Skip to content
Home » [NEW] จัดเต็ม! รวมทุนเรียนต่อนอก ระดับม.ปลายและปริญญาตรี ฉบับอัปเดตปี 2020 | เรียน ม ปลาย ต่าง ประเทศ – NATAVIGUIDES

[NEW] จัดเต็ม! รวมทุนเรียนต่อนอก ระดับม.ปลายและปริญญาตรี ฉบับอัปเดตปี 2020 | เรียน ม ปลาย ต่าง ประเทศ – NATAVIGUIDES

เรียน ม ปลาย ต่าง ประเทศ: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

เคยมั้ย เวลาเห็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนแชร์ประสบการณ์ไปแลกเปลี่ยนลงเฟซบุ๊ก หรือดูหนังวัยรุ่นต่างประเทศบน Netflix ทีไร ก็อดคิดตามไม่ได้ว่า มันจะดีแค่ไหนกันนะ ถ้าเรามีโอกาสได้ไปเรียนต่างประเทศบ้าง วันนี้เราอยากชวนเพื่อน ๆ มาเปลี่ยนความฝันเหล่านั้นให้เป็นความจริงกัน เพราะเราจะพาไปรู้จักกับทุนเรียนต่อต่างประเทศ ทั้งระดับมัธยมศึกษาและระดับมหาวิทยาลัยทั่วโลกกัน หลายทุนเป็นทุนเต็มจำนวน แถมยังให้เปล่าไม่มีข้อผูกมัดด้วย มาทำความรู้จักกันไว้ก่อน เพื่อเตรียมพร้อมสมัครตั้งแต่เนิ่น ๆ กันเถอะ!

Table of Contents

ทุนระดับมัธยมศึกษา

สิงคโปร์

  • ASEAN Scholarship

เริ่มต้นที่ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างสิงคโปร์ ทุน ASEAN Scholarship จากกระทรวงศึกษาธิการประเทศสิงคโปร์ (MoE) นี้เป็นทุนให้เปล่า ไม่มีข้อผูกมัด สำหรับนักเรียนไทยระดับมัธยมที่มีผลการเรียนดี มีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษที่ดี และมีประสบการณ์การทำกิจกรรมนอกห้องเรียน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1. ทุน ASEAN Secondary 3 Scholarship
เป็นทุนระยะเวลา 4 ปี สำหรับเข้าศึกษาต่อในระดับ Secondary 3 เป็นเวลา 2 ปี และต่อระดับ Junior College อีก 2 ปี โดยผู้สมัครมีผลการเรียนในระดับชั้นม.1 – ม.2 หรือชั้นม.2 – ม.3 สูงกว่า 3.00 ขึ้นไป

2. ทุน ASEAN Pre-University Scholarship 

เป็นทุนระยะเวลา 2 ปี สำหรับเข้าศึกษาต่อในระดับ Junior College โดยผู้สมัครต้องมีผลการเรียนในระดับชั้นม.3 – ม.4 หรือชั้นม.4 – ม.5 สูงกว่า 3.00 ขึ้นไป

มูลค่าทุน ครอบคลุมค่าใช้จ่ายตั้งแต่ ค่าใช้จ่ายรายปี ค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายช่วงปรับตัวหลังย้ายเข้าใหม่ ค่าโดยสารเครื่องบิน ค่าเล่าเรียน ค่าสมัครสอบ GCE O-level และ A-level ไปจนถึงค่าประกันอุบัติเหตุและเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลเลยทีเดียว ซึ่งทุนทั้ง 2 ประเภทจะได้รับการต่ออายุเป็นรายปี ขึ้นอยู่กับผลการเรียนของผู้รับทุน

ช่วงเวลารับสมัครทุน

การรับสมัคร ต้นเดือนมี.ค. – ต้นเดือนพ.ค. ของทุกปี

การสัมภาษณ์ เดือนก.ค. (โดยผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก จะได้รับแจ้งเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนการสัมภาษณ์ในเดือน ก.ค. ประมาณ 1 อาทิตย์)

การประกาศผล เดือนก.ย.

สิงคโปร์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของการศึกษาที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่าทุนให้เปล่าที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายครบครันขนาดนี้ ย่อมมีการแข่งขันสูงเป็นธรรมดา เพื่อน ๆ บางคนอาจกังวลว่า ถ้าผลการเรียนเราไม่ได้สูงลิ่วเด่นกว่าคนอื่นเขา จะมีสิทธิ์สมัครไหมนะ เราขอบอกเลยว่าอย่าพึ่งถอดใจไปค่ะ มีรุ่นพี่ที่เคยได้รับทุนแอบกระซิบมาว่า ทุนนี้เขามองหาเด็กที่โดดเด่นมากกว่าแค่เรื่องเรียน มุ่งเปิดโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนที่มีทักษะความเป็นผู้นำ รู้จักการคิดวิเคราะห์ และมีใจรักในการพัฒนาตนเอง เพราะฉะนั้น ใครเคยทำกิจกรรมอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะชมรมเอย การแข่งขัน หรือกิจกรรมจิตอาสา  มีของอะไรจะมาขาย จัดไปอย่าให้ขาดแม้แต่ข้อเดียวเลยนะ!

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.moe.gov.sg/admissions/scholarships/asean/thailand

 

สหราชอาณาจักร

  • ทุน inspire! scholarship

ขยับมายังโซนยุโรปกันบ้าง สำหรับใครที่ชื่นชอบสำเนียงผู้ดีสไตล์บริทิช ต้องมารู้จักกับทุน inspire! นี้เลย โดยทาง British Council Thailand เป็นผู้ประสานงานร่วมกับโรงเรียนผู้ให้ทุนทั่วสหราชอาณาจักรในแต่ละปี ซึ่งทุนนี้มี 2 ประเภทด้วยกัน คือ ทุนระยะเวลา 2 สัปดาห์ และทุนการศึกษาเต็มหลักสูตร ระยะเวลา 2 ปีเลยทีเดียว!

ซึ่งการสมัครทุนนี้ก็ง่ายแสนง่าย ไม่จำกัดผลการศึกษาเลยด้วย เพียงแค่เพื่อนๆ อัดคลิปตัวเองพูด speech ความยาว 1-2 ในหัวข้อที่กำหนด ส่งไปทาง British Council เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย โดยหัวข้อสุนทรพจน์ในแต่ละปี จะมีความเกี่ยวข้องกับชื่อทุน “inspire” และสหราชอาณาจักร เช่น “what inspires you the most about the UK (อะไรคือสิ่งที่ให้แรงบันดาลใจคุณมากที่สุดเกี่ยวกับสหราชอาณาจักร)” หรือ “One person in the UK who inspires me the most (บุคคลในสหราชอาณาจักรที่ให้แรงบันดาลใจฉันมากที่สุด)” ขอแค่ว่าเนื้อหาที่พูดนั้นเพื่อนๆ เป็นคนเรียบเรียงขึ้นมาเองก็พอ

โดยโรงเรียนที่ร่วมมอบทุนจะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี ซึ่งทุนดังกล่าวก็มีรูปแบบที่หลากหลาย  ตั้งแต่คอร์สเรียนภาษาระยะสั้นฟรี 2 อาทิตย์ ไปจนถึงทุนการศึกษาระดับ A-level ตลอด 2 ปีเลยทีเดียว โดยบางโรงเรียนอาจสนับสนุนแค่ค่าเล่าเรียน แต่บางทุนก็ครอบคลุมไปถึงค่าที่พักและค่ารถรับส่งเลยนะ 

มีรุ่นพี่ที่เคยได้รับทุนแอบกระซิบมาอีกแล้วว่า แม้เงื่อนไขการสมัครจะมีแค่ตัวสุนทรพจน์ แต่การออกแบบและถ่ายทำคลิปให้น่าสนใจ ก็สร้างความประทับใจให้โรงเรียนผู้มอบทุนได้ไม่น้อยเลยนะ 

ช่วงเวลารับสมัครทุน: เดือนต.ค.หรือพ.ย. – ม.ค.หรือก.พ. (เปลี่ยนแปลงในแต่ละปี)

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.britishcouncil.or.th/inspire-scholarships หรือ Facebook Fanpage ของ British Council Thailand

 

อื่นๆ

  • United World College: UW

จะดีแค่ไหนถ้าเรามีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนที่มีการศึกษาชั้นเลิศ พร้อมใช้ชีวิตวัยรุ่นทั้งในและนอกห้องเรียนร่วมกับเพื่อนๆ จาก 150 กว่าประเทศทั่วโลก! ขอพาทุกคนมารู้จักกับ United World College (UWC) องค์กรทางการศึกษาที่เปิดโอกาสให้นักเรียนอายุ 16-18 ปีจากทั่วทุกมุมโลก ได้มีโอกาสมาเรียนในระดับ International Baccalaureate (IB) ด้วยกันที่วิทยาลัย 18 แห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสาขาที่อเมริกา สวีเดน เยอรมนี ญี่ปุ่น และอีกมากมาย รวมถึงประเทศไทยเองด้วย ซึ่งโควตาโรงเรียนที่เปิดให้ทุนจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปในแต่ละปี

UWC จะคัดเลือกเยาวชนที่มีความรู้ความสามารถ มีทัศนคติที่เปิดกว้าง รับฟังความแตกต่าง และพร้อมที่จะปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น ให้มาเรียนรู้ร่วมกัน โดยไม่คำนึงถึงฐานะทางเศรษฐกิจ ศาสนา เชื้อชาติ หรือภูมิหลังของนักเรียน โดยเพื่อนๆ ที่สนใจสมัครทุน UWC ต้องจบอย่างน้อยชั้นม.3 หรือกำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมปลายและยังไม่จบชั้นม.6 และมีผลการเรียนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3.25 

ทุน UWC ก็เป็นอีกหนึ่งทุนที่ให้ความสำคัญกับความแตกต่างหลากหลายของนักเรียนแต่ละคนมาก ที่สำคัญเลย จุดประสงค์ขององค์กร คือการสร้างสังคมแห่งสันติภาพ โดยเริ่มจากการบ่มเพาะเยาวชนให้มีความเข้าอกเข้าใจ และยอมรับความแตกต่างซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้น นอกเหนือจากผลการเรียนเริ่ดๆ แล้ว ใครมีประสบการณ์ทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นทั้งในและนอกรั้วโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นจิตอาสาเอย เป็นกรรมการชมรมที่ต้องติดต่อกับฝ่ายอื่นๆ ในโรงเรียน หรือกระทั่งการแข่งขันสายบันเทิงอย่างดนตรีหรือบีตบ็อกซ์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นโพรไฟล์ที่น่าสนใจได้ทั้งสิ้น อย่าลืมใส่ไปให้ครบเลยนะคะ

ช่วงเวลารับสมัครทุน: เดือนพ.ย. – ม.ค. ของทุกปี

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.th.uwc.org/

 

ทุนระดับปริญญาตรี

ญี่ปุ่น

  • ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น (Monbukagakusho: MEXT)

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีความชื่นชอบในประเทศญี่ปุ่น ห้ามพลาดทุนยอดนิยมอย่างทุนรัฐบาลญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “ทุนมง” เป็นอันขาดเลยนะ เพราะทุนมงที่ว่านี้ เป็นทุนเต็มจำนวนไม่มีข้อผูกมัด ซึ่งทางรัฐบาลญี่ปุ่นมอบให้นักเรียนต่างชาติที่สนใจในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ได้มีโอกาสมาเรียนและใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นตามที่ใฝ่ฝัน ซึ่งในความจริงแล้วทุนมงนั้นมีหลายประเภทมาก แต่หนึ่งในทุนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็คือทุนระดับปริญญาตรีนั่นเอง

ทำไมทุนมงถึงเป็นทุนยอดฮิต? เพราะทุนมงได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาลญี่ปุ่นโดยตรง แถมมูลค่าทุนยังครอบคลุมตั้งแต่ค่าเล่าเรียนตลอด 5 หรือ 7 ปี (ขึ้นอยู่กับคณะที่เลือกเรียน) ไปจนถึงเงินค่าครองชีพรายเดือน และค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับระหว่างประเทศอีกด้วย

ผู้ที่สนใจสมัครสอบทุนมง ต้องจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (หรือกำลังจะจบ หมายความว่าสามารถสมัครสอบได้ตั้งแต่อยู่ม.6 เลยนั่นเอง) และมีเกรดเฉลี่ยอย่างน้อย 3.50 เว้นเสียแต่ว่ามีผลการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น JLPT ยิ่งมีผลการสอบระดับสูงเท่าไร ก็สามารถใช้เกรดที่น้อยกว่าในการสมัครสอบได้ลดหลั่นกันไป (ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถตรวจสอบเกณฑ์ได้ตามนี้เลย)

โดยการสมัครสอบจะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก คือ การส่งใบสมัคร การสอบข้อเขียน และการสอบสัมภาษณ์ ผู้สมัครสามารถเลือกคณะที่สนใจได้หลากหลาย ทั้งฝั่งคณะสายวิทย์และสายสังคม (สายศิลป์) ซึ่งคณะที่เราเลือกก็จะเป็นตัวกำหนดว่าเราต้องสอบวิชาอะไรบ้างนั่นเอง เช่น ผู้สมัครสายสังคม ต้องสอบแค่วิชาคณิตและภาษาอังกฤษ แต่ผู้สมัครสายวิทย์ ต้องสอบทั้งคณิต ภาษาอังกฤษ เคมี และฟิสิกส์ เลยทีเดียว

ตัวเลือกคณะที่ผู้สมัครสามารถเลือกได้

แม้ขั้นตอนการสมัครทุนจะมีรายละเอียดเยอะ และมีการสอบถึง 2 รอบ แต่รับรองได้เลยว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่ากับความพยายามแน่นอน ทั้งนี้ ไม่จำเป็นว่าเราต้องได้ภาษาญี่ปุ่นถึงจะมีสิทธิ์สอบทุนมงได้นะ ถึงไม่มีทักษะภาษาญี่ปุ่นเลยก็สมัครได้ไม่มีปัญหา (พูดได้แค่ไฮ่ อาริกาโตะ ซาโยนาระ ไม่นับว่าพูดได้นะเธอ!) แต่ก็มีรุ่นพี่ทุนมงกระซิบมาเหมือนกันว่า หากฝ่าฟันไปถึงรอบสัมภาษณ์ได้ การมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นก็อาจทำให้เราดูน่าสนใจขึ้นในสายตากรรมการก็เป็นได้ แต่อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้จำเป็นเสมอไป เราเชื่อว่าเพื่อน ๆ ต้องมีมุมที่น่าสนใจอีกมากมาย และอยากให้มั่นใจเอาไว้ว่า ทุนรัฐบาลญี่ปุ่นเขาไม่ได้มองหาเพียงแต่คนที่เก่ง แต่เป็นคนเก่งที่มีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งดีๆ เป็นผู้ที่สามารถเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่นได้ต่างหาก  

ช่วงเวลารับสมัครทุน: 

ส่งใบสมัคร ต้นเดือนพ.ค. – ต้นเดือนมิ.ย. ของทุกปี

สอบข้อเขียน ปลายเดือนมิ.ย.

สอบสัมภาษณ์ ปลายเดือนก.ค.

ประกาศผล ต้นเดือนส.ค.

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.th.emb-japan.go.jp/itpr_th/jis_study.html

 

เกาหลี

  • ทุนรัฐบาลเกาหลี (Global Korea Scholarship: GKS)

จากเจป๊อบ หันมาเอาใจแฟนคลับเคป๊อบกันบ้าง กับทุนเต็มจำนวนส่งตรงจากแดนกิมจิอย่าง Global Korea Scholarship หรือทุนรัฐบาลเกาหลี ที่ครอบคลุมตั้งแต่ค่าเล่าเรียน ค่าครองชีพรายเดือน ค่าใช้จ่ายช่วงปรับตัวหลังย้ายเข้าใหม่ ค่าโดยสารเครื่องบิน ค่าประกันสุขภาพ ค่าเรียนคอร์สภาษาเกาหลี ไปจนถึงเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษารูปแบบต่าง ๆ อย่างครบถ้วน ไม่แปลกใจที่เป็นอีกหนึ่งทุนในฝันที่เด็กไทยหลาย ๆ คนหมายตาไว้เลย

โดยการสมัครทุนรัฐบาลเกาหลีแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอนหลัก คือ การยื่นใบสมัคร และการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งแบ่งตามวิธีสมัคร 2 รูปแบบ ได้แก่ Embassy Track หรือประเภทสมัครผ่านสถานทูต ซึ่งทางรัฐบาลเกาหลีมีโควตาสำหรับนักเรียนไทยทั้งสิ้นปีละ 3 คน โดยผู้สมัครสามารถเลือกเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเกาหลี 63 แห่ง และต้องส่งใบสมัครไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ในขณะที่ Regional Universities Track หรือประเภทสมัครโดยตรงต่อมหาวิทยาลัยประจำภูมิภาค ผู้สมัครสามารถเลือกเข้าศึกษาในสาขาด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและวิศวกรรมศาสตร์ได้ ที่มหาวิทยาลัยประจำภูมิภาค 38 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งมีโควตาสำหรับนักเรียนไทยปีละ 2 คน โดยในการสมัครรูปแบบนี้ ผู้สมัครต้องศึกษารายละเอียด และดำเนินการส่งเอกสารไปยังมหาวิทยาลัยที่เลือกสมัครด้วยตนเอง

สำหรับเงื่อนไขในการสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี ขอบอกเลยว่าไม่โหดเท่าทุนอื่น ๆ เลย เพราะเงื่อนไขหลักมีเพียงว่าเป็นผู้จบการศึกษา (หรือกำลังจะจบ) ระดับมัธยมปลาย และมีเกรดเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.64 เพียงเท่านั้นเอง เพียงแต่มีเงื่อนไขว่าผู้สมัครต้องจบการศึกษาภายใน 1 มี.ค. ของปีที่สมัครเท่านั้นถึงจะมีสิทธิสมัครได้ ทั้งนี้ก็เพราะมหาวิทยาลัยในเกาหลีเปิดเรียนเร็วกว่าที่ไทย จึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องไทม์ไลน์การสมัครเป็นพิเศษนั่นเอง

ช่วงเวลารับสมัครทุน: 

ส่งใบสมัคร ต้นเดือนก.ย. – ต้นเดือนต.ค. ของทุกปี

สอบสัมภาษณ์ ปลายเดือนต.ค.

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.studyinkorea.go.kr/en/sub/gks/allnew_invite.do

 

จีน

  • ทุนรัฐบาลจีน (Chinese Government Scholarships: CGS)

ทุนรัฐบาลจีน เป็นทุนที่ดูแลโดย China Scholarship Council (CSC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการมอบทุนให้กับนักเรียนต่างชาติที่สนใจเข้ามาศึกษาต่อในประเทศจีนโดยตรง ซึ่งทาง CSC มอบทุนเต็มจำนวนที่ครอบคลุมทั้งค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก และค่าครองชีพรายเดือน ให้กับนักเรียนทุนต่างชาติระดับปริญญาตรีเป็นจำนวนมากในทุกปี ทุนรัฐบาลจีนนั้นไม่ได้มีหลากหลายด่านคัดเลือกสุดหินเหมือนทุนรัฐบาลประเทศอื่น แต่ก็มีความท้าทายตรงที่ว่าผู้สมัครต้องจัดการศึกษารายละเอียดและยื่นใบสมัครไปยังแต่ละมหาวิทยาลัยที่สนใจด้วยตนเอง ดังนั้น หากมั่นใจแล้วว่าตัวเองมีความสนใจในการเรียนต่อประเทศจีนจริง และพร้อมอดทนใช้ความพยายามจัดการเรื่องการสมัครไปในแต่ละขั้นตอน ก็ตามมาอ่านรายละเอียดต่อกันได้เลย

อย่างแรกสุด ทุนรัฐบาลจีนกำหนดเงื่อนไขของผู้สมัครเพียงอย่างเดียว คือ ผู้สมัครระดับปริญญาตรี ต้องมีอายุไม่เกิน 25 ปี! ส่วนเรื่องผลการเรียนนั้นไม่ได้มีกำหนดขั้นต่ำไว้เลย แต่แน่นอนว่าเกรดที่ดีก็ย่อมเป็นที่น่าประทับใจในมุมมองของมหาวิทยาลัยที่เราเลือกเป็นธรรมดา นอกจากนี้ ทาง CSC ก็ไม่ได้กำหนดว่าผู้สมัครต้องมีทักษะความรู้ทางภาษาจีนแต่อย่างใด เพราะหลักสูตรของมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการก็มีทั้งหลักสูตรภาษาจีน และหลักสูตรสากลภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนต่างชาตินั่นเอง โดยขั้นตอนในการสมัครนั้น สามารถสรุปได้ง่าย ๆ ดังนี้

  1. เลือกมหาวิทยาลัยที่สนใจ โดยผู้สมัครสามารถเลือกสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมโครงการถึง 243 แห่งทั่วประเทศจีนเลยทีเดียว ซึ่งทาง CSC ได้รวบรวมรายชื่อมหาวิทยาลัยทั้งหมดไว้แล้ว และแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามความเชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยไว้ด้วย สามารถตรวจสอบได้ ที่นี่ เลย ขอแอบกระซิบไว้ว่า เพื่อน ๆ สามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้หลากหลายแห่ง แต่จะอธิบายต่อในขั้นที่ 3 นะ
  2. ติดต่อให้อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยรับเข้าเป็นนักศึกษา ขั้นตอนนี้ไม่ได้เป็นข้อบังคับ แต่การมีจดหมายรับรองรับเข้าศึกษา (Acceptance Letter) จากอาจารย์ จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ CSC จะพิจารณาให้ทุนกับเราด้วยนะ แม้อาจจะฟังดูยาก แต่ความจริงแล้วเพื่อน ๆ แค่เริ่มจากการเขียนอีเมลล์ไปหาอาจารย์ เพื่อแสดงถึงความสนใจและความมุ่งมั่นในการเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยนั้น ๆ ก็เพียงพอแล้ว หากอาจารย์ติดต่อกลับมาและตกลงให้เข้าเรียนแล้ว เราถึงส่ง Acceptance Letter Format กลับไปให้เขา เท่านี้ก็เพียงพอ
  3. กรอกแบบฟอร์มสมัครทุนออนไลน์ ประเภทการพิจารณาทุนของ CSC แบ่งเป็น 3 หมวดหมู่ คือ Category A (สมัครผ่านสถานทูตจีน) ซึ่งมีโควตาสมัครได้สูงสุด 2 มหาวิทยาลัย Category B (สมัครผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรง) มีโควตาสมัครได้สูงสุด 3 มหาวิทยาลัย และ Category C (สมัครผ่านช่องทางอื่น เช่น เอเจนซี่ หน่วยงานท้องถิ่น) ซึ่งไม่มีกำหนดโควตาการสมัคร ยิ่งสมัครหลายแห่งก็ยิ่งมีสิทธิได้รับทุนมาก แต่ทั้งนี้เพื่อน ๆ ต้องกรอกแบบฟอร์มใหม่ทุกครั้งในแต่ละมหาวิทยาลัยที่สมัครนะ 
  4. เข้ารับการตรวจสอบสุขภาพ เพื่อนำผลตรวจสุขภาพไปยื่นในการสมัครด้วย
  5. เตรียมเอกสารทั้งหมด ตามที่ระบุในแบบฟอร์มสมัครและตามที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งกำหนด เช่น ผลการเรียน (Transcript) เรียงความความสนใจในการศึกษาต่อ (Personal Statement) แผนการศึกษาต่อ (Study Plan) จดหมายแนะนำจากอาจารย์ (Recommendation Letters) เป็นต้น 
  6. ส่งเอกสารไปยังมหาวิทยาลัย หากเราสมัครหลายมหาวิทยาลัย ก็ต้องส่งแยกกันไปนะ

เมื่อเสร็จสิ้นทุกขั้นตอน ก็ต้องคอยติดตามสถานะการสมัครทางออนไลน์อยู่เป็นระยะ ๆ ซึ่งกระบวนการพิจารณาทุนอาจใช้เวลาไม่น้อย ถ้าเพื่อน ๆ เลือกสมัครหลายมหาวิทยาลัย ก็อย่าลืมวางแผนแบ่งเวลาการสมัครให้รอบคอบนะ

ช่วงเวลารับสมัครทุน: ส่วนใหญ่แล้วอยู่ในช่วงเดือนต.ค. – เดือนเม.ย. ของทุกปี ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัย

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.chinesescholarshipcouncil.com/

ไต้หวัน

  • ทุนรัฐบาลไต้หวัน (Taiwan Scholarship Program Directions for Thai Students)

ขอปิดท้ายโซนเอเชียด้วยอีกหนึ่งประเทศยอดฮิตในหมู่นักเรียนไทย อย่างทุนรัฐบาลไต้หวัน ที่ทาง MOE หรือกระทรวงศึกษาธิการของไต้หวัน จัดหนักจัดเต็มมอบทุนเรียนต่อระดับปริญญาตรีแก่นักเรียนไทยกว่า 17-18 ทุนในทุกปี โดยทุนนี้ครอบคลุมทั้งค่าเล่าเรียน (40,000 NTD ต่อเทอม หรือประมาณ 42,000 บาท) และค่าครองชีพรายเดือน (15,000 NTD ต่อเทอม หรือประมาณ 16,000 บาท) ตลอดระยะเวลา 4 ปีจนจบการศึกษาเลยทีเดียว

สำหรับเงื่อนไขการสมัครนั้นก็มีไม่เยอะเลย ขอแค่เป็นผู้จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย ที่มีเกรดเฉลี่ยในระดับที่น่าพึงพอใจก็เพียงพอแล้ว (ทาง MOE แนะนำมาว่าผู้สมัครควรมีเกรดเฉลี่ยสูงกว่า 2.60 แต่ก็ไม่ได้บังคับนะ) ส่วนทักษะภาษาจีนก็ไม่ใช่ข้อบังคับเช่นกัน เพราะหลักสูตรในมหาวิทยาลัยที่ไต้หวันมีทั้งหลักสูตรภาษาจีนและภาษาอังกฤษเลย (ตรวจสอบหลักสูตรภาษาอังกฤษได้ ที่นี่) เงื่อนไขเพียงอย่างเดียว คือ ผู้สมัครต้องติดต่อและสมัครเรียนกับมหาวิทยาลัยที่ตนเองสนใจให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงมายื่นขอรับทุนจากทาง MOE

สำหรับหลักฐานที่ต้องใช้ก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนเลย เพื่อน ๆ ต้องกรอกแบบฟอร์มการสมัครทุน แนบสำเนาพาสปอร์ตและผลการเรียน (transcript) เอกสารยืนยันการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย (เช่น อีเมลตอบกลับจากทางมหาวิทยาลัยในไต้หวัน ใบเสร็จชำระค่าสมัครเรียน เป็นต้น) จดหมายแนะนำจากอาจารย์ 2 ฉบับ และอย่างสุดท้าย เอกสารรับรองความสามารถทางภาษา TOCFL สำหรับผู้สมัครหลักสูตรภาษาจีน และผลสอบ TOEIC (750 ขึ้นไป) TOEFL (550 ขึ้นไป) หรือ IELTS (overall 6.0 ขึ้นไป) สำหรับผู้สมัครหลักสูตรภาษาอังกฤษ

เมื่อเตรียมเอกสารทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว ผู้สมัครต้องส่งเอกสารทั้งหมดไปยัง สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย (Taipei Economic and Cultural Office in Thailand) หากเพื่อน ๆ ได้รับคัดเลือก จะได้รับการติดต่อกลับไปเพื่อรอรับการสัมภาษณ์ ซึ่งเป็นการคัดเลือกด่านสุดท้ายนั่นเอง

ช่วงเวลารับสมัครทุน: 

ส่งใบสมัคร ต้นเดือนก.พ. – สิ้นเดือนมี.ค. ของทุกปี

สอบสัมภาษณ์ ปลายเดือนเม.ย.

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.taiwanembassy.org/th_en/post/3043.html

 

ไอร์แลนด์

  • ทุนรัฐบาลไอร์แลนด์ (Government of Ireland – International Education Scholarships: GOI-IES)


ปิดท้ายบทความด้วยการพาเพื่อน ๆ ข้ามฝั่งมายังโซนยุโรปกันบ้าง ใครที่หลงใหลในธรรมชาติและภูมิทัศน์สวย ๆ ห้ามพลาดกับทุนจากรัฐบาลไอร์แลนด์ ที่สนับสนุนค่าเรียนเต็มจำนวน พร้อมทั้งค่าครองชีพสูงถึง €100,000 (หรือประมาณ 345,000 บาท) เป็นเวลาหนึ่งปี ให้กับนักเรียนที่มีถิ่นฐานจากประเทศนอกสหภาพยุโรป (non-EU) หรือเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) และได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยในไอร์แลนด์ที่ต้องการศึกษาต่อเรียบร้อยแล้ว (มี conditional offer หรือ final offer of study จากทางมหาวิทยาลัยแล้ว)

ทุน GOE-IES นี้ มีโควตาจำนวน 60 ทุนแก่นักเรียนทั่วโลก ดังนั้นการแข่งขันก็ค่อนข้างสูงไม่น้อยเลย แต่อย่าพึ่งถอดใจไป เพราะจุดประสงค์สูงสุดของรัฐบาลไอร์แลนด์ คือต้องการแสดงความมีส่วนร่วมของไอร์แลนด์ต่อสากลโลก และสร้างสัมพันธ์มิตรไมตรีกับประเทศต่าง ๆ ดังนั้นเราจึงต้องแสดงความสนใจในประไทศไอร์แลนด์และหลักสูตรการเรียนการสอนของเขาอย่างชัดเจน รวมถึงแสดงความมุ่งมั่นที่จะสร้างประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมออกมาให้เห็นภาพอีกด้วย 

ซึ่งขั้นตอนในการสมัครทุนนั้นไม่ยุ่งยากเลย ผู้สมัครเพียงต้องสมัครผ่านระบบออนไลน์ของ HEA (Higher Education Authority) อย่างเดียวเท่านั้น โดยเกณฑ์การพิจารณาให้ทุนจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ ผลการศึกษา รางวัลและความสำเร็จทางการศึกษา และประวัติการทำงาน รวมเป็น 40 คะแนน เรียงความส่วนบุคคล (Personal Statement) อีก 45 คะแนน ซึ่งผู้สมัครต้องระบุประโยชน์ในการศึกษาที่ไอร์แลนด์และการต่อยอดในอนาคตออกมาให้เห็นภาพ และส่วนสุดท้าย คือ จดหมายอ้างอิง (References) ซึ่งคิดเป็น 15 คะแนน รวมทั้งสิ้น 100 คะแนน เมื่อสมัครเรียบร้อยก็สามารถตรวจสอบผลการพิจารณาได้จากทางระบบออนไลน์ได้โดยตรงเลย สะดวกและง่ายสุด ๆ ไปเลยเนอะ

ช่วงเวลารับสมัครทุน: ต้นเดือนก.พ. – ปลายเดือนมี.ค. ของทุกปี

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: http://eurireland.ie/2020/02/10/government-of-ireland-international-education-scholarships-2020/

 

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว มีใครสนใจทุนไหนเป็นพิเศษบ้างไหมเอ่ย แม้จะขึ้นชื่อว่าทุนการศึกษา แต่เพื่อน ๆ คงเห็นแล้วว่า ผู้มอบทุนแต่ละประเทศนั้นไม่ได้มองหาเด็กที่เก่งแต่เรื่องเรียนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นคนหนุ่มคนสาวที่มีความสนใจอย่างรอบด้าน มุ่งมั่นพัฒนาตนเองและสังคม และพร้อมเปิดกว้างสู่ประสบการณ์ใหม่ ๆ ต่างหาก

สำหรับใครที่สนใจสมัครทุนไม่ว่าทุนไหนก็ตาม เราอยากสนับสนุนให้เพื่อน ๆ ได้ลองทำกิจกรรมและหาประสบการณ์ทั้งในและนอกรั้วโรงเรียนอย่างกว้างขวาง แล้วลองกลั่นกรองบทเรียนที่ได้จากประสบการณ์นั้นๆ ดู เพราะนั่นจะเป็นจุดขายที่จะทำให้เพื่อน ๆ โดดเด่นแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น ๆ อย่าลืมว่ากิจกรรมน่ะเพื่อน ๆ ต้องลงมือทำเอง แต่เรื่องเรียน ให้แอปพลิเคชัน StartDee เป็นตัวช่วยได้เสมอนะ (เนียนขายของซะงั้น) หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อย แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้านะ 🙂

 

[Update] ข้อมูลครบถ้วน พร้อมแนะแนวเรียนต่อ ฟรี! | เรียน ม ปลาย ต่าง ประเทศ – NATAVIGUIDES

การศึกษาระดับมัธยมศึกษา ประเทศนิวซีแลนด์

การศึกษาระดับมัธยมศึกษา ประเทศนิวซีแลนด์

นิวซีแลนด์จัดเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมที่สุดสำหรับนักเรียนไทยที่จะไปเรียนระดับมัธยมในต่างประเทศ ด้วยเหตุผลหลัก ๆ มากมายดังนี้

  • ระบบการศึกษาชั้นนำ โดยนำต้นแบบจากอังกฤษ

ระบบการศึกษาของนิวซีแลนด์ เรียกว่า National Certificate of Educational Achievement (NCEA) ถือเป็นระบบที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยได้รับการประยุกต์มาจากระบบอังกฤษ ดังนั้น นักเรียนที่จบจากระบบนิวซีแลนด์จึงสามารถเลือกเรียนต่อในประเทศต่าง ๆ ได้ทั่วโลก ทั้งอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา หรือแม้แต่ประเทศไทยเอง

  • ประเทศสงบเงียบ ปลอดภัย เน้นธรรมชาติ

ผู้ปกครองให้ความสำคัญกับความสงบเงียบ และความปลอดภัยอย่างมาก เพราะมั่นใจได้ว่านักเรียนจะอยู่ในสภาพที่เหมาะสมกับการเรียนที่สุดเพื่อผลลัพธ์ทางการศึกษาที่ดีที่สุดเช่นกัน

  • ผู้คนเป็นมิตร อัธยาศัยดี

คนนิวซีแลนด์มีชื่อเสียงในเรื่องความเป็นมิตรและเข้าใจในความแตกต่าง ดังนั้นนักเรียนที่มาเรียนที่นิวซีแลนด์ก็จะปรับตัวได้เร็วเพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทุกคนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและเข้าใจกัน

  • ค่าเรียนสมเหตุสมผล

เนื่องจากค่าครองชีพในนิวซีแลนด์ไม่สูงมากนัก ประกอบกับรัฐบาลให้การสนับสนุนเรื่องการศึกษาเป็นอย่างมาก ทำให้ค่าเรียนในนิวซีแลนด์จัดว่าสมเหตุสมผลที่สุดแห่งหนึ่งในโลก นักเรียนต่างชาติสามารถเลือกเรียนในโรงเรียนที่มีราคาต่ำสุดประมาณ NZ$ 14,000 ต่อปี หรือประมาณ 320,000 บาท ส่วนค่าที่พักก็ค่อนข้างต่ำ เฉลี่ยประมาณ NZ$250-300 ต่อสัปดาห์

  • ให้นักเรียนต่างชาติ เข้าเรียนได้ไม่ยาก

ด้วยความที่นิวซีแลนด์เปิดเรียนปีละ 4 เทอม ทำให้นักเรียนต่างชาติสามารถเข้าเรียนได้ทุกเทอม ถึงแม้ว่าหลาย ๆ โรงเรียนจะไม่รับนักเรียนในเทอมสุดท้าย แต่นักเรียนก็ยังมีโอกาสเข้าเรียนได้ ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส นอกจากนั้น โรงเรียนส่วนใหญ่ยังไม่จำกัดว่านักเรียนจะมีผลการเรียนสูงหรือต่ำ หากแต่ว่านักเรียนมีความตั้งใจที่จะมาเรียนจริง โรงเรียนก็จะเปิดโอกาสรับนักเรียนต่างชาติได้

  • เปิดโอกาสให้เลือกเรียนวิชาตามความชอบ และความถนัด

จุดเด่นสำคัญของระบบการศึกษานิวซีแลนด์คือการพัฒนา IQ และ EQ ของนักเรียนไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้น โรงเรียนจึงมีวิชาให้นักเรียนเลือกเรียนตามศักยภาพ ความถนัดและความชอบมากมาย เพราะการที่นักเรียนได้เรียนวิชาที่ตนชอบและถนัด จะทำให้นักเรียนเรียนได้ดี และมีความมั่นใจในการเรียนมากขึ้น และผลลัพธ์ก็คือ นักเรียนได้ค้นพบตัวเองและมีโอกาสประสบความสำเร็จอย่างสูงในอนาคต

แผนผังเปรียบเทียบระบบการศึกษาระดับมัธยมของนิวซีแลนด์และไทย

เทอมการศึกษาในนิวซีแลนด์

เทอม

เดือน

1
มกราคม – มีนาคม

2
เมษายน – กรกฎาคม

3
กรกฎาคม – กันยายน

4
ตุลาคม   – ธันวาคม

ที่มา: กระทรวงศึกษาธิการ ประเทศนิวซีแลนด์ (Ministry of Education, New Zealand)

หลักสูตรการเรียนมัธยมในนิวซีแลนด์

ระบบการศึกษาของนิวซีแลนด์ เรียกว่า National Certificate of Educational Achievement (NCEA) โดยมัธยมศึกษาจะเริ่มตั้งแต่ Year 9 จนถึง Year 13 โดยจะมีวิชาพื้นฐานและวิชาเลือกมากมาย ซึ่งวิชาพื้นฐานที่เรียนมี อังกฤษ, ศิลปะ, พละ+สุขศึกษา, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคมศาสตร์ และ เทคโนโลยี นอกจากนั้น ยังมีวิชาเลือกอื่น ๆ เช่น ภาษาต่างประเทศ งานช่าง งานไม้ การตัดเย็บ การทำอาหาร เป็นต้น

  • Year 9 และ 10 นักเรียนจะเรียนวิชาพื้นฐานทั้งหมด เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ว่าชอบวิชาไหน หรือสาขาไหน และเลือกเรียนตามสาขานั้นในระดับที่สูงขึ้น เช่นชอบเรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ก็จะเลือกเรียนสายวิทยาศาสตร์ใน Year 11-13
  • Year 11 (NCEA Level 1) เป็นปีที่เริ่มสอบเพื่อรับประกาศนียบัตร มีวิชาบังคับ 3 วิชา คือ อังกฤษ, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ ส่วนวิชาที่เหลือก็จะเลือกเรียนตามสายวิชาที่ตนถนัดหรือชอบอีกอย่างน้อย 2 วิชา
  • Year 12 (NCEA Level 2) มีวิชาบังคับเพียง 1 วิชา คือ อังกฤษ และเลือกเรียนวิชาอื่น ๆ ตามสายวิชาที่เรียนใน NCEA Level 1 รวมอย่างน้อย 5 วิชา นักเรียนไทยส่วนใหญ่ เมื่อได้รับวุฒิ NCEA Level 2 ก็สามารถนำวุฒิการศึกษามาเทียบวุฒิ มัธยมศึกษาปีที่ 6 ในประเทศไทยเพื่อใช้ในการเรียนต่อโปรแกรมนานาชาติในมหาวิทยาลัยของไทยได้
  • Year 13 (NCEA Level 3) สำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนต่อมหาวิทยาลัยในนิวซีแลนด์ ต้องเลือกเรียนอย่างน้อย 3 วิชาในสายวิชาเดียวกับ NCEA Level 1 และ 2 เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการเรียนต่อระดับปริญญาตรีต่อไป

การเก็บหน่วยกิต

  • NCEA LEVEL 1 จะต้องเก็บได้อย่างต่ำ 80 หน่วยกิต โดยบังคับ 8 หน่วยกิตเป็นวิชาภาษาอังกฤษ (4 หน่วยกิต Writing และ 4 หน่วยกิต Reading) รวมถึง 8 หน่วยกิตคณิตศาสตร์
  • NCEA LEVEL 2  จะต้องเก็บได้อย่างต่ำ  80 หน่วยกิต โดย 60 หน่วยกิต ต้องเป็นวิชาของ Level 2
  • NCEA LEVEL 3  จะต้องเก็บได้อย่างต่ำ  80 หน่วยกิต โดย 60 หน่วยกิต ต้องเป็นวิชาของ Level 3
  • การเก็บหน่วยกิตจะดำเนินไปตลอดปี โดยจะเก็บ Internal Unit  ระหว่างปี และ External Unit ปลายปี

ระบบการศึกษาอื่น ๆ ในนิวซีแลนด์

นอกจากระบบ NCEA ซึ่งเป็นระบบการศึกษาระดับชาติแล้ว ยังมีโรงเรียนชั้นนำจำนวนหนึ่งที่นำระบบการศึกษาอื่น ๆ มาใช้เป็นระบบที่สอง ระบบอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมจะมีระบบ Cambridge และ International Baccalaureate (IB) โดยนักเรียนจะมีโอกาสเลือกเรียนระหว่างระบบ NCEA หรือ ระบบที่สอง ทั้งระบบ NCEA, Cambridge และ IB ต่างมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนั้นนักเรียนจึงมีโอกาสเลือกระบบที่ตรงกับตัวเองมากที่สุด

จุดเด่นของระบบ NCEA คือ มีวิชาให้นักเรียนเลือกเรียนมากมาย เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้สัมผัสกับความหลากหลายทางวิชาการ และมีโอกาสเลือกทางเดินที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

จุดเด่นของระบบ Cambridge คือ ระบบที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลและมีความเข้มข้นทางวิชาการอย่างมาก นักเรียนจะเน้นเรียนวิชาเฉพาะสายเพื่อที่จะนำตัวเองไปสู่สายการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น

จุดเด่นของระบบ International Baccalaureate (IB) คือ นักเรียนจะได้ปลูกฝังให้ได้เรียนรู้ในทุกด้านทางวิชาการเช่น วิทยาศาสตร์, คณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์, ภาษาที่ 1 และ 2, ศิลปะ และการพัฒนาตนเอง นักเรียนจะมีโอกาสที่จะพัฒนาศักยภาพของตนในด้านการทำงานร่วมกับผู้อื่น การเสริมทักษะการเป็นผู้นำ เป็นต้น

ประเภทของโรงเรียนมัธยมในนิวซีแลนด์และค่าใช้จ่ายในการเรียน

  1. โรงเรียนรัฐบาล (State School)

     มีข้อจำกัดว่าจะต้องรับนักเรียนนิวซีแลนด์ในเขตเพื่อเข้าเรียน โดยปกติ โรงเรียนรัฐบาลของนิวซีแลนด์จะมีสภาพที่ดีและมีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ดี เพราะได้รับการสนันสนุนอย่างมากจากรัฐบาล ส่วนใหญ่ โรงเรียนรัฐบาลจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ปกติจะมีนักเรียนประมาณ 1,000 ถึง 3,000 คน ค่าเรียนสำหรับนักเรียนต่างชาติก็จะค่อนข้างสมเหตุสมผล โดยเฉลี่ยประมาณ NZ$10,000-16,000 ต่อปี ส่วนค่าที่พักก็จะขึ้นอยู่กับเมืองที่ตั้ง โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ NZ$200-250 ต่อสัปดาห์

  2. โรงเรียนกึ่งรัฐบาล (Integrated School)

     โรงเรียนเหล่านี้จะเป็นโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนบางส่วนจากรัฐบาล โดยส่วนใหญ่จะมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาด้วย ดังนั้น โรงเรียนจึงมีโอกาสเลือกรับนักเรียนได้ตามมาตรฐานของตน นักเรียนนิวซีแลนด์ที่มาเรียนที่นี่มักจะต้องจ่ายค่าเรียนสูงกว่าเรียนในโรงเรียนรัฐบาล โดยปกติ โรงเรียนประเภทนี้จะมีจำนวนนักเรียนไม่มาก ประมาณ 500-1,500 คน ส่วนค่าเรียนสำหรับนักเรียนต่างชาติก็จะสุงกว่าโรงเรียนรัฐบาลเล็กน้อย โดยเฉลี่ยประมาณ NZ$15,000-18,000 ต่อปี ส่วนค่าที่พักก็จะขึ้นอยู่กับเมืองที่ตั้ง โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ NZ$200-250 ต่อสัปดาห์

  3. โรงเรียนเอกชน (Private School)

     มักจะเป็นโรงเรียนที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก และมีการดูแลนักเรียนเป็นอย่างดี จำนวนนักเรียนอาจจะมีเพียง 250-1,000 คน ขึ้นอยู่กับเมืองที่ตั้ง ค่าเรียนจะค่อนข้างสูงโดยประมาณ NZ$15,000-30,000 ต่อปี ในขณะที่ค่าที่พักเฉลี่ยประมาณ NZ$220-250 ต่อสัปดาห์

New Zealand High School Photo New Zealand High School Photo


ที่พักสำหรับนักเรียนในนิวซีแลนด์

ที่พักที่เป็นที่นิยมในนิวซีแลนด์จะมี 2 แบบด้วยกัน

  1. Homestay หรือครอบครัวท้องถิ่น

     นักเรียนจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชาวกีวีและได้ฝึกภาษากับเจ้าของบ้าน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของที่พักลักษณะนี้ นอกจากนั้น นักเรียนยังรู้สึกถึงความอบอุ่นในรูปแบบครอบครัวอีกด้วย ครอบครัวท้องถิ่นของนิวซีแลนด์ ส่วนใหญ่จะต้องผ่านการตรวจมาตรฐานความปลอดภัยจากตำรวจก่อนที่จะสามารถอนุญาตให้นักเรียนต่างชาติเข้ามาอยู่ได้ ผู้ปกครองจึงวางใจได้ระดับหนึ่งว่านักเรียนจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

  2. Boarding House หรือ Student Hostel

     ซึ่งเป็นหอพักสำหรับนักเรียน แต่ละหอพักจะมีผู้ดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดทั้งเรื่องการกินอยู่หลับนอนและการเรียน นักเรียนจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นอย่างมีระเบียบ จะมีเพื่อนใหม่ ๆ และได้สนุกกับกิจกรรมที่ทางหอพักจัดให้กับนักเรียนมากมาย แต่ละหอพักจะมีกฏระเบียบของหอพักให้กับนักเรียนได้ทำตาม โดยปกติ นักเรียนที่มีอายุน้อยจะอยู่รวมกันห้องละหลาย ๆ คน เมื่อเรียนปีสุดท้ายก็จะมีโอกาสที่จะอยู่ห้องเดี่ยวเพื่อเป็นการฝึกและเตรียมตัวให้คุ้นชินกับชีวิตนักเรียนในมหาวิทยาลัยในเบื้องหน้าอันใกล้

การเทียบวุฒิการศึกษาของนิวซีแลนด์ในประเทศไทย

กระทรวงศึกษาธิการประเทศไทยได้ประกาศเกณฑ์การเทียบวุฒิการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศนิวซีแลนด์เท่าการศึกษาขั้นพื้นฐานของประเทศไทย (มัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า) ณ วันที่ 30 กันยายน 2553 โดยให้ผู้จบการศึกษาจากนิวซีแลนด์ต้องมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง ดั้งต่อไปนี้

  1. จบการศึกษาโดยสอบผ่านวิชา New Zealand National Certificate of Education Achievement (NCEA) ซึ่งอยู่ในความดูแลของ New Zealand Qualifications Authority (NZQA) จำนวนไม่น้อยกว่า 80 หน่วยกิต ประกอบด้วยวิชาใน Level 2 หรือ สูงกว่า จำนวนไม่ต่ำกว่า 60 หน่วยกิต และวิชาใน Level 1 หรือสูงกว่าจำนวนไม่ต่ำกว่า 20 หน่วยกิตการพิจารณาวิชา ให้นับวิชา English for Speakers of Other Languages (ESOL) เป็นอีก 1 วิชาได้ด้วย ผู้จบการศึกษาจะต้องได้รับประกาศนียบัตร NCEA Level 2, ใบแสดงผลการสอบ (Record of Achievement) และหนังสือรับรองระดับ จำนวนวิชา และจำนวนหน่วยกิตของแต่ละวิชาจาก ของ New Zealand Qualifications Authority (NZQA) ทั้งนี้ การพิจารณาตามเกณฑ์ข้อ 1 ดังกล่าว ให้มีผลสำหรับผู้จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศนิวซีแลนด์ตั้งแต่ปีการศึกษา 2553 เป็นต้นไป
  2. จบการศึกษาโดยสอบผ่านวิชา New Zealand National Certificate of Education Achievement (NCEA) ซึ่งอยู่ในความดูแลของ New Zealand Qualifications Authority (NZQA) ใน Level 2 หรือสูงกว่านี้อย่างต่ำ 5 วิชาไม่ซ้ำกัน นับจำนวนรวมไม่ต่ำกว่า 60 หน่วยกิต ประกอบด้วยวิชาบังคับ 2 วิชาได้แก่
  • English (Literacy)

     ใน Level 2 หรือไม่ต่ำกว่านี้ อย่างน้อย 4 หน่วยกิต

  • Mathemetics (Numeracy)

     ใน Level 2 หรือไม่ต่ำกว่านี้ อย่างน้อย 4 หน่วยกิต

การพิจารณาวิชา ไม่นับรวมวิชา English for Speakers of Other Languages (ESOL) ผู้จบการศึกษาได้รับใบแสดงผลการสอบ (Record of Achievement) และหนังสือรับรองระดับ จำนวนวิชาและจำนวนหน่วยกิตแต่ละวิชาจาก New Zealand Qualifications Authority (NZQA) ทั้งนี้ การพิจารณาตามเกณฑ์ข้อ 2 ดังกล่าวให้มีผลสำหรับผู้จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายของประเทศนิวซีแลนด์ตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 เป็นต้นไป


[DORK’S DAIRY] EP24 เรียนต่อออสเตรเลีย เริ่มยังไง ค่าใช้จ่าย การปรับตัว


อีพีนี้มีแขกรับเชิญเป็นสาวน้อยน่ารักที่เพิ่งมาเรียนต่อมัธยมปลายที่ออสเตรเลีย น้องจะมาตอบคำถามที่หลายคนอยากรู้ เกี่ยวกับ เรียนต่อออสเตรเลีย เรียนมัธยมปลาย ค่าใช้จ่าย ต่างๆ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

[DORK'S DAIRY] EP24  เรียนต่อออสเตรเลีย เริ่มยังไง ค่าใช้จ่าย การปรับตัว

เรียนมัธยมต่างประเทศ ต้องจ่ายเท่าไหร่? เปรียบเทียบค่าเรียนต่อมัธยมใน 6 ประเทศ


เรียนมัธยมต่างประเทศ ต้องจ่ายเท่าไหร่?
เป็นคำถามยอดฮิต สำหรับผู้ปกครองที่เริ่มคิดที่จะส่งน้องๆไปเรียนต่อต่างประเทศในระดับมัธยม เพราะว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายในเเต่ละประเทศเท่าไร่ มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง
วันนี้พี่ไฝ จาก Learning Curve จะมาให้ข้อมูล 6 ประเทศหลักๆ ที่เด็กไทยนิยมไปเรียนต่อ ได้เเก่ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และ สิงคโปร์ จะพูดถึงค่าเรียนเป็นหลัก ต่อด้วยค่าที่พัก เเละค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ในเเต่ละปีที่น้องๆจะต้องจ่ายกันครับ
▲ กดติดตามเพื่อชมคลิปใหม่ๆ : https://goo.gl/mma8HV
▲ FANPAGE Facebook : https://www.facebook.com/LearningCurveThailand/
▲ Line ID : @learningcurve หรือคลิก https://goo.gl/inMwDc
▲ Tel : 029438380

เรียนมัธยมต่างประเทศ ต้องจ่ายเท่าไหร่? เปรียบเทียบค่าเรียนต่อมัธยมใน 6 ประเทศ

แชร์ประสบการณ์เรียนต่างประเทศ 🇳🇿 + ทัวร์มหาลัยที่นิวซีแลนด์👀✨😸


เฮโหลลลลลล 👀 วันนี้เรทมากับคลิปที่หลายๆคนทักมาให้ทำนะค้าา 🤍 เราพาทุกคนมาทัวร์มหาลัยของเราแล้วก็ตอบคำถามที่ดราได้รับมามากที่สุดนะคะ ✨✨ ถ้าใครมีคำถามหรือให้แนะนำอะไรเพิ่มเติมสามารถคอมเมนต์ไว้ข้างล่างได้เลยค่า ! 😚 เป็นกำลังใจให้สำหรับทุกคนะค้า 💖
☂️ช่วงแรก ; ทัวร์มหาลัย University of Auckland
🌈ช่วงท้าย ; Q\u0026A studying / living in NZ
ปล. ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ🙏🏻
🥕thank you for watching and stay safe ! ☁️
📎 music credit :
Music by Jennifer Chung Better Today Than Yesterday https://thmatc.co/?l=1C673398
🌻follow me ; ig smileysita
https://www.instagram.com/smileysita/
เรียนต่างประเทศ นักเรียนแลกเปลี่ยน แชร์ประสบการณ์ newzealand auckland

แชร์ประสบการณ์เรียนต่างประเทศ 🇳🇿 + ทัวร์มหาลัยที่นิวซีแลนด์👀✨😸

อยากเรียนต่างประเทศต้องทำยังไง !? แบบคนงบน้อย!! แบบคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ!! | Fiata paweena


ขออนุญาติอัพเดท IG และ Facebook เพจนะคะ
IG: Fiata paweena
Facebook: Fiata paweena
ใครมีคำถามสามารถ ไปติดต่อได้ที่เพจ Facebook นะคะ
สวัสดีคะ เฟียสนะคะ
เพื่อนๆ เคยสังสัยกันไหมคะ ว่าคนที่เค้ามาเรียนต่างประเทศ เค้ามากันยังไง แล้วมันมีขั้นตอนยังไงบ้าง หรือ ถ้าเรางบน้อยทำยังถึงจะมีโอกาสไปเรียนเมืองนอก หรือ มีโอกาสไปลองใช้ชีวิตในต่างแดนนดูบ้าง!? ลองมาฟังประสบการณ์ส่วนตัวของเฟียสกันดูนะคะ เพื่อว่าจะเป็นแนวทางให้ใครหลายๆคน ที่กำลังหาหนทางในการมาอยู่ต่างประเทศกันคะ ^^
ชีวิตต่างแดน เรียนเมืองนอก เรียนต่อต่างประเทศ ชีวิตในเยรมันนี เยอรมัน ออแพร์ ออแพร์เยอรมัน วีซ่าเรียนภาษา
———————————————
Song credit
Knock Knock Twice

อยากเรียนต่างประเทศต้องทำยังไง !? แบบคนงบน้อย!! แบบคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ!! | Fiata paweena

เรียนมัธยม/ปริญญาตรีที่อังกฤษ 🎓 | GoUni Live


พบกับไลฟ์สด Q\u0026A ตอบคำถามจากทางบ้านเรื่องเรียนต่อที่อังกฤษกับ PEACHII สตีเฟ่นโอปป้า ✨
EP.1 https://youtu.be/56WMvjD8QtU
EP.2 https://youtu.be/tq2PcET09xk
EP.3 https://youtu.be/A6giHgs3738
EP.4 https://youtu.be/PRiGEyeCpWU
Ep.5 https://youtu.be/TjYR744TIVI
ดูไลฟ์ตัวเต็มได้ที่ 👉 https://www.facebook.com/gouni.th/live
บริการของเรา 👉 http://gouni.co.uk/th/services/
ทำไมต้อง GoUni 👉 http://gouni.co.uk/th/aboutus
ให้การเรียนต่อ UK เป็นเรื่องง่าย
สมัครเรียนผ่านพี่ GoUni ได้เลย
Facebook: https://m.me/gouni.th
Line: https://lin.ee/SmbZgxh
Email: [email protected]
Tel: 021634620
GoUni GoUniThailand

เรียนมัธยม/ปริญญาตรีที่อังกฤษ 🎓 | GoUni Live

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เรียน ม ปลาย ต่าง ประเทศ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *