Skip to content
Home » [NEW] หน้าที่ของ Passive ในภาษาอังกฤษ | ถูกกระทํา ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] หน้าที่ของ Passive ในภาษาอังกฤษ | ถูกกระทํา ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ถูกกระทํา ภาษาอังกฤษ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Passive (พาสซิฟวฺ) บ่งแสดงความหมายว่า ภาคประสานของประโยค (Subject) ได้รับการกระทำ ซึ่งแสดงโดยคำกริยา (Verb) ภายในประโยค นั่นคือ ภาคประธานเป็น receiver (ริซีฟเวอะ) หรือ “ผู้รับการกระทำ” นั่นเอง

โดยสรุป แล้ว Passive จะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ verb to be + past participle ทั้งนี้ verb to be ที่กล่าวนี้ อาจจะเป็น is, am, are, was, were, (to) be, being, been แล้วแต่ว่าจะเข้าลักษณะรูปของ tense ใด
ตัวอย่าง
The boy was bitten by the dog.
เด็กผู้ชายถูกสุนัขกัด
Research will be presented by Pooja at the conference.
การวิจัยจะถูกนำเสนอโดนพูจาในการประชุม

รูป (Form)
Passive Verb อาจจะมีรูปดังนี้
1. Present Simple : is/am/are + past participle
2. Present Continuous : is/am/are + being + past participle
3. Present Perfect : have/has + been + past participle
4. Present Perfect Continuous : have/has + been + being + past participle
5. Past simple : was/were + past participle
6. Past Continuous : was/were + being + past participle
7. Past Perfect : had + been + past participle
8. Past Perfect Continuous ะ had + been + being + past participle
9. Future Simple : will/shall + be + past participle
OR is /am/ are + going + to + be + past participle
10. Future Continuous ะ will/shall + be + being + past participle
OR is/am/are + going + to + be + being + past participle
11. Future Perfect : will/shall + have + been + past participle
OR is/am/are + going + to + have + been + past participle
12. Future Perfect Continuous : will/shall + have + been + being
+ past participle
OR is/am/are + going + to + have + been + being + past participle

การใช้ (Use)
การสร้างประโยค Passive จากประโยค Active นั้นมีกติกาอยู่ว่า ประโยค Active จะต้องมีกรรมตรง (direct object : DO) ทั้งนี้เพื่อจะนำเอากรรมตรงมาวางไว้หน้าประโยค Passive
ตัวอย่าง
1                S                  ACTIVE        DO
A :     Heavy waves pounded the seacoast.
S                 PASSIVE            AGENT
P : The seacoast was pounded by heavy waves.
(NOTE: S = Subject; DO = Direct Object; A = Active ; P = Passive)
แปลความ A คลื่นลูกมหึมาถาโถมใส่ชายฝั่งทะเล
P ชายฝั่งทะเลถูกถาโถมใส่ด้วยคลื่นลูกมหึมา
ข้อสังเกต – ในกรณีของตัวอบ่างที่ 1 แสดงถึงการกระทำที่ได้เกิดขึ้นและจบไปแล้วในอดีต จึงใช้รูป Past Simple โดยมีการระบุผู้กระทำ (agent) คือ heavy waves
ตัวอย่าง
2               S                ACTIVE               DO
A : Workers has been installing burglar alarms.
S                  PASSIVE                      AGENT OMITED
P : Burglar alarms has been being installed.
แปลความ A คนงานทำการติดตั้งสัญญาณป้องกันขโมย
P สัญญาณป้องกันขโมยถูกติดตั้ง
ข้อสังเกต – ในกรณีของตัวอย่างที่ 2 แสดงถึงการดำเนินการติดตั้งสัญญาณป้องกันขโมยที่ได้มีการดำเนินการต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็กำลังดำเนินการอยู่ จึงใช้รูป Present Perfect Continuous ซึ่งได้มีการละ (omit) ผู้กระทำ (agent) ทั้งนี้เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเอ่ยถึง เนื่องจากไม่ได้ระบุเฉพาะว่าเป็นใคร เพียงแต่บอกว่าเป็นคนงาน (workers) เช่นนี้ถือว่ากว้างเกินไป จึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงผู้ทระทำ (agent omitted)

ดังนั้น การที่เราใช้รูปประโยคเป็น Passive ก็เพื่อจะมุ่งเน้นว่าบุคคลหรือสิ่งนั้นถูกกระทำ นั่นคือหลีกเลี่ยงการเอ่ยถึงผู้กระทำ (doer / agent ดูเออะ / เอเจ็นทฺ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้กระทำนั้นไม่เป็นที่รู้จักหรือไม่สำคัญใดๆ ซึ่งต่างไปจากประโยค Active ที่มุ่งเน้นผู้กระทำเป็นสำคัญทำให้งานเขียนหรือข้อความในประโยคนั้น มีลักษณะตรง (direct ไดเร็กทฺ) มีพลัง (forceful ฟอซฟุล) และแม่นยำ (concise คอนไซสฺ)

เพื่อให้ท่านผู้อ่าน แลเห็นลักษณะการเปลี่ยนรูปจากประโยค Active เป็นประโยค Passive อย่างชัดเจน ผู้เขียนจะขอกล่าวในรายละเอียดทีละ tense ดังนี้
1. Present Simple
A : My brother always chop logs.
พี่ชายของฉันตัดท่อนซุงประจำ
P : Logs are always chopped by my brother.
ท่อนซุงถูกตัดโดยพี่ชายเสมอ
2. Present Continuous
A : They are lifting weights.
พวกเขากำลังยกลูกตุ้มน้ำหนัก
P : Weights are being lifted.
ลูกตุ้มน้ำหนักกำลังถูกยก
3. Present Perfect
A : They have done wonders.
พวกเขาทำสิ่งมหัศจรรย์
P : Wonders have been done.
สิ่งมหัศจรรย์ถูกทำ
4. Present Perfect Continuous
A : He has been watching football.
เขานั่งชมฟุตบอล
P : Football has been being watched.
ฟุตบอลถูกชม
5. Past Simple
A : The tornado flattened houses.
พายุทอร์นาโดได้ทำลายบ้านราบหมด
P : Houses were flattened by the tornado.
บ้านถูกทำลายราบโดยพายุทอร์นาโด
6. Past Continuous
A : Helen was washing the dog.
เฮเลนกำลังอาบน้ำให้สุนัข
P : The dog was being washed.
สุนัขกำลังถูกอาบน้ำ
7. Past Perfect
A : I had seen pictures of the pyramids.
ผมได้ดูภาพพีระมิด
P : Pictures of the pyramids had been seen.
ภาพพีระมิดถูกดู
8. Past Perfect Continuous
A : He had been watching movies.
เขาชมภาพยนตร์
P : Movies had been being watched.
ภาพยนตร์ถูกชม
9. Future Simple
A : They will install burglar alarms.
พวกเขาจะติดตั้งสัญญาณกันขโมย
P : Burglar alarms will be installed.
สัญญาณกันขโมยจะถูกติดตั้ง
10. Future Continuous
A : They will be offering legal services.
พวกเขากำลังให้บริการกฎหมาย
P : Legal services will be being offered.
บริการด้านกฎหมายจะถูกให้
11. Future Perfect
A : They will have completed work by noon.
พวกเขาจะทำงานเสร็จก่อนเที่ยง
P : Work will have been completed by noon.
งานจะถูกทำเสร็จก่อนเที่ยง
12. Future Perfect Continuous
A : He will have been teaching English.
เขาจะกำลังสอนภาษาอังกฤษ
P : English will have been being taught.
ภาษาอังกฤษจะกำลังถูกสอน

อีกกรณีหนึ่งคือ การเขียนรายงานการทดลอง (experiment) ซึ่งเกิดจาก ประโยคคำสั่งที่เป็น Active และได้ละประธาน You (You omitted) สามารถเปลี่ยนเป็น Passive โดยดึง direct object (DO) ของ Active ขึ้นมาเป็น Subject แล้วตามด้วย be + past participle ซึ่ง verb to be นี้อาจจะเป็น is/am/ are (Present Simple) หรือ was/were (Past Simple) ก็ได้ แล้วแต่ว่าจะเขียนรายงานกระบวนการที่เป็นปัจจุบัน หรืออดีต
ตัวอย่าง
            DO
A : Put a spoon inside a jar. ใส่ช้อนเข้าไปในขวดโหล
P : A spoon is put inside ajar. ช้อนถูกใส่เข้าไปในขวดโหล
         S

การเปลี่ยนจาก Passive sentences มาเป็น Active sentences
หลักการเบื้องต้น ตามที่ได้ทราบแล้วนั้น คือ ในประโยค Passive นอกเหนือจากการดึงเอากรรม (object) ของประโยค Active ขึ้นมาเป็นประธาน (subject) ของประโยค Passive แล้ว รูปกริยาในประโยคPassive ยังมี be + past participle ด้วย ฉะนั้น เมื่อจะแปลงประโยค Passive เป็นประโยค Active จึงต้องดึงเอาส่วน agent noun (นามที่เป็นผู้กระทำ) ซึ่งสังเกตได้ง่ายคือ อยู่หลัง by … ขึ้นมาเป็นประธาน ส่วนรูปกริยาที่เป็นไปตาม tense ต่างๆ ตามที่แสดงในประโยค Passive
ตัวอย่าง
(1) S          PASSIVE     AGENT
P : Pearl Harbor was bombed by the Japanese.
S                 ACTIVE             DO
A : The Japanese bombed Pearl Harbor.
(NOTE: S = Subject ; AGENT ; doer ; DO = Direct Object)
แปลความ
P : อ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ถูกถล่มด้วยระเบิดโดยกองทัพญี่ปุ่น
A : กองทัพญี่ปุ่นถล่มอ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ ด้วยระเบิด
ข้อสังเกต
1. tense ยังคงเหมือนเดิมทั้งใน Passive และ Active คือ Past Simple
2. ใน Passive มีโครงสร้างทั้งกริยา be + past participle คือ was bombed
3. ใน Passive มี Agent noun หลัง by คือ by the Japanese
4. ใน Active ดึง Agent noun คือ The Japanese มาเป็น Subject
5. ใน Active รูปกริยาที่เป็น Past Simple (ช่อง 2) ไม่มี verb to be คือ was
6. ใน Active หลังกริยา มีกรรมรองรับ คือ Pearl Harbor
ตัวอย่าง
(2)  S                        PASSIVE        AGENT
P : The dog was being washed by a man when I arrived.
S          ACTIVE           DO
A : A man was washing the dog when I arrived.
แปลความ
P : สุนัขกำลังถูกอาบนํ้าโดยชายคนหนึ่ง เมื่อตอนที่ผมมาถึง
A : ชายคนหนึ่งกำลังอาบน้ำให้สุนัข เมื่อตอนที่ผมมาถึง
ข้อสังเกต
1. tense ยังคงเหมือนเดิมทั้งใน Passive และ Active คือ Past Continuous
2. ใน Passive มีโครงสร้างทั้งกริยา be + past participle คือ being washed
3. ใน Passive มี Agent noun หลัง by คือ a man
4. ใน Active ดึง Agent noun คือ A man มาเป็น Subject
5. ใน Active รูป be ในโครงสร้าง be + past participle คือ being ไม่มี
6. ใน Active ที่เป็น Past Continuous กริยาแท้เป็นรูป ing คือ washing
7. ใน Active หลังกริยาแท้ มีกรรมรองรับ คือ the dog

นอกจากเรื่องการเปลี่ยนประโยค Active เป็น Passive ตามรูปกาล (tense) ต่างๆ และการเขียนรายงานการทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้ว Passive ยังเกี่ยวข้องกับ infinitive, gerund และ get ด้วย กล่าวคือ

1. ในรูป Passive infinitive ซึ่งประกอบด้วย infinitive ‘be’ + past participle จะวางอยู่หลังกริยาช่วย อาทิ must, can, will, shall, could, would, should, may, might และวางอยู่หลังวลี อาทิ going to, have/has to, want to, would like to, need to เป็นต้น
ตัวอย่าง
1.     A : You must lock this door. คุณจะต้องล็อกประตูนี้
P : This door must be locked. ประตูนี้จะต้องถูกล็อก
2.     A : They can’t do that job.พวกเขาไม่สามารถทำงานนั้นได้
P : That job can’t be done. งานนั้นไม่สามารถถูกทำได้
3.     A : They are going to interview him. พวกเขาจะสัมภาษณ์เขา P : He is going to be interviewed. เขาจะถูกสัมภาษณ์
4.    A : No one can help you. ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือคุณได้
P : You can’t be helped. คุณไม่สามารถถูกช่วยเหลือได้

2. ในกรณีที่แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำในอดีต (past event or action) โดยมี could have, must have, would have, might/may have, ought to have ซึ่งเป็น Perfect ในรูป Passive Infinitive (หรือ Passive Perfect Infinitive) จะประกอบด้วย been + past participle
ตัวอย่าง
1.     A : I should have told them about the dangers.
ผมควรจะได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับอันตราย
P : They should have been told about the dangers.
พวกเขาควรจะได้ถูกบอกเกี่ยวกับอันตราย
2.    A : You must have rented this house.
คุณจะต้องเช่าบ้านหลังนี้
P : This house must have been rented.
บ้านหลังน็จะต้องถูกเช่า

3. ในกรณีของ Passive gerund จะประกอบด้วย being+past participle เมื่อแสดงความหมายในเชิงถูกกระทำ เรื่องดังกล่าวนี้เกี่ยวพันกับ Gerund ซึ่งหลังกริยาบางคำในภาษาอังกฤษ จะต้องตามด้วย Gerund หรือ รูปกริยา ing
ตัวอย่าง
1.    A : I don’t like people scolding me.
ดิฉันไม่ชอบให้ใครมาด่า
P : I don’t like being scolded.
ดิฉันไม่ชอบถูกด่า
2.     A : He remembers someone giving him the book.
เขาจำได้ว่ามีคนให้หนังสือแก่เขา
P : He remembers being given the book.
เขาจำได้ว่าได้ถูกให้หนังสือ

4. ในบางครั้ง อาจจะเคยพบ get/got + past participle แทนที่จะเป็น be + past participle ลักษณะของโครงสร้าง get/got + past participle นี้ ใช้เมื่อเราต้องการจะกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ (happen by accident) หรือเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ (happen unexpectedly)
ตัวอย่าง
When Susan ran across the road, she nearly got run over by a car.
เมื่อตอนที่ซูซานวิ่งข้ามถนน เธอเกือบถูกรถยนต์ชน
I was surprised that I didn’t get invited to the party.
ดิฉันรูสึกแปลกใจที่ไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยง
Luckily, nobody got hurt in the accident.
โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 10,151 times, 3 visits today)

[NEW] บทเรียนวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน (WebBlog) ด้วย WordPress | ถูกกระทํา ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

youtube                       google                         พสว                          สพม11

ที่มาข้อมูล : http://kpnkroopnit.blogspot.com/2011/12/12-error-identification.html

12 เทคนิคการทำ “Error Identification”

            ความผิดพลาดเรื่องรูปคำกริยา (verb form) อาจเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ดังต่อไปนี้

1.1  Tenses   คือการแสดงเวลาของการกระทำ ในภาษาอังกฤษมีทั้งหมด 12 Tense
1.2  Subjects – verb agreement  การใช้คำกริยา ประธานและกริยาต้องสอดคล้องกัน เช่น                   Jane lives in China.
1.3  Finite ornon-finite verb      กริยาแท้และกริยาช่วยของประโยค
1.4  ใช้voice ผิด ได้แก่
Active Voice หมายถึง รูปกริยาซึ่งประธานเป็นผู้กระทำหรือแสดงกริยานั้น โดยตรง
Passive Voice หมายถึง รูปกริยาซึ่งประธานเป็นผู้ถูกกระทำกริยานั้นโดยผู้อื่น
1.5  ใช้คำกริยาผิดรูป เช่นใช้รูป v.2 แทน v.3 หรือในทางกลับกัน

 Examples :

1. Evidenceofthismay besawin theterrifyingfigures of family decomposition.

คำตอบที่ถูกคือ saw ต้องแก้เป็น seen เพราะ v.be+v.3 หรือ v.ing

2. One Sunday morning, a ministerwas toldcongregationthattheir church wasbadlyin need ofrepairs.

คำตอบที่ถูกคือ was told ต้องแก้เป็น active verb คือ told

รูปคำ (word form) เป็นเรื่องที่ออกข้อสอบเป็นประจำอีกเรื่องหนึ่งความผิดพลาดทางไวยกรณ์        ที่นำมาทดสอบ               จะเป็นเรื่อง การใช้ part of speech ผิดที่หรือผิดชนิด กล่าวคือใช้ adjective แทนที่ adverb, ใช้ noun แทนที่ verb เป็นต้น  ซึ่งคำที่ถูกและคำที่ผิดนั้นจะมาจากรากศัพท์            คำเดียวกัน

ตัวอย่าง คำที่มาจากรากเดียวกันแต่ต่างกันที่ word form คือ beauty (n.),beautiful (adj.), beautifully (adv.).  หรือ long (adj.),lengthen (v.), length(n.) หรือ compare (v.), comparable (adj.), comparison (n.) ฯลฯ

Example :

1. Ina recorddive in his bathysphere, William Beebe was thefirst personto explorethe ocean at adeepof 3,028 feet.

คำตอบคือ a deep ต้องแก้ word form จาก a deep (adj.) เป็น a depth (n.) เพราะคำที่ตามหลัง preposition (ในที่นี้คือ at ) ต้องเป็นคำนาม

2. Psychologists generallyagreementthat acertainstimulus mustbe presenteach time                            a habitual action iscarried out.

คำตอบคือ agreement เพราะใน clause แรกนี้ยังขาดกริยา ดังนั้นจึงต้องแก้เป็น agree

*ตัวช่วยที่จะทำให้รู้ว่า choice แต่ละข้อเป็นคำชนิดใด ให้ดูที่

1. ตำแหน่งหรือหน้าที่ของคำๆนั้นในประโยค
2. ส่วนลงท้ายของคำ (suffix)

การเลือกใช้คำ (word choice) เป็นหัวข้อที่นิยมออกข้อสอบมากเรื่องหนึ่ง                                   ประเด็นของความผิดพลาดเรื่องนี้ มักจะเป็นการใช้คำๆ หนึ่งแทนที่จะใช้อีกคำหนึ่งซึ่งถูกไวยากรณ์

Example :

1. One of London’smostbeautifulparksisHyde Parknearlythe Thames river.

คำตอบที่ถูกต้องคือ nearly ต้องแก้เป็น near

2. Modernpeople,aliketheir ancestors, are curiousaboutthenatureof the universe.

คำตอบที่ถูกต้องคือ alike ต้องแก้เป็น like

3. In muchof Alaska, thegrowingseason issuchshortthatcropscannot be raised.

คำตอบคือ such ต้องแก้เป็น so (so + adj. + that clause)

4. Evenduringeconomicbooms,there isa smallnumberof unemployment.

คำตอบ ต้องเปลี่ยน number เป็น amount เพราะใช้กับคำนามนับไม่ได้คือ unemployment

ประเด็นของความผิดพลาดทางไวยกรณ์ในเรื่อง Parallellism คือ ใช้คำผิดชนิดหรือโครงสร้าง      จากสมาชิกอื่นๆในกลุ่มของมัน

Example:

1. Lumber from redwoodsis in great demandbecauseof itsstraight grain,attractivecolor, anddurable.

คำตอบที่ต้องการคือ durable ต้องแก้เป็น durability เนื่องจากคำในกลุ่มนี้เป็นคำนามทั้งหมด

2. Thebestwork is not alwaysdonebythose who workthefaster.

คำตอบที่ถูกต้องคือ faster ต้องแก้เป็น fastest สังเกตคำที่มาข้างหน้าคือ the best

3. Direct mail advertising servesto acquaintcustomers with product,alertthemto new opportunities, andpavingthe way forothersalesactivities.

คำตอบคือ paving เพราะใช้คำผิดโครงสร้างจากสมาชิกในกลุ่ม ซึ่งเป็น infinite ทั้งหมด (to acquaint และ alert) สังเกตดูคำ alert
เป็น simple form ดังนั้นถ้าจะแก้ให้ถูกต้อง ต้องแก้ paving เป็น pave ซึ่งอยู่ในรูป simple form เช่นเดียวกัน

ตัวเลือกที่ถูกต้อง ซึ่งแสดงความผิดพลาดในเรื่องของ conjunction อาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้

1. ใช้ correlative ผิดคู่ เช่น not only ……. But, both …….and,neither……nor, either …….or เป็นต้น
2. ใช้ conjunction ผิดตัว เช่น ใช้ who ในที่ที่ควรใช้ which, ใช้ and เชื่อมข้อความที่มีความหมายขัดแย้งกัน ใช้ but กับข้อความ ที่คล้อยตามกัน เป็นต้น
3. ใช้ preposition เช่น ใช้ during ในที่ที่ควรใช้ when, ใช้ because of แทน because เป็นต้น

Examples:

1. Inall this, both the United States,onone side,orSoviet Russia, on the otheraredeeply involved.

คำตอบที่ถูกต้องคือ or ต้องแก้เป็น and เพราะตัวข้างหน้า คือ both

2. Making sequences of symbols thatarenot significant butrigolouslylogicalisfar more difficultwithit sounds.

คำตอบที่ถูกต้องคือ with ต้องแก้ preposition with เป็น conjunctionthan ซึ่งแสดงการเปรียบเทียบขั้นกว่า

อาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้

1. ใช้นามรูปเอกพจน์หลังคำต่อไปนี้คือ a couple (of), (a) few, anumber of, both, many, several, each of, one of, all (กับ นามนับได้), some (กับนามนับไม่ได้), these, those, etc. (นั่นแสดงว่าหลังคำที่กล่าวมาต้องใช้รูปพหูพจน์ จึงจะถูก)
2. ใช้นามพหูพจน์หลังคำต่อไปนี้ คือ a, an, amount of, ZaXlitt;e, a single,each, every, much, one, this, that, etc. (นั่น แสดงว่าหลังคำที่กล่าวมาต้องใช้รูปเอกพจน์จึงจะถูกต้อง)
3. นามนับไม่ได้ นามที่มีแต่รูปเอกพจน์ หรือนามที่มีรูปพหูพจน์พิเศษ นำมาเติม s เพื่อแสดงพหูพจน์ เช่น informations, furniture, golds, deers, teeths, childs,etc. (ต้องแก้โดยการ ตัด s ทิ้งทุกคำ และเปลี่ยน childsเป็น children)
4. ใช้รูปพหูพจน์ของนามประสม (compound noun) แบบผิดๆ เช่น detectives stories,toys stores, car races, three two- months courses, etc. (แนวคิดที่ถูกคือ คำนามตัวแรกทำหน้าที่ adjective จึงไม่มีรูปพหูพจน์อีกต่อไป เพราะไม่ใช่คำนาม ดังนั้นใน กรณีนี้เราต้องใช้รูปเอกพจน์กับนามตัวแรกทั้งหมด                    ดังนี้ detectivestories, toy stores, car races, three two-month
courses)
5. ใช้คำบอกจำนวนที่ควรเป็นพหูพจน์ในรูปเอกพจน์ เช่น hundred of, thousand of,million of (แนวคิดที่ถูกต้องในเรื่องนี้คือ คำบอก จำนวนที่ตามด้วย of จะเป็นคำนามพหูพจน์เสมอ ดังนั้นต้องแก้คำบอกจำนวนที่กล่าวมาเป็น hundreds of,thousands of, millions of ส่วนคำบอกจำนวนที่  ไม่ได้ตามด้วย of จะเป็น adjective จึงไม่มีรูปพหูพจน์เด็ดขาด เช่น three thousand men สังเกตให้ดีจะ เห็นว่า thousand ไม่ตามด้วย of จึงไม่มีการเติม s)

Examples :

1. At onetimemanypersonbelievedthat some forkedtwigs had supernaturalpowers.

คำตอบที่ถูกต้องคือ person หลังคำ many ตามด้วยนามพหูพจน์ จึงต้องแก้เป็น persons

2. Hundredof antibioticshave beendeveloped, butonlyabout 30 arein common use today.

คำตอบที่ถูกคือ Hundred ต้องแก้เป็น Hundreds

3. Doctorare discovering that there is astrongpsychologicalcomponent tochronicpain.

คำตอบที่ถูกคือ Doctor ต้องแก้เป็น Doctors สังเกตกริยาเป็นพหูพจน์คือ are

ประเด็นเรื่อง ความผิดพลาดในการใช้ pronoun อาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้

1. ความไม่สอดคล้องกันของคำนามและสรรพนาม

(จากทฤษฎี pronoun จะต้องมีคุณสมบัติเหมือน noun ที่อ้างถึงทุกประการ ถ้า noun เป็นเพศหญิง pronoun หรือ possessive adjective ที่แทนก็ต้องแสดงเพศหญิง ถ้าnoun เป็นเพศชาย pronoun หรือ possessive adjective ที่แทนก้ต้องเป็นเพศชาย เป็นต้น)

The girl has lost his keys in the pub. (แก้ his เป็น her)
Those menplanned to start his project on Monday. (แก้ his เป็น their)

2. ใช้รูป pronoun ผิดหน้าที่ กล่าวคือ ใช้รูปประธานแทนรูปกรรม เช่น ใช้ she แทน her, whom แทน who หรือใช้ possessive
pronoun theirs แทนที่จะใช้ possessive adjective their หรือในทางกลับกัน
3. ใช้ pronoun โดยไม่จำเป็น กล่าวคือมีประธานอยู่แล้วยังใช้ pronoun เป็นประธานซ้ำซ้อนอีก

Examples :

1. Charlie,whomwentout with Mr. Lee’s daughter lastnight, wasthe onlyheirofthe millionaire.

ตอบ whomต้องเปลี่ยน whom เป็น who เพราะสิ่งที่จามมาคือกริยา went ดังนั้นจึงต้องใช้ relative pronoun รูปประธาน

2. Almostall thereservedwaterwhichwasusedduring the summer.

ตอบ which ต้องตัด relative pronoun which ทิ้งไป เพราะประโยคนี้มีประธานอยู่แล้ว คือ                             the reserved water

3. The teacher wasjustlyannoyedbyhimwalking in lateanddisturbing the class.

คำตอบที่ถูกคือ him ต้องแก้เป็น his (adj.) เพื่อขยายคำนาม walking

ตัวเลือกที่ถูกต้อง ซึ่งแสดงความผิดพลาดในเรื่องของ comparison อาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้
1. ใช้รูปเปรียบเทียบขั้นกว่า (comparative) แทนขั้นที่สุด (superlative)
2. ใช้รูปเปรียบเทียบที่ผิดกฎ

Examples :

1. Whensalmon in Washington State’s Puget Sound regionswimupriverto spawn, the Skagit River hosts thebiggerofall the runs.

คำตอบที่ถูกต้องคือ bigger ต้องแก้เป็น biggest เพราะมี the นำหน้าและ of all the runs แสดงการเปรียบเทียบที่เกกินจำนวนสอง
นั่นคือการเปรียบเทียบขั้นที่สุด

2. Hydrocarbon,toowell asmanyother organiccompounds,frequentlyform polymers.

คำตอบที่ถูกต้องคือ too ต้องแก้เป็น as ตามกฎระเบียบเปรียบเทียบที่เท่ากันใช้รูป as + adjective หรือ adverb + as

3. Natural micaofasuperiorquality ischeapesttoobtain than synthetic mica.

คำตอบที่ถูกต้องคือ cheapest จะเห็นคำว่า than อยู่ในประโยคนี้ ดังนั้นต้องมีการเปรียบเทียบขั้นกว่าแน่นอน ฉะนั้น cheapest จึงใช้ไวยกรณ์ผิดพลาด ควรแก้เป็น cheaper

สำหรับข้อสอบ Error Identification ที่เช็คไวยกรณ์เรื่อง article นั้น ตัวเลือกที่มีความผิดพลาดทางไวยกรณ์ อาจมีลักษณะใด
ลักษณะหนึ่ง ดังนี้

1. ใช้ article a หน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงสระ เช่น a hour, a heir, aaunt, etc. (ต้องแก้เป็น anทั้งหมด)
2. ใช้ article an นำหน้าคำที่ขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะ เช่น an university, an unanimous decision, anhuman, etc. (ต้องแก้เป็น a ทั้งหมด)
3. ใช้ article ผิดชนิด กล่าวคือใช้ indefinite article (a,an) แทน definite article (the) หรือในทางกลับกัน
4. ใช้ article ในปริบทที่ไม่ควรใช้ หรือในที่ที่ควรใช้แต่ไม่ใช้ เช่น
Humans need the water. (ตัด the ทิ้ง เพราะกล่าวถึงนามนับไม่ได้ที่ไม่ชี้เฉพาะ ไม่ต้องมี article นำหน้า)
She likesto play violin. (ต้องใส่ the หน้าชื่อเครื่องดนตรี จึงต้องแก้เป็น the violin)

Eamples :

1. Longevityreferstothe spanoflife ofaorganism.

คำตอบที่ถูกต้องคือ a ถ้าจะให้ถูกไวยกรณ์ต้องแก้เป็น an เพื่อนำหน้าคำนามเสียงสระคือ organism

2. At endof the Civil War, the United Statewas readytoresume witharoaring surge the westward expansion which had beeninterruptedforfour years.

คำตอบที่ถูกต้องคือ At end ต้องแก้เป็น At the end เพราะเป็นการชี้เฉพาะ

ประเด็นของ ความผิดพลาดเรื่องกริยาไม่แท้ (Verbal or non-finite verb) อาจเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งดังต่อไปนี้

1. ใช้ infinite แทนที่จะใช้ gerund หรือในทางกลับกัน
2. ใช้ present participle (v.-ing) แทนที่จะใช้ past participle (v.3) หรือในทางกลับกัน
3. ใช้รูป verbal แบบผิดๆ เช่น to introducing, towalking
4. ใช้ infinite หรือ gerund หลังคำกริยา (can, may, must,will. Etc.)เช่น can to go

Examples :

1. People complain that thecostsof campaigningaresohighthat only the rich can affordrunningfor office.

หลัง v. affordต้องตามด้วย infinite ดังนั้นคำตอบคือ running ซึ่งต้องแก้เป็น to run

2. The Bachelor Club,establishingin 1950,wasthe firstsportscenterforFrench bachelors in Florida.

คำตอบคือ establishing ต้องแก้เป็น established (v.3)

*NOTE :
1. Verbal ที่ตามหลัง preposition ต้องเป็น gerund (v-ing) เช่น without smiling
2. กรณี กริยาต้องการกรรม (transitive verb) มีรูป participle ให้เลือก 2 รูป จะใช้รูป present participle (v-ing) หรือ past
participle (v.3) ให้ดูคำที่ตามมา
• ถ้าตามด้วย by หรือ prepositionalphrase จะใช้ v.3 เช่น the bridge built by …….. established in 1950, etc.
• ถ้าตามด้วย noun จะใช้ v-ingเช่น building the house

ประเด็นของความผิดพลาดที่ใช้ทดสอบเรื่อง preposition อาจมีลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังนี้

1. ใส่ preposition เข้าไปในตำแหน่งที่ไม่ควรจะมี หรือ ตัด preposition ทิ้งในตำแหน่งที่ควรจะมี
2. ใช้ preposition ผิดตัว

Examples :

1. Einstein providesus, according to experts inphysics,withinsightsaboutthe universe.

คำตอบที่ถูกคือ about ต้องแก้เป็น into (insight + into)

2. Candlesweremankind’schief sourceofilluminationsinceat least 2,000 years.

คำตอบที่ถูกคือ since ข้อนี้ใช้ preposition ผิดตัว เราเห็นคำว่า 2,000 years แสดงระยะเวลา (period of time) ฉะนั้นต้องใช้ for

3. Someof themost ofspectacular waterfalls in the easterUnited Stateare foundin the Pocono MountainsofPennsylvania.

ข้อนี้ใช้ preposition ในที่ที่ไม่ควรใช้ คือ most ofต้องตัด of ทิ้งไป เพราะในที่นี้ต้องการแสดง                          การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด the most spectacular

ลักษณะความผิดพลาดทางไวยกรณ์เรื่อง word order คือ มีคำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป เรียงลำดับแบบสลับที่ผิดๆที่พบบ่อยๆใน ข้อสอบมีดังนี้

Examples:

1. Itestimated isthat only about thirty percent ofourplanet’ssurfaceconsistsof land.

คำตอบคือ estimated is ซึ่งมีการเรียงลำดับคำผิด ต้องแก้เป็น isestimated

2. About two thousandyears ago, Arabians in Persia began to craftclay pots,an innovationthat accompanied the appearance ofagriculturein thearea centralof the continent.

คำตอบคือ area central ซึ่งมีการเรียงลำดับคำผิด ต้องแก้เป็น centralarea (adjective ต้องอยู่หน้า noun)

3. Plutoniumisarare extremelyandpreciouselement.

คำตอบคือ rare extremely ซึ่งมีการเรียงลำดับผิด ต้องแก้เป็น extremelyrare (adverb ต้องอยู่หน้า adjective


20 ประโยคขอโทษ ภาษาอังกฤษ เพื่อผู้เริ่มหัดสนทนา


💖 ถ้าอยากให้กำลังใจ มาสมัครสมาชิกกันนะครับ 💖
กดตรงนี้ 👉 https://www.youtube.com/channel/UCaiwEWHCdfCi23EYN1bWXBQ/join
ฝึกพูดภาษาอังกฤษ 20 ประโยค สำหรับขอโทษ ขออภัย บทนี้ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ
Apologies Expression การกล่าวขอโทษ
To Accept an apology การตอบรับคำขอโทษ
เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ฟรี! คลิก: https://www.tonamorn.com/
แจกศัพท์ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 1,000 คลิก: https://www.tonamorn.com/vocabulary
สอน การแต่งประโยคภาษาอังกฤษ
https://www.tonamorn.com/learnenglish/writesentences/
เรียนภาษาอังกฤษ จากภาพสวยๆ บนอินสตาแกรม
https://instagram.com/ajtonamorn
คำศัพท์ภาษาอังกฤษ, บทสนทนาภาษาอังกฤษ, ไวยากรณ์ แบบฝึกหัดพร้อมเฉลย และบทเรียนภาษาอังกฤษอีกมากมาย เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่พื้นฐาน จนถึงระดับสูง ฟรี 100%

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

20 ประโยคขอโทษ ภาษาอังกฤษ เพื่อผู้เริ่มหัดสนทนา

น้องบีม | เล่นลูกโป่งน้ำปริศนา เรียนรู้ชื่อสัตว์ต่างๆ


เล่นลูกโป่งน้ำปริศนา เรียนรู้ชื่อสัตว์ต่างๆ

น้องบีม | เล่นลูกโป่งน้ำปริศนา เรียนรู้ชื่อสัตว์ต่างๆ

#ภาษาอังกฤษ เข้าใจ Passive Voice ได้ภายใน 4 นาที! 🔥🔥


เข้าใจ Passive Voice ภายใน 4 นาที! 🔥🔥
Passive Voice คืออะไร?
มันคือรูปที่ประธานถูกกระทำเช่น
👉🏼 ฉันโดนตี
👉🏼 หมาถูกรถชน
👉🏼 เขาถูกทำร้าย
โครงสร้างของมันคือ subject + v.to be + v.3
เช่น
👉🏼 He was punished. เขาถูกลงโทษ ✅
👉🏼 They were asked to clean the room. พวกเขาถูกขอร้องให้ทำความสะอาดห้อง ✅
บางกรณีอาจจะมี by + คนทำกริยานั้นๆ
แต่ถ้าประโยคไหนไม่มี by + คนทำกริยา แปลว่า ประโยคนั้นไม่เน้น ‘คนทำ’ แต่เขาจะเน้น ‘กรรมที่โดนกระทำ’

ตามไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูหวานต่อที่
https://www.facebook.com/kruwhanenglishonair
https://www.instagram.com/english_kruwhan

#ภาษาอังกฤษ เข้าใจ Passive Voice ได้ภายใน 4 นาที! 🔥🔥

ใครอยากโดนกักตัวบ้างน๊า 💖 \”อยากโดนกักตัวในหัวใจเธอ\” 💖 อาร์ตี้ สแน็ก – Cover by สาวเมาคลี


🍿 เรียนเต้นออนไลน์ได้ที่: https://www.theinner.Studio
▶ รับสมัครผู้สอนเต้น:
https://www.theinner.Studio/teacher
▶ SUBSCRIBE กดติดตาม:
https://goo.gl/TVzkb8
▶ YOUTUBE
https://www.youtube.com/theinnerStudio
▶ FACEBOOK
https://facebook.com/theinnerStudio
▶ TIKTOK
@theinnerTiktok
▶ INSTAGRAM:
https://instagram.com/theinnerOfficial
▶ LINE
@theinnerStudio
▶ TEL:
0639805000, 0849009100, 0951820096, 0832007000
▶ OFFICIAL WEBSITE:
https://www.theinner.Studio
▶ พิกัด GPS
ค้นคำว่า \”The Inner Studio\” ใน Google Map ได้ทันที
น้ำมูกไม่ไหล ไอจามไม่มี
อุณหภูมิร่างกาย 37ดีกรี
หมอวินิจฉัย ว่าอาการปกติ
ไข้หวัดไม่มี โควิดก็ไม่เจอ
แต่ทำไมฉัน มันกระวนกระวาย
ไม่ได้เจอหน้าเธอ เหมือนจะไม่สบาย
ปวดหัวตัวร้อน เหมือนคนจะเป็นไข้
พึ่งเริ่มเข้าใจ
ว่าไม่ได้ติดโควิด แต่มันติดใจเธอ
อยากโดนกักตัว กักหัวใจไว้ในใจของเธอ
เพื่อลดอาการ พร่ำเพ้อ
ที่ใจอยากเจอ และคิดถึงเธอผู้เดียว
อยากโดนคุมขัง ขังเดี่ยวเอาไว้ใจมีแต่ฉันเพียวๆ
เหมาจองหมดใจ ไม่ไห้ใครมาเอี่ยว
ขอจองคนเดียว ทั้งใจ
Rap
เช็คอินเลยได้ไหม
ขอเข้าไปกักตัวข้างใน
14วันคงยังไม่หาย
ตลอดชีพไปเลยได้ไหม
เหมาหมดเลยได้ไหม
เหมาทั้งหมดสี่ห้องหัวใจ
ไม่ไห้ใคร มาวุ่นมาวาย
Say Goodbye
ให้มีแต่ฉันคนเดียว
┏━━━━━━━━━━┓
🔥 THE INNER STUDIO 🔥
┗━━━━━━━━━━┛
▶ สาขา 1: เอสพลานาด รัชดา (MRT ศูนย์วัฒนธรรม)
▶ สาขา 2: เกทเวย์ เอกมัย (BTS เอกมัย)
▶ สาขา 3: เสนาเฟสท์ เจริญนคร (BTS กรุงธนบุรี)
🟢 LINE: @theinnerStudio
☎️ โทร: 0639805000, 0849009100, 0951820096, 0832007000
━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━
No copyright infringement intended! Educational purposes only! All rights go to respective owners!

ใครอยากโดนกักตัวบ้างน๊า 💖 \

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts


คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts
คำศัพท์ร่างกาย ภาษาอังกฤษ ศัพท์อังกฤษ

คำศัพท์ ร่างกาย ภาษาอังกฤษ Body parts

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ถูกกระทํา ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *