Skip to content
Home » [NEW] รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ | เป็นความคิดที่ดี ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ | เป็นความคิดที่ดี ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

เป็นความคิดที่ดี ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

Table of Contents

รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

 

รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞

แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ เป็นวิธีการสร้างความประทับใจที่ง่ายที่สุด และทำให้คนจดจำเราได้ตั้งแต่แรกพบ เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีแพทเทิร์นในการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษของตัวเองได้ก็จะยิ่งดีมาก ๆ 

 

และถ้ายิ่งได้ฝึกพูดแนะนำตัวภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งพูดคล่อง และมั่นใจค่ะ เมื่อเจอกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนต่างชาติใหม่ ๆ ก็จะพูดได้เลย โดยที่ไม่ต้องคิดนาน

 

ถ้าหากฝึกซ้อมแนะนำตัวแล้ว อย่าลืมซ้อมตอบคำถาม และปรับบุคลิกภาพด้วย คลิก

 

20 ประโยคจำไว้ถาม-ตอบเวลาพรีเซนต์

How to พรีเซนต์งานภาษาอังกฤษ ให้โดนใจคนฟัง!

 

การแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ นั่นก็คือ การแนะนำตัวแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น สัมภาษณ์งาน, Presentation หรือการไปเที่ยวแล้วพบเจอคนใหม่ ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน

 

ซึ่งนอกจาก Globish จะมาแนะนำวิธีการและประโยคแล้ว ยังมีตัวอย่างการแนะนำตัวภาษาอังกฤษให้ทุกท่านนำไปใช้ได้เลยอีกด้วยค่ะ

 

แต่ก่อนจะเข้าเนื้อหา อยากให้ทุกท่านลองลิสต์คำตอบของคำถามเหล่านี้ดูก่อนค่ะ 

 

1) What is your name? 

ตัวอย่างคำตอบ

Pim, Jane, Sam etc.

 

2) Where are you from? 

ตัวอย่างคำตอบ

Bangkok, Thailand etc.

 

3) How are you related to the person who has introduced you? 

ตัวอย่างคำตอบ

Husband, wife, friend etc.

 

4) Why are you in that situation? 

ตัวอย่างคำตอบ

Party, Family introductions, Wedding etc.

 

5) What makes you interesting? 

ตัวอย่างคำตอบ

You’re good at singing, painting, playing the piano etc.

 

เมื่อคุณสามารถตอบคำถามครบแล้ว ก็จะเริ่มรู้แนวแล้วว่า คุณควรจะพรีเซนต์ตัวเองไปในทิศทางไหน และควรพูดเรื่องอะไรดี

 

แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะพูดแนะนำตัวเรื่องอะไรดีหรือยังไม่มีเรื่องในใจ Globish ได้เตรียมหัวข้อมาให้ทุกท่านเลือกเช่นกันค่ะ ได้แก่

 

Personality นิสัย

Likes สิ่งที่ชอบ

Dislikes สิ่งที่ไม่ชอบ

Hobbies งานอดิเรก

Skills ทักษะ

Talents พรสวรรค์

Qualifications คุณสมบัติ

Interests ความสนใจ

Awards รางวัลหรือความสำเร็จ

Ideas ความคิด

Opinions ความคิดเห็น

 

ซึ่งทุกท่านไม่จำเป็นต้องพูดในทุกหัวข้อเมื่อแนะนำตัวภาษาอังกฤษก็ได้ แต่เลือกเฉพาะสิ่งที่เข้ากับสถานการณ์นั้น ๆ เช่น ถ้าหากต้องแนะนำตัวสัมภาษณ์งาน อาจจะพูดถึง Personality, Hobbies, Qualifications, Skills, หรือ Awards ค่ะ

 

เชื่อว่าทุกท่านน่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว เรามาเริ่มกันที่การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบไม่เป็นทางการกันเลยค่ะ

1. การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบ Informal (ไม่เป็นทางการ)

 

การแนะนำตัวแบบนี้ เหมาะมาก ๆ กับสถานการณ์อย่าง ไปเจอครอบครัวของเพื่อนหรือเพื่อนของเพื่อนในงานต่าง ๆ หรือเจอเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกันค่ะ 

 

  ■ สถานการณ์: แนะนำตัวในงานเลี้ยงของเพื่อน

 

เริ่มจากการทักทาย…

 

Hi everybody.

สวัสดีค่ะ/ครับทุกคน

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hi there.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hey there

สวัสดีค่ะ/ครับ

แนะนำตัวเอง…

 

I’m Sam, Jane’s friend. It’s a pleasure to meet you.

ฉันชื่อแซมนะ เป็นเพื่อนของเจน ยินดีที่ได้พบคุณมาก ๆ เลย

 

You can call me Sam. It’s nice to meet you.

คุณเรียกฉันว่าแซมก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

พูดถึงงานปาร์ตี้หรือคนที่คุณทั้งสองคนรู้จักร่วมกัน

 

This is a fantastic party, very well-organised.

ปาร์ตี้นี้สุดยอดมากเลยนะครับ จัดได้ดีมาก ๆ

 

The food in this restaurant is so good, I’m on my third round!

อาหารในร้านนี้อร่อยมาก ๆ เลย นี่ผมตักอาหารรอบที่ 3 แล้ว

 

I work with Jane (the hostess) at Globish. We first met when we studied at Thammasart university together, so we’ve known each other for 10 years.

ฉันทำงานกับเจนที่โกลบิช แต่เราเจอกันครั้งแรกตั้งแต่สมัยเรียนธรรมศาสตร์ ตอนนี้ก็รู้จักกันมา 10 ปีแล้ว

 

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

So, tell me a bit about yourself. How do you know Jane?

เล่าเรื่องของคุณซักหน่อยได้ไหม คุณรู้จักเจนได้ยังไง

 

By the way, please tell me about yourself. How did you and Jane meet?

ว่าแต่… คุณช่วยเล่าเรื่องของคุณได้ไหม แบบคุณกับเจนเจอกันได้ยังไง

 

 


■ สถานการณ์: แนะนำตัวในทีทำงาน (เพิ่งเริ่มทำงานวันแรก)

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Hi, everybody.

สวัสดีทุกคน

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hi there.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hey there

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Good morning/ afternoon/ evening.

สวัสดีตอนเช้า/ บ่าย/ เย็น

แนะนำตัวเองและตำแหน่งงาน…

 

Nice to meet you. My name is Laticia. I’m the new graphic designer. 

ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อลาทีเซีย เป็นกราฟิกดีไซน์คนใหม่ค่ะ

 

My name is Jack, your new marketing manager. 

ผมชื่อแจ็ค เป็นผู้จัดการแผนกมาร์เก็ตติ้ง

 

I’m Javier, an engineer in the IT department.

ฉันชื่อจาเวียร์ เป็นวิศวะแผนกไอทีค่ะ

 

Hi, I am Jeff from the Marketing Team.

สวัสดี ฉันชื่อเจฟจากทีมมาร์เก็ตติ้ง

   

I’m Mike, the new engineer. Nice to meet you.

ผมชื่อไมค์ เป็นวิศวะกรคนใหม่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ

พูดถึงประวัติการทำงาน…

 

Previously, I worked as marketing manager in Noc Company. So, I have 10 years of experience.

ก่อนหน้านี้ ผมเคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการแผนกมาร์เก็ตติ้งที่บริษัทน็อค ผมเลยมีประสบการณ์ทางด้านนี้มากว่า 10 ปี 

สร้างความประทับใจ…

 

I believe I can lead this team to even more success, but I can’t produce great results alone. That’s why I need your utmost cooperation. Together, we can achieve great things.

ผมเชื่อว่าผมสามารถพาทีมไปสู่ความสำเร็จ แต่คงทำคนเดียวไม่ได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องการความร่วมมือจากพวกคุณ หากร่วมมือกัน เราจะสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน

 

I worked at ABC Company for one year before joining this company. Outside of work, I enjoy doing yoga and reading novels at the beach. If you have any interesting books, feel free to recommend them to me.

ฉันทำงานที่บริษัท ABC มา 1 ปี ก่อนที่จะย้ายมาทำงานที่นี่ นอกเหนือจากการทำงาน ฉันชอบเล่นโยคะและนั่งอ่านหนังสือริมชายหาด ถ้าคุณมีหนังสือที่น่าสนใจ แนะนำฉันมาได้เลย

 

I graduated with my degree in Economics two months ago.

Although I don’t have real-life work-experience, I’m ready to learn new things from all of you.

ผมจบเศรษฐศาสตร์มาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แม้ว่าผมยังไม่มีประสบการณ์จริง แต่ผมพร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากคุณทุกคน

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

I’m excited to work with all of you.

ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับพวกคุณทุกคน

 

We’ll be working together in the future and I’m excited to be a part of the team

เราจะได้ร่วมงานกันในอนาคตแน่นอน และฉันตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม

 

I’m looking forward to working with you in the future. See you around.

ฉันตั้งตารอที่จะได้ทำงานกับคุณในอนาคต แล้วพบกันนะคะ

 

 

 

2. การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบ Formal (เป็นทางการ)

 

ข้อแตกต่างระหว่างการแนะนำแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ คือ ภาษาที่ใช้ค่ะ แบบเป็นทางการจะใช้ภาษาที่ค่อนข้างสุภาพมากกว่า เหมาะกับสถานการณ์แบบ สัมภาษณ์งาน หรือใช้เกริ่นก่อนนำเสนองานให้คนที่ไม่รู้จัก และเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นในบริษัทฟัง ก็สามารถใช้ได้ค่ะ

 

■ สถานการณ์: แนะนำตัวเมื่อไปสัมภาษณ์งาน

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Good morning/ afternoon/ evening.

สวัสดีตอนเช้า/ บ่าย/ เย็น

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

แนะนำตัวเองพร้อมประวัติการเรียนหรือการทำงาน…

 

My name is Kevin Smith. Glad to meet you. I’m 21 years old and I’m a fresh graduate from XYZ University with Business management.

ผมชื่อเควิน สมิธ ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ ผมอายุ 21 ปี เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย XYZ ด้านการจัดการธุรกิจครับ

 

First of all, it’s my pleasure to speak with you today. My name is Paul Smith. I’m 23 years old and I have just completed my graduation from XYZ University with Human Resource Management as the subject.

ก่อนอื่นเลย ยินดีอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยกับคุณวันนี้ครับ ผมชื่อพอล สมิธ อายุ 23 ปี เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย XYZ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลครับ

 

Good morning, I’m Janejira Rakdee. Pleased to meet you. I’m from Bangkok. I completed my Bachelor of Engineering degree in 2009 from Abac university.

สวัสดีตอนเช้าค่ะ ดิฉันชื่อเจนจิรา รักดี ยินดีที่ได้พบคุณค่ะ ฉันมาจากกรุงเทพฯ จบการศึกษาจากคณะวิศวะกรรมศาสตร์ตอนปี 2009 จากมหาวิทยาลัยเอแบคค่ะ

 

Good afternoon, I’m Sam Brandon. I have been working as a Sales Professional for 5 years now. I joined as a Sales executive and worked my way up to the position of Sales Manager within 3 years.

สวัสดีตอนบ่ายครับ ผมชื่อแซม แบรนดอน ผมทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขายมา 5 ปีแล้ว นอกจากนี้ ผมเริ่มจากตำแหน่งพนักงานขายไปจนถึงผู้จัดการฝ่ายขายภายใน 3 ปี

พูดถึงสกิลที่ถนัด ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่โดดเด่น…

 

One of my accomplishments during my university life was being a speaker at a Science seminar. I have completed my internship in ABC Motor company. During my internship, I gained a lot of useful skills that weren’t included in the academic curriculum such as negotiation and time management skills.

หนึ่งในความสำเร็จช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยของดิฉันคือ การได้เป็นผู้บรรยายในงานสัมมนาวิทยาศาสตร์ อีกทั้งดิฉันยังได้ฝึกงานในบริษัทยานยนตร์ ABC ระหว่างการฝึกงาน ฉันได้เรียนรู้สกิลที่มีประโยชน์ และไม่มีสอนในรั้วมหาลัย เช่น สกิลการต่อรองและการจัดการเวลา

 

I’ve been hard-working and have taken my subjects quite seriously. Now, as I am graduated, I want to implement my knowledge in my work. That is the reason I applied for this job. 

ผมค่อนข้างทุ่มเทและจริงจังกับการเรียนมาตลอด และตอนนี้ ในฐานะที่เป็นเด็กจบใหม่ ผมอยากเอาความรู้ที่ได้เรียนมาปรับใช้กับการทำงาน นี่คือเหตุผลที่ผมสมัครงานในตำแหน่งนี้ครับ

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

Now, I am all set to start my career, and hoping to get selected into your esteemed company which will help me explore my other abilities, and improve myself.

และตอนนี้ ดิฉันพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่การทำงาน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเลือกให้ทำงานในบริษัทสามารถช่วยดิฉันค้นหาความสามารถอื่น ๆ ของตัวเองและพัฒนาตัวเองไปได้อีกค่ะ

 

Although I don’t have real-life work-experience, I have learned a lot about business through subjects during my graduation. So, I would assure you to be a valuable asset to your esteemed company by implementing all of my knowledge mixed up with hard work.

แม้ว่าผมจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจริง แต่ผมได้เรียนรู้ด้านธุรกิจผ่านวิชาเรียนที่หลากหลายในรั้วมหาวิทยาลัย ผมจึงอยากให้คุณมั่นใจเลยว่า ผมจะเป็นพนักงานที่มีคุณค่าต่อบริษัท โดยการนำความรู้ทั้งหมดที่ผมมีมาปรับใช้ไปพร้อม ๆ กับความมุมานะในการทำงาน

 

 

■ สถานการณ์: แนะนำตัวก่อนพรีเซนต์งาน

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Hi, everyone. Thanks for coming.

สวัสดีค่ะ/ครับ ทุกคน ขอบคุณที่มาในวันนี้

 

Hello, everyone. I’d like, first of all, to thank the organizers of this meeting for inviting me here today.

สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลย ผมขอขอบคุณผู้จัดงานที่เชิญผมมาในวันนี้

 

Good morning everyone and welcome to the meeting. First of all, let me thank you all for coming here today. 

สวัสดีตอนเช้าค่ะทุกคน ขอต้อนรับสู่การประชุมค่ะ ก่อนอื่นเลย ขอขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ค่ะ

แนะนำตัวเองและตำแหน่ง…

 

I’m John, who heads the marketing team.

ผมชื่อจอห์น เป็นหัวหน้าทีมมาร์เก็ตติ้งครับ

 

Let me introduce myself. I’m Jan from the marketing team.

ขอแนะนำตัวสักหน่อยนะคะ ดิฉันชื่อแจน มาจากทีมมาร์เก็ตติ้งค่ะ

 

For those of you who don’t know me, my name’s Jane from the operation management team.

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักดิฉันนะคะ ดิฉันชื่อเจน มาจากทีมการจัดการการผลิตค่ะ

บอกหัวข้อหลักของการพรีเซนต์…

 

What I’d like to present to you today is our annual sales report.

สิ่งทีผมต้องการจะนำเสนอในวันนี้คือรายงานยอดขายประจำปี

 

As you can see on the screen, our topic today is our annual sales report.

อย่างที่คุณเห็นบนหน้าจอ หัวข้อในวันนี้คือการรายงานยอดขายประจำปี

 

In my presentation I would like to report on our annual sales report.

ในการนำเสนอ ดิฉันจะชี้แจงเรื่องรายงานยอดขายประจำปี

 

I’m here today to present our annual sales report.

วันนี้ฉันจะมานำเสนอเรื่องการรายงานยอดขายประจำปี

บอกจุดมุ่งหมายของการพรีเซนต์…

 

The purpose of this presentation is for us to come up with short-term and long-term strategies to increase our profit. 

จุดประสงค์ของการนำเสนอคือต้องการให้พวกเราหาวิธีเพิ่มกำไรด้วยกลยุทธ์ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

 

My main objective for today is for us to come up with short-term and long-term strategies to increase our profit. 

จุดประสงค์หลังของการนำเสนอคือต้องการให้พวกเราหาวิธีเพิ่มกำไรด้วยกลยุทธ์ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

บอกหัวข้อย่อยที่จะพรีเซนต์…

 

I’ve divided my presentation into three main parts.

ผมได้แบ่งการนำเสนอนี้ออกเป็น 3 หัวข้อหลัก ๆ

 

In my presentation I’ll focus on three major issues.

ในการนำเสนอ ผมจะมุ่งไปที่ 3 หัวข้อหลัก ๆ

 

I thought it would be useful to divide our talk into three main sections.

ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์มาก ถ้าแบ่งการนำเสนอออกเป็น 3 ส่วน

บอกลำดับเรื่องที่จะพรีเซนต์…

 

First of all, I’d like to give you an overview of

our monthly sales report.

Next, I’ll focus on

our annual sales report.

Lastly, I’ll deal with

our company goals for next year.

อันดับแรก ดิฉันขอเริ่มด้วยภาพรวมของยอดขายในแต่ละเดือน หลังจากนั้น ดิฉันจะพูดถึงยอดขายในปีนี้ และสุดท้าย จะจบด้วยเป้าหมายของบริษัทในปีหน้าค่ะ

 

So, I’ll begin by bringing you up-to-date on

our monthly sales report.

And then, I’ll go on to

our annual sales report.

I’ll end with

our company goals for next year.

ผมจะเริ่มต้นด้วยภาพรวมของยอดขายในแต่ละเดือน หลังจากนั้น ผมจะพูดถึงยอดขายในปีนี้ และจบด้วยเป้าหมายของบริษัทในปีหน้าครับ

บอกระยะเวลาของการพรีเซนต์…

 

This should only last 20 minutes.

การนำเสนองานจะใช้เวลา 20 นาที

 

My presentation will take about an hour.

การนำเสนองานจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

 

It will take about 1 hour and a half to cover these issues.

การนำเสนองานจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อพูดถึงหัวข้อทั้งหมด

 

 

บอกเรื่องเอกสารประกอบการบรรยาย…

 

I’ll be handing out copies of the slides at the end of my talk.

ผมจะแจกเอกสารหลังจากจบการพรีเซนต์นะครับ

 

I can email the PowerPoint presentation to anybody who wants it.

ดิฉันจะส่งอีเมลแนบเพาเวอร์พ้อยท์ที่พรีเวนต์วันนี้ให้ผู้ที่ต้องการนะคะ

ปิดท้ายด้วยการให้ผู้ฟังถามคำถามหลังการพรีเซนต์…

 

There will be time for questions after my presentation.

เดี๋ยวจะมีช่วงให้ถามคำถามในตอนท้ายของการนำเสนอนะคะ

 

 

  

ทั้งหมดนี้คือการแนะนำตัวภาษาอังกฤษทั้งแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการค่ะ ทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากบัสถานการณ์ของตัวเองได้นะคะ

ที่สำคัญ อย่าลืมหมั่นฝึกฝน และซ้อมบ่อย ๆ เพราะจะช่วยเรื่องการพูดอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นตัวของตัวเองค่ะ

 

ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก:

เว็ปไซต์ Indeed

เว็ปไซต์ HQ hire

เว็ปไซต์ Interview Questions

 

เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี! คลิก

[NEW] รวมวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน ตอนที่ 1 | เป็นความคิดที่ดี ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

คนทำงานต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในที่ทำงานมากมาย เช่น การขอความคิดเห็น หรือการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ซึ่งถ้าไม่ระวังบางครั้งประโยคที่เราใช้อาจจะฟังดูไม่ค่อยโอเคจนกลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้ JobThai เลยมีวิธีการพูดภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คนทำงานต้องเจอ แบบที่จะทำให้คุณดูเป็น Professional มาแนะนำ

 

ดาวน์โหลด JADOH Learning Application ได้ที่นี่

iOS

Android

 

 

ในการทำงานเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการให้ข้อเสนอแนะ หรือคำติชมต่าง ๆ ซึ่งในภาษาอังกฤษก็คือคำว่า “Feedback” เป็นคำที่คนทำงานต้องเคยเห็น เคยพูด เคยได้ยิน และแทบใช้ทับศัพท์จนเคยชินกันไปแล้ว แต่รู้ไหมว่าคำง่าย ๆ แบบนี้มีคนใช้แบบผิด ๆ โดยไม่รู้ตัวกันเยอะมาก นั่นก็คือการเติม S หลังคำว่า Feedback

 

ถ้าคุณเป็นคนนึงที่เคยเขียนหรือพูด Feedbacks ให้เปลี่ยนใหม่ คุณจะใช้ “No feedback” “A bit of feedback” “Some feedback” หรือ “Tons of feedback” ก็ได้ แต่ทุกครั้งต้องไม่เติม S เท่านั้นเอง

 

เวลามีการประชุม พูดคุยเรื่องงานกันเป็นทีม เราย่อยมีการขอความคิดเห็น หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ เพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุด และนี่คือตัวอย่างประโยคที่น่าฟังเวลาจะพูดเพื่อขอความเห็นจากคนอื่น ๆ 

 

1. ใช้ “weigh in” เพื่อขอความเห็น

“Would you like to weigh in on this?” “ใครมีข้อเสนอแนะอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม?”

 

2. บอกว่าเราอยากฟังความคิดของเขา

“I would love to hear your thoughts.” “ฉันอยากจะได้ความคิดเห็นจากคุณ” หรือ “Let’s hear everyone’s thoughts on this.” “เรามาฟังความคิดเห็นจากทุกคนกันดีกว่า”

 

3 ใช้คำว่า Opinion ในการถาม

“Do you have an opinion on this issue?” “คุณมีความคิดเห็นยังไงในประเด็นนี้”

 

บางคนเลือกที่จะใช้คำว่า Input ที่แปลว่าข้อมูล ไอเดีย หรือคำแนะนำ ในประโยคที่ขอความคิดเห็น  ซึ่งการใช้คำนี้นั้นไม่ผิด แต่ต้องระวังอย่าเติม S หลังคำว่า Input เด็ดขาด

 

การมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในการทำงานนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ แต่การจะบอกคนอื่นว่าเราไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำ พูด หรือนำเสนอนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดออกมาง่าย ๆ เพราะเราอาจจะกังวลว่ามันจะทำให้คนฟังไม่พอใจ แต่ยังไงก็ตามเรายังสามารถพูดออกมาด้วยประโยคที่ฟังดูเป็นมืออาชีพได้ ด้วย 3 วิธีนี้

 

1. “Have you considered…?”

วิธีนี้คนฟังจะรู้สึกเหมือนว่าเราถาม และตอบข้อสงสัยเราโดยไม่รู้สึกว่าถูกเราโจมตี เช่น “Have you considered whether this color fits in with the rest of our color palette?” “คุณได้พิจารณาแล้วใช่ไหมคะว่าสีนี้เหมาะสมกับพาเลตของเรา”

 

2. “I’m afraid I disagree.”

เป็นวิธีพูดว่า “Unfortunately, I disagree.” “น่าเสียดายจังที่ฉันไม่เห็นด้วย” อย่างอ่อนน้อมและสุภาพ เช่น “I understand your main point, I’m afraid I disagree, and this is why…” “ฉันเข้าใจประเด็นของคุณค่ะ แต่ฉันยังไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะว่า…”

 

3. “Let’s agree to disagree.”

ในกรณีที่เลวร้าย หาทางออกไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลและเถียงกันไม่จบ ไม่มีคนถูกหรือคนผิดเราอาจจะพูดได้แค่ว่า “Let’s agree to disagree.” คือเราตกลงกันว่าเราจะเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร จบประเด็นนี้แล้วไปพูดเรื่องอื่นเถอะ

 

 

การขอให้คนอื่นพูดซ้ำอีกครั้งในเรื่องที่เราไม่เข้าใจ หรือฟังไม่ชัดนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะดีกว่าเราฟังและเข้าใจไปแบบผิด ๆ จนส่งผลต่อการทำงาน ซึ่งการจะขอให้เขาพูดทวนอีกครั้งแบบสุภาพ ที่ใช้ได้ทั้งการทำงาน ในห้องประชุม หรือสัมภาษณ์งาน สามารถพูดได้ ดังนี้

 

1. ขอให้เขาพูดอีกรอบไปแบบตรง ๆ เลย

“Could you repeat that please?” “พูดซ้ำได้ไหมคะ”

“Could you say that again?” “พูดอีกครั้งได้ไหม”

“Pardon me, could you repeat that?” “ขออภัยค่ะ พูดซ้ำได้ไหมคะ”

 

2. บอกเขาว่าเราไม่เข้าใจ

“I’m afraid I didn’t get that.” หรือ “I’m afraid I didn’t understand.” “ฉันเกรงว่าฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”

 

3. บอกว่าไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหม และขอให้เขาอธิบายด้วยวิธีอื่น

“I’m not sure I understand, could you explain it in a different way?” “ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า ช่วยอธิบายด้วยวิธีอื่นได้ไหมคะ?”

 

คนทำงานอย่างเรา ๆ ต้องพบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นตามงาน Event งาน Networking งานพบปะทางธุรกิจ หรือแม้แต่คนในแผนกอื่น ๆ ของบริษัทที่อาจมีเป็นร้อยเป็นพัน ซึ่งแน่นอนว่าการลืมชื่อคนที่เราเคยเจอนั้นเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเราได้กลับมาเจอเขาอีกครั้งและต้องมีการพูดคุยกัน จะทำยังไงดีให้รู้ชื่อของเขาแบบที่ยังดูเป็นมืออาชีพ เรามีวิธีมาแนะนำ

 

1. ยอมรับไปตรง ๆ ว่าเราลืมชื่อเขา ขอโทษ แล้วถามชื่อเขาอีกครั้ง

“I’m terribly sorry. I’m bad with names. Could you repeat your name for me, please?” “ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันจำชื่อคนไม่เก่ง ขอถามชื่ออีกครั้งได้ไหมคะ”

“Forgive me, I can’t recall your name at the moment. Could I ask for your name again, please?” “ให้อภัยฉันเถอะนะ แต่ฉันจำชื่อคุณไม่ได้จริง ๆ ขอถามชื่ออีกครั้งได้ไหมคะ”

 

2. ถ้าพอจะจำอะไรเกี่ยวกับเขาได้บ้าง ให้พูดออกไป เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ลืมเขา

“I’m so sorry, I know we met at last year’s trade show and I remember you. I just have forgotten your name. Could you please repeat it?” “ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันจำได้ว่าเราเคยเจอกันที่งานแสดงสินค้าปีที่แล้ว ฉันจำคุณได้ แต่ฉันลืมชื่อคุณจริง ๆ ขอถามอีกรอบได้ไหม?”

 

“I’m so sorry. We had that great chat over breakfast, but I’ve forgotten your name. Could you tell me again, please?” “ขอโทษนะคะ ฉันจำได้ว่าเราคุยกันสนุกมากเมื่อตอนทางอาหารเช้า แต่ฉันลืมชื่อคุณจริง ๆ คุณช่วยบอกชื่อคุณอีกรอบได้ไหมคะ”

 

3. แนะนำเพื่อนร่วมงานคนอื่นของเราให้เขารู้จัก

วิธีนี้จะเป็นวิธีที่เราได้รู้ชื่อเขาแบบเนียน ๆ เพราะเมื่อเราแนะนำเพื่อนร่วมงานเราแล้ว คนที่เราลืมชื่อเขาก็จะอาจจะแนะนำตัวเองกับเพื่อนของเรา ซึ่งตอนนั้นเราก็จะได้รู้ชื่อไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งประโยคแนะนำก็อาจจะพูดว่า “May introduce you to Sandra? She is our CFO and she’s one of the co-founders.”

การถูกขัดจังหวะหรือมีคนอื่นพูดแทรกขึ้นมาตอนที่เรายังพูดไม่จบ เป็นสถานการณ์ที่เราเจอกันบ่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสียมารยาท ทำให้คนที่พูดต้องสะดุดแล้ว ยังทำให้ต้องเสียเวลาและพลังงานในการพากลับเข้าเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่อีกด้วย และนี่คือ 3 วิธีการพูดเพื่อรับมือกับสถานการณ์แบบนี้

 

1. บอกสิ่งที่เรากำลังจะพูดต่อออกมา โดยเริ่มด้วยประโยคว่า “As I was saying…” “ที่ฉันกำลังจะพูดก็คือ…”

2. ถ้าเขายังขัดไม่เลิก ให้พูดออกไปว่า “Can we comeback to that point later?” “ไว้ค่อยคุยเรื่องนั้นกันนอกรอบได้ไหม?” เพื่อให้เขารู้ว่าเรื่องที่เขาพูดแทรกขึ้นมานั้นสามารถพูดทีหลังได้

3. ในกรณีที่ไม่หยุดก่อกวนจริง ๆ ก็ต้องบอกไปตรง ๆ เลยว่าให้ช่วยฟังที่เราพูดให้จบก่อนได้ไหม “Could you let me finish what I was saying?”

 

การทำงานกับปัญหาต่าง ๆ เป็นของที่มาคู่กันอยู่แล้ว ทำให้เราจะต้องมีการพูดคุยกันในทีมเพื่อรับรู้ปัญหาและหาทางแก้ ซึ่งประโยคที่มักจะคุ้นเคยกันก็คือ “Talk about a problem” แต่ถ้าอยากจะให้ฟังดูเป็นทางการมากขึ้น เราควรจะเปลี่ยนเป็น “Address an issue” แทน ซึ่งสามารถใช้ได้ในทั้งในกรณีที่ต้องการจะบอกว่าเรารับรู้ถึงปัญหา อภิปราย และหาทางแก้ไข

 

ตัวอย่างประโยค เช่น

“Let’s address this issue at the next meeting.” “ไว้เรามาหาทางออกของปัญหานี้กันในการประชุมคราวหน้านะคะ” หรือ “Our PR team has come up with s strategies to address this issue.”

“ฝ่าย PR ของเรามีไอเดียดี ๆ ที่จะใช้ในการแก้ปัญหานี้”

 

นอกจากนั้นเมื่อเราต้องการพูดว่าพบสาเหตุของปัญหาแล้ว แทนที่จะพูดว่า “Find the problem” ก็ควรเปลี่ยนมาใช้ “Identify the issue” แทน ในขณะที่การพูดถึงการคลี่คลายปัญหานั้น ก็ควรพูดว่า “Resolve the problem” แทน “Fix the problem” เพื่อฟังดูมืออาชีพมากขึ้น

 

ในการพูดคุยงานหรือประชุม บางครั้งอาจจะมีคนพูดออกนอกประเด็นหรือกำลังจะเปลี่ยนประเด็นไป โดยที่เรายังมีเรื่องที่อยากจะพูดหรือถาม ในกรณีนี้เราสามารถพูดแทรกขึ้นมาอย่างสุภาพและดูเป็นมืออาชีพได้ง่าย ๆ ว่า “May I ask a question?” “ขอถามนิดนึงได้ไหม?” เช่น “May I ask a question before we proceed?” “ก่อนที่เราจะไปขั้นตอนต่อไป ขอถามอะไรนิดนึงได้ไหมคะ?” ซึ่งเราสามารถใช้ประโยคนี้ทั้งกับเจ้านาย หรือผู้ใหญ่ได้ด้วย

 

การจดบันทึกหรือสรุปสิ่งที่พูดคุยกันไม่ว่าจะเป็นในการประชุม การสรุปการทำงาน หรือในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน ถือเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างมาก ซึ่งขณะที่มีการพูดคุยกันอยู่ เราสามารถแจ้งให้คนอื่น ๆ ทราบว่าเรากำลังจะจดบันทึกได้ด้วยประโยคเหล่านี้

1. “Shall I put this in writing?” “ขอจดบันทึกไว้ได้ไหมคะ?”

2. “Shall I summarize this in an email?” “ขอส่งสรุปผ่านอีเมลนะคะ?”

 

การจดบันทึกและส่งสรุปให้คนที่เราคุยด้วยนั้น นอกจากป้องกันไม่ให้เราลืมสิ่งที่คุยกัน และไม่ให้รายละเอียดต่าง ๆ ตกหล่นแล้ว ยังสามารถเป็นการรีเช็กว่าทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันได้อีกด้วย

 

เมื่อต้องพูดสิ่งที่เราต้องการ หลายคนมักจะใช้ประโยคว่า “I want to” แต่ถ้าเราอยากจะพูดแบบตรงไปตรงมา ให้ตัวเองดูมีความมั่นใจ และเป็นมืออาชีพด้วย เราควรจะเปลี่ยนมาใช้ประโยคว่า “I would like to” แทน ซึ่งเป็นประโยคที่ฟังสุภาพและดูดีกว่า และรูปแบบการใช้ในประโยคก็ไม่ได้แตกต่างกัน เช่น ถ้าอยากจะปรึกษาเรื่องการขึ้นเงินเดือนกับเจ้านาย ก็แค่เปลี่ยนจาก “I want to discuss a raise at the next meeting.” เป็น “I would like to discuss a raise at the next meeting.”

 

ได้แนวทางในการพูดภาษาอังกฤษตามสถานการณ์ต่าง ๆ แล้วก็อย่าลืมลองเอาไปปรับใช้ และฝึกฝนกันบ่อย ๆ ด้วยนะ และนอกจากวิธีพูดต่าง ๆ ในบทความนี้แล้ว เรายังมีวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน ตอนที่ 2 และ คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทำงานแบบ Professional ด้วย คลิกที่ลิงก์ด้านล่างได้เลย

 

หางาน สมัครงานง่าย ๆ ด้วย JobThai Mobile Application

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

 

JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน

Public group · 200,000 members

Join Group

 


Musketeers – ใจความสำคัญ (Ost. รักหมดแก้ว Love On The Rocks) [Official MV]


Musketeers ใจความสำคัญ (Ost. รักหมดแก้ว Love On The Rocks) [Official MV]
Executive Producer : Surapong Siripan
คำร้อง ชาครีย์ ลาภบุญเรือง
ทำนอง ชาครีย์ ลาภบุญเรือง, รวิน มิตรจิตรานนท์
เรียบเรียง Musketeers
ดาวน์โหลดได้ที่ Digital Download : 1238885 (นาทีละ 5 บาท ไม่รวมค่าดาวน์โหลด)
Download on iTunes : https://itunes.apple.com/th/album/ck…
https://www.facebook.com/srplabel
เรื่องราวในวันนั้น ความฝันของเธอและฉัน
ยังไม่คิดจะผูกพัน แค่มีกันมันไปอย่างนั้น
เมื่อเรานั้นคิดจะปิด ทุกความสัมพันธ์ใดๆ 
ร่างกายมีเพียงแค่ฉันและเธอ
และในวันที่มันเปิด ยอมรับเรื่องราวไม่ได้ 
สุดท้ายว่าเรามีกันเสมอ
เมื่อก่อนเราไม่คิดจะรัก เเละเรายังไม่เข้าใจ 
ว่าอะไรที่โยงใยความผูกพัน
เติบโตแล้วได้เรียนรู้ ในวันที่สายเกินไป 
ว่าอะไรมันคือใจความสำคัญ
ฉันและเธอ
ลองค้นอีกที สิ่งที่มียังเหลืออยู่ไหม
อาจจะสาย อาจจะหาย คงไม่สายเกินไปใช่ไหม
ไม่ใช่ความรักที่เราฝันใฝ่ มันคือความรักที่เราเข้าใจ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Musketeers - ใจความสำคัญ (Ost. รักหมดแก้ว Love On The Rocks) [Official MV]

เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ???


KnowItAll อาจารย์อดัม ภาษาอังกฤษ

เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ???

โฟกัสให้ถูกทาง ตั้ง Mindset ให้เป็น โดย ท่าน ว.วชิรเมธี (พระมหาวุฒิชัย -พระเมธีวชิโรดม)ไร่เชิญตะวัน


ความฝันจะเป็นจริงหรือไม่ หัวใจสำคัญขึ้นอยู่กับ ความกล้าที่จะฝัน กล้าที่จะเสี่ยง เเละกล้าที่จะล้มเหลว (ท่าน ว.วชิรเมธี)
“ฝัน” โดยไม่ลงมือทำ เป็นการเสียเวลาเปล่า “ทำ” โดยไม่เคยมีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็เป็นการทุ่มเทที่สูญเปล่า (ท่าน ว.วชิรเมธี)
To dream without working on it is a waste of time;
to do something without having a definite goal constitutes a wasteful effort.
มีความฝันที่ชัดเจน มองความล้มเหลวเป็นครู กล้าเสี่ยง กล้าตัดสินใจ และกล้าที่จะแตกต่าง คือ ๓ อุปนิสัยแห่งความสำเร็จ (ท่าน ว.วชิรเมธี)
To dream big, to see failure as a teacher, and
to dare to take risks, make decisions,
and be different
are the three habits for success.
Mindset ความฝัน พัฒนาตนเอง

โฟกัสให้ถูกทาง ตั้ง Mindset ให้เป็น โดย ท่าน ว.วชิรเมธี (พระมหาวุฒิชัย  -พระเมธีวชิโรดม)ไร่เชิญตะวัน

The Wall Song ร้องข้ามกำแพง | EP.62 | พั้นช์ วรกาญจน์,ติ๊ก ชิโร่,ขนมจีน กุลมาศ | 11 พ.ย. 64 FULL EP


พบกับรายการ The Wall Song ร้องข้ามกำแพง
ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.05 น.
ทาง ช่องเวิร์คพอยท์ หมายเลข 23
=========================================
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/workpoint
Website: https://www.workpointtv.com
Instagram: https://www.instagram.com/workpoint
TikTok: https://vt.tiktok.com/ZS9GDwTY

The Wall Song ร้องข้ามกำแพง | EP.62 | พั้นช์ วรกาญจน์,ติ๊ก ชิโร่,ขนมจีน กุลมาศ | 11 พ.ย. 64 FULL EP

ความลับในใจ – สิบล้อ【OFFICIAL MV】


Digital Download :123 1000020 3
iTunes Download : http://goo.gl/BvG63a
KKBOX : http://kkbox.fm/3e0ntS
เพลง : ความลับในใจ
ศิลปิน : วง สิบล้อ
คำร้อง : จุลจักร จักรพงษ์;สุทธิพงศ์ แจ่มจำรัส;เทียรี่ เมฆวัฒนา
ทำนอง : จุลจักร จักรพงษ์;สุทธิพงศ์ แจ่มจำรัส;เทียรี่ เมฆวัฒนา
เรียบเรียง : เทียรี่ เมฆวัฒนา

อัพเดทผลงานศิลปินที่คุณชื่นชอบได้ที่
http://www.facebook.com/gmmgrammyoffi…
http://www.youtube.com/user/gmmgrammy…
https://plus.google.com/+Gmmgrammyoff…
http://www.gmmgrammyofficial.blogspot…

ความลับในใจ - สิบล้อ【OFFICIAL MV】

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เป็นความคิดที่ดี ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *