(ฉบับรวบรัด!!) 8 ขั้นตอน เขียนอีเมล์สมัครงานภาษาอังกฤษ

ไหนใครไม่เคยส่งอีเมลสมัครงานเป็นภาษาอังกฤษบ้าง ยกมือขึ้น! …โอ้โห เยอะเหมือนกันนะครับเนี่ย แต่ขอบอกเลยครับว่าเรื่องนี้ “จำเป็นต้องรู้” เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่าบริษัทต่างชาติหรือบริษัทไทย ก็มักจะให้คุณส่งอีเมลเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้นแหละ …งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า ว่า 8 ขั้นตอนมีอะไรบ้าง

 

 

ขั้นตอนที่ 1 : ระบุชื่อเรื่องอีเมลให้ชัดเจน ชัดเจน ชัดเจน!

 

หัวข้ออีเมลเป็นจุดแรกที่ HR เริ่มพิจารณาว่าจะ “เปิดอ่าน” หรือ “คัดออก” เพราะถ้าคุณเขียนแบบ “ไม่มืออาชีพ” หรือ “เขียนผิด” ตั้งแต่หัวข้อ HR คงกดลบอีเมลคุณทิ้งอย่างไม่ใยดี

 

ตัวอย่างประโยคที่ควรใช้ :

– Apply for (ชื่อตำแหน่ง) Position – (ชื่อ-นามสกุล)

– หรือแค่ (ชื่อตำแหน่ง) Position – (ชื่อ-นามสกุล)

สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความแบบนี้แหละครับ

 

 

ขั้นตอนที่ 2 : เขียนวันที่ให้ถูกต้อง

 

ข้อที่สองนี้ บางคนอาจจะสงสัยว่า “จำเป็นต้องเขียนวันที่ด้วยเหรอ” ดูที่ตัวอีเมลเอาก็ได้มั้ง ก็จริงอยู่ว่า HR สามารถดูวันที่จากอีเมลที่คุณส่งไปได้ แต่คงจะดีกว่าถ้าเปิดมาแล้วพบคุณเริ่มต้นด้วยการเขียนวันที่เพื่อย้ำเตือนว่าอีเมลของคุณถูกส่งมาตั้งแต่วันไหน เพื่อ HR จะได้เห็นชัดๆ และพอจะทราบได้ทันทีว่าอีเมลสมัครงานของคุณ เป็นอีเมลที่เพิ่งถูกส่งมาใหม่ๆ ไม่ใช่อีเมลที่ค้างคาอยู่ในแอ็กเคานต์ที่ HR ลืมเปิดเอง

 

ตัวอย่างการเขียนวันที่ :

– 11 March 2018

– March 11, 2018

 

 

ขั้นตอนที่ 3 : ชื่อผู้รับ ตำแหน่ง ชื่อบริษัท

 

คุณจะสมัครงานที่บริษัทไหนก็ควรจะระบุชื่อบริษัทลงไปด้วย ไม่ควรเขียนเหมือนกันทุกอีเมลแล้วฟอร์เวิร์ดไปทีเดียว 10 บริษัท เพราะมันดูไม่เป็นมืออาชีพและดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจ หรือไม่อยากได้งานนี้จริงๆนะครับ ฉะนั้นจุดที่สามนี้คุณควรระบุชื่อผู้รับ (ในกรณีที่คุณทราบว่าส่งให้ใคร) ระบุตำแหน่ง และชื่อบริษัทให้ถูกต้อง

 

ตัวอย่างการเขียนชื่อผู้รับ :

– Mr./Mrs./Ms. (ชื่อ-นามสกุล)

– Human Resources Manager

– XYZ Company

 

 

ขั้นตอนที่ 4 : เปิดประโยคอย่างสุภาพชน

 

คนไทยเรามักจะนึกไม่ค่อยออกว่าควรจะขึ้นต้นจดหมายว่าอะไร เพราะในภาษาพูดเราก็ใช้ “Good morning / Hello / Hi” ซึ่งคำเหล่านี้มักจะไม่ใช้ในการเขียนอีเมล คำที่ควรใช้นั้นจริงๆแล้ว คือคำว่า “Dear” นั่นเอง

 

ตัวอย่างประโยคที่ควรใช้ :

– Dear Mr. / Mrs. / Ms. (ชื่อผู้รับ)

– ถ้าไม่ทราบชื่อผู้รับก็ Dear Mr. / Mrs. / Ms. เฉยๆก็ได้ครับ

– หรือจะใช้ Dear Contact Person แบบนี้ก็ได้ครับ

 

 

ขั้นตอนที่ 5 : บอกเขาว่าคุณส่งมาสมัครงาน

 

แน่นอนว่าเมื่อเริ่มเข้าสู่เนื้อหาจดหมายแล้ว คุณควรพิมพ์แจ้งว่าคุณส่งอีเมลนี้มาเพื่อวัตถุประสงค์อะไร คุณสนใจสมัครตำแหน่งอะไร และอาจบอกเพิ่มว่าคุณไปเห็นตำแหน่งนี้มาจากที่ไหน

 

ตัวอย่างประโยคที่ใช้ได้ :

– I am writing to apply for the (ชื่อตำแหน่ง) position advertised in the JobsDB.

– I’m writing to express my interest in the (ชื่อตำหน่ง) position listed on Goodjobs.com.

 

 

ขั้นตอนที่ 6 : เล่าเกี่ยวกับตัวเองคร่าวๆ

 

ก่อนที่ HR จะกดดูเรซูเม่ของเรา เราควรจะสร้างความน่าสนใจตั้งแต่ในอีเมล์เสียก่อน โดยคุณอาจทบทวนดูว่างานที่คุณกำลังสมัครนี้ต้องการทักษะหรือประสบการณ์แบบใดเป็นพิเศษหรือไม่ โดยคุณควรกล่าวถึงทักษะหรือประสบการณ์นั้นๆ เพื่อทำให้โปรไฟล์ของคุณดูน่าสนใจ และยังเป็นการสร้างความสนิทสนมกับผู้รับอีเมลในขั้นแรกอีกด้วย

 

ตัวอย่างการแนะนำตัว :

The opportunity presented in this job description is very interesting, and I believe that my experience and my educational background will make me a very competitive candidate for this position.

 

With a MBA degree in Finance and Investment, I have a full understanding of the Business Finance and I also have experience in Accounting.

 

นอกจากการพูดข้อดีของเราที่เหมาะสมกับตำแหน่งแล้ว ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อน ก็ควรบอกด้วยว่ามี Experiance อะไรบ้างโดยลิสต์เป็นข้อๆ ว่าทำงานอะไรมา รับผิดชอบโปรเจ็คท์อะไร เป็นต้น

 

และถ้าหากคุณมีเอกสารแนบ เช่น เรซูเม่ พรีเซนเทชั่น ใบรับรอง หรือตัวอย่างพอร์ทผลงานของคุณ สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้ว่า “I am enclosing a completed job application, my certification, my resume, and my portfolio.” คุณได้แนบใบสมัครที่กรอกแล้ว ใบรับรอง/ใบประกาศ เรซูเม่ และพอร์ทฟอลิโอมาด้วย

 

 

ขั้นตอนที่ 7 : จบอีเมลด้วยการขอบคุณและบอกช่องทางการติดต่อกลับ

 

หลังจากที่เราบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองคร่าวๆ เราควรจบอีเมลด้วยประโยคเช่น “Please see my resume for additional information on my experience.” กรุณาดูเรซูเม่เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ และขอบคุณผู้รับที่สละเวลาอ่านอีเมลของคุณว่า “Thank you for your time and consideration.” ซึ่งตรงนี้เป็นมารยาทสากลที่คุณควรขอบคุณผู้พิจารณาอีเมลของคุณ หลังจากนั้นคุณควรทิ้งช่องทางการติดต่อให้กับทางบริษัท ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทร อีเมลนี้ หรือสะดวกให้นัดพบ ก็ควรแจ้งไปในอีเมล์ด้วยเลย

 

ตัวอย่างการแจ้งช่องทางติดต่อกลับ :

– I can be reached anytime via email at [email protected] or my cell phone, 099-123-4567.

– I can come and visit your office at anytime.

– I can be reach at 099-123-4567.

– I look forward to speaking with you about this employment opportunity.

 

 

ขั้นตอนที่ 8 : ลงชื่อจบสวยๆ

สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรทำ (แต่มักทำพลาดบ่อยๆ) คือการจบอีเมลด้วยคำว่า Thank you ซึ่งเป็นคำที่ดูไม่เป็นทางการ ไม่เหมาะสมสำหรับการติดต่อเรื่องงาน ซึ่งคำที่ควรใช้ก็มีให้เลือกอยู่หลายคำ

ตัวอย่างคำที่ควรใช้ :

– Best regards,

– Yours sincerely,

– Yours faithfully,

– Sincerely,

และลงท้ายด้วยชื่อ-นามสกุลของคุณ

เท่านี้ก็ดูเป็นทางการแล้วครับ!

 

 

ครบแล้ววว 8 ขั้นตอน อ่านจบปุ๊บ เขียนอีเมล์สมัครงานเป็นปั๊บ!

แต่หากคุณต้องการที่จะเรียนรู้การเขียนอีเมลให้ครบทุกประเภทของอีเมล ไม่ว่าจะเป็นอีเมลติดต่อลูกค้า อีเมลสอบถาม การตอบรับอีเมลผู้อื่น รวมทั้งการเลือกใช้ภาษาที่เป็นทางการในการเขียนอีเมล Globish มีคอร์ส Business Email Writing ที่จะช่วยให้คุณเขียนอีเมลได้อย่างมืออาชีพ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/35qNiT3

 

 

          ตำแหน่งงาน Sales (งานขาย) เป็นตำแหน่งงานที่เป็นหัวใจหลักของบริษัท ผู้ที่ทำงานตำแหน่งนี้ต้องเป็นคนที่ค่อนข้างมีไหวพริบ เรียนรู้ไว และแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี อีกทั้งต้องมีความสามารถในการโน้มน้าวใจลูกค้าให้มาซื้อสินค้าและบริการของบริษัทได้ ผู้ที่มองหางาน Sales ต้องสำรวจความพร้อมของตัวเองก่อนว่ามีมากน้อยขนาดไหน

          สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงในการสมัครงาน Sales คือ เรซูเม่สมัครงาน ต้องเขียนอย่างไรจึงจะออกมาดี เรซูเม่สมัครงานถ้าจะให้ดีต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เพราะมีประโยชน์หลายด้านต่อการสมัครงาน ผู้ที่จะสมัครงาน Sales ต้องเรียนรู้ทักษะการเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษก่อนว่ามีอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการสมัครงาน และนายจ้างเกิดความประทับใจ

          หากเราคือคนที่กำลังจะสมัครงาน Sales เราต้องรู้ว่าวิธีการใดเป็นวิธีที่ดีทีสุดในการนำเสนอตัวเอง เพราะเราคือคนเดียวที่รู้ว่าอะไรคือจุดแข็ง และจุดอ่อนของเรา เราควรดึงข้อมูลส่วนใดบ้างมาเขียน แต่จะเขียนอย่างไรให้น่าสนใจ และมีส่วนใดบ้างในเรซูเม่ที่เราต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษนั้น ลองเรียนรู้จากเคล็ดลับการเขียนเรซูเม่สมัครงาน Sales ภาษาอังกฤษกันดู เผื่อจะได้นำไปใช้เป็นไอเดียเขียนเรซูเม่สมัครงานคราวหน้า

บอกจุดประสงค์ในการสมัครงาน (Objective)

          การบอกจุดประสงค์ในการสมัครงาน (Objective) เป็นการบอกเป้าหมายในการสมัครงานของเรา อีกทั้งยังเป็นการแจ้งให้ผู้ที่สัมภาษณ์งานรู้ว่าเราต้องการสมัครงานในตำแหน่งอะไร และมองหางานที่มีรูปแบบเช่นไร เราสมารถเขียนเป็นภาษาอังกฤษอย่างสั้น ๆ ได้ว่า Objective: A position in travel industry, with a focus on sales and client relations. ประโยคเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่าง เราควรเปลี่ยนให้ตรงกับจุดประสงค์ และตำแหน่งงานที่เราจะสมัครด้วย

ให้ข้อมูลส่วนตัว (Profile) ที่จำเป็น

          ในส่วนนี้เป็นการแนะนำตัวคร่าว ๆ เกี่ยวกับประวัติส่วนตัวที่นายจ้างควรรู้ เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ สัญชาติ ที่อยู่ และช่องทางที่สามารถติดต่อได้ โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเขียนเป็นหัวข้อย่อยเล็ก ๆ ให้อ่านง่าย แต่เราก็สามารถเขียนเพิ่มเติมเป็นย่อหน้าเล็ก ๆ ได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้ แต่ไม่ควรเขียนให้ยาวจนเกินไป เพราะจะทำให้เรซูเม่ของเราดูน่าเบื่อ และไม่ดึงดูดใจให้อ่าน

          Accomplished sales professional with more than 10 years of experience managing sales, marketing. I am a self-motivated individual with a record of building revenue and driving market share. Successful in identifying opportunities which build a sales pipeline to ensure continuous population of near and long-term possibilities.

          ข้อมูลเหล่านี้เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานทั้งหมดของเรา ไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์การทำงาน เราเคยทำงานมากี่ปี มีความถนัดด้านใดเป็นพิเศษ หรือประสบความสำเร็จด้านใดบ้างในการทำงานที่ผ่านมา

ประสบการณ์ในการทำงาน (Work Experiences)

          ในส่วนนี้เป็นการบอกเล่าเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบที่ผ่านมาของเรา ว่าเราเคยทำงานที่ใดบ้าง มีอายุงานทั้งหมดกี่ปี และทำงานในตำแหน่งใด ต้องรับผิดชอบงานอย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดความน่าสนใจ และอ่านง่าย สบายสายตา อีกทั้งยังมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เราควรเขียนเป็นหัวข้อย่อยเรียงตามลำดับ และเรียงตามช่วงเวลาลงมา เช่น

Work Experiences

2012 – Present                   A Company, Ltd.

                                             Sales Executive

                                             – Prepared product price lists related to sales

                                             – Followed up projects in accordance with customers

                                                – Verified manufactured products prior to their delivery

ข้อมูลด้านการศึกษา (Education)

          เราควรให้ข้อมูลในส่วนของการศึกษาของเราว่าเคยเรียนจบมาจากที่ใด ในปีใด และได้รับวุฒิการศึกษาใด นอกจากนี้เรายังสามารถใส่ข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกอบรมลงไปได้ด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเขียนให้อ่านง่าย และมีระเบียบก็จะทำให้เรซูเม่ของเราได้รับความสนใจ ในการเขียนข้อมูลด้านการศึกษาให้ใช้หลักการเดียวกับการเขียนเกี่ยวกับประสบการณ์การทำงาน คือ ในเรียงลงมาตามปี จากนั้นค่อยเขียนเป็นหัวข้อย่อยสำหรับรายละเอียดของหลักสูตรที่เราเรียน

          การเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษ แทบจะไม่มีความแตกต่างจากเรซูเม่ภาษาไทยเลย หากแต่เราต้องมีความรอบคอบในการเลือกใช้คำ เพราะคำบางคำอาจจะสื่อความหมายที่ผิดได้ ทางที่ดีควรตรวจทานเรื่องไวยากรณ์ภาษาอังกฤษให้ดีอีกรอบหนึ่งก่อนจะมีการส่งเรซูเม่สมัครงาน เมื่อไม่มั่นใจให้ลองหาผู้ที่มีประสบการณ์มาช่วยตรวจทานด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้มีมากขึ้น

New jobs every day means new opportunities. Don’t miss out. Create a Job Alert

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

การเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษสำคัญอย่างไร

เคล็ดลับน่ารู้ในการเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษ

การเขียนเรซูเม่สมัครงาน Marketing ให้โดนใจนายจ้าง