Skip to content
Home » [NEW] สรุปการใช้ tense ทั้ง 12 tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย – NSRU BLOG | โครงสร้าง tense – NATAVIGUIDES

[NEW] สรุปการใช้ tense ทั้ง 12 tenses อย่างละเอียด ครอบคลุม เข้าใจง่าย – NSRU BLOG | โครงสร้าง tense – NATAVIGUIDES

โครงสร้าง tense: คุณกำลังดูกระทู้

Table of Contents

Table of Content

  • Tense คืออะไร
  • โครงสร้าง tense ทั้ง 12 เป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร
  • หลักการใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ใช้ต่างกันอย่างไร
  • ตัวอย่างประโยคของเทนส์ทั้งหมด เพิ่มเติมเสริมความเข้าใจ

Tense คืออะไร

ความหมายของ Tense คือ รูปแบบของประโยคที่มีคำกริยา แสดงระบุเวลากำกับการกระทำในขณะที่พูด

นี่คือความหมายคร่าวๆนะครับ ถ้าย่นย่อกันจริงๆในการเรียนหลักภาษาแล้ว Tense คือ กาล (เวลา)

tense 12

โครงสร้างของ 12 Tense และหลักการใช้

ว่ากันไปแล้ว Tense ใหญ่ๆแค่ 3 เท่านั้นเอง แต่แยกย่อยออกอีก 4 จึงรวมกันได้ 12 tense

  1.  Present Tense (ปัจจุบันกาล) กล่าวถึงเรื่องราวในปัจจุบัน
  2.  Past Tense (อดีตกาล)กล่าวถึงเรื่องราวในอดีต
  3.  Future Tense (อนาคตกาล)กล่าวถึงเรื่องราวในอนาคต

PRESENT TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในปัจจุบัน

Present Simple Tense

โครงสร้าง: S. + V.1(s/es)

หลักการใช้:

  • บอกเล่าข้อเท็จจริงทั่วไป ของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ …

ตัวอย่างประโยค:

  • eat rice everyday. ฉันกินข้าวทุกวัน
  • A dog has four leg. สุนัขมีสี่ขา
  • Bangkok is the capital city of Thailand.  กรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
  • My class statrs at 9.00 ชั่วโมงเรียนของฉันเริ่มเวลา 9 นาฬิกา

present continuous tense

Present Continuous Tense

Tense นี้อีกชื่อหนึ่งคือ Present Progressive Tense

โครงสร้าง: S. + is, am, are + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้
  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดในอนาคตแน่ๆ

ตัวอย่างประโยค:

  • am eating rice now.  ฉันกำลังกินข้าวอยู่ตอนนี้
  • A dog is walking. สุนัขกำลังเดิน
  • I’m going to London next week. ฉันกำลังจะไปลอนดอนสัปดาห์หน้า
  • We are visiting our granddad tomorrow. พวกเรากำลังจะไปเยี่ยมปู่พรุ่งนี้

present perfect tense

Present Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + has, have + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินเสร็จแล้ว
  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบัน

ตัวอย่างประโยค:

  • have eaten rice. ผมกินข้าวแล้ว (กินเสร็จแล้ว)
  • She has finished her homework. หล่อนทำการบ้านเสร็จแล้ว
  • have eaten rice for 20 minutes. ผมกินข้าวมาแล้ว 20 นาที
  • He has lived here since 2000. เขาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2000

present-perfect-continuous--tense

Present Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + has, have +been+ Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินมาได้ในระยะเวลาหนึ่งจนถึงปัจจุบันคล้าย present perfect tense แต่เป็นการเน้นย้ำว่าทำอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างประโยค:

  • I have been playing foootball since 8 o’clock. ฉันเล่นฟุตบอล (อย่างต่อเนื่อง) ตั้งแต่ 8 โมง
  • She has been walking for 30 munites. หล่อนเดิน (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 30 นาที
  • Toon has been running for 4 hours. ตูนวิ่ง (อย่างต่อเนื่อง) เป็นเวลา 4 ชั่วโมง)
  • He has been working here since 1999 . เขาทำงานที่นี่ (อย่างต่อเนื่อง)ตั้งแต่ปี 1999 (ไม่เคยย้ายไปไหน)

PAST TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในอดีต

Past Simple Tense

โครงสร้าง: S. + V2

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้น ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง

ตัวอย่างประโยค:

  • went to school yesterday. ฉันไปโรงเรียนเมื่อวานนี้
  • ate bananas last week. ฉันกินกล้วยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
  • My dad washed his car last Sunday. พ่อของผมล้างรถของเขาเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว
  • She watched this movie last year. หล่อนดูหนังเรื่องนี้ปีที่แล้ว
  • Sam visited his parents five years ago. แซมไปเยี่ยมพ่อแม่ของเขาเมื่อห้าปีที่แล้ว

Past Continuous Tense

Past Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + was, were + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต แล้วมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกขึ้นมา

ตัวอย่างประโยค:

  • I saw a big elephant while I was walking to school . ฉันเห็นช้างตัวหนึ่งขณะที่ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน
  • We were eating dinner when dad came home. พวกเรากำลังกินข้าวเย็นอยู่ ตอนที่พ่อมาถึงบ้าน
  • The light went out when they were watching TV. ไฟดับตอนที่พวกเขากำลังดูทีวีอยู่
  • She was taking a bath when I called her. หล่อนกำลังอาบน้ำอยู่ ตอนที่ผมโทรหาหล่อน
  • Sam was driving home when it started to rain. แซมกำลังขับรถกลับบ้าน ตอนที่ฝนเริ่มตก

Past Perfect Tense

Past Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + had + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอดีต ก่อนจะมีอีกเหตุการณ์ตามมา

ตัวอย่างประโยค:

  • I had eaten a pizza before I went to bed.ฉันได้กินพิซซ่า ก่อนที่ฉันเข้านอน (กินก่อน )
  • John called me after I had left. จอห์นโทรหาฉัน หลังจากที่ฉันได้ออกจากบ้านแล้ว
  • All people had gone home when we reached the cinema. คนได้กลับบ้านหมดแล้ว เมือเราไปถึงโรงหนัง
  • They had had dinner before they did homework. พวกเขาได้เขากินข้าว ก่อนพวกเขาทำการบ้าน
  • The train had left when we got to the station. รถไฟออกไปแล้ว ตอนที่เราไปถึงสถานี

Past Perfect Continuous Tense

Past Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + had + been + ฺฺ Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เน้นการบอกเวลามากกว่าการกระทำ

ตัวอย่างประโยค:

  • had been waiting for the train for three hours  before it arrived. ฉันได้รอคอยรถไฟเป็นเวลา(ตั้ง) 3 ชั่วโมง (นะ) ก่อนที่มันจะมาถึง
  • We had been walking for one hour when we saw that bird.
    พวกเราได้เดิน (ตั้ง) 1 ชั่วโมง (แน่ะ) ตอนที่พวกเราเห็นนกตัวนั้น
  • They had been playing football for four hours when it started to rain.
    พวกเขาได้เล่นฟุตบอล (ตั้ง) 4 ชั่วโมง ก่อนที่ฝนเริ่มตก (วันนี้เล่นได้นาน ปกติไม่เกินชั่วโมงก็ตกแล้ว)

FUTURE TENSE

บอกเล่าเรื่องราวในอนาคต

Future simple tense

Future Simple Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ V1

หลักการใช้:

  • บอกเล่า คาดการณ์เหตุการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • will go to school tomorrow. ฉันจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ (คิดว่าต้องไป เดี๋ยวหมดสิทธิ์สอบ)
  • will watch Chin Jang this evening. ฉันจะดูชินจังเย็นนี้ (เพื่อนบอกว่าสนุก จะลองดูหน่อย)
  • You will eat papaya salad tonight. คุณจะกินส้มตำคืนนี้ (คุณเคยบอกไว้ ว่าจะกินคืนนี้)
  • He will clean the car next week. เขาจะล้างรถสัปดาห์หน้า (เขาบอกมา ว่าจะล้าง)
  • She will buy a bike next month. หล่อนจะซื้อจักรยานเดือนหน้า (หล่อนว่าเดินไปเรียนแล้วเหนี่อย)

future continuous tense

Future Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ be + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • will be reading books at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกำลังอ่านหนังสือเวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • At nine o’clock tomorrow, we will be working on farm.พรุ่งนี้เวลา 9 นาฬิกา พวกเราจะกำลังทำงานในฟาร์ม
  • At six oclock, we will be eating dinner with our granddad. เวลา 6 นาฬิกา พวกเราจะกำลังกินข้าวกับปู่ของพวกเรา
  • She will be waiting when you arrive. หล่อนจะกำลังรอคอย เมื่อคุณมาถึง

Future Perfect Tense

Future Perfect Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + V3

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่สิ้นสุดแล้วในอนาคต

ตัวอย่างประโยค:

  • will have eaten breakfast at 8 o’clock tomorrow. ฉันจะกินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • Tomorrow morning, we will have finished our project. พรุ่งนี้เช้า พวกเราจะดำเนินโครงการของพวกเราเสร็จแล้ว
  • She will have gone when you arrive. หล่อน(คง)จะไปแล้ว เมื่อคุณมาถึง
  • will have cleaned the floor when my mom  gets home. ฉัน(คง)จะทำความสะอาดพื้นเรียบร้อยแล้ว ตอนที่แม่มาถึง

Future Perfect Continuous Tense

โครงสร้าง: S. + will + ฺฺ have + been + Ving

หลักการใช้:

  • บอกเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนิมมาได้ระยะเวลาหนึ่งในอนาคต ก่อนมีอีกเหตุการณ์หนึ่งแทรกเข้ามา

ตัวอย่างประโยค

  • will have been eating breakfast for 30 minutes at 8 o’clock tomorrow.
    ฉันจะได้กำลังกินข้าวเช้าเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว ณ เวลา 8 นาฬิกา วันพรุ่งนี้
  • At 10 o’clock tomorrow, we will have been working on farm for two hours.
    เวลา 10 นาฬิกาพรุ่งนี้ พวกเราจะได้กำลังทำงานในฟาร์ม เป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว
  • You will have been waiting for two  hours when the plane arrives.
    คุณจะได้กำลังรอ เป็นเวลาสองชั่วโมง เมื่อเครื่องบินมาถึ’

ที่มา : https://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-12-tense-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%AD/

[Update] สรุป ! โครงสร้าง Present simple tense พร้อมตัวอย่าง | โครงสร้าง tense – NATAVIGUIDES

โครงสร้าง Present simple tense

ในเนื้อหาบทนี้เราจพูดถึง โครงสร้าง Present simple tense โดยมีโครงสร้างที่เราควรรู้ได้แก่

บอกเล่า

S + V.1

S + is/am/are

S + Aux.* + V.inf **

 
They play.
They are fun.
They can play.

ปฏิเสธ

S + do/does + not + V.inf

S + is/am/are + not

S + Aux. + not + V.inf

 
They do not play.
They are not fun.
They cannot*** play.

คำถามทั่วไป

Do/Does + S + V.inf + ?

Is/Am/Are + S + V.inf + ?

Aux. + S + V.inf + ?

 
Do they play?
Are they fun?
Can they play?

Wh- Question

นำคำมาไว้ด้านหน้าคำถาม

How are they?
How can they play?

 
Where do they play?
How is it?
How can you do it?

 

* Aux. = Auxiliary Verb หรือ Helping Verb คือกริยาที่วางด้านหน้ากริยาหลักเพื่อช่วยทำให้ประโยคสมบูรณ์

** V.inf = Verb infinitive คือกริยาที่เป็น base form (รากหรือต้นฉบับของกริยา) ห้ามเติมแต่ง

ไม่เหมือนกับ V.1 เพราะกริยาช่องที่หนึ่งจะมีการเติม s/es หลังคำกริยา เมื่อประธานเป็นเอกพจน์

*** cannot ห้ามเว้นวรรคระหว่างคำ

สถานการณ์ที่ใช้ Present Simple Tense

1) ใช้กับเรื่องที่เป็นข้อเท็จจริง, กฎธรรมชาติ, กฎทางวิทยาศาสตร์, ข้อมูลข่าวสาร คือ ต้องเป็นจริงเสมอ 

• Light travels faster than sound.  (แสงเดินทางเร็วกว่าเสียง)

• Dinosaurs are extinct. (ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้ว)

• Water boils at 100 degrees Celsius. (น้ำเดือดที่หนึ่งร้อยองศาเซลเซียส)

• I am fifteen years old girl. (ฉันเป็นเด็กสาวอายุสิบห้าปี)

 

2) ใช้กับเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น เทศกาลต่าง ๆ

• We celebrate Christmas on December 25. (เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม)

• I wash my hair every other day. (ฉันสระผมวันเว้นวัน)

• They go to London once a year. (พวกเขาไปลอนดอนปีละครั้ง)

** ให้ดู adverb of frequency ประกอบด้วย เพื่อดูความถี่ของเหตุการณ์ (เรียนเพิ่มเติมในบท adverb)

แถม! everyday VS every day แตกต่างกันยังไง?

everyday (adj.) ต้องการคำนามตามหลังเสมอ

ex. He wants to wear an everyday outfit to the ceremony.

every day (adj. + n.) ไม่ต้องมีคำนามตามหลังแล้ว

ex. He wears the same outfit every day.

 

3) ใช้กับนิสัยหรือรสนิยมความชอบส่วนตัว

• She likes cats. (เราเฉลิมฉลองคริสต์มาสกันวันที่ 25 ธันวาคม)

• I am not a morning person. (ฉันไม่ใช่คนชอบตื่นเช้า)

• We hate homework. (พวกเราเกลียดการบ้าน)

 

4) ใช้กับสุภาษิต คำพังเพย หรือคำคมต่าง ๆ

Don’t bite the hand that feeds you. (อย่ากินบนเรือนขี้รดบนหลังคา)

Don’t count your chickens before they are hatched. (สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร)

• As you sow, so you reap. (ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว)

• Actions speak louder than words. (การกระทำสำคัญกว่าคำพูด)

 

5) ใช้กับเรื่องที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ มักวางแผนไว้แล้ว ถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว (มักเป็นเรื่องการเดินทาง)

• The bus leaves tonight at 8:30 pm. (รถเมล์ออกเดินทางคืนนี้สองทุ่มครึ่ง)

• The movie starts in 20 minutes. (หนังเริ่มอีกยี่สิบนาทีข้างหน้า)

• What time does the conference start tomorrow? (พรุ่งนี้การประชุมเริ่มกี่โมง)

 

การทำประโยคบอกเล่าให้เป็นประโยคปฏิเสธ และ ประโยคคำถาม

กรณีที่ 1 : เป็นคำถาม yes/no

ถ้าในประโยคมี Verb to be ( is,  am,  are หรือ was, were)

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง verb to be ได้เลย เช่น

– I am a good cook. 🡪 I am not a good cook.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา verb to be มาไว้หน้าสุด เช่น

– I am a good cook. 🡪 Am I a good cook? **อย่าลืมใส่ ? ท้ายคำถามนะคะทุกคน

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, you are. / No, you are not.

 

ถ้าในประโยคมี Verb to have (have, has, had)

ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้า verb to have (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)

Do + ประธานพหูพจน์

Does + ประธานเอกพจน์

** ยกเว้นในกรณีถามประสบการณ์ใน Perfect tense จะใช้

S + verb to have + never… ในปฏิเสธ

verb to have + S + ever + …? ในคำถาม

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น

– He has a big house. 🡪 He does not have a big house.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น

– He has a big house. 🡪 Does he have a big house?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, he does. / No, he doesn’t.

 

ถ้าในประโยคมี Modal verb (can, should, must)

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง Modal verb ได้เลย เช่น

– This bird can fly. 🡪 This bird cannot fly.  **ไม่ต้องเว้นวรรคระหว่าง can กับ not

– I should go outside. 🡪 I should not go outside.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา Modal verb มาไว้หน้าสุด เช่น

– This bird can fly. 🡪 Can this bird fly?

– I should go outside. 🡪 Should I go outside?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, it can. / No, it can’t.

 

ถ้าในประโยคมีกริยาอื่น ๆ นอกเหนือจากข้างบน

ให้เอา Do กับ Does มาช่วยโดยการเอามาวางไว้หน้าคำกริยา (จะใช้ do หรือ does ก็ขึ้นอยู่กับประธาน)

ทำให้เป็นปฏิเสธโดยการเติม not หลัง do/does ได้เลย เช่น

– We go to school together. 🡪 We do not go to school together.

ทำให้เป็นคำถามโดยการเอา do/does มาไว้หน้าสุด เช่น

– I love you. 🡪 Do you love me?

เวลาตอบคำถามประเภทนี้ก็ตอบทวนคำถาม เช่น Yes, I do. / No, I don’t.

 

กรณีที่ 2 : เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเป็นข้อมูลไม่ใช่ yes/no

ให้นำคำถามขึ้นต้นประโยค (Wh- question) มาไว้ด้านหน้าประโยคคำถามแบบ yes/no ได้เลย

  • What = อะไร มักใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งของ เวลาวันที่

    เช่น

What is your favorite animal?

What time is it?

  • Where = ที่ไหน มักใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่

    เช่น

Where do we meet?

Where are you?

  • When = เมื่อไร มักใช้ถามเกี่ยวกับวันเวลา

    เช่น

When is Christmas?

When will they sleep?

  • Why = ทำไม มักใช้ถามเกี่ยวกับเหตุผล

    เช่น

Why are you so cute?

Why did you do that?

  • Who = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคน

    เช่น

Who does he like?

Who is she?

  • Whose = ของใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของ (ถามว่าเป็นของใคร)

    เช่น

Whose pen is it?

Whose are these?

  • Whom = ใคร มักใช้ถามเกี่ยวกับคนเหมือน who แต่คนที่ถูกพูดถึงจะต้องเป็นกรรม

    เช่น

Whom are you waiting for?

Whom do you serve?

  • Which = อันไหน/สิ่งไหน มักใช้ถามเวลาให้เลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

    เช่น

Which dress do you like?

Which is nicer?

  • How = อย่างไร/เท่าไร มักใช้ถามเรื่องราคา จำนวน สุขภาพ อายุ ความถี่ วิธีการทำ

    เช่น

How much is this?

How many pets do you have?

How do you do? หรือ How are you?

How old are you?

How often do you exercise?

How do you go to work?

 


Simple Present


In this video, students learn when to use the simple present verb tense. They also learn how different subject pronouns and nouns affect the verb form. For more videos and lessons, visit us at https://esllibrary.com.
Link to lesson: https://esllibrary.com/courses/88/lessons/2403
Subscribe to ESL Library’s YouTube channel: https://www.youtube.com/c/Esllibrary
Follow us for more great content!
Instagram: https://www.instagram.com/esllibrary/
Facebook: https://www.facebook.com/ESLlibrary/
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/esllibrary/
Twitter: https://twitter.com/ESLlibrary/
Pinterest: https://ar.pinterest.com/esllibrary/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Simple Present

Englishleklek : สอนภาษาอังกฤษ ฝึกทำโจทยเรื่อง Tense


มาดูเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Tense 15 ข้อกันคะ
Note !
อย่าลืมมา join group ติวโจทย์ TOEIC แบบใหม่ของพี่เล็กกันได้ที่
https://www.facebook.com/groups/53123…

Hilight!
เปิดแล้วคอร์สติว TOEIC Level up สำหรับคนที่อยากเพิ่มคะแนน TOEIC ให้ถึงเป้า
update แนวข้อสอบแบบใหม่ดูรายละเอียดได้ทาง
https://www.englishleklek.tv/courses/newtoeic_reading_online/

Englishleklek : สอนภาษาอังกฤษ ฝึกทำโจทยเรื่อง Tense

โครงสร้าง TENSE


โครงสร้าง TENSE ม.6

โครงสร้าง TENSE

เรียนรู้สี ภาษาอังกฤษ learning color


เรียนรู้คำศัพท์สีต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ ลำหรับเด็กเล็ก เด็กอนุบาล ทีมงานจึงได้จัดทำวีดีโอการ์ตูนนี้ขึ้น เพื่อเด็กไทยจะได้ฝึกท่องคำศัพท์ สีต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง

เรียนรู้สี ภาษาอังกฤษ learning color

What are they doing? Present Continuous Tense


Learn how to use the present continuous tense in this video through a short story.

What are they doing? Present Continuous Tense

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN TO MAKE A WEBSITE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ โครงสร้าง tense

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *