Skip to content
Home » [NEW] สวิส อิตาลี แพลนเองไปกันเอง (part Switzerland) | ไป อิตาลี – NATAVIGUIDES

[NEW] สวิส อิตาลี แพลนเองไปกันเอง (part Switzerland) | ไป อิตาลี – NATAVIGUIDES

ไป อิตาลี: คุณกำลังดูกระทู้

ครั้งนี้มัชรูมทราเวลได้รับเกียรติจาก Guest สุดพิเศษ ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ รีวิว เที่ยว สวิส อิตาลี 14 วัน แบบแพลนเที่ยวด้วยตัวเอง น่าสนุกและไม่ได้ยากเท่าที่คิด ตามไปชมเลยค่ะ

Table of Contents

สวิส อิตาลี – แพลนเอง ไปกันเอง 14วัน 11คืน (part Switzerland)

สวิตเซอร์แลนด์ สวยดั่งแดน สรวงสวรรค์
ราวกับฝัน ท่องไป ในยอดเขา
อิตาลี ก็น่าสน ไม่ใช่เบา
เลยจับเอา สองเมือง มารวมกัน
เมืองสวิสฯ เรียกว่าหลัง คายุโรป
เพราะถูกโอบ ล้อมด้วย เขาสูงชัน
แมทเทอฮอรน จุงเฟรา ชิลทอนนั้น
รีบไปพลัน ประทับใจ ไม่ลืมเลือน
อิตาลี งดงามที่ สิ่งก่อสร้าง
สวยตาค้าง อลังการ น่าไปเยือน
เที่ยวเวนิส ฟลอเรนซ์-โรม ชมบ้านเรือน
แชร์ให้เพื่อน ที่สนใจ ได้ติดตาม

ผมเชื่อว่าเราทุกคนย่อมมีสถานที่หรือประเทศที่อยากไปเที่ยวซักครั้งในชีวิต (อาจจะที่เดียวหรือหลายๆที่) สถานที่ในลิสของผมและภรรยามีเยอะครับ พวกเราสนุกที่ได้เดินทางไปสถานที่ต่างๆ ประเทศต่างๆ สัมผัสภาษาและวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนบ้านเรา พวกเราใช้เวลาช่วงสงกรานต์ของทุกๆปีเป็นหลักเพราะเป็นช่วงที่เราจะลาได้ยาวที่สุดโดยใช้วันลาน้อยที่สุด

สวิส อิตาลี เป็นหนึ่งในสถานที่ในฝันของพวกเรา ด้วยที่สองประเทศนี้อยู่ติดกันครับผมก็เลยวางแผนเที่ยวไปพร้อมๆกันซะเลย สวิส อิตาลี อยู่ในเขตเชงเก้นก็เลยประหยัดค่าวีซ่าไปด้วยครับ ขอทีเดียวเที่ยวได้ทั่วเลย (ปีที่แล้วไปอังกฤษ-ฝรั่งเศส ต้องขอวีซ่าสองที่)
หลังจากติดตามราคาตั๋วอยู่ได้สักพัก ผมก็ได้ตั๋วเครื่องบิน Multi city แบบแวะสิงคโปร์ กรุงเทพ-ซูริค โรม-กรุงเทพ มาได้ในราคาที่พอใจ (อันนี้ผมซื้อตั๋วก่อนยื่นวีซ่านะครับ อยากได้ตั๋วถูกก็ต้องซื้อล่วงหน้าเอาครับ)

ทีนี้ตอนขอวีซ่าก็ขึ้นกับว่าเราอยู่ประเทศไหนนานที่สุด ก็ไปขอวีซ่าเชงเก้นจากประเทศนั้นๆ ของผมอยู่อิตาลีนานกว่าก็ไปขอจากสถานทูตอิตาลีครับ รายละเอียดการขอวีซ่าผมข้ามไปเลยนะครับ น่าจะหาอ่านได้จากกระทู้ใน Pantip ได้อยู่แล้ว ยืนยันว่าถึงวีซ่าอิตาลีจะขอเอกสารเยอะ แต่ถ้าเตรียมตัวดีๆ ก็ไม่น่ากังวลครับ ผมยื่นอาทิตย์แรกของเดือนมกราคม ที่เดียวผ่านและรออีก 2 วันได้เล่มคืนแล้วครับ

ซิมการ์ด

ผมใช้ Sim2fly ของ AIS ครับ ทีแรกตอนวางแผนทริปนี้ก็นึกว่าจะไม่ได้ใช้ซะแล้ว เพราะเค้ายังไม่มีให้บริการในสวิส แต่มาเช็คอีกทีเค้าเพิ่มสวิสเข้ามาแล้ว เลยขอจัดซะหน่อย 14 วัน 899 บาท ใช้งานได้ 15 วัน ใช้เนตได้ 3GB ที่ความเร็วสูงสุด(แต่เท่าไรไม่รู้) หลังจากครบ 3GB ความเร็วจะลดลงเหลือ 128 Kbps. ใครเดินทางประมาณ 15 วันแล้วไปมากกว่า 1 ประเทศ แนะนำ Sim2Fly คุ้มค่ามากครับ

มีข้อตินิดนึงในส่วนของอิตาลี ผมส่งรูปหรือโพสต์รูปผ่าน social media ทุกอย่างไม่ได้เลยแต่อินเตอร์เนตปกติ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเหมือนกัน

การเดินทางในสวิส

พวกเราใช้รถไฟเป็นส่วนใหญ่ ทีแรกคำนวณแล้วซื้อเป็น Half Fare card จะถูกกว่าซื้อ Swiss pass แบบ 4 วัน. แต่ต้องแลกกับการซื้อตั๋วทุกเที่ยวการเดินทาง แต่ปรากฎว่ามีโปรโมชั่นลด 30% ของ Swiss pass จากเว็บ RailEuroipe อันนี้ต้องขอบคุณเพจ ChangTrixget สำหรับข้อมูลดีๆ เลยได้สอย Swiss pass มาแทนครับ โชคดีจริงๆ แต่ราคาเต็มของ Swiss pass จาก RailEurope แพงกว่าราคาปกติอยู่เล็กน้อย แต่ได้ลดตั้ง 30% ยังไงก็คุ้มกว่า

ถ้า มาสวิส แล้ววางแผนนั่งรถไฟบ่อยๆ แนะนำให้โหลดแอพ SBB ไว้ครับ นอกจากจะใช้วางแผนการเดินทางได้แล้ว ยังบอกได้ว่ารถไฟลงชานชาลาไหน ต้องต่อชานชาลาไหนด้วย ไม่ต้องเสียเวลามองหาชานชาลาและรู้เวลาของขบวนต่อไปล่วงหน้า

การเดินทางในอิตาลี

คำนวณแล้วซื้อ pass ไม่คุ้มเลยวางแผนซื้อเป็นเที่ยวๆ เอา ถ้าเป็นระหว่างเมืองใหญ่ๆ Milan-Venice-Florence-Rome ผมซื้อรถไฟล่วงหน้าเอาครับ (นั่งทั้งของ Trenitalia กับ Italo เลย อันไหนราคาถูกก็ซื้อเจ้านั้น) ซื้อล่วงหน้าได้ 4 เดือนเลย ถ้ามาซื้อใกล้ๆวันเดินทางจะแพงครับ ราคาอาจจะแพงกว่ากันถึง 3 เท่าได้ แนะนำว่าถ้าวางแผนชัวร์ๆแล้ว ซื้อล่วงหน้าไปเลยครับจะได้ประหยัด แต่ถ้านั่งใกล้ๆ เช่น Florence-Pisa ซื้อล่วงหน้าก็ราคาเท่ากัน ก็เลยไปซื้อเอาที่สถานีตอนจะเดินทางแทนครับ
ผมใช้แอพ Trenit เช็ครอบรถไฟอิตาลีครับ ตอนซื้อตั๋วผมก็เช็คราคาจากเว็บนี้ เพราะมีทั้งของ TrenItalia และ Italo แสดง ทำให้เทียบราคาง่าย นอกจากนี้ยังใช้เช็ครอบรถไฟ local ที่เดินทางไป Pisa กับ Cinque Terre ได้ด้วย

ที่พัก

ผมจองล่วงหน้าตั้งแต่ได้ตั๋วเครื่องบินมาครับ แต่เลือกแบบยกเลิกได้เอาไว้ สุดท้ายก็ไม่ได้ยกเลิกเลยเพราะหาที่ถูกกว่าไม่ได้ 555+ ผมใช้ TripAdvisor ดูรีวิวและเช็คราคาเป็นส่วนใหญ่ เว็บไหนถูกก็จองกับเว็บนั้นครับ เน้นจองที่พักที่ใกล้สถานีรถไฟเป็นหลักครับ แบบเดินราวๆ 5-10 นาที จะได้ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นลงใต้ดินหรือรถเมล์อีกรอบ หัวข้อกระทู้บอก 14 วันก็จริงแต่นับแบบบริษัททัวร์ครับคือรวมวันเดินทางไปด้วย ถ้าวันเที่ยวจริงๆก็ 12 วันครับ (วันที่12 จริงๆก็ไม่ได้ไปไหน เดินทางไปสนามบินละ) ถ้าอยากรู้ว่าผมไปไหนบ้าง … รายละเอียดทริปคร่าวๆ ตามแผน ดังนี้เลยครับ ออกตัวก่อนนะครับว่า เราทั้งคู่ค้นพบตัวเองว่าไม่ใช่สายศิลปะรูปปั้น ภาพวาดอะไรพวกนั้น ฉะนั้นก็จะไม่เน้นเข้า Gallery นะครับ

วันที่1 Bangkok-Singapore-Zurich
วันที่2 ถึงสนามบิน Zurich เดินทางไป Lucerne
วันที่3 ไป Titlis ไม่ก็ Rigi แล้วแต่สภาพอากาศ
วันที่4 ไป Jungfrau หรือ Zermatt แล้วแต่อากาศ แบคอัพเป็น Lake Thun กับ Bern
วันที่5 ไป Zermatt หรือ Jungfrau แล้วแค่อากาศ แบคอัพเป็น Lake Thun กับ Bern
วันที่6 ไปเวนิส แวะมิลาน
วันที่7 เดินเล่นเวนิส Burano+San Marco
วันที่8 ไป Florence เดินเล่นในเมือง
วันที่9 ไป Cinque Terre
วันที่10 ไป San Gimignano+Siena
วันที่11 ไป Rome เริ่มที่ Colosseum กับ เดินเล่นในเมือง
วันที่12 เที่ยว Vatican และเก็บตกที่เหลือ
วันที่13 Rome-Singapore-Bangkok
วันที่14 ถึงบ้าน

มาดูกันว่าของจริง พวกเราทำได้ตามแผนมั้ย

สวิส อิตาลี

วันที่1: Bangkok – Zurich ผ่าน Singapore ด้วยสายการบิน Singapore airlines (คนละ 21,610 บาท) ภรรยาผมมีซื้อของ King power ที่สนามบินด้วยครับ แต่เราเลือกรับของตอนที่กลับมาเพราะสินค้าเป็นของเหลวปริมาตรมากกว่า 100ml ซึ่งจะไม่สามารถผ่านขึ้นเครื่องที่สิงคโปร์ได้ ใครที่ต่อเครื่องแล้วจะซื้อของเหลวจากสนามบินต้องเช็คแต่ละสนามบินก่อนนะครับว่าของเหลวผ่านได้หรือเปล่า และเนื่องจากเวลา Transit มีแค่ 1 ชั่วโมง เลยตื่นเต้นเล็กน้อยก่อนเดินทางกลัวว่าถ้าดีเลย์จากกรุงเทพฯ อาจจะต่อเครื่องไม่ทันได้

สุดท้ายก็ทันครับเพราะเครื่องที่จะไป Zurich ดีเลย์ ระหว่างนั่งรอเครื่องออกกัปตันประกาศขอโทษที่ดีเลย์เพราะต้องรอผู้โดยสารที่ทรานสิทมา เลยคิดว่าถ้าไฟล์ทจากกรุงเทพไม่ดีเลย์แบบมโหฬารยังไงก็ได้ไปครับ
จากสิงคโปร์นั่งยาวเลยครับ 13 ชั่วโมง เมื่อยก้นกันสุดๆ

ความเห็นส่วนผมคิดว่านั่งแบบนี้ดีกว่าปีที่แล้วที่ต้องเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา เพราะอันนี้นั่งยาวเลยได้พักผ่อนได้ต่อเนื่องกว่าครับ

วันที่2: ถึงสนามบิน Zurich เดินทางไปที่ Luzern เลย จริงๆ ตอนวางแผนผมลังเลว่าจะแวะเมือง Zurich ก่อนดีมั้ยแต่วันนี้เป็นวันแรกที่ลงเครื่องมากลัวจะเหนื่อยไป เพราะปีที่แล้วตอนไปลอนดอนวันแรกที่ลงเครื่องนี่ง่วงนอนตั้งแต่ 4-5 โมงเย็น เลยตัดสินใจว่าไปแค่ Lucerne ดีกว่า ถ้าเดินเล่นเหนื่อยก็เข้าที่พักนอนได้เลย ค่ารถไฟจากสนามบิน 30 CHF วันนี้ยังไม่ได้ใช้ Swiss pass ครับผมเลือกให้เริ่มใช้พรุ่งนี้

จากสถานีรถไฟในสนามบินอย่าลืมซื้อตั๋วกันก่อนนะครับ ทางลงไปชานชาลารถไฟมันไม่มีที่ตรวจตั๋ว ตอนแรกผมก็ลากๆกระเป๋าตามป้ายลงไปถึงชานชาลาถึงรู้ว่าไม่มีที่ขายตั๋ว พักที่ Boutique Hotel Weisses Kreuz อยู่โซนเมืองเก่า เลยต้องลากกระเป๋าผ่านทางเดินหินด้วยความทรมาน แต่ดีตรงที่อยู่ใกล้สะพานไม้มาก ไปฝากกระเป๋าแล้วเดินเล่นในเมืองต่อ (คืนละ 143 CHF ไม่มีอาหารเช้า รวมภาษีเมืองเป็น 151CHF แพงสุดในทริปนี้เลย T^T) กลับมาเช็คอินตอนบ่ายสอง จนท.บอกได้อัพเกรดฟรีเป็นห้อง Suite ยิ้ม ดีจริงๆ นี่หละที่ต้องการ ได้เวลาเข้าห้องและ enjoy กับห้องแล้วหลังจากเดินทางเหนื่อยมาทั้งวัน ตอนเย็นออกไปเดินเล่นอีกรอบหาซื้ออะไรมากิน ไม่ได้รอถ่ายรูปสะพานตอนกลางคืนเพราะเหนื่อย อากาศไม่ค่อยเป็นใจให้ถ่ายรูปเท่าไร ฟ้าหม่นๆ แดดออกบ้างหุบบ้างมีแอบฝนตกตอนมาถึงด้วยกลางวันไม่ได้กิน ตกเย็นเลยซัดมาม่าที่เอาไปกับแซนวิซลด 50% จาก COOP

สวิส อิตาลี

วันที่3: ตามแผนจะเช็คเอาท์ ฝากกระเป๋าแล้วไป Titlis หรือไม่ก็ Rigi (ไป Rigi นั้นรวมใน Swiss Pass แล้วและได้นั่งเรือด้วย) แล้วค่อยนั่งรถไฟไป Interlaken

วันนี้เช็ค Live cam แล้วอากาศไม่ดีเลยมีแต่หมอกทั้งสองที่ เลยตัดสินใจเป็นเช็คเอาท์แล้วนั่งรถไฟไป Interlaken ฝากกระเป๋าก่อนเลย แล้วไปขึ้นเรือทะเลสาบ Thun รอบ 12.10 ตอนแรกกะว่านั่งข้างนอก ปรากฎว่าเรือออกไปได้สักพักโดนลมแล้วหนาว ต้องหนีมานั่งข้างใน พวกเราลงที่ Spiez แล้วต่อรถไฟไป Bern เดินไป Rose garden และกลับด้วยรถบัสเพราะขาไปหาป้ายรถบัสสาย 15 ไม่เจอ 555+ ที่ Rose garden กะว่าจะได้รูปวิวเมืองปรากฎว่าเป็นตอนบ่ายต้องถ่ายย้อนแสงครับ เลย Fail ไปตามระเบียบ (เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จะถ่ายรูปควรจะเช็คทิศทางแสงแดดให้ดีด้วยครับ)

มื้อเช้าของเราฝากไว้กับ Migros มื้อกลางวัน แวะกินข้าวที่ร้าน Migros restaurant แถว Bern ส่วนมื้อเย็นเราปิดด้วยร้านอาหารเกาหลีแถวที่พัก พักที่ Hotel Blume ทั้งหมด 3 คืน เพราะขี้เกียจย้ายที่นอนบ่อยๆ เลยใช้ที่นี่เป็นศูนย์กลางซะเลย (คืนละ 100 CHF) ที่พักไม่มีลิฟท์ ต้องลากกระเป๋าขึ้นบันไดแต่บันไดกว้างอยู่สบายๆ ที่นี่เป็นที่เดียวที่จองห้องน้ำรวม แต่ห้องน้ำสะอาดมากครับ คิดว่าน่าจะมีแค่คู่เราที่ใช้ห้องน้ำเพราะไม่เคยเห็นใครใช้เลย คนอื่นคงจองห้องแบบมีห้องน้ำในตัวมา

วันที่4: มาถึงวันที่รอคอย แนะนำว่าถ้าใครจะไปขึ้นภูเขาที่สวิส เช็ค weather กับ live cam วันต่อวันไว้เลยครับ ถ้าวันไหนเขาลูกไหนอากาศดีก็ไปขึ้นเขาลูกที่อากาศดีก่อน วันนี้เราได้ไป Jungfraujoch ตามแผน เพราะดูแล้วฟ้าใสแน่ๆ พวกเราขึ้นรอบ 6.35 เลยครับ เจอแต่นักสกี ได้คุยกับคนนึงเค้าบอกจะสกี 3 วันติดต่อกันโดยพักที่หมู่บ้านระหว่างทางแบบไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ด้วย ฟังดูน่าตื่นเต้นมากครับ

พวกเราใช้เวลาอยู่บนนั้นราวๆ 2 ชั่วโมง เพราะขึ้นไปแต่เช้าครับเลยได้ใช้เวลาเต็มที่ แต่เสียดายไม่ได้ถ่ายกับธงสวิสได้แค่เสาธงมา พวกเราลงจาก Jungfrau รอบ 10.43 เพื่อมาขึ้นเคเบิลไป Murren รอบ 12.38 เพราะเราจะไปเขาที่สองกันครับ Schiltron จริงๆ เกือบจะไม่ได้ไปแล้วเพราะตอนหาข้อมูลเอารูปให้ภรรยาดูแล้วเค้าเฉยๆ แต่ปรากฎระหว่างทางเดินผ่านที่ Interlaken มีโฆษณาของ Schiltron นางบอกอยากไป ^^

เดินเล่นกันจนพอใจก็กลับลงมารอบประมาณ 15.00 ขึ้นเขากันสะใจมากครับวันนี้ จริงๆ ผมหาข้อมูลมาตลอดว่าเคยมีใครทำมั้ยแต่ก็ไม่เจอ เลยลองจัดกันเองกะเวลาดูว่าต้องนั่งรถไฟรอบไหนถึงจะทัน สรุปคือทำได้จริงแต่จะไม่มีโอกาสได้ดื่มด่ำกับเมืองต่างๆระหว่างทาง เช่น Wengen, Luaterbunnen, Murren อันนี้แล้วแต่ว่าใครอยากจะไปหรือไม่ไปละกัน สุดท้ายข้อแนะนำที่ได้จากนักสกีเวลาที่ขึ้นเขาเค้าแนะนำให้ดื่มน้ำเรื่อยๆ ระหว่างทางครับ มันจะช่วยไม่ให้ปวดหัว ไม่รู้ว่าจริงไม่จริงแต่ผมก็กินไปหละครับ วันนี้พวกเราไม่ได้เสียค่าข้าวเลยครับ เพราะมีข้าวเหลือจากเมื่อวานเย็นบวกกับแพ็คอาหารเช้าของโรงแรม (พวกเราออกกันแต่เช้ามาก เลยขอให้เค้าแพ็คให้ทุกวัน) มื้อเย็นก็กลับไปกินมาม่าที่เอาไปครับ แนะนำว่าถ้าไปเอง แล้วไม่ติดขัดเรื่องเวลา ขึ้น Jungfrau รอบแรกๆ ไปเลยครับ ถึงไม่ไปต่อที่อื่นแต่ก็จะได้เดินเล่นแบบชิลๆ คนน้อยๆ ฟินกว่าเจอกรุ๊ปทัวร์มาบังมุมเยอะเลยครับ


วันที่5: ไม่น่าเชื่อว่าวันเวลาจะผ่านไปไวขนาดนี้ นี่จะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะได้เที่ยวในสวิสครับ เราจะไปเขาอีกหนึ่งลูก คือ Matterhorn วันนี้เราออกกันแต่เช้าเหมือนกัน ขึ้นรถไฟรอบแรกจาก Interlaken West เปลี่ยนรถไฟสองครั้งที่ Spiez และ Visp ระหว่างทางจาก Spiez มา Visp เป็นการวิ่งผ่านอุโมงค์มา เช้านี้ก็เจอคนแต่งชุดสกีเต็มไปหมดเหมือนเมื่อวาน วันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดีมากครับ ถ่ายรูปที่ Gornergrat มาแบบไม่อั้นจริงๆ ภรรยาชอบที่นี่ที่สุดในบรรดาเขาทั้งหมด จากนั้นก็ลงมาเดินเล่นใน Zermatt ก่อนจะกลับไปเดินชิลๆที่ Interlaken ส่งท้าย มื้อเช้ากินของที่แพ็คจากที่พัก ส่วนมื้อเที่ยงกินร้านแถว Zermatt มื้อเย็นพวกเรากลับมากินร้านอาหารไทยแถวที่พักเอา


มาสวิส นี่ สัมผัสได้ว่าคนที่นี้มีกิจกรรมกลางแจ้งกันค่อนข้างเยอะ บนรถไฟจะมีตู้หรือพื้นที่ให้วางจักรยานไปได้ และคงเพราะพวกเรามาช่วงที่หิมะยังมีอยู่ก็จะเห็นทั้งคนไปสกี ไป hiking ที่ Interlaken เห็นคนมาเล่น paragrinding นอกจากนี้คนพาสุนัขมาข้างนอกก็เยอะเหมือนกัน เป็นหนึ้งในประเทศที่ประทับใจมาก ธรรมชาติที่นี่สวยสุดๆไปเลย ถ่ายมาว่าสวยแล้วของจริงสวยกว่ามาก มีข้อเสียอย่างเดียวคือค่าใช้จ่ายแพงมากเจรงๆ T^T

ส่วนของสวิสคงมีแค่นี้ครับ แล้วผมจะกลับมาแชร์เรื่องของอิตาลีต่อในกระทู้ต่างหากอีกอันนะครับ และในตอนท้ายของกระทู้เรื่องอิตาลี ผมจะลงค่าใช้จ่ายทริปนี้ไว้ให้นะครับ คอยติดตามกันไว้นะครับ

คลิกชมรีวิวตอนอิตาลีได้ ที่นี่

ขอบคุณรีวิวสวยๆ จาก Guest สุดพิเศษ คุณ ไปไหนกันAroundTheWorld สังกัด Pantip จากกระทู้ “สวิส อิตาลี – แพลนเอง ไปกันเอง 14วัน 11คืน (part Switzerland)” ที่มามอบประสบการณ์จัดเต็มแบบนี้ รับเสียงปรบมือจากเราไปเล้ย !!
ระดับความน่าไป : ✩✩✩✩✩
พูดคุยกับ Guest ได้ที่ : FB/painaikan.gowhere

ชอบ บทความ

มัชรูมทราเวล

ทำไงดี…?

1.

กด

แชร์

ต่อ

ให้เพื่อนอ่านบ้าง

คลิก

Like

และ

ติดตามเราได้ที่ Facebook www.facebook.com/mushroomtravel/

2.Likeติดตามเราได้ที่ Facebook

—————

ทัวร์ยุโรป

Mushroom Travel มีโปรแกรมให้เลือกมากที่สุด

โทร.

02-105-6234 (30 คู่สาย)

[email protected]

Line id :

@mushroomtravel

สวิส อิตาลี – แพลนเอง ไปกันเอง 14วัน 11คืน (part Switzerland)

was last modified: by

[Update] 1 ปีชีวิตเด็กแลกเปลี่ยน เที่ยว “อิตาลี” ครบแทบทุกเมือง ! | ไป อิตาลี – NATAVIGUIDES

                สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com … มาเจอกับ พี่เป้ และคอลัมน์เล่าประสบการณ์เด็กนอกที่ทุกคนรอคอยกันเช่นเคย อิอิ สำหรับเรื่องราววันนี้ ขอบอกเลยว่า ประดุจน้ำเพชรประโลมใจของ พี่เป้ (เว่อร์ 555+) เพราะเป็นเรื่องราวชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนจาก “ประเทศอิตาลี” … ประเทศที่มีน้องๆ เรียกร้องมาเยอะมากกกกว่าอยากอ่านมากกกก แต่พยายามหาแล้วหาอีก ก็ไม่รู้จะไปหามาจากไหน แต่สุดท้าย !!! เราก็หาเจอจนได้ค่ะ !! เรื่องราวจะเป็นยังไงนั้น ลองไปอ่านดีกว่า บอกก่อนเลยว่าน่าอิจฉามากๆๆ

      

สวัสดีเพื่อนๆ เราชื่อ

“ป๊อกกี้”

ปภิณวิช มงคลเกษตร

นัก

เรียนแลกเปลี่ยนโครงการAFS รุ่นที่ 48 ประเทศอิตาลี

ตอนนี้เรียนอยู่ที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย จ.นครราชสีมา แผนการเรียนวิทย์-คณิต ชั้นม.6 และอยู่กลุ่ม Celebrity ดาวแห่งราชสีมาวิทยาลัย ●▽●  เป้าหมายตอนนี้คืออยากเข้าอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ADMISSION’ 54 เน่อ

          

 

      เราอยากเล่าประสบการณ์ชีวิตของเด็กแลกเปลี่ยนคนนึงที่ไปประเทศอิตาลี ประเทศที่ใครๆ ก็อยากไป เมืองแฟชั่น โอ้โห…. แต่เค้าพูดภาษาอะไรกันล่ะ??? มีหลายเรื่องที่น่าสนใจตลอดระยะเวลา 1 ปี ซึ่งอาจทำให้หลายๆ คนอยากไปอิตาลีมากกว่าเดิมหรือไม่อยากไปก็ได้ (เอ๊ะ!!! ยังไง)

      จริงๆ แล้ว ป๊อกก็มีความคิดที่จะไปแลกเปลี่ยนตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะเดิมที่เราชอบภาษาอังกฤษมากๆ แต่ไม่เก่ง T^T เที่ยวหาเรียนพิเศษไปเรื่อย ตั้งแต่ตอนเรียนประถมก็ไปหาเข้าค่ายภาษาอังกฤษของโรงเรียนหรือโปรแกรมต่างๆ บ้าง จนกระทั่งโตมาจนถึง ม.3  ก็เลยลองสมัครหลายโครงการดู แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจไป จนมาสอบอีกทีตอน ม.4  จริงๆ แล้วป๊อกเริ่มสอบ AFS ตั้งแต่รุ่นที่ 47 แล้ว แต่ไม่ผ่านการคัดเลือก แป่ว เราเลยมาลองใหม่อีกทีในรุ่น 48 พอดีสอบเป็นทุน CSP ซึ่งเป็นทุนที่ได้จากบริษัทต่างๆ ที่สนับสนุนโครงการ เราก็เลือกสอบของทุนธนาคารกสิกรไทยไป เลือกอเมริกาเป็นอันดับแรก แล้วเลือกอิตาลีอันดับที่ 2 และเยอรมัน อันดับที่ 3 และผลการสอบก็ออกมาว่า เราติดตัวจริงประเทศอิตาลี เถียงกับทางบ้านนานอยู่เหมือนกันว่าจะไปดีมั้ย ไอ้เราก็อยากไปอ่ะนะ พ่อก็เลยยอมให้ไป เพราะตอนนั้นอ่ะตัวป๊อกคิดว่าไปประเทศภาษาที่ 3 อ่ะ มันเวิร์กเว่อร์ๆ

             
               เริ่มเข้าสู่ประเทศอิตาลีเลยดีกว่า ป๊อกได้ไปอยู่ที่เมือง Naples(เนเปิลส์) ในแคว้น Campania อยู่ทางใต้ของประเทศ ประมาณตรงหน้าแข้งของรองเท้าบูทอ่ะ ภูมิประเทศจะเป็นแบบเนินเขา และเป็นเขตของภูเขาไฟหลายลูก เป็นเมืองท่าที่สวยมากๆ ให้นึกถึงอ่าวมะนาวบ้านเราอ่ะ จะคล้ายๆ แบบนั้นเลย แถวที่อยู่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย เช่น เมืองปอมเปอี ที่มีภูเขาไฟระเบิดแล้วพวกลาวาไหลมาทับเมืองทั้งเมือง

                มาถึงอิตาลีวันแรกนะ โอ้โหพระเจ้า…. อาหารไหนใครว่าอร่อย??? กินไม่ได้เล้ยยย ที่ป๊อกได้กินมื้อแรกไม่ใช่พิซซ่าหรือสปาเกตตี้หรอกนะ แต่เป็นข้าวเย็นๆ เหมือนแช่แข็งมา น้ำเปล่าก็ไม่มี แต่เป็นน้ำอัดแก๊ซ ให้ตายเหอะ ตอนนั้นกินได้อยู่อย่างเดียวคือเนื้อทอด ชีวิตรันทดอะไรได้ถึงขนาดนี้ มาทำไมวะเนี่ย????? อ้อ ตอนมาถึงวันแรกๆ เค้ามีเข้าค่ายปรับตัวด้วย เราก็เลยได้อยู่กับเพื่อนๆ ทั้งคนไทยและต่างชาติ

               ส่วน Host Family บ้านที่ป๊อกไปอยู่มี dad , mom แล้วก็มีลูกชาย 2 คน อายุ 17 กับ 15 ปี คนโตไม่ได้เจอเค้าหรอกนะ เพราะเค้าไปแลกเปลี่ยนเหมือนกันแต่ไปที่แคนาดา โฮสต์เค้าเป็นครอบครัวค่อนข้างจะอารมณ์ดี แต่ก็มีอายุกันแล้ว อาจจะมีเรื่องอารมณ์บ้างอะไรบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาของคนแก่!! โฮสต์ dad เป็นหมอ ส่วน mom เป็นครูสอนโภชนาการอาหาร เก่งทั้งคู่ รู้ทุกอย่างจริงๆ 555+ ส่วนตัวลูกชายนี่มีเรื่องให้เล่ายาวมากๆ แต่ขอสรุปทีเดียวเลยละกัน เค้าจะเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเอง ตามประสาลูกคนเล็ก ไม่ชอบให้ใครเด่นกว่า (แต่เผอิญเราเด่นกว่า 555+) ดื้อ งอแง ไม่ชอบไปโรงเรียน ทั้งๆ ที่โรงเรียนที่นั่นเรียนน้อยมาก และเป็นคนที่ไม่ชอบคุยกับใคร ป๊อกก็พยายามคุยด้วยหลายทีมากมาย แต่ก็จะได้คำตอบกลับมาเพียงแค่คำสั้นๆ หรือประโยคสั้น อยู่ไปก็เลยเริ่มปลงล่ะ

               มาดูเรื่องของโรงเรียนกันบ้างดีกว่า โรงเรียนที่ป๊อกไปอยู่เป็นวิทยาลัยเทคนิคการโรงแรมและห้องอาหารชื่อ I.P.S.A.R. Petronio ก่อนอื่นขอเล่าลักษณะของเรียนในอิตาลีก่อนดีกว่า โรงเรียนในอิตาลีหรือวิทยาลัยต่างๆ เนี่ย จะมีทั้งหมดประมาณ 6 แบบคือ

1.โรงเรียนวิทยาศาสตร์ (สายวิทย์-คณิต)
2.โรงเรียนภาษา (สายศิลป์ภาษา โดยจะเรียนภาษาละตินด้วย)
3.โรงเรียนคลาสสิค (เรียนเกี่ยวกับความคิด สติปัญญา และประวัติศาสตร์)
4.วิทยาลัยเทคนิค (ราชมงคลบ้านเรานี่แหละ)
5.วิทยาลัยเทคนิคการโรงแรมและห้องอาหาร (ถ้านึกไม่ออก ให้นึกโรงเรียน I-TIM ของมหิดล)
6.วิทยาลัยพานิชย์นาวี

               โดยโรงเรียนหรือวิทยาลัยที่นี่จะเรียนทั้งหมด 5 ปี (ซึ่งของไทยเราเรียน 6 ปี) วิทยาลัยที่ป๊อกเรียนจะมีแบ่งเป็นสายๆ โดยแบ่งเป็น Cooking, Bartender and Waiter และ Reservations ป๊อกได้เรียนในสายของ Reservation ในคลาสป๊อกมีเรียนทั้งหมด 11 วิชา 14.5 หน่วยกิต มีวิชา

1.ศาสนาคริสต์นิกาย โรมันคาธอลิก
2.ภาษาอิตาเลียน
3.ประวัติศาสตร์อิตาเลียน
4.ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว
5.ภาษาฝรั่งเศสเพื่อการท่องเที่ยว
6.คณิตศาสตร์
7.ภูมิศาสตร์และสถานที่ท่องเที่ยวในยุโรป
8.เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจและเทคนิคการบริการนักท่องเที่ยว
9.ประวัติศาสตร์ ศิลปวิทยาและวัฒนธรรม
10.เทคนิคการติดต่อสื่อสารและการปรับตัว
11.สุขศึกษาและพลศึกษา

               ช่วงแรกๆ ที่ไปเรียนก็นั่งเอ๋อไปวันๆ เพราะเราก็ไม่รู้ภาษาเค้า ป๊อกค่อนข้างที่จะโชคร้ายนิดนึง เพราะว่าทั้งห้องเป็นผู้หญิงหมดเลย ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็จะถูกนินทา เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานะ แต่ก็เชิงรำคาญเล็กน้อย ในห้องมีเพื่อนที่สนิทด้วยอยู่แค่ 3-4 คนเอง เพราะเราปรับนิสัยเข้าหากันได้ ส่วนที่เหลือคือเค้าจะมองป๊อกเป็นตัวประหลาด คนเอเชีย เหยียดหยาม!!

  

                มาพูดถึงเรื่องเที่ยวกัน ป๊อกว่าป๊อกเป็นคนที่โชคดีมากเลยคนนึง คือป๊อกได้มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ทั่วอิตาลีเลย แต่ขอเริ่มสถานที่ท่องเที่ยวในเนเปิลส์ก่อนละกัน

                ว่าด้วยเรื่องของประวัติศาสตร์อิตาเลียน “เนเปิลส์” ถือว่าเป็นเมืองหลวงของอิตาลีใต้ (ประมาณ 200-300 ปีก่อน มีการแบ่งแยกอิตาลีออกเป็น 2 ส่วน คืออิตาลีเหนือ เมืองหลวงอยู่ที่ตูริน และอิตาลีใต้ เมืองหลวงอยู่ที่เนเปิลส์) จึงทำให้เนเปิลส์มีปราสาทซึ่งเป็นที่ประทับของกษัตริย์หลายพระองค์ของอิตาลี เช่น Palazzo Reale ซึ่งมีการสร้างคล้ายกับพระราชวังแวร์ซายของฝรั่งเศส , Castel dell’Ovo เป็นปราสาทเก่าแก่ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเล และ Castel Sant’Elmo เป็นปราสาทที่ตั้งบนยอดเขา เปรียบเสมือนป้อมปราการ คอยสอดส่อง ดูแลความเรียบร้อยของเมือง และยังสามารถดูภาพพาโนรามาของเมืองเนเปิลส์ได้จากตรงนี้อีกอีกด้วย

                สถานที่ท่องเที่ยวในเนเปิลส์ที่เด่นๆ ก็คือ “ปอมเปอี” ที่บอกไปแล้ว ปอมเปอีเป็นเมืองเก่าแก่ที่ถูกลาวาไหลทับเมืองทั้งเมือง จากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณเกือบ 2,000 ปีที่ผ่านมา ในตัวเมืองมีวิหารต่างๆ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดคนทั่วโลกได้ดีเลยทีเดียว ค่าเข้าชมคนละ 11 ยูโร (หรือประมาณ 440 บาท) สำหรับชาวต่างชาตินะ แต่ไปดูแล้วอาจจะปลงๆ กันนิดหน่อยนะ เพราะบางคนที่ถูกลาวาไหลถล่มมาทับตายนี่คือ ตายในท่านั่งบ้าง นอนกอดลูกบ้าง เห็นแล้วสลด

                 ยังไม่หมดนะ เพราะในช่วงเดือนมีนาคม ทางโครงการจะมีโปรเจ็กต์สำหรับให้นักเรียนแลกเปลี่ยนได้ไปเที่ยวในต่างเมือง เป็นระยะเวลา 1 อาทิตย์ และต้องไปอยู่กับครอบครัวใหม่ ซึ่งป๊อกได้เลือกไปที่ “เมืองคาตาเนีย เกาะชิซีเลีย” ทางใต้ของประเทศอิตาลี่ และครอบครัวที่ป๊อกไปอยู่ด้วย เป็นครอบที่น่ารักมาก มีลูกชาย 4 คน เป็นครอบครัวนักดนตรี ทั้งบ้านเล่นดนตรีได้ มีห้องซ้อมดนตรีเป็นของครอบครัวเอง ส่วนคาตาเนียเป็นเมืองที่สวยงามมาก มีการจัดและวางผังเมืองได้สวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวได้แก่ ภูเขาไฟ Etna เป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลีและตอนนี้ก็ยังมีการปะทุอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อบ้านเมืองและประเทศรอบข้าง

                นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ ป๊อกยังได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆ ของอิตาลี ที่แรกที่ไปคือ “ฟลอเรนซ์” เมืองที่ทุกคนทั่วโลกกล่าวว่า เป็นเมืองที่สวยที่สุดในอิตาลี และก็จริงๆ แหละ เป็นเมืองที่สวยงามมาก ในตัวเมืองแทบไม่มีรถยนต์ให้เห็นเลย เพราะเค้าขี่จักรยานกัน สถานที่ที่สำคัญคือ สะพาน Ponte Vecchio 

                ไปต่อกันที่ “ปิซ่า” สถานที่ที่มีหอระฆังตั้งอยู่บนพื้นเอียง ทำให้ตัวเสานั้นเอนไปด้วย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งในอิตาลี่ และยังเป็นสถานที่ที่กาลิเลโอมาพิสูจน์ความจริงว่า วัตถุ 2 ชิ้น ที่มีขนาดเท่ากัน แต่น้ำหนักไม่เท่ากัน แต่กลับตกถึงพื้นโลกพร้อมกัน

                 หลังจากก็เข้าสู่เมืองแฟชั่น “มิลาน” … มิลานเป็นเมืองที่สวยเมืองหนึ่ง แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในมิลาน ก็จะมีแค่ Duomo เป็นวิหารที่สวยที่สุดในอิตาลี และ Galleria Vittorio Emanuele II ซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งแบรนด์เนมชื่อดัง นอกจากนี้ ในมิลานจะมีถนนไว้ให้สำหรับขาช็อปได้เดินช็อปปิ้งประมาณ 4-5 สายติดกัน

                 และที่สุดท้ายที่ได้ไปในช่วงอีสเตอร์ก็คือ เมืองแห่งเทพนิยาย “เวนิซ” เวนิซเป็นเกาะนะ ไม่ใช่เป็นเมือง เป็นเกาะกลางน้ำที่สำคัญที่สุดในอิตาลี มีคลองเล็กๆ ไว้ให้สำหรับเรือกอนโดลาที่โด่งดังและแพงสุดๆ ได้พานักท่องเที่ยวเที่ยวชมความของเกาะ ถ้าจำไม่ผิด ครึ่งชั่วโมง 40 ยูโร หรือประมาณ 1,600 บาท และสิ่งที่ทุกคนอาจไม่รู้มาก่อนคือ นอกจากเกาะเวนิซแล้ว ยังมีอีกหลายๆ เกาะที่สำคัญที่อยู่ในเขตการปกครองของเวนิซ คือเกาะมูราโน และเกาะบูราโน ทั้ง 2 เกาะนี้เป็นเกาะที่เงียบสงบ ผิดกับเกาะเวนิซที่มีนักท่องเที่ยวมากมาย 2 เกาะนี้เป็นเกาะที่ผลิตแก้วต่างๆ รวมทั้งเครื่องประดับ ของตกแต่งที่ทำจากแก้ว จึงมีหลายโรงงานที่อยู่บนเกาะ 2 เกาะนี้

                และที่สุดท้ายที่ได้ไปเที่ยว แต่ไม่ได้ไปในช่วงอีสเตอร์นะ ก็คือ “โรม” เมืองหลวงของอิตาลีนั่นเอง โรมมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมากมาย แต่จะยกตัวอย่างแค่ 2-3 ที่ก็พอ …. ที่แรกเลยคือมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ หรือที่เรียกกันว่า “นครรัฐวาติกัน” วาติกันเป็นรัฐที่เล็กที่สุดในโลก และเป็นรัฐเดียวที่อยู่ในอิตาลี บาทหลวงหรือผู้ที่ทำงานในวาติกัน จะไม่ถือว่าตัวเองเป็นชาวอิตาเลียน เพราะวาติกันเป็นรัฐอิสระนั่นเอง และมีพระสันตะปาปาเป็นประมุข
หลายๆ คนอาจจะได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Angel and Demon ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการคัดเลือกพระสันตะปาปา และความขัดแย้งภายในนครรัฐ ในภาพยนตร์ได้แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของรัฐนี้ ป๊อกก็คิดว่ามันยิ่งใหญ่จริงๆ สวยงามมากๆ ในตัววิหารมีรูปปั้นปิเอตา เป็นรูปปั้นพระแม่มารีประคองพระเยซูอยู่บนตักของตัวเองก่อนที่พระเยซูจะสิ้นใจ ชั้นใต้ดินมีสุสานของพระสันตะปาปาตั้งแต่พระองค์แรกจนถึงองค์ก่อนปัจจุบัน ส่วนด้านบนของวิหารเป็นสถานที่ที่สามารถมองเห็นได้ทุกจุดของกรุงโรม

                 สถานที่ท่องเที่ยวแห่งที่สองคือ Fontana di Trevi หรือน้ำพุเทรวี ว่ากันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่หนึ่ง ที่นักเสี่ยงโชคมักจะมาขอพรจากน้ำพุนี้ด้วยการอธิษฐานแล้วโยนเหรียญลงไปในบ่อ ว่ากันว่าจะทำให้ประสบความสำเร็จในเรื่องที่ขอ แต่ป๊อกไม่ได้ขอนะ

                  และที่สุดท้ายที่จะพูดถึงคือ “โคลอสเซียม” อย่างที่ทุกคนรู้กันคือเป็นสนามกีฬาเก่าแก่ของอิตาลี่ ใหญ่มากๆ ใหญ่จริงๆ โดยในประวัติศาสตร์แล้ว โคลอสเซียมได้สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 1 มีพื้นที่ขนาดใหญ่ สามารถจุคนได้ถึง 8 หมื่นคน ชั้นใต้ดินจะแบ่งออกเป็นห้องๆ ไว้กักขังนักโทษประหาร และสัตว์ร้ายต่างๆ เช่น สิงโต เป็นต้น ในบ้างครั้ง โคลอสเซียมถูกจัดให้เป็นลานประหารของนักโทษ แต่ในบางครั้งก็เเป็นสนามประลองความสามารถของเหล่าผู้กล้าในอาณาจักรอิตาลี

                 และ 1 เดือนก่อนที่จะกลับ AFS ก็ได้จัดค่ายอีก 1 ค่าย เพื่อเป็นการอำลา รวมถึงการทำกิจกรรมร่วมกัน การเขียนบรรยายความรู้สึกที่มีกับอิตาลี ครอบครัวอุปถัมป์ รวมถึงกับ AFS ด้วย เป็นค่าย 4 วัน 3 คืน และเป็นค่ายที่สนุกและเศร้าที่สุด เพราะนึกถึงความรู้สึกที่จะต้องกลับประเทศของแต่ละคน ฮือๆ มีการแสดงต่างๆ ซึ่งให้แต่ละชาติออกมาแสดง แต่รอบนี้ประเทศไทยไม่โชว์เดี่ยวแล้ว เบื่อ!! เลยโชว์รวมกับประเทศในแถบเอเชีย สร้างความฮือฮาให้ทุกคนอย่างเว่อร์มาก

                 หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า ไปอยู่อิตาลี พูดอิตาเลี่ยนได้หรอ แล้วจะปรับตัวยังไง คือเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงเลย เพราะทาง AFS ได้จัดคอร์สเรียนภาษาอิตาเลียนไว้ให้แล้ว เริ่มเรียนตั้งแต่ 2 อาทิตย์แรกที่ไปถึงจนถึงอาทิตย์ก่อนเทศกาลปีใหม่เลยทีเดียว และอีกอย่างหนึ่งสำหรับการเรียนภาษา คือเราได้ยินภาษาทุกวัน เจอคนพูดด้วยทุกวัน บวกกับการที่เรียนภาษาไปด้วยเนี่ย แน่นอนว่า มันจะเป็นการซึมซับภาษาไปในตัว เหมือนตอนเราเป็นเด็กที่ได้ยินผู้ใหญ่พูดคุย แล้วเราก็จำมาพูด นั่นแหละ ใช้เทคนิคเดียวกัน 5555+ แต่อย่าลืมว่า ความขยันเป็นสิ่งที่ทำให้เราไปสู่ความสำเร็จนะเพื่อนๆ

                 ได้อ่านประสบการณ์เด็กนอกจากอิตาลีแบบนี้แล้ว เชื่อว่าปีหน้า ยอดคนที่เลือกไปอิตาลีคงเยอะขึ้นเป็นเท่าตัวแน่ๆ 5555+ อื้อหือออ อ่านจบนี่ต้องไปเอาน้ำมาล้างตา เพราะอิจฉาตาร้อนมากๆๆ ค่ะ สุดยอดจริงๆ โดยเฉพาะได้เที่ยวเมืองใหญ่ๆ ของอิตาลีครบทุกเมืองแบบนี้ น่าอิจฉาที่สุดเลย !! ส่วนใครมีประสบการณ์เด็กนอกสนุกๆ อยากแบ่งปันเพื่อนๆ บ้างก็ส่งมาให้ พี่เป้ ได้ที่ [email protected] เลยนะคะ แล้วเจอกันแน่นอน

เด็กดีดอทคอม :: 3 ประเทศที่มีสงกรานต์เหมือนเมืองไทย; tags: holi, tomatina, สี, อินเดีย, โปแลนด์, สเปน, เทศกาล, ประเพณี, สงกรานต์

 

 

 ภายใต้รอยยิ้มที่สดใส…
จะมีสักกี่คนที่รู้ความจริงว่า

เธอกำลังถูกโฮสต์โรคจิตตามตัว !!

เรื่องราวชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนจากอเมริกา
ที่เปลี่ยนโฮสต์ไปมา จนมาเจอโฮสต์จิตไม่ปกติ!

Available on Dek-D.com , Study Abroad
Thursday 28 Oct 2010

 

เด็กดีดอทคอม :: Ghent สถาบัน TOP5 จากเบลเยี่ยม; tags: เบลเยี่ยม, เรียนนอก, ยุโรป, ghent, gent
 


Vlog – ไปทะเลกับเพื่อน ผช 5 คน 🌞🏖 / ชีวิตวัยรุ่นที่อิตาลี ✨🇮🇹 – beach day with me vlog // AF


Beach day with me vlog 🏖🌊🌞🇮🇹
🦋Instagram https://www.instagram.com/itsasiaferraro/
🦋 Tiktok https://vm.tiktok.com/vJDHG6/
🦋 Facebook https://www.facebook.com/profile.php?id=100012518737730
Q \u0026 A 💖
ชื่อจริง นามสกุล ? = อาเซีย แฟร์ราโร
เป็นลูกครึ่งอะไร ? = ไทย / อิตาลี
💜คลิปแต่งหน้า https://youtu.be/tw4ly9HeyUQ
🧡คลิปรีวิวสกินแคร์ https://youtu.be/ncobJxVWwg
💛คลิปกินอะไรใน1วัน https://youtu.be/iic1LlL5h2E
💚 คลิป morning routine https://youtu.be/NPzhxuqczm4
💙 คลิป night routine https://youtu.be/DNZYvMpiGHo
🖤 คลิปลองเสื้อผ้า https://youtu.be/qqr4WlJ05o0
🤍 คลิปมีอะไรในโทรศัพท์ https://youtu.be/q86kbXjctnE
SUB COUNT 500,494❤️
09.07.2021 🌞
ติดต่องาน รีวิวสินค้า / sponsor / collaboration 🧷[email protected]

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Vlog - ไปทะเลกับเพื่อน ผช 5 คน 🌞🏖 / ชีวิตวัยรุ่นที่อิตาลี ✨🇮🇹 - beach day with me vlog // AF

10 เรื่อง ควรรู้ก่อนไปอิตาลี


เที่ยวอิตาลี 10 เรื่อง ควรรู้ก่อนไปอิตาลี ทุกๆ เรื่องราวในการท่องเที่ยวมักจะแอบแฝง ข้อคิด ความผิดพลาด ประสบการณ์ดีๆ ความเลวร้ายให้กับเราเสมอ แต่สิ่งหนึ่งที่เราจะได้จากการท่องเที่ยวนั้นคือ การมีความสุขเวลาที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักด้วยกันครับ

10 เรื่อง ควรรู้ก่อนไปอิตาลี

อิตาลี พี่ไม่ได้มาเล่นๆ 10เมือง7วัน เราทำได้!!! | MayyR in Italy


ทริปนี้พูดเลยว่าสุด!!! เที่ยวอิตาลีแบบ Unseen กับเมืองที่คนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก และเดินทางกันจุกๆไปเลย 10 เมืองจ้าา ลุยกันเลยยยย
Fanpage : https://www.facebook.com/ImMayyrBlog
IG : https://www.instagram.com/mayyr_/

อิตาลี พี่ไม่ได้มาเล่นๆ 10เมือง7วัน เราทำได้!!! | MayyR in Italy

เด็กจิ๋วเที่ยว Ocean Park ตอน1 เดินทาง Hong Kong Airline Business Class [N’Prim W286]


เด็กจิ๋วพาไปเที่ยวฮ่องกงอีกแล้ว คราวนี้ไป Ocean Park คลิปแรกเป็นการเดินทางโดยสายการบิน Hongkong Airline แล้วได้นั่ง Business Class ด้วย เป็นครั้งแรกของเด็กจิ๋วเลย ตื่นเต้นมาก ตามไปดูกันเลยครับ
Subscribe หรือสมัครสมาชิกเพื่อติดตามช่องเด็กจิ๋วได­้ที่ https://www.youtube.com/DekJewSmallWorld
ติดตามเรื่องราวของเด็กจิ๋วเพิ่มเติมได้จา­ก https://www.facebook.com/DekJewChillOut และ http://dekjewstory.blogspot.com/

เด็กจิ๋วเที่ยว Ocean Park ตอน1 เดินทาง Hong Kong Airline Business Class [N'Prim W286]

ตกเครื่องบินอดไปอิตาลี แคมุนร้องไห้ แต่เด็กจิ๋วดีใจ


ตกเครื่องบินจนได้ อดไปอิตาลีเลย แคมุนเสียใจร้องไห้ใหญ่ แต่เด็กจิ๋วกลับดีใจ เพราะอะไร ไปดูกันครับ
Subscribe หรือสมัครสมาชิกเพื่อติดตามช่องเด็กจิ๋วได้ที่ https://www.youtube.com/DekJewChillOut
ติดตามเรื่องราวของเด็กจิ๋วเพิ่มเติมได้จาก https://www.facebook.com/DekJewChillOut
ติดต่องานได้ที่ [email protected]
dekjew dekjewchillout เด็กจิ๋ว น้องพริม NPrim เด็กจิ๋วชิลเอาท์ ตลก สนุก

ตกเครื่องบินอดไปอิตาลี แคมุนร้องไห้ แต่เด็กจิ๋วดีใจ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ไป อิตาลี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *