Skip to content
Home » [NEW] รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ | ร่วมมือ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

[NEW] รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ | ร่วมมือ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

ร่วมมือ ภาษาอังกฤษ: คุณกำลังดูกระทู้

รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞ แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

 

รวม ❝การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ ❞

แบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

การแนะนำตัวภาษาอังกฤษ เป็นวิธีการสร้างความประทับใจที่ง่ายที่สุด และทำให้คนจดจำเราได้ตั้งแต่แรกพบ เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีแพทเทิร์นในการแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษของตัวเองได้ก็จะยิ่งดีมาก ๆ 

 

และถ้ายิ่งได้ฝึกพูดแนะนำตัวภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ ก็จะยิ่งพูดคล่อง และมั่นใจค่ะ เมื่อเจอกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนต่างชาติใหม่ ๆ ก็จะพูดได้เลย โดยที่ไม่ต้องคิดนาน

 

ถ้าหากฝึกซ้อมแนะนำตัวแล้ว อย่าลืมซ้อมตอบคำถาม และปรับบุคลิกภาพด้วย คลิก

 

20 ประโยคจำไว้ถาม-ตอบเวลาพรีเซนต์

How to พรีเซนต์งานภาษาอังกฤษ ให้โดนใจคนฟัง!

 

การแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ นั่นก็คือ การแนะนำตัวแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น สัมภาษณ์งาน, Presentation หรือการไปเที่ยวแล้วพบเจอคนใหม่ ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน

 

ซึ่งนอกจาก Globish จะมาแนะนำวิธีการและประโยคแล้ว ยังมีตัวอย่างการแนะนำตัวภาษาอังกฤษให้ทุกท่านนำไปใช้ได้เลยอีกด้วยค่ะ

 

แต่ก่อนจะเข้าเนื้อหา อยากให้ทุกท่านลองลิสต์คำตอบของคำถามเหล่านี้ดูก่อนค่ะ 

 

1) What is your name? 

ตัวอย่างคำตอบ

Pim, Jane, Sam etc.

 

2) Where are you from? 

ตัวอย่างคำตอบ

Bangkok, Thailand etc.

 

3) How are you related to the person who has introduced you? 

ตัวอย่างคำตอบ

Husband, wife, friend etc.

 

4) Why are you in that situation? 

ตัวอย่างคำตอบ

Party, Family introductions, Wedding etc.

 

5) What makes you interesting? 

ตัวอย่างคำตอบ

You’re good at singing, painting, playing the piano etc.

 

เมื่อคุณสามารถตอบคำถามครบแล้ว ก็จะเริ่มรู้แนวแล้วว่า คุณควรจะพรีเซนต์ตัวเองไปในทิศทางไหน และควรพูดเรื่องอะไรดี

 

แต่ถ้ายังไม่รู้ว่าจะพูดแนะนำตัวเรื่องอะไรดีหรือยังไม่มีเรื่องในใจ Globish ได้เตรียมหัวข้อมาให้ทุกท่านเลือกเช่นกันค่ะ ได้แก่

 

Personality นิสัย

Likes สิ่งที่ชอบ

Dislikes สิ่งที่ไม่ชอบ

Hobbies งานอดิเรก

Skills ทักษะ

Talents พรสวรรค์

Qualifications คุณสมบัติ

Interests ความสนใจ

Awards รางวัลหรือความสำเร็จ

Ideas ความคิด

Opinions ความคิดเห็น

 

ซึ่งทุกท่านไม่จำเป็นต้องพูดในทุกหัวข้อเมื่อแนะนำตัวภาษาอังกฤษก็ได้ แต่เลือกเฉพาะสิ่งที่เข้ากับสถานการณ์นั้น ๆ เช่น ถ้าหากต้องแนะนำตัวสัมภาษณ์งาน อาจจะพูดถึง Personality, Hobbies, Qualifications, Skills, หรือ Awards ค่ะ

 

เชื่อว่าทุกท่านน่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว เรามาเริ่มกันที่การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบไม่เป็นทางการกันเลยค่ะ

1. การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบ Informal (ไม่เป็นทางการ)

 

การแนะนำตัวแบบนี้ เหมาะมาก ๆ กับสถานการณ์อย่าง ไปเจอครอบครัวของเพื่อนหรือเพื่อนของเพื่อนในงานต่าง ๆ หรือเจอเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ ก็สามารถใช้ได้เช่นกันค่ะ 

 

  ■ สถานการณ์: แนะนำตัวในงานเลี้ยงของเพื่อน

 

เริ่มจากการทักทาย…

 

Hi everybody.

สวัสดีค่ะ/ครับทุกคน

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hi there.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hey there

สวัสดีค่ะ/ครับ

แนะนำตัวเอง…

 

I’m Sam, Jane’s friend. It’s a pleasure to meet you.

ฉันชื่อแซมนะ เป็นเพื่อนของเจน ยินดีที่ได้พบคุณมาก ๆ เลย

 

You can call me Sam. It’s nice to meet you.

คุณเรียกฉันว่าแซมก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ

พูดถึงงานปาร์ตี้หรือคนที่คุณทั้งสองคนรู้จักร่วมกัน

 

This is a fantastic party, very well-organised.

ปาร์ตี้นี้สุดยอดมากเลยนะครับ จัดได้ดีมาก ๆ

 

The food in this restaurant is so good, I’m on my third round!

อาหารในร้านนี้อร่อยมาก ๆ เลย นี่ผมตักอาหารรอบที่ 3 แล้ว

 

I work with Jane (the hostess) at Globish. We first met when we studied at Thammasart university together, so we’ve known each other for 10 years.

ฉันทำงานกับเจนที่โกลบิช แต่เราเจอกันครั้งแรกตั้งแต่สมัยเรียนธรรมศาสตร์ ตอนนี้ก็รู้จักกันมา 10 ปีแล้ว

 

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

So, tell me a bit about yourself. How do you know Jane?

เล่าเรื่องของคุณซักหน่อยได้ไหม คุณรู้จักเจนได้ยังไง

 

By the way, please tell me about yourself. How did you and Jane meet?

ว่าแต่… คุณช่วยเล่าเรื่องของคุณได้ไหม แบบคุณกับเจนเจอกันได้ยังไง

 

 


■ สถานการณ์: แนะนำตัวในทีทำงาน (เพิ่งเริ่มทำงานวันแรก)

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Hi, everybody.

สวัสดีทุกคน

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hi there.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Hey there

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

Good morning/ afternoon/ evening.

สวัสดีตอนเช้า/ บ่าย/ เย็น

แนะนำตัวเองและตำแหน่งงาน…

 

Nice to meet you. My name is Laticia. I’m the new graphic designer. 

ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อลาทีเซีย เป็นกราฟิกดีไซน์คนใหม่ค่ะ

 

My name is Jack, your new marketing manager. 

ผมชื่อแจ็ค เป็นผู้จัดการแผนกมาร์เก็ตติ้ง

 

I’m Javier, an engineer in the IT department.

ฉันชื่อจาเวียร์ เป็นวิศวะแผนกไอทีค่ะ

 

Hi, I am Jeff from the Marketing Team.

สวัสดี ฉันชื่อเจฟจากทีมมาร์เก็ตติ้ง

   

I’m Mike, the new engineer. Nice to meet you.

ผมชื่อไมค์ เป็นวิศวะกรคนใหม่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ

พูดถึงประวัติการทำงาน…

 

Previously, I worked as marketing manager in Noc Company. So, I have 10 years of experience.

ก่อนหน้านี้ ผมเคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการแผนกมาร์เก็ตติ้งที่บริษัทน็อค ผมเลยมีประสบการณ์ทางด้านนี้มากว่า 10 ปี 

สร้างความประทับใจ…

 

I believe I can lead this team to even more success, but I can’t produce great results alone. That’s why I need your utmost cooperation. Together, we can achieve great things.

ผมเชื่อว่าผมสามารถพาทีมไปสู่ความสำเร็จ แต่คงทำคนเดียวไม่ได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงต้องการความร่วมมือจากพวกคุณ หากร่วมมือกัน เราจะสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน

 

I worked at ABC Company for one year before joining this company. Outside of work, I enjoy doing yoga and reading novels at the beach. If you have any interesting books, feel free to recommend them to me.

ฉันทำงานที่บริษัท ABC มา 1 ปี ก่อนที่จะย้ายมาทำงานที่นี่ นอกเหนือจากการทำงาน ฉันชอบเล่นโยคะและนั่งอ่านหนังสือริมชายหาด ถ้าคุณมีหนังสือที่น่าสนใจ แนะนำฉันมาได้เลย

 

I graduated with my degree in Economics two months ago.

Although I don’t have real-life work-experience, I’m ready to learn new things from all of you.

ผมจบเศรษฐศาสตร์มาเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แม้ว่าผมยังไม่มีประสบการณ์จริง แต่ผมพร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากคุณทุกคน

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

I’m excited to work with all of you.

ผมตื่นเต้นมากที่จะได้ร่วมงานกับพวกคุณทุกคน

 

We’ll be working together in the future and I’m excited to be a part of the team

เราจะได้ร่วมงานกันในอนาคตแน่นอน และฉันตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม

 

I’m looking forward to working with you in the future. See you around.

ฉันตั้งตารอที่จะได้ทำงานกับคุณในอนาคต แล้วพบกันนะคะ

 

 

 

2. การแนะนำตัวภาษาอังกฤษแบบ Formal (เป็นทางการ)

 

ข้อแตกต่างระหว่างการแนะนำแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ คือ ภาษาที่ใช้ค่ะ แบบเป็นทางการจะใช้ภาษาที่ค่อนข้างสุภาพมากกว่า เหมาะกับสถานการณ์แบบ สัมภาษณ์งาน หรือใช้เกริ่นก่อนนำเสนองานให้คนที่ไม่รู้จัก และเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นในบริษัทฟัง ก็สามารถใช้ได้ค่ะ

 

■ สถานการณ์: แนะนำตัวเมื่อไปสัมภาษณ์งาน

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Good morning/ afternoon/ evening.

สวัสดีตอนเช้า/ บ่าย/ เย็น

 

Hello.

สวัสดีค่ะ/ครับ

 

แนะนำตัวเองพร้อมประวัติการเรียนหรือการทำงาน…

 

My name is Kevin Smith. Glad to meet you. I’m 21 years old and I’m a fresh graduate from XYZ University with Business management.

ผมชื่อเควิน สมิธ ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ ผมอายุ 21 ปี เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย XYZ ด้านการจัดการธุรกิจครับ

 

First of all, it’s my pleasure to speak with you today. My name is Paul Smith. I’m 23 years old and I have just completed my graduation from XYZ University with Human Resource Management as the subject.

ก่อนอื่นเลย ยินดีอย่างยิ่งที่ได้พูดคุยกับคุณวันนี้ครับ ผมชื่อพอล สมิธ อายุ 23 ปี เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย XYZ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลครับ

 

Good morning, I’m Janejira Rakdee. Pleased to meet you. I’m from Bangkok. I completed my Bachelor of Engineering degree in 2009 from Abac university.

สวัสดีตอนเช้าค่ะ ดิฉันชื่อเจนจิรา รักดี ยินดีที่ได้พบคุณค่ะ ฉันมาจากกรุงเทพฯ จบการศึกษาจากคณะวิศวะกรรมศาสตร์ตอนปี 2009 จากมหาวิทยาลัยเอแบคค่ะ

 

Good afternoon, I’m Sam Brandon. I have been working as a Sales Professional for 5 years now. I joined as a Sales executive and worked my way up to the position of Sales Manager within 3 years.

สวัสดีตอนบ่ายครับ ผมชื่อแซม แบรนดอน ผมทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขายมา 5 ปีแล้ว นอกจากนี้ ผมเริ่มจากตำแหน่งพนักงานขายไปจนถึงผู้จัดการฝ่ายขายภายใน 3 ปี

พูดถึงสกิลที่ถนัด ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่โดดเด่น…

 

One of my accomplishments during my university life was being a speaker at a Science seminar. I have completed my internship in ABC Motor company. During my internship, I gained a lot of useful skills that weren’t included in the academic curriculum such as negotiation and time management skills.

หนึ่งในความสำเร็จช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยของดิฉันคือ การได้เป็นผู้บรรยายในงานสัมมนาวิทยาศาสตร์ อีกทั้งดิฉันยังได้ฝึกงานในบริษัทยานยนตร์ ABC ระหว่างการฝึกงาน ฉันได้เรียนรู้สกิลที่มีประโยชน์ และไม่มีสอนในรั้วมหาลัย เช่น สกิลการต่อรองและการจัดการเวลา

 

I’ve been hard-working and have taken my subjects quite seriously. Now, as I am graduated, I want to implement my knowledge in my work. That is the reason I applied for this job. 

ผมค่อนข้างทุ่มเทและจริงจังกับการเรียนมาตลอด และตอนนี้ ในฐานะที่เป็นเด็กจบใหม่ ผมอยากเอาความรู้ที่ได้เรียนมาปรับใช้กับการทำงาน นี่คือเหตุผลที่ผมสมัครงานในตำแหน่งนี้ครับ

ปิดท้ายการแนะนำตัว…

 

Now, I am all set to start my career, and hoping to get selected into your esteemed company which will help me explore my other abilities, and improve myself.

และตอนนี้ ดิฉันพร้อมแล้วที่จะเข้าสู่การทำงาน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับเลือกให้ทำงานในบริษัทสามารถช่วยดิฉันค้นหาความสามารถอื่น ๆ ของตัวเองและพัฒนาตัวเองไปได้อีกค่ะ

 

Although I don’t have real-life work-experience, I have learned a lot about business through subjects during my graduation. So, I would assure you to be a valuable asset to your esteemed company by implementing all of my knowledge mixed up with hard work.

แม้ว่าผมจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานจริง แต่ผมได้เรียนรู้ด้านธุรกิจผ่านวิชาเรียนที่หลากหลายในรั้วมหาวิทยาลัย ผมจึงอยากให้คุณมั่นใจเลยว่า ผมจะเป็นพนักงานที่มีคุณค่าต่อบริษัท โดยการนำความรู้ทั้งหมดที่ผมมีมาปรับใช้ไปพร้อม ๆ กับความมุมานะในการทำงาน

 

 

■ สถานการณ์: แนะนำตัวก่อนพรีเซนต์งาน

 

เริ่มจากการทักทาย….

 

Hi, everyone. Thanks for coming.

สวัสดีค่ะ/ครับ ทุกคน ขอบคุณที่มาในวันนี้

 

Hello, everyone. I’d like, first of all, to thank the organizers of this meeting for inviting me here today.

สวัสดีครับ ก่อนอื่นเลย ผมขอขอบคุณผู้จัดงานที่เชิญผมมาในวันนี้

 

Good morning everyone and welcome to the meeting. First of all, let me thank you all for coming here today. 

สวัสดีตอนเช้าค่ะทุกคน ขอต้อนรับสู่การประชุมค่ะ ก่อนอื่นเลย ขอขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ค่ะ

แนะนำตัวเองและตำแหน่ง…

 

I’m John, who heads the marketing team.

ผมชื่อจอห์น เป็นหัวหน้าทีมมาร์เก็ตติ้งครับ

 

Let me introduce myself. I’m Jan from the marketing team.

ขอแนะนำตัวสักหน่อยนะคะ ดิฉันชื่อแจน มาจากทีมมาร์เก็ตติ้งค่ะ

 

For those of you who don’t know me, my name’s Jane from the operation management team.

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักดิฉันนะคะ ดิฉันชื่อเจน มาจากทีมการจัดการการผลิตค่ะ

บอกหัวข้อหลักของการพรีเซนต์…

 

What I’d like to present to you today is our annual sales report.

สิ่งทีผมต้องการจะนำเสนอในวันนี้คือรายงานยอดขายประจำปี

 

As you can see on the screen, our topic today is our annual sales report.

อย่างที่คุณเห็นบนหน้าจอ หัวข้อในวันนี้คือการรายงานยอดขายประจำปี

 

In my presentation I would like to report on our annual sales report.

ในการนำเสนอ ดิฉันจะชี้แจงเรื่องรายงานยอดขายประจำปี

 

I’m here today to present our annual sales report.

วันนี้ฉันจะมานำเสนอเรื่องการรายงานยอดขายประจำปี

บอกจุดมุ่งหมายของการพรีเซนต์…

 

The purpose of this presentation is for us to come up with short-term and long-term strategies to increase our profit. 

จุดประสงค์ของการนำเสนอคือต้องการให้พวกเราหาวิธีเพิ่มกำไรด้วยกลยุทธ์ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

 

My main objective for today is for us to come up with short-term and long-term strategies to increase our profit. 

จุดประสงค์หลังของการนำเสนอคือต้องการให้พวกเราหาวิธีเพิ่มกำไรด้วยกลยุทธ์ทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว

บอกหัวข้อย่อยที่จะพรีเซนต์…

 

I’ve divided my presentation into three main parts.

ผมได้แบ่งการนำเสนอนี้ออกเป็น 3 หัวข้อหลัก ๆ

 

In my presentation I’ll focus on three major issues.

ในการนำเสนอ ผมจะมุ่งไปที่ 3 หัวข้อหลัก ๆ

 

I thought it would be useful to divide our talk into three main sections.

ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์มาก ถ้าแบ่งการนำเสนอออกเป็น 3 ส่วน

บอกลำดับเรื่องที่จะพรีเซนต์…

 

First of all, I’d like to give you an overview of

our monthly sales report.

Next, I’ll focus on

our annual sales report.

Lastly, I’ll deal with

our company goals for next year.

อันดับแรก ดิฉันขอเริ่มด้วยภาพรวมของยอดขายในแต่ละเดือน หลังจากนั้น ดิฉันจะพูดถึงยอดขายในปีนี้ และสุดท้าย จะจบด้วยเป้าหมายของบริษัทในปีหน้าค่ะ

 

So, I’ll begin by bringing you up-to-date on

our monthly sales report.

And then, I’ll go on to

our annual sales report.

I’ll end with

our company goals for next year.

ผมจะเริ่มต้นด้วยภาพรวมของยอดขายในแต่ละเดือน หลังจากนั้น ผมจะพูดถึงยอดขายในปีนี้ และจบด้วยเป้าหมายของบริษัทในปีหน้าครับ

บอกระยะเวลาของการพรีเซนต์…

 

This should only last 20 minutes.

การนำเสนองานจะใช้เวลา 20 นาที

 

My presentation will take about an hour.

การนำเสนองานจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

 

It will take about 1 hour and a half to cover these issues.

การนำเสนองานจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อพูดถึงหัวข้อทั้งหมด

 

 

บอกเรื่องเอกสารประกอบการบรรยาย…

 

I’ll be handing out copies of the slides at the end of my talk.

ผมจะแจกเอกสารหลังจากจบการพรีเซนต์นะครับ

 

I can email the PowerPoint presentation to anybody who wants it.

ดิฉันจะส่งอีเมลแนบเพาเวอร์พ้อยท์ที่พรีเวนต์วันนี้ให้ผู้ที่ต้องการนะคะ

ปิดท้ายด้วยการให้ผู้ฟังถามคำถามหลังการพรีเซนต์…

 

There will be time for questions after my presentation.

เดี๋ยวจะมีช่วงให้ถามคำถามในตอนท้ายของการนำเสนอนะคะ

 

 

  

ทั้งหมดนี้คือการแนะนำตัวภาษาอังกฤษทั้งแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการค่ะ ทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากบัสถานการณ์ของตัวเองได้นะคะ

ที่สำคัญ อย่าลืมหมั่นฝึกฝน และซ้อมบ่อย ๆ เพราะจะช่วยเรื่องการพูดอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นตัวของตัวเองค่ะ

 

ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก:

เว็ปไซต์ Indeed

เว็ปไซต์ HQ hire

เว็ปไซต์ Interview Questions

 

เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มความโปร พูดโฟลว์ได้อย่างมั่นใจ ได้ที่ Globish คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงาน พิสูจน์แล้วจากผู้เรียนกว่า 10,000 คน ว่าพูดได้จริง ไม่ใช่แค่ท่องจำ

วัดระดับภาษาอังกฤษ ฟรี! คลิก

[Update] ลาป่วย ลากิจ ลาพักร้อน ภาษาอังกฤษ | take leave | ร่วมมือ ภาษาอังกฤษ – NATAVIGUIDES

sick leave reason
sick leave reason

source: news.com.au

เกร็ดความรู้ภาษาอังกฤษ ในครั้งที่ผ่านมาได้พูดถึงเรื่อง ลาป่วย ในภาษาอังกฤษ ในเชิงลึกไม่มากนัก ก็เลยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้ไว้เผื่อท่านๆอาจจะได้รับปประโยชน์และมีโอกาสนำไปใช้

Leave

คำว่าลาป่วยในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า take sick leave (phrasal verb – เทค ซิค ลีฝ) แต่ถ้าอยากจะบอกว่าลาเฉยๆโดยที่ไม่อยากระบุว่าลาอะไรก็อาจจะใช้คำว่า take leave (phrasal verb – เทค ลีฝ)

คำว่า leave (noun – ลีฝ) แปลว่าการลา หรือพูดเต็มๆก็คือ leave of absence (noun –  ลีฝ ออฟ แอบซึน)

เมื่อพูดถึง leave ถ้าไม่พูดถึงคำว่า หยุดงาน ก็เห็นจะไม่ได้ คำว่าหยุดงาน ในภาษาอังกฤษ ก็คือ take time off (phrasal verb – เทค ไทม์ ออฟ) หรือ take day off (phrasal verb – เทค เดย์ ออฟ)

Paid and Unpaid Time Off 

ทีนี้เมื่อมีการลา ก็จะมีเรื่องของการจ่ายเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง การลาบางประเภทก็จะมีการจ่ายเงิน ซึ่งจะใช้คำว่า paid (adj –  เพด) นำหน้าการลาประเภทนั้นๆ เช่น paid sick leave การลาป่วยแบบมีการจ่ายค่าแรง ส่วนกรณีที่ไม่มีการจ่ายเงิน ก็จะใช้คำว่า unpaid (adj –  อันเพด) นำหน้าชนิดของการลา เช่น unpaid sick leave การลาป่วยแบบไม่จ่ายเงิน อย่างกรณีที่มีการลาป่วยเกินจำนวนวันที่กำหนด วันที่เกินก็จะตัดไปเป็น unpaid sick leave ไป การหยุดแบบมีการจ่ายเงินในวันหยุด ก็เรียกว่า paid time off (เพด ไทม์ ออฟ) หรือ paid day off (เพด เดย์ ออฟ)

call in sick การโทรขอลาป่วย ภาษาอังกฤษ เรียกว่า call in sick (phrasal verb – คอล อิน ซิค)  เมื่อมีการลาป่วย ก็ต้องมี ใบรับรองแพทย์ ซึ่งในภาษาอังกฤษเรียกว่า doctor’s certificate (noun – ด๊อกเตอร์ซ เซอร์ทิฟิคิท)  หรือ medical certificate  (noun – เมดิคัล เซอร์ทิฟิคิท) ใบรับรองแพทย์ ซึ่งก็เรียกอีกอย่างว่า proof of illness/sickness/injury (noun – พรูฟ ออฟ อิลเนส/ซิคเนส/อินเจอรี) การยื่นใบรับรองแพทย์ก็ใช้คำว่า provide proof of illness/sickness/injury (verb -โพรไวด์ พรูฟ ออฟ อิลเนส/ซิคเนส/อินเจอรี) injury ก็คือการบาดเจ็บ

คำว่า certificate  (noun – ซอร์ทิฟิคิท) แปลว่า หนังสือสำคัญ

,

ใบรับรอง

,

หนังสือรับรอง ซึ่งเป็นใบรับรองหรือหนังสือรับรองอะไรก็เอาคำนั้นๆมาไว้ข้างหน้า เช่น medical certificate ใบรับรองแพทย์ อย่างที่กล่าวไว้ข้างบน  หรือ birth certificate ซึ่งก็คือ สูติบัตร (แปลตรงๆก็คือ ใบรับรองการเกิด) นั่นเอง death certificate ก็คือใบมรณบัตร  (แปลตรงๆก็คือใบรับรองการเสียชีวิต) ส่วน marriage certificate ก็คือ ทะเบียนสมรส (แปลตรงๆก็คือ ใบรับรองการแต่งงาน)

กลับมาที่เรื่องการลากันต่อครับก่อนที่จะออกนอกเรื่องไปไกล
ช่วงเวลาที่ลาอยู่เราก็จะเรียกว่า on leave หรือถ้าระบุการลาก็เพิ่ม ประเภทการลาข้างหน้า leave เช่น on sick leave ก็แปลว่า อยู่ในช่วงเวลาลาป่วย on annual leave กำลังลาพักร้อน on personal leave กำลังอยู่ในช่วงลากิจ เป็นต้น

เมื่อมีการลาก็ต้องกล่าวถึงจำนวนวันที่มีสิทธ์ลา ซึ่งก็จะเรียกว่า leave entitlement (noun – ลีฝ เอนไทเทิลเมน) สิทธิ์ในการลาป่วย ก็จะเรียกว่า sick leave entitlement (noun – ลีฝ เอนไทเทิลมัน) เมื่ออยู่ในรูปของ verb form หรือกริยา (โดยจะอยู่ในรูปของ passive) ก็จะพูดว่า be entitled to + จำนวนวันลา + ประเภทการลา แปลว่า  ได้รับสิทธิ์ในการลาประเภทนั้นๆเป็นจำนวน…วัน
เช่น be entitled to 30 days of sick leave  ได้รับสิทธิ์ในการลาป่วย 30 วัน

sick leave
sick leave

Source: benefitspro.com

การลาบางประเภทเช่น ลาพักร้อน บางที่มีข้อบังคับว่าต้องแจ้ง หัวหน้าล่วงหน้า ซึ่งจะต้องแจ้งก่อนกี่วันก็ขึ้นอยู่กับที่ทำงานแต่ละแห่ง การแจ้งการลาก็คือ การ leave notification (noun – ลีฝ โนทิฟิเคเชิน) แจ้งวันลาก็ เพิ่มคำว่า give เข้าไป เป็น give leave notification (verb –  กิฝ ลีฝ โนทิฟิเคเชิน)
กรณีที่ต้องการแจ้งคนที่ส่ง email หาเราให้รู้ว่าเราลา ซึ่งเป็นการตอบกลับแบบอัตโนมัติ จะเรียกว่า notification message (noun – โนทิฟิเคเชิน แมสซิจ) (อย่าเขียนผิด message เป็น massage นะครับ จะกลายเป็นการแจ้งเตือนด้วยการนวด LoL) หรือ เรียกอีกอย่างว่า notification email (noun – โนทิฟิเคเชิน อีเมล์) หรือจะเรียกแบบเต็มยศก็ได้ เป็น leave notification message/leave notification email 
ซึ่งเจ้า notification ที่ว่า ใน email application แต่ละเจ้า เช่น gmail เป็นต้น ก็จะให้เราตั้งค่าไว้ล่วงหน้าไว้ได้  เมื่อมีคนส่งเมลล์หาเราในวันที่เราตั้งค่าไว้ ระบบตอบกลับอัตโนมัติก็จะทำงานโดยการ ส่ง notification message  กลับไปด้วยข้อความหรือ message ที่เราตั้งค่าไว้

ตัวอย่าง leave notification email/message


Subject: On Leave
Message: I will be out of the office from (วันที่เริ่มลา) until (วันที่สิ้นสุดวันลา). If you need immediate assistance please contact (คนที่จะติดต่อ).

Subject: On Leave
Message: 
Hi,
I will be out of the office this week. If you need immediate assistance while I’m away, please email (email ของคนที่สามารถให้ความช่วยเหลือแทนเราได้).


Subject: On Vacation from 4/13/2016 – 4/30/2016
Message: 
Hi
I am on annual leave. If there is anything urgent please call me at [เบอร์โทร]

อีกคำหนึ่งที่เห็นใช้กันในกรณีแจ้งการลาล่วงหน้าก็คือ notice of leave (noun – โนทีซ ออฟ ลีฝ) เช่น notice of personal leave การแจ้งลาพักร้อน หรือ notice of private leave การแจ้งลากิจ ช่วงเวลาที่จะต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า เรียกว่า notice period  (โนทิส เพียเรียด)

เมื่อมีการลาแล้ว หลังจากนั้นถ้าจะกลับไปทำงานก็เรียกว่า return to work (phrasal verb – รี เทิร์น ทู เวิร์ค) คือการกลับไปทำงานหลังจากที่ลานั่นเอง

ส่วนใบลา จะเรียกว่า leave application form (noun – ลีฝ แอพพลิเคเชิน ฟอร์ม) ปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆที่มีการนำ computer เข้ามาช่วย จะไม่มีการลาโดยใช้ leave application form แล้ว แต่จะทำการลาหรือส่งใบลาผ่านระบบ ที่เรียกว่า online leave system (noun -ออนไลน์ ลีฝ ซิสเตม) หรือ online leave application (noun – ออนไลน์ ลีฝ แอพพลิเคเชิน) บางที่ก็จะเรียกระบบตัวเองว่า  e-leaving (noun – อี ลีฝวิง) E ก็ย่อมาจาก electronic leaving นั่นเอง เหมือน e-mail ที่มีคำเต็มๆว่า electronic mail (ผมเริ่มเอามะพร้าวห้าวมาขายส่วนอีกละ อิอิ)

ทีนี้มาดูว่านอกจาก ลาป่วย หรือที่เรียกว่า sick leave มีการลาประเภทอื่นๆอะไรบ้าง(และในภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร)

  • annual/vacation leave (noun – แอนนวล/เวเคเชิน ลีฝ)  ลาพักร้อน
  • private/personal leave (noun – ไพร์วิท/เพอร์ซันนัล ลีฝ) ลากิจ
  • maternity leave (noun – มะเทอะนะที ลีฝ) ลาคลอด
  • family responsibility leave (noun – แฟมิลี เรสปอนซิบิลิที ลีฝ) หรือบางที่ก็เรียกว่า family care leave (noun – แฟมิลี แคร์ ลีฝ) ก็คือ การลาหยุดเพื่อดูแลครอบครัว เช่น หยุดเฝ้าไข้ลูก งานศพสมาชิกครอบครัว
  • compassionate/bereavement leave (noun – คัมแพชเชินนิท/บิรีฝมัน ลีฝ) ลาหยุดเมื่อครอบครัวหรือญาติใกล้ชิดเสียชีวิต
  • study leave (noun – สตัดดิ ลีฝ) ลาไปเรียนต่อ
  • marriage leave (noun – แมร์ริจ ลีฝ) ลาไปแต่งงาน
  • paternity leave  (noun – พะเทอร์นะที ลีฝ) สิทธิของบิดาในการลาเพื่อดูแลบุตร 
  • ordination/priesthood leave  (noun – ออร์ดิแนเชิล/พรีสทฺ’ฮูด ลีฝ) ลาบวช
  • military service leave (noun – มิลิแทริ เซอร์วิซ ลีฝ) ลารับราชการทหาร
  • sterilization leave(noun – สเทอริไลเซ’เชิน ลีฝ) ลาเพื่อทำหมัน
  • pandamic leave(noun – แพนดามิค ลีฝ) ลาเนื่องจากโรคละบาด

Vocabulary (คำศัพท์) ที่เกี่ยวข้อง

​คำประเภทคำอ่านความหมาย
illness (N)อิลเนสป่วย
sickness (N)ซิคเนสป่วย
leave (N)ลีฝการลา
on leave (V)ออน ลีฝอยู่ในช่วงการลา
take day off (V)เทค เดย์ ออฟหยุดงาน
take time off (V)เทค ไทม์ ออฟหยุดงาน
sick leave (N)ซิค ลีฝลาป่วย
certificate (N)ซอร์ทิฟิคิทใบรับรอง หนังสือรับรอง
call in sick (V)คอล อิน ซิคโทรลาป่วย
entitlement  (N)เอนไทเทิลมันสิทธิ์
beforehand (ADV)บีฟอร์แฮนด์ล่วงหน้า
in advance (ADV)อิน แอดวานซ์/แอดแวนซ์​ล่วงหน้า
notification (N)โนทิฟิเคเชินการแจ้งเตือน

sick certificate

sick certificate – s3.amazonaws.com

Put them in sentences.

I’m not feeling very well, I am taking sick leave today.
ผมรู้สึกไม่สบาย ผมลาป่วยวันนี้

I’m going to ask our boss for a leave of absence.
ผมจะขอลาหยุดงานกับหัวหน้า

I am asking your permission to take annual leave for 3 days.
ผมขออนุญาติ ลาพักร้อน 3 วัน

It is a company’s regulation to show a medical certificate when you take more than 3 days of sick leave.
เป็นกฏของบริษัทที่จะต้องยื่นใบรับรองแพทย์เมื่อมีการลาป่วยมากกว่า 3 วัน

If you’ve been employed for more than six months, you’re entitled to five days’ sick leave
ถ้าทำงานมาเป้นเวลามากกว่า 6 เดือน จะได้รับสิทธ์ลาป่วยได้ 5 วัน

I woke up with a terrible cold and had to call in sick last week.
ผมตื่นมาพร้อมกับพบว่ามีไข้อย่างหนัก และต้องโทรไปลาป่วย

Notice of personal leave must be given at least one day in advance.
การลาพักร้อนต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วัน

In our company, we submit our leave through an online leave application called e-Leaving.
เราส่งใบลาผ่านระบบลาออนไลน์ที่เรียกว่า e-Leaving.

I am going to renew my driving license on next Monday. I will need to submit personal leave today.
ผมจะไปต่อไบขับขี่วันจันทร์หน้า ผมจะต้องส่งใบลากิจวันนี้

Read more at:

เกร็ดความรู้ภาษาอังกฤษ ในครั้งที่ผ่านมาได้พูดถึงเรื่อง เจ็บ ปวด ในภาษาอังกฤษ และเรื่อง สุขภาพ ในภาษาอังกฤษ วันนี้ผมลาป่วยที่บริษัท คิดว่าน่าจะมีคนพูดถึง เรื่อง การในเชิงลึกไม่มากนัก ก็เลยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้ไว้เผื่อท่านๆอาจจะได้รับปประโยชน์และมีโอกาสนำไปใช้คำว่าลาป่วยในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า(phrasal verb – เทค ซิค ลีฝ) แต่ถ้าอยากจะบอกว่าลาเฉยๆโดยที่ไม่อยากระบุว่าลาอะไรก็อาจจะใช้คำว่า(phrasal verb – เทค ลีฝ)คำว่า(noun – ลีฝ) แปลว่าการลา หรือพูดเต็มๆก็คือลีฝ ออฟ แอบซึนเมื่อพูดถึง leave ถ้าไม่พูดถึงคำว่าก็เห็นจะไม่ได้ คำว่าหยุดงาน ในภาษาอังกฤษ ก็คือphrasal verb – เทค ไทม์ ออฟหรือphrasal verb – เทค เดย์ ออฟทีนี้เมื่อมีการลา ก็จะมีเรื่องของการจ่ายเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง การลาบางประเภทก็จะมีการจ่ายเงิน ซึ่งจะใช้คำว่านำหน้าการลาประเภทนั้นๆ เช่น paid sick leave การลาป่วยแบบมีการจ่ายค่าแรง ส่วนกรณีที่ไม่มีการจ่ายเงิน ก็จะใช้คำว่า(adj – อันเพด) นำหน้าชนิดของการลา เช่นการลาป่วยแบบไม่จ่ายเงิน อย่างกรณีที่มีการลาป่วยเกินจำนวนวันที่กำหนด วันที่เกินก็จะตัดไปเป็นไป การหยุดแบบมีการจ่ายเงินในวันหยุด ก็เรียกว่า(เพด ไทม์ ออฟ) หรือ(เพด เดย์ ออฟ)การโทรขอลาป่วย ภาษาอังกฤษ เรียกว่า(phrasal verb – คอล อิน ซิค) เมื่อมีการลาป่วย ก็ต้องมี ใบรับรองแพทย์ ซึ่งในภาษาอังกฤษเรียกว่า(noun – ด๊อกเตอร์ซ เซอร์ทิฟิคิท) หรือ(noun – เมดิคัล เซอร์ทิฟิคิท)ซึ่งก็เรียกอีกอย่างว่า(noun – พรูฟ ออฟ อิลเนส/ซิคเนส/อินเจอรี) การยื่นใบรับรองแพทย์ก็ใช้คำว่า(verb -โพรไวด์ พรูฟ ออฟ อิลเนส/ซิคเนส/อินเจอรี)ก็คือการบาดเจ็บคำว่า(noun – ซอร์ทิฟิคิท) แปลว่า หนังสือสำคัญใบรับรองหนังสือรับรอง ซึ่งเป็นใบรับรองหรือหนังสือรับรองอะไรก็เอาคำนั้นๆมาไว้ข้างหน้า เช่นอย่างที่กล่าวไว้ข้างบน หรือซึ่งก็คือ สูติบัตร (แปลตรงๆก็คือ ใบรับรองการเกิด) นั่นเองก็คือใบมรณบัตร (แปลตรงๆก็คือใบรับรองการเสียชีวิต) ส่วนก็คือ ทะเบียนสมรส (แปลตรงๆก็คือ ใบรับรองการแต่งงาน)กลับมาที่เรื่องการลากันต่อครับก่อนที่จะออกนอกเรื่องไปไกลช่วงเวลาที่ลาอยู่เราก็จะเรียกว่าหรือถ้าระบุการลาก็เพิ่ม ประเภทการลาข้างหน้า leave เช่นก็แปลว่ากำลังลาพักร้อน on personal leave กำลังอยู่ในช่วงลากิจ เป็นต้นเมื่อมีการลาก็ต้องกล่าวถึงจำนวนวันที่มีสิทธ์ลา ซึ่งก็จะเรียกว่า(noun – ลีฝ เอนไทเทิลเมน) สิทธิ์ในการลาป่วย ก็จะเรียกว่า(noun – ลีฝ เอนไทเทิลมัน) เมื่ออยู่ในรูปของ verb form หรือกริยา (โดยจะอยู่ในรูปของ passive) ก็จะพูดว่าแปลว่าได้รับสิทธิ์ในการลาประเภทนั้นๆเป็นจำนวน…วันเช่น be entitled to 30 days of sick leave ได้รับสิทธิ์ในการลาป่วย 30 วันการลาบางประเภทเช่น ลาพักร้อน บางที่มีข้อบังคับว่าต้องแจ้ง หัวหน้าล่วงหน้า ซึ่งจะต้องแจ้งก่อนกี่วันก็ขึ้นอยู่กับที่ทำงานแต่ละแห่ง การแจ้งการลาก็คือ การ(noun – ลีฝ โนทิฟิเคเชิน) แจ้งวันลาก็ เพิ่มคำว่า give เข้าไป เป็น(verb – กิฝ ลีฝ โนทิฟิเคเชิน)กรณีที่ต้องการแจ้งคนที่ส่ง email หาเราให้รู้ว่าเราลา ซึ่งเป็นการตอบกลับแบบอัตโนมัติ จะเรียกว่าnoun – โนทิฟิเคเชิน แมสซิจ) (อย่าเขียนผิด message เป็น massage นะครับ จะกลายเป็นการแจ้งเตือนด้วยการนวด LoL) หรือ เรียกอีกอย่างว่าnoun – โนทิฟิเคเชิน อีเมล์) หรือจะเรียกแบบเต็มยศก็ได้ เป็นซึ่งเจ้าที่ว่า ใน email application แต่ละเจ้า เช่นเป็นต้น ก็จะให้เราตั้งค่าไว้ล่วงหน้าไว้ได้ เมื่อมีคนส่งเมลล์หาเราในวันที่เราตั้งค่าไว้ ระบบตอบกลับอัตโนมัติก็จะทำงานโดยการ ส่ง notification message กลับไปด้วยข้อความหรือ message ที่เราตั้งค่าไว้On LeaveI will be out of the office from (วันที่เริ่มลา) until (วันที่สิ้นสุดวันลา). If you need immediate assistance please contact (คนที่จะติดต่อ).On LeaveHi,I will be out of the office this week. If you need immediate assistance while I’m away, please email (email ของคนที่สามารถให้ความช่วยเหลือแทนเราได้).On Vacation from 4/13/2016 – 4/30/2016HiI am on annual leave. If there is anything urgent please call me at [เบอร์โทร]อีกคำหนึ่งที่เห็นใช้กันในกรณีแจ้งการลาล่วงหน้าก็คือ(noun – โนทีซ ออฟ ลีฝ) เช่นการแจ้งลาพักร้อน หรือ notice of private leave การแจ้งลากิจ ช่วงเวลาที่จะต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า เรียกว่า(โนทิส เพียเรียด)เมื่อมีการลาแล้ว หลังจากนั้นถ้าจะกลับไปทำงานก็เรียกว่า(phrasal verb – รี เทิร์น ทู เวิร์ค) คือการกลับไปทำงานหลังจากที่ลานั่นเองส่วนใบลา จะเรียกว่า(noun – ลีฝ แอพพลิเคเชิน ฟอร์ม) ปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆที่มีการนำ computer เข้ามาช่วย จะไม่มีการลาโดยใช้ leave application form แล้ว แต่จะทำการลาหรือส่งใบลาผ่านระบบ ที่เรียกว่า(noun -ออนไลน์ ลีฝ ซิสเตม) หรือ(noun – ออนไลน์ ลีฝ แอพพลิเคเชิน) บางที่ก็จะเรียกระบบตัวเองว่า(noun – อี ลีฝวิง) E ก็ย่อมาจากนั่นเอง เหมือน e-mail ที่มีคำเต็มๆว่า(ผมเริ่มเอามะพร้าวห้าวมาขายส่วนอีกละ อิอิ)ทีนี้มาดูว่านอกจากหรือที่เรียกว่ามีการลาประเภทอื่นๆอะไรบ้าง(และในภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร)(คำศัพท์) ที่เกี่ยวข้องI’m not feeling very well, I am takingtoday.ผมรู้สึกไม่สบาย ผมวันนี้I’m going to ask our boss for aผมจะขอกับหัวหน้าI am asking your permission to takefor 3 days.ผมขออนุญาติ3 วันIt is a company’s regulation to show a medical certificate when youเป็นกฏของบริษัทที่จะต้องยื่นใบรับรองแพทย์เมื่อมีการIf you’ve been employed for more than six months, youถ้าทำงานมาเป้นเวลามากกว่า 6 เดือน จะI woke up with a terrible cold and had tolast week.ผมตื่นมาพร้อมกับพบว่ามีไข้อย่างหนัก และต้องNotice of personal leave must be given at least one day in advance.การลาพักร้อนต้องแจ้งก่อนล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วันIn our company, we submit our leave through ancalledเราส่งใบลาผ่านที่เรียกว่า e-Leaving.I am going to renew my driving license on next Monday. I will need to submittoday.ผมจะไปต่อไบขับขี่วันจันทร์หน้า ผมจะต้องส่งใบวันนี้


คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรื่อง อาชีพ ต่างๆ


พบกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล
ภาพประกอบ และการออกเสียงที่ถูกต้อง
โตขึ้นหนูๆ อยากเป็นอะไร อยากทำอาชีพอะไร
แล้วอาชีพที่คุณหนูๆ ชอบ อ่านเป็นภาษาอังกฤษ
ว่าอย่างไงกันน่ะ เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ เรื่อง อาชีพ ต่างๆ

ฝึกฟังภาษาอังกฤษ | listening practice for toeic EP4


หากใครฟังไม่ทัน เลือก ตั้งค่า ความเร็ว ปรับลดความเร็วได้เลยค่ะ

ฝึกฟังภาษาอังกฤษ | listening practice for toeic EP4

Learn English Conversation while you sleep with 2000 words


In this video we use everyday English conversation designed to help you learn while you sleep. We feature over 2000 words and multiple dialogues of English conversation being spoken to help you learn and improve your English. This audio is suitable for all levels of English speakers; from beginners through to the more advanced users primarily to help you Improve you’re English as well as reinforcing how it’s used in general everyday conversation.

Sleep Learning Playlists

Sleep Learning English Conversation ➤https://www.youtube.com/playlist?list=PLhgBSOZurb5viAMkuheCHPahEsfH3sa3\u0026playnext=1\u0026index=1

Sleep Learning English Vocabulary ➤https://www.youtube.com/playlist?list=PLhgBSOZurb5vqckYovq_KXxOXRxEqi8o9\u0026playnext=1\u0026index=1

Sleep Learning English Phrases ➤https://www.youtube.com/playlist?list=PLhgBSOZurb5sNOpeufc70qZWCCjCX5o4G\u0026playnext=1\u0026index=1

Music Credit: Adrift by Christopher Lloyd Clarke. https://www.christopherlloydclarke.com. Licensed by Enlightened Audio

englishconversation learnenglish sleeplearning
© Sleep learning all rights reserved

Learn English Conversation while you sleep with 2000 words

เพลงการ์ตูนรถถัง#1


ดูคลิปเต็มได้ที่นี่https://youtu.be/z4B5HUs9_Ehttps://youtu.be/z4B5HUs9_E

เพลงการ์ตูนรถถัง#1

เพลง แซน vs คาร่า


เพลง แซน vs คาร่า

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ร่วมมือ ภาษาอังกฤษ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *