อยาก ทํา งาน ที่ ญี่ปุ่น: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
ทำงานที่ญี่ปุ่น
การหางานทำในญี่ปุ่น สำหรับนักเรียนต่างชาติในปัจจุบัน
ผู้เขียน : 2,861.9 ไมล์จากพระนคร
ก่อนที่จะมาเรียนที่ญี่ปุ่น คิดว่าเป้าหมายแรกสุดของทุกคนก็คงจะคล้ายๆกัน คือการสอบวัดระดับ เพราะนั่นคือใบเบิกทางที่จะทำเป้าหมายถัดไปในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อในโรงเรียนเฉพาะทาง การสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือการสอบเรียนต่อปริญญาโท แล้วหลังจากนั้นบางคนก็อาจจะยังไม่ได้คิด
แต่บางคนอาจจะเริ่มคิดหลังจากอยู่ญี่ปุ่นได้สักพักว่า อยากจะลองหาประสบการณ์ใน การทำงานที่ญี่ปุ่น ดู ซึ่งบางทีเวลาที่เริ่มคิดได้อาจจะสายเกินไปแล้วถ้าต้องการจะหางานดีๆในญี่ปุ่นเพราะการรับสมัครงานที่ญี่ปุ่นต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวนานต่างจากที่เมืองไทย
ผู้เขียนอยากจะขอแนะนำแนวทางในการวางแผน สำหรับผู้ที่คิดว่าบางทีเราอาจจะอยากลอง ทำงานที่ญี่ปุ่น ดู โดยผู้เขียนขอแนะนำสำหรับผู้เรียนจบในสายสามัญเพราะผู้เขียนจบมาทางนี้ค่ะ
อย่างแรกสุดเลยขอบอกว่าการหาง่ายที่ญี่ปุ่นไม่ยากเกินเอื้อม แต่ก็ไม่ได้ง่ายหากต้องการงานที่ดี ดีในที่นี้คือรายได้เกินมาตรฐานเฉลี่ยของนักเรียนจบใหม่ญี่ปุ่น (เงินเดือนเริ่มต้นของนักเรียนจบใหม่เฉลี่ยป.ตรีจะเริ่มที่ปีละสองล้านสามแสนเยนยังไม่หักภาษี ถ้าป.โทจะเพิ่มอีกสี่แสนเยน) บริษัทมั่นคงมีสวัสดิการดีและงานสนุกและท้าทาย
ที่บอกว่าไม่ยากเกินเอื้อม เพราะสมัยนี้บริษัทญี่ปุ่นมีแนวโน้มต้องการรับนักเรียนต่างชาติมากขึ้น เนื่องจากประชากรวัยทำงานญี่ปุ่นที่ลดลงและญี่ปุ่นต้องการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจากตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขและแรงงานของญี่ปุ่นในปีล่าสุด 2015 ก็ออกมาว่าจำนวนแรงงานชาวต่างเพิ่มขึ้นมาจากปีที่แล้วถึง 15% และจำนวนแรงงานยังมากที่สุดนับแต่เก็บสถิติมาด้วย
บางบริษัทถึงกับยอมแยกนักเรียนต่างชาติออกมาสอบต่างหาก หรือตั้งเป้าเลยว่าจะต้องรับนักเรียนต่างชาติปีนี้ให้ได้กี่คนๆ เพราะรู้ว่านักเรียนต่างชาติจะรู้ภาษาญี่ปุ่นสู้นักเรียนญี่ปุ่นไม่ได้ ซึ่งต่างจากสมัยผู้เขียนสอบเข้างานเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งต้องสอบข้อสอบภาษาญี่ปุ่นและสอบสัมภาษณ์ ภาษาญี่ปุ่นต้องเป๊ะเท่าเทียมเด็กญี่ปุ่นเลยทีเดียว ในขณะที่สมัยนี้ภาษาญี่ปุ่นอยู่ในขั้นพอสื่อสารได้ก็สามารถเข้าทำงานได้แล้ว หรือบางบริษัทอาจไม่ดูภาษาเลยด้วยซ้ำ หรือบางทีก็สามารถหางานผ่านrecruiter ที่หานักเรียนต่างชาติเข้าพิเศษเลยก็ได้
แต่ที่บอกว่าไม่ได้ง่ายเพราะไม่ใช่ว่าแค่คุณเป็นคนต่างชาติเค้าจะอ้าแขนรับคุณหมด แล้วเราควรจะเตรียมตัวแบบไหนถึงจะเพิ่มโอกาสการทำงานในญี่ปุ่น เรามาดูกันว่าบริษัทญี่ปุ่นดูอะไรในการเลือกตัวคนเข้าทำงานบ้าง
Table of Contents
1. มหาวิทยาลัยที่จบ
แน่นอนไม่ต่างจากประเทศไทย สกรีนแรกสุดที่บริษัทจะดูสำหรับเด็กจบใหม่คือมหาวิทยาลัยที่จบมา ม.Tokyo / ม.Kyoto / ม.Hitotsubashi และ ม.Tokodai ( titech) สำหรับมหาวิทยาลัยรัฐบาลสี่จตุรเทพนี้ ถ้าเข้าและจบมาได้ ถ้าคุณไม่ใช่คนเพี้ยนจนเกินไปนัก บริษัทไหนๆก็รับคุณแน่
รองลงไปก็จะเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลหลักๆ ของจังหวัดใหญ่ๆ เช่น ม.Osaka / ม.Tohoku / ม.Tsukuba / ม.Hokkaido / ม.Nagoya / ม.Kobe เป็นต้น
ส่วนถ้ามหาวิทยาลัยเอกชนที่ภาษีดีที่สุดก็คือ ม.Keio และ ม.Waseda
รองลงมาก็จะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในกลุ่ม MARCH นั่นก็คือ ม.Meiji / ม.Aoyama / ม.Rikkyo / ม.Chuo และ ม.Hosei
บางบริษัทถ้าเป็นนักเรียนต่างชาติ ก็จะอนุโลมให้มหาวิทยาลัยรองลงมาอีกเช่น ม.Ritsumeikan / ม.Doushisha /ม.Gakushuin / ม.Sophia / ม.Yokohama National สามารถผ่านรอบเข้ามาสัมภาษณ์ได้
เพราะฉะนั้นการเลือกมหาวิทยาลัยที่จะเรียนต่อ ถือว่าสำคัญมากต่อการที่จะหางานทำในญี่ปุ่น ซึ่งคณะที่เรียนจบมาบริษัทจะไม่ดูมาก (จะดูแค่ว่าเป็นสายวิทย์หรือสายศิลป์) เพราะบริษัทญี่ปุ่นจะรับนักศึกษาเข้ามาฝึกงานใหม่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว (แต่ก็ไม่ใช่ว่าจบคณะอักษรจะไปสมัครเป็นโปรแกรมเมอร์ที่บริษัท IT ได้) นี่เลยเป็นทริคสำหรับคนญี่ปุ่นบางคนที่อยากเข้างานดีๆ ว่าจะเลือกคณะที่คะแนนสอบเข้าไม่สูงมากของ ม.Tokyo เป็นต้น
ส่วนนักเรียนต่างชาติที่ภาษาญี่ปุ่นอาจเป็นปัญหาในการสอบเข้าเรียน ก็อาจเลี่ยงไปเลือกคณะที่มีสอนเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ (ถ้าสมัยก่อนนักศึกษาต่างชาติที่เรียนอินเตอร์จะเสียเปรียบ เพราะจะขาดโอกาสในการเรียนภาษาญี่ปุ่นซึ่งสำคัญมากกับการสอบเข้าทำงานแบบเก่า แต่ปัจจุบันข้อเสียเปรียบนี้จะน้อยลงไปพอสมควร)
ส่วนสิ่งที่ต่างจากเมืองไทยคือที่ญี่ปุ่นจะไม่ดูเกรดจบเลย ไม่มีการต้องเขียนหรือถูกถามเกรดทั้งนั้น เพราะญี่ปุ่นถ้าเข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทปกติ ถือว่าบริษัทจะเริ่มฝึกให้จากศูนย์อยู่แล้ว
นอกจากนั้นบริษัทยังเน้นความสำคัญไปที่ข้อ 2และข้อ 3 มากกว่าด้วย แต่ทั้งนี้มีข้อยกเว้นคือถ้าคุณตั้งใจจะทำงานเป็นนักวิจัยหรืออาจารย์มหาวิทยาลัย คุณต้องมีผลการเรียนและผลงานวิจัยที่ดีเยี่ยมแต่ไม่ต้องเน้นข้อ 3ได้ค่ะ
2.ภาษา
เป็นสิ่งที่บริษัทญี่ปุ่นคาดหวังจากนักเรียนต่างชาติมาก ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นแต่เป็นภาษาต่างชาติ
ภาษาญี่ปุ่นแค่พอสื่อสารได้ (ยิ่งถ้ามหาวิทยาลัยที่จบดังแค่ไหนภาษาญี่ปุ่นยิ่งถูกมองข้ามได้เยอะขึ้น) แต่ถ้าให้ดีแนะนำว่าอย่างน้อยควรมี N2
ส่วนภาษาที่บริษัทต้องการมากกว่า คือภาษาอังกฤษและภาษาประเทศตัวเอง ถ้าเป็นนักเรียนชาวจีนจะได้เปรียบหน่อยเพราะบริษัทที่ต้องการบุกตลาดจีนจะไม่ดูภาษาอังกฤษมาก แต่ถ้าเป็นชาติอื่นภาษาอังกฤษควรได้ในระดับที่ดีกว่านักเรียนญี่ปุ่น
โชคดีที่นักเรียนญี่ปุ่นไม่เก่งภาษาอังกฤษมาก นักเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีหรืออย่างน้อยคะแนน TOEIC มากกว่า 650 ขึ้นไปก็ถือว่าหรูแล้วถ้าเทียบกับคนญี่ปุ่น (ซึ่งนักเรียนไทยส่วนมากจะทำได้ดีกว่านั้นเยอะ) ส่วนถ้าบริษัทที่เป็นที่นิยมหรือบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับต่างประเทศ
แนะนำว่าควรมีคะแนน TOEIC ให้เกิน 730 ขึ้นไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำหลังจากสอบเข้าเรียนต่อได้คือเพิ่มทักษะด้านภาษาอังกฤษและสอบ TOEIC ให้ได้คะแนนที่ต้องการ
3.นักกิจกรรม
สิ่งที่บริษัทมักจะถามนักเรียนเวลาสอบสัมภาษณ์งาน นอกจากทำไมถึงอยากจะเข้าบริษัทนี้ ก็คือประสบการณ์ในการพยายามทำอะไรให้ประสบความสำเร็จนอกเหนือจากการเรียน และบทบาทของการทำกิจกรรมนั้นๆ ซึ่งสามารถนำมาตอบได้หมด ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมชมรมของมหาวิทยาลัย การทำงานพิเศษ งานอาสาสมัคร
เพราะบริษัทต้องการจะดูลักษณะนิสัยว่าเป็นคนทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ไหม มีความเป็นผู้นำ หรือมีการพัฒนาตัวเองในการทำงานแค่ไหน ซึ่งถ้าเราทำกิจกรรม เราจะมีสตอรี่มาขยายได้ในการสอบสัมภาษณ์ตรงนี้ นักกิจกรรมไม่จำเป็นต้องทำมากหรือเน้นปริมาณ จะทำแค่อย่างเดียวก็ได้แต่ทำต่อเนื่องและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ให้ประสบผลสำเร็จได้ก็พอแล้ว ส่วนข้อดีอีกอย่างคือเราจะได้เพื่อนคนญี่ปุ่นซึ่งจะแนะนำเราได้มากในการหางาน
สำหรับระยะเวลาในการเตรียมตัวนั้น จะมีถึงประมาณเดือนมกราคมของปีก่อนปีสุดท้ายที่จะจบ เพราะบริษัทญี่ปุ่นจะเริ่มให้ยื่นใบรับสมัครงานตั้งแต่เดือนมีนาคมของปีก่อนปีสุดท้ายที่จะจบและเริ่มสัมภาษณ์ตั้งแต่นั้นเลย
เพราะฉะนั้นเราต้องมีเอกสารพร้อมตั้งแต่เวลาที่ให้เริ่มยื่นใบสมัคร ถ้าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงส่วนมากมิถุนายนก็จะสอบสัมภาษณ์รอบสุดท้ายเสร็จและประกาศผลแล้ว ซึ่งถ้าใครได้งานก็ขอแสดงความยินดีได้เลยว่าเหลือแค่ตั้งใจเรียนปีสุดท้ายให้จบ และไปเที่ยวช่วงปิดเทอมก่อนเข้าทำงานได้เลยค่ะ ส่วนวิธีเขียนใบสมัครวิธีเตรียมตัวสอบเตรียมตัวสัมภาษณ์ผู้เขียนจะไม่อธิบายมากเพราะคิดว่าสามารถหาซื้อหนังสืออ่านเองได้
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็จะเห็นว่าการเตรียมพร้อมเพื่อหางานที่ญี่ปุ่นไม่ยากเลยใช่ไหมคะ เพราะมันคือการใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยในเมืองไทยเลย แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าต้องทำแบบที่ผู้เขียนบอกมาเท่านั้นถึงจะหางานได้ เพราะบางคนก็อาจจะมีทักษะพิเศษอื่นๆที่โดดเด่นที่เป็นที่ต้องตาของบริษัทก็ได้ หรือถ้าใครมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน สิ่งที่บริษัทพิจารณาก็จะต่างออกไป
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้เขียนขอให้ใช้เวลาในญี่ปุ่นให้คุ้มค่าที่สุด และอย่าให้ความเหงา ความหนาวและความยากลำบาก มาทำให้เราลืมเป้าหมายและความตั้งใจในการมาญี่ปุ่นในครั้งแรกของเราค่ะ
ผู้เขียน : 2,861.9 ไมล์จากพระนคร
– ปริญญาตรี : คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
– หลักสูตรภาษาญี่ปุ่น : College of Business and Communication (CBC)
– ปริญญาโท : Global Information and Telecommunication Institute , Waseda University
– ปัจจุบัน ทำงานอยู่ในบริษัท Telecommunication ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ
รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)
ติดต่อสอบถาม-ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-267-7726
email : [email protected]
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line
[NEW] ทำงานที่ญี่ปุ่น : การหางานทำในญี่ปุ่น สำหรับนักเรียนต่างชาติในปัจจุบัน | อยาก ทํา งาน ที่ ญี่ปุ่น – NATAVIGUIDES
ทำงานที่ญี่ปุ่น
การหางานทำในญี่ปุ่น สำหรับนักเรียนต่างชาติในปัจจุบัน
ผู้เขียน : 2,861.9 ไมล์จากพระนคร
ก่อนที่จะมาเรียนที่ญี่ปุ่น คิดว่าเป้าหมายแรกสุดของทุกคนก็คงจะคล้ายๆกัน คือการสอบวัดระดับ เพราะนั่นคือใบเบิกทางที่จะทำเป้าหมายถัดไปในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการเรียนต่อในโรงเรียนเฉพาะทาง การสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือการสอบเรียนต่อปริญญาโท แล้วหลังจากนั้นบางคนก็อาจจะยังไม่ได้คิด
แต่บางคนอาจจะเริ่มคิดหลังจากอยู่ญี่ปุ่นได้สักพักว่า อยากจะลองหาประสบการณ์ใน การทำงานที่ญี่ปุ่น ดู ซึ่งบางทีเวลาที่เริ่มคิดได้อาจจะสายเกินไปแล้วถ้าต้องการจะหางานดีๆในญี่ปุ่นเพราะการรับสมัครงานที่ญี่ปุ่นต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวนานต่างจากที่เมืองไทย
ผู้เขียนอยากจะขอแนะนำแนวทางในการวางแผน สำหรับผู้ที่คิดว่าบางทีเราอาจจะอยากลอง ทำงานที่ญี่ปุ่น ดู โดยผู้เขียนขอแนะนำสำหรับผู้เรียนจบในสายสามัญเพราะผู้เขียนจบมาทางนี้ค่ะ
อย่างแรกสุดเลยขอบอกว่าการหาง่ายที่ญี่ปุ่นไม่ยากเกินเอื้อม แต่ก็ไม่ได้ง่ายหากต้องการงานที่ดี ดีในที่นี้คือรายได้เกินมาตรฐานเฉลี่ยของนักเรียนจบใหม่ญี่ปุ่น (เงินเดือนเริ่มต้นของนักเรียนจบใหม่เฉลี่ยป.ตรีจะเริ่มที่ปีละสองล้านสามแสนเยนยังไม่หักภาษี ถ้าป.โทจะเพิ่มอีกสี่แสนเยน) บริษัทมั่นคงมีสวัสดิการดีและงานสนุกและท้าทาย
ที่บอกว่าไม่ยากเกินเอื้อม เพราะสมัยนี้บริษัทญี่ปุ่นมีแนวโน้มต้องการรับนักเรียนต่างชาติมากขึ้น เนื่องจากประชากรวัยทำงานญี่ปุ่นที่ลดลงและญี่ปุ่นต้องการขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจากตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขและแรงงานของญี่ปุ่นในปีล่าสุด 2015 ก็ออกมาว่าจำนวนแรงงานชาวต่างเพิ่มขึ้นมาจากปีที่แล้วถึง 15% และจำนวนแรงงานยังมากที่สุดนับแต่เก็บสถิติมาด้วย
บางบริษัทถึงกับยอมแยกนักเรียนต่างชาติออกมาสอบต่างหาก หรือตั้งเป้าเลยว่าจะต้องรับนักเรียนต่างชาติปีนี้ให้ได้กี่คนๆ เพราะรู้ว่านักเรียนต่างชาติจะรู้ภาษาญี่ปุ่นสู้นักเรียนญี่ปุ่นไม่ได้ ซึ่งต่างจากสมัยผู้เขียนสอบเข้างานเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งต้องสอบข้อสอบภาษาญี่ปุ่นและสอบสัมภาษณ์ ภาษาญี่ปุ่นต้องเป๊ะเท่าเทียมเด็กญี่ปุ่นเลยทีเดียว ในขณะที่สมัยนี้ภาษาญี่ปุ่นอยู่ในขั้นพอสื่อสารได้ก็สามารถเข้าทำงานได้แล้ว หรือบางบริษัทอาจไม่ดูภาษาเลยด้วยซ้ำ หรือบางทีก็สามารถหางานผ่านrecruiter ที่หานักเรียนต่างชาติเข้าพิเศษเลยก็ได้
แต่ที่บอกว่าไม่ได้ง่ายเพราะไม่ใช่ว่าแค่คุณเป็นคนต่างชาติเค้าจะอ้าแขนรับคุณหมด แล้วเราควรจะเตรียมตัวแบบไหนถึงจะเพิ่มโอกาสการทำงานในญี่ปุ่น เรามาดูกันว่าบริษัทญี่ปุ่นดูอะไรในการเลือกตัวคนเข้าทำงานบ้าง
1. มหาวิทยาลัยที่จบ
แน่นอนไม่ต่างจากประเทศไทย สกรีนแรกสุดที่บริษัทจะดูสำหรับเด็กจบใหม่คือมหาวิทยาลัยที่จบมา ม.Tokyo / ม.Kyoto / ม.Hitotsubashi และ ม.Tokodai ( titech) สำหรับมหาวิทยาลัยรัฐบาลสี่จตุรเทพนี้ ถ้าเข้าและจบมาได้ ถ้าคุณไม่ใช่คนเพี้ยนจนเกินไปนัก บริษัทไหนๆก็รับคุณแน่
รองลงไปก็จะเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาลหลักๆ ของจังหวัดใหญ่ๆ เช่น ม.Osaka / ม.Tohoku / ม.Tsukuba / ม.Hokkaido / ม.Nagoya / ม.Kobe เป็นต้น
ส่วนถ้ามหาวิทยาลัยเอกชนที่ภาษีดีที่สุดก็คือ ม.Keio และ ม.Waseda
รองลงมาก็จะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนในกลุ่ม MARCH นั่นก็คือ ม.Meiji / ม.Aoyama / ม.Rikkyo / ม.Chuo และ ม.Hosei
บางบริษัทถ้าเป็นนักเรียนต่างชาติ ก็จะอนุโลมให้มหาวิทยาลัยรองลงมาอีกเช่น ม.Ritsumeikan / ม.Doushisha /ม.Gakushuin / ม.Sophia / ม.Yokohama National สามารถผ่านรอบเข้ามาสัมภาษณ์ได้
เพราะฉะนั้นการเลือกมหาวิทยาลัยที่จะเรียนต่อ ถือว่าสำคัญมากต่อการที่จะหางานทำในญี่ปุ่น ซึ่งคณะที่เรียนจบมาบริษัทจะไม่ดูมาก (จะดูแค่ว่าเป็นสายวิทย์หรือสายศิลป์) เพราะบริษัทญี่ปุ่นจะรับนักศึกษาเข้ามาฝึกงานใหม่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว (แต่ก็ไม่ใช่ว่าจบคณะอักษรจะไปสมัครเป็นโปรแกรมเมอร์ที่บริษัท IT ได้) นี่เลยเป็นทริคสำหรับคนญี่ปุ่นบางคนที่อยากเข้างานดีๆ ว่าจะเลือกคณะที่คะแนนสอบเข้าไม่สูงมากของ ม.Tokyo เป็นต้น
ส่วนนักเรียนต่างชาติที่ภาษาญี่ปุ่นอาจเป็นปัญหาในการสอบเข้าเรียน ก็อาจเลี่ยงไปเลือกคณะที่มีสอนเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ (ถ้าสมัยก่อนนักศึกษาต่างชาติที่เรียนอินเตอร์จะเสียเปรียบ เพราะจะขาดโอกาสในการเรียนภาษาญี่ปุ่นซึ่งสำคัญมากกับการสอบเข้าทำงานแบบเก่า แต่ปัจจุบันข้อเสียเปรียบนี้จะน้อยลงไปพอสมควร)
ส่วนสิ่งที่ต่างจากเมืองไทยคือที่ญี่ปุ่นจะไม่ดูเกรดจบเลย ไม่มีการต้องเขียนหรือถูกถามเกรดทั้งนั้น เพราะญี่ปุ่นถ้าเข้าทำงานเป็นพนักงานบริษัทปกติ ถือว่าบริษัทจะเริ่มฝึกให้จากศูนย์อยู่แล้ว
นอกจากนั้นบริษัทยังเน้นความสำคัญไปที่ข้อ 2และข้อ 3 มากกว่าด้วย แต่ทั้งนี้มีข้อยกเว้นคือถ้าคุณตั้งใจจะทำงานเป็นนักวิจัยหรืออาจารย์มหาวิทยาลัย คุณต้องมีผลการเรียนและผลงานวิจัยที่ดีเยี่ยมแต่ไม่ต้องเน้นข้อ 3ได้ค่ะ
2.ภาษา
เป็นสิ่งที่บริษัทญี่ปุ่นคาดหวังจากนักเรียนต่างชาติมาก ไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นแต่เป็นภาษาต่างชาติ
ภาษาญี่ปุ่นแค่พอสื่อสารได้ (ยิ่งถ้ามหาวิทยาลัยที่จบดังแค่ไหนภาษาญี่ปุ่นยิ่งถูกมองข้ามได้เยอะขึ้น) แต่ถ้าให้ดีแนะนำว่าอย่างน้อยควรมี N2
ส่วนภาษาที่บริษัทต้องการมากกว่า คือภาษาอังกฤษและภาษาประเทศตัวเอง ถ้าเป็นนักเรียนชาวจีนจะได้เปรียบหน่อยเพราะบริษัทที่ต้องการบุกตลาดจีนจะไม่ดูภาษาอังกฤษมาก แต่ถ้าเป็นชาติอื่นภาษาอังกฤษควรได้ในระดับที่ดีกว่านักเรียนญี่ปุ่น
โชคดีที่นักเรียนญี่ปุ่นไม่เก่งภาษาอังกฤษมาก นักเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีหรืออย่างน้อยคะแนน TOEIC มากกว่า 650 ขึ้นไปก็ถือว่าหรูแล้วถ้าเทียบกับคนญี่ปุ่น (ซึ่งนักเรียนไทยส่วนมากจะทำได้ดีกว่านั้นเยอะ) ส่วนถ้าบริษัทที่เป็นที่นิยมหรือบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับต่างประเทศ
แนะนำว่าควรมีคะแนน TOEIC ให้เกิน 730 ขึ้นไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำหลังจากสอบเข้าเรียนต่อได้คือเพิ่มทักษะด้านภาษาอังกฤษและสอบ TOEIC ให้ได้คะแนนที่ต้องการ
3.นักกิจกรรม
สิ่งที่บริษัทมักจะถามนักเรียนเวลาสอบสัมภาษณ์งาน นอกจากทำไมถึงอยากจะเข้าบริษัทนี้ ก็คือประสบการณ์ในการพยายามทำอะไรให้ประสบความสำเร็จนอกเหนือจากการเรียน และบทบาทของการทำกิจกรรมนั้นๆ ซึ่งสามารถนำมาตอบได้หมด ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมชมรมของมหาวิทยาลัย การทำงานพิเศษ งานอาสาสมัคร
เพราะบริษัทต้องการจะดูลักษณะนิสัยว่าเป็นคนทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ไหม มีความเป็นผู้นำ หรือมีการพัฒนาตัวเองในการทำงานแค่ไหน ซึ่งถ้าเราทำกิจกรรม เราจะมีสตอรี่มาขยายได้ในการสอบสัมภาษณ์ตรงนี้ นักกิจกรรมไม่จำเป็นต้องทำมากหรือเน้นปริมาณ จะทำแค่อย่างเดียวก็ได้แต่ทำต่อเนื่องและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ให้ประสบผลสำเร็จได้ก็พอแล้ว ส่วนข้อดีอีกอย่างคือเราจะได้เพื่อนคนญี่ปุ่นซึ่งจะแนะนำเราได้มากในการหางาน
สำหรับระยะเวลาในการเตรียมตัวนั้น จะมีถึงประมาณเดือนมกราคมของปีก่อนปีสุดท้ายที่จะจบ เพราะบริษัทญี่ปุ่นจะเริ่มให้ยื่นใบรับสมัครงานตั้งแต่เดือนมีนาคมของปีก่อนปีสุดท้ายที่จะจบและเริ่มสัมภาษณ์ตั้งแต่นั้นเลย
เพราะฉะนั้นเราต้องมีเอกสารพร้อมตั้งแต่เวลาที่ให้เริ่มยื่นใบสมัคร ถ้าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงส่วนมากมิถุนายนก็จะสอบสัมภาษณ์รอบสุดท้ายเสร็จและประกาศผลแล้ว ซึ่งถ้าใครได้งานก็ขอแสดงความยินดีได้เลยว่าเหลือแค่ตั้งใจเรียนปีสุดท้ายให้จบ และไปเที่ยวช่วงปิดเทอมก่อนเข้าทำงานได้เลยค่ะ ส่วนวิธีเขียนใบสมัครวิธีเตรียมตัวสอบเตรียมตัวสัมภาษณ์ผู้เขียนจะไม่อธิบายมากเพราะคิดว่าสามารถหาซื้อหนังสืออ่านเองได้
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็จะเห็นว่าการเตรียมพร้อมเพื่อหางานที่ญี่ปุ่นไม่ยากเลยใช่ไหมคะ เพราะมันคือการใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยในเมืองไทยเลย แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าต้องทำแบบที่ผู้เขียนบอกมาเท่านั้นถึงจะหางานได้ เพราะบางคนก็อาจจะมีทักษะพิเศษอื่นๆที่โดดเด่นที่เป็นที่ต้องตาของบริษัทก็ได้ หรือถ้าใครมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน สิ่งที่บริษัทพิจารณาก็จะต่างออกไป
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้เขียนขอให้ใช้เวลาในญี่ปุ่นให้คุ้มค่าที่สุด และอย่าให้ความเหงา ความหนาวและความยากลำบาก มาทำให้เราลืมเป้าหมายและความตั้งใจในการมาญี่ปุ่นในครั้งแรกของเราค่ะ
ผู้เขียน : 2,861.9 ไมล์จากพระนคร
– ปริญญาตรี : คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
– หลักสูตรภาษาญี่ปุ่น : College of Business and Communication (CBC)
– ปริญญาโท : Global Information and Telecommunication Institute , Waseda University
– ปัจจุบัน ทำงานอยู่ในบริษัท Telecommunication ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศญี่ปุ่นเจเอ็ดดูเคชั่น
เป็นสำนักงานตัวแทนในประเทศไทยของสถาบันโดยตรง เปิดตั้งแต่ปีค.ศ.1999 ดำเนินการสมัคร เรียนต่อญี่ปุ่น ครบครันทุกขั้นตอน สมัครเรียนกับโรงเรียนที่เจเอ็ดดูเคชั่นเป็นตัวแทน เหมือนการสมัครเรียนกับโรงเรียนที่ญี่ปุ่นโดยตรง ไม่คิดค่าดำเนินการใดๆ
รับรองโดยสมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA)
ติดต่อสอบถาม-ปรึกษาเรื่องเรียนต่อญี่ปุ่น
โทร. 02-267-7726
email : [email protected]
ขอข้อมูลเพิ่มเติม คุยกับเจ้าหน้าที่ คลิกเลย >> https://bit.ly/jed-line
ทำงานที่ญี่ปุ่นเงินเดือน1แสน ต้องทำอะไรบ้าง? คนไทยในญี่ปุ่น | kinyuud
แชร์วิธีการ ทำงานที่ญี่ปุ่นเงินเดือน 1แสนบาท
.
บอกหมดไม่มีกั๊ก👍🏻 รับรองว่าละเอียดกว่าหมูสับ
.
เรื่องที่เล่าในคลิปเป็นประสบการณ์จริง
ของตัวกิ๊กทั้งหมด
.
อยู่ที่ญี่ปุ่นทำงานอะไร?
เงินเดือนเท่าไหร่?
ต้องทำอะไรบ้าง?
.
และคำถามยอดฮิต
งานที่ญี่ปุ่นเงินเดือน100,000บาท จริงไหม?
ตอบเลยว่า จริง❗️
.
แต่จะต้องทำอย่างไง?
กิ๊กอธิบายไว้ในคลิปเรียบร้อยแล้วนะทุกคน
.
หวังว่าจะมีประโยชน์นะคะ🇯🇵🙏🏼😊
.
ฝากติดตามเพจเล็กๆด้วยนะคะ🙏🏻💙
FB: กินอยู่ดีเที่ยวอยู่ได้
https://www.facebook.com/KinyuuD/
.
💙IG :: KINYUUD
https://instagram.com/kinyuud?r=nametag
.
kinyuud
กินอยู่ดีเที่ยวอยู่ได้
ทำงานที่ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น ย้ายประเทศกันเถอะ ทำงานญี่ปุ่น
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่
ค่าแรงปี2021เงินเดือนในญี่ปุ่นทำงานผ่านบริษัทจัดหางานได้เท่าไหร่??
ค่าแรงปี2021เงินเดือนในญี่ปุ่น
ตัวไกล ใจฮักมั่น – ไผ่ พงศธร (เพลงพิเศษ DEMO Version)
เพลง : ตัวไกล ใจฮักมั่น
คำร้อง/ทำนอง : หนุ่ม บัณฑิต
เรียบเรียง : สวัสดิ์ สารคราม
บ่ได้ไปหา เพราะว่ายากงานที่ทำ
บ่ได้ใจดำ ยังคึดนำตัวน้องคือเก่า
บ่ได้เปลี่ยนไป หัวใจอ้ายยังห่วงเจ้า
บ่ได้ปล่อยให้เหงา เสาร์อาทิตย์ติดงานโอที
ได้แต่โทรหา น้องคงจะไม่ว่ากัน
บ่เคยเปลี่ยนผัน สัญญาฮักมั่นคนดี
บ่ได้กั๊กมีกิ๊ก บ่ได้หลีกสัญญาที่มี
ย้อนงานยุ่งอีหลี คนดีอย่าเคียดอ้ายเด้อ
โทรหาสู่มื่อ เจ้ามาคือน้อยใจเฮ็ดหยัง
หยุดงานวันว่าง จะเดินทางเพื่อไปพบเจอ
อย่ามาสงสัย ว่าอ้ายมีใครแทนเธอ
ฮักมั่นเสมอ บ่เคยเผลอสิคิดนอกใจ
งานยากอีหลี บ่ได้หนีไปมีผู้สาว
เชื่อใจโลดใจโลดเจ้า อ้ายก็เหงายามเราห่างไกล
ยามบ่ยากหลาย อ้ายสิฟ้าวไปหาทันใด
ให้น้องรอหน่อยได้ไหม ว่างงานวันใดสิไปพ้อหน้า
()
6 ช่องทาง ที่สามารถไปทำงานต่างประเทศได้I ไปได้ตั้งแต่ 15-35 ปี
การไปทำงานในต่างประเทศนั้นไม่อยากอีกต่อไป วันนี้เปียโนมีช่องทางที่สามารถเข้าไปทำงานได้อย่างถูกกฏหมาย และอยู่ได้นานถึง 2 ปีเลยทีเดียว
สำหรับใครที่มีคำถาม ถามได้เลยนะคะ และถ้าเราพูดอะไรผิดไปต้องขออภัยด้วยค่ะ อาจจะไม่ละเอียด
ขออนุญาติรูปภาพด้วยนะคะ
เล่าประสบการณ์ทำงานที่ญี่ปุ่น🇯🇵 | kinyuud
เล่าประสบการณ์ทำงานที่ญี่ปุ่น🇯🇵
.
ตั้งแต่มีกระแส ย้ายประเทศกันเถอะ
มีคนส่งข้อความมาถามเรื่องนี้เยอะมาก
ซึ่งกิ๊กเองก็เป็นอีก 1คนที่ทำงานที่ต่างประเทศ
.
เรื่องที่กิ๊กเล่าในวันนี้เป็นประสบการณ์จริงของตัวกิ๊กเอง
จึงอยากให้ทุกคนดูและฟังไว้เป็นข้อมูล
ส่วนย้ายดี หรือไม่ย้ายดี
เรื่องนี้กิ๊กคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจ
เพราะกิ๊กคิดว่า ไม่มีใครสามารถตอบแทนใครได้🙏🏼
.
.
🔺คลิปที่เกี่ยวข้อง
ทำงานญี่ปุ่นครั้งแรกต้องเริ่มจากอะไรก่อน EP.1
https://youtu.be/uELN_nQszb4
.
🔵FB: กินอยู่ดีเที่ยวอยู่ได้ (KinyuuD)
https://www.facebook.com/KinyuuD/
.
รูปสวยๆดูได้ที่
💙IG :: KINYUUD
https://instagram.com/kinyuud?r=nametag
.
ทำงานญี่ปุ่น
ทำงานต่างประเทศ
KINYUUD
กินอยู่ดีเที่ยวอยู่ได้
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE
ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ อยาก ทํา งาน ที่ ญี่ปุ่น