Skip to content
Home » [NEW] ประโยคคำถามแบบ Indirect Question เป็นอย่างไร | ตัวอย่าง ประโยค คำถาม ภาษา ไทย – NATAVIGUIDES

[NEW] ประโยคคำถามแบบ Indirect Question เป็นอย่างไร | ตัวอย่าง ประโยค คำถาม ภาษา ไทย – NATAVIGUIDES

ตัวอย่าง ประโยค คำถาม ภาษา ไทย: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

คำถามชนิดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นคำถามโดยตรง (Direct Question) คือทั้งประโยคที่พูดนั้นเป็นคำถามทั้งหมด เป็นคำถามจริงๆ แต่มีคำถามอีกชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบของประโยคอื่น คือมีคำพูดเป็นส่วนนำก่อนแล้วจึงตามด้วยคำถาม ซึ่งอยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า คำถามชนิดนี้ เรียกว่า Indirect Quest. (คำถามโดยอ้อม) คำถามชนิดนี้นิยมใช้พูดคุยสนทนามากเช่นกัน ผู้พูดอาจจะขอโอกาส ขอร้องหรือแสดงความรู้สึกก่อนแล้วจึงตามด้วยคำถาม ประโยคกล่าวนำนั้นอาจจะเป็นรูปประโยคอย่างใดก็ได้ อยู่ที่ผู้พูดว่าจะแสดงความรู้สึกอย่างใดเพื่อนำไปสู่คำถามนั้นๆ เปรียบเทียบคำถามโดยตรงและคำถามโดยอ้อม ดังต่อไปนี้

Direct Question

Indirect Question

What is your name?

คุณชื่ออะไร

 

I want to know what your name is

ฉันอยากจะทราบว่า คุณชื่ออะไร

 

Where are you from?

คุณมาจากไหน

I don’t know where you are from.

ฉันไม่ทราบว่า คุณมาจากไหน

 

Is she married?

เธอแต่งงานหรือยัง

 

I wonder if she is married.

ฉันไม่ทราบว่าเธอแต่งงานหรือยัง

Do you like boxing or football?

คุณชอบมวยหรือฟุตบอล

 

I’d like to know whether you like boxing or football.

ฉันอยากจะทราบว่า คุณชอบมวยหรือฟุตบอล

 

He can play Chinese music, can’t he?

เขาเล่นดนตรีจีนได้ มิใช่หรือ

 

Do you know whether he can play Chinese music or not?

คุณทราบไหมว่า เขาเล่นดนตรีจีนได้ไหม

 

ประโยคคำถามโดยอ้อมนี้ก็คือประโยค Complex นั้นเอง คือส่วนที่เป็นความหมายคำถามนั้นเป็นอนุประโยคทำหน้าที่เป็นนาม (Noun Clause) ซึ่งส่วนมากทำหน้าที่เป็นกรรม (object) ของประโยคหลัก (Main Clause) จากตัวอย่างข้างบนนั้น จะเห็นว่าประโยคนำหรือประโยคหลักมีรูปประโยคเป็นไปได้ต่างๆ กัน
ปลี่ยน Direct Question เป็น Indirect Question
การเปลี่ยนคำถามโดยตรงเป็นคำถามโดยอ้อม ก็คือการเปลี่ยน Direct Speech เป็น Indirect speech นั้นเอง แต่ในที่นี่ประโยคตามเป็นประโยคคำถามทั้งหมด ประโยคคำถามชนิดต่างๆ ที่กล่าวมานั้น สามารถเปลี่ยนเป็นคำถามโดยอ้อมได้ทุกชนิด ฉะนั้นการเปลี่ยนรูปประโยคในที่นี่จึงจำแนกออกตามชนิดของคำถามต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. เปลี่ยน Yes/No Question การเปลี่ยนคำถามประเภทนี้เป็น คำถามโดยอ้อม นอกจากเปลี่ยนรูปประโยคเป็นบอกเล่าแล้วใช้ whether or not หรือ if (หรือไม่) เป็นคำเชื่อม
ตัวอย่าง

Direct Question

Indirect Question

Is he a doctor?

เขาเป็นหมอใช่ไหม

I don’t know if he is a doctor.

ฉันไม่ทราบว่า เขาเป็นหมอหรือไม่

Can you speak thai?

คุณพูดไทยได้ไหม

I wonder whether you can speak Thai (or not).

ฉันไม่ทราบว่า คุณพูดไทยได้หรือไม่

Did she come last week?

อาทิตย์ที่แล้ว เธอมาหรือไม่

Do you know whether (or not) she came last week?

คุณทราบไหมว่า อาทิตย์ที่แล้วเธอมาหรือไม่

Could you open the door?

คุณกรุณาเปิดประตูได้ไหม

I wonder if you could open the door.

ฉันไม่ทราบว่า คุณจะกรุณาเปิดประตูได้หรือเปล่า

whether มาคู่กับ or not หรือมาโดยลำพังก็ได้ or no อาจจะวางติด whether หรือวางท้ายประโยคก็ได้ ถ้าประโยคไม่ยาวเกินไป ใช้ if แทนได้แต่ตามด้วย or not ไม่ได้
2. เปลี่ยน Wh-Question การเปลี่ยนคำถามประเภทนี้ เพียงแต่ เปลี่ยนเป็นประโยคบอกเล่าเท่านั้น ไม่ต้องเติมคำเชื่อมใดๆ เพราะมี Question Words เป็นคำเชื่อมอยู่แล้ว
ตัวอย่าง

Direct Question

Indirect Question

Who is she?

เธอเป็นใคร

Do you know who she is?

คุณทราบไหมว่า เธอเป็นใคร

Whom do you want to see?

คุณต้องการพบใคร

 

I want to know whom you want to see.

ฉันอยากทราบว่า คุณต้องการพบใคร

What time is it?

เวลาเท่าไร

Please tell me what time it is.

กรุณาบอกฉันด้วยว่า เวลาเท่าไร

Where is the National Museum?

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอยู่ที่ไหน

I don’t know where the National Museum is.

ฉันไม่ทราบว่า พิพิธภัณฑ์สถานฯ อยู่ที่ไหน

When will the train leave?

รถไฟจะออกเวลาเท่าไร (เมื่อไร)

Do you know when the train will leave.

คุณทราบไหมว่า รถไฟจะออกเมื่อไร

Why did she say like that?

ทำไมเธอจึงพูดเช่นนั้น

I don’t understand why she said like that.

ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอจึงพูดเช่นนั้น

How can we get there?

เราจะไปที่นั้นกันอย่างไร

Please tell me how we can get there.

กรุณาบอกฉันด้วยว่า เราจะไปที่นั่นกันอย่างไร

How many brothers and sisters do you have?

คุณมีพี่น้องกี่คน

My question is how many brothers and sisters you have.

คำถามของฉันก็คือว่า คุณมีพี่น้องกี่คน

3. เปลี่ยน Alternative question คำถามชนิดนี้เปลี่ยนโดยเติม whether เป็นคำเชื่อม โดยให้เป็นตัวเลือกคู่กับ or ซึ่งมีอยู่แล้ว และเปลี่ยนเป็นประโยคบอกเล่า
ตัวอย่าง

Direct Question

Indirect Question

Do you speak English or French?       

คุณพูดภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศส

I wonder whether you speak English or French

ฉันไม่ทราบว่า คุณพูภาษาอังกฤษ หรือฝรั่งเศส

Are they Thai or Chinese?

พวกเขาเป็นคนไทยหรือจีน           

Do you know whether they are

Thaior Chinese?

คุณทราบไหมว่า พวกเขาเป็น คนไทยหรือจีน

Will Vichian or Tawee come to see me?

วิเชียรหรือทวีจะมาพบฉัน

 

I want to know whether Vichian or Tawee will come to see me.

ฉันอยากจะทราบว่าวิเชียรหรือทวีจะมาพบฉัน

 

Did you stay at home or go somewhere last Sunday?

เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว คุณพักอยู่ที่บ้านหรือไปเที่ยวบางแห่ง

Can you tell me whether you stayed at home or went somewhere last Sunday?

คุณบอกฉันได้ไหมว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วนั้น คุณพักอยู่บ้านหรือ

ไปเที่ยวบางแห่ง

4. เปลี่ยน Tag Question การเปลี่ยนคำถามประเภทนี้ เหมือนกันกับ Yes/No Question เพราะต้องการคำตอบเหมือนกัน ใช้ whether or not เป็นคำเชื่อมอาจใช้ whether เฉยๆ หรือ if ก็ได้ แต่ใช้ whether or not จะได้ความตรงและเน้นกว่า
ตัวอยาง

Direct Question

Indirect Question

You know him very well, don’t you?

คุณรู้จักเขาดี มิใช่หรือ

I wonder whether you know him very well or not.

ฉันไม่ทราบว่า คุณรู้จักเขาดีหรือไม่

He will come, won’t he?

เขาจะมามิใช่หรือ

Do you know whether he will come or not?

คุณทราบไหมว่า เขาจะมาหรือไม่

The airport is far from the NationalStadium? isn’t it?

สนามบินอยู่ไกลจากสนามกีฬาแห่งชาติมิใช่หรือ

I’d like to knowwhether or not the airport is far from the National Stadium.

ฉันต้องการจะทราบว่า สนามบินอยู่ ไกลจากสนามกีฬาแห่งชาติหรือไม่

The express train doesn’t stop at this station, does it?

รถด่วนไม่หยุดที่สถานีนี้ใช่ไหม

Do you know whether or not the express train stops at this station?

คุณทราบไหมว่า รถด่วนหยุดที่สถานีนี่หรือไม่

He didn’t attend the meeting, did he?

เขาไม่เข้าประชุมใช่ไหม

I want to knowwhether or not he attended the meeting.

ฉันอยากจะทราบว่า เขาเข้าร่วมประชุมหรือไม่

การตอบคำถาม Indirect Question
คำถามประเภทนี้ แม้จะเป็นคำถามโดยอ้อม แต่ก็สามารถตอบได้ เช่นเดียวกับคำถามทั่วๆ ไป คือสามารถจะตอบได้ตามชนิดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว ฉะนั้น การตอบคำถามชนิดนี้จึงมีตัวอย่างดังต่อไปนี้
คำถาม
I want to know if he will come.
ฉันอยากจะทราบว่า เขาจะมาหรือไม่
คำตอบ
Yes, he will.
มา, เขาจะมา
No, he won’t,
ไม่มา, เขาจะไม่มา
คำถาม
I wonder if you can open the box.
ฉันไม่ทราบว่า คุณสามารถเปิดกล่องนี้ได้ไหม
คำตอบ
Yes, I can.
ได้, ฉันเปิดได้
No, I can’t.
ไม่ได้,ฉันเปิดไม่ได้
คำถาม
I’d like to know whether she is married or not.
ฉันอยากจะทราบว่า เธอแต่งงานหรือยัง
คำตอบ
Yes, she is.
แต่งแล้ว
No, she isn’t.
ยัง, เธอยังไม่แต่งงาน
คำถาม
The question is whether the train will arrive on time (or not).
คำถามก็คือว่า รถไฟจะมาถึงตรงเวลาหรือไม่
คำตอบ
Yes, it will.
ตรง, มาตรงเวลา
No, it won’t.
เปล่า, ไม่ตรงเวลา
คำถาม
I want to know whether he or his son was punished.
ฉันอยากจะทราบว่า เขาหรือลูกของเขาถูกทำโทษ
คำตอบ
His son was.
ลูกของเขา
คำถาม
Please tell me whether she passed or failed in the test.
ช่วยบอกฉันด้วยว่า เธอสอบได้หรือสอบตก
คำตอบ
She passed the test.
เธอสอบได้
คำถาม
I don’t know who she is.
ฉันไม่ทราบว่า เธอเป็นใคร
คำตอบ
She is our teacher.
เธอเป็นครูของพวกเรา
คำถาม
I’d like to know what you are talking about.
ฉันอยากจะทราบว่า คุณกำลังพูดเกี่ยวกับอะไร
คำตอบ
I’m talking about the plan to take a picnic.
คำถาม
Do you know where they are from?
คุณทราบไหมว่า พวกเขามาจากไหน
คำตอบ
They are from Australia.
พวกเขามาจากออสเตรเลีย
คำถาม
I don’t know when the show will start and finish.
ฉันไม่ทราบว่า การแสดงจะเริ่มเมื่อไรและสิ้นสุดเมื่อไร
คำตอบ
It will start at three and finish at six.
การแสดงจะเริ่มบ่าย 3 โมง และสิ้นสุดบ่าย 6 โมง
คำถาม
I want to ask you why we should visit that place.
ฉันอยากจะถามคุณว่า ทำไมเราจึงควรไปชมที่นั่น
คำตอบ
Because it is worth studying.
เพราะมันสมควรแก่การศึกษา
คำถาม
Can you tell me how I can contact him?
คุณสามารถจะบอกได้ไหมว่า ฉันสามารถติดต่อเขาได้อย่างไร
คำตอบ
You can contact Mm by phone.
คุณสามารถติดต่อกับเขาได้ทางโทรศัพท์
คำถาม
Could you tell me how much you have got?
คุณจะกรุณาบอกได้ไหมว่า คุณมีรายได้เท่าไร

คำตอบ
30,000 baht a month.
สามหมื่นบาทต่อเดือน
แบบฝึกหัด
จงสร้างประโยคต่อไปนี้เป็นคำถามโดยอ้อม (Indirect Question)
ตัวอย่าง
Do you like tea?
= I want to know if you like tea.
What are you doing?
= I want to know what you are doing.
Do you like tea or coffee?
= I want to know whether you like tea or coffee.
You like tea, don’t you?
= I want to know whether you like tea or not.
1.     Are you ready to go?
= I want to know…………………………………….
2.     Did he come to the party last night?
= Do you know……………………………………?
3.    Will she leave for London tomorrow?
= I wonde………………………………………….
4.    Can we go there by train or by bus?
= Can you tell me………………………………..?
5.    Was Daeng or Dam punished yesterday?
= Tell me………………………………………….
6.    You wrote this work, didn’t you?
= I don’t know……………………………………
7.    He doesn’t like smoking, does he?
=    Do you know……………………………….?
8.    Is the National Museum open today?
=    Can you tell me……………………………?
9.    What do you want to order first?
=    I want to know………………………………
10.    Where does she live?
=    I don’t know…………………………………
11.    How old is your father?
=    Please tell me……………………………….
12.    When did you finish high school?
=    Do you remember…………………………?
13.    How can we start this machine?
=    Do you know……………………………….?
14.    Whom would you like to speak to?
=    I don’t know…………………………………
15.    Which one are you going to select?
=    I want to know………………………………
16.    Who is she?
=    Do you know……………………………….?
17.    Why do you speak like that?
=    I don’t understand…………………………
18.    How many people are there in your family?
=    I want to know………………………………
19.    Where will the party be held next week?
=    Do you know……………………………….?
20.    What course did he take last term?
=    Please tell me………………………………
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา 

(Visited 67,127 times, 2 visits today)

[NEW] ประโยคคำถามแบบ Tag Question เรียนรู้การตอบแบบง่าย ๆ ให้ไม่งง | ตัวอย่าง ประโยค คำถาม ภาษา ไทย – NATAVIGUIDES

มีประโยคชนิดหนึ่งที่มีส่วนท้ายหรือส่วนหางเป็นรูปคำถาม เรียกว่า Tag question หรือ Question tag คำถามประเภทนี้จึงประกอบด้วยประโยคสองส่วน คือส่วนต้นเป็นประโยคธรรมดา ส่วนท้ายเป็นประโยคคำถาม ซึ่งเป็นรูปคำถามแบบ Yes/No Question คำถามชนิดนี้นิยมใช้ในการพูดคุยสนทนา โดยเฉพาะในการใช้ประโยคยาวๆ จะทำให้ไม่สับสน อาจกล่าวได้ว่า คำถามชนิดนี้เป็นการแสดงความรู้สึกหรือความเข้าใจของตนเองก่อนแล้วจึงขมวดเป็นการถามทีหลัง ว่าเป็นอย่างที่พูดมาข้างต้นหรือเปล่า ลักษณะสำคัญของ โครงสร้างคำถามชนิดนี้ก็คือ ท่อนต้นเป็นประโยคบอกเล่าหรือปฏิเสธ ท่อนหลังเป็นคำถามแบบ Yes/No Question แต่ใช้สรรพนาม (pronoun) ของประธานในท่อนต้นมาเป็นประธานในท่อนคำถาม การสร้างประโยคคำถามชนิดนี้จำแนกออกเป็น 2 วิธี ดังนี้
1. ท่อนต้นเป็นรูปประโยคบอกเล่า ท่อนหลังเป็นรูปคำถามปฏิเสธ ซึ่งผู้ถามคาดว่าจะได้คำตอบรับมากกว่าปฏิเสธ
ตัวอย่าง
The man is your boss, isn’t he?
ชายคนนั้นคือเจ้านายของคุณ มิใช่หรือ
It is very hot today, isn’t it?
วันนี้อากาศร้อนมาก มิใช่หรือ
You know her very well, don’t you?
คุณรู้จักเธอดี มิใช่หรือ
The tourist group will arrive at ten, won’t it?
คณะทัศนาจรจะมาถึงในเวลา 10 โมง มิใช่หรือ
Your sister got a scholarship, didn’t she?
น้องสาวของคุณได้ทุนการศึกษา มิใช่หรือ
The students are doing exercises in the class, aren’t they?
นักศึกษากำลังทำแบบฝึกหัดอยู่ในห้องเรียนมิใช่หรือ
2. ท่อนต้นเป็นรูปประโยคปฏิเสธ ท่อนหลังเป็นคำถามธรรมดา ซึ่ง ผู้ถามคาดว่าจะได้คำตอบเป็นปฏิเสธ คือเป็นอย่างที่เขากล่าวในท่อนต้น
ตัวอย่าง
You don’t like beer, do you?
คุณไม่ชอบเบียร์ ใช่ไหม
This subject isn’t so difficult, is it?
วิชานี้ไม่ยากมาก ใช่ไหม
Suda and Vilai didn’t appear at the party, did they?
สุดาและวิไลไม่มางานเลี้ยง ใช่ไหม
No one knows his address, do they?
ไม่มีใครทราบที่อยู่ของเขา ใช่ไหม
They haven’t been to Phuket, have they?
พวกเขาไม่เคยไปภูเก็ต ใช่ไหม
The students won’t take class, will they?
นักศึกษาจะไม่เข้าเรียน ใช่ไหม
ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับ Tag question
-ถ้าในท่อนแรกเป็น I am คำถามท่อนหลังเป็น aren’t I? แต่ถ้า ท่อนแรกเป็น I am not คำถามในท่อนหลังเป็น am I? เช่น
I am your teacher, aren’t I?
ฉันเป็นครูของคุณ มิใช่หรือ
I am not the group leader, am I?
ฉันไม่ใช่ผู้นำกลุ่ม ใช่ไหม
-ถ้าในประโยคมีคำที่แสดงความหมายปฏิเสธหรือมีความหมาย คล้ายๆ กัน ในท่อนหลังใช้รูปคำถามธรรมดา เช่น
Vichai hardly passed his test, did he?
วิชัยเกือบไม่ผ่านการทดสอบ ใช่ไหม
You have never been to Khon Kaen, have you?
คุณไม่เคยไปขอนแก่น ใช่ไหม
-ถ้าในท่อนแรกเป็นประโยคคำสั่ง ท่อนหลังใช้ will you? ใน ความหมายขอร้อง และเป็นรูปปฏิเสธ won’t you? ในความหมายเชื้อเชิญ และถ้าเป็นประโยคชักชวนขึ้นต้นด้วย Let’s ท่อนหลังเป็น shall we? เช่น
Open the window, will you?
เปิดหน้าต่างหน่อยได้ไหม
Wait a minute, will you?
รอสักครู่ได้ไหม
Come in, won’t you?
เชิญเข้าข้างในเลยครับ
Have a cup of tea, won’t you?
คุณจะรับนํ้าชาสักถ้วยไหม
Let’s take a walk, shall we?
ไปเดินเล่นกันไหม
Let’s go shopping after lunch, shall we?
หลังอาหารกลางวัน ไปหาซื้อของกันไหม
-ถ้าประธานในท่อนแรกมีคำเหล่านี้ everybody, everything, nobody, every one สรรพนามในท่อนหลังเป็น they เช่น
Everybody likes him, don’t they?
ทุกคนชอบเขาใช่ไหม
Nobody is waiting for you, are they?
ไม่มีใครกำลังรอคอยคุณใช่ไหม
การตอบคำถาม Question Tag
การตอบคำถามประเภทนี้ใช้ yes หรือ no เช่นเดียวกับ yes/no Question และใช้ในกฎเดียวกัน การตอบคำถามอาจจะแยกได้ตามชนิดของคำถามได้ดังนี้
-ถ้าเป็นคำถามประเภทแรก คือท่อนแรกเป็นประโยคบอกเล่า ท่อนหลังเป็นคำถามปฏิเสธ ต้องการคำตอบบอกรับมากกว่าปฏิเสธ แต่ในความเป็นจริงอาจจะเป็นปฏิเสธได้เช่นกัน
ตัวอย่าง
คำถาม   
The man is your teacher, isn’t he?    ชายคนนั้นเป็นครูของคุณ มิใช่หรือ
คำตอบ
Yes, he is.
ใช่, เขาเป็นครูของฉัน
No, he isn’t.
เปล่า, เขาไม่ใช่ครูของฉัน
คำถาม
You like her, don’t you?
คุณชอบเธอมิใช่หรือ
คำตอบ
Yes, I do.
ใช่, ฉันชอบเธอ
No, I don’t.
เปล่า, ไม่ชอบ
คำถาม
They can speak Thai; can’t they?
พวกเขาพูดไทยได้มิใช่หรือ    คำตอบ
Yes, they can.
ใช่, พูดได้
No, they can’t.
เปล่า, พูดไม่ได้
-ถ้าเป็นคำถามประเภทที่สอง คือท่อนแรกเป็นประโยคปฏิเสธ ท่อนหลังเป็นคำถามธรรมดา ต้องการคำตอบปฏิเสธมากกว่ารับ เช่นเดียวกับ Yes/No question ที่เป็นรูปปฏิเสธ มีกฎเกณฑ์อย่างเดียวกัน และมีความสับสนในภาษาไทยเหมือนกัน
ตัวอย่าง
คำถาม   
You cannot speak Chinese, can you?
คุณพูดภาษาจีนไม่ได้ ใช่ไหม
คำตอบ
No, I can’t.
ไม่ได้., พูดไม่ได้
Yes, I can.
ได้., พูดได้
คำถาม
No one likes her, do they?
ไม่มีใครชอบเธอ ใช่ไหม
คำตอบ
No, they don’t.
ใช่, ไม่มี
Yes, they do.
มี, มีอยู่
คำถาม
Vicit didn’t get hurt, did he?
วิชิตไม่ได้รับบาดเจ็บ ใช่ไหม
คำตอบ
No, he didn’t.
ใช่, ไม่บาดเจ็บ
Yes, he did.
ไม่ใช่, เขาได้รับบาดเจ็บ
Yes/No Question กับ Tag Question
ประโยคคำถามทั้งสองชนิดนี้มีความหมายเหมือนกัน ต้องการคำตอบอย่างเดียวกันคือตอบรับและปฏิเสธ แต่รูปประโยคต่างกัน คือ Yes/No Question เป็นรูปคำถามทั้งประโยค โดยขึ้นต้นด้วยกริยา นิยมใช้ทั่วๆ ไป ถ้าเป็นประโยคเนื้อความยาวๆ อาจทำให้สับสนได้ โดยเฉพาะในการสนทนา ถ้าเป็นประโยคยาวๆ อาจมีปัญหาได้ ส่วน Tag Question เป็นคำถามเฉพาะส่วนท้าย ซึ่งเป็นรูป Yes/No Quest. นั่นเอง ถือว่าเป็นคำถามที่เน้นกว่านิยมใช้ในการพูดคุยสนทนา ทำให้พูดง่ายและเข้าใจง่าย โดยเฉพาะในประโยคยาวๆ ในท่อนแรกเป็นการแสดงความรู้สึกหรือความเข้าใจของผู้พูดเองทั้งหมด จากนั้นจึงถามว่าเป็นจริงอย่างในท่อนแรกหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคำถามทั้งสองชนิดนี้มีรายละเอียดแตกต่างแต่อาจใช้แทนกันได้ โดยมีความหมายเหมือนเดิม ดังต่อไปนี้
Yes/No     =     Is he your teacher?
เขาเป็นครูของคุณใช่ไหม
Tag         =     He is your teacher, isn’t he?
เขาเป็นครูของคุณมิใช่หรือ
Yes/No     =     Did you take part in the party to congratulate him last night?
คุณร่วมงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับเขาเมิ้อคืนนี้ใช่ไหม
Tag         =     You took part in the party to congratulate him last night, didn’t you?
คุณเข้าร่วมงานเลี้ยงแสดงความยินดีกับเขาเมิ้อคืนนี้
มิใช่หรือ
Yes/No     =     Don’t you understand what I said?
คุณไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดใช่ไหม
Tag         =     You don’t understand what I said, do you?
คุณไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดใช่ไหม
Yes/No     =     Isn’t the Grand Palace far from the National Museum?
พระบรมมหาราชวังไม่ไกลจากพิพิธภัณฑสถาน
แห่งชาติ ใช่ไหม
Tag         =     The Grand Palace isn’t far from the National Museum, is it?
พระบรมมหาราชวังไม่ไกลจากพิพิธภัณฑสถาน
แห่งชาติ มิใช่หรือ
Alternative Question กับ Tag Question
คำถามประเภท Alternative แม้โดยทั่วไปแล้วจะไม่ทำให้สับสน เพราะมีรูปประโยคและความหมายที่ชัดเจน คือมี or เชื่อมเพื่อให้เลือกเอา แต่ถ้าจะพิจารณาให้ดีแล้วมีรูปและความหมายคล้ายกับ Yes/No Question แม้ผู้ถามจะไม่มีเจตนาจะให้เป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่ถ้าจะมีใครให้ความหมาย เป็น Yes/No Quest. ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ฉะนั้น ประโยคอย่างเดียวกัน อาจจะมีความหมายแตกต่างกันได้ คือเป็นคำถามประเภท Alternative หรือ Yes/No ดังตัวอย่างต่อไปนี้ Alternative =     Do you like tea or coffee?
คุณชอบชาหรือกาแฟ
Can you speak Thai or Chinese?
คุณสามารถพูดไทยหรือจีนได้
Will he take Conversation, Translation or Writing?
เขาจะเรียนการสนทนา การแปล หรือการเขียน
Yes/No =         Do you like tea or coffee?
คุณชอบชาหรือกาแฟไหม
Can you speak Thai or Chinese?
คุณพูดภาษาไทยหรือภาษาจีนได้ไหม
Will he take Conversation, Translation or Writing?
เขาจะเรียนการสนทนา การแปล หรือการเขียนไหม
จากตัวอย่างความหมายในภาษาไทยของประโยคต่างๆ เหล่านี้ จะเห็นว่ามีจุดมุ่งหมายในการถามต่างกัน or ในคำถามชนิดแรกเป็นตัวเชื่อมเพื่อให้เลือกจริงๆ ส่วนในคำถามประเภทที่สอง or ทำหน้าที่แค่เป็นตัวเสริมเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่มีก็ได้ เพิ่มเข้าเพื่อให้รายละเอียดเท่านั้น ต้องการคำตอบ yes หรือ no เท่านั้น
ฉะนั้น เพื่อจะให้ได้คำถามและคำตอบแตกต่างจาก Alternative Quest. อย่างชัดแจ้งแล้ว สามารถสร้างเป็นคำถามแบบ Tag Question ได้ ดังนั้นประโยคต่างๆ ข้างบนนั้น สร้างเป็นคำถามแบบ Tag Question พร้อมคำตอบได้ดังนี้
You like tea or coffee, don’t you?
คุณชอบชาหรือกาแฟ มิใช่หรือ
Yes, I do.
ใช่,ฉันชอบ
No? I don’t.
เปล่า, ฉันไม่ชอบ
You can speak Thai or Chinese, can’t you?
คุณพูดภาษาไทยหรือภาษาจีนได้ มิใช่หรือ
Yes, I can.
ใช่, ฉันพูดได้
No? I don’t.
เปล่าม ฉันไม่ชอบ
You can speak Thai or Chinese, can’t you?
คุณพูดภาษาไทยหรือภาษาจีนได้ มิใช่หรือ
Yes, I can.
ใช่, ฉันพูดได้
No, I can’t.
เปล่า, พูดไม่ได้
He will take Conersation, Translation or Writing, won’t he?
เขาจะเรียนการสนทนา การแปล หรือการเขียน มิใช่หรือ
Yes, he will
ใช่, เขาจะเรียน
No, he won’t.
เปล่า, เขาไม่เรียน
แบบฝึกหัด
จงสร้างประโยคต่อไปนี้เป็นคำถาม Tag Question แล้วตอบคำถาม
ตัวอย่าง
He likes English very much.
= He likes English very much, doesn’t he?
Yes, he does./ No, he doesn’t.
1.     Malee is a good student.
……………………………………………………………………..
2. You teach English at Krirk University.
……………………………………………………………………..
3. Thawee and Vichien will go to work in Japan.
……………………………………………………………………..
4. Your mother arrived in Bangkok yesterday.
……………………………………………………………………..
5. This exercise isn’t very hard for you.
……………………………………………………………………..
6. Everyone wants to learn English with him.
……………………………………………………………………..
7. You haven’t been to Chieng Mai.
……………………………………………………………………..
8. Sit down and don’t speak.
……………………………………………………………………..
9. Let’s take a rest for a while after the meeting.
……………………………………………………………………..
10. He comes from Australia.
……………………………………………………………………..
11. You think they are intelligent students.
……………………………………………………………………..
12. They hardly come to visit you.
……………………………………………………………………..
13. Your sister can speak English very well.
……………………………………………………………………..
14. The tourists don’t know the way to the Grand Palace.
……………………………………………………………………..
15. I think they won’t arrive tomorrow.
……………………………………………………………………..
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา

(Visited 47,443 times, 6 visits today)


เกม ตอบปัญหาอะไรเอ่ย 10 ข้อ | VGameKids


เกม ตอบปัญหาอะไรเอ่ย 10 ข้อ
เกมสร้างสรรค์สำหรับเด็กและเยาวชน
เพื่อเสริมทักษะความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ
วิชาการทั้ง คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ
อย่าลืมกดติดตาม Subscribe VGameKids กันด้วยนะครับ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

เกม ตอบปัญหาอะไรเอ่ย 10 ข้อ | VGameKids

ประโยคคำถาม| Do you…? | คำตอบ ภาษาอังกฤษ | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย do you แปลว่าคุณจุดหมายมาดูตัวอย่างประโยคคำถามและก็ตัวอย่างการตอบคำถามที่ขึ้นต้นด้วย do you นะคะ

ประโยคคำถาม| Do you...? | คำตอบ ภาษาอังกฤษ | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

คำสรรพนาม – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3


ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
วีดีโอนี้จะสอนเกี่ยวกับ
มาเรียนรู้ว่า คำสรรพนาม คืออะไร หมายความว่าอะไร
ตัวอย่างคำศัพท์ และตัวอย่างประโยค ที่ใช้ คำสรรพนาม
คำที่ใช้แทนผู้พูด
บทเรียนอิเล็กทรอกนิกส์ วิชา ภาษาไทย ป.3 ชุดนี้
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.otpchelp.com

คำสรรพนาม - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3

ฝึกแต่งประโยคคำถาม | Do you..? | Are you..? | ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


ฝึกแต่งประโยค เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ อังกฤษพื้นฐาน
ฝึกแต่งประโยคคำถามภาษาอังกฤษด้วยการขึ้นต้น Doyou..? และ Are you..? แบบง่ายๆเข้าใจแล้วสามารถนำไปใช้ได้จริง

ฝึกแต่งประโยคคำถาม | Do you..? | Are you..? | ภาษาอังกฤษพื้นฐาน | เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

เครื่องหมายต่างๆ ตอนที่ 1 – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3


ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
วีดีโอนี้จะสอนเกี่ยวกับ
เรียนรู้เรื่อง เครื่องหมายต่างๆ ตอนที่ 1
เรียนรู้ ชื่อของเครื่องหมาย แต่ละแบบ เช่น เครื่องหมาย ไม้ยมก, ไปยาลน้อย, ไปยาลใหญ่, อัญประกาศ และ นขลิขิต
วิธีเขียนเครื่องหมาย ที่ถูกต้อง
ตัวอย่างประโยค ที่ใช้เครื่องหมาย
บทเรียนอิเล็กทรอกนิกส์ วิชา ภาษาไทย ป.3 ชุดนี้
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.otpchelp.com

เครื่องหมายต่างๆ ตอนที่ 1 - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ตัวอย่าง ประโยค คำถาม ภาษา ไทย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *