Skip to content
Home » [NEW] หลักการใช้ Present Simple Tense [ 2 ข้อ จำให้แม่น] ปัจจุบันธรรมดา ใช้บ่อยสุดเลยอันนี้ | ความ หมาย present simple tense – NATAVIGUIDES

[NEW] หลักการใช้ Present Simple Tense [ 2 ข้อ จำให้แม่น] ปัจจุบันธรรมดา ใช้บ่อยสุดเลยอันนี้ | ความ หมาย present simple tense – NATAVIGUIDES

ความ หมาย present simple tense: คุณกำลังดูกระทู้

Posted on

166

SHARES

Facebook

Twitter

หลักการใช้ Present Simple Tense เป็น Tense แรกๆที่นักเรียนจะได้เรียนรู้กัน ในเทนส์นี้ให้จำขึ้นใจว่า หากประธานมีคนเดียว (เอกพจน์) กริยาเติม s หากประธานมีหลายคน (พหูพจน์) ไม่ต้องเติม s

Present Simple Tense

Present Simple Tense (Tense ปัจจุบันธรรมดา)

Present  เพร๊เซินท= ปัจจุบัน

Simple ซิ๊มเพิล = ธรรมดา

Table of Contents

◊ โครงสร้าง Present Simple Tense

S+V1 (s,es)

Subject
Verb (s, es)

I, You, We,They
eat, go

He, She, It
eats, goes

♦ S + V1 (ประธานเอกพจน์ กริยาเติม s, es)
ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s หรือ es แล้วแต่กรณี)
♦ S + กริยาช่วย + V1
ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องที่ 1 (ไม่ต้องเติม s ทุกกรณี)
กริยาช่วยที่ใช้บ่อยคือ can, should, must

Present Tense อันนี้ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดหน่อยตรงที่ประธานเอกพจน์ต้องเติม s ส่วนประธานพหูพจน์ไม่ต้องเติม สิ่งที่จะสร้างความยุ่งยากนิดหนึ่งคือการเติม s เพราะกริยาบางตัวต้องเติม es ไม่ใช่แค่ s เฉยๆ แต่ไม่ใช่เรื่องยากถ้าได้ศึกษาการเติม s ที่้ท้ายคำนามเพื่อให้นามนั้นเป็นพหูพจน์

  ศึกษาหลักการเติม s หรือ es ที่ท้ายคำกริยา ⇒ การเติม s ,es  

◊ หลักการใช้ Present Simple Tense

ในหนังสืออาจจะบอกไว้หลายข้อ แต่ให้ผู้เรียนจำไว้แค่ 2 ข้อ คือ จริงและวัตร

1. จริง คือ ข้อเท็จจริงทั่วไป

ซึ่งเป็นการบอกกล่าว เล่า ถามเรื่องราว เหตุการที่เป็นข้อเท็จริงทั่วๆไป (facts) และข้อมูลข่าวสาร (information)

  • ถ้าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนจะเป็นข้อมูลบอกให้รู้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน มีอาชีพอะไร ชอบอะไร เป็นต้น

His name is Somchai. ชื่อ ของเขา คือ สมชาย

He comes from Thailand. เขา มา จาก ประเทศไทย

He is a doctor. เขา เป็น หมอ

He can play football. เขา สามารถ เล่น ฟุตบอล

  • ถ้าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ก็จะเป็นการบอกให้รู้ว่ามันคืออะไร รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ลักษณะนิสัยใจคอ แหล่งที่อยู่ เป็นต้น

Elephants are the largest  land animals. ช้าง เป็น สัตว์ บก ที่ใหญ่ที่สุด

They have 28 teeth. พวกมัน มี ฟัน 28 ซี่

They eat grass. พวกมัน กิน หญ้า (เป็นอาหาร)

They can swim. พวกมัน สามารถ ว่ายน้ำ

  • ถ้าเป็นสิ่งของก็จะบอกให้รู้ว่ามันคืออะไร ทำมาจากอะไร ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง

This is a Japanese car. นี่ คือ รถยนต์ ญี่ปุ่น

It is very expensive. มัน มีราคาแพง มาก

The company is in Japan. บริษัท อยู่ ใน ญี่ปุ่น

  • ถ้าเป็นสถานที่ก็จะเป็นข้อมูลข่าวสารของสถานที่นั้น เช่น ถ้าเป็นกรุงเทพ ก็จะเป็นข้อมูลของประชากร พื้นที่ สถานที่สำคัญๆต่างๆเป็นต้น

Bangkok is the capital city of Thailand. กรุงเทพ เป็น เมืองหลวง ของ ประเทศไทย

It has 50 districts. มัน มี 50 อำเภอ (เขต)

2. วัตร คือ กิจวัตร

เป็นสิ่งที่ทำบ่อยๆ อาจทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกปี ก็ได้ ซึ่งจะมีคำเหล่านี้กำกับอยู่ด้วย

always อ๊อลเวส เสมอ

usually ยู๊ชวลลิ โดยปกติ

generally เจ็๊นนะเริลลิ โดยปกติ

often อ๊อฟฟึน บ่อยๆ

frequently ฟรี๊เคว็นลิ บ่อยๆ

sometimes ซั๊มไทมส  บางครั้ง

occasionally อะเค๊เชินนัลลิ บางครั้ง

seldom เซ็๊ลดัม ไม่ค่อยจะ

rarely แร๊ลิ ไม่ค่อยจะ

hardly  (ever) ฮ๊าดลิ แทบจะไม่ (เคย)

never เน็๊ฝเฝอะ ไม่เคย

every day เอ็ฝริเด ทุกวัน

every+ Sunday/ Monday….. เอ็ฝริ ซันเด / มันเด…   ทุกวันอาทิตย์/ จันทร์….

every + / week/ month/ year…. เอ็ฝริ วีค / มันธ/ เยีย … ทุกสัปดาห์ / เดือน/ ปี

ตัวอย่างประโยค

♦ S + V1 (ประธานเอกพจน์ กริยาเติม s,es)
  • I always go  to bed at 10 o’clock. โดยปกติ ผม เข้านอน เวลา 4 ทุ่ม
  • I always get up at 6 o’clock. ผม ตื่นนอน เวลา 6 โมง เสมอ
  • You usually buy fruit at 7-11. โดยปกติ คุณ ซื้อ ผลไม้ ที่ 7-11
  • He often comes to my house. เขา มา บ้าน ของฉัน บ่อยๆ
  • She sometimes does homework at school. บ้างครั้ง หล่อน ทำ การบ้าน ที่ โรงเรียน
  • It seldom rains in the morning. ฝน ไม่ค่อยจะ ตก ใน ตอนเช้า
  • We hardly ever drink coffee in the evening. เรา แทบจะไม่ เคย ดื่ม กาแฟ ใน ตอนเย็น
  • They never drive to work. พวกเขา ไม่เคย ขับรถ ไป ทำงาน
  • Somchai plays football everyday. สมชาย เล่น ฟุตบอล ทุกวัน
  • We watch a movie every Monday. เรา ดู หนัง ทุก วันจันทร์
  • She goes to England every year. หล่อน ไป ประเทศอังกฤษ ทุก ปี

ตัวอย่างประโยค

♦ S + กริยาช่วย + V1
ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องที่ 1 (ไม่ต้องเติม s ทุกกรณี)
กริยาช่วยที่ใช้บ่อยคือ can, should, must

ถ้ามีกริยาช่วยนำหน้าแล้ว กริยาไม่ต้องเติม s หรือ es ทุกกรณี

  • I can run very fast. ผม สามารถ วิ่งได้เร็ว
  • She can swim very fast. หล่อนสามารถว่ายน้ำได้เร็ว
  • You should go now. คุณ ควรจะ ไป เดี๋ยวนี้
  • He should go now. เขา ควรจะ ไป เดี๋ยวนี้
  • We must eat to live. เรา ต้อง กิน เพื่อ อยู่
  • She must drink milk every morning. หล่อน ต้อง ดื่ม นม ทุกเช้า

  กริยาช่วย 24 ตัวมีอะไรบ้าง ⇒ กริยาช่วย 24 ตัว ⇐

◊ Time Line เส้นเวลา

หลังจากที่ได้อ่านหลักการใช้แล้ว ทีนี้มาดูไทม์ไลน์กันว่าจะเป็นจริงอย่างที่บอกไว้หรือไหม่ ทีบอกว่า tense นี้ใช้บอกข้อเท็จจริงทั่วไป

  • สีดำคือ อดีตที่หมองหม่น
  • สีส้มคือปัจจุบันที่สดใส
  • สีชมพู คือ อนาคตที่เรืองรองผ่องอำไพ
  • ลูกศรสีขาวไซร้คือเหตุการณ์

ให้สังเกตุที่ลูกศรนะครับ มันคือเหตุการณ์ จะเห็นว่ามันมีอยู่ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต นั่นหมายความว่าข้อความที่เราพูดหรือเขียนมันเป็นจริงอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ได้ ตามที่ลูกศรชี้บอก เช่น

His name is Somchai. ชื่อ ของเขา คือ สมชาย (สองปีก่อนก็ใช่ เมื่อวานก็ใช่ วันนี้ก็ใช่ ในอนาคตก็น่าจะใช่ ถ้าไม่เปลี่ยนชือเสียก่อน)

He comes from Thailand. เขา มา จาก ประเทศไทย (ก็เขาเป็นคนไทย ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตด้วย ก็มันเป็นความจริงอย่างนั้น)

He is a doctor. เขา เป็น หมอ (สิบปีก่อนก็เห็นเป็นหมอ ตอนนีก็เป็น อนาคตก็คงไม่พ้นอาชีพหมอ)

ถ้านักเรียนต้องการสื่อเรื่องราวอะไรสักอย่าง ที่มันเป็นข้อเท็จจริงอย่างนี้ ก็อย่าลืมว่าต้องใช้

ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (หากประธานเป็นเอกพจน์กริยาเติม s) นี่คือหลักภาษาที่ต้องจดจำ

♦ สรุปประเด็นที่ต้องจดจำให้ได้

1. Present Simple Tense ใช้เพื่อกล่าวถึงข้อเท็จจริงทั่วไป และการกระทำที่เป็นกิจวัตร
2. โครงสร้าง คือ S+V1 (s,es)
– ประธาน + กริยาช่องที่ 1 ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s (เรียนรู้การเติม s ได้จากหัวข้อ “การเติม s ที่ท้ายกริยา present simple tense”)
– ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี)

 หลักการเติม s, es ที่ท้ายกริยา

♦ Tense นี้ พบเจอได้ที่ไหน

√  บทสนทนาทั่วไป ที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่างๆ
√  ในหนังสือเรียน สารานุกรม สารคดี และอื่นๆที่นำเสนอข้อเท็จจริง

“ถ้าคิดว่าเข้าใจแล้ว ลองไปอ่านสรุปหลักการใช้ดูนะครับ”

  ⇒ สรุปหลักการใช้ Tense 12

กริยา 3 ช่องที่ใช้ในหน้านี้

ช่อง 1

ช่อง 2

ช่อง 3

คำแปล

buy
bought
bought
ซื้อ

come
came
come
มา

do
did
done
ทำ

drive
drove
driven
ขับรถ

eat
ate
eaten
กิน

go
went
gone
ไป

get
got
got
ได้รับ

have, has
had
had
มี

is, am ,are
was, were
been
เป็น อยู่ คือ

play
played
played
เล่น

rain
rained
rained
ฝนตก

watch
watched
watched
ดู

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.7 / 5. Vote count: 893

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

[NEW] Grammar: หลักการใช้ Present Simple Tense : เรื่องจริงในชีวิตประจำวัน | ความ หมาย present simple tense – NATAVIGUIDES

การศึกษาเรื่องโครงสร้างประโยคของ Tense ต่าง ๆ ทำให้สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่กำลังกล่าวถึงอยู่นั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด ซึ่งช่วยป้องกันการสื่อสารที่ผิดพลาด วันนี้เราจะเริ่มเรียน Tense พื้นฐานอย่าง Present Simple Tense กันก่อน ไปลุยกันเลย!

ลักษณะการใช้ Present Simple Tense

Present แปลว่า ปัจจุบัน ดังนั้น Present Simple Tense จึงเป็นประโยคที่มีโครงสร้างแบบง่าย ๆ เพื่อใช้พูดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบันนั่นเอง โดยมีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้

1. ใช้เพื่อพูดถึงความเป็นจริงในชีวิตประจำวัน หรือความเป็นจริงตามธรรมชาติ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะเป็นอดีตหรืออนาคตก็ตาม เช่น

    When the earth moves around itself, it makes Day and Night.
    (เมื่อโลกหมุนรอบตัวเอง มันทำให้เกิดกลางวันกลางคืน)

    Durian is the king of fruit.
    (ทุเรียนเป็นราชาผลไม้)

2. ใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ นิสัย หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เป็นประจำทุกวัน เช่น

    I walk to school every day.
    (ฉันเดินไปโรงเรียนทุกวัน)

    Nuda always help other people so everyone loves her.
    (นุดาช่วยเหลือคนอื่นเป็นประจำ ดังนั้นทุกคนจึงรักหล่อน)

3. ใช้เพื่อให้คำแนะนำหรือการบอกทิศทาง เช่น

    Turn off the television before going to bed.
    (ปิดโทรทัศน์ก่อนเข้านอน)

    You go straight for 300 meters, then the destination is on your left.
    (คุณเดินตรงไป 300 เมตรและจุดหมายปลายทางจะอยู่ทางซ้ายมือของคุณ)

รูปประโยคของ Present Simple Tense

ดังที่ได้กล่าวข้างต้นว่า Present Simple Tense คือประโยคที่บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เช่น ฉันว่ายน้ำทุก ๆ วัน โดยรูปประโยคของ Present Simple Tense มีรูปแบบดังต่อไปนี้

1. ประโยคบอกเล่า

โครงสร้างของประโยคบอกเล่า :  Subject + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา)
ทั้งนี้คำกริยาช่องที่ 1 นั้นจะมีการเติม s หรือ es ถ้าหากประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It) แต่ถ้าประธานเป็น I, You หรือประธานพหูพจน์ (You (หลายคน), We, They) ให้คงรูปคำกริยานั้น ๆ ไว้เช่นเดิม เช่น

I go to university by bus every morning.
(ฉันไปมหาวิทยาลัยโดยรถโดยสารประจำทางทุกเช้า)
**ประโยคนี้ประธานคือ I แม้จะเป็นเอกพจน์แต่เป็นข้อยกเว้น ดังกริยา go จึงไม่ต้องเติม s หรือ es

He plays guitar very well.
(เขาเล่นกีตาร์เก่งมาก)
**ประโยคนี้ประธานคือ He เป็นเอกพจน์ กริยาคือ play จึงต้องเติม s

They enjoy playing the football.
(พวกเขาสนุกกับการเล่นฟุตบอล)
**ประโยคนี้ประธานคือ They เป็นพหูพจน์ กริยาคือ enjoy จึงไม่ต้องเติม s หรือ es

ความรู้เพิ่มเติม : หลักการเติม s,es นั้นง่ายนิดเดียว คือ คำกริยาที่ลงท้ายด้วย ch, o, s, ss, sh, x ให้เติม es เมื่อประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It) เช่น

She washes her car.
ประธานของประโยคคือ She ซึ่งเป็นเอกพจน์ คำกริยาคือ wash ที่ลงท้ายด้วย sh จึงต้องเติม es ต่อท้าย

ส่วนคำกริยาอื่น ๆ ที่ไม่ได้ลงท้ายด้วยพยัญชนะทั้ง 6 ตัวนั้น ให้เติม s หลังคำกริยาในประโยคที่มีประธานเป็นเอกพจน์ได้เลย เช่น

My mom cooks some food for me.
ประธานของประโยคคือ My mom ซึ่งเป็นเอกพจน์ เราใช้ She แทน My mom ได้ คำกริยาคือ cook ที่ไม่ได้ลงท้ายด้วยพยัญชนะตามกฎ จึงเติม s ได้ทันที

และถ้าหากคำกริยานั้นลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es ท้ายคำกริยานั้น เช่น study – studies, fly – flies, carry – carries เป็นต้น แต่มีข้อยกเว้นคือ ถ้าหากหน้า y เป็นสระ (A, E, I, O, U) ให้เติม s ได้ทันที เช่น play – plays, buy – buys, stay – stays

2. ประโยคคำถาม

โครงสร้างของประโยคคำถามใน Present Simple Tense มีสองรูปแบบคือ

แบบที่ 1 : Verb to be + Subject + Object/ส่วนขยาย + (คำบอกเวลา) ?
ใช้เมื่อในประโยคนั้นมี V. to be (Is, Am, Are) ปรากฎอยู่ เช่น

She is my sister.   —>   Is she your sister ? (หล่อนเป็นน้องสาวคุณหรือเปล่า?)
เมื่อเห็น V. to be ในประโยคให้นำ V. to be ขึ้นต้นประโยคนำหน้าประธานได้เลย เพียงเท่านี้ก็จะกลายเป็นประโยคคำถาม (และอย่าลืมเปลี่ยนคำสรรพนามด้วยนะคะ จาก my เป็น your)

แบบที่ 2 : Verb to do + Subject + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา)?
ใช้เมื่อประโยคนั้นไม่มี V. to be จึงต้องนำ V. to do ได้แก่ do กับ does เข้ามาช่วย โดยขึ้นต้นประโยคนำหน้าประธาน ซึ่งมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันคือ Do ใช้นำหน้า I, You และประธานที่เป็นพหูพจน์ (You, We, They) ส่วน Does ใช้นำหน้าประธานที่เป็นเอกพจน์ (He, She, It) และคำกริยาคงรูปช่องที่ 1 เหมือนเดิมโดยไม่ต้องเติม s, es เช่น

They play football every evening.   —>   Do they play football every evening? (พวกเขาเล่นฟุตบอลทุกเย็นหรือเปล่า?)
ประโยคนี้ไม่มี V. to be อยู่ในประโยค จึงนำ V. to do มาใช้ขึ้นต้นประโยคนำหน้า they ซึ่งเป็นประธานพหูพจน์

That cat eats fish.   —>   Does that cat eat fish ? (แมวตัวนั้นกินปลาหรือเปล่า?)
ประโยคนี้ไม่มี V. to be อยู่ในประโยค จึงนำ V. to do นั่นก็คือ does มาใช้ขึ้นต้นประโยคนำหน้า that cat หรือก็คือ it ซึ่งเป็นประธานเอกพจน์ โดยคำกริยาคือ eat มีการตัด s ออกในประโยคคำถาม

3. ประโยคปฏิเสธ

รูปแบบประโยคปฏิเสธใน Present Simple Tense มีสองรูปแบบคล้ายกับรูปแบบประโยคคำถามคือ

แบบที่ 1 : Subject + Verb to be + not + Object/ส่วนขยาย + (คำบอกเวลา)
ใช้เมื่อในประโยคนั้นมี V. to be (Is, Am, Are) ปรากฎอยู่ เช่น

I am your servant.   —>   I am not your servant. (ฉันไม่ได้เป็นคนรับใช้ของคุณ)
เมื่อเห็น V. to be ในประโยคให้เติม not ไว้หลัง V. to be ได้ทันที เพียงเท่านี้ก็จะกลายเป็นประโยคปฏิเสธ

แบบที่ 2 : Subject + Verb to do + not + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา)
แบบที่สองใช้เมื่อประโยคนั้นไม่มี V. to be จึงต้องนำ V. to do ได้แก่ do กับ does เข้ามาช่วยแล้วตามหลังด้วย not เพื่อบอกความปฏิเสธ ส่วนคำกริยาให้คงรูปช่องที่ 1 เหมือนเดิมโดยไม่ต้องเติม s,es เช่น

He watches television at home.   —>   He does not watch television at home. (เขาไม่ได้ดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน)
ประโยคนี้ไม่มี V. to be อยู่ในประโยค จึงนำ V. to do นั่นก็คือ does มาเป็นกริยาช่วยและตามด้วย not เพื่อบอกรูปปฏิเสธ ส่วนคำกริยาเมื่ออยู่ในรูปปฏิเสธแล้วให้ตัด s,es ทิ้งคงเหลือคำกริยาช่องที่ 1 รูปเดิม

คำบอกเวลาใน Present Simple Tense

ในประโยค Present Simple Tense มักจะมีคำบอกเวลาซึ่งเป็น Adverbs of Frequency ปรากฎอยู่ในประโยคเพื่อบอกความถี่ของเหตุการณ์หรือการกระทำนั้น ๆ ได้แก่
 

Adverbs of Frequency

คำบอกเวลา

Always

สม่ำเสมอ, เป็นประจำ

Frequently

บ่อย ๆ

Often

บ่อย ๆ

Usually

โดยปกติ

Hardly

แทบจะไม่เคย

Never

ไม่เคย

Rarely

แทบจะไม่เคย

Seldom

นาน ๆ ครั้ง

Sometimes

บางครั้ง

 

และนอกจากตัวอย่างคำบอกเวลาที่พบบ่อยใน Present Simple Tense แล้ว ยังอาจพบคำว่า every + … เช่น every month, every morning, every Saturday เพื่อบอกความถี่ของเหตุการณ์หรือการกระทำก็ได้ เช่น

My teacher always drinks coffee in the morning.
(ครูของฉันดื่มกาแฟในตอนเช้าเป็นประจำ)

Nadech usually gets up at 7 o’clock.
(โดยปกติณเดชตื่นนอนตอนเจ็ดโมง)

Narong hardly reads books so he doesn’t pass the exam.
(ณรงค์แทบจะไม่เคยอ่านหนังสือ ดังนั้นเขาจึงสอบตก)

It seldom rains in this part of the country.
(ฝนตกนาน ๆ ครั้งในพื้นที่นี้ของประเทศ)

I feel like she’s selfish sometimes.
(ฉันรู้สึกว่าหล่อนเห็นแก่ตัวในบางครั้ง)

Kimmy hangs out with her friends every Saturday night.
(คิมมี่ออกไปเที่ยวกับเพื่อนของเธอทุกคืนวันเสาร์)

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับสรุปหลักการใช้ Present Simple Tense แบบง่าย ๆ ที่นำมาฝากกัน อย่าลืมลองนำหลักการและทริคต่าง ๆ ที่นำมาฝากไปใช้กันดูนะคะ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสื่อสารได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ และสามารถนำไปใช้เป็นจุดสังเกตเมื่อต้องเจอข้อสอบหรือแบบฝึกหัดได้อีกด้วย Please often review this lesson everyday กันนะคะ ^^

 

 

 


วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.3 เรื่อง การใช้ Present simple


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.3 เรื่อง การใช้ Present simple

สอนไวยากรณ์ Present Simple Tense


ติดตาม Facebook Fanpage ครูเชอรี่ English Bright
https://www.facebook.com/cherry.englishbright

สอนไวยากรณ์ Present Simple Tense

สรุปหลักการใช้ present simple tense เข้าใจง่าย


presentsimple grammar ไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ

สรุปหลักการใช้ present simple tense เข้าใจง่าย

หลักการใช้ present simple tense ฉบับเข้าใจง่ายสุดๆ | Tina Academy S2 Ep.5


♡ดูตัวอย่างหนังสือของติน่า https://www.tinaacademy.com/books
♡ติดต่อซื้อหนังสือ @tinavocab (มี @ ด้วย)
♡ Subscribe จะได้ไม่พลาดคลิปทุกๆสัปดาห์
https://www.youtube.com/tinathanchannel/
♡ Instagram: https://www.instagram.com/tinathanchannel
♡ Facebook: https://www.facebook.com/tinathanchannel
♡ Line ID: @linetina https://line.me/R/ti/p/%40hxr4999x

หลักการใช้ present simple tense ฉบับเข้าใจง่ายสุดๆ | Tina Academy S2 Ep.5

Present Simple Tense [ ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถาม]


Present Simple Tense [ ประโยคบอกเล่า ปฏิเสธ และคำถาม]

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ความ หมาย present simple tense

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *