Skip to content
Home » [NEW] หน้าที่ของ EITHER and NEITHERในภาษาอังกฤษ | either การใช้ – NATAVIGUIDES

[NEW] หน้าที่ของ EITHER and NEITHERในภาษาอังกฤษ | either การใช้ – NATAVIGUIDES

either การใช้: คุณกำลังดูกระทู้

either ออกเสียงได้ 2 อย่าง คือ ไอ-เทอร์ และ อี-เทอะ คำๆ นี้ทำหน้าที่ได้หลายอย่างคือ adverb, determiner และ pronoun
1. กรณีที่ทำหน้าที่ adverb
เมื่อ either ทำหน้าที่ adverb มีหลักที่ควรทราบอยู่ 2 อย่าง คือ ประการแรก ใช้ either แทนคำว่า too และ also ถ้าหากประโยคที่เอ่ยถึงครงแรกเป็นปฏิเสธ ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงความคล้อยตามกันของเนื้อความ ลองพิจารณาเปรียบเทียบตัวอย่างต่อไปนี้
I like fish                             – I do too.
ผมชอบปลา                          ผมก็ชอบด้วยเช่นกัน
I don’t like music.           – My mother doesn’t either.
ผมไม่ชอนดนตรี                  คุณแม่ของผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน
I don’t enjoy tennis, and I don’t much like swimming either.
ผมไม่ชอบเล่นเทนนิส และผมเองก็ไม่ชอบว่ายน้ำด้วยเช่นกัน
เพื่อจะได้จดจำโครงสร้างการใช้ either จากตัวอย่างดังกล่าวได้ง่ายขึ้น จึงขอสรุปกฎดังนี้
negative sentence, (and) subject + negative verb + either
ประการที่สอง เราใช้ either กับ or เมื่อพูดถึงทางเลือก (alternative) ซึ่งมี 2 ทางหรือมากกว่า
ตัวอย่าง
You can either come with me now or walk home.
คุณมากับผมก็ได้หรือจะเดินกลับบ้านก็ได้ (ให้เลือกเอา)
Either you leave this house or I’ll call the police.
คุณจะออกไปจากบ้านหลังนี้หรือจะให้ผมเรียกตำราจ (ให้เลือกเอา)
You can either have soup, fruit juice or melon.
คุณเลือกเอาว่าจะเอาซุป นํ้าผลไม้ หรือแตงโม
หมายเหตุ ในกรณีที่ either… or ใช้เชื่อม subjects หรือทำทน้าที่conjunction สิ่งที่ควรจะระวังก็คือ กริยาภายในประโยคจะต้องใช้ให้สอดคล้องกับ subject ตัวที่อยู่ใกล้กับกริยามากที่สุด
ตัวอย่าง
Either Jim or Jane was responsible for mailing the letter.
จิมหรือเจนก็ได้ช่วยรับผิดชอบส่งจดหมายฉบับนี้ให้ที
Either you or I am mad.
ไม่คุณก็ผมที่บ้า
(สังเกตประโยคแรกใช้กริยา was ซึ่งสัมพันธ์กับ subject “Jane” และประโยคที่สองใช้กริยา am สัมพันธ์กับ subject “I”)
2. กรณีที่ทำหน้าที่ determiner
คำว่า determiner ในที่นี้หมายถึง คำที่วางไว้หน้า noun เช่น either day, either side, either car ฉะนั้น either เมื่อใช้ในหน้าที่ดังกล่าวนี้ก็อาจจะเรียกว่าเป็น adjective ที่ไปขยาย noun นั่นเอง โดยปกติ either เมื่อเป็น determiner หมายถึง one or the other แปลว่า “คนใดคนหนึ่ง, ด้านใดด้านหนึ่ง, วันใด วันหนึ่ง ฯลฯ” แต่บางครั้ง either อาจจะหมายถึง both แปลว่า ทั้งสองคน, ทั้งสองด้าน ฯลฯ ลองพิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
Come on Tuesday or Wednesday. Either day is O.K.
มาวันอังคารหรือวันพุธ วันใดวันหนึ่งก็ได้
There were roses on either side of the door.
มีดอกกุหลาบอยู่ทั้งสองด้านของประตู
หมายเหตุ โปรดสังเกตประโยคแรก เราใช้ noun รูปเอกพจน์กับ either ส่วน ประโยคที่สอง ใช้ plural noun กับ both เพราะ either side หมายถึง both sides)
สิ่งที่ควรจดจำอีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อ either พบ noun จะใช้ determiner อื่นด้วยอีกไม่ได้ อาทิ determiners พวก article, possessive หรือ demonstrative เช่น เราอาจจะพูดว่า
/ the room
/ my room
/ either room
แต่จะไม่ใช้
X the either room
X either my room
นอกจากนี้หลังคำ either จะตามด้วย singular และ singular verb
ตัวอย่าง
/ Either day is O.K.
X Either day are O.K.
/ Either kind of school is quite suitable.
X Either kinds of school are quite suitable.
3. กรณีที่ทำหน้าที่ pronoun
คำว่า either อาจจะใช้เป็น pronoun เลย หรือใช้ร่วมกับโครงสร้าง

either of + plural noun phrase ก็ได้
ตัวอย่าง
Do you want, whisky or brandy ?
Oh, I don’t mind. Either.
คุณจะดื่มวิสกี้หรือบรั่นดี
อะไรก็ได้ครับ
Has either of your parents visited you?
พ่อแม่ของคุณมาเยี่ยมคุณบ้างไหม
ข้อสังเกต เมื่อ either of ตามด้วย noun phrase จะต้องมี determiner ซึ่ง อาจจะเป็น possessive, demonstrative หรือ article ประกอบอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้น เราอาจจะใช้ได้ว่า
/ either of the rooms.
/ either of my rooms.
แต่จะไม่ใช้
X either of rooms
นอกจากนี้เรายังใช้ either of + personal pronoun ได้ด้วยสำหรับคำว่า personal pronoun ก็คือสรรพนามแทนบุคคล เช่น you, them, us
ตัวอย่าง
/ Either of you could do it.
X Either you could do it.
ข้อควรจำอีกประการหนึ่งก็คือ ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย either of ตามด้วย plural noun phrase กริยาจะใช้รูปเอกพจน์
ตัวอย่าง
/ Either of the children is quite capable of looking after the baby.
เด็กคนใดก็ได้ที่สามารถดูแลทารกได้
X Either of the children are quite capable of looking after the baby.
แต่บางครั้งเราอาจจะพบว่าในประโยคปฏิเสธ (negative sentence) เราอาจจะใช้ plural verb ได้ แต่เป็นในลักษณะที่เป็น informal style
ตัวอย่าง
I don’t think either of them are at home.
(Informal)
I don’t think either of them is at home.
(Formal)
ผมไม่คิดว่าจะมีใครอยู่บ้าน
หมายเหตุ อย่าลืมว่า เราจะใช้ plural verb ได้ก็ต่อเมื่อ either of + personal pronoun/plural noun phrase อยู่ในรูปประโยคปฏิเสธ
ต่อไปนี้จะกล่าวถึงหลักการใช้ neither
neither ออกเสียงได้ 2 อย่างคือ ไน-เทอะ หรือ นี-เทอะ คำนี้ทำหน้าที่ได้หลายอย่างคือ determiner, pronoun, conjunction, adverb
1. กรณีที่ทำทน้าที่ determiner
เมื่อ neither ทำหน้าที่ determiner จะใช้ neither + singular noun + singular verb ในกรณีดังกล่าวนี้จะไม่มี article, possessive หรือ demonstrative หลังคำว่า neither
ตัวอย่าง
Neither parent realized what was happening.
ไม่มีฟอแม่คนไหนเลยที่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
Neither car is exactly what I want.
ไม่มีรถคันไหนเลยที่ตรงกับความต้องการของผม
Neither plan really suits me.
ไม่มีแผนการอัน ไหนเลยที่เหมาะสมกับผม
2. กรณีที่ทำหน้าที่ pronoun
neither อาจจะใช้ทำหน้าที่ pronoun ได้ โดยใช้โครงสร้างเป็น neither of + plural noun phrase ใน plural noun phrase จะมี determiner จำพวก article, possessive หรือ demonstrative กับ noun รูปพหูพจน์ กริยาในประโยคอาจจะเป็นรูปเอกพจน์ถ้าหากเป็น formal style หรืออาจจะเป็นรูปพหูพจน์ เมื่อเป็น informal style
ตัวอย่าง
Neither of his parents realized what was happening.
ไม่มีพ่อแม่คนไหนเลยที่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
Neither of these cars is exactly what I want.
ไม่มีรถคันไหนเลยที่ตรงกับคาามต้องการของผม
Neither of my sisters are very tidy.
(Informal)
ไม่มีน้องสาวของผมคน ไหนเลยที่เรียบร้อย
นอกจาก neither of จะใช้ร่วมกับ plural noun phrase แล้ว ยังใช้ได้กับ personal pronoun เช่น neither of them, neither of us, neither of you ได้ด้วย
ตัวอย่าง
Neither of them can understand.
ไม่มีใครสักคนที่เข้าใจ
Neither of us wants to come.
ไม่มีใครในพวกเราสักคนที่อยากจะมา
นอกจากการใช้ดังกล่าวแล้ว ยังอาจจะใช้ neither ตามลำพัง ในฐานะที่เป็น pronoun
ตัวอย่าง
Which one do you want? – Neither is any good.
คุณต้องการอันไหน – ไม่มีสักอันที่ดีเลย
The unions do not want a strike, and neither do the management.
ทางสหภาพไม่ต้องการสไตร้ค์ และฝ่ายบริหารก็ไม่ต้องการเช่นกัน
จากตัวอย่าง เรื่องการใช้ neither จะพบว่ามีโครงสร้างที่จดจำง่ายๆ คือ
ประโยคปฏิเสธ neither + helping verb รูปบอกเล่า + subject
3. กรณีที่ทำหน้าที่ conjunction
ในกรณีนี้ neither จะใช้กับ nor เพื่อเชื่อม negative ideas หรือ ความคิดในเชิงปฏิเสธเข้าด้วยกัน
ตัวอย่าง
Neither James nor Virginia was at home.
ทั้งเจมส์และเวอร์จิเนียไม่อยู่ที่บ้าน
เพื่อแยกแยะให้เห็นความหมายและที่มาของประโยคดังกล่าวให้ชัดเจนขึ้น นั่นคือ ประโยคตัวอย่างดังกล่าวมาจาก
(A) James wasn’t at home.
(B) Virginia wasn’t at home.
เมื่อนำเอา (A) และ (B) มารวมกันโดยใช้ neither … nor จะได้เป็น Neither James nor Virginia was at home.
ดูตัวอย่างเพิ่มเติม
I neither smoke nor drink.
มาจาก 2 ประโยค คือ
(A) I don’t smoke.
(B) I don’t drink.
เมื่อรวม (A) กับ (B) เข้าด้วยกัน โดยใช้ neither … nor จะได้เป็น
I neither smoke nor drink.
ผมไม่สูบบุหรี่และไม่ดื่มสุรา
ในกรณีที่ neither … nor ใช้เชื่อม subjects กริยาภายในประโยคจะใช้ตามประธาน (subject) ตัวที่อยู่ใกล้มันมากที่สุด
ตัวอย่าง
Neither Ray nor George has finished his work.
ทั้งเรย์และจอร์จยังทำงานไม่เสร็จ
แต่ถ้าเป็นแบบ informal style เมื่อประธาน 2 ตัว ถูกเชื่อมด้วย neither … nor อาจจะใช้ plural verb ก็ได้
ตัวอย่าง
Neither James nor Virginia were at home.
ทั้งเจมส์และเวอร์จิเนียไม่อยู่บ้าน
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 8,968 times, 2 visits today)

[Update] Grammar: หลักการใช้ All – Every – Each แตกต่างกันอย่างไร | either การใช้ – NATAVIGUIDES

All, Every, Each มองผ่าน ๆ เหมือนจะคล้ายกัน เลยทำให้สับสนจนใช้ผิดกันเป็นประจำ ดังนั้นต้องรู้หลักการใช้ All – Every – Each ว่าแตกต่างกันอย่างไร เพื่อใช้ได้อย่างถูกต้อง

All

All หมายถึง ทั้งหมด ใช้พูดถึงจำนวนรวม (total) ของคน, สัตว์หรือสิ่งของในกรุ๊ปที่มีจำนวนอย่างน้อยสามสิ่งหรือคน ไม่ใช่เฉพาะอย่างหรือเฉพาะราย

หลักการใช้ All

1. All +  plural noun (คำนามพหูพจน์) เพื่อบอกผลรวมทั้งหมดของสิ่งในกรุ๊ป เช่น

     All students were able to solve this problem.
     (นักเรียนทั้งหมดสามารถแก้ปัญหานี้ได้)

     All rooms are full today.
     (ห้องทั้งหมดเต็มแล้ววันนี้)

ข้อสังเกต : เมื่อ All + plural noun เป็นประธาน คำกริยาต้องเป็นพหูพจน์

2. All of + pronouns ใช้กับคำสรรพนาม (Pronouns: him, her, it, you, them, us) เช่น

     All of us get tired of our boss’s story about when she was young.
     (พวกเราทุกคนเบื่อเรื่องเล่าวัยเด็กของหัวหน้าจะแย่อยู่แล้ว)

     All of you have to attend the meeting tomorrow.
     (พวกคุณทุกคนต้องเข้าประชุมวันพรุ่งนี้)

Every

Every หมายถึง ทุก ๆ ใช้กล่าวถึงสมาชิกทั้งหมดในกรุ๊ปที่มีตั้งแต่สามสิ่งหรือคนขึ้นไป โดยพิจารณาทีละหนึ่ง

หลักการใช้ Every

1. Every + singular noun ใช้กับคำนามเอกพจน์ เช่น

     Every player played very well, so they were able to win.
     (ผู้เล่นทุกคนเล่นได้ดีมาก ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเอาชนะได้)

     Every student passed the test.
     (นักเรียนทุกคนสอบผ่าน)

ข้อสังเกต : เมื่อ Every + singular noun เป็นประธานของประโยค คำกริยาต้องเป็นเอกพจน์ (singular verb) นั่นคือคำกริยาต้องเติม s/es เช่น Every student studies hard. (นักเรียนทุกคนเรียนอย่างหนัก)

2. Every + number + plural noun สามารถใช้กับคำนามพหูพจน์ได้ โดยต้องมีจำนวนตัวเลขอยู่หน้านามนั้น  เช่น

     I wash my clothes every 2 days.
     (ฉันซักผ้าทุก 2 วัน)

     The bus comes every 30 minutes.
     (รถบัสมาทุก 30 นาที)  

นอกจากนี้เราสามารถใช้ every โดยไม่มีจำนวนตัวเลขและคำนามเอกพจน์เพื่อกล่าวถึงช่วงเวลาที่เป็นประจำสม่ำเสมอด้วย เช่น

     Tuk goes to the gym every day.
     (ตั๊กไปยิมทุกวัน)

     I play football every Sunday.
     (ฉันเล่นฟุตบอลทุกวันอาทิตย์)

Each

Each หมายถึง แต่ละ…, อันละ, คนละ ใช้กล่าวถึงสมาชิกทั้งหมดในกรุ๊ปที่มีตั้งแต่สองสิ่งหรือคนขึ้นไป โดยพูดถึงแบบหนึ่งต่อหนึ่ง

หลักการใช้ Each

1. ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ (Adjectives) โดย Each + singular countable noun ใข้กับคำนามนับได้เอกพจน์ เช่น

     The president presented a diploma to each student.
     (อธิการบดีมอบใบประกาศนียบัตรแก่นักศึกษาแต่ละคน)

     Live each day as if it were your last.
     (ใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เหมือนว่าถ้ามันเป็นวันสุดท้ายของคุณ)

ข้อสังเกต : เมื่อ Each + singular noun เป็นประธาน คำกริยาต้องเป็นเอกพจน์ (singular verb) นั่นคือคำกริยาต้องเติม s/es 

2. Each ทำหน้าที่เป็นคำสรรพนาม (Pronoun)  เช่น

     I’ve seen three films about World War 2, each was every interesting.
     (ฉันเคยดูหนังเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ละเรื่องน่าสนใจทุกเรื่อง)

     There are two boys. Each is smiling.
     (มีเด็กผู้ชาย 2 คน แต่ละคนกำลังยิ้ม)

3. Each + one โดย One แทนคำนามนับได้เอกพจน์ ถ้ามันถูกกล่าวถึงไปแล้ว เช่น

     No relationship is perfect. Each one has its own problems and challenges.
     (ไม่มีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบหรอก แต่ละความสัมพันธ์มันมีปัญหาและอุปสรรคของมัน)
     *each one = each relationship

     There are twenty paintings in the exhibition, each one exhibiting the artist’s masterful technique.
     (มีภาพเขียนในงานนิทรรศการ 20 ภาพ แต่ละภาพแสดงให้เห็นความสามารถของศิลปิน)
     *each one = each painting

4. Each of + pronoun โดยใช้กับคำสรรพนามพหูพจน์ you, us, them เท่านั้น เช่น

     Each of them needs to consider the problem carefully.
     (พวกเขาแต่ละคนจำเป็นต้องพิจารณาปัญหาอย่างระมัดระวัง)

     Each of us earns 1,000 bahts.
     (พวกเราแต่ละคนได้รับเงิน 1,000 บาท)

5. Each of + determiner + plural noun ใช้กับคำนามพหูพจน์ที่มีคำบ่งชี้คำนาม (my, his, the เป็นต้น) นำหน้า เช่น

     Each of my friends is kind.
     (เพื่อนของฉันแต่ละคนใจดี)

     Each of those members was able to solve this problem.
     (สมาชิกแต่ละคนนั้นสามารถแก้ไขปัญหาได้)

     Each of the tables has a unique design.
     (โต๊ะแต่ละตัวมีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์)

6. Noun/Pronoun + each วาง Each ไว้หลังคำนาม (noun) หรือคำสรรพนาม (pronoun) ที่มันอธิบายเพื่อเป็นการเน้นย้ำ เช่น

     I bought three hotdogs. They each cost 20 bahts
     (ฉันซื้อฮ็อตด็อกสามชิ้น พวกมันแต่ละชิ้นราคา 20 บาท)

7. ทำหน้าที่เป็นคำกริยาวิเศษณ์ (Adverbs)  
   – Object + each ซึ่ง each อยู่หลังกรรม และโดยปกติกรรมจะพูดถึงปริมาณ, จำนวน หรือ ราคา เช่น

     These machines are worth 200,000 dollars each.
     (เครื่องจักรเหล่านี้มูลค่าเครื่องละ 200,000 ดอลล่าร์)

     The notebooks cost 20,000 bahts each.
     (โน้ตบุ๊กราคาเครื่องละสองหมื่นบาท)

เปรียบเทียบ All, Every, Each

All

Every

Each

  พูดถึงทั้งกลุ่มโดยรวม

  พูดถึงทั้งหมดในกลุ่ม

  พูดถึงแต่ละบุคคลในกลุ่ม

  ใช้กับคำนามพหูพจน์
  ใช้กับคำนามนับไม่ได้

   ใช้กับคำนามเอกพจน์

  ใช้กับนามนับได้เอกพจน์

  อยู่หน้านามพหูพจน์ที่เป็นประธาน กริยาเป็นพหูพจน์

  เมื่ออยู่หน้าคำนามเอกพจน์ที่เป็นประธาน กริยาต้องเป็นเอกพจน์ (กริยาเติม s/es)

  วางหน้าคำบุพบท of ได้

  ไว้หน้าคำบุพบท of ไม่ได้

  วางหน้าคำบุพบท of ได้

 

  ใช้เดี่ยว ๆ วางไว้หน้าคำกริยาไม่ได้ ต้องมีคำนามตามหลังเสมอ

  ใช้เดี่ยว ๆ วางไว้หน้าคำกริยาได้

 

  ใช้กับของสองสิ่งหรือคนสองคนไม่ได้

  ใช้กับของสองสิ่งหรือคนสองคนได้
  Ex. He was carrying a suitcase in each hand. (เขากำลังถือกระเป๋าเดินทางในมือแต่ละข้าง)

 

  ใช้กับนามนามธรรม (Abstract nouns) ได้ เช่น every reason

  ใช้กับนามนามธรรม (Abstract nouns) ไม่ได้

 

ห้ามใช้คำนำหน้านามวางข้างหน้า
เช่น The every/The each ใช้ไม่ได้

 

  บางกรณีจะใช้ every หรือ each ก็ได้ เช่น There’s a TV set in every/each room at the hotel. (มีทีวีในทุกห้อง/แต่ละห้องของโรงแรม)

 


เก๋ไก๋กลับมาเเล้ว (เปิดตัวทีมงานใหม่หล่อสุดๆ)


เก๋
FB : https://www.facebook.com/kaykai.overyes
IG : kaykai_ntch
ติดต่อ 247units
https://www.facebook.com/247units
https://www.instagram.com/247units/?h…
เบส
IG : best.247units
วินซ์
IG : vince.247units
ตูน
IG : tapeepar.247units
เจวัน
IG : jeone.247units
เยียร์
IG : y1er.247units
สนใจสนับสนุนช่อง/sponsor
ส่งเมล์มาที่ : [email protected]

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

เก๋ไก๋กลับมาเเล้ว (เปิดตัวทีมงานใหม่หล่อสุดๆ)

either neither both ภาษาอังกฤษ ใช้ยังไง แปลว่าอะไร (เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE)


เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เรียนภาษาอังกฤษกับESE either neither both ภาษาอังกฤษ ใช้ยังไง แปลว่าอะไร ทั้งในรูปแบบ บอกเล่า และ ปฏิเสธ ใช้ยังไง มาลองดูกัน มั่นใจว่าหลังจากจบวีดีโอนี้ หลายคนใช้คำเหล่านี้ถูกต้องแน่นอน มีคำถามเพิ่มเติม สามารถ คอมเมนต์ไว้ได้เลยนะครับ
Follow us on Facebook: https://www.facebook.com/easyandsimpleenglish/
Follow us on Instagram: https://www.instagram.com/ese_stagram_th/
Visit our website: http://easysimpleenglish.com/
Contact: Tel: 0863537300 Line: ese.th

either neither both ภาษาอังกฤษ ใช้ยังไง แปลว่าอะไร (เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับESE)

สอนการใช้ too, either, so , neither


สอนการใช้ too, either, so , neither โดยนายสมใจ จันสุกสี ครูชำนาญการโรงเรียนเกาะขันธ์ประชาภิบาล สพม. 12 เสียงอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะตอนทำนั้นอุปกรณ์ไม่พร้อมเนื่องจากอยู่ในช่วงอบรมที่ สพม.12 แต่ก็ฟังดี ๆ นะครับจะเข้าใจ

สอนการใช้ too, either, so , neither

วิธีใช้ So Neither either too และวิธีทำข้อสอบแบบสรุปง่ายๆ


หลักการใช้ So do I. I do too. Neither do I. I don’t either. วิธีตอบการแสดงความเห็นด้วยในประโยคบอกเล่าและปฏิเสธในภาษาอังกฤษ พาทำข้อสอบ

วิธีใช้ So Neither either too และวิธีทำข้อสอบแบบสรุปง่ายๆ

both,either,neither ใช้อย่างไร


ขอบคุณมากค่ะที่ติดตามครูมา สนใจเรียนรู้ภาษาอังกฤษฟรีเพิ่มเติมกับครูพิมได้ทาง:
🍇Instagram : ค้นหาคำว่า pim_pimolwan :เรียนรู้ประโยคสำเร็จรูปจากวิดีโอและรูปภาพ ที่ใช้บ่อยและนำไปใช้พูดได้ทันที พร้อมฝึกออกเสียง ครูพิมเขียนคำอ่านให้ด้วยค่ะ เพื่อง่ายต่อการออกเสียง
🍊Twitter: ค้นหาคำว่า \”ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับครูพิม\” :เรียนรู้ประโยคสำเร็จรูปจากรูปภาพ ที่ใช้บ่อยและนำไปใช้พูดได้ทันที
🍄 Youtube:ช่อง \”ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับครูพิม\” : วิดีโอการสอนที่ละเอียด เน้นให้ผู้เรียนเข้าใจง่ายสุดๆ พร้อมมีคำอ่านและภาพประกอบค่ะ
🌽Facebook: ชื่อว่า \”LearningTree\” : ชมการสอนถ่ายทอดสดกับครูพิมฟรีพร้อมรับข่าวสารและโปรโมชั่นส่วนลดคอร์สเรียน
🍎Line: แอ้ดมาได้ที่เบอร์ 0954855364 : สอบถามรายละเอียดคอร์สเรียนและโปรโมชั่นส่วนลดคอร์สเรียน

both,either,neither ใช้อย่างไร

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ either การใช้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *