Skip to content
Home » [NEW] หลักการใช้ adverb of frequency พร้อมตัวอย่างประโยค | การแต่งประโยค – NATAVIGUIDES

[NEW] หลักการใช้ adverb of frequency พร้อมตัวอย่างประโยค | การแต่งประโยค – NATAVIGUIDES

การแต่งประโยค: คุณกำลังดูกระทู้

ในภาษาอังกฤษ เวลาเราต้องการบอกว่าเราทำอะไรบ่อยขนาดไหน เราก็จะใช้คำอย่างเช่น always, usually, often, sometimes ซึ่งคำเหล่านี้จะถูกเรียกรวมๆว่า adverb of frequency

สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง adverb of frequency ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Table of Contents

Adverb of frequency คืออะไร

Adverb of frequency คือคำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ่อยมากน้อยเพียงใด ยกตัวอย่างเช่นคำว่า always, usually, often, sometimes, never

(คำว่า adverb แปลว่า “คำกริยาวิเศษณ์” ส่วนคำว่า frequency แปลว่า “ความถี่” เมื่อใช้รวมกัน คำว่า adverb of frequency จึงแปลว่า “คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกความถี่” นั่นเอง )

ทบทวนความรู้
Adverb (คำกริยาวิเศษณ์) คือคำที่ใช้ขยาย verb, adjective, adverb หรือประโยค ซึ่งมักจะเป็นคำที่ลงท้ายด้วย -ly อย่างเช่น quickly, slowly, happily, sadly แต่ก็มี adverb บางคำที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย -ly เช่นกัน อย่างเช่นคำว่า always, never, very, fast

Adverb of frequency มีคำว่าอะไรบ้าง

Adverb of frequency จะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกก็คือกลุ่มที่ไม่ชี้ชัด (adverb of indefinite frequency) ซึ่งก็คือกลุ่มคำที่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าถี่ขนาดไหน แต่จะบอกความถี่แค่คร่าวๆเท่านั้น

ตัวอย่าง adverb of frequency ที่ใช้บ่อยในกลุ่มนี้เรียงตามความถี่จากมากไปน้อยก็อย่างเช่น

ความถี่Adverb of frequencyความหมายตัวอย่างประโยคบ่อยมาก (100%)Alwaysเป็นประจำ, เสมอI always wake up at 6 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอนหกโมงเป็นประจำUsuallyมักจะTim usually goes to school by bus.
ทิมมักจะไปโรงเรียนด้วยรถประจำทางNormally
GenerallyโดยปกติWe normally/generally have lunch at the canteen.
โดยปกติแล้ว พวกเราจะกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารOften
Frequentlyบ่อยครั้งAnne often/frequently does yoga.
แอนเล่นโยคะบ่อยSometimesบางครั้งI sometimes go swimming with my friends.
บางครั้งฉันก็ไปว่ายน้ำกับเพื่อนๆOccasionallyเป็นครั้งคราวMy aunt occasionally comes to visit us.
ป้าของฉันมาเยี่ยมพวกฉันบ้างเป็นครั้งคราวSeldomไม่ค่อยHe seldom goes to the gym.
เขาไม่ค่อยไปฟิตเนสRarely
Hardly everนานๆครั้งI rarely/hardly ever eat spicy food.
นานๆครั้งฉันถึงจะกินอาหารเผ็ดไม่เคยเลย (0%)Neverไม่เคยShe never wears high heels.
เธอไม่เคยใส่รองเท้าส้นสูง

นอกจากในตารางแล้ว ยังมี adverb of frequency อีกกลุ่มหนึ่ง นั่นก็คือกลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด (adverb of definite frequency) โดยจะเป็นตัวที่ระบุชัดเจนเลยว่าถี่ขนาดไหน อย่างเช่น

  • Hourly – ทุกชั่วโมง
  • Every day – ทุกวัน
  • Daily – ทุกวัน
  • Every week – ทุกสัปดาห์
  • Weekly – ทุกสัปดาห์
  • Every month – ทุกเดือน
  • Monthly – ทุกเดือน
  • Every year – ทุกปี
  • Yearly – ทุกปี
  • Annually – ทุกปี
  • Once a day – วันละครั้ง
  • Twice a week – สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
  • Three times a month – เดือนละ 3 ครั้ง

ทั้งนี้ adverb of frequency ในกลุ่มนี้หลายๆคำสามารถทำหน้าที่เป็น adjective (คำที่ใช้ขยายคำนาม) ได้ด้วย อย่างเช่นในคำว่า weekly meeting ตัว weekly นี้ทำหน้าที่เป็น adjective ขยายคำว่า meeting ซึ่งจะแปลว่า “การประชุมประจำสัปดาห์”

หลักการใช้ adverb of frequency

การใช้ adverb of frequency นอกจากเราจะต้องดูความหมายของคำแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงตำแหน่งในประโยคด้วย

ตำแหน่งในประโยค

เราจะแบ่งตำแหน่งการใช้ adverb of frequency ในประโยคได้หลักๆ 3 แบบ คือกลางประโยค ต้นประโยค และท้ายประโยค

กลางประโยค

ตำแหน่งกลางประโยคเป็นเหมือนตำแหน่งมาตรฐานของ adverb of frequency นั่นก็คือทุกตัวจะสามารถใช้ตำแหน่งนี้ได้หมด (ยกเว้นกลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด เช่น every day, daily, weekly) โดยจะแบ่งได้เป็น 3 กรณี

1. กรณีที่มีแค่ verb หลัก

ถ้าประโยคมีแค่ verb หลัก โดยที่ verb หลักนั้นไม่ใช่ verb to be (เช่น is, am, are, was, were) เราสามารถใช้ adverb of frequency ไว้หน้า verb หลักได้เลย

I always drink coffee in the morning.
ฉันดื่มกาแฟตอนเช้าเป็นประจำ
(drink เป็น verb หลัก เราสามารถใช้ always หน้า drink ได้เลย)

We rarely see each other now.
เดี๋ยวนี้พวกเรานานๆจะได้เจอกันที
(see เป็น verb หลัก เราสามารถใช้ rarely หน้า see ได้เลย)

2. กรณีที่มี verb หลักเป็น verb to be

ถ้าประโยคมี verb หลักเป็น verb to be (เช่น is, am, are, was, were) โดยทั่วไปแล้ว เราจะใช้ adverb of frequency ไว้หลัง verb to be

I am usually busy with work.
ฉันมักจะยุ่งอยู่กับงาน

He isn’t often late.
เขาไม่ได้สายบ่อยๆ

แต่เราอาจใช้ adverb of frequency ไว้หน้า verb to be เมื่อเราต้องการยืนยันในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด หรือเมื่อเราต้องการเน้น verb to be นั้น

Jack: Is he usually late?
แจ็ค: เขามักจะมาสายใช่มั้ย
Anne: Yes, he usually is.
แอน: ใช่ เขามักจะมาสาย

She was not as cheerful as she normally is.
เธอไม่ร่าเริงเหมือนปกติที่เธอเป็น

3. กรณีที่มี verb ช่วย

ถ้าประโยคมี verb ช่วย (เช่น can, could, may, might, will, would, verb to be ใน continuous tense, verb to have ใน perfect tense) เราจะใช้ adverb of frequency ไว้ระหว่าง verb ช่วยและ verb หลัก (verb ช่วย + adverb of frequency + verb หลัก)

People can sometimes make mistakes.
คนเราบางทีก็สามารถทำอะไรผิดพลาดได้

He has never been to Russia.
เขาไม่เคยไปประเทศรัสเซีย

ต้นประโยค

เราสามารถใช้ adverb of frequency บางคำขึ้นต้นประโยคได้ เช่น usually, normally, often, frequently, sometimes, occasionally

Frequently, social media is used to socialize.
บ่อยครั้ง สื่อโซเชียลก็ถูกใช้ในการเข้าสังคม

Sometimes I miss her.
บางครั้งฉันก็คิดถึงเธอ

แต่ถ้าเป็นคำบางคำอย่าง seldom, rarely, hardly ever, never ถ้าจะใช้ขึ้นต้นประโยค เราจะต้องกลับประธานและ verb (รูป inversion) ซึ่งจะถือเป็นภาษาที่เป็นทางการ ไม่ใช่ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป

Hardly ever did he study hard.
เขาแทบจะไม่เคยตั้งใจเรียนเลย

Never have I felt so sad.
ไม่เคยเลยที่ฉันจะรู้สึกเศร้ามากๆ

สำหรับ adverb of frequency กลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด เช่น every day, annually, twice a month เราก็สามารถใช้ขึ้นต้นประโยคได้เช่นกัน

Every day I walk my dog in the park.
ทุกๆวันฉันจะพาสุนัขไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ
(แม้จะใช้ขึ้นต้นประโยคได้ แต่เรานิยมใช้ every day ไว้ท้ายประโยคมากกว่า)

Once a month, we eat out together at our favorite restaurant.
เดือนละครั้ง พวกเราจะออกไปกินข้าวนอกบ้านที่ร้านโปรด

ทั้งนี้ เมื่อ adverb ทำหน้าที่ขยายทั้งประโยคที่ตามหลัง เราจะนิยมใช้คอมม่า (,) คั่นหลัง adverb แต่ถ้ามันขยายแค่ verb หรือคำบางคำ เราจะเลือกที่จะใช้คอมม่าหรือไม่ก็ได้ (ส่วนมาก adverb of frequency มักจะขยายแค่ verb มากกว่าขยายทั้งประโยค)

ท้ายประโยค

เราสามารถใช้ adverb of frequency บางคำไว้ท้ายประโยคก็ได้เช่นกัน เช่น usually, normally, often, frequently, sometimes, occasionally

I don’t watch movies often.
ฉันไม่ได้ดูหนังบ่อย

We can hang out sometimes.
พวกเราไปเที่ยวด้วยกันบ้างบางครั้งก็ได้นะ

สำหรับ adverb of frequency กลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด เช่น every day, annually, twice a month เราก็สามารถใช้ท้ายประโยคได้เช่นกัน

I exercise every day.
ฉันออกกำลังกายทุกวัน

My son comes to visit me every year.
ลูกชายฉันมาเยี่ยมฉันทุกปี

รูปปฏิเสธ

Adverb of frequency บางคำจะมีความหมายเชิงปฏิเสธอยู่แล้ว เช่นคำว่า seldom, rarely, hardly ever, never การใช้คำเหล่านี้ในประโยค เราจะไม่ใช้คำปฏิเสธอื่นๆเข้ามาให้มันทับซ้อนกันอีก

เราจะใช้ I rarely eat spicy food. (ฉันไม่ค่อยได้กินอาหารเผ็ด)
แต่จะไม่ใช้ I doesn’t rarely eat spicy food.

เราจะใช้ I have never been to Japan. (ฉันไม่เคยไปประเทศญี่ปุ่น)
แต่จะไม่ใช้ I haven’t never been to Japan.

การใช้ tense

หลายคนมักจะสับสนว่าเราต้องใช้ tense อะไรเวลามี adverb of frequency ในประโยค

ปกติแล้ว adverb ไม่ได้เป็นตัวกำหนด tense ให้กับประโยค แต่สิ่งที่เป็นตัวกำหนด tense จะเป็นใจความของประโยคนั้นๆ ดังนั้น การใช้ adverb of frequency เราจึงสามารถใช้กับ tense อะไรก็ได้ ขอแค่ให้มีความหมายเหมาะสมก็พอ

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น

ถ้าพูดถึงข้อเท็จจริง หรือสิ่งที่เป็นกิจวัตรทั่วไป เราจะใช้ present simple tense

I always wake up at 5 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอนตีห้าเป็นประจำ

ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว เราจะใช้ past simple tense

I always woke up at 5 o’clock when I was a student.
ฉันตื่นนอนตอนตีห้าเป็นประจำเมื่อตอนที่ฉันยังเป็นนักเรียน
(สมัยนู้นฉันตื่นตีห้าเป็นประจำ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว)

ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งส่งผลมาถึงปัจจุบัน เราจะใช้ present perfect tense

I have always loved you since the first day we met.
ฉันรักคุณเสมอมาตั้งแต่ตอนที่พวกเราเจอกันครั้งแรก
(เริ่มรักตอนนั้น และปัจจุบันก็ยังรักอยู่)

ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต เราจะใช้ future simple tense

I will always love you no matter what happens.
ฉันจะรักคุณเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

จบแล้วนะครับกับหลักการใช้ adverb of frequency ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time

[NEW] การใช้ love, like, enjoy, hate ในการเเต่งประโยค | การแต่งประโยค – NATAVIGUIDES

สวัสดีค่ะนักเรียนชั้นป.6 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปเรียนรู้เรื่อง การใช้  love, like, enjoy, hate ในการเเต่งประโยค หากพร้อมแล้วก็ไปลุยกันโลดเด้อ Let’s go!

 

โครงสร้าง: In my free time/ In my spare time,…

 

 

In my free time/ spare time, + Subject + like/love/enjoy/hate/dislike + V. ing Or Activity

ตัวอย่างประโยคด้านล่างเด้อ

 

In my free time, I like jogging in the park nearby.

แปล: ในเวลาว่าง ฉันชอบวิ่งที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน

In my spare time, I like reading a novel.

 

***หรือ สามารถวาง In my free time/In my spare time
ไว้ด้านหลังประโยคก็ได้จร้า เช่น

I hate listening to any gossips in my free time.
ฉันเกลียดการฟังเรื่องซุบซิบในเวลาว่าง

I dislike meeting with many people in my spare time.
ฉันไม่ชอบพบปะผู้คนมากมายในช่วงที่ฉันว่าง

Present Simple Tense ที่ใช้แนะนำตัวเอง

 

 

Present แปลว่า ปัจจุบัน ดังนั้น Present Simple Tense จึงเป็นประโยคที่มี โครงสร้างแบบง่าย ๆ ธรรมดา ที่พูดถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน (Present) นั่นเองค่า โดยมีลักษณะต่าง ๆ ดังนี้

 

 ใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ ลักษณะนิสัย (Habits) เช่น

Jessy likes walking to school everyday.

แปล เจสซี่ชอบการเดินไปโรงเรียนทุกวัน

 

รูปประโยคของ Present Simple Tense

 

 

  1. ประโยคบอกเล่า

โครงสร้างของประโยคบอกเล่า :  Subject + Verb.1 + Object + (คำบอกเวลา)

ทั้งนี้คำกริยาช่องที่ 1 นั้นจะมีการเติม s หรือ es ถ้าหากประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It) แต่ถ้าประธานเป็น I, You หรือประธานพหูพจน์ (You (หลายคน), We, They) ให้คงรูปคำกริยานั้น ๆ ไว้เช่นเดิม เช่น

 

They enjoy playing online games.

แปล พวกเขาสนุกกับการเล่นเกมออนไลน์

**ประโยคนี้ประธานคือ They เป็นพหูพจน์ กริยาคือ enjoy จึงไม่ต้องเติม -s หรือ -es ที่ท้ายกริยา

 

ข้อสังเกต : หลักการเติม s,es นั้นง่ายนิดเดียว คือ คำกริยาที่ลงท้ายด้วย sh, ch, o, s, ss, x, z ให้เติม es
เมื่อประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (He, She, It, Tony) เช่น

 

Tony washes his motorbike every day.
โทนี่ล้างรถมอเตอร์ไซค์ของเขาทุกวัน

จะเห็นว่า ประธานของประโยคคือ Tony ซึ่งเป็นเอกพจน์ คำกริยาคือ wash ที่ลงท้ายด้วย sh จึงต้องเติม es ต่อท้าย

 

  1. ประโยคคำถาม

โครงสร้างของประโยคคำถามใน Present Simple Tense มีสองรูปแบบคือ

 

  • แบบที่ 1 : Verb to be + Subject + Object/Complement + (คำบอกเวลา) ?  เช่น

 

ประโยคบอกเล่า: She is my best friend.
ประโยคคำถาม: Is she your best friend?
แปล หล่อนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอเหรอ

  • แบบที่2: การใช้ Wh-question กับ do/does เช่น
    What do you like? หรือ What do you dislike? คุณชอบ หรือ ไม่ชอบอะไร

    What does he/she like ? จะแปลว่า เขา หรือ เธอชอบอะไร 

    นักเรียนสามารถแต่งประโยคตามโครงสร้างง่ายๆได้ดังนี้ค่ะ Subject + like or dislike + V.ing. จะแปลว่า ฉัน หรือ ผม ชอบ หรือ ไม่ชอบ การ… อาจจะมีคนสงสัยว่า “V.ing” นี้หมายถึงอะไร ขอตอบเลยละกันว่า มันก็คือ Gerund นั่นเองค่ะ

    เช่น

    Jane likes buying a  jean.
    เจนชอบซื้อกางเกงยีนส์

 

โครงสร้างประโยคที่น่าสนใจนี้ได้แก่

 

หากจะบอกว่า ฉันรัก/ชอบอะไรสักอย่าง ให้ลองใช้โครงสร้างง่ายๆ ด้านล่างดูนะคะ

 

โครงสร้าง: I love/like/joy / prefer+ V.ing…

 

ตัวอย่าง

I love making cakes.
แปล: ฉันรักในการทำขนมเค้ก

 

I like playing a guitar  in my free time.
แปล: ฉันชอบเล่นกีตาร์ยามว่าง
(เราสามารถวาง in my free time ไว้หลังประโยคก็ได้ค่ะ แต่ต้องใส่ คอมม่า (,) หลัง In my free time เช่น In my free time, I like playing a guitar.)

 

I enjoy feeding a cow.
แปล: ฉันชอบให้อาหารวัว

 

 We prefer hiking to jogging.
แปล: พวกเราชอบไต่เขามากกว่าวิ่งจ้อกกิ้ง

 

 การใช้ Prefer + V.ing + to + V.ing

Prefer เป็นคำกริยา มีความหมายว่า “ชอบมากกว่า”
โดยจะใช้ในการเปรียบเทียบสิ่งสองสิ่ง

 

คำกริยารูป –ing

ถ้าเราจะใช้คำกริยากับ prefer เราจะต้องใช้คำกริยารูป -ing (คำกริยารูป -ing สามารถทำหน้าที่เป็นคำนาม เราเรียกมันว่า gerund จร้า

เช่น

I prefer jogging to swimming.
แปล ฉันชอบการวิ่งมากกว่าการว่ายน้ำ 

 

ทบทวน Gerund กันสักนิด

 

 

คำแปลของ Gerund เมื่อต้องแปลอังกฤษเป็นไทยในประโยค

หน้าที่ของ Gerund คือคำนาม เพราะฉะนั้นจะมีคำขึ้นต้นว่า การ…กริยา
เช่น walking จะแปลว่า การเดิน, swimming คือ การว่ายน้ำ, sleeping แปลว่า การนอน

I enjoy cooking.

แปล ฉันชื่นชอบการทำอาหาร

หรือสามารถแต่งประโยคใหม่ว่า Cooking is what I like to do. ซึ่งแปลว่า การทำอาหารเป็นสิ่งที่ฉัน หรือ ผมชื่นชอบ
ก่อนอื่น หากจะดูโครงสร้างประโยคให้ได้ จะต้องไปทบทวน Gerund กันสักนิดนะคะ

 

Gerund หรือ ing-form มีหลักการใช้  มีดังนี้

  1. Gerund ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค


Playing a football is a good sport.
= การเล่นฟุตบอลเป็นกีฬาที่ดี

 

  1. Gerund ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค


    Tony likes playing football with his friends.
    = โทนี่ชอบเล่นฟุตบอลกับเพื่อนของเขา

  2. Gerund ทำหน้าที่เป็นกรรมของบุพบท

A new chef is excited about moving to Australia next month.

= เซฟคนใหม่ตื่นเต้นกับการย้ายไปทำงานที่ออสเตรเลียอาทิตย์หน้า

 

 

 Gerund ที่ตามหลัง like / dislike เกี่ยวกับงานอดิเรก

 

 

ในปัจจุบันงานอดิเรก (Hobbies) นอกจากจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราสนุกแล้วยังสามารถเพิ่มพูนทักษะใหม่ๆ  ให้เราได้อีกด้วย  หากมีใครก็ตามถามว่า

what do you like to do in your free time?
คุณชอบทำอะไรในเวลาว่าง

 

ตารางคำและวลีที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับงานอดิเรก
(Daily vocabularies and phrases about hobbies)

drawing
การวาดภาพ
editing videos

 

ตัดต่อวีดีโอ
enjoy eating

 

ชอบกิน
hanging out with friends
ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ

 

loving to sing
รักในการร้องเพลง

 

playing a guitar
เล่นกีต้าร์

 

 

hiking
การไต่เขา

 

car racing
การแข่งรถ

 

jogging
วิ่งออกกำลังกาย

 

drifting
ขับรถดริฟท์

 

kayaking
พายเรือคายัค

 

mountain  biking
การปั่นจักรยานเสือภูเขา

 

traveling and exploring new places
การเดินทางท่องเที่ยว และค้นหาสถานที่ใหม่ ๆ

 

making new friends
พบปะเพื่อนใหม่

 

exercising
ออกกำลังกาย

 

painting
ระบายสี
watching YouTube videos
ดูวีดีโอบนยูทูป
working on YouTube channel
ทำช่องยูทูป
reading on a school bus/BTS/MRT
อ่านหนังสือบนรถโรงเรียน บีทีเอส เอ็มอาร์ที
listening to some music
ฟังเพลง
dancing (cover dance)
เต้นโคฟเวอร์แดนซ์

 

ตารางคำศัพท์ชุดที่2: วลีที่ใช้บ่อยที่สุดในปัจจุบัน (Most used phrases)

 

คำศัพท์
คำแปล
biking
ปั่นจักรยาน
selling (something) online
ขายของออนไลน์
streaming video games
สตรีมมิ่งวีดีโอเกมส์
go Kart racing
แข่งโกคาร์ท
hip-hop dancing
เต้นฮิปฮอป
hitchhiking
การโบกรถท่องเที่ยว
horse riding
ขี่ม้า
internet surfing
เล่นอินเทอร์เน็ต
taking a jaunt
การเดินทางระยะสั้น
jogging at the park
วิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ
watching movies with friends
ดูหนังกับเพื่อน
reading animation books
อ่านหนังสือการ์ตูนอานิเมะ
reading books
อ่านหนังสือทั่วไป
Scrolling/observing/using social media
(Facebook/ IG/Twitter, etc.)

เลื่อนขึ้นเลื่อนลง/ส่อง/เล่นโซเซียลมีเดีย เช่น
เฟสบุค ไอจี ทวิตเตอร์ เป็นต้น

working on music
ทำเพลง
writing diary
เขียนไดอารี่

 

เป็นยังไงกันบ้างคะทุกคน หวังว่าจะได้ความรู้และประโยชน์จากบทความนี้นะคะ  สุดท้ายนี้ อย่าลืมกดปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกกันได้ที่วีดีโอด้านล่างเด้อ

กับ วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ป.6 เรื่อง  “การใช้ love, like, enjoy, hate ในการเเต่งประโยค” กันน๊า

Have a wonderful day for all of you!
ขอให้เป็นวันที่สุดยอดสำหรับทุกคนน๊า

See  you next time!
แล้วเจอกันใหม่

0


ประโยค เรื่อง แต่งประโยคจากภาพ ป.๑


นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ประโยค เรื่อง แต่งประโยคจากภาพ ป.๑

ภาษาไทย ป.3 ตอนที่ 9 การแต่งประโยคเพื่อการสื่อสาร – Yes iStyle


สอนวิชาภาษาไทย ระดับชั้น ประถมศึกษา ปีที่ 3 ตอนที่ 9
เนื้อหา การแต่งประโยคเพื่อการสื่อสาร โดยครู อุ้ม ลฏาภา

ภาษาไทย ป.3 ตอนที่ 9  การแต่งประโยคเพื่อการสื่อสาร - Yes iStyle

ประโยคและส่วนประกอบของประโยค – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.5


สื่อการเรียนการสอน วิชา ภาษาไทย ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5
เรื่อง ประโยคและส่วนประกอบของประโยค
สื่อการสอน ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5
ประกอบไปด้วยทั้งหมด 5 กลุ่มสาระวิชา
1. กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิชาภาษาไทย
2. กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิชาภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ)
3. กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์
4. กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
5. กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์
ท่านสามารถติดตาม สื่อการเรียนการสอน
\”ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน\” ได้อีกหลายช่องทาง
webpage : http://www.kruao.com (ครูโอ๋)
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
twitter : https://goo.gl/yHzunt
ฝากติดตามเพจ channel website ด้วยครับเพื่อพบกับ
สื่อการเรียนการสอน ที่เราอัพเดทให้ใหม่ๆ ตลอดฟรีๆ
สื่อการสอนนี้นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เรียนภาษาไทย สื่อการสอนภาษาไทย ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
เรียนภาษาไทยด้วยตนเอง อ่านออกเขียนได้ คำศัพท์ภาษาไทย สอนภาษาไทย สื่อการสอนป5

ประโยคและส่วนประกอบของประโยค - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.5

Ep1 เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน! -ปรับพื้นฐานเรียนภาษาอังกฤษ


EP.1เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน!
เปลี่ยนเรื่องยากๆให้เป็นเรื่องง่าย ใครๆก็เรียนได้จากที่บ้าน ไม่ต้องจ่ายค่าคอร์สเป็นหมื่น
สอนโดยคนที่เคยเกลียดภาษาอังกฤษและคิดว่าภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่เรียนยาก เรียนไม่รู้เรื่อง จึงเข้าใจจุดอ่อนของคนไทยเป็นอย่างดี คอร์สเรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน!
เป็นคอร์สยอดนิยม ที่มีผู้เรียนประสบความสำเร็จจากการเริ่มต้นสนทนาภาษาอังกฤษได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วแบบได้ผลจริง หากคุณจริงจัง ตั้งใจเรียนให้จบทุกๆอีพี และนำมันไปฝึกใช้สนทนาในชีวิตจริง
เนื้อหาในคอร์สนี้จะแบ่งเป็น 5 บทด้วยกัน+ เพิ่มบทพิเศษ Ep.6 ตอนที่ 1 และตอนที่ 2 เพื่อทบทวนความรู้จาก Ep.15 ให้คุณจำได้แม่นยิ่งกว่าเดิม
EP.1 เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน! รู้จักคำกริยา verbs ต่างๆ
link ทางเข้า Ep.1 https://youtu.be/MkhxmOkWa4A
EP.2 เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน! การตั้งคำถาม
link ทางเข้า Ep.2 https://youtu.be/ijjgOOObmDY
EP.3 เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน! การตอบคำถามภาษาอังกฤษ
link ทางเข้า Ep.3 https://youtu.be/WmekyMfrD1I
Ep.4 เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน! ภาษาอังกฤษกับเวลา
link ทางเข้า Ep.4 https://youtu.be/uSU1mUJ8H7I
Ep.5 เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน! พูดอังกฤษให้มีอรรถรส!
link ทางเข้า Ep.5 https://youtu.be/FOa4Jh3DoEI
บทพิเศษ EP.6 เพื่อการทบทวนความจำและเพิ่มเทคนิคเรียนพูดภาษาอังกฤษให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม บทนี้จะแบ่งออกเป็นสองตอนนะคะ
Ep.6 เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน! – ทบทวน+เพิ่มเทคนิค ตอนที่1
link ทางเข้า ตอนที่1 Ep.6 https://youtu.be/OXPO4Q447os
Ep.6 เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน! – ทบทวน+เพิ่มเทคนิค ตอนที่2 link ทางเข้า ตอนที่2 Ep.6 https://youtu.be/WRIoyITnb5c

Links ช่องทางการติดต่อ Alej
สามารถกดติดตามเพื่อพูดคุยและหาทางเข้ากลุ่มเรียนภาษาอังกฤษได้นะคะ
ในfacebook จะมีการไลฟ์บทเรียนพิเศษที่ไม่ควรพลาด ไม่ได้อัพลงยูทูป จะมีเฉพาะในเพจ facebook เท่านั้นค่ะ
Facebook Page
https://www.facebook.com/alejmakeup/
@Alejmakeup
Instagram /IG
https://www.instagram.com/alejknowz/
Id : Alejknowz
Facebook Group : กลุ่มเรียนภาษาอังกฤษตริ๊ดติสท์
สามารถไปคุยภาษาอังกฤษกับเพื่อนๆคนไทยที่กำลังหัดเรียนด้วยกันได้นะคะ
มีแบบฝึกหัดและเฉลย ซ่อนอยู่ในอัลบั้มนะจ๊ะ
https://www.facebook.com/groups/learntidtid/
ถ้าเรียนแล้วชอบ คิดว่าคอร์ส เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน เป็นเรื่องดี มีประโยชน์ อย่าละเลยที่จะสละเวลากด Like And Share ออกไปเยอะๆ เพื่อให้ เพื่อนๆ น้องๆ หรือ พ่อ แม่ ลูก หลาน ได้มีโอกาสเรียนฟรี ไม่ต้องไปเสียค่าคอร์สแพงๆ เพื่อเสริมทักษะและพัฒนาการพูดภาษาอังกฤษกันนะคะ

Ep1 เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ใน 30 วัน! -ปรับพื้นฐานเรียนภาษาอังกฤษ

วิชาภาษาไทย ป.2 : ประโยคและการแต่งประโยค (ครูยุ้ย)


วิชาภาษาไทย ป.2 : ประโยคและการแต่งประโยค (ครูยุ้ย)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ การแต่งประโยค

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *