Skip to content
Home » [NEW] รู้ไว้เผื่อเลือก! 46 คำขึ้นต้นประโยคภาษาอังกฤษ ใช้อย่างไรให้ดูโปร!! | and ขึ้นต้นประโยค – NATAVIGUIDES

[NEW] รู้ไว้เผื่อเลือก! 46 คำขึ้นต้นประโยคภาษาอังกฤษ ใช้อย่างไรให้ดูโปร!! | and ขึ้นต้นประโยค – NATAVIGUIDES

and ขึ้นต้นประโยค: คุณกำลังดูกระทู้

Table of Contents

ใช้เพื่อแสดงความคิดเห็น ทัศนคติ ความรู้สึก หรือความเชื่อ

ภาษาอังกฤษ

I think …

  • คำแปล : ฉันคิดว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : I think that too many people are talking in the office. It is difficult to work at times. (ฉันคิดว่าการที่ใครหลายคนคุยกันในออฟฟิศ ทำให้การทำงานกลายเป็นเรื่องยากในบางครั้ง)

It seems to me …

  • คำแปล : สำหรับฉัน ดูเหมือนว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : It seems to me this could be worked out in a negotiation. (สำหรับฉัน ดูเหมือนว่างานนี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยการต่อรอง)

(Personally,) I believe …

  • คำแปล : โดยส่วนตัวแล้ว ฉันเชื่อว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : Personally, I believe that it is time to address the challenge of equality. (โดยส่วนตัวแล้ว ฉันเชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะพูดคุยกันเรื่องประเด็นความเท่าเทียม)

From my point of view …

  • คำแปล : จากมุมมองของฉัน …
  • ตัวอย่างประโยค : From my point of view, this action does not require further explanation. (จากมุมมองของฉัน การกระทำนี้ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายอะไรเพิ่มเติม)

(Personally,) I feel …

  • คำแปล : โดยส่วนตัวแล้ว ฉันรู้สึกว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : Personally, I feel that if you suffer from anxiety or loneliness, it is always better to just go and talk to someone. (โดยส่วนตัวแล้ว ฉันรู้สึกว่า ถ้าคุณกำลังประสบปัญหาความวิตกกังวลหรือรู้สึกโดดเดี่ยว มันจะดีกว่าเสมอถ้าคุณได้พูดคุยกับใครสักคน)

In my view / opinion …

  • คำแปล : ในมุมมอง / ความคิดเห็นของฉัน …
  • ตัวอย่างประโยค : In my view / opinion, his comments were strange and rather incoherent. (ในมุมมอง / ความคิดเห็นของฉัน ความคิดเห็นของเขาฟังดูแปลกประหลาดและไม่ค่อยสมเหตุสมผล)

To my way of thinking, …

  • คำแปล : จากแนวคิดของฉัน …
  • ตัวอย่างประโยค : To my way of thinking, it did not seem as if it ought to be so terribly complicated. (จากแนวคิดของฉัน มันไม่ได้ดูเหมือนว่าจะต้องยุ่งยากซับซ้อนอะไรมากมาย)

ใช้เพื่อแสดงสิ่งที่รู้ หรือสังเกตได้

คำขึ้นต้นประโยค

As I see it, …

  • คำแปล : อย่างที่ฉันเห็น …
  • ตัวอย่างประโยค : As I see it, we now have three choices. (อย่างที่ฉันเห็น ตอนนี้เรามีสามทางเลือก)

For all I know, …

  • คำแปล : เท่าที่ฉันรู้ …
  • ตัวอย่างประโยค : For all I know, she has resigned already. (เท่าที่ฉันรู้ เธอได้ลาออกแล้ว)

As far as I can see, …

  • คำแปล : เท่าที่ฉันเห็น …
  • ตัวอย่างประโยค : As far as I can see, there are only two reasons for such action. (เท่าที่ฉันเห็น มีแค่สองเหตุผลเท่านั้น สำหรับการกระทำแบบนี้)

To my knowledge, …

  • คำแปล : เท่าที่ฉันรู้มา …
  • ตัวอย่างประโยค : To my knowledge, the meeting has been postponed. (เท่าที่ฉันรู้มา การประชุมถูกเลื่อนออกไปแล้ว)

To the best of our knowledge, …

  • คำแปล : เท่าที่เรารู้กัน …
  • ตัวอย่างประโยค : To the best of our knowledge, this has been a successful project. (เท่าที่เรารู้กัน นี่เป็นโปรเจกต์ที่ประสบความสำเร็จ)

So far as we know, …

  • คำแปล : เท่าที่เรารู้กันในตอนนี้ …
  • ตัวอย่างประโยค : So far as we know, that username does not exist in the system. (เท่าที่เรารู้กันในตอนนี้ ไม่มีชื่อผู้ใช้นั้นอยู่จริงในระบบ)

ใช้เพื่อแสดงข้อเท็จจริง หลักฐาน หรือยืนยัน

คำขึ้นต้นประโยคภาษาอังกฤษ

Actually, …

  • คำแปล : ที่จริงแล้ว …
  • ตัวอย่างประโยค : Actually, I have not had much to do around here lately. (ที่จริงแล้ว อยู่ที่นี่ฉันไม่ค่อยมีอะไรทำสักเท่าไหร่ในช่วงนี้)

The thing is …

  • คำแปล : คืออย่างนี้ …
  • ตัวอย่างประโยค : The thing is, I have an important presentation next week. (คืออย่างนี้ ฉันมีการนำเสนองานที่สำคัญในสัปดาห์หน้า)

The fact is …

  • คำแปล : ความจริงก็คือ …
  • ตัวอย่างประโยค : The fact is, they have been working overtime for weeks. (ความจริงก็คือ พวกเขาทำงานล่วงเวลาติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว)

As a matter of fact, …

  • คำแปล : ในความเป็นจริงแล้ว …
  • ตัวอย่างประโยค : As a matter of fact, that long meeting could have been an email. (ในความเป็นจริงแล้ว การประชุมที่ยืดยาวในครั้งนั้นน่าจะใช้การส่งอีเมลหากันแทนได้)

ใช้เพื่อแสดงถึงประเด็น ข้อมูลสำคัญ หรือเตือนความจำ

ประโยคภาษาอังกฤษ

What matters here is …

  • คำแปล : สิ่งสำคัญ ณ ที่นี้คือ …
  • ตัวอย่างประโยค : What matters here is that whoever creates the presentation gets to present. (สิ่งสำคัญ ณ ที่นี้คือ ใครก็ตามที่เป็นคนจัดทำไฟล์การนำเสนอจะได้เป็นคนนำเสนองาน)

It is vital to note that …

  • คำแปล : เป็นเรื่องสำคัญที่จะรู้ไว้ว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : It is vital to note that there has been an increase in political violence. (เป็นเรื่องสำคัญที่จะรู้ไว้ว่า ที่ผ่านมาเกิดความรุนแรงทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น)

It is important to keep in mind that …

  • คำแปล : เป็นเรื่องสำคัญที่จะรับรู้ไว้ว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : It is important to keep in mind that a progress report is not a list of completed milestones. (เป็นเรื่องสำคัญที่จะรับรู้ไว้ว่า รายงานความคืบหน้าไม่ถือว่าเป็นลิสต์งานที่ทำสำเร็จแล้ว)

It is important to remember that ….

  • คำแปล : เป็นเรื่องสำคัญที่ควรจำไว้ว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : It is important to remember that all employees should be treated equally. (เป็นเรื่องสำคัญที่ควรจำไว้ว่า พนักงานทุกคนควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน)

An important point is that …

  • คำแปล : จุดสำคัญคือ …
  • ตัวอย่างประโยค : An important point is that our company values diversity. (จุดสำคัญคือ บริษัทเราให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางทรัพยากรบุคคล)

ใช้เพื่อแสดงผลลัพธ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น

ภาษาอังกฤษ

It turned out that …

  • คำแปล : กลายเป็นว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : It turned out that our client was not very happy with the result. (กลายเป็นว่า ลูกค้าของเราไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์เท่าไหร่นัก)

It appeared that …

  • คำแปล : สิ่งที่เกิดขึ้นคือ …
  • ตัวอย่างประโยค : It appeared that there are many candidates who are interested in the position. (สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีผู้สมัครงานหลายคนให้ความสนใจกับตำแหน่งงาน)

ใช้เพื่อแสดงผลลัพธ์ซึ่งตรงกับสิ่งที่วางแผน หรือคาดไว้

เขียนเรียงความ

It is no great surprise that …

  • คำแปล : ไม่น่าแปลกใจมากนักที่ …
  • ตัวอย่างประโยค : It is no great surprise that the decision came as a great relief to us all. (ไม่น่าแปลกใจมากนักที่การตัดสินใจในครั้งนี้ทำให้พวกเราทุกคนรู้สึกโล่งใจ)

It is not surprising that …

  • คำแปล : ไม่น่าแปลกใจที่ …
  • ตัวอย่างประโยค : It is not surprising that the news was a big hit. (ไม่น่าแปลกใจที่ข่าวนั้นโด่งดังไปทั่ว)

It comes as no surprise that …

  • คำแปล : ไม่น่าแปลกใจที่ …
  • ตัวอย่างประโยค : It comes as no surprise that the event was a huge success. (ไม่น่าแปลกใจที่งานอีเว้นท์นั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก)

Small wonder that …

  • คำแปล : ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ …
  • ตัวอย่างประโยค : Small wonder that his colleagues love him. (ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่เพื่อนร่วมงานต่างก็รักเขา)

ใช้เพื่อแสดงสิ่งที่คาดหมาย หรือคาดเดาไว้

Essay

I guess …

  • คำแปล : ฉันขอเดาว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : I guess we will be working from home for the next few months. (ฉันขอเดาว่า พวกเราจะต้องทำงานที่บ้านกันไปอีกหลายเดือน)

At my best guess, …

  • คำแปล : เท่าที่ฉันพอจะคาดเดาได้ …
  • ตัวอย่างประโยค : At my best guess, she had taken the file out that morning to show the contract to her boss. (เท่าที่ฉันพอจะคาดเดาได้ เช้าวันนั้นเธอได้หยิบไฟล์ไปเพื่อที่จะให้หัวหน้าเธอได้ดูสัญญา)

We can assume that …

  • คำแปล : เราสามารถคาดการณ์ได้ว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : We can assume that the interest rates will go up again soon. (เราสามารถคาดการณ์ได้ว่า อัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเร็ว ๆ นี้)

ใช้เพื่อแสดงข้อมูลเพิ่มเติม

ภาษาอังกฤษ

Moreover …

  • คำแปล : นอกจากนี้ …
  • ตัวอย่างประโยค : Moreover, he can speak five languages. (นอกจากนี้ เขายังสามารถพูดได้ถึงห้าภาษา)

What’s more, …

  • คำแปล : นอกจากนี้ …
  • ตัวอย่างประโยค : What’s more, most of them have gone uncompensated, which sadly, is even a greater tragedy. (นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับเงินค่าตอบแทนอีกด้วย นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งกว่า)

Furthermore, …

  • คำแปล : นอกจากนี้ …
  • ตัวอย่างประโยค : Furthermore, the company announced the acquisition of three stores. (นอกจากนี้ ทางบริษัทได้ประกาศเข้าซื้อกิจการร้านค้าจำนวนสามร้าน)

Besides, …

  • คำแปล : นอกจากนี้ …
  • ตัวอย่างประโยค : Besides, it is her word against mine. (นอกจากนี้ มันคือการเปรียบเทียบคำพูดของเธอกับฉัน)

To add to it, …

  • คำแปล : นอกจากนี้ …
  • ตัวอย่างประโยค : To add to it, I have no other option. (นอกจากนี้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว)

In addition, …

  • คำแปล : นอกจากนี้ …
  • ตัวอย่างประโยค : In addition, there will be no bonus this year. (นอกจากนี้ จะไม่มีการมอบโบนัสให้ในปีนี้)

ใช้เพื่อสรุป หรือย่อความให้สั้น กระชับ และได้ใจความ

การเขียนอีเมล

In a word, …

  • คำแปล : พูดง่าย ๆ คือ …
  • ตัวอย่างประโยค : In a word, he refuses to go to the office tomorrow. (พูดง่าย ๆ คือ เขาจะไม่ยอมเข้าออฟฟิศในวันพรุ่งนี้)

In a nutshell, …

  • คำแปล : โดยสังเขป …
  • ตัวอย่างประโยค : In a nutshell, that is our plan. (โดยสังเขป นั่นคือแผนการของเรา)

In short, …

  • คำแปล : สรุปใจความได้ว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : In short, the proposal was rejected. (สรุปใจความได้ว่า ข้อเสนอถูกปฏิเสธ)

To make a long story short, …

  • คำแปล : ย่อความได้ว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : To make a long story short, she will retire next year. (ย่อความได้ว่า เธอจะเกษียณอายุในปีหน้า)

To put it in a nutshell …

  • คำแปล : กล่าวโดยสังเขปคือ …
  • ตัวอย่างประโยค : To put it in a nutshell, this platform helps you collect news clippings. (กล่าวโดยสังเขปคือ แพลตฟอร์มนี้ช่วยคุณเก็บสะสมคลิปปิ้งข่าว)

To crown it all …

  • คำแปล : พูดสั้น ๆ ได้ว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : To crown it all, the interviews will be conducted at the end of the press conference. (พูดสั้น ๆ ได้ว่า การสัมภาษณ์จะเริ่มขึ้นในตอนท้ายของงานแถลงข่าว)

ใช้เพื่อสรุปข้อมูล หรือเนื้อหาทั่วไป

พรีเซนต์งานภาษาอังกฤษ

Summing it up, …

  • คำแปล : สรุปได้ว่า …
  • ตัวอย่างประโยค : Summing it up, we will not move forward with this agency. (สรุปได้ว่า เราจะไม่ไปต่อกับเอเจนซี่เจ้านี้)

So, to sum it up, …

  • คำแปล : ดังนั้น เพื่อที่จะสรุป …
  • ตัวอย่างประโยค : So, to sum it up, I would like to thank you you for your contribution to the team. (ดังนั้น เพื่อที่จะสรุป ฉันอยากขอขอบคุณคุณสำหรับผลงานที่ทำให้กับทีม)

In conclusion, …

  • คำแปล : สรุปแล้ว …
  • ตัวอย่างประโยค : In conclusion, we would like to encourage everyone to pay attention to global warming. (สรุปแล้ว พวกเราอยากสนับสนุนให้ทุกคนให้ความสำคัญกับเรื่องภาวะโลกร้อน)

[NEW] หลักการใช้คอมม่า (Comma) ในภาษาอังกฤษ | and ขึ้นต้นประโยค – NATAVIGUIDES

คอมม่า (,) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนที่ใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ แต่ถึงแม้จะถูกใช้บ่อย หลายๆคนก็ยังคงสับสนอยู่ดี ว่าเราควรใช้คอมม่าตอนไหนและต้องใช้อย่างไรบ้าง

สำหรับคนที่สงสัย ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหาการใช้คอมม่าในภาษาอังกฤษ มาให้เพื่อนๆได้เรียนรู้กันได้อย่างง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

คอมม่าคืออะไร

คอมม่า (comma) เป็นเครื่องหมายวรรคตอนในภาษาอังกฤษ ทำหน้าที่แยกคำ วลี หรือประโยค เพื่อให้ผู้อ่านสามารถอ่านจับใจความได้ง่ายและถูกต้องมากขึ้น

ถ้าเปรียบเทียบคอมม่ากับเครื่องหมายจุด (.) ที่ใช้ปิดท้ายประโยค หรือที่เรียกว่า period เครื่องหมายทั้ง 2 ตัวนี้จะเป็นตัวบอกการเว้นจังหวะในการอ่านและพูดเหมือนกัน แต่เครื่องหมายคอมม่าจะเป็นตัวบอกจังหวะการเว้นที่สั้นกว่า

หลักการใช้คอมม่า

ใครที่มีข้อสงสัยว่าเราต้องใช้คอมม่าในกรณีไหนและต้องใช้ยังไงบ้าง ก็ไปดูหลักการใช้คอมม่าทั้ง 11 ข้อกันเลย

1. ใช้คอมม่าหน้าคำเชื่อมที่เชื่อม independent clause

Independent clause (ประโยคใจความสมบูรณ์) คือประโยคที่มีทั้งประธานและคำกริยา ตัวประโยคจะมีใจความสมบูรณ์ในตัวมันเอง เช่น

I am a student. (ฉันเป็นนักเรียน) – ถือเป็น independent clause เพราะมีทั้งประธานและคำกริยา
Feel good (รู้สึกดี) – ไม่ใช่ independent clause เพราะไม่มีประธาน
Big black cat (แมวสีดำตัวใหญ่) – ไม่ใช่ independent clause เพราะไม่มีคำกริยา

ส่วนคำเชื่อมในที่นี้จะต้องเป็น coordinating conjunction ซึ่งก็คือคำเชื่อมที่ให้น้ำหนักกับ 2 สิ่งที่ถูกเชื่อมเท่าๆกัน โดยอาจใช้เชื่อมคำ วลี หรือประโยคก็ได้ coordinating conjunction มีทั้งหมด 7 ตัวคือ for, and, nor, but, or, yet, so (เมื่อนำอักษรแรกมาต่อกันจะได้เป็น FANBOYS ใช้ช่วยให้ท่องจำได้ง่ายขึ้น)

หากเราเชื่อม independent clause 2 ประโยคด้วย coordinating conjunction เราจะต้องใช้คอมม่าหน้า coordinating conjunction

โครงสร้างการใช้

independent clause + , + coordinating conjunction + independent clause

ตัวอย่างประโยค

He didn’t speak to anyone, and nobody spoke to him.
เขาไม่ได้พูดกับใคร และก็ไม่มีใครพูดกับเขา

I wanted to stay home, but my wife wanted to go shopping.
ฉันอยากอยู่บ้าน แต่ภรรยาของฉันอยากไปช้อปปิ้ง

เราจะไม่ใช้คอมม่า ถ้าข้างหน้าหรือข้างหลัง coordinating conjunction ไม่ใช่ independent clause

She brushed her teeth and washed her face.
เธอแปรงฟันและล้างหน้า
(washed her face ไม่ใช่ independent clause)

I am not a writer but an editor.
ฉันไม่ใช่นักเขียน แต่เป็นบรรณาธิการ
(an editor ไม่ใช่ independent clause)

2. ใช้คอมม่าเมื่อขึ้นต้นประโยคด้วย dependent clause

Dependent clause คือประโยคที่มีใจความไม่สมบูรณ์ เวลาใช้จะต้องใช้ร่วมกับประโยคอื่น ในที่นี้เราจะแบ่งออกเป็น 3 กรณี

1. Participial phrase

เมื่อประโยคขึ้นต้นด้วยวลีจำพวก participial phrase ซึ่งก็คือวลีที่ขึ้นต้นด้วย v. + ing หรือ v. ช่อง 3 เราจะต้องใช้คอมม่าคั่นหลังวลีนั้น

โครงสร้างการใช้

participial phrase + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Being the only son in the family, his family have high hopes for him.
ด้วยการที่เขาเป็นลูกชายคนเดียวในครอบครัว ครอบครัวของเขาจึงตั้งความหวังกับเขาไว้สูง

Bitten by my own dog, I was very disappointed.
การโดนกัดโดยหมาของตัวเองทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังมาก

2. Adverbial phrase

แต่ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย adverbial phrase ซึ่งก็คือวลีที่ทำหน้าที่เป็น adverb เราอาจใช้คอมม่าหรือไม่ใช้ก็ได้ (ถ้า adverbial phrase ยาว หรือเราต้องการเน้น adverbial phrase นั้น เราจะนิยมใช้คอมม่า)

ตัวอย่าง adverbial phrase เช่น
At 6 o’clock
After the show
In the middle of Bangkok

โครงสร้างการใช้

adverbial phrase + (,) + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

In 2020 there is a pandemic affecting the world.
ในปี 2020 มีโรคระบาดที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก

When I was six, I lived in Chiang Mai with my mom.
ตอนฉันอายุหกขวบ ฉันอาศัยอยู่ที่เชียงใหม่กับแม่ของฉัน

3. Sentence adverb

ถ้าประโยคขึ้นต้นด้วย sentence adverb ซึ่งก็คือคำจำพวก adverb ที่ทำหน้าที่ขยายทั้งประโยค เราจะใช้คอมม่าคั่นหลัง sentence adverb นั้น

โครงสร้างการใช้

sentence adverb + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Honestly, I am not angry.
ตรงๆเลยนะ ฉันไม่ได้โกรธ

Clearly, this plan isn’t working.
เห็นได้ชัดว่าแผนนี้ใช้ไม่ได้ผล

3. ใช้คอมม่าคั่นวลีหรือคำกลางประโยคที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม

เราจะใช้คอมม่าคั่นวลีหรือคำที่อยู่กลางประโยค ถ้าวลีหรือคำนั้นทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ไม่ได้จำเป็นสำหรับประโยค (แม้ตัดออกไป ใจความหลักของประโยคก็ยังเหมือนเดิม)

โครงสร้างการใช้

ประโยคส่วนที่ 1 + , + วลี/คำที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม + , + ประโยคส่วนที่ 2

ตัวอย่างประโยค

Tim, unlike Joe, is very polite.
ทิมเป็นคนสุภาพมาก ไม่เหมือนกับโจ

King Crab restaurant, which Anne recommended, is fantastic.
ร้านอาหารคิงแครบที่แอนแนะนำนั้นดีมาก

แต่ถ้าวลีหรือคำนั้นจำเป็นสำหรับประโยค ถ้าตัดออกแล้วใจความเปลี่ยน เราก็จะไม่ใช้คอมม่า

People who exercise regularly tend to be more happy.
คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอมักจะมีความสุขมากกว่า
(ถ้าตัด who exercise regularly ทิ้ง ความหมายจะเปลี่ยนเป็น “คนจะมีความสุขมากกว่า” ซึ่งมีใจความผิดไปจากเดิม)

The restaurant that Anne recommended is fantastic.
ร้านอาหารที่แอนแนะนำนั้นดีมาก
(ถ้าตัด that Anne recommended ทิ้ง ความหมายจะเปลี่ยนเป็น “ร้านอาหารดีมาก” ซึ่งมีใจความผิดไปจากเดิม คือเราจะไม่รู้ว่าหมายถึงร้านไหน)

วลีที่ขึ้นต้นด้วย that มักจะจำเป็นสำหรับประโยค เรามักจะไม่ใช้คอมม่าครอบส่วนนั้น

4. ใช้คอมม่าแยกรายการคำตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป

ถ้าเรามีรายการคำตั้งแต่ 3 รายการขึ้นไป เราจะต้องคั่นแต่ละรายการด้วยคอมม่า ยกเว้นรายการสุดท้าย เราจะคั่นด้วยคอมม่าหรือไม่ก็ได้

โครงสร้างการใช้

รายการหนึ่ง, รายการสอง(,) and รายการสุดท้าย

ตัวอย่างประโยค

He is tall, dark, and handsome.
หรือ He is tall, dark and handsome.
เขาทั้งสูง เข้ม และหล่อ

She needs salt, pepper, and other seasonings at the grocery store.
หรือ She needs salt, pepper and other seasonings at the grocery store.
เธอต้องการเกลือ พริกไทย และเครื่องปรุงอย่างอื่นที่ร้านขายของ

5. ใช้คอมม่าคั่นระหว่าง coordinate adjectives

Coordinate adjectives คือคำคุณศัพท์ที่ขยายคำนามคำเดียวกันและมีความสำคัญเท่าๆกัน สามารถสลับที่กันได้ ตัวอย่างเช่น

เราสามารถใช้ได้ทั้ง long, narrow path
และ narrow, long path
คำว่า long และ narrow ในที่นี้จะถือเป็น coordinate adjectives

เราสามารถใช้ big black bear
แต่ไม่สามารถใช้ black big bear
คำว่า big และ black ไม่ถือเป็น coordinate adjectives (การใช้ adjective ขนาดจะต้องมาก่อนสี)

โครงสร้างการใช้

coordinate adjective 1 + , + coordinate adjective 2 + คำนาม

ตัวอย่างประโยค

The happy, lively cat is playing with the ball.
แมวที่มีความสุขสดใสกำลังเล่นกับลูกบอล

My roommate is a cheerful, kind girl.
รูมเมทของฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงและใจดี

ทั้งนี้ เราสามารถใช้ and เชื่อมระหว่าง coordinate adjectives แทนคอมม่าก็ได้เช่นกัน อย่างเช่น My roommate is a cheerful and kind girl.

6. ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำพูดกับวลีที่กำกับ

ในภาษาอังกฤษ เวลาเราเขียนประโยคที่เป็นคำพูด เราจะใช้เครื่องหมาย “-” ครอบประโยคคำพูดนั้น อย่างเช่น Anne said, “I feel sick.” ซึ่งแปลว่า แอนพูดว่า “ฉันรู้สึกป่วย”

สังเกตว่า เราจะใช้คอมม่าคั่นระหว่างวลีที่เข้ามากำกับ ซึ่งก็คือ Anne said และประโยคที่เป็นคำพูด ซึ่งก็คือ “I feel sick.”

ทั้งนี้ วลีที่กำกับนั้นอาจจะอยู่หน้า อยู่กึ่งกลาง หรืออยู่หลังประโยคที่เป็นคำพูดก็ได้

โครงสร้างการใช้

  • วลีกำกับ, “ประโยคคำพูด”
  • “ประโยคคำพูด,” วลีกำกับ, “ประโยคคำพูด”
  • “ประโยคคำพูด,” วลีกำกับ

ตัวอย่างประโยค

He answered, “She is not here.”
เขาตอบ “เธอไม่ได้อยู่ที่นี่”

“I think,” she said, “Joe can help.”
“ฉันคิดว่า” เธอพูด “โจสามารถช่วยได้”

“It is raining,” Tim said.
“ฝนกำลังตก” ทิมพูด

ในกรณีที่วลีกำกับอยู่ข้างหลังประโยคคำพูด ถ้าประโยคคำพูดลงท้ายด้วยเครื่องหมายตกใจ (!) หรือเครื่องหมายคำถาม (?) เราจะไม่ต้องใช้คอมม่า

“Stop playing video game!” mom yelled.
“หยุดเล่นเกมได้แล้ว” แม่ตวาด

“Are you alright?” Ben asked.
“คุณโอเคมั้ย” เบ็นถาม

บางคนอาจสงสัยว่า เราต้องใส่คอมม่าไว้ในหรือนอกเครื่องหมาย “-” ทำไมบางทีเห็นแต่ละที่ใช้ไม่เหมือนกัน

คำตอบก็คือถ้าเป็น American English จะนิยมเอาไว้ข้างใน เช่น “It is raining,” Tim said. แต่ถ้าเป็น British English จะนิยมเอาไว้ข้างนอก เช่น “It is raining”, Tim said.

7. ใช้คอมม่าในการแยกวันที่และสถานที่

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างวันและปีเมื่อเราเขียนวันที่ในรูปแบบ เดือน-วันที่-ปี แต่ถ้าเราเขียนในรูปแบบ วันที่-เดือน-ปี เราจะไม่ต้องใช้คอมม่า

โครงสร้างการใช้

เดือน วันที่, ปี

ตัวอย่างประโยค

She was born on December 10, 1995.
เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1995

She was born on 10 December 1995.
เธอเกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1995

และใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำบอกสถานที่ที่ต่างกัน เช่น เมือง จังหวัด รัฐ ประเทศ

โครงสร้างการใช้

  • ชื่อตำบล, ชื่อเขต, ชื่อจังหวัด, ชื่อประเทศ
  • ชื่อเมือง, ชื่อรัฐ, ชื่อประเทศ

ตัวอย่างประโยค

I live in Bangkok, Thailand.
ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย

He came from Chicago, Illinois.
เขามาจากเมืองชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์

8. ใช้คอมม่าหน้า question tag

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างประโยคหลักกับ question tag

โครงสร้างการใช้

ประโยคหลัก + , + question tag

ตัวอย่างประโยค

These flowers are beautiful, aren’t they?
ดอกไม้เหล่านี้สวยมาก ว่ามั้ย

You didn’t forget the key, did you?
คุณไม่ได้ลืมกุญแจใช่มั้ย

9. ใช้คอมม่าเมื่อเรียกบุคคลโดยตรง

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำเรียกบุคคลอื่นกับส่วนอื่นของประโยค เมื่อเราเรียกบุคคลนั้นโดยตรง

โครงสร้างการใช้

  • ประโยคหลัก + , + คำเรียกบุคคล
  • คำเรียกบุคคล + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Dad, where are you?
พ่ออยู่ไหน

See you later, John.
ไว้เจอกันใหม่นะจอห์น

10. ใช้คอมม่าหลังคำขึ้นต้นประโยค

ใช้คอมม่าคั่นระหว่างคำขึ้นต้นประโยคกับประโยคหลัก อย่างเช่น คำทักทาย yes/no

โครงสร้างการใช้

  • คำทักทาย + , + ประโยคหลัก
  • yes/no + , + ประโยคหลัก

ตัวอย่างประโยค

Hello, how is it going?
สวัสดี เป็นยังไงบ้าง

Yes, I live by myself.
ใช่ ฉันอยู่คนเดียว

11. ใช้คอมม่าเพื่อป้องกันการสับสน

เราจะใช้คอมม่าในประโยคที่อาจก่อให้เกิดความสับสนหรือความเข้าใจผิดแก่ผู้อ่าน เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจความหมายได้ถูกต้องมากขึ้น

ตัวอย่างประโยค

I waved at my friend who entered the canteen, and smiled.
ฉันโบกมือให้เพื่อนที่เข้ามาในโรงอาหาร และยิ้มให้เค้า
(คอมม่าทำให้เรารู้ว่าฉันเป็นคนยิ้ม ไม่ใช่เพื่อนยิ้ม)

เป็นยังไงบ้างครับกับหลักการใช้เครื่องหมายคอมม่า (comma) ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


เริ่มพูดภาษาอังกฤษ | ประโยคสั้นๆ | ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน พร้อมคำอ่านคำแปล


ฝึกพูดภาษาอังกฤษ | ประโยคพื้นฐาน | สำหรับผู้เริ่มเรียน | สามารถจำนำไปใช้ได้เลย
เรียนภาษาอังกฤษฟรี
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…
📌ฝึกพูดภาษาอังกฤษ สำหรับผู้เริ่มต้น ในชีวิตประจำวัน ฝึกแบบนี้ได้แน่นอน
👉https://www.youtube.com/watch?v=kxZAU…
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuK…
📌ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน วลีต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันบ่อยๆ
👉https://www.youtube.com/watch?v=AT2p…
📌 ฝึกพูด ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน พร้อมคำอ่าน EP.2
👉 https://www.youtube.com/watch?v=cZqpc…
📌 ฝึกพูด ประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐาน ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน พร้อมคำอ่าน EP.3
👉 https://www.youtube.com/watch?v=uQ3k…
📌 เรียนภาษาอังกฤษง่ายๆ การใช้ This, That, These, Those พร้อมประโยคตัวอย่าง
👉https://www.youtube.com/watch?v=qS1MH…
📌 คำศัพท์ ที่เราคิดว่าเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ได้เรียกว่าแบบนี้หรอ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=cAa9v…
📌สรุปการใช้ Verb to be ( is , am , are, was ,were) เข้าใจง่าย | ภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉https://www.youtube.com/watch?v=b9M76…
📌 50 คำย่อภาษาอังกฤษ ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน มีอะไรบ้าง
👉https://www.youtube.com/watch?v=19Two…

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

เริ่มพูดภาษาอังกฤษ | ประโยคสั้นๆ | ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน พร้อมคำอ่านคำแปล

\”มี\” ขึ้นต้นประโยคในภาษาอังกฤษใช้คำไหน


\

ประโยคคำถามอังกฤษ ที่ขึ้นต้นด้วย Do ที่เจอบ่อย


ประโยคคำถามอังกฤษ ที่ขึ้นต้นด้วย Do ที่เจอบ่อย
คำถาม ภาษาอังกฤษ Do

ประโยคคำถามอังกฤษ ที่ขึ้นต้นด้วย Do  ที่เจอบ่อย

คำศัพท์ครอบครัว ภาษาอังกฤษ family


คำศัพท์ครอบครัว ภาษาอังกฤษ family
คำศัพท์อังกฤษ ครอบครัว family

คำศัพท์ครอบครัว ภาษาอังกฤษ family

การใช้ Wh – Question ในการตั้งคำถาม ในภาษาอังกฤษ


คำถามชนิดนี้ขึ้นต้นประโยคด้วยคำที่เป็นคำถาม (question words)คำถามต่างๆ มีดังนี้
Who ใคร Whom ใคร Whose ของใคร What อะไร Which อันไหน คนไหน Where ที่ไหน When เมื่อไร Why ทำไม How อย่างไร
PANGEnglishChannel
เรียนภาษาอังกฤษฟรี
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ถามตอบ ประโยคพื้นฐานใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=IHuKZYgki4\u0026t=5s
📌 ฝึกอ่านแปลภาษาอังกฤษ เข้าใจง่าย เรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน
👉 https://www.youtube.com/watch?v=URCUv47gnc8
📌 ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ตั้งปณิธานเรื่องที่จะทำในปีใหม่ New Year’s Resolutions
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AWo2r51ZLFA\u0026t=10s
📌 เรียนภาษาอังกฤษฟรี ดูโครงสร้างภาษาอังกฤษ ฝึกพูดพร้อมตัวอย่างประโยค
👉 https://www.youtube.com/watch?v=UgGf1QS7O6s
📌 5 โครงสร้างประโยคพื้นฐานในภาษาอังกฤษ (English sentence structures)
👉 https://www.youtube.com/watch?v=iGS5sPRefdA\u0026t=82s
📌 ประโยคอวยพรปีใหม่ ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่านและแปลภาษาไทย
👉 https://www.youtube.com/watch?v=BYqot65xu6k
📌วิธีใช้ Used to, Be used to และ Get used to (เคย และ เคยชิน)
👉https://www.youtube.com/watch?v=in1gK2AAi9Q\u0026t=3s
📌 Whenever, Whatever, Whoever, However, Whichever | ใช้ยังไง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnATbRFCE
📌 How far/How much/How many/How long/ ใช้อย่างไร และแปลว่าอย่างไร ภาษาอังกฤษ
👉 https://www.youtube.com/watch?v=AnATbRFCE
📌 เรียนภาษาอังกฤษ Do, Does, Did, Done | แปลว่าอย่างไร เข้าใจง่ายพร้อมตัวอย่าง
👉 https://www.youtube.com/watch?v=JrNKYd2YFzg\u0026t=2s

การใช้ Wh – Question ในการตั้งคำถาม ในภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ and ขึ้นต้นประโยค

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *