Skip to content
Home » [NEW] เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ เข้าใจง่าย ถูกตามหลักการใช้เป๊ะ | had แปล-ว่า – NATAVIGUIDES

[NEW] เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ เข้าใจง่าย ถูกตามหลักการใช้เป๊ะ | had แปล-ว่า – NATAVIGUIDES

had แปล-ว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

เชื่อเลยว่า เพื่อนๆ หลายคนจะต้องคิดว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ยาก โดยเฉพาะการเรียนเรื่อง Tense ซึ่งมีทั้งหมด 12 แบบด้วยกัน แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่าถ้าเราสามารถจำเรื่อง Tense ได้ก็สบายไปครึ่งทางแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน และการสอบต่างๆ ดังนั้น ในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็มี Tense ทั้ง 12 แบบมาให้เพื่อนๆ ได้เรียนรู้กัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย

Table of Contents

เทคนิคการใช้ Tense ทั้ง 12 แบบ

1. Present Simple Tense (ปัจจุบัน)

โครงสร้างประโยค

ประธาน + กริยาช่องที่ 1
ถ้าประธานเป็นบุรุษที่ 3 เอกพจน์ + กริยาช่องที่ 1 เติม s หรือ es

ตัวอย่างการใช้ 

I go… / You go… / He goes… / They go…

She sings a song. แปลว่า หล่อนร้องเพลง
He plays football. แปลว่า เขาเล่นฟุตบอล
She is not here. หรือ She isn’t here. แปลว่า หล่อนไม่อยู่ที่นี่
We are not drivers. หรือ We aren’t drivers. แปลว่า พวกเราไม่ใช่คนขับรถ

สำหรับ ประโยคปฏิเสธและคำถามเราจะใช้ Verb to do มาช่วย เช่น

You do not like apple. หรือ You don’t like apple.
She does not eat meat. หรือ She doesn’t eat meat.
Do you like it?
Does he like it?

หลักการเติม s ที่คำกริยา

เติม s หลังคำกริยานั้นๆ เช่น He eats. She sings. A tiger runs.

ถ้ากริยาลงท้ายด้วย s, sh, ch, x, o, z, ss ให้เติม es เช่น

He teaches English.
She goes away.
She brushes her teeth.

ถ้ากริยาลงท้ายด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น

He tries to study.
She studies English.

** หมายเหตุ ถ้าหน้า y เป็นสระ ไม่ต้องเปลี่ยน y เป็น i ให้เติม s ได้เลย เช่น

play – plays = เล่น
pay – pay = จ่าย
destroy – destroys = ทำลาย

หลักการใช้ Present Simple Tense สรุปได้ดังนี้

1.1 แสดงลักษณะความจริงอยู่เสมอ ไม่ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปเท่าใดก็ตาม เช่น

The earth moves around the sun. แปลว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
The sun rises in the east and sets in the west. แปลว่า ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก
The earth is round. แปลว่า โลกกลม
Water freezes at 0 C. แปลว่า น้ำมีจุดเยือกแข็งที่ 0 องศาเซลเซียส

1.2 การกระทำที่เกิดขึ้นเสมอๆ เกิดขึ้นจนเป็นนิสัย มักจะมี adverb of frequency ประกอบในประโยค เช่น every day, usually, sometimes, frequently, always, naturally, generally, rarely, seldom, never etc. เป็นต้น ตัวอย่างการใช้มีดังนี้

She gets up at six o’clock. แปลว่า หล่อนตื่นนอน 6 โมงเช้า (ตื่นเวลานี้จนเป็นนิสัย)
He runs every morning. แปลว่า เขาวิ่งทุกๆ เช้า
John often drinks beer. แปลว่า จอห์นมักจะดื่มเบียร์
She never sits in front of the church. แปลว่า หล่อนไม่เคยนั่งข้างหน้าของโบสถ์เลย

1.3 แสดงเหตุการณ์หรือกิจกรรมต่างๆ ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เช่น

I go to Chiangmai in the afternoon. แปลว่า ฉันจะไปเชียงใหม่ในตอนบ่าย
He starts to study in five minutes. แปลว่า เขาจะเริ่มเรียนภายใน 5 นาที
The concert begins at 1.30. แปลว่า คอนเสิร์ตเริ่มเวลา 1.30 นาฬิกา

1.4 ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย เช่น

New brooms sweep clean. แปลว่า ไม้กวาดใหม่ย่อมกวาดสะอาดกว่า
Money makes friend. แปลว่า เงินทองอาจทำให้ท่านมีเพื่อนฝูงมาก
Health is wealth. แปลว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ

2. Present Continuous Tense (ปัจจุบันกำลังจะทำ)

โครงสร้างประโยค 

I + am + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานเอกพจน์ + is + กริยาช่องที่ 1 เติม ing
ประธานพหูพจน์ + are + กริยาช่องที่ 1 เติม ing

ตัวอย่างการใช้ 

She is running.
Is he playing football now?
I am not sleeping.
They are walking.

หลักการเติม ing

คำกริยาที่ลงท้านด้วย e ให้ตัด e ทิ้งเสียก่อนแล้วเติม ing เช่น

bite > biting
come > coming
arise > arising
write > writing
take > taking

กริยาที่ลงท้ายด้วย ee ให้เติม ing เลย เช่น

free > freeing
see > seeing
flee > fleeing
agree > agreeing

กริยาที่ลงท้ายด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แล้วเติม ing เช่น

lie > lying
die > dying
tie > tying

กริยาพยางค์เดียว มีสระตัวเดียวและมีตัวสะกดเป็นพยัญชนะตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดอีก 1 ตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น

run > running
sit > sitting
hit > hitting
get > getting
dig > digging
rob > robbing

กริยาหลายพยางค์ลงท้ายด้วยพยัญชนะ 1 ตัว หน้าพยัญชนะ มีสระหนึ่งตัว ให้เพิ่มพยัญชนะเข้าไปอีก 1 ตัว แล้วเติม ing เช่น

forget > forgetting
admit > admitting

กริยามี 2 พยางค์ ซึ่งออกเสียงหนักที่พยางค์หลังมีสระตัวเดียว ตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มตัวสะกดเข้ามาอีกหนึ่งตัวก่อน แล้วเติม ing เช่น

offer > offerring
refer > referring
occur > occurring
begin > beginning

คำต่อไปนี้ ใช้ได้ 2 แบบ คือ trevel, quarrel เช่น

travel > traveling (แบบอเมริกัน)
travel > travelling (แบบอังกฤษ)
quarrel > quarreling (แบบอเมริกัน)
quarrel > quarrelling (แบบอังกฤษ)

กริยาตัวอื่นๆ เติม ing ได้เลย เช่น

hear > hearing
burn > burning
bend > bending
read > reading

หลักการใช้ Present Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

2.1 แสดงการกระทำที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะพูด และคาดว่าจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า มักมีคำเหล่านี้ คือ now, at the present time, at this moment etc. ตัวอย่างการใช้

She is eating.
Tom is running now.
We are walking.

2.2 แสดงการกระทำเริ่มก่อนพูดเป็นเวลานาน ขณะที่พูดนี้เหตุการณ์อาจไม่ได้ กำลังเกิดขึ้นจริงๆ มักมีคำว่า this week, this month etc. ตัวอย่างการใช้

I am working with my teacher this summer. แปลว่า ฉันกำลังทำงานกับครูของฉันในฤดูร้อนนี้ (ขณะที่พูดอาจทำ หรือไม่ทำอาการนี้ก็ได้)

Tom is working for an examination. แปลว่า ทอม กำลังดูหนังสือสำหรับการสอบในครั้งนี้ (ขณะพูดอาจจะไม่ได้ดูหนังสือก็ได้)

2.3 ใช้แทนอนาคตกำลังจะมาถึงในไม่ช้า หรืออนาคตอันใกล้ มักมี adverb of time (tomorrow, next week, next month etc.) ตัวอย่างการใช้

I am asking him tomorrow (= I will ask him tomorrow.) แปลว่า ฉันจะถามเขาพรุ่งนี้

He is leaving on Sunday (= He’ll leave on Sunday.) แปลว่า เขาจะออกเดินทางในวันอาทิตย์

2.4 กริยาที่ไม่นิยมใช้รูป Present Continuous Tense มีดังต่อไปนี้

กริยาแสดงความรู้สึกทางประสาททั้ง 5 ด้าน

see = เห็น/notice = สังเกต
smell = ดมกลิ่น
taste = ชิม
hear = ได้ยิน
recognize = จำได้

กริยาที่แสดงความรู้สึกทางอารมณ์ เช่น

love = รัก
like = ชอบ
dislike = ไม่ชอบ
adore = รักยิ่ง บูชา
forgive = อภัย
wish = ปรารถนา
ต้องการ care = เอาใจใส่
desire = ปรารถนา
hate = เกลียด
want = ต้องการ
refuse = ปฏิเสธ

กริยาแสดงความคิด เช่น

think = คิด
know = รู้
realize = ตระหนัก
recollect = จำได้
suppose = คิด
recall = นึกได้
expect = คาดหวัง
suppose = คิด
understand = เข้าใจ
mean = ตั้งใจ, หมายความ
believe = เชื่อ
forget = ลืม
trust = เชื่อ
remember = จำได้

กริยาอื่นๆ เช่น

seem = ดูราวกับว่า
hold = บรรจุ
belong = เป็นของ
own = เป็นเจ้าของ
contain = บรรจุ
possess = เป็นเจ้าของ
consist = ประกอบด้วย

3. Present Perfect Tense (ปัจจุบันสมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + has,have + Past Participle

ตัวอย่างการใช้ 

We have eaten American foods.
She has not(hasn’t) eaten Thai foods.
Has he smoked cigarettes?

หลักการใช้ Present Perfect Tense สรุปได้ดังนี้

3.1 แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วเหตุการณ์ยังคงดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน (ตอนพูด) และมีแนวโน้มว่าจะดำเนินต่อไปในอนาคต มักจะมีคำว่า since, for ตัวอย่างการใช้

Dr.Helen has lived in Bangkok since 1958. แปลว่า ดร.เฮเลน อยู่ที่กรุงเทพตั้งแต่ ค.ศ.1958
I have studied in America for four years. แปลว่า ฉันเคยเรียนที่อเมริกามาเป็นเวลา 4 ปี

3.2 แสดงการกระทำซึ่งเกิดขึ้นในอดีต และพึ่งเสร็จสมบูรณ์ไปไม่นาน มักมี adverb เช่น just, yet etc. ประกอบด้วย ตัวอย่างการใช้

I have just passed my friend’s house. แปลว่า ฉันพึ่งผ่านบ้านเพื่อนของฉันมา
They have already finished housework. แปลว่า พวกเขาทำงานบ้านเสร็จแล้ว

3.3 แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ผลของการกระทำนั้นยังคงมาถึงปัจจุบันขณะที่พูด ตัวอย่างการใช้

I have read this book before. แปลว่า ฉันเคยอ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว
He has opened the door. แปลว่าเขาได้เปิดประตูแล้ว (ผลของการกระทำยังอยู่คือประตูเปิด)

3.4 เหตุการณ์ที่เคยทำซ้ำๆ กันหลายหนแล้วในอดีต อาจจะทำต่อไปในอนาคต แต่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อใด ไม่สามารถบอกเวลาการเกิดขึ้นได้ มักมี adverb of time เช่น many times, several times ในประโยคด้วย ตัวอย่างการใช้

I have been to America many times. แปลว่า ฉันได้ไปอเมริกาหลายครั้งแล้ว
She has read this book three times. แปลว่่า หล่อนเคยอ่านหนังสือเล่มนี้ 3 ครั้งแล้ว
He has eaten Thai food several times. แปลว่า เขาเคยกินอาหารไทยหลายครั้งแล้ว

4. Present Perfect Continuous Tense (ปัจจุบันสมบูรณ์กำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + has, have + been + กริยาเติม ing

ตัวอย่างการใช้ 

I have been thinking. แปลว่า ฉันกำลังคิด
They have been talking. แปลว่า พวกเขากำลังพูดกัน
She has been living here for 2 weeks. แปลว่า หล่อนอาศัยอยู่ที่นี่มา 2 สัปดาห์แล้ว
He has been studying hard all year. แปลว่า เขาเรียนหนังสือหนักมาตลอดปี

หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

4.1 ใช้แสดงการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาโดยไม่ขาดตอน เช่น

John has been living in America since 1984. แปลว่า จอห์นได้มาอยู่อเมริกาตั้งแต่ปี 1984

** หมายเหตุ Present Perfect Continuous Tense นี้ ใช้เหมือน Present Perfect ต่างกัน ตรงที่ว่า Present Perfect Continuous Tense ใช้เพื่อต้องการเน้นย้ำว่าการกระทำติดต่อกันมาตลอด และกริยา ที่ใช้มักเป็นกริยาที่มีลักษณะต่อเนื่องได้ ปัจจุบันไม่ใคร่นิยมใช้มากนัก

5. Past Simple Tense (อดีตธรรมดา)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + กริยาช่อง 2

ตัวอย่างการใช้งาน 

She went home. แปลว่า เธอกลับบ้าน
I came here last night. แปลว่า ฉันมาที่นี่เมื่อคืน

หลักการใช้ Past Simple Tense สรุปได้ดังนี้

5.1 ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และจบสิ้นลงไปแล้วในอดีตเช่นกัน มักมีคำว่า once, ago, last night, last week, last year etc. ตัวอย่างการใช้

I got sick yesterday. แปลว่า ฉันป่วยเมื่อวานนี้
I lived in Phuket 3 years ago. แปลว่า ฉันอยู่ที่ภูเก็ตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
She went to the university last week. แปลว่า หล่อนไปมหาวิทยาลัยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

5.2 แสดงเหตุการณ์ที่เป็นนิสัย ที่ทำประจำในอดีต (ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว) มักมี adverb ความถี่อยู่ด้วย เช่น always, every, frequently etc. ตัวอย่างการใช้

Chris walked every morning. แปลว่า คริสเดินทุกๆ เช้า (เป็นนิสัยในอดีต ปัจจุบันไม่ได้กระทำแล้ว)
He always woke up late last year. แปลว่า เขาตื่นนอนสายเสมอๆเมื่อปีที่แล้ว
When I was young. I listened to the radio every night. แปลว่า เมื่อฉันเป็นเด็ก ฉันฟังวิทยุทุกคืน

5.3 แสดงถึงการกระทำทั้งสองอย่างที่เกิดในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า as, while อยู่ด้วย ตัวอย่างการใช้

While she sang, I danced. แปลว่า ขณะที่หล่องร้องเพลง ฉันเต้นรำ
As she cooked, her son played football. แปลว่า ขณะที่หล่อนทำอาหาร ลูกชายของเธอก็เล่นฟุตบอล

6. Past Continuous Tense (อดีตกำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + was, were + กริยาเติม ing

ตัวอย่างการใช้ 

I was drinking a glass of water. แปลว่า ฉันกำลังดื่มน้ำ 1 แก้ว
They were playing football in the field. แปลว่า เขากำลังเล่นฟุตบอลอยู่ในสนาม

หลักการใช้ Past Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

6.1 ใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต เหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นและดำเนินอยู่ก่อนแล้ว เราจะใช้ Past Continuous และมีเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้น จะใช้ Past Simple ตัวอย่างการใช้

While I was cooking, the telephone rang. แปลว่า ขณะฉันทำอาหารโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
We are walking along the street, it began to rain. แปลว่า พวกเรากำลังเดินไปตามถนนฝนก็เริ่มตก

6.2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในอดีต ตัวอย่างการใช้

He was sleeping in the class. แปลว่า ฉันกำลังหลับในห้องเรียน
He was running in the morning แปลว่า เขากำลังวิ่งในตอนเช้า

6.3 แสดงเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ในเวลาเดียวกัน มักมีคำว่า while ในประโยค ตัวอย่างการใช้

While I was watching T.V, my brother was reading a book. แปลว่า ขณะที่ฉันดูทีวี น้องชายของฉันอ่านหนังสือ
She was sleeping while he was talking with his friends. แปลว่า หล่อนกำลังนอนหลับ ขณะที่เขากำลังพูดคุยกับเพื่อนของหล่อน

7. Past Perfect Tense (อดีตสมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + had + Past Participle (กริยาช่อง 3)

ตัวอย่างการใช้ 

She had slept. แปลว่า หล่อนได้นอนหลับแล้ว
He had not worked. แปลว่า เขาไม่ได้ทำงาน
I had eaten foods before you came. แปลว่า ฉันได้รับประทานอาหารก่อนที่คุณจะมา

หลักการใช้ Past Perfect Tense สรุปได้ดังนี้

7.1 แสดงเหตุการณ์ 2 อย่าง ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อน เราจะใช้ Past Perfect Tense อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดทีหลัง เราจะใช้ Past Simple Tense ตัวอย่างการใช้

When I had finished my housework, I played T.V games. แปลว่า เมื่อฉันทำงานบ้านเสร็จฉันก็เล่น TV เกม (ทำงานบ้านเสร็จก่อนแล้วจึงเล่น)

7.2 ใช้เปลี่ยน Past Simple หรือ Present Perfect ให้เป็น Indirect Speech ตัวอย่างการใช้

Direct Speech : “I have stayed in America for 2 years.” แปลว่า หล่อนพูดว่า “ฉันเคยอยู่อเมริการมา 2 ปีแล้ว”
Indirect Speech : She said that she had stayed in America for 2 years. แปลว่า หล่อนพูดว่าหล่อนเคยอยู่อเมริกามา 2 ปีแล้ว
Direct Speech : He said “I worked in Bangkok many years.” แปลว่า เขาพูดว่า”ฉันเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี”
Indirect Speech : He said that he had worked in Bangkok many years. แปลว่า เขาพูดว่าเขาเคยทำงานในกรุงเทพหลายปี

8. Past Perfect Continuous Tense (อดีตสมบูรณ์กำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + had been + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตัวอย่างการใช้ 

I had been sleeping. แปลว่า ฉันกำลังนอนหลับ
She had been waiting for two hours. แปลว่า หล่อนคอย 2 ช.ม. แล้ว
He had not (hadn’t) been walking before you came. แปลว่า เขาไม่ได้กำลังเดินก่อนคุณมา

หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

8.1 ใช้คล้ายๆ กับ Past Perfect เราใช้ก็ต่อเมื่อเกิดมีเหตุการณ์ 2 อย่าง เกิดขึ้นในอดีต เพื่อเน้นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดตอน เราใช้ Past Perfect Continuous Tense แล้วเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น เราจะใช้ Past Simple Tense ตัวอย่างการใช้

She had been living in America before she moved to Bangkok. แปลว่า หล่อนอยู่อเมริการก่อนที่ย้านมาอยู่ที่กรุงเทพ
I had been waiting two hour before He arrived. แปลว่า ฉันคอยเป็นเวลา 2 ชั่วโมงก่อนที่เขามาถึง
She had been reading for several hours when I saw her. แปลว่า หล่อนกำลังอ่านหนังสือหลายชั่วโมง เมื่อฉันเห็นหล่อน

9. Future Simple Tense (อนาคต)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall(I,We), be going to + กริยาเติม ing

ตัวอย่างการใช้

I will go to see you tomorrow. แปลว่า ฉันจะไปพบคุณพรุ่งนี้
I shall go. แปลว่า ฉันจะไป
Mary will run. แปลว่า แมรี่จะวิ่ง

หลักการใช้ Future Simple Tense สรุปได้ดังนี้

9.1 ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอนาคต มักมี adverb of time อยู่ด้วย เช่น to night, tomorrow, next week, next month etc. ตัวอย่างการใช้

I will see the movie tomorrow. แปลว่า ฉันจะไปดูหนังพรุ่งนี้
She is going to see the doctor next week. แปลว่า หล่อนจะไปหาหมอสัปดาห์หน้า
The plane will arrive at the airport in a few minutes.แปลว่า เครื่องบินจะมาถึงท่าอากาศยานในอีก 2-3 นาที

การใช้ be going to แทน will, shall

ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพื่อแสดงถึงความตั้งใจที่ได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วหรือเชื่อว่าเป็นจริง โดยไม่สงสัย ตัวอย่างการใช้

I am studying hard: I am going to try for scholarship. แปลว่า ฉันกำลังเรียนหนังสืออย่างหนัก ฉันพยายามเพื่อสอบชิงทุนการศึกษา
She is going to write to her parents. แปลว่า หล่อนตั้งใจว่าจะเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ของเธอ
She has bought flour : She is going to make cake. แปลว่า หล่อนซื้อแป้งมาและจะทำเค้ก

ใช้ be going to + กริยาช่อง 1 เพื่อแสดงการคาดคะเน ตัวอย่างการใช้

I think it is going to rain. แปลว่า ฉันคิดว่าฝนจะตก (อย่างแน่นอน)

10. Future Continuous Tense (อนาคตกำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall(I,We) + be + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตัวอย่างการใช้ 

I shall be running. แปลว่า ฉันกำลังวิ่ง
I will be working tomorrow. แปลว่า ฉันกำลังจะทำงานพรุ่งนี้
We shall be drinking. แปลว่า เรากำลังจะดื่ม

หลักการใช้ Future Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

10.1 แสดงเหตุการ์หรือการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเหตุการณ์นั้นกำลังดำเนินอยู่ ตัวอย่างการใช้

-At ten o’clock tomorrow morning. I will be waiting my friend. แปลว่า เวลา 10 โมงเช้าพรุ่งนี้ ฉันจะกำลังรอเพื่อน
-I will be cooking at 5 o’clock tomorrow evening. แปลว่า ฉันจะทำอาหารตอน 5 โมงเย็นพรุ่งนี้
-He will be sleeping at 4 o’clock tomorrow morning. แปลว่า เขากำลังหลับตอน 4 โมงเช้าพรุ่งนี้

10.2 ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Future Continuous Tense ส่วนเหตุการณ์หลังใช้ Present Simple Tense ตัวอย่างการใช้

-They will be playing football when you arrive at their house. แปลว่า เขาจะกำลังเล่นฟุตบอลอยู่ เมื่อคุณมาถึงบ้านของเขา (เล่นก่อนที่คุณจะถึงบ้าน)

-When he calls to you, she will be going to the market.แปลว่า เมื่อเขาโทรมาหาคณ หล่อนกำลังจะไปตลาด

11. Future Perfect Tense (อนาคตสมบูรณ์)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall + have + กริยาช่อง 3

ตัวอย่างการใช้ 

I shall have eaten. แปลว่า ฉันจะกินอยู่แล้ว
Sri will have gone. แปลว่า ศรีจะไปอยู่แล้ว
He will have finished his work. แปลว่า เขาจะเสร็จงานของเขาอยู่แล้ว

หลักการใช้ Future Perfect Tense สรุปได้ดังนี้

11.1 ใช้เมื่อคิดว่า เวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต เหตุการณ์หรือการกระทำจะสิ้นสุดลง มักมีคำเหล่านี้ เช่น by that time, by then, by tomorrow, by next year, by next week, by at ten o’clock in two hours etc. ตัวอย่างการใช้

I will have slept in three hours. แปลว่า ฉันจะนอนเสร็จภายใน 3 ชั่วโมง
They will have finished the new road by next week. แปลว่า พวกเขาจะทำถนนใหม่เสร็จในสัปดาห์หน้า

11.2 ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน คาดว่าเมื่อถึงเวลานั้น เหตุการณ์หนึงจะเสร็จสมบูรณ์
เราจะใช้ Future Perfect Tense กับ เหตุการณ์นี้และจะเกิดเหตุการณ์ที่ 2 ตามมา เราจะใช้ Present Simple Tense กับประโยคนี้ ตัวอย่างการใช้

By the time you arrive, I will have finished homework. แปลว่า เมื่อเวลาที่คุณมาฉันก็ทำการบ้านเสร็จพอดี
She will have eaten foods before you came. แปลว่า หล่อนรับประทานอาหารเสร็จก่อนที่คุณจะมา
The movie will have started before we reach the theater. แปลว่า ภาพยนตร์เริ่มฉายก่อนที่พวกเราจะมาถึงโรงภาพยนตร์

12. Future Perfect Continuous Tense (อนาคตสมบูรณ์กำลังกระทำ)

โครงสร้างประโยค 

ประธาน + will, shall (I,We) + have + been + กริยาเติม ing + กรรมหรือส่วนขยาย

ตัวอย่างการใช้ 

I shall have been working. แปลว่า เราคงจะทำงาน (ติดต่อกัน)
He will have been running. แปลว่า เขาคงจะวิ่ง (ติดต่อกัน)

หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense สรุปได้ดังนี้

12.1 สำหรับ Tense นี้ เน้นให้เห็นถึงการต่อเนื่องของการกระทำว่าถึงเวลานั้นในอนาคต การกระทำนั้นยังคงดำเนินอยู่ และจะดำเนินต่อไปอีก (ยังไม่หยุด) ตัวอย่างการใช้

-By ten o’clock I shall have been working without a rest. แปลว่า ถึงเวลา 10 นาฬิกา ฉันได้ทำงาน (ติดต่อกันมา) โดยไม่พัก
-When you arrive, she will have waiting for three hours. แปลว่า เมื่อคุณมาถึง หล่อนคงจะได้รอคุณ (โดยไม่หยุดรอ) เป็นเวลา 3 ชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.tonamorn.com

บทความแนะนำ

[NEW] เรียนรู้ไว้ก็ไม่เสียหาย 25 คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่มีความหมายว่า โกหก – หลอกลวง – โกง | had แปล-ว่า – NATAVIGUIDES

ไม่ได้มีเฉพาะในภาษาไทยเท่านั้น สำหรับคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “โกหก” โดยเฉพาะในภาษาอังกฤษนั้นมีคำศัพท์ที่เป็นทั้งคำนามและคำกริยาที่เป็นค

ไม่ได้มีเฉพาะในภาษาไทยเท่านั้น สำหรับคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “โกหก” โดยเฉพาะในภาษาอังกฤษนั้นมีคำศัพท์ที่เป็นทั้งคำนามและคำกริยาที่เป็นคำโกหกได้ เช่น Biggest Lies ที่แปลว่า โกหกคำโต, Canard ที่แปลว่า รายงานเท็จ, Pretend ที่แปลว่า เสแสร้ง, Deception ที่แปลว่า การหลอกลวง และ Fake ที่แปลว่า สร้างเรื่อง เป็นต้น

คำโกหกในภาษาอังกฤษ เขาพูดยังไง?

ดังนั้นในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ จะพาทุกคนไปเรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีความหมายว่า “โกหก” กัน และจะถูกนำมาใช้ในประโยคแบบไหน มาดูกันได้เลย…

1. Bluff

Bluff (บลัฟ) แปลว่า การหลอกให้หลงกล

ตัวอย่างการใช้ : Is he going to jump or is he only bluffing? แปลว่า นี่เขากำลังจะโดดจริง ๆ หรือแค่หลอกให้หลงกลเฉย ๆ

2. Canard

Canard (แค นาร์ด) แปลว่า เรื่องเท็จ รายงานเท็จ

ตัวอย่างการใช้ : Look! It is a canard แปลว่า ดูสิ นี่มันรายงานเท็จนี่

3. Deceit

Deceit (ดิ ซีท) แปลว่า การหลอกลวง

ตัวอย่างการใช้ : Finally, his deceits were revealed แปลว่า ในที่สุดการหลอกลวงของเขาก็ถูกเปิดโปง

4. Deception

Deception (ดิ เซพ เชิ่น) แปลว่า การหลอกลวง ตบตา

ตัวอย่างการใช้ :  It wasn’t really magic – just some kind of clever visual deception แปลว่า ไม่ใช่เวทมนตร์อะไรหรอก มันก็แค่ภาพตบตาเจ๋ง ๆ

5. Distortion

Distortion (ดิส ทอร์ เชิ่น) แปลว่า การบิดเบือน

ตัวอย่างการใช้ : False retelling of events is an example of distortion แปลว่า การเล่าเรื่องแบบผิด ๆ เป็นตัวอย่างของการบิดเบือน

6. Equivocation

Equivocation (อิค ควิ เวอะ เค เชิ่น) แปลว่า การพูดกำกวม อ้อมค้อม

ตัวอย่างการใช้ : He answered openly without equivocation แปลว่า เขาตอบคำถามอย่างเปิดเผย ปราศจากการพูดกำกวม

7. Exaggeration

Exaggeration (อิ๊ค แซก เจอะ เร เชิ่น) แปลว่า การพูดเกินจริง

ตัวอย่างการใช้ : Honestly, without any exaggeration, the fish was three metres long แปลว่า นี่ไม่ได้พูดเกินจริงเลยนะ ตัวปลามันยาวตั้ง 3 เมตรจริง ๆ

8. Fable

Fable (เฟเบิ้ล) แปลว่า เรื่องโกหก เรื่องที่แต่งขึ้น

ตัวอย่างการใช้ : What you have said is just a fable แปลว่า ที่เธอพูดมามันเรื่องโกหกทั้งนั้น

9. Fabrication

Fabrication (แฟ บริ เค เชิ่น) แปลว่า การปลอมขึ้นมา

ตัวอย่างการใช้ : The whole story about how her stepson died was a fabrication แปลว่า เรื่องการตายทั้งหมดของลุกเลี้ยงเธอมันเป็นเรื่องปลอม

10. Fairy tale

Fairy tale (แฟรี่ เทล): เรื่องแหกตา เรื่องโกหก

ตัวอย่างการใช้ : He’s telling us another fairy tale about how great the software will be แปลว่า เขากำลังเล่าเรื่องแหกตาเกี่ยวกับความดีงามของซอฟต์แวร์ตัวนี้ให้เราฟัง

11. Fallacy

Fallacy (แฟล เลอะ ซี่) แปลว่า เรื่องหลอกลวง

ตัวอย่างการใช้ : It’s a common fallacy that women are worse drivers than men แปลว่า เรื่องหลอกลวงที่รู้กันดีคือผู้หญิงขับรถแย่กว่าผู้ชาย

12. Falsehood

Falsehood (ฟ้อลซ์ หูด) แปลว่า การโกหก

ตัวอย่างการใช้ : She doesn’t seem to understand the difference between truth and falsehood แปลว่า ดูเหมือนว่านางจะไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างความจริงกับการโกหกนะ

13. Falsify

Falsify (ฟ้อลซิไฟย์) แปลว่า ปลอมแปลง

ตัวอย่างการใช้ : The certificate had clearly been falsified แปลว่า ประกาศนียบัตรนี่ถูกปลอมแปลงชัด ๆ

14. Falsity

Falsity (ฟ้อลซิติ) แปลว่า เรื่องปลอม

ตัวอย่างการใช้ : Believe me, it’s not the falsity แปลว่า เชื่อฉันเถอะ มันไม่ใช่เรื่องปลอมนะ

15. Fib

Fib (ฟิบ) แปลว่า โกหกเล็ก ๆ น้อย ๆ

ตัวอย่างการใช้ : I can tell he’s fibbing because he’s smiling! แปลว่า ฉันบอกได้เลยว่าเขาโกหกอยู่ ก็เพราะเขากำลังยิ้มอยู่นั่นไงล่ะ!

16. Fiction

Fiction (ฟิค เชิ่น) แปลว่า เรื่องโกหก

When he’s telling you something, you never know what’s fact and what’s fiction แปลว่า ตอนที่เขากำลังเล่าเรื่องบางอย่าง เธอไม่เคยรู้เลยว่าอันไหนเรื่องจริงกันไหนโกหก

17. Half-truth

Half-truth (ฮ้าฟ ทรูท) แปลว่า เรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้าง

ตัวอย่างการใช้ : I don’t care! half-truth is a whole lie แปลว่า ฉันไม่สนใจหรอก เรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้างก็คือเรื่องโกหกนั่นแหละ

18. Humbug

Humbug (ฮัม บั๊ก) แปลว่า การหลอกลวง ต้มตุ๋ม

ตัวอย่างการใช้ : Don’t try and humbug me, tell me everything แปลว่า อย่าแม้แต่จะลองหลอกฉัน บอกฉันมาให้หมดเดี๋ยวนี้

19. Invention

Invention (อิน เว้น เชิ่น) แปลว่า การกุเรื่องขึ้น เรื่องที่กุขึ้น

ตัวอย่างการใช้ : Her story is a total invention แปลว่า เรื่องของเธอน่ะมันเป็นเรื่องที่กุขึ้นทั้งหมด

20. Jive

Jive (ไจ้ฟ์) แปลว่า หลอก เรื่องเหลวไหล

ตัวอย่างการใช้ : Quit jiving me and just tell me where you were! แปลว่า เลิกหลอกฉันได้แล้ว แค่บอกมาซะทีว่าเธออยู่ไหน!

21. Libel

Libel (ไล้ เบิ้ล) แปลว่า ใส่ร้ายป้ายสี

ตัวอย่างการใช้ : She threatened to sue that guy for libel แปลว่า เธอขู่ว่าจะฟ้องผู้ชายคนนั้นข้อหาใส่ร้ายเธอ

22. Mendacity

Mendacity (เมน แด ซิ ติ) แปลว่า การโกหก

ตัวอย่างการใช้ : You need to overcome this mendacity, or no one will ever believe anything you say แปลว่า คุณต้องเอาชนะการโกหกนี่ให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครเชื่อที่คุณพูดอีกเลย

23. Untruth

Untruth (อัน ทรู้ท) แปลว่า คำโกหก

ตัวอย่างการใช้ : Don’t told him an untruth แปลว่า อย่าโกหกเขาเชียว

24. Whopper

Whopper (ว้อพ เผอะ) แปลว่า การโกหกที่ร้ายแรง

ตัวอย่างการใช้ : He told us a real whopper แปลว่า เขาเล่าเรื่องโกหกคำโตให้เราฟังเลยล่ะ

25.  Liar

Liar (ไล อ่าร์) แปลว่า คนขี้โกหก

ตัวอย่างการใช้ : Don’t trust him, he is such a liar แปลว่า อย่าไปเชื่อเขา เขาเป็นคนขี้โกหก

ที่มา : www.dailyenglish.in.th

Written by : Toey


Old MacDonald Had A Farm – 3D Animation English Nursery Rhymes \u0026 Songs for children


Old MacDonald Had A Farm 3D Animation English Nursery rhymes \u0026 Songs for children with lyrics
\”Old MacDonald Had A Farm Nursery Rhyme\” Lyrics:
Old MacDonald had a farm, E I E I O,
And on his farm he had some chicks, E I E I O.
With a chick chick here and a chick chick there,
Here a chick, there a chick, everywhere a chick chick.
Old MacDonald had a farm, E I E I O.
Old MacDonald had a farm E I E I O,
And on his farm he had some ducks E I E I O.
With a quack quack here
And a quack quack there
Here a quack, there a quack
Everywhere a quack quack.
Old MacDonald had a farm E I E I O.
Old MacDonald had a farm E I E I O,
And on his farm he had some Cats, E I E I O.
With a meow meow here
And a meow meow there
Here a meow, there a meow
Everywhere a meow meow.
Old MacDonald had a farm E I E I O.
Old MacDonald had a farm E I E I O,
And on his farm he had some cows, E I E I O.
With a moo moo here
And a moo moo there
Here a moo, there a moo
Everywhere a moo moo.
Old MacDonald had a farm E I E I O.
Old MacDonald had a farm E I E I O,
And on his farm he had Some pigs, E I E I O.
With a oink oink here
And a oink oink there
Here a oink, there a oink
Everywhere a oink oink.
Old MacDonald had a farm E I E I O.
Old MacDonald had a farm E I E I O,
And on his farm he had some horses, E I E I O.
With a neigh neigh here
And a neigh neigh there
Here a neigh, there a neigh
Everywhere a neigh neigh.
Old MacDonald had a farm E I E I O.
Old MacDonald had a farm E I E I O,
And on his farm he had some sheeps, E I E I O.
With a baa baa here
And a baa baa there
Here a baa, there a baa
Everywhere a baa baa.
Old MacDonald had a farm E I E I O..

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Old MacDonald Had A Farm - 3D Animation English Nursery Rhymes \u0026 Songs for children

have got กับ have แปลว่า ‘มี’ เหมือนกัน แล้วต่างกันยังไงนะ🤔


have got กับ have แปลว่า ‘มี’ เหมือนกัน แล้วต่างกันยังไงนะ🤔
📌ใครดูจบอย่าลืมตอบคำถามท้ายคลิปกัน เดี๋ยวฝ้ายจะตรวจให้นะคะ ❤

ติดตามฝ้ายทาง Youtube ได้ที่: http://bit.ly/2S6QBJu
อย่างลืมกด subscribe กันไว้ด้วยนะคะ 💕
Facebook Page: https://www.facebook.com/KruFyi.EasyEnglish/
LINE@ : @krufyi.easyenglish

have got กับ have แปลว่า 'มี' เหมือนกัน แล้วต่างกันยังไงนะ🤔

Has Have Had ใช้ยังไง | Tina Academy Ep.22


Has Have Had ใช้ยังไง บางทีมันก็ไม่ได้แปลว่ามีนะจ้ะ
Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
Instagram: https://www.instagram.com/tinathanchanel
Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
กล้องที่ใช้: https://goo.gl/xxAi9H
ไฟที่ใช้: https://goo.gl/SFguUQ

Has Have Had ใช้ยังไง | Tina Academy Ep.22

have has had ใช้ต่างกันยังไง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE


have has had ใช้ต่างกันยังไง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE
ในคลิปนี้เรามาจะมาดูวีธีการใช้ verb to have ซึ่งจะมี3หน้าตาด้วยกันนั่นก็คือ have has had ในภาษาอังกฤษกัน พร้อมกับตัวอย่างประโยคแบบจัดเต็ม เพื่อช่วยให้เราเข้าใจการใช้งานอย่างเต็มที่ เราจะฝึกออกเสียงไปพร้อมๆกัน เพื่อช่วยทำให้เราออกเสียงได้ถูกต้องละ ทำยังไงถึงจะใช้ได้ถูกต้อง เมื่อเราสนทนาหรือพยายามสื่อสาร และแต่งประโยคเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมตัวอย่างประโยคการใช้งานในสถานการณ์จริง
Present Simple Tense การใช้งาน Verb ฉบับเต็ม
https://youtu.be/HHPmiayX14
Have ไม่ได้แปลว่า มี (อย่างเดียว)
https://youtu.be/9wqIvNV_u4
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ครบทุกหลักการใช้งานในคลิปเดียวแบบเต็มสูบทั้งหมด
หากสนใจมาเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว กับทางESE สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ทางช่องทางเหล่านี้นะครับ
อย่าลืมกดติดตามเราทางช่องทางอื่นๆด้วยนะครับ
Follow us on Facebook: https://www.facebook.com/easyandsimpleenglish/
Follow us on Instagram: https://www.instagram.com/ese_stagram_th/
Visit our website: http://easysimpleenglish.com/
Contact: Tel: 0863537300

have has had ใช้ต่างกันยังไง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE

would rather/prefer/had better แปลว่าอะไร ใช้ยังไง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE


would rather/prefer/had better แปลว่าอะไร ใช้ยังไง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE
ในคลิปนี้เรามาจะมาดูว่า would rather/prefer/had better แปลว่าอะไร ใช้ยังไงบ้าง ในภาษาอังกฤษกัน พร้อมกับตัวอย่างประโยคแบบจัดเต็ม เพื่อช่วยให้เราเข้าใจการใช้งานอย่างเต็มที่ เราจะฝึกออกเสียงไปพร้อมๆกัน เพื่อช่วยทำให้เราออกเสียงได้ถูกต้องละ ทำยังไงถึงจะใช้ได้ถูกต้อง เมื่อเราสนทนาหรือพยายามสื่อสาร และแต่งประโยคเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมตัวอย่างประโยคการใช้งานในสถานการณ์จริง
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ครบทุกหลักการใช้งานในคลิปเดียวแบบเต็มสูบทั้งหมด
หากสนใจมาเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว กับทางESE สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ทางช่องทางเหล่านี้นะครับ
อย่าลืมกดติดตามเราทางช่องทางอื่นๆด้วยนะครับ
Follow us on Facebook: https://www.facebook.com/easyandsimpleenglish/
Follow us on Instagram: https://www.instagram.com/ese_stagram_th/
Visit our website: http://easysimpleenglish.com/
Contact: Tel: 0863537300

would rather/prefer/had better  แปลว่าอะไร ใช้ยังไง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ had แปล-ว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *