Skip to content
Home » [NEW] พื้นฐานภาษาอังกฤษ-Pronoun   (คำสรรพนาม) | สรรพนาม แสดง ความ เป็น เจ้าของ – NATAVIGUIDES

[NEW] พื้นฐานภาษาอังกฤษ-Pronoun   (คำสรรพนาม) | สรรพนาม แสดง ความ เป็น เจ้าของ – NATAVIGUIDES

สรรพนาม แสดง ความ เป็น เจ้าของ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Pronoun   (คำสรรพนาม)    คือคำที่มีไว้สำหรับ(พูด,เขียน)แทนชื่อของคน,สัตว์,สิ่งของ,และสถานที่เพื่อป้องกันมิให้กล่าวชื่อนั้นซ้ำๆซากๆ ซึ่งเป็นการฟังไม่ไพเราะ

Pronoun   มีอยู่ 8 ชนิดด้วยกันคือ

  1. Personal Pronoun บุรุษสรรพนาม
  2. Possessive  Pronoun  สามีสรรพนาม
  3. Definite   Pronoun  นิยมสรรพนาม
  4. Indefinite  Pronoun  อนิยมสรรพนาม
  5. Interrogative  Pronoun   ปฤจฉาสรรพนาม
  6. Relative  Pronoun  ประพันธ์สรรพนาม
  7. Reflexive  Pronoun  สรรพนามสะท้อนหรือเน้น
  8. Distributive Pronoun  วิภาคสรรพนาม
  9. 1. Personal Pronounบุรุษสรรพนาม คือสรรพนามที่ใช้แทนชื่อของผู้พูด, ผู้ฟัง, และผู้ที่ถูกกล่าวถึง  ซึ่งมีอยู่ 2  พจน์  3  บุรุษ คือ

 

 

เอกพจน์

พหูพจน์

บุรุษที่     1

I

we

บุรุษที่     2

you

you

บุรุษที่     3

he,   she,    it

the

 

 

Personal   Pronoun   แบ่งได้  5  รูป คือ

รูปที่  1

รูปที่ 2

รูปที่ 3

รูปที่  4

รูปที่ 5

I

Me

My

mine

myself

We

us

Our

ours

ourselves

You

you

Your

yours

yourself

He

him

his

his

himself

she

her

Her

hers

herself

It

It

its

its

itself

they

them

there

theirs

themselves

 

  1. Possessive Pronoun สามีสรรพนาม   คือสรรพนามที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งก็คือบุรุษสรรพนามรูปที่  4  นั่นเอง  เวลาใช้ไม่ต้องมีนามตามหลัง  มีหน้าที่ 3 อย่างคือ

2.1     เป็นประธานของกิริยาในประโยค  เช่น Your   book  is green,  mine is red.

2.2     เป็นส่วนสมบูรณ์ของกิริยา   เช่น  this  pencil is mine, that one is your.

2.3     ใช้เรียงตามหลังบุรพบท(คำเชื่อมคำ) เพื่อเน้นความเป็นเจ้าของให้ชัดเจนขึ้นได้เช่น  A   friend  of  yours  was  killed  last  night.    

  1. 3.  Definite Pronounนิยมสรรพนาม  คือสรรพนามที่ชี้เฉพาะและใช้แทนนามได้ ที่นิยมใช้แพร่หลายมีอยู่ 6 ตัวคือ  (รวมทั้ง which ด้วย)

                    this,   that,   one      3   ตัวนี้ใช้แทนนามที่เป็นเอกพจน์.

                   These,    those,  ones   3    ตัวนี้ใช้แทนนามที่เป็นพหูพจน์.

*นิยมสรรพนามนี้ ทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมของกิริยาในประโยคได้ตามแต่ จะ ใช้งาน.

  1. 4.   Indefinite pronounอนิยมสรรพนาม คือสรรพนามที่ใช้แทนนามได้ทั่วไป ไม่เฉพาะเจาะจงว่าแทนคนนั้นคนนี้โดยตรง  (ตรงข้ามกับ Definite Pronoun)  ได้แก่คำว่า  some,  any,  all,  someone,  somebody,  anybody,  few,  everyone,  many,  nobody,   everybody,  other……etc.

*ข้อสังเกต ทั้งนิยมสรรพนามและอนิยมสรรพนาม  ถ้าใช้โดยมีคำนามอื่นตามหลังจะกลายเป็นคำคุณศัพท์ไป  แต่ถ้าใช้โดยไม่มีคำนามอื่นตามหลังจึงจะเป็นนิยมสรรพนามหรืออนิยมสรรพนาม.

  1.  5. Interrogative pronounปฤจฉาสรรพนาม  คือสรรพนามที่ใช้เป็นคำถาม  และต้องไม่มีนามตามหลังด้วยจึงจะเรียกว่าเป็นปฤจฉาสรรพนาม  ได้แก่    Who  ,  whom,  whose  ,  what,  which     ซึ่งมีวิธีใช้ดังนี้.
  • Who   (ใคร)   ใช้ถามถึงบุคคลและเป็นประธานของกิริยาในประโยคได้ บางครั้งก็เป็นกรรมได้ เช่น.   Who   is  standing   there  ? ใครกำลังยืนอยู่ที่นั่น?.
  • Whom (ใคร)  ใช้ถามถึงบุคคลและเป็นกรรมของกิริยาหรือบุรพบท  (บางครั้งใช้ Who แทน).เช่น Whom  do  you  love ?  คุณรักใคร ?.
  • Whose (ของใคร)  ใช้ถามถึงเจ้าของ  และต้องเป็นบุคคลเท่านั้น เช่น.  Whose  is  the  car ?  รถคันนี้เป็นของใคร
  • What (อะไร)   ใช้ถามถึงสิ่งของเป็นได้ทั้งประธานและกรรม  เช่น:-

                       –  ถ้าเป็นประธานต้องไม่ใช้กริยาอะไรมาช่วยทั้งสิ้น เช่น What  delayed  you ?  

                          อะไรทำให้คุณล่าช้า.

–  ถ้าเป็นกรรมต้องมีกริยาช่วยตัวอื่นมาร่วมด้วย และวางไว้หลัง What เช่น What  

    do you want ?

  • Which  (สิ่งไหน อันไหน)  ใช้ถามถึงสัตว์, สิ่งของ, เป็นได้ทั้งประธานและกรรม เช่น  ถ้าเป็นประธานไม่ต้องใช้กริยาอื่นมาช่วย  Which  is  the  best?  อันไหนดีที่สุด ?.(อนึ่งปฤจฉาสรรพนาม Whose ,which,  what นี้  ถ้าใช้โดยมีนามอื่นตามหลังก็เป็นคุณศัพท์ไป   ถ้าไม่มีนามอื่นตามหลังจึงจะเป็นปฤจฉาสรรพนาม)   
  1. 6. Relative  Pronounประพันธ์สรรพนาม  คือสรรพนามที่ใช้แทนที่อยู่ข้างหน้า และในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เชื่อมประโยค ซึ่งอาจเป็นประธานของประโยคหลังได้ด้วย  ได้แก่ Who,  Whom,   Whose, Which,  Where,  what,  when, why,  that .
  • Who  (ผู้ซึ่ง)  ใช้แทนนามที่เป็นบุคคลและบุคคลนั้นจะต้องเป็นผู้กระทำด้วย เช่น The  man  who  came  here  last  week  is  my  cousin.  ชายผู้ซึ่งมาที่นี่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน.
  • Whom (ผู้ซึ่ง)  ใช้แทนนามที่เป็นบุคคลและบุคคลนั้นต้องเป็นผู้ถูกกระทำด้วย เช่น The  boy  whom  you  saw  yesterday  is  my  brother. เด็กชายผู้ซึ่งคุณพบเมื่อวานนี้เป็นน้องชายของผม.
  • Whose(ผู้ซึ่ง…..ของเขา)   ใช้แทนนามที่เป็นบุคคลเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของนามที่ตามหลัง ดังนั้นเมื่อมี Whose ก็ต้องมีนามตามหลัง Whose เสมอ  เช่น  The  girl  whose  father  is  a  teacher  goes  to  school  every  day.   เด็กหญิงผู้ซึ่งพ่อของเขาเป็นครูนั้นไปโรงเรียนทุกวัน.(เป็นคำแสดง ความ เป็นเจ้าของ Father).
  • Which  (ที่,ซึ่ง)  ใช้แทนนามที่เป็นสัตว์ สิ่งของ เป็นได้ทั้งประธานและกรรม   The  animal            which  has  wing  is  a  bird.  สัตว์ที่มีปีกนั้นคือนก(เป็นประธานของอนุประโยค  has  wings) The  kitten  which  I  gave  to  my  aunt  is  very  naughty.  ลูกแมวซึ่งฉันให้แก่คุณป้าของฉันไปนั้นซุกซนมาก.(เป็นกรรมของกริยา  gave  ในอนุประโยค  I gave  to  my  aunt).
  • Where (อันเป็นที่)  ใช้แทนนามที่เป็นสถานที่ เป็นได้ทั้งประธานและกรรม เช่น  The  night  club is  the  place  where  is  not  suitable  for children. ไนท์คลับเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ(เป็นประธานของอนุประโยค is  not  suitable  for  children )  The  hotel  is  the  place  where  I  like  best .  โรงแรมเป็นสถานที่ที่ผมชอบมากที่สุด.(เป็นกรรมของ like).
  • What (อะไร,สิ่งที่)  ใช้แทนนามที่เป็นสิ่งของ นามที่ What ไปแทนทำหน้าที่เป็นประพันธ์สรรพนามนั้นไม่ต้องปรากฏให้เห็นอยู่ข่างหน้าเหมือนประพันธ์สรรพนามตัวอื่น ทั้งนี้เพราะถูกละไว้ในฐานะที่เข้าใจแล้ว เช่น I  know  what  is  in  the  box.  ฉันรู้ว่าอะไรอยู่ในกล่องใบนี้.
  • When (เมื่อ,ที่)  ใช้แทนนามที่เกี่ยวกับเวลา ,วัน,  เดือน,ปี  เช่น  Sunday  is  the  day  when  we  don’t  work.  วันอาทิตย์คือวันที่เราไม่ทำงาน.
  • Why (ทำไม)   ใช้แทนนามที่เป็นเหตุผล  (ส่วนมากใช้แทน reason ) เช่น This  is  the  reason  why  I  go  to  Hong  Kong. นี้คือเหตุผลที่ว่า ทำไมผมจึงไปฮ่องกง. 
  • That  (ที่,ซึ่ง)   ใช้แทนคน, สัตว์, สิ่งของ, และสถานที่ได้ แต่ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ 4  ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง  อันได้แก่  :-
  1.  เป็นนามที่มีคุณสมบัติสูงสุดมาขยายอยู่ข้างหลัง เช่น  He is the tallest  man  that  I   have  ever seen. เขาเป็นคนสูงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา.   
  2. เป็นนามที่มีเลขจำนวนนับที่มาขยายอยู่ข้างหน้า  เช่น China  is  the  first  country  that  I am  going  to  visit. จีนเป็นประเทศแรกที่ข้าพเจ้าจะไปเที่ยว.
  3. เป็นนามที่มีคุณศัพท์บอกปริมาณมาขยายอยู่ข้างหน้า เช่น She has much money  that  she  give  me.  หล่อนมีเงินอยู่มากที่หล่อนจะให้ผม. 
  4.  เป็นสรรพนามผสมต่อไปนี้ตัวใดตัวหนึ่งปรากฏอยู่แล้ว คือsomeone,  somebody,  something,  anyone,  anything,  anybody,  anyone,  everything,  no  one,  nothing,  etc.  เช่น    There  is  nothing that  I can  do  for  you.   ไม่มีอะไรที่ผมจะช่วยคุณได้.
  5. 7.  Reflexive   Pronounสรรพนามสะท้อนหรือเน้น  ได้แก่บุรุษสรรพนามที่ 5  นั่นเอง  อันได้แก่   myself,  yourself,  ……. Themselves.   เวลาใช้มีวิธีใช้  4  อย่างคือ  :-
  6. เรียงไว้หลังประธาน  เมื่อต้องการเน้นว่าประธานเป็นผู้กระทำกิจนั้นด้วยตนเอง เช่น  I   myself  study  English.   ผมเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง.
  7. เรียงไว้หลังกริยา เมื่อบอกว่าผลการกระทำนั้นเกิดจากผู้กระทำเองเช่น   I  will  punish  myself  if  I do  mistakes  ผมจะลงโทษตัวเอง  หากผมทำผิด. 
  8. เรียงไว้หลังกรรม  เมื่อต้องการเน้นกรรมนั้นเช่น   I   spoke   to  the  President   himself .  ผมได้พูดกับตัวท่านประธานาธิบดีเอง.
  9. เรียงไว้หลังบุรพบท by วางไว้สุดประโยคทุกครั้งไป เมื่อต้องการแสดงว่าประธานผู้นั้นกระทำกิจนั้นโดยลำพังคนเดียว เช่น   Pranee makes her dress by herself.
  10. 8.  Distributive   Pronounวิภาคสรรพนาม   คือสรรพนามที่ใช้แทนคำนามในการแบ่งหรือจำแนกออกเป็นครึ่งหนึ่ง, สิ่งหนึ่ง, หรือตัวหนึ่ง  วิภาคสรรพนามที่นิยมใช้กันมากคือ

each   แต่ละ,  either   คนใดคนหนึ่ง,   neither  ไม่ใช่ทั้งสอง  หรือไม่ใช่ทั้งสอง  เช่น

  There  are  ten  boy each   has  one  hundred  bath.   มีเด็กอยู่ 10  คน  แต่ละคนมีเงินอยู่คนละ  100  บาท.

*   ข้อสังเกต   วิภาคสรรพนามถ้าใช้ลอยๆเป็นสรรพนาม  แต่ถ้าใช้โดยมีนามอื่นตามหลังจะเป็นคุณศัพท์     

                      

Article

                 Article   คือ คำที่ใช้นำหน้านาม    คือคำนามในภาษาอังกฤษทุกตัว เวลาพูด-เขียนจะต้องมี Article นำหน้าทั้งสิ้น(ยกเว้นบางตัวที่จะกล่าวต่อไป) 

                   Article  มีอยู่ 2 ชนิดคือ

  1. Indefinite Article คือคำนำหน้านามแล้วมีความหมายทั่วไป  อันได้แก่  A  , An.
  2. Definite Article คือคำนำหน้านามแล้วมีความหมายชี้เฉพาะ  ได้แก่  The .

                                 

หลักทั่วไปของการใช้   A

                  คือเมื่อ  A  นำหน้านามใดนามนั้นต้องมีลักษณะครบ  4  ประการ อันได้แก่

  1. เป็นนามเอกพจน์
  2. เป็นนามนับได้
  3. เป็นนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ
  4. เป็นนามที่มีความหมายทั่วไป เช่นa book, a man, a bus, a pen

*  ข้อยกเว้น  ห้ามใช้  A นำหน้า  คือนามบางตัวที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ  แต่อ่านออกเสียงสระที่อยู่ถัดไป  นามตัวนั้นให้ใช้  AN  นำหน้าแทน  (มี   H  เท่านั้น)

หลักทั่วไปของการใช้  AN

     คือเมื่อ  AN  นำหน้านามใด  นามนั้นจะต้องมีลักษณะครบ 4  ประการ คือ

  1. เป็นนามเอกพจน์
  2. เป็นนามนับได้
  3. เป็นนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ คือ   A ,  E ,  I ,  O ,  U.
  4. เป็นนามที่มีความหมายทั่วไป

               *  ข้อยกเว้น   ห้ามใช้   AN  นำหน้าคือ  นามบางตัวที่ขึ้นต้นด้วยสระ  แต่อ่านออกเสียงเป็นพยัญชนะ”ย”  นามตัวนั้นให้ใช้  A  นำหน้าแทน  (มี   U  และ  E  เท่านั้น).

           นามต่อไปนี้ห้ามใช้ทั้ง A  และ AN  นำหน้าเด็ดขาด

  1. นามที่นับไม่ได้ทุกชนิด
  2. นามพหูพจน์ทุกชนิด

                      

หลักทั่วไปของการใช้  THE

          คำว่า The แปลว่า นั้น,นี้ คือเป็นการชี้เฉพาะถึงสิ่งที่รู้กันอยู่แล้ว   ซึ่ง The ใช้นำหน้านามได้ทุกชนิด ทุกประเภท  นั่นคือ

  1. เป็นนามเอกพจน์   ก็ใช้  The  นำหน้าได้
  2. เป็นนามพหูพจน์   ก็ใช้  The  นำหน้าได้
  3. เป็นนามที่ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ  ก็ใช้  The  นำหน้าได้
  4. เป็นนามที่ขึ้นต้นด้วยสระ    ก็ใช้  The  นำหน้าได้ (แต่ให้อ่านว่า ดิ )
  5. เป็นนามที่นับได้  ก็ใช้  The  นำหน้าได้
  6. เป็นนามที่นับไม่ได้  ก็ใช้  The  นำหน้าได้
  7. แต่นามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะต้องมีความหมายชี้เฉพาะเจาะจงเท่านั้น เช่น.

            The water in the bottle is very poor. น้ำที่อยู่ในขวดนี้เย็นมาก.

            นามต่อไปนี้ห้ามใช้ the  นำหน้า

  1. นามที่กล่าวขึ้นมาลอยๆ
  2. นามที่ระบุไว้ในหัวข้อว่าห้ามใช้  the  นำหน้า (ซึ่งมีข้อห้ามมากมายแต่จะไม่กล่าวถึง เช่น อาการนาม,ชื่อเฉพาะของคน,ชื่อถนน ,ชื่อวัน, เดือน, ปี, ลัทธิ,ศาสนา เป็นต้นซึ่ง ห้ามใช้ ทั้ง a, an,และthe นำหน้า)

     * อนึ่งแม้ลักษณะของประโยคจะไม่มีคำบ่งชี้เฉพาะเอาไว้  แต่ถ้านามนั้นเป็นที่รู้จักกันดีระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง  ก็ให้ใช้ the  นำหน้าได้ เช่น

When you go out, don’t forget to close a door. เมื่อคุณออกไปข้างนอก อย่าลืมปิดประตู(บานไหนก็ได้)นะ.

When you go out, don’t forget to close the door. เมื่อคุณไปข้างนอก อย่าลืมปิดประตู(บานนั้น)นะ.

การใช้  a, an, the แบบระคน

–       ถ้านามนั้นไม่มีบุรพบทวลีหรืออนุประโยคมาขยายอยู่ข้างหลังให้ใช้    a,  an   ทันที เช่น

A boy like to see monkey. เด็กชอบดูลิง.

–       ถ้านามนั้นมีบุรพบทวลีหรืออนุประโยคมา ขยายอยู่ข้างหลัง ให้ใช้    the   ทันที เช่น

The man in this room is our teacher. ผู้ชายที่อยู่ในห้องนี้เป็นครูของเรา.

           * มีหลักพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ  นามใดก็ตามที่เป็นเอกพจน์นับได้  ที่กล่าวขึ้นมาลอยๆ ให้เติม a  , an  ทันที  แต่ถ้านามนั้นถูกยกขึ้นมากล่าวอีกเป็นครั้งที่   2  ให้เติม   the   ทันทีเช่น

   A black cat, the cat is fat. แมวตัวหนึ่งสีดำ แมวตัวนั้นอ้วน

*   อนึ่งยังมีรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับคำนามบางตัวว่านามตัวใดใช้เฉพาะ a, an และนามตัวใดใช้เฉพาะ the   ซึ่งเป็นคำนามพิเศษ แต่ในที่นี้จะไม่กล่าวถึง

 

[NEW] การใช้ Pronoun คำสรรพนามภาษาอังกฤษ มีกี่แบบ ใช้อย่างไร ตารางสรุป ตัวอย่าง | สรรพนาม แสดง ความ เป็น เจ้าของ – NATAVIGUIDES

Pronoun อ่านว่า โพร’เนานฺ หมายถึง คำสรรพนาม ก็คือคำที่ใช้แทนคำนาม (Noun) และทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำนามในภาษาอังกฤษ

คำสรรพนามในภาษาอังกฤษประเภทต่างๆ มีอะไรบ้าง, ตัวอย่างประโยค

Pronoun  (คำสรรพนาม) แบ่งออกเป็น 5 ประเภท

ก่อนอื่น เรามาดูตารางสรุปรูปแบบของ Pronoun หรือคำสรรพนามในภาษาอังกฤษกันก่อนครับ

รูปประธาน

รูปกรรม

รูปแสดงความเป็นเจ้าของ

รูปความเป็นเจ้าของ

รูป self-form

I
me
my
mine
myself

You
you
your
yours
yourself

We
us
our
ours
ourselves

They
them
their
theirs
themselves

He
him
his
his
himself

She
her
her
hers
herself

It
it
its
(its)
itself

ข้อควรรู้
การใช้ Pronoun คำว่า you เป็นได้ทั้ง pronoun (คำสรรพนาม) เอกพจน์และ pronoun พหูพจน์ (คุณ 1 คน หรือ พวกคุณหลายคน)

1. Personal Pronouns << คลิกอ่านเพิ่ม
Personal Pronouns หมายถึง คำสรรพนามที่ใช้แทนนามบุรุษที่ 1 (ผู้พูด)  นามบุรุษที่ 2 (ผู้ฟัง)  นามบุรุษที่ 3 (ผู้ที่ถูกกล่าวถึง อาจเป็นคน สัตว์ และสิ่งของ)

Personal Pronouns  แบ่งได้ 2 รูป  คือ
1. Personal Pronouns  รูปประธาน หมายถึง คำสรรพนามที่ใช้เป็นประธาน ได้แก่  I, You, We, They, He, She, It  เป็นต้น

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
We are students.
= พวกเราเป็นนักเรียน
He is a teacher.
= เขา (ผู้ชาย) เป็นครู

2. Personal Pronouns รูปกรรม  หมายถึง คำสรรพนามที่ใช้เป็นกรรมของประโยค

ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
She asks me to teach her homework.
= หล่อนขอให้ฉันสอนการบ้านให้
She asks him to teach her homework.
= หล่อนขอให้เขาสอนการบ้านให้

หลักการใช้ Personal Pronouns

1. หลัง than , as….as  จะใช้รูปประธานหรือรูปกรรม  ต้องดูความหมายของประโยค  ถ้ามี verb ตามมาใช้รูปประธาน  ถ้าเป็นกรรมของ verb ที่อยู่ข้างหน้าใช้รูปกรรม เช่น

รูปประธาน (ไม่นิยมใช้)
He is smarter than she is.
He is as smart as she is.

รูปกรรม
He likes you more than me.
He likes you as much as me.

2. หลังกิริยาที่บอกสภาพ ได้แก่ be , seem , look , like , appear มักจะใช้รูปกรรม เช่น
His father looks like him.

3. หลัง between …and …., let, except ใช้ในรูปกรรม เช่น
Let us go out.
There are some problems between you and me.

การใช้  He , She , It
1. เพศชายและไม่บ่งเพศ ใช้ He
2. He, She นอกจากใช้แทนคนแล้วยังใช้แทนสัตว์เลี้ยงได้
3. She อาจใช้แทนสิ่งไม่มีชีวิตได้เมื่อกล่าวถึงคุณสมบัติหรือความรู้สึก เช่น เรือ, รถไฟ, เครื่องบิน
4. She ใช้แทนประเทศในแง่ของหน่วยหนึ่งทางการเมืองและวัฒนธรรม
5. It ใช้กับสัตว์และเด็กเล็กที่ไม่ทราบเพศหรือไม่คำนึงถึงเพศ

2. Possessive Pronouns << คลิกอ่านเพิ่ม
Possessive Pronouns  หมายถึง คำสรรพนามที่แสดงความเป็นเจ้าของ  เช่น his , hers , theirs , mine , ours , yours

หลักการใช้ Possessive Pronouns

1. ใช้เป็นประธานของกิริยาหรือเป็นกรรมของกิริยา หรือของบุพบท
Her car is red, but yours is blue.  (yours แทน your car)

ย้อนดูที่ตารางด้านบน สำหรับรูปแสดงความเป็นเจ้าของ ต้องตามด้วยคำนาม แต่รูปความเป็นเจ้าของ ไม่ต้องมีคำนามตามมา (เนื่องจากรู้กันอยู่แล้ว) ลองดูตัวอย่าง 2 ประโยคนี้

He is my boyfriend.
= เขาเป็นแฟน(ชาย)ของฉัน
He is mine.
= เขาเป็นของฉัน

2. ใช้หลัง of  หมายถึง หนึ่งในบรรดา (คน , ตัว , สิ่ง , อัน) ทั้งหลายเหล่านี้
John is a teacher of  mine.  (mine แทน my teacher)

3. Reflexive and Emphasizing Pronouns
Reflexive and Emphasizing Pronouns หมายถึง Pronouns ที่ลงท้ายด้วย self  และ selves   โดยทำหน้าที่แตกต่างกัน

เอกพจน์                  พหูพจน์
himself                        themselves
herself                         themselves
itself                            themselves
myself                         ourselves
yourself                       yourselves
oneself                              –

หลักการใช้ Reflexive Pronouns และ Emphasizing Pronouns

1. Reflexive Pronouns ใช้เป็นกรรมของประโยค เมื่อการกระทำนั้นสะท้อนถึงประธานหรือผู้พูดเป็นผู้รับการกระทำนั้นเอง  ประธานและกรรมจะเป็นคน หรือสิ่งเดียวกัน
I saw myself in the mirror.

2. ใช้เน้นประธาน  ซึ่งจะอยู่หลังประธานหรือท้ายประโยค
I go to school by myself.

อ่านต่อแบบละเอียด คลิก >> Reflexive Pronoun

4. Indefinite Pronouns
Indefinite Pronouns  คือ คำสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นใคร สิ่งใดหรืออันใด  จะมีทั้งเอกพจน์และพหูพจน์

1. Indefinite Pronouns แบบเอกพจน์  ได้แก่
a person    anybody    one              someone       anyone
each          either         neither        everybody     everyone
another      anything    something   the other       nothing
much         everything   nobody      no one          somebody

หมายเหตุ – การใช้ one….another , one… the other

1.1. ถ้าหมายความว่า “ไม่…ใดก็…หนึ่ง” หรือ “อีกหนึ่ง” ใช้ one คู่กับ another  ได้
1.2. ถ้ามีเพียงสองจำนวน หรือ สองส่วนเท่านั้น   ใช้ one คู่กับ the other ได้
เช่น Mary buys two bicycles, one for her daughter , and the other for her son.

2. Indefinite Pronouns  แบบพหูพจน์  ใช้คำสรรพนามรูปพหูพจน์  กิริยาจะเป็นพหูพจน์ด้วย
เช่น  both , few, many several.

5. Relative Pronouns
Relative Pronouns  คือ สรรพนามที่ใช้แทนคำนามที่อยู่ข้างหน้า  โดยทำหน้าที่เชื่อม clauses เข้าด้วยกัน
เช่น who , whom , whose , which , that , as

Relative Pronouns  แบ่งตามหน้าที่ได้ดังนี้

1. Personal  (คน) ได้แก่

–  who  ใช้แทนคำนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานทั้งเอกพจน์และพหูพจน์
A student who pays attention in the class gets a good grade.
People who live in Bangkok cope with the traffic problem.

– whom ใช้แทนคำนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรมทั้งเอกพจน์และพหูพจน์
The teacher whom I met yesterday is your uncle.

–  whose  ใช้แทนคำนามที่ทำหน้าที่แสดงความเป็นเจ้าของ
This woman whose purse was lost  is going to  see the police.

2. Non-Personal (สัตว์, สิ่งของ) ได้แก่

– which  ใช้แทนคำนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานและกรรม
The gift which I bought yesterday is so expensive.

ในกรณีที่ which เป็น กรรมของ preposition จะต้องเอาpreposition มาไว้ข้างหน้า which ด้วย
This is the house in which Mary lives.
This is the thesis to which John refer.

หากเป็นการใช้ เกี่ยวกับสถานที่ in which , to which เช่น
This is the house in which Mary lives. เป็น
This is the house where Mary lives.

คลิกอ่านเรื่อง >> การใช้ this that these those

เรื่องที่ควรอ่านเพิ่มเติม คลิก >> Noun


Subject Pronouns: English Language


Images courtesy of FreeDigitalPhotos.net

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Subject Pronouns: English Language

เรียนภาษานอร์เวย์ คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ Eiendomspronomen


เนื้อหา http://thainorsk.blogspot.no/2013/07/eiendomspronomennorskeksempel.html
แบบฝึกหัด http://thainorsk.blogspot.no/2013/08/testfylleordeiendomspronomennorsk.html
แบบฝึกหัดประโยค http://thainorsk.blogspot.no/2013/08/testfylleordeiendomspronomensetningnorsk.html
เรียนภาษานอร์เวย์ออนไลน์
thainorsk.blogspot.com
thainorwegian.com
facebook.com/thainorwegian

เรียนภาษานอร์เวย์ คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ Eiendomspronomen

possessive สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ my mine เรื่องต้องรู้สำหรับคนเรียนอังกฤษ by ดร.พี่นุ้ย


ดร.พี่นุ้ย สมิตา หมวดทอง
โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ NuiEnglish
เกียรตินิยมอันดับ 1 อักษร จุฬาฯ
นักเรียนทุน ก.พ. และทุนรัฐบาลอังกฤษ
พขส.2 สถาบันพระปกเกล้า
FA 7 สถาบันพระปกเกล้า
พสบ.26 กองทัพบก
พคบ.10 กอ.รมน
กรรมการสงเคราะห์ สถานพินิจสมุทรสาคร
The Startup Ready Batch3
SIP 44 ธนาคารกรุงเทพ
http://www.nuienglish.com
http://www.facebook.com/nuienglish

possessive สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ my mine เรื่องต้องรู้สำหรับคนเรียนอังกฤษ by ดร.พี่นุ้ย

หนามชีวิต ศรวณี โพธิเทศ เพื่อการอนุรักษ์


นักร้องเสาอากาศทองคำพระราชทาน 3 ปีซ้อนคนแรกและคนเดียวของประเทศไทย รางวัลอารีรังอวอดจากประเทศเกาหลีและอดีตดาวรุ่งพรุ่งนี้สุนทราภรณ์ปี25042515

หนามชีวิต ศรวณี โพธิเทศ เพื่อการอนุรักษ์

คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ


คำสรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ สรรพนาม แสดง ความ เป็น เจ้าของ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *