❤ สวัสดีค่าา สาวๆ SistaCafe ที่น่ารักและอยากไป ‘ ต่อนอก ‘ ทุกคน ❤
ในช่วงกระแสอยากย้ายประเทศ ทั้งเรียนต่อและทำงานกำลังมาแรงแบบนี้ ก็มีกลุ่มในสังคมออนไลน์ที่มาแบ่งปันความรู้ แชร์ประสบการณ์ในต่างแดนกันมากมาย หลายคนแม้ไม่ได้คิดอยากไปใช้ชีวิตต่างแดนมาก่อน เมื่ออ่านโพสต์เชิญชวนมากๆ เข้าก็ลังเล เริ่มหาข้อมูลมหาวิทยาลัยในที่ต่างๆ บ้างแล้ว
แต่เราเชื่อว่า ก็ยังมีสาวซิสอีกมากมายที่ฐานะทางบ้านกลางๆ ไม่รวยมาก พ่อแม่ไม่ได้มีเงินเป็นถุงเป็นถัง ส่งเรียนราคาแพงหูฉีกได้ แต่ก็อยากไปเปิดประสบการณ์ เพิ่มพูนความรู้ใหม่ๆ ไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองที่เมืองนอก จะให้ขอทุนก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น จะทำยังไงดี?? ไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะในบทความนี้เราได้รวบรวม ‘ 7 ประเทศค่าเทอมกลางๆ แต่คุณภาพการศึกษาดีระดับโลก ‘ อาจจะไม่ได้ถูกขนาดนั้น แต่ไม่แพงเกินเอื้อมแน่นอน ถ้าโชคดีก็อาจหาทุนฟรีได้ด้วย! ลองไปดูกันค่ะว่ามีประเทศอะไรบ้าง
( ´ ∀ `)ノ～ ♡

1. นอร์เวย์

เปิดข้อแรกมา เชื่อว่าสาวๆ คงงง นอร์เวย์ ประเทศแถบยุโรปเนี่ยนะค่าเทอมถูก อิมเมจดูหรูหรา ดูแพงขนาดนี้! ขอเถียงเลยว่าไม่จริง ยุโรปนี่ละค่ะค่าเทอมราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์กว่าอเมริกาหรืออังกฤษเยอะ ยิ่งถ้าหาทุนได้ก็ยิ่งลดค่าใช้จ่ายไปอีก
ถ้าสาวๆ คิดจะสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐ ไม่ได้ลงหลักสูตรพิเศษหรืออินเตอร์ราคาแพง ค่าเทอมก็อยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้ ซึ่งคุณภาพการศึกษาของประเทศในกลุ่มนอร์ดิกทั้งหมดก็ขึ้นชื่อในระดับโลกอยู่แล้ว คุณภาพชีวิตดี ทัศนียภาพในประเทศก็เจริญหูเจริญตา รวมถึงนอร์เวย์ด้วยเช่นกัน!

2. ไต้หวัน

ข้อสอง ขอวกเครื่องบินกลับมาที่ประเทศแถบเอเชียบ้านเรา กับชื่อที่คุ้นเคยกันดีอย่าง ‘ ไต้หวัน ‘ ที่แทบจะเป็นประเทศค่าเทอมถูกอันดับต้นๆ แล้วหากจะไปเรียนต่อนอก คุณภาพการศึกษาก็ไม่ได้ด้อยกว่าใคร
ค่าเทอมในระดับปริญญาตรี เริ่มต้นที่ 100,920 ดอลลาร์ไต้หวันต่อปี ( ประมาณ 115,000 บาท ) ในคณะศิลปศาสตร์ ไปจนถึง 124000 ดอลลาร์ไต้หวัน ( ประมาณ 140,000 บาท ) เห็นเป็นประเทศที่พูดจีนกันทั้งเมือง แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องหลักสูตรในการเรียน

3. เยอรมัน

ประเทศที่สาม ทะยานสู่ยุโรปอีกครั้งกับ’ เยอรมัน ‘ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องประเทศแห่งไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ ประเทศเยอรมันมีอัตราส่วนของนักศึกษาต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ในระดับปริญญาตรีและปริญญาเอก ถ้าสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัฐได้จะไม่ต้องเสียค่าเทอมแต่อย่างใด! ( มีแค่ค่าธรรมเนียมไม่กี่ร้อยยูโรเท่านั้น จึงแทบจะเรียกได้ว่าฟรี ) ยกเว้นรัฐทางใต้อย่าง Baden-Württemberg ที่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ส่วนนักศึกษาปริญญาโทที่ไม่ได้เรียนป. ตรีที่นี่ จะต้องจ่ายค่าเทอมสูงสุดถึง 20,000 ยูโรต่อปี ( ประมาณ 770,000 บาท )

4. ฝรั่งเศส

ยังคงอยู่กันที่ยุโรป กับประเทศวิวสวย ร่ำรวยวัฒนธรรมอย่าง ‘ ฝรั่งเศส ‘ ที่ความสวยงามของภูมิประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ สวัสดิการการคุ้มครอง ความเท่าเทียมทางสังคม รวมถึงการศึกษาเป็นที่ยอมรับระดับโลก! โดยค่าเทอมในฝรั่งเศสจะราคาเท่ากันทุกชาติทุกภาษา ไม่ว่าจะเป็นคนฝรั่งเศสแท้ๆ หรือนักศึกษาต่างชาติก็ตาม มันปังตรงนี้! 
ค่าเทอมขั้นต่ำจะอยู่ที่ 170 ยูโรต่อปี ( 6,500 บาท ) ในระดับปริญญาตรี, 243 ยูโร ( 9,300 บาท ) ในระดับปริญญาโทเกือบทุกสาขา และ 380 ยูโร ( 15,000 บาท ) ในระดับปริญญาเอก ค่าเทอมจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของสถานศึกษาด้วย ยิ่งเป็นมหาลัยดัง ค่าเทอมก็จะยิ่งสูงขึ้น! แม้ค่าเทอมจะถูกมากๆ แต่ค่าครองชีพแพง โดยเฉพาะถ้าอยู่ในปารีสซึ่งค่าครองชีพแพงที่สุดในฝรั่งเศส แต่ก็คุ้มค่าถ้าเทียบกับคุณภาพการศึกษาค่ะ
ข้อเสียข้อเดียวคือ หลักสูตรปริญญาตรีแทบทั้งหมด ต้องเรียนเป็นภาษาฝรั่งเศส โดยยื่นผลวัดระดับภาษา B2 ขึ้นไป! แต่ถ้าไปต่อโท ก็พอจะมีหลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษอยู่บ้างค่ะ
.

5. โปแลนด์

ประเทศอันดับต่อมาที่ขอ recommend แรงๆ สำหรับการเรียนต่อนอกในราคาไม่ทำร้ายกระเป๋าสตางค์จนเกินไป ขอมอบมงให้ ‘ โปแลนด์ ‘ ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพการศึกษาที่สูงลิบลิ่ว ทัศนียภาพสวย มีวัฒนธรรม สถานที่ทางประวัติศาสตร์ให้ได้ดื่มด่ำและค้นหามากมาย
ในส่วนของค่าเทอม ถ้าเธอสามารถเรียน เข้าคลาส สอบเป็นภาษาโปลิชได้ หรือพูดง่ายๆ ว่าได้ภาษาโปลิชในระดับสูงอยู่แล้ว เรียนฟรีไปเลย ใช่ค่ะ ฟรีจริงๆ ไม่ต้องจ่ายสักบาท! แต่ถ้าจะเรียนเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ ค่าเทอมจะอยู่ที่ 8800 – 14000 ซวอตือโปแลนด์ต่อปี ( ประมาณ 74,000- 120,000 บาท )

6. มาเลเซีย

วกกลับมาที่ประเทศใกล้ตัวกันอีกครั้ง เรียกว่าเป็นประเทศยอดฮิตของผู้ดีไทยสมัยก่อนกันเลยทีเดียว กับการส่งลูกไปเรียนที่ ‘ มาเลเซีย ‘ เพราะค่าใช้จ่ายราคาไม่แพง อยู่ใกล้ไทยสุดๆ ( ต่อจากจังหวัดทางใต้เลย ไม่มีใกล้กว่านี้แล้ว )
หากเป็นเรื่องของค่าเทอมล้วนๆ จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 16,500 ริงกิตต่อปี ( ประมาณ 126,000 บาท ) แต่บางหลักสูตรก็ราคาถูกกว่านั้น! มาเลเซียยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังต่างชาติมากมายที่มาเปิดสาขาต่างประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยนอตติ้งแฮมของอังกฤษ หรือ Monash University ของออสเตรเลีย เป็นต้น

7. แอฟริกาใต้

ข้อสุดท้าย ค่อนข้างอยู่นอกสายตาของคนไทยเลยแหละ เพราะพูดคำว่า ‘ แอฟริกา ‘ หลายคนก็จะนึกถึงทุ่งหญ้าซาวันน่า สัตว์ป่า ทะเลทราย เป็นพื้นที่ไปผจญภัยท่องเที่ยวมากกว่าไปเรียนหนังสือ แต่ที่จริงแล้วในเมืองหลวงอย่าง Cape Town ก็เป็นเมืองทั่วไป มีตึกรามบ้านช่อง ความเจริญปกติ ไม่ได้มีแต่กระท่อม เด็กขาดสารอาหารทั่วประเทศเหมือนที่เสพในสื่อสมัยก่อน
ค่าครองชีพและค่าเทอมอยู่ในระดับที่ไม่แพงมากทั้งคู่ ซึ่งค่าเทอมจะแตกต่างกันไปแล้วแต่มหาวิทยาลัย แต่เฉลี่ยจะอยู่ที่ 85,000 แรนด์ ( ประมาณ 190,000 บาท ) สำหรับนักศึกษาต่างชาติระดับปริญญาตรีที่ the University of Cape Town และ the University of the Western Cape ที่ได้รับการจัดอันดับสูงใน the QS World University Rankings

ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง https://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore

อ่านบทความใหม่ล่าสุดก่อนใคร กดติดตามเราไว้เลย:

สิ้นปีแล้วยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย! อยากไปเที่ยวเมืองนอก รับบรรยากาศแบบต่างประเทศ แต่จะไปตอนนี้ก็ไม่ได้ ไม่ต้องกังวล! เพราะวันนี้ The Joi ได้รวบรวม 10 คาเฟ่สไตล์เมืองนอก ไปแล้วรับรองว่าได้ฟีลต่างประเทศสุด ๆ ไม่ต้องตุ๊งรูปให้เมื่อย! จะมีที่ไหนบ้างนั้น ตามเราไปดูกันเลย!

 

1. Brioche from heaven

 

ที่มารูปภาพ: Facebook ONCE WE WERE HERE

 

คาเฟ่ชื่อดังยืนหนึ่งย่านสาทร-ช่องนนทรี อย่าง Brioche from heaven เป็นคาเฟ่ของเชฟกระทะเหล็กคนดังอย่าง “เชฟไก่-ธนัญญา ไข่แก้ว” เชฟของหวานชื่อดัง โดยเมนูขนมหลัก ๆ ของที่นี่คือบริยอชหอม ๆ ฉ่ำ ๆ เหมือนลอยลงมาจากสวรรค์จริง ๆ ตัวร้านเป็นตึกแถวตกแต่งด้วยผนังอิฐและท่อนฟืน ให้ฟีลเหมือนนั่งกินขนมอยู่ที่ฝรั่งเศส รับบท Emily in Paris แล้วหนึ่ง!

ที่อยู่: 156 ถนนนราธิวาส กรุงเทพฯ (BTS ช่องนนทรี ทางออกที่ 4)

เวลาทำการ: 09:30-19:30 น. ทุกวัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: Brioche from heaven

 

2. Palam Palam Bangkok

 

 

ยังคงอยู่กับคาเฟ่ฟีลยุโรปกับร้านที่มีชื่อว่า Palam Palam Bangkok หรือ ปะแล่ม ปะแล่ม คาเฟ่พร้อมแกลเลอรี่ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ บริเวณหน้าชิงช้าสวรรค์พอดีเป๊ะ! ร้านนี้เขามีเมนูเด่น ๆ อยู่ที่ตัวเค้กหน้าไหม้ ที่มีให้เลือกทั้งแบบหน้าไหม้ หน้าไม่ไหม้ และหน้าไหม้ไหม้ บริเวณหน้าร้านถ่ายรูปได้แบบน่ารักฟีลเมืองนอกสุด ๆ ยิ่งมุมชิงช้าสวรรค์คือปัง!

ที่อยู่: 2194 ถนนเจริญกรุง 72-74 แขวงวัดพระยาไกร บางคอแหลม กรุงเทพฯ (ร้านตั้งอยู่หน้าชิงช้าสวรรค์พอดี)

เวลาทำการ: 10:00-19:00 น. ทุกวัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: Palam Palam Bangkok

 

3. Shing A ring A ring

 

 

ร้าน Shing A ring A ring : hang out bar & cafe หรือ ชิงน์ อาริง อาริง เป็นคาเฟ่และร้านอาหารที่ตกแต่งแบบยุโรปเก่า ๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจ และตัวอาคารที่ตกแต่งด้วยอิฐล้วน ๆ รวมทั้งกระจกสี ให้บรรยากาศเหมือนเข้าโบสถ์ยังไงยังงั้น ใครที่กำลังมองหาที่เดท หรืออยากพาครอบครัวไปทานมื้ออร่อยท่ามกลางบรรยากาศสวย ๆ เหมือนหลุดไปอยู่ในเทพนิยาย แนะนำเลย!

ที่อยู่: 1023/1 ถนนบางแวก แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ

เวลาทำการ: 11:00-20:00 น. ปิดวันจันทร์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: ชิงน์ อาริง อาริง – Shing A ring A ring : hang out bar & cafe

 

4. Fats and Angry

 

 

ร้านที่เยาวรุ่นสายคาเฟ่ห้ามพลาด! Fats and Angry คาเฟ่สไตล์อเมริกันที่ตกแต่งแบบเรโทรเหมือนย้อนเวลาไปในยุค 5o เป็นวัยรุ่นใน Strange things โดยร้านนี้มีสาขาทั้งหมด 2 สาขาด้วยกัน คืออารีย์และเจริญกรุง สาขาอารีย์ร้านจะกว้างกว่า แต่ทั้ง 2 สาขาเพราะตกแต่งได้น่ารักมาก ๆ เหมือนกัน นอกจากนี้แอบกระซิบว่ามิลค์เชคอร่อยมาก!

ที่อยู่ (สาขาอารีย์): โครงการ GUMP’s Ari 46/5 ซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ

ที่อยู่ (สาขาเจริญกรุง): 16 ซอยเจริญกรุง 46 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ

เวลาทำการ: 11:00-20:00 น. ทุกวัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: Fats and Angry

 

5.

Americano_cafe

 

 

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Americano_cafe ดังนั้นการตกแต่งก็ไม่ต้องสืบว่าเป็นสไตล์อเมริกันสุด ๆ ร้านนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์คาเฟ่แนวเรโทรจ๋า ๆ เหมือนหลุดออกมาจากซีรีส์ มีการตกแต่งด้วยไฟนีออนเหมือนพวกร้านในปั๊มน้ำมันหรือร้านริมถนนในซีรีส์อเมริกันมาก ๆ ฟีลเอ็มวี Telephone รับบทเลดี้กาก้าและแม่บี นอกจากนี้เมนูอาหารเองก็เป็นแนวฟาสต์ฟู้ด อร่อยจึ้งซึ้งมากแม่!

ที่อยู่: ถนนราชพฤกษ์ แยกบางแวก (ซอยบางแวก 37)

เวลาทำการ: 10:30-20:00 น. ทุกวัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: Americano_cafe

 

6. Nomisuke Matcha

 

 

มูฟมาทางฝั่งญี่ปุ่นกันบ้าง กับคาเฟ่เปิดใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ที่เหล่า Café Hopper กำลังอินสุด ๆ อย่าง Nomisuke Matcha คาเฟ่และร้านราเมนริมทะเลบางแสน ชลบุรี ที่ตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นจนดูเหมือนวาร์ปไปอยู่ญี่ปุ่นจริง ๆ เก็บหมดทุกรายละเอียด มีพร็อบและมีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ๆ ใครผ่านไปบางแสนไม่แวะไปคือพลาด!

ที่อยู่: 7-Eleven หาดวอนนภา จังหวัดชลบุรี

เวลาทำการ: 09:00-17:00 น. ทุกวัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: Nomisuke Ramen – のみすけ ラーメン

 

7. Kan Machi Cafe

 

 

ยังคงอยู่กับคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นในกาญจนบุรี กับคาเฟ่ยอดฮิตจุดเช็คอินประจำจังหวัดอย่าง Kan Machi Cafe ที่ตกแต่งได้แบบจี้ปุ่งมากเว่อร์! ทั้งเสาโทริอิสีแดงสด สวนเซน ตู้กดเครื่องดื่ม ธงปลาคาร์ฟ รวมไปถึงที่นั่งแบบโต๊ะญี่ปุ่น นอกจากนี้เมนูขนมก็อร่อยสุด ๆ โดยเฉพาะชาเขียวมัทฉะ ถ้าไปกาญจนบุรีแล้วไม่ได้ไปที่นี่ ก็น่าเสียดายสุด ๆ ไปเลย!

ที่อยู่: แม่น้ำแคว ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมืองกาญจนบุรี กาญจนบุรี

เวลาทำการ: 10:00-18:00 น. ปิดวันพุธ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: Kan Machi Cafe

 

8. Teyaki

 

 

อีกหนึ่งร้านคาเฟ่สไตล์ญีปุ่่นที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ กับร้าน Teyaki คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นที่ตกแต่งเหมือนบ้าน ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และการใช้สีขาวฟีลมูจิ ขนมเด่น ๆ ของที่นี่คือเซมเบ้กรอบ ๆ อร่อยมาก เมื่อทานคู่กับมัทฉะหอม ๆ ยิ่งฟินคูณสอง นอกจากนี้เมนูครัวซองต์ของที่นี่ก็อร่อยไม่แพ้กัน ใครที่ชอบครัวซองต์แบบกรอบนอก ข้างในฉ่ำ ๆ กลวง ๆ หน่อย ที่นี่ตอบโจทย์มาก!

ที่อยู่:ซอยพระรามสาม 19 บางโคล่ กรุงเทพฯ

เวลาทำการ: 09:00-18:00 น. ปิดวันจันทร์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: Teyaki

 

9. Feng Zhu

 

 

ร้าน Feng Zhu เป็นร้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในย่านเจริญกรุง ตกแต่งแบบฮ่องกง แต่จะเรียกว่าเป็นคาเฟ่ก็ไม่เชิง เพราะความจริงเมนูหลัก ๆ ที่เขาขายจะเป็นเกี๊ยวซ่าหน้าเปิด ออนท็อปด้วยวัตถุดิบเสริมอื่น ๆ เช่นชีส ไข่กุ้ง ฯลฯ ทานคู่กับชาฟักหรือหวังเหล่าจี๋เย็น ๆ คือชื่นใจมาก ได้บรรยากาศเหมือนวัยรุ่นฮ่องกงจริง ๆ

ที่อยู่:เจริญกรุง 24 ข้างศูนย์กาค้า River city

เวลาทำการ: 11:00-19:00 น. ทุกวัน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: Feng Zhu เกี๊ยวซ่าหน้าเปิด

 

10. Woolloomooloo Cafe & Bar

 

 

ปิดท้ายกันด้วยคาเฟ่สไตล์เกาหลีที่ปัจจุบันคือมีให้เลือกเยอะมากกก แต่ที่เรายกร้าน Woolloomooloo Cafe & Bar มาก็เพราะว่าเจ้าของร้านเขาเป็นคนเกาหลีแท้ ๆ เลยน่ะสิ! ร้านตกแต่งแบบมินิมอล โทนขาว ๆ คลีน ๆ ความจริงเจ้าของร้านเขาได้ไอเดียมาจากคาเฟ่ที่ออสเตรเลีย ในเมือง Woolloomooloo ดังนั้นจะเรียกว่าเป็นคาเฟ่สไตล์เกาหลีก็คงจะไม่เต็มปากเสียทีเดียว อย่างไรก็ตาม ร้านมีมุมถ่ายรูปและพร็อบน่ารัก ๆ เยอะมาก นอกจากนี้ขนมของเขาก็อร่อยจึ้งไม่แพ้ความจึ้งของร้านเลย!

ที่อยู่: วิภาวดีรังสิต 16 เขตดินแดง กรุงเทพฯ

เวลาทำการ: 10:00-18:00 น. ปิดวันอังคาร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: Woolloomooloo Cafe & Bar

 

และนี่ก็คือ 10 คาเฟ่ฟีลเมืองนอกที่พวกเรารวบรวมมาให้เพื่อน ๆ ได้แวะไปเช็คอินกัน ใครมีคาเฟ่ฟีลเมืองนอกใจดวงใจอีก อย่าลืมมาแชร์กันนะ!

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: ไม่ต้องบินก็ฟินได้! กับ 6 ที่เที่ยวสไตล์ญี่ปุ่นที่ราวกับยกแดนปลาดิบมาไว้เมืองไทย

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง: สั่งเลยแม่ค้าน่ารัก! ชี้เป้า 9 ร้านเค้กวันเกิดสุดน่ารัก อร่อย แถมแม่ค้าไม่วีน!

อ่านบทความใหม่ล่าสุดก่อนใคร กดติดตามเราไว้เลย: