไชส์เกมโปเกมอนนั้น ยิ่งใหญ่เสียจนบรรดาเสียงบ่น และความไม่ชื่นชอบของแฟนเกมบางกลุ่ม แทบจะไม่มีผลอะไรกับยอดขายของเกมแม้แต่น้อย?นั่นจึงกลายมาเป็นประเด็นที่เราจะมาวิเคราะห์กันในวันนี้ครับผม แฟรนไชส์ Pokémon กำลังติดหล่มความสำเร็จของตัวเองอยู่หรือเปล่า? แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกินครับที่เราจะหาข้อวิจารณ์ใดๆ กับตัวเกมโปเกมอนได้ เพราะสุดท้ายแล้ว เรากำลังพูดถึงหนึ่งในแฟรนไชส์ของเกมและการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จ เป็นที่รู้จัก และทำรายได้โดยรวมมากที่สุดในโลก โดยจากผลการเก็บข้อมูลเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 พบว่า Pokémon ทำรายได้จากยอดขายเกม อนิเมะ มังงะ ภาพยนตร์ และผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ รวมกันมากถึง 92,121 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.067 ล้านล้านบาท) มากกว่า Hello Kitty, Mickey Mouse, Star Wars, Marvel แม้กระทั้ง Super Mario ของค่ายเกมเดียวกันเสียอีกครับ นอกจากนี้ เกมโปเกมอนยังไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงในเกมคอนโซลของ Nintendo อย่าง Nintendo Switch หรือ Nintendo 3DS แต่เพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ยังรุกเข้าไปแข่งขันในตลาดเกมในสมาร์ตโฟน รวมทั้งแฟรนไชส์ยังขยายตัวออกไปถึงซีรีย์การ์ตูน ทั้งมังงะ และอนิเมะ ภาพยนตร์ การ์ดเกม แม้กระทั้งสินค้ามากมายมหาศาลที่ล่อตาล่อใจบรรดาเด็กและผู้ใหญ่ให้หาซื้อมาเป็นเจ้าของกัน (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันครับ 55+) จนกลายมาเป็นแหล่งรายได้อันดับ 1 ของแฟรนไชส์ แซงหน้าเกมภาคหลักไปเรียบร้อย ซึ่งแฟรนไชส์ Pokémon เอง ควรที่จะใช้การพัฒนาเกมภาคหลัก เป็นตัวเชิดหน้าชูตา เพื่อส่งเสริมให้ตลาดเกมโปเกมอน ยังคงเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ และทำให้เป็นจุดดึงดูดหลักจุดหนึ่งของแฟรนไชส์โดยภาพรวมต่อไป เหมือนกับที่เคยเป็นมาในยุคแรกๆ ของ Pokémon ที่มีเกมภาคหลักเพียงแค่ Red, Blue, Green และ Yellow เท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แฟรนไชส์ Pokémon ยังคงพยายามทำเช่นนั้นอยู่แน่จริงๆ หรือ25 อันดับของแฟรนไชส์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดตลอดกาล วัดจากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์โดยรวมแต่ทว่า ภาพตัวอย่างของเกม Pokémon Brilliant Diamond, Pokémon Shining Pearl หรือ Pokémon Legends: Arceus ที่ปรากฎในการออกอากาศที่ผ่านมา กลับทำให้แฟนๆ เกมบางคนผิดหวังว่า ทำไมเกมภาครีเมคที่ทำออกมา ทั้งที่ได้พัฒนามาอยู่ในแพลตฟอร์มอย่าง Nintendo Switch ทั้งทีแล้ว จึงทำออกมาได้ไม่ “ว้าว” กันอย่างที่คาดหวังเอาไว้ จริงอยู่ครับที่ตัวเกมนั้น มีการนำเสนอรูปแบบการเล่นที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงจากเกมภาคดั้งเดิม แต่ทว่าเกมโปเกมอนในปีนี้ กลับยังไม่สามารถสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจได้มากพอเหมือนกับเกมรีเมค หรือว่ารีมาสเตอร์จากค่ายเกมอื่นๆ เลย (ลองดูเกม Diablo II: Resurrected เป็นตัวอย่างของลักษณะการทำเกมรีมาสเตอร์ที่คู่ควรก็ได้ครับ)เรายังสามารถเปรียบเทียบสเกลความน่าตื่นตาตื่นใจของตัวอย่างเกมได้ กับอีก 3 เกมของ Nintendo Switch ที่ปล่อยตัวอย่างเกมออกมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน อาทิ The Legend of Zelda: Link’s Awakening, The Legend of Zelda: Breath of the Wild 2 และ Xenoblade Chronicles: Definitive Edition ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกราฟิกอันน่าตื่นตาตื่นใจที่ถูกพัฒนาขึ้นผิดไปจากเกมภาคก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ The Legend of Zelda: Breath of the Wild 2 ภาคต่อของเกม The Legend of Zelda: Breath of the Wild ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดเกมหนึ่ง เท่าที่เคยมีมาใน Nintendo Switch (และอาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดเท่าที่ Nintendo เคยทำออกมาเลยก็เป็นได้ครับ) แต่ผมก็ยังให้ข้อยกเว้นกับตัวอย่างใหม่ล่าสุดของ Pokémon Legends: Arceus ที่ดูจะพัฒนาเกมออกมาได้ถูกทาง และเข้าใกล้สไตล์การเล่นเกมแบบ Breath of the Wild เข้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังดูไม่น่าตื่นตาตื่นใจในระดับที่เท่าเทียมกันก็ตามครับเหตุผลส่วนหนึ่งที่อาจเป็นสาเหตุให้เกมโปเกมอนภาคหลักในปัจจุบัน ยังคงไม่สามารถทำออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจมากพอ อาจจะซ่อนตัวอยู่ในข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์ของ Nintendo Switch เองก็เป็นได้ครับ ซึ่งถึงแม้จะเป็นเกมคอนโซลเวอร์ชั่นล่าสุดของทาง Nintendo แต่ก็ยังคงมีประสิทธิภาพในด้านการแสดงผลกราฟิกที่ห่างไกลคู่แข่งอย่าง Microsoft Xbox Series X/S หรือ Sony PlayStation 5 ชนิดไม่เห็นฝุ่น อย่างที่แฟนๆ เกม Xenoblade ได้ประสบกันมาแล้ว เมื่อตัวเกมภาคที่สอง ถูกวางจำหน่ายไปเมื่อช่วงปี 2560 กลับไม่สามารถทำงานได้บน Nintendo Switch อย่างลื่นไหล และประสบปัญหาในการแสดงผลอยู่บ้าง จนเจอเสียงก่นด่าของแฟนๆ ไปพอสมควร ซึ่ง ณ ตอนนี้ Nintendo Switch ก็ได้เดินทางมาถึงปีที่ 4 นับตั้งแต่วันวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มีนาม 2560 แล้ว คงจะหาผู้พัฒนาเกมได้ยากขึ้นที่จะสนใจมาพัฒนาเกม หรือว่า Port เกมที่มีภาพกราฟิกสวยๆ มายังเกมคอนโซลที่เริ่มมีอายุมากขึ้น และมีข้อจำกัดทางการการแสดงผลกราฟิกเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เกมที่พัฒนาโดย Nintendo และ Studio ต่างๆ ในเครือของตนเอง ก็ยังคงมีความน่าดึงดูดมากพอให้ผู้เล่นยอมจ่ายเงินเพื่อเล่นอยู่ได้บ้าง อย่าง The Legend of Zelda: Breath of the Wild ที่วางจำหน่ายพร้อมกันกับตัวคอนโซล Nintendo Switch ก็ยังคงสร้างยอดขายมาได้อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ จึงอาจจะไม่ใช่ข้อสรุปที่ฟันธงไปได้ว่า ทำไมเกมโปเกมอนภาคหลักจะทำออกมาให้ดูน่าตื่นตาตื่นใจบน Nintendo Switch เหมือนอย่างเกมภาค Pokémon Sword และ Pokémon Shield ที่เคยทำไปได้แล้วบ้างแม้จะมีข่าวลือเรื่องของการพัฒนาเกมคอนโซลยุคถัดไปของ Nintendo อย่าง “Switch Pro” วนเวียนอยู่ในความคิดของแฟนๆ เกมอยู่บ้าง แต่จนถึงตอนนี้ ความฝันดังกล่าวก็ยังคงเป็นเพียงแค่ความฝัน เพราะว่าข่าวการพัฒนา Nintendo Switch ครั้งล่าสุด ก็ยังคงเป็นเพียงแค่การผลิต Nintendo Switch รุ่นที่ใช้หน้าจอ OLED เพิ่มขึ้นมาอีก 1 รุ่น (ที่ทาง Nintendo บอกเอาไว้ว่าสามารถแสดงเฉดสีได้ดีกว่า Nintendo Switch รุ่นดั้งเดิมที่ใช้หน้าจอ LCD อย่างมาก) อย่างไรก็ตาม แฟนๆ เกมของ Nintendo หลายคนก็ยังคงคาดหวังให้ทาง Nintendo เร่งพัฒนาเกมคอนโซลยุคถัดไปออกมาโดยเร็ว เพื่อที่เกมต่างๆ จากทางค่ายฯ รวมถึงโปเกมอน จะได้มีโอกาสพัฒนาภาพกราฟิกให้ออกมาทัดเทียมหรือว่าเหนือกว่าเกมจากค่ายอื่นๆ บ้าง แต่แฟนๆ จะต้องรอไปอีกนานเท่าใดกันครับ ในเมื่อทั้ง The Pokémon Company, Game Freak และ Nintendo ต่างนั่งอยู่บนบัลลังก์ราชาแห่งแฟรนไชส์ ที่ยากจะหาใครมาโค่นได้ (ยังมีแฟรนไชส์ที่พยายามแย่งส่วนแบ่งตลาดโปเกมอนโดยตรงอยู่บ้างนะครับ อย่าง Yo-kai Watch หรือ Digimon แต่ก็ไม่มีเจ้าใดที่สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดของโปเกมอนไปได้อย่างมีนัยสำคัญ) ในเมื่อตัวเองเป็นแฟรนไชส์อันดับ 1 ของโลกแล้ว จะมาเสียแรงเสียเวลา มานั่งเปลี่ยนสิ่งที่ยังคงขายได้เมื่อ 10-20 ปีก่อนไปทำไมกันละครับความยิ่งใหญ่ของแฟรนไชส์ Pokémon เอง อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ทางผู้พัฒนาเกมฯ ไม่กล้าที่จะเสี่ยงฉีกกฎเกณฑ์อะไรออกไปมากกว่านี้ ในการทำเกมโปเกมอนภาคหลัก ทำให้เรายังคงวนเวียนอยู่กับสไตล์การเล่นเกมโปเกมอนที่ไม่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนมากนัก หรืออาจจะมีสาเหตุอื่นๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่นอกเหนือสายตาของเหล่าผู้เล่นและลูกค้าอย่างเราๆ ท่านๆ แต่มีสิ่งหนึ่งครับที่เป็นที่แน่ชัด ก็คือ ต่อให้เกมโปเกมอนจะมีคนติเตียนว่ากล่าวกันมากสักเพียงใดก็ตาม เกมโปเกมอนภาคใหม่ที่กำลังจะออกมานี้ ก็ยังคงขายได้อยู่วันยังค่ำ อย่างที่ Pokémon Sword และ Pokémon Shield ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นมาก่อนแล้ว และผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตอันใกล้นี้ แต่สำหรับผม รวมทั้งแฟนๆ เกมที่ติดตามแฟรนไชส์ Pokémon มาอย่างยาวนาน นอกจากจะคาดหวังอยู่ในใจลึกๆ ให้ Pokémon ยังคงประสบความสำเร็จเช่นนี้ต่อเนื่องไปตราบนานเท่านานแล้ว ยังคาดหวังให้เกม Pokémon พัฒนาและนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อดึงดูดให้คนนอกแวดวงให้หันมาสนใจแฟรนไชส์นี้กันมากขึ้นอีกด้วยครับสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะมีเกมที่ทำออกมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจสักเพียงใดก็ตาม อย่าง DokeV และอีกหลายๆ เกมที่ผมไม่ได้พูดถึง ณ ที่นี้ ที่หวังจะเข้ามาแข่งขัน หรือว่าช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดไป แต่ผมยังเชื่อว่า Pokémon จะยังคงสามารถรักษามนต์เสน่ห์ที่มีอยู่ในตัวมันเอง และทำให้แฟรนไชส์ยังคงสามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง แต่ความสำเร็จนี้ไม่อาจคงอยู่ได้ด้วยตัวมันเองอย่างแน่นอนครับ อยู่ที่ทาง The Pokémon Company, Game Freak และ Nintendo ตลอดจนทั้งแฟนๆ โปเกมอนทั่วทุกมุมโลกแล้วละครับ ว่าจะยังคงสามารถรักษาโมเมนตัมแห่งความสำเร็จนี้ เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องหรือไม่


ก็มาดิคร้าบ | นิมนต์ท่าน พส มาทั้งทีงานนี้ได้ต๊าซซซ กันแน่นอน l 31 ต.ค. 64


รายการ ก็มาดิคร้าบ
ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00 น. ช่อง 23 เวิร์คพอยท์

ติดตามพวกเราครอบครัว \”โจ๊กเกอร์\” ได้ที่
Facebook : @Jokerfamilyfanpage
Facebook : @Kormadikrab
Youtube : Joker Family
IG : jokercompanylimited
Tiktok : @jokerfamilyofficial
ก็มาดิคร้าบ JokerFamily โจ๊กเกอร์แฟมิลี่

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ก็มาดิคร้าบ | นิมนต์ท่าน พส มาทั้งทีงานนี้ได้ต๊าซซซ กันแน่นอน l 31 ต.ค. 64

ตำรวจไซเบอร์จับหนุ่มแฮกเว็บศาลรัฐธรรมนูญ ชาวเน็ตสงสัยนี่ตัวจริงใช่มั้ยพี่


สั่งซื้อแว่น OPHTUS ได้ที่ https://www.facebook.com/ophtus/
ใช้โค้ด “LUCKFAST” เพื่อรับส่วนลด 100 บาท จากทางร้าน
.
.
ติดต่องาน : [email protected]
Facebook : https://www.facebook.com/luckfastt
Tiktok : https://www.tiktok.com/@luckfastt?
อ้างอิง
https://www.komchadluek.net/scoop/491912
https://www.youtube.com/watch?v=0L2So8Y5pGM
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99
https://www.youtube.com/watch?v=lKaF7F1O0v4
https://www.thairath.co.th/news/politic/2240952
https://www.facebook.com/TheReportersTH/posts/3150398658543846
https://www.facebook.com/workpointTODAY/posts/1761999054169365

ตำรวจไซเบอร์จับหนุ่มแฮกเว็บศาลรัฐธรรมนูญ ชาวเน็ตสงสัยนี่ตัวจริงใช่มั้ยพี่

10 ANH HÙNG CHIẾN ĐẤU MẠNH NHẤT MARVEL


TOP 10 SIÊU ANH HÙNG CÓ KHẢ NĂNG CHIẾN ĐẤU MẠNH NHẤT MARVEL
Danh sách 10 nhân vật có khả năng chiến đấu mạnh nhất Marvel Comics.

ĐẶT TRUYỆN QUA FANPAGE PHÊ TRUYỆN
https://www.facebook.com/phetruyen.of…
THÔNG TIN TÀI KHOẢN PHÊ TRUYỆN
STK: 19031649527011
Ngân hàng: Techcombank
Tên: NGUYEN TAT DAT

Channel Phê Game: https://www.youtube.com/channel/UCTF0ldaORTbCfx2ahvFfYWg
Channel Phê Phim: https://www.youtube.com/c/PhêPhim
Facebook group: https://www.facebook.com/groups/PheTruyen/
Instagram: https://www.instagram.com/phetruyen.official/

10 ANH HÙNG CHIẾN ĐẤU MẠNH NHẤT MARVEL

รู้ไว้ก่อนดู IRON FIST ซีรีส์ฮีโร่กำปั้นเหล็กสะท้านปฐพี #JUSTดูIT


หลังจากที่พวกเรา จดอ JUSTดูIT. และ Heroes Talk ได้แนะนำทุกคนให้รู้จักกับซูเปอร์ฮีโร่ผิวสีแห่งฮาร์เล็มอย่าง Luke Cage ไปในคลิปที่แล้ว https://youtu.be/zaSEs6IKwZw
คราวนี้ก็ถึงตาของคู่หูคู่ลุยขาประจำของเขาในคอมิกส์ ผู้เป็นปรมจารย์กังฟูหมัดสะท้านปฐพี ยอดนักรบผู้ฝึกวิชามาจากเมืองมายาที่รู้จักกันในชื่อ คุนหลุน เขาคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจาก Danny Rand หรือ IRON FIST
ชม Marvel’s Iron Fist ทั้ง 2 ซีซั่นได้แล้ววันนี้บน Netflix เท่านั้น https://www.netflix.com/title/80002612

รู้ไว้ก่อนดู IRON FIST ซีรีส์ฮีโร่กำปั้นเหล็กสะท้านปฐพี #JUSTดูIT

NERDY REVIEW – \”Iron Fist SS1\” เรื่องวุ่นวายของคุณชายคุนลุ้น


รีวิว Marvel’s Iron Fist season 1 (2017) ซีรีส์ของ The Defenders คนที่ 4 ก่อนที่จะรวมทีมกัน เรื่องราวชีวิตวุ่นๆของยอดฝีมือจากเขาคุนลุ้น
Review by NERDNAVA
ติดตามเรื่องราวเนิร์ดๆก่อนใครหรือเข้ามาพูดคุยได้ที่ facebook : NERDVANA
https://www.facebook.com/nerdvanath/
มีอะไรอยากพูดคุยหรือน่าปรับปรุงก็บอกได้ครับ นี่ยังเขินๆเกร็งๆอยู่ นี่เป็นวิดิโอแรกๆ จะพยายามพัฒนาต่อไป หวังว่าจะถูกใจกันบ้างนะครับ 🙂

NERDY REVIEW - \

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ iron fist สนุกไหม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *