Skip to content
Home » [NEW] | เกาะ เหนือ นิวซีแลนด์ – NATAVIGUIDES

[NEW] | เกาะ เหนือ นิวซีแลนด์ – NATAVIGUIDES

เกาะ เหนือ นิวซีแลนด์: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

         

13 days in New Zealand

          ประเทศที่ใคร ๆ เรียกว่าดินแดนแห่งกีวี เพราะกีวีถูกและเยอะมากในนิวซีแลนด์ แต่ที่จริงแล้วเค้าหมายถึงนกกีวีต่างหาก

         

มาเริ่มกันเลยดีกว่า เริ่มด้วยรายละเอียดทั้งหมดของทริปนี้กัน แบมเดินทางกับแม่สองคนเท่านั้น ในช่วง ปลายมิถุนายน-ต้นกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงหนาว ถ้าเกาะใต้ประมาณ 0-13 องศาเซลเซียส ถ้าเกาะเหนือประมาณ 8-20 องศาเซลเซียส เราสองคนตั้งใจจะเป็น Backpackers กัน ทุกอย่างที่ไปและทุกอย่างที่เดินทางก็จะทำเหมือน Backpackers ทั่ว ๆ ไป ความสะดวกสบายและความลำบากก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่มันก็เป็นความทรงจำอีกแบบที่น่าจดจำ

         

การเดินทาง :

Bus แบบ Flexipass ทั้งหมดทริป แบมเลือกใช้ของ intercity ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นการงงในการดูตั๋วด้วย แต่ intercity มีสองแบบให้เลือก คือ แบบ Travelpass (ราคาถูกกว่าแต่ไม่สามารถเลื่อนเวลาได้ หรือถ้าอยากเลื่อนจะเสียเงินเพิ่ม ซึ่งเอาจริง ๆ แพงกว่าซื้อใหม่) แบบ Flexipass (ราคาแพงกว่าเท่าหนึ่ง แต่สามารถเลื่อนเวลาได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะบางครั้งสภาพอากาศหรือเรามีปัญหาอะไรสักอย่าง หรือรถไม่สามารถวิ่งได้เนื่องจากสภาพอากาศ ยิ่งหน้าหนาวตั๋วแบบนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี) ซื้อตั๋ว 15 ชั่วโมง ราคา $119 ซึ่งสามารถจัดสรรเวลาทั้งหมดและจองพร้อมกัน  มันจะถูกกว่าซื้อแยก

         

รายละเอียดของรถ :

รถของ intercity ทุกคันมี Wi-Fi ให้เล่นตลอด ไม่รวมขึ้นเขา-ลงเขานะ มันไม่มีสัญญาณหรอก และพนักงานขับรถจะพูดรายละเอียด อธิบายสถานที่แต่ละที่ ก่อนจะถึงก็จะเริ่มพูดแสดงว่าใกล้ถึงแล้ว ลองสังเกตดี ๆ ส่วนห้องน้ำจะมีแค่บ้างคันเท่านั้น แต่ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะรถจะจอดตลอดให้ทุกคนลงไปเข้าห้องน้ำ

          ป.ล.
ทุกครั้งต้องเช็กเวลาถึงดี ๆ นะ เพราะว่ารถมันไม่ได้จอดป้ายเราป้ายสุดท้าย ถ้ามันเลยไปแล้วเราก็ซวยค่ะ จะต้องตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาถึง 30 นาที เพื่อเตรียมตัวและเก็บของเผื่อลืมอะไร และพนักงานขับรถไม่มาบอกด้วยนะว่าถึงแล้วป้ายของคุณ

         

ค่าเงิน : $1 = 25.07 บาท

         

ท่องเที่ยว :

          ที่พัก : ที่พักทั้งหมดสำหรับทริปนี้ตั้งไว้ราคาไม่เกิน $90 ประมาณ 2,256 บาท สำหรับสองคน และจะเลือกโรงแรมที่ใกล้กับจุดจอดรถในวันถัดไปเสมอ เพื่อสะดวกและไม่ตกรถอีกด้วย

          Information : ในนิวซีแลนด์ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง ทุกเมืองจะมี Information Centre หรือเรียกง่าย ๆ ว่า I-Site Visitor ให้ถามข้อมูลถามรายละเอียด

          Wi-Fi : โรงแรมส่วนใหญ่จะไม่มี Wi-Fi ให้เล่น หรือมีก็จะมีแค่ 30 นาที เท่านั้นที่เหลือก็เสียเงินเอง ซึ่งไม่แพงมาก แต่ถ้าใครต้องเล่นทุกวันแนะนำซื้อ Package Wi-Fi แบบพกพาดีกว่า มีที่สนามบิน

ขาไป Bangkok-Auckland (ต่อเครื่องเท่านั้น)-Christchurch และขากลับ Auckland-Bangkokที่พักทั้งหมดสำหรับทริปนี้ตั้งไว้ราคาไม่เกิน $90 ประมาณ 2,256 บาท สำหรับสองคน และจะเลือกโรงแรมที่ใกล้กับจุดจอดรถในวันถัดไปเสมอ เพื่อสะดวกและไม่ตกรถอีกด้วยในนิวซีแลนด์ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง ทุกเมืองจะมี Information Centre หรือเรียกง่าย ๆ ว่า I-Site Visitor ให้ถามข้อมูลถามรายละเอียดโรงแรมส่วนใหญ่จะไม่มี Wi-Fi ให้เล่น หรือมีก็จะมีแค่ 30 นาที เท่านั้นที่เหลือก็เสียเงินเอง ซึ่งไม่แพงมาก แต่ถ้าใครต้องเล่นทุกวันแนะนำซื้อ Package Wi-Fi แบบพกพาดีกว่า มีที่สนามบิน

         

วันที่ 1 Christchurch แสนร้าง

          มันไม่แปลกที่เมืองนี้เป็นเหมือนเมืองร้าง มีสิ่งก่อสร้างมากมายกำลังสร้างตึก สร้างถนน และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะแผ่นดินไหวในปี 2012 ทำให้ทุกอย่างในเมืองนี้หายเกือบหมด ถึงตอนหกโมงเย็นนั่งรถ bus คนละ $12 เข้าเมืองใช้เวลา 30 นาที และพักที่โรงแรม BreakFree on Cashel (Cashel Street & Manchester st) ซึ่งใกล้กับจุดจอดรถ bus ที่จะขึ้นวันถัดไป

           

โรงแรม

          ข้อดี : เพิ่งเปิดได้แค่ 3 เดือน ทุกอย่างเลยใหม่และสะอาด

          ข้อเสีย : ห้องเล็กมากจนไม่มีที่เดิน Wi-Fi เล่นได้แค่ที่ Lobby เท่านั้นและเพียงแค่ 30 นาที ที่เหลือต้องเสียเงิน

         

วันที่ 2 Lake Tekapo

           

โรงแรม

          ข้อดี : ระหว่างทางเดินวิวสวยมาก และมีรถมารับแต่ไม่มีรถมาส่ง สามารถโทรให้รถมารับที่ information centre ได้ ให้พนักงานในนั้นโทรให้ ซึ่งสภาพรถมันไม่ใช่รถสำหรับรับคน มันคือรถทำความสะอาด และให้เรานั่งยอง ๆ หลังรถอะ

          ข้อเสีย : ห้องพักส่วนตัวอยู่ข้างหลังตึกรวม เวลาอาบน้ำต้องเดินไปตึกใหญ่ ซึ่งหน้าหนาว พักแบบรวมเถอะ กว่าจะเดินผ่านหิมะตายดีกว่า, ฮีสเตอร์แทบไม่ทำงาน หนาวตัวขดในห้องกับแม่สองคน, ที่พักอยู่ไกลจากแหล่งซื้อของ หิวก็ต้องกิน ๆ อะไรในกระเป๋าไปก่อนละกัน ที่ Hostel ไม่มีอะไรขายสักอย่าง

        

วันที่ 3 Mt.Cook

        เดินไปขึ้นรถที่เดิมที่คนขับรถส่งเราลงนั่นแหละ และเดินไปโบสถ์ที่แอบไกลอยู่ประมาณ 20 นาที เผื่อเวลาดี ๆ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันรถ เพราะรถมีแค่รอบเดียวต่อวัน พอขึ้นรถคนก็ยังน้อยเหมือนเดิม 10 คนได้ รถเป็นของเรา นอนยาวเลย

          จนถึง YHA Mt.Cook ตอนลงจากรถตกใจมาก เพราะล้อมไปด้วยภูเขาและหมอกหนักมาก ๆ ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ส่วน YHA เป็น Hostel ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนิวซีแลนด์ เพราะว่ามีทุกเมือง และเอาจริง ๆ ก็ดีเกือบทุกเมืองเลย ยิ่งถ้าสมัครสมาชิกจะได้ราคาที่ถูกกว่าด้วย Hostel นี้แนะนำให้จองแต่เนิ่น ๆ ถ้ารู้ว่าจะไปเพราะว่าเต็มเร็วมาก ใน Mt. Cook มีที่พักน้อยมาก ถ้าจองไม่ทันก็อาจจะไม่ได้ไปก็ได้ พอเช็กอินพนักงานจะบอกรายละเอียดว่าวันนี้ไปเที่ยวไหนได้บ้างที่ไหนเปิด ที่ไหนปิด ซึ่งปิดหมด เปิดแค่ที่เดียวเท่านั้น เพราะเค้าบอกว่าหิมะตกหนัก กระทั่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ก็ปิด จากนั้นก็ออกไปเดิน แวะ information centre ถ้าไปหน้าหนาวแนะนำถุงมือไปด้วย รองเท้ากันหิมะ เจ้าหิมะมันกัดเหมือนมันเกลียดฉัน

         

 

 

โรงแรม

          ข้อดี : มี Wi-Fi ตลอดตึก เล่นไปเถอะ, มีของขายสำหรับทำอาหาร, มีห้องซาวน่า เปิดแค่ 07.00-09.00 PM. เท่านั้น, รถจอดรับที่พักเลย ไม่ต้องเดินไปไหน

          ป.ล. แนะนำกิจกรรมที่ต้องทำ…ล่องเรือ

         

วันที่ 4 Queenstown มหัศจรรย์เมืองในฝัน

           

โรงแรม

          ข้อดี : สะอาดและใกล้ในเมือง พนักงานเป็นกันเอง ช่วยเหลือทุกอย่าง สอบถามเรื่อง bus ทัวร์ต่าง ๆ ได้หมด แถมยังติดต่อให้อีกด้วย

          ข้อเสีย : ห้องเต็มเร็วมาก ควรจะจองอย่างด่วน แต่นอนห้องรวมก็โอเค เพราะมันเป็นม่านกั้น สัดส่วนที่ชัดเจนเหมือนนอนคนเดียว แต่ถ้าไปสองคนนอนห้องเดี่ยวดีกว่า ราคาห้องรวมสองคนเท่ากันเลยมีทีวีด้วย

          พอถึงที่พักหิวสุด ๆ ออกมากินเบอร์เกอร์ที่ดังที่สุดในเมืองนี้ คนต่อคิวยาวมาก มาตอนสามทุ่มรอประมาณ 40 นาที สังเกตได้จริง ๆ ว่าร้านนี้ เพราะคนจะยืนกันเต็มไปหมด ร้าน Fregburger ไม่ได้มีขายแค่เบอร์เกอร์ ยังมีเบเกอรี่ ไอศกรีม สามบล็อกติดกัน ระหว่างต่อคิวก็แอบไปซื้อ Peach Danish มากิน แต่ที่เด็ดสุดคือ Burger สั่ง Tropical Swine 13.90$ มันเยี่ยมจริง ๆ เค้าทำใหม่หมดและทุกอย่างสด ถึงได้ทำนานกว่าปกติ

          ป.ล. สำหรับผู้หญิงแม่ลูก สั่งอันเดียวก็พอเพราะมันอันใหญ่มาก ๆ กินสองคนก็ยังอิ่มมาก

         

วันที่ 5 Milford Sound

          มิลฟอร์ดซาวน์ คือฟยอร์ดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์ มีชายฝั่งที่เว้าแหว่งซึ่งไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน มิลฟอร์ดซาวน์จึงได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกเลยทีเดียว สำหรับวันนี้เลือกจองทัวร์ของ intercity ไปเลยไม่แพงและคุ้มสุด (

          และจอดแวะชมวิว ชมธรรมชาติ จุดสวย ๆ ทั้งหมดเกือบ 8 ครั้งได้ พาไปลอดอุโมงค์ที่ยาวมา ไม่รู้ว่าเจาะอุโมงค์ยังไง จะมีไฟเขียวไฟแดงอยู่ด้านหน้าถ้ำเพื่อให้รถวิ่ง ในถ้ำมืดมากและมองไม่เห็นแสงปลายทางด้วย มีแสงเล็ก ๆ ตามรอยต่อบางที่ น้ำหยดตลอดเวลา ชื้นมาก ๆ แต่ถือว่าวันนี้โชคดีมากเพราะอากาศดี ฝนไม่ตกหนัก ท้องฟ้าเปิด ระหว่างทางที่ขับรถไป Milford Sound ก็แอบกลัวนิด ๆ ทางมันแคบมาก คนขับรถก็วิ่งเร็วซะจนคิดว่านี่อยู่ในรถแข่ง แต่เค้าคงชินกับทางแล้วแหละ พอถึงก็พักเข้าห้องน้ำ รอเรือประมาณ 15 นาที เท่านั้นก็ขึ้นเรือ เรือใหญ่และคนไม่เยอะอย่างที่คิด ใครที่ซื้อตั๋วอาหารกลางวันมาจะมีบุฟเฟ่ต์ในเรือ แต่ตักได้แค่ครั้งเดียวในจานเดียว มันเรียกบุฟเฟ่ต์ยังไง ? ส่วนใครไม่มีก็ขึ้นชั้นบนไปกินแค่กาแฟ ชา นมเท่านั้นแหละ แต่บางคนก็พกแซนด์วิช ขนมปัง ผลไม้มากินเอง แต่จะแนะนำว่าควรจะซื้ออาหารมาด้วยตอนซื้อทัวร์ในเว็บไซต์ เพราะราคาถูกกว่าครึ่ง ถ้ามาซื้อตอนขึ้นเรือเสีย 32$ เหมือนคนที่ซื้อหน้าเว็บมา ซึ่งมีเวลากินแค่ 15 นาทีเท่านั้น ต้องรีบขึ้นมาถ่ายรูป เพราะระหว่างที่ตักอาหารเรือก็แล่นแล้ว กินช้าก็พลาดฉากสวย ๆ พอภูเขาไหนมีน้ำตกเรือจะเข้าไปใกล้เพื่อให้ได้ถ่ายรูปและเก็บภาพสวย ๆ กัน อยากได้รูปสวยต้องอยู่ชั้นบนสุด แต่ก็มีข้อเสียคือน้ำกระเด็นจนเปียกไปหมด จากนั้น 45 นาที ก็กลับมาจุดเดิม นั่งรถกลับ Queenstown

         

วันที่ 6 Queenstown

          วันนี้เป็นวันสบาย ๆ ล่องเรือดูธรรมชาติ แกะขนปุกปุย นั่งกระเช้า ขับรถ Luge เริ่มด้วยนั่งเรือไปดูแกะ

          เรือบอกถึงความโบราณที่ใช้ถ่านในการขับเคลื่อนเรือ ระหว่างทางได้เห็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ธรรมชาติที่หาไม่ได้แล้ว พอถึงจะได้รับการต้อนรับจากพนักงานที่ใส่ชุดแอบคาวบอย และเรียกไปนั่งดูตัดขนแกะ มีแกะประมาณ 5 ตัว ที่อยู่ในรั้วรอตัดขน และสุนัขที่นั่งเฝ้าด้านล่างเวที เพราะแกะมันกลัวสุนัข จากนั้นเค้าก็โชว์วิธีต้อนแกะที่ง่ายและตลกดี เค้าจะใช้สุนัขในการต้อนแกะ แกะมันจะวิ่งหนีแบบแตกตื่นนะ แต่พอแบมเห็นแล้วเออน่ารักดี ขนมันน่านอนมาก ฮ่า ๆๆ หลังจากผ่านไปชั่วโมงครึ่งก็มาพักกินของว่าง ใครที่ซื้ออาหารกลางวันมาจะได้ไปกินเนื้อแกะ ไม่รู้เท่าไรเพราะไม่ได้ซื้อ เลยมาอีกห้องมีเค้ก สโคน แยมมากมาย ชา กาแฟ แค่นี้ก็อิ่มมาก ๆ แล้ว พอผ่านไป 30 นาที ก็พามาดูกวาง แกะ และตัวอะไรไม่รู้ ใครรู้ช่วยบอกทีฟังไม่ทัน พนักงานจะถือตะกร้าอาหาร ให้เราหยิบและยื่นให้มัน มันเลียมือจนแฉะไปหมด

          ต่อมาไปกินร้านขนมที่ขึ้นชื่อของที่นี้กัน Patagonia Chocolate ตั้งอยู่ตรงท่าเรือที่ลงเรือเลย หมดเห็นชัดเจน ที่มีทั้งไอศกรีม ช็อกโกแลต กาแฟ ขนมปังให้เลือกจนไม่รู้จะเลือกไรดี สุดท้ายเลือกไอศกรีม ซึ่งก็มีหลายรสให้เลือก ยิ่งไปกว่านั้นจะมีป้ายปักเต็มไปหมดว่าอันไหนได้รางวัลอะไรบ้าง คนอย่างเราก็ต้องเลือกอันที่ได้รางวัลเยอะสุดเลยคือ Raspberry Sorbet เหมือนจะเป็นรสธรรมดาแต่มันอร่อยจริง ๆ นะ นั่งกินสักพัก ไปขึ้น Skyline Gondola เดินจากร้าน Patagonia มาแป๊บเดียว เพลินกับการดูเมืองมากกว่า

          ซื้อตั๋ว Skyline Gondola & Luge 2 rides ราคา 45$ ถ้าไปซื้อ Luge แยกด้านบนจะแพงกว่า (

         

วันที่ 7 Auckland สวรรค์ของคนเกาะเหนือ

          เริ่มจากไปสนามบินโดยใช้บริการรถ Super Shuttle bus ที่จองผ่านเว็บไซต์ เพราะพนักงานที่ Hostel บอกมา ราคามันไม่ต่างกับการนั่ง bus มาลงเลย เพราะเรามีกันสองคนราคา 32$ ขนกระเป๋าให้ด้วยและมารับถึงหน้า Hostel ตรงเวลาเป๊ะ ๆ ไม่มีกังวล นั่ง Jet Star ไปลง Auckland ใช้เวลาบินประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นนั่งรถบัส คนละ 12$ มาลงในเมือง ชื่อ Airbus Express ซึ่งเราต้องสั่งเกตดี ๆ ว่าเราต้องลงหมายเลขที่เท่าไร โรงแรมใกล้หมายเลขอะไร เพราะคนขับรถจะบอกว่าตอนนี้หมายเลขอะไรแล้ว

          วันนี้พักที่ Ibis style Auckland ห้องเล็กกะทัดรัด แต่อยู่ในเมือง มีระเบียงที่มองเห็น Skytower อย่างชัดเจน วันนี้ไม่มีอะไรมาก เดินเล่นชมเมือง ซื้อของฝาก เพราะเหมือนเป็นวันพักผ่อนมากกว่า ไม่ต้องเร่งรีบอะไร อากาศก็ไม่หนาวที่เกาะใต้ ชิล ๆ เลยล่ะ

         

 

 

โรงแรม

          ข้อดี : โรงแรมอยู่ในเมือง ง่ายต่อการเดินทางไปไหนมาไหน

          ข้อเสีย : โรงแรมค่อนข้างเก่า เราถามเค้าว่าทำไมห้องมีกลิ่นอับทุกห้องเลย เค้าบอกว่ามันเป็นตึกเก่าเอามาทำใหม่ ซึ่งก็ยังทำได้ไม่ดี แต่คนพักค่อนข้างเยอะเพราะมันถูกและมีที่ทำครัวในห้อง (แต่ต้องขออุปกรณ์ จาน ชาม ที่เคาน์เตอร์) ทุกห้องจะมีกลิ่นซึ่งมันมาจากท่อ…ก็ทำใจ

         

วันที่ 8 Auckland History

         

วันที่ 9 Hobbiton

          ขึ้นรถจาก Auckland-Matamata (Hobbiton Village)-Rotorua วันนี้ซื้อทัวร์ของ intercity เหมือนเดิม

          พอถึง Matamata พนักงานจะให้เราเข้าไปใน I-site เพื่อที่จะรับตั๋วและรับสติ๊กเกอร์ แผนที่ และฝากกระเป๋า เสียค่าฝากใบละ 5$ จากนั้นรถก็จะมารับไป ซึ่งรถก็ยังเป็นสัญลักษณ์ Hobbit  นั่งรถไปก็จะถึงสักที ไกด์บอกวิธีปฏิบัติตัว สิ่งที่ต้องทำและไม่ควรทำ นั่นก็คือต้องเดินตามกันไปเป็นกลุ่มเท่านั้น ไม่มีการแยกย้ายกันเดิน ถ้าเรามัวแต่ถ่ายรูปเดินช้า เค้าจะตะโกนเรียก ทำเราอายไปเลย และถ้าเดินเลยมาแล้วห้ามเดินย้อนกลับไป คือใครเร็วใครได้อะ พอเดินข้ามสะพานมาจะมีให้เข้าไปชิมน้ำหวานที่ทางทัวร์เตรียมให้ ขอบอกว่ารีบไปเร็ว ๆ นะเพราะน้ำหมดเร็วมาก ทุกคนแย่งกัน บางคนไม่ได้กินก็สั่งอย่างอื่นแทน จากนั้นกลับมาจุดเดิม มีเวลา 1 ชั่วโมง เลยไปเดินเล่นดูเมืองนิดหน่อย และรถก็มาจนถึง Rotorua เป็นเมืองที่ information centre ใหญ่มาก มีทุกอย่าง คนเยอะแยะ พนักงานช่วยและตอบคำถามดี แบมเดินมาที่พัก ไกลพอสมควร แต่ไม่ได้ไกลมาก ที่พักค่อนข้างโอเคแต่ไม่ได้ดี พักที่โรงแรม  Astray Motel & Backpackers

           

โรงแรม

          ข้อดี : ราคาไม่แพงมาก ห้องส่วนตัว

          ข้อเสีย :
อินเทอร์เน็ตจำกัด พักสองวันก็ให้อินเทอร์เน็ตแค่ครั้งเดียว, ห้องค่อนข้างเก่าแล้ว

          โดยภาพรวมเมืองนี้เงียบมาก แทบไม่มีร้านอะไรเปิดเกิน 1 ทุ่ม ปิดหมด เงียบหมด กลางวันก็เงียบ ร้านค้ามีมากมายแต่ดันไม่เปิด ผับบาร์มีเปิดแค่สองถึงสามร้าน คนน้อยสุด ๆ

         

วันที่ 10 Wai-o-Tapu

          วันนี้มาเดินเล่นก่อนจะขึ้นรถไป Wai-o-Tapu มีจัดแสดงรถพอดี มีตลาดด้วย ติดทะเลสาบพอดี

          ต่อมาไปน้ำพุร้อน เป็นวันที่โหดร้ายที่สุดในทริป เพราะว่าอ่านมาในอินเทอร์เน็ตเค้าบอกว่าสามารถเดินจากถนนใหญ่ได้แค่ 2 กิโลเมตร เลยจองรถบัส intercity เช่นเดิมไปลง Wai-o-Tapu ขึ้นจาก information centre เพียงแค่ 25 นาที  คนขับรถก็ตะโกนและปล่อยลง คืองงมาก ไม่มีใครลงด้วยสักคน ลงกับแม่สองคนกลางถนนใหญ่ มีเพียงร้านอาหารตรงข้ามร้านเดียวเท่านั้น พนักงานตะโกนบอกเดินเข้าไปเดี๋ยวก็เจอ เราก็มองป้ายเออจริง เดิน 2 กิโลเมตร เดิน ๆๆๆ ไปจน 30 นาที ยังไม่มีวี่แวว คืออะไร ? เหนื่อย ตัดสินใจเดินออกมาถามร้านอาหาร เค้าบอกว่าเดินไกลมากนะน้อง ไม่รู้จะทำยังไง เลยบอกคนขายของว่าจ้างไปส่งหน่อยได้ไหม ? เค้าบอกไม่ได้หรอกเพราะว่าเค้าต้องเฝ้าร้านคนเดียว เค้าเลยไปช่วยพูดกับลูกค้าที่กำลังเช็กบิลให้ไปส่ง และก็ไปส่งจริง ๆ ซึ่งมันไกลมาก ๆ เดินไม่ได้จริง ๆ

          พอถึงมันเรียกว่า Geothermal Wonderland ค่าเข้าราคาเท่าไรจำไม่ได้ แต่มันไม่แพงเท่ากับความสวยงามที่ได้เจอ เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เยอะและแต่ละที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ใช้เวลาดูไป 1 ชั่วโมงครึ่ง เก็บทุกจุดจริง ๆ ต้องไปให้ครบเพราะมันสวยจริง ๆ และแนะนำควรซื้อ มาสก์โคลน Rotorua ลองแล้วถือว่าดีนะ ตอนกลับก็พยายามโบกรถ ไม่มีใครจอด โบกคันสุดท้ายจอดค่ะ !! ดีใจ รีบถามและขอร้องให้ไปส่งถนนใหญ่ คุยไปคุยมาเป็นคนไทยน้ำตาจะร่วง เค้ากำลังกลับเมือง Rotorua พอดีเลยติดมาเลย

        

  ป.ล. สำหรับคนไม่มีรถแนะนำให้ซื้อทัวร์จาก information centre ตอนที่ลงรถก่อนเข้าที่พักเลย เพราะมีรอบเดียวคือ 11.00 น. เท่านั้น ไม่งั้นจะลำบากแบบแบมไม่รู้ตัว

         

วันที่ 11 Waitomo คือ 20 สิ่งในโลกที่ควรมา คุ้มจริง ๆ

          วันนี้ขึ้นรถจากที่เดิม  ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แบมซื้อตั๋วรถและซื้อทัวร์ Waitomo มาด้วยเลย พอมาถึงก็จะได้เข้าชมถ้ำเลย  ไม่ต้องซื้อตั๋วอีกครั้ง ภายในถ้ำห้ามถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอไม่ว่ากรณีใดก็ตาม เลยไม่ได้เก็บภาพสวย ๆ มาให้ แต่ต่อให้ถ่ายก็คงไม่เห็นเพราะมันมืดมาก เห็นเพียงแค่หิ้งห้อยเต็มไปหมดจริง ๆ พอดูเสร็จทุกคนที่มาด้วยกันนั่งรถกลับไป Auckland แต่แบมไม่กลับ จะหาที่พักที่ Otorohanga เพราะว่าพรุ่งนี้แบมจะนั่งรถไฟสาย Northern  Explorer ของ Kiwirail กลับ Auckland อยากจะบอกว่ามันคือ สิ่งหนึ่งที่ประทับใจจริง ๆ เพราะรถไฟสวยและวิวสุดยอดจริง ๆ

         

เริ่มจากเดินจากถ้ำ Waitomo มาที่ information centre เพื่อที่จะเรียก shuttle bus เข้าตัวเมือง

          เมือง Otorohanga เป็นเมืองที่เล็ก ๆ มีเพียงถนนเส้นเดียวเท่านั้นที่เป็นแหล่งอาหารและช้อปปิ้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สำคัญเมืองนี้เป็นเมืองนกกีวี มีโรงแรมหรือโฮลเทลเพียงสามที่เท่านั้น และความโชคดีทั้งหมดมันอยู่ที่ คุณลุงที่ขับ Shuttle bus เป็นคนบอกเล่าประวัติและช่วยทุกอย่างระหว่างที่อยู่ที่เมืองนี้ ค่าโดยสารจาก information centre เข้าเมือง 12$ ระหว่างทางคุณลุงพาแวะดูต้นกีวีของจริง สวนกีวีที่ใหญ่มาก ๆ จากนั้นคุณลุงพาไปส่งที่ที่พัก แบมเลือกพักที่ Otorohanga Holiday Park เพราะมันถูกและเป็นตู้ส่วนตัว ห้องน้ำรวม แต่มันใกล้จากรถไฟฟ้ามาก ถ้าไม่ได้คุณลุงก็ต้องไปนอน Motel ที่สามารถเดินมาสถานีรถไฟได้ แต่ราคา Motel แพงกว่าเท่าหนึ่ง

         

วันที่ 12 Otorohanga-Auckland

          นัดคุณลุงมารับ 11.00 AM. รถคุณลุงสามารถเป็นทั้ง Taxi ได้ มีมิเตอร์เพื่อคิดเงิน คุณลุงบอกให้ไปดู Kiwi House and Native Bird Park มันเป็นสวนนกที่ใหญ่และมีนกกีวีให้ดู ค่าเข้าเพียง 5$ เพราะได้ส่วนลดจากคุณลุง ดูชั่วโมงครึ่งคุณลุงมารับที่สถานีรถไฟ โดยไม่คิดค่าไปรับไปส่ง คือคนอะไรใจดีมาก แบมถามเค้าบอกว่าไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเมืองนี้ เค้าอยากให้นักท่องเที่ยวเก็บช่วงเวลาดี ๆ ที่เมืองของเค้า ซึ้งป่ะ TT จากนั้นนั่งรอรถไฟสองชั่วโมงด้วยการกินกาแฟที่ร้านตรงสถานีรถไฟ เป็นกาแฟท้องถิ่นของที่นี่ พอรถไฟใกล้มาคุณลุงกลับมาและยกกระเป๋าขึ้นรถไฟให้

          ค่าตั๋ว  Kiwirail =99$ สำหรับสองคน ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงถึง Auckland และที่สำคัญที่สุดตั๋วรถไฟคือสิ่งแรกที่ต้องจองเพราะเต็มเร็วมาก จองแล้วไม่สามารถคือเงินและเปลี่ยนวันได้ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ถึง Auckland ไปพักที่ Ibis style เหมือนเดิม เตรียมตัวกลับไทย

        

  ขอแนะนำใช้บริการคุณลุง เพราะเค้าดีมากจริง ๆ ถ้าใครได้ไปเมืองนี้เราจะจ่ายเงินให้เค้าแต่เค้าไม่เอา บอกแค่ว่าช่วยประชาสัมพันธ์ลุงก็พอ

          คุณลุงชื่อ Bill Millar (The caves connection waitomo shuttle) โทร. 0800-808-279 อีเมล [email protected]

         

วันที่ 13 Thailand

         

กิน Ginger beer มันแปลก ๆ ดีแต่อร่อยดีนะ

         

นั่ง Taxi จากที่โรงแรมให้ โรงแรมเรียกให้จะเหมาจ่าย 30$ นัดเวลาได้เลย ถ้าเรียกเองหรือเรียก Shuttle bus ก็ราคาไม่ต่างกัน เรียก Taxi ดีที่สุดคิดมาเรียบร้อย

         

 

 

ของฝาก

          สำหรับของฝากหรือครีมรกแกะที่ใคร ๆ แนะนำ แบมว่าซื้อที่ Queenstown ถูกกว่าซื้อที่ Auckland และมีของให้เลือกเยอะกว่า น่ารักกว่าอีกด้วย สิ่งที่ควรซื้อคือ whittaker Chocolate, ครีมรกแกะ, ที่มาสก์หน้าโคลน Rotorua, Hokey Pokey ทั้งไอศกรีมและ Chocolate

           

ค่าใช้จ่าย

           ค่าตั๋วเครื่องบินแลกไมล์เอา แต่ถ้าเอาจริง ๆ ราคาประมาณสามหมื่น

           ค่าที่พักทั้งหมด 12 คืน คืนละประมาณ 70$*25.07= 22,000 บาท คนละ 11,000 บาท

           ค่า Transportation : ทั้งรถบัส ทัวร์ รถไฟ และเรือ คนละ 16,000 บาท

           เงินติดตัว : ที่รวมค่าเข้านู่นนี่ ค่ากิน ช้อปปิ้งนิดหน่อย คนละ 20,000 บาท

         

รวมทั้งหมดตกคนละประมาณ 47,000 บาท ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน

          สุดท้าย : ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณคุณแม่ที่เป็นผู้ร่วมเดินทางที่แสนสนุกและใช้ชีวิตไปด้วยกัน ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่เข้ามาร่วมเดินทางไปพร้อม ๆ กันนะ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
 

ประเทศที่ใคร ๆ เรียกว่าดินแดนแห่งกีวี เพราะกีวีถูกและเยอะมากในนิวซีแลนด์ แต่ที่จริงแล้วเค้าหมายถึงนกกีวีต่างหากBus แบบ Flexipass ทั้งหมดทริป แบมเลือกใช้ของ intercity ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นการงงในการดูตั๋วด้วย แต่ intercity มีสองแบบให้เลือก คือ แบบ Travelpass (ราคาถูกกว่าแต่ไม่สามารถเลื่อนเวลาได้ หรือถ้าอยากเลื่อนจะเสียเงินเพิ่ม ซึ่งเอาจริง ๆ แพงกว่าซื้อใหม่) แบบ Flexipass (ราคาแพงกว่าเท่าหนึ่ง แต่สามารถเลื่อนเวลาได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะบางครั้งสภาพอากาศหรือเรามีปัญหาอะไรสักอย่าง หรือรถไม่สามารถวิ่งได้เนื่องจากสภาพอากาศ ยิ่งหน้าหนาวตั๋วแบบนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี) ซื้อตั๋ว 15 ชั่วโมง ราคา $119 ซึ่งสามารถจัดสรรเวลาทั้งหมดและจองพร้อมกัน มันจะถูกกว่าซื้อแยก www.intercity.co.nz รถของ intercity ทุกคันมี Wi-Fi ให้เล่นตลอด ไม่รวมขึ้นเขา-ลงเขานะ มันไม่มีสัญญาณหรอก และพนักงานขับรถจะพูดรายละเอียด อธิบายสถานที่แต่ละที่ ก่อนจะถึงก็จะเริ่มพูดแสดงว่าใกล้ถึงแล้ว ลองสังเกตดี ๆ ส่วนห้องน้ำจะมีแค่บ้างคันเท่านั้น แต่ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะรถจะจอดตลอดให้ทุกคนลงไปเข้าห้องน้ำทุกครั้งต้องเช็กเวลาถึงดี ๆ นะ เพราะว่ารถมันไม่ได้จอดป้ายเราป้ายสุดท้าย ถ้ามันเลยไปแล้วเราก็ซวยค่ะ จะต้องตั้งนาฬิกาปลุกก่อนเวลาถึง 30 นาที เพื่อเตรียมตัวและเก็บของเผื่อลืมอะไร และพนักงานขับรถไม่มาบอกด้วยนะว่าถึงแล้วป้ายของคุณมันไม่แปลกที่เมืองนี้เป็นเหมือนเมืองร้าง มีสิ่งก่อสร้างมากมายกำลังสร้างตึก สร้างถนน และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะแผ่นดินไหวในปี 2012 ทำให้ทุกอย่างในเมืองนี้หายเกือบหมด ถึงตอนหกโมงเย็นนั่งรถ bus คนละ $12 เข้าเมืองใช้เวลา 30 นาที และพักที่โรงแรม BreakFree on Cashel (Cashel Street & Manchester st) ซึ่งใกล้กับจุดจอดรถ bus ที่จะขึ้นวันถัดไปเพิ่งเปิดได้แค่ 3 เดือน ทุกอย่างเลยใหม่และสะอาดห้องเล็กมากจนไม่มีที่เดิน Wi-Fi เล่นได้แค่ที่ Lobby เท่านั้นและเพียงแค่ 30 นาที ที่เหลือต้องเสียเงินขึ้นรถที่ Armagh st.& Manchester st. เดินขึ้นไป 4 บล็อก จะมีจุดรอรถ ซึ่งสังเกตได้จะมีคนยืนรออยู่ และมีห้องสำหรับสอบถามข้อมูลเล็ก ๆ เข้าไปนั่งหลบหนาวได้ดีทีเดียว ระหว่างทางไปชมข้างทางถือว่าสวยเลยล่ะ อยากให้นั่งฝั่งขวาข้างเดียวกับคนขับรถเพราะวิวสวยกว่า ที่จริงแล้ว Lake Tekapo ขึ้นชื่อเรื่องดอก Lupins สีม่วง สีชมพู เต็มทุ่งข้างทะเลสาบ แต่ตอนนั้นหิมะตกจะเห็นดอกอะไรนอกจากหิมะล้วน ๆ เลือกพักที่ Lakefront backpackers Tekapo เป็น Hostel ที่มีทั้งนอนรวมและห้องส่วนตัว เลือกพักแบบห้องส่วนตัวซึ่งไม่ได้อยู่ในตัวตึกใหญ่กับห้องรวม ซึ่ง Hostel นี้เดินประมาณ 1 กิโลเมตร กว่าจะถึง ถ้าใครชอบเดินก็แนะนำ แต่ถ้าใครไม่ชอบเดินและกระเป๋าเดินทางใบใหญ่แนะนำพักใกล้จุดจอดรถดีกว่า ราคาพอ ๆ กันเลยระหว่างทางเดินวิวสวยมาก และมีรถมารับแต่ไม่มีรถมาส่ง สามารถโทรให้รถมารับที่ information centre ได้ ให้พนักงานในนั้นโทรให้ ซึ่งสภาพรถมันไม่ใช่รถสำหรับรับคน มันคือรถทำความสะอาด และให้เรานั่งยอง ๆ หลังรถอะห้องพักส่วนตัวอยู่ข้างหลังตึกรวม เวลาอาบน้ำต้องเดินไปตึกใหญ่ ซึ่งหน้าหนาว พักแบบรวมเถอะ กว่าจะเดินผ่านหิมะตายดีกว่า, ฮีสเตอร์แทบไม่ทำงาน หนาวตัวขดในห้องกับแม่สองคน, ที่พักอยู่ไกลจากแหล่งซื้อของ หิวก็ต้องกิน ๆ อะไรในกระเป๋าไปก่อนละกัน ที่ Hostel ไม่มีอะไรขายสักอย่างเดินไปขึ้นรถที่เดิมที่คนขับรถส่งเราลงนั่นแหละ และเดินไปโบสถ์ที่แอบไกลอยู่ประมาณ 20 นาที เผื่อเวลาดี ๆ เดี๋ยวกลับมาไม่ทันรถ เพราะรถมีแค่รอบเดียวต่อวัน พอขึ้นรถคนก็ยังน้อยเหมือนเดิม 10 คนได้ รถเป็นของเรา นอนยาวเลยจนถึง YHA Mt.Cook ตอนลงจากรถตกใจมาก เพราะล้อมไปด้วยภูเขาและหมอกหนักมาก ๆ ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ส่วน YHA เป็น Hostel ที่ทุกคนรู้จักกันดีในนิวซีแลนด์ เพราะว่ามีทุกเมือง และเอาจริง ๆ ก็ดีเกือบทุกเมืองเลย ยิ่งถ้าสมัครสมาชิกจะได้ราคาที่ถูกกว่าด้วย Hostel นี้แนะนำให้จองแต่เนิ่น ๆ ถ้ารู้ว่าจะไปเพราะว่าเต็มเร็วมาก ใน Mt. Cook มีที่พักน้อยมาก ถ้าจองไม่ทันก็อาจจะไม่ได้ไปก็ได้ พอเช็กอินพนักงานจะบอกรายละเอียดว่าวันนี้ไปเที่ยวไหนได้บ้างที่ไหนเปิด ที่ไหนปิด ซึ่งปิดหมด เปิดแค่ที่เดียวเท่านั้น เพราะเค้าบอกว่าหิมะตกหนัก กระทั่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ก็ปิด จากนั้นก็ออกไปเดิน แวะ information centre ถ้าไปหน้าหนาวแนะนำถุงมือไปด้วย รองเท้ากันหิมะ เจ้าหิมะมันกัดเหมือนมันเกลียดฉันมี Wi-Fi ตลอดตึก เล่นไปเถอะ, มีของขายสำหรับทำอาหาร, มีห้องซาวน่า เปิดแค่ 07.00-09.00 PM. เท่านั้น, รถจอดรับที่พักเลย ไม่ต้องเดินไปไหนแนะนำกิจกรรมที่ต้องทำ…ล่องเรือ www.glacierexplorers.co.nz มันจะเปิดเป็นช่วงเดือนเท่านั้น เช็กและจองก่อนไป อีกอย่างคือนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปชมบนเขา มันคือที่สุดของที่สุดจริง ๆ แต่ทุกอย่างต้องเช็กสภาพอากาศก่อนเดินทางให้ดี ถ้าแพลนวันผิดทุกอย่างก็จบที่จริงแล้ววันนี้แพลนว่าจะไปเดินดูต้นไม้ภูเขา เพราะรถมารับ 04.00 PM. แต่ตื่นเช้ามาฝนตกหนัก หิมะลงเยอะกว่าเมื่อวาน อากาศปาเข้าไป -1 องศาเซลเซียส ดูหนังหรือคุยกับ Backpacker คนอื่นจะได้รู้ว่าเค้าทำอะไรหรือไปไหนกัน ก็ฝึกภาษาได้ดี งู ๆ ปลา ๆ มันก็รู้เรื่องแฮะ เอองงเหมือนกัน พอรถมาถึงพนักงานขับรถจะเข้ามาและตามพวกเราขึ้นรถ ซึ่งนั่งรถใกล้ถึง Queenstown รถจะแวะตลาดผลไม้ ซึ่งถูกมาก ถ้าชอบก็ซื้อเลยเพราะถูกกว่าในเมือง แต่ไม่แนะนำให้ซื้อถั่วเด็ดขาด ผลไม้อย่างเดียวพอ โดยเฉพาะกีวี กีวีที่นี่มีสามชนิด แบบ Green, Gold และ Red แบมชอบ Gold สุดนะ กีวี Red เค้าบอกว่าเป็นพันธุ์ใหม่ที่บางเมืองยังไม่มี วันนี้เลือกพักที่ Haka Lodge Queenstown เดินจากจุดจอดรถแค่สองบล็อกซึ่งใกล้มาก ๆ และก็ถือว่าถูกและดี เป็นโฮลเทลที่มีห้องส่วนตัว จองแบบห้องส่วนตัวไป แต่ใช้ห้องน้ำรวมสะอาดมากสะอาดและใกล้ในเมือง พนักงานเป็นกันเอง ช่วยเหลือทุกอย่าง สอบถามเรื่อง bus ทัวร์ต่าง ๆ ได้หมด แถมยังติดต่อให้อีกด้วยห้องเต็มเร็วมาก ควรจะจองอย่างด่วน แต่นอนห้องรวมก็โอเค เพราะมันเป็นม่านกั้น สัดส่วนที่ชัดเจนเหมือนนอนคนเดียว แต่ถ้าไปสองคนนอนห้องเดี่ยวดีกว่า ราคาห้องรวมสองคนเท่ากันเลยมีทีวีด้วยพอถึงที่พักหิวสุด ๆ ออกมากินเบอร์เกอร์ที่ดังที่สุดในเมืองนี้ คนต่อคิวยาวมาก มาตอนสามทุ่มรอประมาณ 40 นาที สังเกตได้จริง ๆ ว่าร้านนี้ เพราะคนจะยืนกันเต็มไปหมด ร้าน Fregburger ไม่ได้มีขายแค่เบอร์เกอร์ ยังมีเบเกอรี่ ไอศกรีม สามบล็อกติดกัน ระหว่างต่อคิวก็แอบไปซื้อ Peach Danish มากิน แต่ที่เด็ดสุดคือ Burger สั่ง Tropical Swine 13.90$ มันเยี่ยมจริง ๆ เค้าทำใหม่หมดและทุกอย่างสด ถึงได้ทำนานกว่าปกติสำหรับผู้หญิงแม่ลูก สั่งอันเดียวก็พอเพราะมันอันใหญ่มาก ๆ กินสองคนก็ยังอิ่มมากมิลฟอร์ดซาวน์ คือฟยอร์ดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติฟยอร์ดแลนด์ มีชายฝั่งที่เว้าแหว่งซึ่งไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน มิลฟอร์ดซาวน์จึงได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกเลยทีเดียว สำหรับวันนี้เลือกจองทัวร์ของ intercity ไปเลยไม่แพงและคุ้มสุด ( www.intercity.co.nz ) ออกตั้งแต่ 07.20 AM. กลับ 07.45 PM. ในราคา 119$ เช้าตรู่ยันดึกและจอดแวะชมวิว ชมธรรมชาติ จุดสวย ๆ ทั้งหมดเกือบ 8 ครั้งได้ พาไปลอดอุโมงค์ที่ยาวมา ไม่รู้ว่าเจาะอุโมงค์ยังไง จะมีไฟเขียวไฟแดงอยู่ด้านหน้าถ้ำเพื่อให้รถวิ่ง ในถ้ำมืดมากและมองไม่เห็นแสงปลายทางด้วย มีแสงเล็ก ๆ ตามรอยต่อบางที่ น้ำหยดตลอดเวลา ชื้นมาก ๆ แต่ถือว่าวันนี้โชคดีมากเพราะอากาศดี ฝนไม่ตกหนัก ท้องฟ้าเปิด ระหว่างทางที่ขับรถไป Milford Sound ก็แอบกลัวนิด ๆ ทางมันแคบมาก คนขับรถก็วิ่งเร็วซะจนคิดว่านี่อยู่ในรถแข่ง แต่เค้าคงชินกับทางแล้วแหละ พอถึงก็พักเข้าห้องน้ำ รอเรือประมาณ 15 นาที เท่านั้นก็ขึ้นเรือ เรือใหญ่และคนไม่เยอะอย่างที่คิด ใครที่ซื้อตั๋วอาหารกลางวันมาจะมีบุฟเฟ่ต์ในเรือ แต่ตักได้แค่ครั้งเดียวในจานเดียว มันเรียกบุฟเฟ่ต์ยังไง ? ส่วนใครไม่มีก็ขึ้นชั้นบนไปกินแค่กาแฟ ชา นมเท่านั้นแหละ แต่บางคนก็พกแซนด์วิช ขนมปัง ผลไม้มากินเอง แต่จะแนะนำว่าควรจะซื้ออาหารมาด้วยตอนซื้อทัวร์ในเว็บไซต์ เพราะราคาถูกกว่าครึ่ง ถ้ามาซื้อตอนขึ้นเรือเสีย 32$ เหมือนคนที่ซื้อหน้าเว็บมา ซึ่งมีเวลากินแค่ 15 นาทีเท่านั้น ต้องรีบขึ้นมาถ่ายรูป เพราะระหว่างที่ตักอาหารเรือก็แล่นแล้ว กินช้าก็พลาดฉากสวย ๆ พอภูเขาไหนมีน้ำตกเรือจะเข้าไปใกล้เพื่อให้ได้ถ่ายรูปและเก็บภาพสวย ๆ กัน อยากได้รูปสวยต้องอยู่ชั้นบนสุด แต่ก็มีข้อเสียคือน้ำกระเด็นจนเปียกไปหมด จากนั้น 45 นาที ก็กลับมาจุดเดิม นั่งรถกลับ Queenstownวันนี้เป็นวันสบาย ๆ ล่องเรือดูธรรมชาติ แกะขนปุกปุย นั่งกระเช้า ขับรถ Luge เริ่มด้วยนั่งเรือไปดูแกะ www.realjourneys.co.nz เรือบอกถึงความโบราณที่ใช้ถ่านในการขับเคลื่อนเรือ ระหว่างทางได้เห็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ธรรมชาติที่หาไม่ได้แล้ว พอถึงจะได้รับการต้อนรับจากพนักงานที่ใส่ชุดแอบคาวบอย และเรียกไปนั่งดูตัดขนแกะ มีแกะประมาณ 5 ตัว ที่อยู่ในรั้วรอตัดขน และสุนัขที่นั่งเฝ้าด้านล่างเวที เพราะแกะมันกลัวสุนัข จากนั้นเค้าก็โชว์วิธีต้อนแกะที่ง่ายและตลกดี เค้าจะใช้สุนัขในการต้อนแกะ แกะมันจะวิ่งหนีแบบแตกตื่นนะ แต่พอแบมเห็นแล้วเออน่ารักดี ขนมันน่านอนมาก ฮ่า ๆๆ หลังจากผ่านไปชั่วโมงครึ่งก็มาพักกินของว่าง ใครที่ซื้ออาหารกลางวันมาจะได้ไปกินเนื้อแกะ ไม่รู้เท่าไรเพราะไม่ได้ซื้อ เลยมาอีกห้องมีเค้ก สโคน แยมมากมาย ชา กาแฟ แค่นี้ก็อิ่มมาก ๆ แล้ว พอผ่านไป 30 นาที ก็พามาดูกวาง แกะ และตัวอะไรไม่รู้ ใครรู้ช่วยบอกทีฟังไม่ทัน พนักงานจะถือตะกร้าอาหาร ให้เราหยิบและยื่นให้มัน มันเลียมือจนแฉะไปหมดต่อมาไปกินร้านขนมที่ขึ้นชื่อของที่นี้กัน Patagonia Chocolate ตั้งอยู่ตรงท่าเรือที่ลงเรือเลย หมดเห็นชัดเจน ที่มีทั้งไอศกรีม ช็อกโกแลต กาแฟ ขนมปังให้เลือกจนไม่รู้จะเลือกไรดี สุดท้ายเลือกไอศกรีม ซึ่งก็มีหลายรสให้เลือก ยิ่งไปกว่านั้นจะมีป้ายปักเต็มไปหมดว่าอันไหนได้รางวัลอะไรบ้าง คนอย่างเราก็ต้องเลือกอันที่ได้รางวัลเยอะสุดเลยคือ Raspberry Sorbet เหมือนจะเป็นรสธรรมดาแต่มันอร่อยจริง ๆ นะ นั่งกินสักพัก ไปขึ้น Skyline Gondola เดินจากร้าน Patagonia มาแป๊บเดียว เพลินกับการดูเมืองมากกว่าซื้อตั๋ว Skyline Gondola & Luge 2 rides ราคา 45$ ถ้าไปซื้อ Luge แยกด้านบนจะแพงกว่า ( www.skyline.co.nz/queenstown ) แต่ถ้าใครอยากจะดื่มด่ำในบรรยากาศต่อก็แนะนำซื้อ Dinner+Skyline ไปเลย ราคา 69$ รวมค่าขึ้นแล้วเริ่มจากไปสนามบินโดยใช้บริการรถ Super Shuttle bus ที่จองผ่านเว็บไซต์ เพราะพนักงานที่ Hostel บอกมา ราคามันไม่ต่างกับการนั่ง bus มาลงเลย เพราะเรามีกันสองคนราคา 32$ ขนกระเป๋าให้ด้วยและมารับถึงหน้า Hostel ตรงเวลาเป๊ะ ๆ ไม่มีกังวล นั่ง Jet Star ไปลง Auckland ใช้เวลาบินประมาณหนึ่งชั่วโมง จากนั้นนั่งรถบัส คนละ 12$ มาลงในเมือง ชื่อ Airbus Express ซึ่งเราต้องสั่งเกตดี ๆ ว่าเราต้องลงหมายเลขที่เท่าไร โรงแรมใกล้หมายเลขอะไร เพราะคนขับรถจะบอกว่าตอนนี้หมายเลขอะไรแล้ววันนี้พักที่ Ibis style Auckland ห้องเล็กกะทัดรัด แต่อยู่ในเมือง มีระเบียงที่มองเห็น Skytower อย่างชัดเจน วันนี้ไม่มีอะไรมาก เดินเล่นชมเมือง ซื้อของฝาก เพราะเหมือนเป็นวันพักผ่อนมากกว่า ไม่ต้องเร่งรีบอะไร อากาศก็ไม่หนาวที่เกาะใต้ ชิล ๆ เลยล่ะโรงแรมอยู่ในเมือง ง่ายต่อการเดินทางไปไหนมาไหนโรงแรมค่อนข้างเก่า เราถามเค้าว่าทำไมห้องมีกลิ่นอับทุกห้องเลย เค้าบอกว่ามันเป็นตึกเก่าเอามาทำใหม่ ซึ่งก็ยังทำได้ไม่ดี แต่คนพักค่อนข้างเยอะเพราะมันถูกและมีที่ทำครัวในห้อง (แต่ต้องขออุปกรณ์ จาน ชาม ที่เคาน์เตอร์) ทุกห้องจะมีกลิ่นซึ่งมันมาจากท่อ…ก็ทำใจจองทัวร์ตามโบรชัวร์ เพราะไม่ได้จองอะไรมา ต้องมาดูสภาพอากาศก่อนว่าควรจะเดินทางช่วงไหน สรุปได้ว่าต้องช่วงเช้าเพราะตอนบ่ายฝนตก อีกละ ! เลือกใช้บริการของ Grayline Tours ซึ่งก็คุ้ม ถ้าเทียบกับหลาย ๆ บริษัทที่ดูที่โรงแรมและมันเป็นอีกบริษัทที่ดังในนิวซีแลนด์ ให้พนักงานที่โรงแรมติดต่อจองให้ และรถจะมารับเราที่หน้าโรงแรม ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน ทั้งรถมีแค่ 4 คนเท่านั้น ทำไมมันน้อยจัง คนขับรถจะคอยพูดอธิบายทุกสถานที่ที่ไป แอบค่อนข้างน่าเบื่อ เพราะเอาจริงสถานที่มันไม่ดึงดูดอะ แถมหลับกันเกือบตลอดทาง 55555 และตอนจบทริปเราสามารถบอกเค้าได้ว่าเราจะลงที่ไหน เค้าจะขับรถไปส่งเรา แบมเลือกลง Pier เพื่อจะหาอย่างอื่นทำต่อ ก็มาเดินชมวิวทะเลและไปกินไอศกรีม Giapo Haute Ice Cream ซึ่งมีโคนให้เลือกมากมาย น่ารักมาก ๆ ส่วนไอศกรีมจะขึ้นอยู่กับแต่ละวัน มีกระดานเขียนว่าวันนี้มีอะไรบ้าง มันจะเป็นไอศกรีมที่เค้าคิดส่วนผสมให้เราเสร็จแล้วว่าแต่ละอันต้องใส่อะไร เลือกกิน Christchurch Hazelnuts. หลังจากกินไอศกรีมเสร็จก็เริ่มฝนตก มากินกาแฟละกัน ร้านลักษณะอาร์ต ๆ แต่ส่วนตัวชอบนะ กาแฟก็อร่อย โดยเฉพาะ Espressoขึ้นรถจาก Auckland-Matamata (Hobbiton Village)-Rotorua วันนี้ซื้อทัวร์ของ intercity เหมือนเดิม www.intercity.co.nz แต่เลือกไปลงเมืองอื่นที่ไม่ใช่จุดเดิม คือเมือง Rotorua เมืองสวรรค์ของน้ำพุร้อน คนเต็มรถทั้งคัน เพราะคันที่ขึ้นมันจะไป Rotorua ไม่ได้ลงที่ Matamata แต่ของแบมต้องลงที่ Matamata ก่อนเพราะจะไปหมู่บ้านฮอบบิทกันพอถึง Matamata พนักงานจะให้เราเข้าไปใน I-site เพื่อที่จะรับตั๋วและรับสติ๊กเกอร์ แผนที่ และฝากกระเป๋า เสียค่าฝากใบละ 5$ จากนั้นรถก็จะมารับไป ซึ่งรถก็ยังเป็นสัญลักษณ์ Hobbit นั่งรถไปก็จะถึงสักที ไกด์บอกวิธีปฏิบัติตัว สิ่งที่ต้องทำและไม่ควรทำ นั่นก็คือต้องเดินตามกันไปเป็นกลุ่มเท่านั้น ไม่มีการแยกย้ายกันเดิน ถ้าเรามัวแต่ถ่ายรูปเดินช้า เค้าจะตะโกนเรียก ทำเราอายไปเลย และถ้าเดินเลยมาแล้วห้ามเดินย้อนกลับไป คือใครเร็วใครได้อะ พอเดินข้ามสะพานมาจะมีให้เข้าไปชิมน้ำหวานที่ทางทัวร์เตรียมให้ ขอบอกว่ารีบไปเร็ว ๆ นะเพราะน้ำหมดเร็วมาก ทุกคนแย่งกัน บางคนไม่ได้กินก็สั่งอย่างอื่นแทน จากนั้นกลับมาจุดเดิม มีเวลา 1 ชั่วโมง เลยไปเดินเล่นดูเมืองนิดหน่อย และรถก็มาจนถึง Rotorua เป็นเมืองที่ information centre ใหญ่มาก มีทุกอย่าง คนเยอะแยะ พนักงานช่วยและตอบคำถามดี แบมเดินมาที่พัก ไกลพอสมควร แต่ไม่ได้ไกลมาก ที่พักค่อนข้างโอเคแต่ไม่ได้ดี พักที่โรงแรม Astray Motel & Backpackersราคาไม่แพงมาก ห้องส่วนตัวอินเทอร์เน็ตจำกัด พักสองวันก็ให้อินเทอร์เน็ตแค่ครั้งเดียว, ห้องค่อนข้างเก่าแล้วโดยภาพรวมเมืองนี้เงียบมาก แทบไม่มีร้านอะไรเปิดเกิน 1 ทุ่ม ปิดหมด เงียบหมด กลางวันก็เงียบ ร้านค้ามีมากมายแต่ดันไม่เปิด ผับบาร์มีเปิดแค่สองถึงสามร้าน คนน้อยสุด ๆวันนี้มาเดินเล่นก่อนจะขึ้นรถไป Wai-o-Tapu มีจัดแสดงรถพอดี มีตลาดด้วย ติดทะเลสาบพอดีต่อมาไปน้ำพุร้อน เป็นวันที่โหดร้ายที่สุดในทริป เพราะว่าอ่านมาในอินเทอร์เน็ตเค้าบอกว่าสามารถเดินจากถนนใหญ่ได้แค่ 2 กิโลเมตร เลยจองรถบัส intercity เช่นเดิมไปลง Wai-o-Tapu ขึ้นจาก information centre เพียงแค่ 25 นาที คนขับรถก็ตะโกนและปล่อยลง คืองงมาก ไม่มีใครลงด้วยสักคน ลงกับแม่สองคนกลางถนนใหญ่ มีเพียงร้านอาหารตรงข้ามร้านเดียวเท่านั้น พนักงานตะโกนบอกเดินเข้าไปเดี๋ยวก็เจอ เราก็มองป้ายเออจริง เดิน 2 กิโลเมตร เดิน ๆๆๆ ไปจน 30 นาที ยังไม่มีวี่แวว คืออะไร ? เหนื่อย ตัดสินใจเดินออกมาถามร้านอาหาร เค้าบอกว่าเดินไกลมากนะน้อง ไม่รู้จะทำยังไง เลยบอกคนขายของว่าจ้างไปส่งหน่อยได้ไหม ? เค้าบอกไม่ได้หรอกเพราะว่าเค้าต้องเฝ้าร้านคนเดียว เค้าเลยไปช่วยพูดกับลูกค้าที่กำลังเช็กบิลให้ไปส่ง และก็ไปส่งจริง ๆ ซึ่งมันไกลมาก ๆ เดินไม่ได้จริง ๆพอถึงมันเรียกว่า Geothermal Wonderland ค่าเข้าราคาเท่าไรจำไม่ได้ แต่มันไม่แพงเท่ากับความสวยงามที่ได้เจอ เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เยอะและแต่ละที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ใช้เวลาดูไป 1 ชั่วโมงครึ่ง เก็บทุกจุดจริง ๆ ต้องไปให้ครบเพราะมันสวยจริง ๆ และแนะนำควรซื้อ มาสก์โคลน Rotorua ลองแล้วถือว่าดีนะ ตอนกลับก็พยายามโบกรถ ไม่มีใครจอด โบกคันสุดท้ายจอดค่ะ !! ดีใจ รีบถามและขอร้องให้ไปส่งถนนใหญ่ คุยไปคุยมาเป็นคนไทยน้ำตาจะร่วง เค้ากำลังกลับเมือง Rotorua พอดีเลยติดมาเลยวันนี้ขึ้นรถจากที่เดิม ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แบมซื้อตั๋วรถและซื้อทัวร์ Waitomo มาด้วยเลย พอมาถึงก็จะได้เข้าชมถ้ำเลย ไม่ต้องซื้อตั๋วอีกครั้ง ภายในถ้ำห้ามถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอไม่ว่ากรณีใดก็ตาม เลยไม่ได้เก็บภาพสวย ๆ มาให้ แต่ต่อให้ถ่ายก็คงไม่เห็นเพราะมันมืดมาก เห็นเพียงแค่หิ้งห้อยเต็มไปหมดจริง ๆ พอดูเสร็จทุกคนที่มาด้วยกันนั่งรถกลับไป Auckland แต่แบมไม่กลับ จะหาที่พักที่ Otorohanga เพราะว่าพรุ่งนี้แบมจะนั่งรถไฟสาย Northern Explorer ของ Kiwirail กลับ Auckland อยากจะบอกว่ามันคือ สิ่งหนึ่งที่ประทับใจจริง ๆ เพราะรถไฟสวยและวิวสุดยอดจริง ๆเมือง Otorohanga เป็นเมืองที่เล็ก ๆ มีเพียงถนนเส้นเดียวเท่านั้นที่เป็นแหล่งอาหารและช้อปปิ้งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สำคัญเมืองนี้เป็นเมืองนกกีวี มีโรงแรมหรือโฮลเทลเพียงสามที่เท่านั้น และความโชคดีทั้งหมดมันอยู่ที่ คุณลุงที่ขับ Shuttle bus เป็นคนบอกเล่าประวัติและช่วยทุกอย่างระหว่างที่อยู่ที่เมืองนี้ ค่าโดยสารจาก information centre เข้าเมือง 12$ ระหว่างทางคุณลุงพาแวะดูต้นกีวีของจริง สวนกีวีที่ใหญ่มาก ๆ จากนั้นคุณลุงพาไปส่งที่ที่พัก แบมเลือกพักที่ Otorohanga Holiday Park เพราะมันถูกและเป็นตู้ส่วนตัว ห้องน้ำรวม แต่มันใกล้จากรถไฟฟ้ามาก ถ้าไม่ได้คุณลุงก็ต้องไปนอน Motel ที่สามารถเดินมาสถานีรถไฟได้ แต่ราคา Motel แพงกว่าเท่าหนึ่งนัดคุณลุงมารับ 11.00 AM. รถคุณลุงสามารถเป็นทั้ง Taxi ได้ มีมิเตอร์เพื่อคิดเงิน คุณลุงบอกให้ไปดู Kiwi House and Native Bird Park มันเป็นสวนนกที่ใหญ่และมีนกกีวีให้ดู ค่าเข้าเพียง 5$ เพราะได้ส่วนลดจากคุณลุง ดูชั่วโมงครึ่งคุณลุงมารับที่สถานีรถไฟ โดยไม่คิดค่าไปรับไปส่ง คือคนอะไรใจดีมาก แบมถามเค้าบอกว่าไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเมืองนี้ เค้าอยากให้นักท่องเที่ยวเก็บช่วงเวลาดี ๆ ที่เมืองของเค้า ซึ้งป่ะ TT จากนั้นนั่งรอรถไฟสองชั่วโมงด้วยการกินกาแฟที่ร้านตรงสถานีรถไฟ เป็นกาแฟท้องถิ่นของที่นี่ พอรถไฟใกล้มาคุณลุงกลับมาและยกกระเป๋าขึ้นรถไฟให้ค่าตั๋ว Kiwirail =99$ สำหรับสองคน ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมงถึง Auckland และที่สำคัญที่สุดตั๋วรถไฟคือสิ่งแรกที่ต้องจองเพราะเต็มเร็วมาก จองแล้วไม่สามารถคือเงินและเปลี่ยนวันได้ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ถึง Auckland ไปพักที่ Ibis style เหมือนเดิม เตรียมตัวกลับไทยคุณลุงชื่อ Bill Millar (The caves connection waitomo shuttle) โทร. 0800-808-279 อีเมล [email protected]สำหรับของฝากหรือครีมรกแกะที่ใคร ๆ แนะนำ แบมว่าซื้อที่ Queenstown ถูกกว่าซื้อที่ Auckland และมีของให้เลือกเยอะกว่า น่ารักกว่าอีกด้วย สิ่งที่ควรซื้อคือ whittaker Chocolate, ครีมรกแกะ, ที่มาสก์หน้าโคลน Rotorua, Hokey Pokey ทั้งไอศกรีมและ Chocolateแลกไมล์เอา แต่ถ้าเอาจริง ๆ ราคาประมาณสามหมื่นคืนละประมาณ 70$*25.07= 22,000 บาท คนละ 11,000 บาททั้งรถบัส ทัวร์ รถไฟ และเรือ คนละ 16,000 บาทที่รวมค่าเข้านู่นนี่ ค่ากิน ช้อปปิ้งนิดหน่อย คนละ 20,000 บาทขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณแม่หมูกับหมูน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

Table of Contents

[Update] เดอะเบสท์ แนะแนวเรียนต่อประเทศนิวซีแลนด์ | เกาะ เหนือ นิวซีแลนด์ – NATAVIGUIDES

ข้อมูลประเทศนิวซีแลนด์

(New Zealand)

ข้อมูลประเทศนิวซีแลนด์

นิวซีแลนด์ได้กลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษด้วยสนธิสัญญาไวตางี (Treaty of Waitangi) เมื่อปี ค.ศ. 1840 ซึ่งได้สัญญาไว้ว่าจะให้สิทธิในการเป็นผู้นำชนเผ่าอย่างเต็มรูปแบบ “Complete Chieftainship” (Tino rangatiratanga) แก่ชาวมาวรีพื้นเมืองของนิวซีแลนด์ ในปัจจุบันความหมายที่แน่นอนของสนธิสัญญานี้ยังคงเป็นข้อพิพาท และยังคงเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดการแบ่งแยกและความไม่พอใจกันอยู่เนื่องจากมีการแปลสนธิสัญญาทั้งสองฉบับไม่ตรงกัน โดยในฉบับภาษาอังกฤษมีใจความว่าสหราชอาณาจักรจะปกครองประเทศและประชาชนของประเทศ ในขณะที่ในฉบับภาษามาวรีมีใจความว่าสหราชอาณาจักรจะเป็นฝ่ายสนับสนุนการปกครองของผู้นำที่ชาวมาวรีพึงใจให้ปกครอง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1840 นิวซีแลนด์ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นประเทศอิสระที่ใช้ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และอยู่ภายใต้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นราชินีพระองค์เดียวกับที่ทรงปกครองประเทศอื่นในเครือจักรภพแห่งอังกฤษ เช่น ออสเตรเลีย ฟิจิ ฯลฯ นิวซีแลนด์รับผิดชอบการต่างประเทศของหมู่เกาะคุกและนีอูเอ ซึ่งเป็นพื้นที่ปกครองตนเองพิเศษโดยมีรัฐบาลราชอาณาจักรนิวซีแลนด์เป็นผู้ชี้แนะและปกครองโตเกเลาเป็นเมืองขึ้น

ภูมิศาสตร์ (Geography)

นิวซีแลนด์อยู่ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ที่เส้นละติจูด 34-47 องศาใต้ มีความยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ประมาณ 1,600 กิโลเมตร ซึ่งมีพื้นที่รวมโดยประมาณ 268,021 ตารางกิโลเมตร โดยขนาดใกล้เคียงกับประเทศญี่ปุ่น หรือสหราชอาณาจักร(อังกฤษ) ดินแดนที่ใกล้ที่สุด คือ ทวีปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ประกอบไปด้วย 2 เกาะใหญ่ คือเกาะเหนือ (North Island) และเกาะใต้ (South Island) และยังมีเกาะปลายล่างสุด ชื่อเกาะสจ๊วร์ต (Stewart Island) ซึ่งยังไม่นับรวมเกาะเล็ก ๆ อีกมากมาย นิวซีแลนด์ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ในนิวซีแลนด์เป็นเทือกเขาสูงและเนินเขา เกาะใต้มีเทือกเขาสูงเรียกว่า เซาว์เทิร์นแอลป์พาด ผ่านกลาง มีฟยอร์ด (Fjord) ธารน้ำแข็ง บางส่วนเป็นที่ราบอุดมสมบูรณ์ ใช้เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ มีบ่อน้ำร้อน ภูเขาไฟที่ดับแล้ว และยังไม่ดับ บ่อโคลนเดือด บริเวณเทือกเขาสูงมีหิมะ ขาวปกคลุม พื้นที่ส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์ มีภูมิประเทศที่มีความหลากหลายและสวยงามและทะเลสาปในใจกลางเกาะ มีน้ำพุร้อนและบ่อโคลนเดือด ภูเขาสูงสุดคือ เมาท์คุก (3,754 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) ซึ่งอยู่ในเกาะใต้

สภาพภูมิอากาศ (Climate)

ประกอบด้วย 4 ฤดูกาล ได้แก่

    • Spring ฤดูร้อน                ธันวาคม – กุมภาพันธ์ (14 – 28 องศาเซลเซียส)
    • Summer ฤดูใบไม้ร่วง     มีนาคม – พฤษภาคม (10 – 24 องศาเซลเซียส)
    • Autumn ฤดูหนาว           มิถุนายน – สิงหาคม (8 – 20 องศาเซลเซียส)
    • Winter ฤดูใบไม้ผลิ        กันยายน – พฤศจิกายน (12 – 22 องศาเซลเซียส)

เนื่องจากนิวซีแลนด์ตั้งอยู่ในโซนอากาศอบอุ่น ทำให้มีอากาศอบอุ่นชุ่มชื้นตลอดปี ฤดูร้อนอากาศค่อนข้างเย็น ฤดูหนาวไม่หนาวจัดมาก มีฝนตกตลอดปี ได้รับอิทธิพลจากลมประจำที่พัดผ่าน คือ ลมฝ่ายตะวันตก และ กระแสน้ำอุ่นออสเตรเลียตะวันออก ทำให้มีสภาพอากาศแตกต่างกันดังนี้ – เกาะเหนือมีอากาศอบอุ่นชื้นทั่วเกาะ ส่วนเกาะใต้อากาศเย็น ชายฝั่งตะวันตกฝนชุกกว่าชายฝั่งตะวันออก

โซนเวลา (Time Zone)

ประเทศนิวซีแลนด์ตั้งอยู่ใกล้เส้นแบ่งเวลาสากล (International Date Line) โดยเร็วกว่ามาตรฐาน กรีนิช 12 ชั่วโมง ในแต่ละปีจะมีการประกาศวันที่เปลี่ยนเวลาที่เรียกว่า Daylight Saving Time เวลาของประเทศนิวซีแลนด์ปัจจุบัน เร็วกว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง และตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคม เวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง

การเมืองการปกครอง (Politic)

รูปแบบการปกครอง: ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ

นิวซีแลนด์ได้กลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษด้วยสนธิสัญญาไวทังกิ (Treaty of Waitangi) เมื่อปี ค.ศ. 1840 ซึ่งได้สัญญาไว้ว่าจะให้ “Complete Chieftainship” (Tino Rangatiratanga) แก่ชนเผ่าเมารีของนิวซีแลนด์ในปัจจุบัน ความหมายที่แน่นอนของสนธิสัญญานี้ยังคงเป็นข้อพิพาท และยังคงเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดการแบ่งแยกและความไม่พอใจ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1840 นิวซีแลนด์ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นประเทศอิสระที่มีรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยและอยู่ภายใต้พระมหากษัตริย์ของกษัตริย์แห่งนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวกับประเทศอื่นในเครือจักรภพ นิวซีแลนด์รับผิดชอบการต่างประเทศของหมู่เกาะคุกและนีอูเอซึ่งปกครองตนเอง และปกครองโตเกเลาเป็นเมืองขึ้น และชาวเมารีเรียกนิวซีแลนด์ว่า Aotearoa (เอาเตอารัว) หมายถึง “ดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว” หรือ Niu Tireni (นิวทิเรนี) ซึ่งเป็นการทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ

รัฐและดินแดน (State and Territory)

นิวซีแลนด์แบ่งตามสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะใหญ่ 2 เกาะ ดังนี้

เกาะเหนือ (North Island)

เวลลิงตัน (Wellington) เมืองหลวงของนิวซีแลนด์และเป็นศูนย์กลางด้านศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะเหนือ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก (The World’s Most Livable City) โดย Deutsch Bank ในปี 2017 และได้รับการโหวตให้เป็นเมืองหลวงขนาดเล็กที่เท่ห์ที่สุดในโลก(The Coolest Little Capital in the World) โดย Lonely Planet เมื่อปี 2012,  ฮามิลตัน Hamilton ฮามิลตัน นอกจากนี้ เมืองนี้ได้รับสมญาว่าเป็น Windy city เวลลิงตันเป็นเมืองท่าที่เชื่อมระหว่าง เกาะเหนือ และเกาะใต้ ที่มีช่องแคบคุก (cook) คั่นกลาง มีความสำคัญในด้านการปกครอง

โอ๊คแลนด์ (Auckland) เมืองโอ๊คแลนด์เป็นเมืองใหญ่ที่สุดและเป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ระหว่างอ่าวไวเตมาตา และอ่าวมานูเกา เป็นเมืองที่ทันสมัยและเป็นศูนย์กลางธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ ซึ่งกำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นเมืองท่าที่สำคัญและเป็นเมืองแห่งการเล่นเรือใบ นอกจากนี้ยังเพียบพร้อมด้วยทรัพยากรธรรมชาติและบรรยากาศแบบสบายๆ ทำให้โอ๊คแลนด์กลายเป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า เมืองแห่งการแล่นเรือใบ (The City of Sails) หรือ เมืองราชินี ที่มีแม่น้ำไวกาโต ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในนิวซีแลนด์ไหลผ่าน

โรโตรัว (Rotorua) เมืองที่เรียกได้ว่า “เมืองแห่งสปาและการท่องเที่ยว” เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของ North Island เนื่องจากเมืองนี้อุดมไปด้วยแหล่งกำเนิดของน้ำพุร้อน ป่า ทุ่งหญ้าและทะเลสาบ อุดมสมบูรณ์ ด้วยปลาเทราต์ นอกจากนี้ยังเป็นเมืองโบราณที่สั่งสมวัฒนธรรมของชาวเมารี ทำให้เมือง นี้เต็มไป ด้วยความสนุกสนาน สำหรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม

 

เกาะใต้ (South Island)

ไคร้สท์เชิร์ช (Christchurch) เป็นเมืองเก่าแก่และ ใหญ่ที่สุดทางเกาะใต้ เมืองไครสต์เชิร์ชเป็นเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากประเทศอังกฤษอย่างท่องแท้ โดยมีแม่น้ำเอวอนไหลผ่านกลางเมืองและสถาปัตยกรรมในรูปแบบของอังกฤษยุคบุกเบิก และด้วยความร่มรื่นของถนนทุกสายและมีสวนดอกไม้สวยงามอยู่ทั่วเมืองทำให้เมืองไครสต์เชิร์ชถูกกล่าวขานว่าเป็น (Garden City) เมืองแห่งสวนดอกไม้ตระการตา

ดูนิดิน (Dunedin) ดะเนดิน หรือสก๊อตแลนด์แห่งนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ในเขต Otago เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของนิวซีแลนด์ คือ University of Otago ปัจจุบันเป็นจุดศูนย์กลางนักท่องเที่ยวทัวร์ธรรมชาติ (Eco-tour) เช่น ทัวร์ดูนกเพนกวิน, ทัวร์ดูแมวน้ำ, และการเดินป่าแบบธรรมชาติ

ควีนส์ทาวน์ (Queenstown) เป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นเมืองหลวงแห่งการผจญภัยของโลก ตั้งอยู่ริมทะเลสาบวาคาทีปู (Wakatipu) จึงมีวิวสวยของเทือกเขาสีฟ้ายอดเขาหิมะปกคลุมขาว สะท้อนเงาทะเลสาบให้ผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติได้ชื่นชมกันควีนสทาวน์เป็นเมืองแห่งความสนุกสนานและมีชีวิตชีวา มีกิจกรรมนานัปการให้ทำ ทั้งในบริเวณตัวเมือง และเมืองใกล้เคียง ในช่วงฤดูหนาวที่นี่เป็นศูนย์รวมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกี และในช่วงฤดูร้อนก็เป็นที่นิยมในหมู่นักขี่จักรยานภูเขา นักไต่เขาและนักกอล์ฟที่จะเดินทางไปยังไหล่เขาอันเขียวขจีเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ

โครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Economy)

นิวซีแลนด์ เป็นประเทศหนึ่งในเขตแปซิฟิกที่มีการทำอุตสาหกรรม เช่น การต่อเรือ โรงงานเบียร์ไวท์ โรงงานปลากระป๋อง แต่ส่วนใหญ่การอุตสาหกรรมในนิวซีแลนด์มีน้อยมาก มีการทำอุตสาหกรรมการเกษตร เช่น การทำผลไม้กระป๋อง และอุตสาหกรรมการขุดแร่ เช่น ถ่านหิน เหล็ก อุตสาหกรรมป่าไม้ และ ยังมีการเพาะปลูกที่ทำให้นิวซีแลนด์มีรายได้มากส่วนหนึ่ง เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และ ผลไม้เช่น สตรอเบอรี่ และแอปเปิล เป็นต้น

สกุลเงิน (Currency)

นิวซีแลนด์ดอลลาร์ (NZD)

เชื้อชาติ (Ancestry and Immigration)

    • ชนผิวขาว นิวซีแลนด์ 75 %
    • ชาวพื้นเมืองเชื้อสายเมารี 10 %
    • ชนกลุ่มน้อยเชื้อสายชาวเกาะแปซิฟิกใต้ 5 %
    • ชาวเอเชีย และ ชนชาติอื่นๆ 10 %

ภาษา (Languages)

นิวซีแลนด์ใช้ภาษาอังกฤษ ภาษาเมารี และภาษาสัญลักษณ์นิวซีแลนด์เป็นภาษาราชการ

ศาสนา (Religion)

ชาวนิวซีแลนด์นับถือศาสนาคริสต์

วัฒนธรรม (Culture)

นิวซีแลนด์ มีวัฒนธรรม 2 แบบ คือ วัฒนธรรมคนผิวขาว ซึ่งคล้ายคลึงกับคนยุโรปและอเมริกัน และวัฒนธรรมเผ่าเมารี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจศึกษาและเป็นวัฒนธรรมที่มีความเคร่งครัดในเรื่อง ขนบธรรมเนียมพิธีรีตองชาวนิวซีแลนด์โดยทั่วไปเป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อและช่วยเหลือผู้เดินทางจากต่างประเทศ นอกจากนั้นเป็นคนที่ถือเรื่องการรักษาการนัดหมายอย่างเคร่งครัด การให้ทิปเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นนักในประเทศนิวซีแลนด์ บางครั้งบริกรจะปฏิเสธเงินค่าทิป

การคมนาคม (Transportation)

การเดินทางและการประหยัดค่าเดินทางในนิวซีแลนด์

โอ๊คแลนด์ : เมืองโอ๊คแลนด์มีเครือข่ายขนส่งมวลชนโดยรถประจำทาง รถไฟและเรือข้ามฟากที่มีประสิทธิภาพและราคาประหยัด เพื่อให้คุณสามารถเดินทางไปรอบเมืองและเขตชานเมือง มีบริการรถประจำทาง Link และ Stagecoach วิ่งให้บริการทุก 10 นาทีอยู่รอบเมือง หากคุณต้องการเดินทางไปยังหลายสถานที่ในหนึ่งวัน บัตรโดยสาร Auckland Day Pass เป็นทางเลือกที่ประหยัดที่สุดซึ่งรวมการใช้บริการรถประจำทางและเรือข้ามฟากในเมือง นอกจากนี้ยังสามารถประหยัดเงินได้ด้วยการซื้อบัตรโดยสาร 10 รอบสำหรับรถประจำทาง รถไฟและเรือข้ามฟากทุกสายได้อีกด้วย โปรแกรมวางแผนการเดินทางบนเว็บไซต์ Maxx จะช่วยให้คุณสามารถเลือกได้ว่ารูปแบบการเดินทางและตั๋วโดยสารแบบใดที่เหมาะสำหรับคุณ

เวลลิงตัน : เมืองเวลลิงตันก็เป็นอีกเมืองที่มีระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพและราคาประหยัดด้วยบริการรถประจำทางและรถไฟ บัตรรายเดือนและบัตรโดยสาร 10 รอบเพื่อใช้บริการรถไฟและรถประจำทางมีจำหน่ายสำหรับนักศึกษาที่ต้องอยู่อาศัยเป็นระยะเวลานานและมีราคาตามโซนพื้นที่การเดินทาง หากคุณอยู่ที่นี่เพียงไม่กีวัน การซื้อบัตร Daytripper เป็นรายวันจะคุ้มค่ากว่า โดยคุณจะสามารถใช้บริการรถประจำทางและรถไฟได้ในโซน 1-3 ของเมือง

ไครส์เชิร์ช : รถประจำทางภายในเมืองไครส์เชิร์ชทุกสายให้บริการโดย Bus Exchange คุณสามารถซื้อบัตรโดยสารรายสัปดาห์และบัตรโดยสารหนึ่งวันซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ นอกจากนี้ยังมีบริการรถประจำทางฟรีในเขตใจกลางเมืองซึ่งมีสีเหลืองสดและวิ่งให้บริการตามจุดสำคัญในเมืองทุก 10-15 นาที

ดะนีดิน : เมืองดะนีดินเป็นเมืองขนาดเล็กและสถานที่ส่วนใหญ่สามารถเดินถึงกันได้จากสถาบันการศึกษาของคุณ อย่างไรก็ตามก็มีรถประจำทางให้บริการอยู่รอบเมืองโดยบริษัท The Octagon และมีบัตรโดยสารจำหน่ายโดยคิดค่าบริการตามโซนพื้นที่

สนามบินสำคัญของประเทศนิวซีแลนด์ (Important Airports)

มีทั้งหมดจำนวน 4 แห่ง ได้แก่

  1. สนามบิน เมือง Auckland (ตัวย่อ IATA: AKL) ตั้งอยู่เกาะเหนือของเมือง Auckland เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศที่เป็นทั้งศูนย์กลางภายในประเทศและระหว่างประเทศสำหรับ Air New Zealand และเป็นศูนย์กลางของ Virgin Australia และ Jetstar Airways ของนิวซีแลนด์เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
  2. สนามบิน เมือง Wellington (ตัวย่อ IATA: WLG) ตั้งอยู่ที่เกาะเหนือของเมือง Wellington เมืองหลวงของประเทศที่นี่เป็นศูนย์กลางสำหรับ Air New Zealand สนามบินแห่งนี้ห่างจากใจกลางเมือง Wellington เพียง 9 กิโลเมตร
  3. สนามบิน เมือง Christchurch (ตัวย่อ IATA: CHC) เมืองที่ใหญ่สุดในเกาะใต้ สนามบินแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมือง Christchurch เพียง 12 กิโลเมตร
  4. สนามบิน เมือง Queenstown (ตัวย่อ IATA: ZQN) ตั้งอยู่ที่เกาะใต้บริเวณย่าน Frankton สนามบินแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมือง Queenstown เพียง 8 กิโลเมตร

ระบบน้ำประปา (Water Supply System)

น้ำประปาของประเทศนิวซีแลนด์มีความสะอาดมาก คุณภาพพอ ๆ กับน้ำดื่มบรรจุขวดที่ขายกันทั่วไปเลยทีเดียว มั่นใจได้เลยว่าสะอาดแน่นอนสามารถดื่มได้ทันที หากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายควรพกขวดน้ำเปล่าไปด้วย เพื่อกรอกน้ำไว้ดื่มก่อนออกเดินทาง

ระบบไฟฟ้า (Electrical System)

กระแสไฟฟ้า 230/240 โวลต์ ในโรงแรมและที่พักส่วนใหญ่จะเตรียมไฟระบบ 110 โวลต์ไว้ให้บริการ หรืออาจนำอุปกรณ์แปลงไฟและตัวแปลงจาก 2 หัวเป็น 3 หัว แนะนำให้เตรียมติดตัวไปด้วย

ระบบโทรศัพท์ (Telephone Number)

รหัสทางไกลระหว่างประเทศของนิวซีแลนด์คือ (+64)

หมายเลยโทรศัพท์ที่สำคัญในประเทศนิวซีแลนด์

  • เบอร์โทร 111 เหตุฉุกเฉิน (โทรฟรี 24 ชั่วโมง)
  • เบอร์โทร 018 สอบถามหมายเลขโทรศัพท์ (นิวซีแลนด์)
  • เบอร์โทร 0172 สอบถามหมายเลขโทรศัพท์ (ต่างประเทศ)
  • เบอร์โทร (09) 377 3886

ข้อมูลการเสียภาษีในประเทศนิวซีแลนด์ (Taxation)

IRD Number คือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีนิวซีแลนด์

IRD Numbers for Individuals สำหรับนักเรียนที่ต้องการหางานพาร์ทไทม์ระหว่างเรียนที่นิวซีแลนด์ซึ่งเลข IRD Number จะช่วยในการตรวจสอบว่าภาษีที่จ่ายไปแล้วเท่าไหร่และจำนวนนั้นถูกต้องหรือไม่ รวมถึงเป็นเลขที่บันทึกกิจกรรมการเสียภาษีไปตลอดชีวิต และเป็นเลขเฉพาะบุคคลของคนนั้น ๆ แน่นอนไม่ว่าจะขอเคลมภาษีคืนตอนจะกลับเสียมากไปน้อยไป ก็สามารถตรวจสอบตัวเลขได้ซึ่งการสมัครงานที่ใดก็ตาม นักเรียนจำเป็นต้องมีเลขนี้ให้นายจ้างและต้องชำระภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนิวซีแลนด์

IRD Number สามารถสมัครได้ที่ https://www.ird.govt.nz/act…/apply-for-a-personal-ird-number

ที่มา:

  • New Zealand Tourism Guide Website: https://www.tourism.net.nz/
  • Infoplease Website: https://www.infoplease.com/
  • 100% Pure New Zealand Website: https://www.newzealand.com/int/facts/
  • New Zealand Government Website: https://www.ird.govt.nz/

ข้อมูลประเทศนิวซีแลนด์ ข้อมูลประเทศนิวซีแลนด์ ข้อมูลประเทศนิวซีแลนด์ ข้อมูลประเทศนิวซีแลนด์ ข้อมูลประเทศนิวซีแลนด์


Top 10 Best Places To Live In New Zealand (NEW) – Heaven On Earth


New Zealand is one of the world’s best places to live and retire, best place to raise your family. It has a very pleasant climate, great beaches, a wide variety of outdoor activities, cultural attractions, free health care
(for the most part), a good educational system, economic freedom, a lack of corruption and attractive, modern cities.
Known for the stunning landscapes featured in Peter Jackson’s \”Lord of the Rings\”.
New Zealand is comprised of two big islands called North Island and South Island, plus numerous smaller islands.
It is located in the southwestern Pacific Ocean and is very geographically isolated.
Its nearest neighbors are Australia, which is 1242 miles to the northwest, and New Caledonia, Fiji and Tonga to the north.
The population of New Zealand is 4,334,000, the majority of whom are of European descent.
The largest minority are the native Maori. There are also a significant number of nonMaori Polynesians and Asians – especially in urban areas.
If you’re thinking of moving to New Zealand, you’ll need to decide where you’re going to live.
Learn more about best places to live in New Zealand here, and decide where in the country you should settle.
Here’re the 10 best places to live in New Zealand.
10. Waikato.
9. Nelson.
8. Selwyn.
7. Queenstown.
6. Christchurch.
5. Rotorua.
4. Auckland.
3. Dunedin.
2. Taranaki.
1. Wellington, the capital of New Zealand.
If you are moving to live in New Zealand and you’re really not sure where you want to settle,
Auckland can be a great place to begin, you can rent accommodation easily within the city
and it has fantastic transport links for the rest of the nation.
But be sure to use these transport links, explore the North and South Islands and find the location
that best suits you before you buy a home or even commit to living in New Zealand full time.
Whilst the nation is not vast or overpopulated, it does encompass such an impressive array of geographically
different regions that it would be a crime not to explore far more of the country than its leading city before you settle on a place in New Zealand to call home.
Thanks for watching this video.

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Top 10 Best Places To Live In New Zealand (NEW) - Heaven On Earth

เที่ยวเกาะเหนือ นิวซีแลนด์ : Travel New Zealand North Island


หลังจากที่เราขับรถบ้านเที่ยวเกาะใต้ เรานั่งเครื่องบินจาก Christchurch มาลงที่ Auckland เพื่อขับรถเที่ยวเกาะเหนือกันต่อ เกาะเหนือนั้นจะมีความแตกต่างจากเกาะใต้อยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็น ภูมิประเทศหรือธรรมชาติ
แต่เนื่องจากทริปนี้เรามีเวลาน้อยจึงทำให้เราไปได้ไม่ทั่วถึงเท่าไหร่
ทริปนี้เราเดินทางจาก : This trip we start from
Auckland
0:38 Matamata : Hobbiton Movie Set
6:33 Rotorua : Kuirau Park, 8:40 Redwoods Treewalk
13:13 Waitomo : Glowworm Caves
Music :
––––––––––––––––––––––––––––––
Happy by MBB https://soundcloud.com/mbbofficial
Creative Commons — AttributionShareAlike 3.0 Unported — CC BYSA 3.0
Free Download / Stream: https://bit.ly/HappyMBB
Music promoted by Audio Library https://youtu.be/g6swHZbWtRc
––––––––––––––––––––––––––––––
Campfire by Scandinavianz https://soundcloud.com/scandinavianz
Creative Commons — Attribution 3.0 Unported — CC BY 3.0
Free Download / Stream: https://bit.ly/_campfire
Music promoted by Audio Library https://youtu.be/9RfykhYzCc
––––––––––––––––––––––––––––––
Steps by Roa https://soundcloud.com/roa_music1031
Creative Commons — Attribution 3.0 Unported — CC BY 3.0
Free Download / Stream: https://bit.ly/stepsroa
Music promoted by Audio Library https://youtu.be/DLn9wFw3Ew
––––––––––––––––––––––––––––––
Follow us on : ติดตามเราได้ทาง
https://www.facebook.com/CheevitDee.th
Instagram
https://www.instagram.com/cheevitdee.th
ชีวิตดี เรื่องราวดีดีที่ต้องบอกต่อ

เที่ยวเกาะเหนือ นิวซีแลนด์ : Travel New Zealand North Island

14 Day Itinerary of North Island, New Zealand – With Motorhome


This is our 14 day itinerary of the North Island, New Zealand.
Click here to view North Island Itineraries https://hubs.ly/H0fV4vg0
Day 1 Pickup van in Auckland Raglan
Day 2 Surf Raglan
Day 3 Raglan Rotorua
Day 4 Rotorua
Day 5 Rotorua to Taupo
Day 6 Taupo
Day 7 Taupo to Mount Maunganui
Day 8 Mount Maunganui
Day 9 Mount Maunganui Onemana Beach
Day 10 Onemana Beach Hot Water Beach Hahei Beach
Day 11 Hahei Beach Coromandel Town
Day 12 Coromandel Town to Tapu
Day 13 Tapu to Auckland Camp ground
Day 14 Drop off Van and fly home
www.dylanbrayshaw.com
For weekly surf photography videos hit that subscribe button.
Instagram @dylan_brayshaw
Surf films www.eatsleepsurf.com.au
THIS EPISODE
The gear I use:
CAMERAS AND LENSES
Canon 5D Mark 3 Love this thing http://amzn.to/29E1Dwe
Canon 24105mm f4 IS Real sharp http://amzn.to/2abLQXa
Canon 70 200mm f4 IS Sharp and Light http://amzn.to/29E1Krr
Canon 1635mm 2.8f Landscape wonder http://amzn.to/2eNk9KN
Canon 85mm 1.8f http://amzn.to/2siKcw3

VLOG
DJI Phantom 4 Pro http://amzn.to/2oADiPO
GoPro Hero 5 http://amzn.to/2jijX39
Canon G5X http://amzn.to/2i7O6o0
Lavalier Mic Rode http://amzn.to/2ddy3Ep
WATER HOUSING
AquaTech PD85 Dome http://amzn.to/2j2p0Vi
Aquatech Housing Body http://amzn.to/2uchpZX
Aquatech Lens Port for 200mm lens http://amzn.to/2j2ox5q
MEMORY CARDS
x1 16gb CF Card Sandisk Extreme Pro http://amzn.to/2dUCpld
x1 32gb SD Card Lexar Professional http://amzn.to/2dRuwLa
Wrist Watch G Shock Tide http://amzn.to/2guBaIR
Super warm 3/2 Wetsuit http://amzn.to/2dUFdis
Tripod Manfrotto and Fluid Head http://amzn.to/2dRtDlC
Camera Bag http://amzn.to/2dqEXVj

14 Day Itinerary of North Island, New Zealand - With Motorhome

ลีลามี ตอน เที่ยวเกาะเหนือ ประเทศนิวซีแลนด์ (28 ส.ค.58)


ลีลามีสัปดาห์นี้ ยังอยู่ที่นิวซีแลนด์ บริเวณเกาะเหนือของประเทศ ที่มีธรรมชาติอันสวยงาม ออกตามหาหนอนเรืองแสง หรือที่บ้านเราเรียกว่า หิ่งห้อย สิ่งมหัศจรรย์ที่มีความสวยงามจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังชมวิถีชีวิตและการแสดงของชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมของที่นี่ ห้ามพลาด!
รายการ ‘ลีลามี’ (Leela Me) รายการท่องเที่ยวแบบพรีเมียม ด้วยลีลาในแบบ คุณนิรุตติ์ ศิริจรรยา
ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 13.00 14.00 น. ทางช่อง3 Family (ดิจิตอลทีวี ช่อง 13 หรือ 23)

ลีลามี ตอน เที่ยวเกาะเหนือ ประเทศนิวซีแลนด์ (28 ส.ค.58)

ขับรถบ้านเที่ยวนิวซีแลนด์ ทั้งเกาะเหนือ และเกาะใต้ | New Zealand Road | เที่ยวทั้งบ้าน


ถ้าพูดถึง New Zealand สิ่งที่คุณนึกถึงคืออะไร? สำหรับผม…นิวซีแลนด์คือดินแดนแห่งความฝัน และคลิปนี้บรรยายทุกอย่างในใจผมหมดแล้ว
➤ Contact for video production, advertising
➤ ติดต่องานโปรดักชั่น โฆษณา ได้ที่
[email protected]
➤ Don’t forget to subscribe
➤ อย่าลืมกด subscribe เพื่อติดตามคลิปใหม่ ได้ที่
https://www.youtube.com/c/tiewtungbaan?s…
➤ Other ways to follow us
➤ ช่องทางการติดตามอื่นๆ

➤ FB : https://goo.gl/iQYjdF

ขับรถบ้านเที่ยวนิวซีแลนด์ ทั้งเกาะเหนือ และเกาะใต้ | New Zealand Road | เที่ยวทั้งบ้าน

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เกาะ เหนือ นิวซีแลนด์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *