Skip to content
Home » [NEW] คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) | เรื่องคำนาม – NATAVIGUIDES

[NEW] คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) | เรื่องคำนาม – NATAVIGUIDES

เรื่องคำนาม: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

นามนับได้ – นามนับไม่ได้ – คุณรู้ไหมว่า คำนามใดคือคำนามนับได้และคำนามใดคือคำนามที่นับไม่ได้ ส่วนไวยากรณ์นี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในภาษาอังกฤษที่ไม่ควรมองผ่านนะคะ เนื่องจากคำนามทั้ง 2 กลุ่มนี้มีหลักการใช้คำนำหน้าและคำกิริยาที่แตกต่างกันวันนี้เราจะมาดูกันว่าคำนามเหล่านี้มีวิธีการใช้งานอย่างไร ใช้ในกรณีไหน พร้อมตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย

เพื่อความเข้าใจอย่างง่ายดาย บทความเกี่ยกับ คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) นี้ของเราจะได้แบ่งเป็น สี่ส่วนเนื้อหาหลักๆ ที่ผู้เรียนสามารถติดตามง่ายๆ ดังนี้

  1. คำนามนับได้ (Countable Nouns) คืออะไร
  2. คำนามนับไม่ได้(Uncountable Nouns) คืออะไร
  3. วิธีการใช้คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)
  4. แบบฝึกหัด (Exercise) ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับคำนามที่นับได้และนับไม่ได้ พร้อมข้อเฉลย

ก่อนอื่นเราจะทำความรู้จักกับคำนามนับได้พร้อมตัวอย่างให้เห็นภาพได้ชัดกันนะคะ

Table of Contents

1 – คำนามนับได้ (Countable Noun) คืออะไร

ในบทความนี้เราจะทำความรู้จักกับคำนามนับได้ (Countable Noun) กันนะคะ ไม่ยากเลยค่ะ สำหรับคำนามที่เราสามารถระบุได้ว่ามี กี่ชิ้น กี่อัน กี่ตัว กี่แห่ง ฯลฯ เข้าใจง่ายๆ คือคำนามที่เราสามารถนับและระบุจำนวนได้อย่างชัดเจน คำนามเหล่านั้นจะเรียกว่า Countable Noun แปลเป็นไทยโดยตรงคือคำนามนับได้

  • Singular: (เอกพจน์) คือนามที่มีอันเดียวชิ้นเดียว
  • Plural: (พหูพจน์) คือนามที่มีมากกว่าหนึ่งขึ้นไป

หากอยู่ในรูปเอกพจน์ คำนามนับได้เหล่านี้จะใช้ “a” หรือ “an” นำหน้า หากต้องการทราบจำนวนของคำนามนับได้เหล่านี้ จะถามโดยใช้ “How many?” ตามด้วยคำนามนับได้พหูพจน์ เช่น

เอกพจน์พหูพจน์one dogtwo dogsone horsetwo horsesone ideatwo menone shoptwo ideasone mantwo shopsOne BoyThree boysOne BirdFour BirdsOne BookTwo booksOne pencilFive pencils

ตัวอย่างเช่น

  • She has three dogs. แปลว่า เธอมีสุนัขสามตัว
  • I own a house. แปลว่า ฉันเป็นเจ้าของบ้าน
  • I would like two books please. แปลว่า ฉันต้องการหนังสือสองเล่มโปรด
  • How many friends do you have? แปลว่า คุณมีเพื่อนกี่คน?

คำนามนับได้ (Countable Noun) มีสองประเภคคือ (single) และ  (plural) คำนามนับได้แบบ single พูดถึงจำนวนน้อยคือ 1 ที่มักจะอยู่ด้านหลังของคำว่า  “a/an” หรือ one. ยกตัวอย่างเช่น a pen, one table,…

ส่วนคำนามนับได้แบบ plural พูดถึงจำนวนตั้งแต่ 2 ขึ้น ยกตัวอย่างเช่น pens, tables,…

ถ้าอยากเปลี่ยนจากคำนามนับได้ single เป็นคำนามนับได้แบบ plural ง่ายมากๆ แค่เพิ่มตัว ‘s’ในตัวอักษรสุดท้าย ยกตัวอย่างเช่น: pen → pens, table → tables,…

แต่ก็มีบ้างคำศัพท์อยู่ในกรณีพิเศษเช่น

  • คำนามที่มีตัวอักษรสุดท้าย (ลงท้ายด้วย) เป็น CH, SH, S, X, O ต้องเพิ่ม “es” เข้าตัวอักษรสุดท้าย
    เช่น: a class → classes, a bus → Buses, Brush →Brushes, Math → Matches, Box→ Boxes, Fox → Foxes
  • คำนามที่มีตัวอักษรสุดท้ายเป็น Y เมื่ออยากเปลี่ยนเป็นคำนาม plural เราจะเปลี่ยนตัวอักษร “y” เป็น “i” และเพิ่ม “es”
    เช่นคำว่า: a candy → candies,  City→ Cities, Duty→Duties, Day → Days, Boy → Boys, Key → Keys
  • คำนามที่มีตัวอักษรสุดท้ายเป็น F, FE, FF เราลบทิ้งไปและเอาตัว “ves” แทนตัวอักษรสุดท้าย.
    ยกตัวอย่างเช่น: A knife → knives
  • เติม “es” ท้ายคำนามที่ลงท้ายด้วย “o” และหน้า “o” เป็นพยัญชนะ
    เช่น: radio → radios, Bamboo → Bamboos, Photo→ Photos, Piano→ Pianos

หมายเหตุ:

มีคำนามบ้างคำที่อยู่ในกรณีพิเศษ หมายถึงว่ามันจะไม่ตามเกณ์ที่พูดดังกล่าว ลองดูตามตารางดังต่อไปนี้กันนะคะ 

คำนาม singleคำนาม pluralความหมายภาษาไทยmanmenผู้ชายwomanwomenผู้หญิงchildchildrenเด็กsheepsheepแกะtoothteethฟันfootfeetเท้าbacteriumbacteriaแบคทีเรียfishfishปลา

2 – คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) คืออะไร

สำหรับ Uncountable Noun หรือคำนามนับไม่ได้นี้มีหลากหลายคนพูดถีงเพราะได้เอามาใช้งานจริงในชีวิตประจำวันบ่อยมาก คุณสามารถบันทึกการอธิบายที่ทำให้คุณเข้าใจง่ายที่สุดดังนี้

คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)  เป็นคำนามที่คุณเจอบ่อยเช่นนม น้ำ ไวน์ หรือ ข้าว น้ำตาล หรือของที่มีปริมาณมากๆ เช่น ผม  ฟางหญ้า เป็นต้น  จะให้เราพูดว่า ขอข้าว 2 เม็ดจ้า หรือ ขอนม 3 หยด เป็นคำนามที่เราไม่สามารถระบุจำนวน หรือบอกว่ามีกี่ชิ้นกี่อันได้ ทั้งหมดเรียกชื่อว่า Uncountable Noun  หรือคำนามนับไม่ได้นั้นเอง

หรืออีกมุมมองหนึ่งเกี่ยวกับคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) คือคำนามนับไม่ได้ เช่นแนวคิด หรือปริมาณ หรือเป็นวัตถุที่มีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถนับได้ หรือไม่มีรูปร่างแน่นอนจึงทำให้ไม่สามารถนับได้ (เช่น ของเหลว ผง ก๊าซ เป็นต้น)  คำนามนับไม่ได้จะใช้คู่กับคำกิริยาที่อยู่ในรูปเอกพจน์ เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วคำนามนับไม่ได้เหล่านี้จะไม่มีรูปพหูพจน์

ยกตัวอย่างให้ได้เห็นภาพชัดๆ ดังนี้สำหรับ คำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)  tea, sugar ,water, air,rice ,knowledge, beauty, anger, fear, love, money, research, safety, evidence

ถ้าจะแบ่งตามประเภทของคำนามเราลองมาดูกันว่ามีคำนามใดบ้างที่ไม่สามารถนับได้ในภาษาอังกฤษตามตารางดังนี้

GeneralFoodSubjects/ FieldsAstractHomeworkFoodMathematicsAdviceEquipmentFlourEconomicsHelpLuggageMeatPhysiscFunClothingRiceEthicsRecreationFurnitureCakeCivicsEnjoymentMachineryBreadArtInfomationGoldIce cremArchitectureKnowledgeSliverCheeseMusicNewsCottonToastPhotographyPatienceGlassPastaGrammarHappinessJewelrySpaghettiChemistryProgressPerfumeButterHistoryConfidenceSoapOilCommerceCouragePaperHoneyEngineeringEducationWoodSoupPoliticsIntelligencePetrolFishSociologySpaceGasolineFruitPsychologyEnergyBaggageSaltVocabularyLaughterHairTeaArchaeologyPeaceTrafficCoffeePoetryPride

WeatherSportsLanguagesActivitesThunderGolfEnglishSwimmingLightningTennisPortugueseWalkingSnowBaseballHindiDrivingRainBasketballArabicJoggingSleetCricketJapaneseReadingIceHockeyKoreanWritingHeatRugbySpanishListeningHumidityChessFrenchSpeakingHailPokerRussianCookingWindBridgeItalianSleepingLight/HebrewStudyingDarkness/ChineseWorking

เพราะมีเป้าหมายในการใช้งานที่แตกต่างกันเลยคำนามที่นับไม่ได้ไม่ใช้กับ “a”, “an” แทนเป็น ถามโดยใช้ “How much?” จะช่วยคุณทราบปริมาณของคำนามที่นับไม่ได้

 หากต้องการระบุปริมาณของคำนามนับไม่ได้ จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มด้วยการใช้คำเหล่านี้ เช่น some, a lot of, much, a bit of, a great deal of เป็นต้น หรือใช้คำที่บอกปริมาณอย่างเจาะจง เช่น a cup of, a bag of, 1kg of, 1L of, a handful of, a pinch of, an hour of, a day of.

ตัวอย่างเช่น

  • There has been a lot of research into the causes of this disease. แปลว่า มีงานวิจัยมากมายถึงสาเหตุของโรคนี้
  • He gave me a great deal of advice before my interview. แปลว่า เขาให้คำแนะนำมากมายก่อนการสัมภาษณ์
  • Can you give me some information about uncountable nouns? แปลว่า คุณช่วยให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำนามนับไม่ได้หน่อยได้ไหม
  • Measure 1 cup of water, 300g of flour, and 1 teaspoon of salt. แปลว่า ตวงน้ำ 1 ถ้วยแป้ง 300 กรัมและเกลือ 1 ช้อนชา
  • How much rice do you want? แปลว่า คุณต้องการข้าวเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามยังมีอีกสอง-สามวิธีสำหรับคำนามนับไม่ได้ที่จะรวมกับวลีภาษาอังกฤษอื่น ๆ เพื่อให้กลายเป็นคำนามที่นับได้เช่น

1. บางเรื่องที่ไม่สามารถนับได้ แต่เก็บไว้ในกล่องหรือบรรจุหีบห่อ … จะกลายเป็นคำนามที่นับได้
– ง่ายๆ เช่นคำว่า a cup of tea – แก้วชาหนึ่ง. (น้ำชาเราจะนับไม่ได้แต่ถ้าใส่ในแก้วหนึ่งเราก็จะนับได้แล้วใช่ไหมคะ

2. สำหรับคำนามที่นับไม่ได้เช่น food, money, meat, sand, water,… ถ้าเราตั้งเป็นประโยคเช่น
– This is one of the foods that my younger brother likes very much แปลว่า นี่เป็นหนึ่งในอาหารที่น้องชายของฉันชอบมาก

3. เป็นคำนามที่มีหลายความหมาย ถ้าแปลตามความหมายว่า “เวลา” “time” เป็นคำนามนับไม่ได้ แต่ถ้าแปลว่า “จำนวนครั้ง” “time” จะปิดเป็นคำนามที่นับได้
– ตัวอย่างเช่น

  • Yesterday, I didn’t have enough time to finish my homework  แปลว่า เมื่อวานนี้ฉันมีเวลาพอที่จะทำการบ้านให้เสร็
  • I go jogging three times a week  แปลว่า  ฉันไปจ็อกกิ้งสามครั้งต่อสัปดาห์

3 – วิธีการใช้คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)

คำใช้เฉพาะกับคำนามที่นับได้

ในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเราใช้ “a / an” ก่อนคำนามเอกพจน์เพื่อแสดงถึงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ส่วน “few/a few” ใช้ก่อนหน้าคำนามพหูพจน์เพื่อแสดงถึงปริมาณเล็กๆ น้อยๆ และ “many” สำหรับพหูพจน์ที่มีมากกว่าสอง ตามตารางดังนี้

aa student, a pencil, a bike,…manymany books, many pens,…fewfew bananas, few answer questions,…a fewa few topics, a few chairs,…

คำใช้เฉพาะกับคำนามที่นับไม่ได้

เช่นเดียวกับคำนามที่นับได้คำนามที่นับไม่ได้ยังมีคำ และวลีเช่น “มาก” (many), “litlle / a little” (นิดหน่อย), a little bit of (a little).

muchmuch money, much oil,…littlelittle milk,…a littlea little money,…a little bit ofa little bit of ink,…

คำใช้ได้กับทั้งคำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun)

นอกจากคำศัพท์ที่ใช้เฉพราะกับคำนามนับได้ หรือคำนามนับไม่ได้ก็ยังมีกลุ่มคำศัพท์ที่ใช้ได้ทั้งสองเช่น  ‘the, some, any, no, a lot of, lots of, plenty of, enough.

ตัวอย่างเช่น

Countable Noun: the cats, some desks, any rooms, a lot of pets…
Uncountable Noun: some sugar, no money, plenty of milk…

หมายเหตุสิ่งที่ทำให้หลายคนสับสน

คำนามนับได้บางคำ (ในภาษาอื่น) กลับกลายเป็นคำนามนับไม่ได้ในภาษาอังกฤษ หากพบเช่นนี้ จำเป็นต้องใช้กฏการใช้คำนามนับไม่ได้กับคำนามนับได้เหล่านั้น คำนามในกลุ่มนี้ที่พบได้บ่อย คือ accommodation, advice, baggage, behavior, bread, furniture, information, luggage, news, progress, traffic, travel, trouble, weather, work

ตัวอย่างเช่น

  • I would like to give you some advice. แปลว่า ฉันขอคำแนะนำของคุณหน่อยค่ะ
  • How much bread should I bring? แปลว่า ฉันควรนำขนมปังเท่าไหร่
  • I didn’t make much progress today. แปลว่า ฉันไม่ได้ก้าวหน้ามากนักในวันนี้
  • This looks like a lot of trouble to me. แปลว่า ดูเหมือนจะเป็นปัญหามากสำหรับฉัน
  • We did an hour of work yesterday. แปลว่า เราทำงานเมื่อวานนี้หนึ่งชั่วโมง

ปรดระวังการใช้ hair ซึ่งเป็นคำนามนับไม่ได้ในภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปแล้วคำนี้จะอยู่ในรูปเอกพจน์ แต่หากกล่าวถึงเส้นผมบางเส้นอย่างเจาะจง สามารถใช้ในรูปพหูพจน์ได้

ตัวอย่างเช่น

  1. She has long blond hair. แปลว่า เธอมีผมสีบลอนด์ยาว
  2. The child’s hair was curly. แปลว่า ผมของเด็กนั้นหยิก
  3. I washed my hair yesterday. แปลว่า ฉันสระผมเมื่อวานนี้
  4. My father is getting a few grey hairs now. (กล่าวถึงเส้นผมบางเส้นอย่างเจาะจง) 
  5. I found a hair in my soup! (กล่าวถึงเส้นผมเส้นหนึ่ง)

4 – แบบฝึกหัด (Exercise) ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับคำนามที่นับได้และนับไม่ได้

เรามาลองทำแบบฝึกหัดไปพร้อมกันเพื่อช่วยจดจำบทเรียนได้ดีขึ้นนะคะ อย่าพึ่งเปิดส่วนข้อเฉลยมาดูค่ะ เราต้องพยายามทำเอง ตามความเข้าใจของตัวเองก่อน แล้วเทียบกับข้อเฉลยดูว่าเราทำถูกผิดขนาดไหน นะคะ แบบฝึกหัดนี้สามารถหาเจอในเน็ตได้ง่ายๆ ค่ะ สำหรับผู้เรียนท่านไหนที่อยากทำแบบฝึกหัดเพิ่มให้ชินก็สามารถหาทำด้วยต้วเองง่ายๆ นะคะ

แบบฝึกหัดที่ 1: ลองดูคำนามเหล่านี้เป็นคำนามประเภทไหน

คำนามนับได้ (Countable Noun) หรือคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) นะคะ

  1. tea →
  2. butter →
  3. song →
  4. living room →
  5. hour →
  6. coffee →
  7. child →
  8. homework →
  9. key →
  10. orange →

แบบฝึกหัดที่ 2: เลือกคำตอบที่ถูกต้อง

  1. If you want to know the news, you can read paper/ a paper.
  2. I had two tooths/teeth pulled out the other day.
  3. Light/a light comes from the sun.
  4. I was very busy, and I didn’t have time/ a time for

    breakfast

    today.

  5. Sue was very helpful. She is always willing to give us some very useful advice/advices everytime we need.
  6. Did you raise these tomato/tomatoes in your garden?
  7. We were very

    unfortunate

    . We had bad luck/a bad luck.

  8. I had to buy a/some bread for breakfast.
  9. Bad news don’t/doesn’t make people happy.
  10. My hair is/ My hairs are too long. I should have it/them cut three days ago.

แบบฝึกหัดที่ 3: เขียนให้ประโยคเหล่านี้ได้สมบูนณ์และถูกต้อง

1. Study the next three (chapter).
2. Can you recommend some good (book)?
3. I had two (tooth) pulled out the other day.
4. You can always hear (echo) in this mountain.
5. They are proud of their (son-in-law).
6. Did you raise these (tomato) in your garden?
7. I think we need two (radio).
8. My (foot) really hurt.
9. The (roof) of these houses are tiled.
10. Get me two (loaf) of bread.

แบบฝึกหัดที่ 4: แก้คำผิดในประโยคเหล่านี้ให้ประโยคได้สมบูรณ์

1. There are many dirts on the floor. แปลว่า มีสิ่งสกปรกมากมายบนพื้น
2. We want more fuels than that. แปลว่า เราต้องการเชื้อเพลิงมากกว่านั้น
3. He drank two milks. แปลว่า เขาดื่มนมสองแก้ว
4. Ten inks are needed for our class. แปลว่า จำเป็นต้องใช้หมึกสิบอันสำหรับชั้นเรียนของเรา
5. He sent me many foods. แปลว่า เขาส่งให้ฉันอาหารเยอะมากมาย
6. Many golds are found there. แปลว่า พบทองคำจำนวนมากที่นั่น
7. He gave me a great deal of troubles. แปลว่า เขาทำให้ฉันมีปัญหามากมาย
8. cows eat glasses. แปลว่า พวกวัวกินยาเยอะแยะ
9. The rain has left many waters. แปลว่า ฝนตกน้ำหลักมาก
10. I didn’t have many luggages. แปลว่า ฉันไม่มีกระเป๋าเดินทางมากมาย

ข้อเฉลย

แบบฝึกหัดที่ 1:

  1. tea →Uncountable Noun เพราะมันเป็นน้ำที่เราจะเอามานับไม่ได้แน่นอน
  2. butter →Uncountable Noun ที่หมายถึงว่า เนย เป็นอาหารที่นับไม่ได้ถ้าไม่ระบุว่าอยู่ในกี่ห่อ หรือกี่กล่อง
  3. song →Countable Noun ที่สามารถนับได้ง่ายๆ ว่ามีทั้งหมดกี่เพลง
  4. living room →Countable Noun นับได้ง่ายๆ เช่นในบ้านหลังหนึ่งจะมีห้องนั่งเล่น ห้องรับแขกกี่ห้อง ห้องนอนกี่ห้อง ประมาณนั้น
  5. hour →Countable Noun นับได้ง่ายๆ เหมือนกันว่าใช้กี่ชั่วโมงแล้ว
  6. coffee →Uncountable Noun ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำหรือเป็นฝงที่เรานับไม่ได้ถ้าไม่แจ้งว่าบรรจุที่ไหน
  7. child →Countable Noun เป็นคำนามที่นับได้เพราะหมายถึงเด็กน้อย
  8. homework →Uncountable Noun เป็นคำนามที่นับไม่ได้
  9. key →Countable Noun เป็นคำนามที่รับได้
  10. orange →Countable Noun เป็นคำนามที่รับได้เพราะเป็นสิ่งของที่เราเห็นได้ จับได้และมันชัดเจนอยู่แล้ว

แบบฝึกหัดที่ 2:

  1. A paper
  2. Teeth
  3. Light
  4. Time
  5. Advice
  6. Tomatoes
  7. Bad luck
  8. Some
  9. Doesn’t
  10. My hair is

แบบฝึกหัดที่ 3:

  1. Chapters
  2. Books
  3. Teeth
  4. Echoes
  5. Sons-in-law
  6. Tomatoes
  7. Radios
  8. Feet
  9. Roofs
  10. Loaves

แบบฝึกหัดที่ 4:

  1. There is much dirt on the floor.  
  2. We want more fuel than that.
  3. He drank two glasses of milk.
  4. Ten pens are needed for our class.
  5. He sent me much food.
  6. Much gold is found there.
  7. He gave me a lot of trouble.
  8. Cows eat glass.
  9. The rain has left much water.
  10. I didn’t have much luggage.

ว่าอย่างไรบ้างคะ สำหรับบทความนี้ หวังว่าคุณจะได้รับประโยชน์ดีๆ และรู้จักวิธีการใช้คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) มันเป็นส่วนไวยากรณ์ที่ถือว่าไม่ค่อยยากนะคะ แต่ก็ไม่ควรมองผ่านเพราะเป็นคำนามที่มักจะใช้บ่อยมาก ไม่ว่าจะในการสื่อสารประจำวันถึงการเขียนบทความต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษนะคะ ติดตามเราเพื่ออัพเดทสารข้อมูลดีๆ ทุกวันนะคะ แชร์กันประสบการณ์เรียนรู้ภาษาอังกฤษกับ Eng Breaking!

[NEW] ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ตอนที่ 3 เรื่อง คำนาม(Nouns) | เรื่องคำนาม – NATAVIGUIDES

ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ตอนที่ 3 เรื่อง คำนาม(Nouns)

          สำหรับตอนที่ 3 นี้ ผมก็จะขยายความต่อจากตอนที่ 2 โดยจะพูดถึงคำนาม(Noun) ในภาษาอังกฤษ มีกี่ประเภทกันแน่ และคำนามนั้นสามารถทำหน้าที่อะไรได้บ้าง จะมีคำศัพท์ทางไวยากรณ์มากพอสมควรที่เราจะต้องทำความรู้จัก เพื่อจะได้เข้าใจในเนื้อหาที่ซับซ้อนมากขึ้น ครับ

Nouns (คำนาม)

นิยาม
Nouns หมายถึง คำที่แสดงถึง บุคคล สถานที่ หรือ สิ่งของ (Person, Place, Thing)
ในประโยค คำนามจะทำหน้าที่ดังนี้

  1. Subject (ทำหน้าที่เป็นประธาน)
  2. Object of a verb (ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยา)
  3. Object of preposition (ทำหน้าที่เป็นกรรมของบุพบท)

Nouns ที่ตามหลังกริยาเชื่อม(Linking Verbs)  เราเรียกว่า  Predicate Nouns

Subject (ประธาน)

ประธานในประโยค หมายถึง คน หรือ สิ่งของ ที่เป็นผู้กระทำ(Doing)  ปฏิบัติ(Performing) หรือ ควบคุม (Controlling) การกระทำของกริยา
ตัวอย่างประโยค
• “Mary reads a book every week.” (แมรี่อ่านหนังสือทุกสัปดาห์)
ในประโยคนี้ Mary เป็นผู้ปฏิบัติการกระทำ(performing the action) ของกริยา read

Objects (กรรม)

กรรมในทางไวยากรณ์ มี 3 บทบาท ดังนี้

  1. Direct Object of a verb หมายถึง กรรมตรงของกริยา
  2. Indirect Object of a verb หมายถึง กรรมรองของกริยา
  3. Object of a Preposition หมายถึง กรรมของบุพบท

Direct Objects (กรรมตรง)

Direct Objects (กรรมตรง) หมายถึง ส่วนที่รับผลการกระทำของกริยาในประโยค หรือ อนุประโยค
ยกตัวอย่างประโยค
• “Mary reads a book every week.”
ในประโยคนี้ เราจะเห็นว่า book เป็นนามที่รับกรรมโดยตรงจากกริยา read

Indirect Objects (กรรมรอง)

กรรมรอง หมายถึง คน หรือ สิ่งของ ที่รับผลจากกรรมตรงของกริยา
ยกตัวอย่าง
• “I sent the company an for the job.” (ฉันได้ส่งใบสมัครงานให้กับบริษัท)
จากประโยคนี้ เราจะพบว่า
application(ใบสมัคร) เป็นกรรมตรงของกริยา sent
ในขณะที่ company (บริษัท) เป็นผู้รับผลจากกรรมตรงอีกที
ดังนั้น company เราเรียกว่าเป็นกรรมรอง นั่นเอง

*** โดยปกติ ในภาษาอังกฤษจะนิยมวางกรรมรอง ไว้ก่อน กรรมตรง นะครับ

Objects of Prepositions (กรรมของบุพบท)

คำนามที่ถูกใช้ให้อยู่หลังคำบุพบท เพื่อสร้างบุพบทวลี(Prepositional Phrases) ดังนั้น นามที่เป็นส่วนหนึ่งของบุพบทวลี เราเรียกว่า กรรมของบุพบท หรือ Object of the preposition

ยกตัวอย่าง 1


• “Your backpack is under the table.”  (กระเป๋าเป้ของคุณอยู่ใต้โต๊ะ)
ในประโยคนี้ มีบุพบท คือ under
ส่วน table เป็นกรรมของ under
ดังนั้น table เราเรียกว่า เป็นกรรมของบุพบท หรือ Object of the preposition
แต่ถ้ารวมกัน under the table เราจะเรียกว่า บุพบทวลี(Prepositional Phrases) ครับ
*** อ่านดี ๆ ครับ ถ้าแยกส่วน เรียกอะไร ถ้ารวมกัน เรียกว่า อะไร

ยกตัวอย่าง 2


• “I am looking for work.” (ฉันกำลังมองหางาน)
จะเห็นว่า work  เป็น  Object of the preposition (กรรมของบุพบท)
ในขณะที่วลี for work เราเรียกว่า Prepositional phrase (บุพบทวลี)

Predicate Nouns (คำนามที่เป็นภาคแสดง)

คำว่า Predicate Nouns นั้น เราจะใช้เรียกคำนามที่ตามหลังกริยาเชื่อม(Linking Verbs) ในตำรา อาจจะเรียกว่า Predicative Nouns หมายถึง ส่วนที่ใช้ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนชื่อประธานใหม่หรือเป็นการระบุประธานซ้ำ (rename or re-identify the subject)

ตัวอย่างประโยค

• “Love is a virtue.” (ความรักเป็นความบริสุทธิ์)
ในประโยคนี้ a virtue เราเรียกว่า Predicate Nouns เพราะเป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อ ประธาน Love เท่านั้น
หมายเหตุ
กริยาเชื่อม(Linking Verbs) ยังมีอีกหลายตัว เช่น am, is, was, were, has been, are, smell, remain, seem, sound, stay, continue, become,  grow เป็นต้น ซึ่งจะลงรายละเอียดในบทอื่น ๆ

Categories of Nouns (ประเภทของคำนาม)

คำนามแบ่งออกเป็นหลายประเภท ในบทนี้ จะกล่าวโดยย่อ ๆ มีดังนี้

1. Common Nouns (นามทั่วไป)

หมายถึง คำนามที่ระบุ คน สถานที่ สิ่งของ โดยทั่วไป(ไม่เจาะจง) เราจะเรียกว่า Common Nouns

2. Proper Nouns (นามเฉพาะ)

หมายถึง คำนามที่ระบุ คน สถานที่ สิ่งของ

แต่มีอันเดียวในโลก จะขึ้นต้นด้วยอักษรตัวใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนใหนของประโยค

ยกตัวอย่างประโยค 1


“He sat on the chair.” (เขาได้นั่งบนเก้าอี้)
คำว่า chair เป็น Common Nouns

ยกตัวอย่างประโยค 2


Prince William is adored by many.” (เจ้าชายวิลเลี่ยมเป็นที่รักของหลาย ๆ คน)
คำว่า Prince William เป็น Proper Nouns เพราะมีเพียงพระองค์เดียวในโลกนี้

3. Nouns of Address (นามที่เน้นย้ำ)

คำว่า Nouns of Address จะนำมาใช้ในกรณีที่ต้องการเน้นย้ำโดยตรงในขณะที่พูด (Direct Speech) เพื่อต้องการระบุเฉพาะต่อบุคคล หรือกลุ่ม เพื่อต้องการความสนใจจากคนที่เราพูดด้วย คล้าย ๆ กับประโยคอุทาน
ตัวอย่างประโยค
• “James, I need you to help me with the dishes.” (เจมส์ ฉันอยากให้คุณช่วยฉันล้างจาน)
ประโยคนี้ เป็นการพูดย้ำชื่อเจมส์ (ขึ้นเสียงสูง) เพื่อให้เจมส์ สนใจในสิ่งที่เราพูดกับเขา
• “Can I have some money, Mom?” (ขอเงินหน่อย ได้ไหมครับ คุณแม่)
• “Sorry, Mr. President, I didn’t see you there.” (ขออภัย ท่านประธานาธิบดี ผมไม่ได้พบคุณที่นั่น)

4. Concrete Nouns (นามที่มองเห็นหรือสัมผัสได้)

Concrete Nouns หมายถึง บรรดาคำนามที่เราสามารถเห็น หรือจับต้องได้(can be seen or touched) และ Proper Nouns ก็จัดเป็น Concrete Nouns เช่น
table – โต๊ะ
rocks – หิน
lake – ทะเลสาป
countries – ประเทศต่าง ๆ
people – คน
Africa – ทวีปอัฟริกา
MacBook – แมคบุ๊ค
Jonathan – โจนาธาน (ชื่อเฉพาะ)
เป็นต้น

5. Abstract Nouns (นามที่มองไม่เห็น: จับต้องไม่ได้)

Abstract Nouns หมายถึง บรรดาคำนาม ที่มองด้วยตาไม่เห็น แบ่งเป็นกลุ่มต่าง ๆ เช่น
แนวคิด – concepts
ความคิด – ideas
ความรู้สึก –  feelings
ลักษณะ – characteristics
 คุณสมบัติ – คุณสมบัติ
เป็นต้น
ยกตัวอย่าง คำนามที่มองไม่เห็น
love – ความรัก
hate – ความเกลียด
decency – ความสุภาพ
emotion – อารมณ์

6. Countable nouns (คำนามที่สามารถนับได้)

Countable Nouns หมายถึง คำนามที่สามารถนับเป็นหน่วยย่อยได้ นับเป็นตัวเลขได้
โดยจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ
1. Single Countable Nouns (นามนับได้ รูปเอกพจน์) เช่น
a cup – หนึ่งถ้วย
a phone – โทรศัพท์ 1 เครื่อง
2. Plural Countable Nouns (นามนับได้ รูปพหูพจน์) เช่น
two cups – สองถ้วย
10 phones – โทรศัพท์ 10 เครื่อง

7. Uncountable Nouns (นามนับเป็นหน่วยย่อยไม่ได้)

Uncountable Nouns บางที่เรียก Non- Count Nouns  บางตำราเรียก Mass Nouns หมายถึง คำนามที่ไม่สามารถแยกออกเป็นหน่วยมานับได้ ดังนั้นนามกลุ่มนี้ เราจะนำ Article (a/an) มานำหน้าไม่ได้ และไม่สามารถมาทำเป็นรูปพหูพจน์ได้ (ก็เพราะมันนับไม่ได้ไงครับ)
ตัวอย่างประโยค
1. “Would you like tea?”

(คุณต้องการน้ำชาไหม)
2. “Would you like a tea?”

✖    

 (tea เป็นคำนามที่นับไม่ได้ ห้ามใส่ a)
3. “Do you have any information?” 
(คุณมีข้อมูลไหม)
4. “Do you have an information?” ✖    (คำว่า information เป็นคำนามที่นับไม่ได้)

หมายเหตุ

คำนามที่นับไม่ได้มีอีกมากมาย ในกรณีนี้ ผมยกตัวอย่างพอเข้าใจโดยสังเขปเท่านั้น

8. Collective Nouns (นามที่มีลักษณะเป็นกลุ่ม)

Collective Nouns หมายถึง คำนามที่อ้างอิงถึงกลุ่มของคน สัตว์ สิ่งของ หลาย ๆ หน่วยมารวมกัน แต่ยังเป็นคำนามเอกพจน์ในประโยค เพราะว่าหมายถึง กลุ่มเดียว หรือ ทั้งหมด

 ยกตัวอย่างประโยค


• “The flock of birds flew south for the winter.” (ฝูงของนกบินไปทิศใต้ในฤดูหนาว)
คำว่า flock แปลว่า ฝูง ถือเป็นนามเอกพจน์อยู่ แม้ว่านกจะมีหลายตัว
Collective Nouns ยังมีอีกหลายคำ ในที่นี้ผมจะยกตัวอย่างพอเข้าใจเท่านั้น

9. Attributive Nouns (Noun Adjuncts)

Attributive Nouns หรือบางตำราเรียกว่า  noun adjuncts หมายถึง คำนามที่ใช้เพื่อขยายคำนามอื่น ทำให้เกิดวลีที่เรียกว่า นามผสม (Compound Noun)
ยกตัวอย่างประโยค
• “The boy played with his toy soldier.” (เด็กชายคนนั้นได้เล่นกับทหารที่เป็นของเล่น ของเขา)
จะเป็นว่า soldier เป็นคำนาม แปลว่า ทหาร
ส่วนคำว่า toy เป็นคำนาม แปลว่า ของเล่นเด็ก
อธิบายดังนี้
– soldier เป็น Noun
– toy เป็น Attributive Nouns (เพราะเป็นคำนามที่ไปขยายคำนามอื่น)
– toy soldier เป็น Compound Noun (นามผสม)
– toy soldier หมายถึง ตุ๊กตายางที่เป็นทหารสำหรับเด็กเล่น
สรุปว่า Attributive Nouns หมายถึง คำนามที่อยู่ข้างหน้านามคำอื่น นั่นเองครับ

10. Compound Nouns (คำนามผสม)

Compound Noun คือ คำนามที่สร้างจากคำนามตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป แต่นับเป็นหน่วยเดียว โดยปกติแล้ว Compound Noun มักสร้างจาก noun + noun หรือ adjective + noun   แต่รวมเป็นคำเดียวกัน

ยกตัวอย่าง


• water + bottle = water bottle (ขวดที่ใช้สำหรับใส่น้ำ)
• dining + room = dining room (ห้องที่ใช้สำหรับรับประทานอาหาร)
• back + pack = backpack (กระเป๋าที่คุณใช้สวมไว้ที่ด้านหลัง)
• police + man = policeman (เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้ชาย)

Noun Phrases (วลีที่เป็นคำนาม)

Noun Phrase หมายถึง กลุ่มของคำ ตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป ที่ทำหน้าที่เทียบเท่าคำนาม 1 คำ ในประโยค โดย Noun Phrase ประกอบด้วยคำนามหลัก 1 คำ กับคำอื่น ที่ขยายนามนั้น

ตัวอย่างประโยค


• “He brought the shovel with the blue handle.”
(เขาได้นำเสียมที่มีด้ามสีน้ำเงินนั้นมา)
อธิบายดังนี้
คำว่า shovel เป็นคำนามหลัก(Head Noun)
กลุ่มคำ the shovel with the blue handle (เสียมที่มีด้ามจับสีน้ำเงิน) เรียกว่า Noun Phrase
คำว่า the เป็นส่วนขยาย(modifier) ของ shovel
วลี with the blue handle เป็นส่วนขยาย(modifier) ของ shovel  เช่นกัน

สรุปสั้น ๆ เรื่อง Noun Phrase

1. มีคำนามหลัก 1 คำ
2. มีส่วนขยายคำนามหลัก ซึ่งส่วนขยาย อาจอยู่ทั้งด้านหน้า หรือ อยู่ด้านหลังของนามหลัก
3. เมื่อประกอบกันเป็นก้อนเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นคำนามหน่วยเดียว

          วันนี้ ผมพอแค่นี้ก่อนครับ แต่ยังไม่จบนะครับ เรื่อง คำนาม ที่กล่าวมาเป็นเพียงสังเขปเท่านั้น รายละเอียดยังมีให้อ่านกันอีกมาก ซึ่งผมจะขยายความไปเรื่อย ๆ ตามลำดับของเนื้อหา (จะไม่ข้ามบท) สำหรับโพสท์นี้ จะมีคำศัพท์ทางไวยากรณ์อังกฤษอยู่หลายคำ นักเรียนต้องจำดี ๆ เดี๋ยวจะอ่านบทต่อไปไม่เข้าใจครับ  สวัสดีครับ


เรียบเรียงโดย

  • ติวเตอร์แบงค์
  • สถาบันติว PERFECT ซ.รามคำแหง 43/1
  • สถาบันติว THE BEST CENTER ซ.รามคำแหง 43/1
  • ติวเตอร์ประจำวิชา ENG, ENS, CEN2101, CEN2102, APR2101
  • ติดต่อติวเตอร์ โทร. 081-7269394

เอกสารอ้างอิง

  1. Brinton, Laurel J. & Donna M. Brinton. 2010. The linguistic structure of Modern English, 2nd edn. Amsterdam: John Benjamins Publishing Company.
  2. Hopper, Paul J. 1999. A short course in grammar. New York: W. W. Norton & Company.
  3. Huddleston, Rodney. 1984. Introduction to the grammar of English. Cambridge: Cambridge University Press.
  4. Peter Huring. 2016. Complete English Grammar Rules – Examples, Exceptions & Everything You Need to Master Proper Grammar by Farlex International.

ปรับปรุงแก้ไขล่าสุดเมื่อ 25 พ.ย. 2562

สำหรับตอนที่ 3 นี้ ผมก็จะขยายความต่อจากตอนที่ 2 โดยจะพูดถึงคำนาม(Noun) ในภาษาอังกฤษ มีกี่ประเภทกันแน่ และคำนามนั้นสามารถทำหน้าที่อะไรได้บ้าง จะมีคำศัพท์ทางไวยากรณ์มากพอสมควรที่เราจะต้องทำความรู้จัก เพื่อจะได้เข้าใจในเนื้อหาที่ซับซ้อนมากขึ้น ครับNouns หมายถึง คำที่แสดงถึง บุคคล สถานที่ หรือ สิ่งของ (Person, Place, Thing)ในประโยค คำนามจะทำหน้าที่ดังนี้Nouns ที่ตามหลังกริยาเชื่อม(Linking Verbs) เราเรียกว่าประธานในประโยค หมายถึง คน หรือ สิ่งของ ที่เป็น(Doing)(Performing) หรือ(Controlling) การกระทำของกริยา• “a book every week.” (แมรี่อ่านหนังสือทุกสัปดาห์)ในประโยคนี้ Mary เป็นผู้ปฏิบัติการกระทำ(performing the action) ของกริยา readกรรมในทางไวยากรณ์ มี 3 บทบาท ดังนี้Direct Objects (กรรมตรง) หมายถึง ส่วนที่รับผลการกระทำของกริยาในประโยค หรือ อนุประโยค• “Mary reads aevery week.”ในประโยคนี้ เราจะเห็นว่า book เป็นนามที่รับกรรมโดยตรงจากกริยา readกรรมรอง หมายถึง คน หรือ สิ่งของ ที่รับผลจากกรรมตรงของกริยา• “Itheanfor the job.” (ฉันได้ส่งใบสมัครงานให้กับบริษัท)จากประโยคนี้ เราจะพบว่าapplication(ใบสมัคร) เป็นกรรมตรงของกริยา sentในขณะที่ company (บริษัท) เป็นผู้รับผลจากกรรมตรงอีกทีดังนั้น company เราเรียกว่านั่นเองคำนามที่ถูกใช้ให้อยู่หลังคำบุพบท เพื่อสร้างบุพบทวลี(Prepositional Phrases) ดังนั้น นามที่เป็นส่วนหนึ่งของบุพบทวลี เราเรียกว่า กรรมของบุพบท หรือ Object of the preposition• “Your backpack isthe.” (กระเป๋าเป้ของคุณอยู่ใต้โต๊ะ)ในประโยคนี้ มีบุพบท คือ underส่วน table เป็นกรรมของ undertable เราเรียกว่า เป็นกรรมของบุพบท หรือ Object of the prepositionแต่ถ้ารวมกัน under the table เราจะเรียกว่า บุพบทวลี(Prepositional Phrases) ครับ*** อ่านดี ๆ ครับ ถ้าแยกส่วน เรียกอะไร ถ้ารวมกัน เรียกว่า อะไร• “I am looking.” (ฉันกำลังมองหางาน)จะเห็นว่า work เป็น Object of the preposition (กรรมของบุพบท)ในขณะที่วลี for work เราเรียกว่า Prepositional phrase (บุพบทวลี)คำว่านั้น เราจะใช้เรียกคำนามที่ตามหลังในตำรา อาจจะเรียกว่า Predicative Nouns หมายถึง ส่วนที่ใช้ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนชื่อประธานใหม่หรือเป็นการระบุประธานซ้ำ (rename or re-identify the subject)• “Love is.” (ความรักเป็นความบริสุทธิ์)ในประโยคนี้ a virtue เราเรียกว่าเพราะเป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อ ประธาน Love เท่านั้นกริยาเชื่อม(Linking Verbs) ยังมีอีกหลายตัว เช่น am, is, was, were, has been, are, smell, remain, seem, sound, stay, continue, become, grow เป็นต้น ซึ่งจะลงรายละเอียดในบทอื่น ๆคำนามแบ่งออกเป็นหลายประเภท ในบทนี้ จะกล่าวโดยย่อ ๆ มีดังนี้หมายถึง คำนามที่ระบุ คน สถานที่ สิ่งของ โดยทั่วไป(ไม่เจาะจง) เราจะเรียกว่าหมายถึง คำนามที่ระบุ คน สถานที่ สิ่งของ“He sat on the.” (เขาได้นั่งบนเก้าอี้)คำว่าเป็นis adored by many.” (เจ้าชายวิลเลี่ยมเป็นที่รักของหลาย ๆ คน)คำว่าเป็นเพราะมีเพียงพระองค์เดียวในโลกนี้จะนำมาใช้ในกรณีที่ต้องการเน้นย้ำโดยตรงในขณะที่พูด (Direct Speech) เพื่อต้องการระบุเฉพาะต่อบุคคล หรือกลุ่ม เพื่อต้องการความสนใจจากคนที่เราพูดด้วย คล้าย ๆ กับประโยคอุทาน• “, I need you to help me with the dishes.” (ฉันอยากให้คุณช่วยฉันล้างจาน)ประโยคนี้ เป็นการพูดย้ำชื่อเจมส์ (ขึ้นเสียงสูง) เพื่อให้เจมส์ สนใจในสิ่งที่เราพูดกับเขา• “Can I have some money,?” (ขอเงินหน่อย ได้ไหมครับ• “Sorry,, I didn’t see you there.” (ขออภัยผมไม่ได้พบคุณที่นั่น)หมายถึง บรรดาคำนามที่เราสามารถเห็น หรือจับต้องได้(can be seen or touched) และ Proper Nouns ก็จัดเป็น Concrete Nouns เช่นtable – โต๊ะrocks – หินlake – ทะเลสาปcountries – ประเทศต่าง ๆpeople – คนAfrica – ทวีปอัฟริกาMacBook – แมคบุ๊คJonathan – โจนาธาน (ชื่อเฉพาะ)เป็นต้นAbstract Nouns หมายถึง บรรดาคำนาม ที่มองด้วยตาไม่เห็น แบ่งเป็นกลุ่มต่าง ๆ เช่นแนวคิด – conceptsความคิด – ideasความรู้สึก – feelingsลักษณะ – characteristicsคุณสมบัติ – คุณสมบัติเป็นต้นlove – ความรักhate – ความเกลียดdecency – ความสุภาพemotion – อารมณ์หมายถึง คำนามที่สามารถนับเป็นหน่วยย่อยได้ นับเป็นตัวเลขได้โดยจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือเช่นa cup – หนึ่งถ้วยa phone – โทรศัพท์ 1 เครื่องเช่นtwo cups – สองถ้วย10 phones – โทรศัพท์ 10 เครื่องUncountable Nouns บางที่เรียก Non- Count Nouns บางตำราเรียก Mass Nouns หมายถึง คำนามที่ไม่สามารถแยกออกเป็นหน่วยมานับได้ ดังนั้นนามกลุ่มนี้ เราจะนำ Article (a/an) มานำหน้าไม่ได้ และไม่สามารถมาทำเป็นรูปพหูพจน์ได้ (ก็เพราะมันนับไม่ได้ไงครับ)1. “Would you like?”(คุณต้องการน้ำชาไหม)2. “Would you like?”(tea เป็นคำนามที่นับไม่ได้ ห้ามใส่ a)3. “Do you have?”(คุณมีข้อมูลไหม)4. “Do you have?”(คำว่า information เป็นคำนามที่นับไม่ได้)คำนามที่นับไม่ได้มีอีกมากมาย ในกรณีนี้ ผมยกตัวอย่างพอเข้าใจโดยสังเขปเท่านั้นCollective Nouns หมายถึง คำนามที่อ้างอิงถึงกลุ่มของคน สัตว์ สิ่งของ หลาย ๆ หน่วยมารวมกัน แต่ยังเป็นในประโยค เพราะว่าหมายถึง กลุ่มเดียว หรือ ทั้งหมด• “Theof birds flew south for the winter.” (ฝูงของนกบินไปทิศใต้ในฤดูหนาว)คำว่าแปลว่า ฝูง ถือเป็นนามเอกพจน์อยู่ แม้ว่านกจะมีหลายตัวยังมีอีกหลายคำ ในที่นี้ผมจะยกตัวอย่างพอเข้าใจเท่านั้นAttributive Nouns หรือบางตำราเรียกว่า noun adjuncts หมายถึง คำนามที่ใช้เพื่อทำให้เกิดวลีที่เรียกว่า นามผสม (Compound Noun)• “The boy played with his.” (เด็กชายคนนั้นได้เล่นกับทหารที่เป็นของเล่น ของเขา)จะเป็นว่า soldier เป็นคำนาม แปลว่า ทหารส่วนคำว่า toy เป็นคำนาม แปลว่า ของเล่นเด็ก- soldier เป็น Noun- toy เป็น Attributive Nouns (เพราะเป็นคำนามที่ไปขยายคำนามอื่น)- toy soldier เป็น Compound Noun (นามผสม)- toy soldier หมายถึง ตุ๊กตายางที่เป็นทหารสำหรับเด็กเล่นสรุปว่า Attributive Nouns หมายถึง คำนามที่อยู่ข้างหน้านามคำอื่น นั่นเองครับCompound Noun คือ คำนามที่สร้างจากคำนามตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป แต่นับเป็นหน่วยเดียว โดยปกติแล้ว Compound Noun มักสร้างจาก noun + noun หรือ adjective + noun แต่รวมเป็นคำเดียวกัน• water + bottle =(ขวดที่ใช้สำหรับใส่น้ำ)• dining + room =(ห้องที่ใช้สำหรับรับประทานอาหาร)• back + pack =(กระเป๋าที่คุณใช้สวมไว้ที่ด้านหลัง)• police + man =(เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้ชาย)หมายถึง กลุ่มของคำ ตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป ที่ทำหน้าที่เทียบเท่าคำนาม 1 คำ ในประโยค โดย Noun Phrase ประกอบด้วยกับคำอื่น ที่ขยายนามนั้น• “He brought.”(เขาได้นำเสียมที่มีด้ามสีน้ำเงินนั้นมา)คำว่า shovel เป็นคำนามหลัก(Head Noun)กลุ่มคำ the shovel with the blue handle (เสียมที่มีด้ามจับสีน้ำเงิน) เรียกว่าคำว่าเป็นส่วนขยาย(modifier) ของ shovelวลีเป็นส่วนขยาย(modifier) ของ shovel เช่นกัน1. มีคำนามหลัก 1 คำ2. มีส่วนขยายคำนามหลัก ซึ่งส่วนขยาย อาจอยู่ทั้งด้านหน้า หรือ อยู่ด้านหลังของนามหลัก3. เมื่อประกอบกันเป็นก้อนเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นคำนามหน่วยเดียววันนี้ ผมพอแค่นี้ก่อนครับ แต่ยังไม่จบนะครับ เรื่อง คำนาม ที่กล่าวมาเป็นเพียงสังเขปเท่านั้น รายละเอียดยังมีให้อ่านกันอีกมาก ซึ่งผมจะขยายความไปเรื่อย ๆ ตามลำดับของเนื้อหา (จะไม่ข้ามบท) สำหรับโพสท์นี้ จะมีคำศัพท์ทางไวยากรณ์อังกฤษอยู่หลายคำ นักเรียนต้องจำดี ๆ เดี๋ยวจะอ่านบทต่อไปไม่เข้าใจครับ สวัสดีครับ


วิชาภาษาไทย ชั้น ป.6 เรื่อง คำสรรพนาม


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

วิชาภาษาไทย ชั้น ป.6 เรื่อง คำสรรพนาม

คำนามและชนิดของคำนาม


คำนามและชนิดของคำนาม

คำนามเดอะซีรีส์


\”ย่าน\” ไผกะย่านได้
แต่ย่านครู \”ภาษาไทย\”
สิบ่ได้หนังสือจ้า…
.
คำนามเดอะซีรีส์
ทำนอง ฝนเทลงมา
เนื้อร้อง/เรียบเรียง บอลลี่และคณะ
.
โดยนิสิตชั้นปีที่ 3
รายวิชา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาภาษาไทย
สาขาวิชาภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ปีการศึกษา 2562
ขอบคุณท่าน ผศ.ดร.ดนิตา ดวงวิไล ที่ให้คำแนะนำ ขอบคุณ MSU radio ขอบคุณเพื่อนทุกคน ขอบคุณทีมถ่ายคุณต้นและเพื่อน ๆ และเจ้าของนาทุก ๆ ไร่ที่ไปถ่ายทำ
เนื้อเพลง
เพลง คำนามเดอะซีรีส์
ทำนอง : สะเลอปี้
คำร้อง : นิสิตชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาภาษาไทย
เพลงต้นฉบับ : ฝนเทลงมา การ์เนต สะเลอปี้
เรียนภาษาไทย มีมากมายมากมี
เรื่องที่เราจะเรียน วันนี้ตอนนี้ คือเรื่องคำนาม
อันคำนามนี้ใช้เรียกคนสัตว์สิ่งของทั่วไปให้จำไว้นะ
ทำอย่างไรนา…อะอาอะอา ถึงจะจำได้
คุณครูจะสอน
คำนามมีอยู่ห้าประเภท
มันเป็นเรื่องที่พิเศษ
มา มา มาเรียนพร้อมกัน
ประเภทที่หนึ่ง สามานยนาม
สามานยนาม ใช้เรียกทั่วไป
ไม่เจาะจง ไม่เจาะจง
กางเกง กระโปรง โรงเรียน
โรงงาน โรงพยาบาล
ประเภทที่สอง วิสามาน วิสามาน วิสามานยนาม
ไม่เรียกทั่วไป ใช้เจาะจง เช่นปลากระพง
ประเทศฮ่องกง แม่น้ำโขง จังหวัดสมุทรสงคราม
ประเภทที่สาม มาเรียนอาการนาม
ขึ้นต้นด้วยการ และความ มีตัวอย่างดังนี้
ความดี ความสวย ความร่ำรวย ความงงงวย
การวิ่ง การเดิน การกระโดด การขับรถ ความรัก
ความโกรธ ความอดทน ความสับสน และความมั่งมี
ประเภทที่สี่ ประเภทที่สี่ ประเภทที่สี่ สมุหนาม
สมุหนาม สมุหนาม วางไว้หน้านาม ไว้หน้านาม
ไว้หน้านาม เพื่อบอกหมวดหมู่
ประเภทที่ห้า ฮ่าฮะฮ่า ฮ่าฮะฮ่า ลักษณนาม
ลักษณนาม ลักษณนาม วางไว้หลังนาม ไว้หลังนาม
ไว้หลังนาม บอกลักษณะของนาม
มีตัวอย่างดังนี้ แม่นํ้า 5 สาย ไก่ 5 ตัว
ดอกบัว 5 ดอก มะกอก 5 ผล ถนน 5 สาย
คำนามแสนง่าย 5 ชนิด มีแค่นี้ จงจำให้ดี…จำให้ดี

คำนามเดอะซีรีส์

สิงโตนำโชค (อ้ายจัสวอนน่าเป็นแฟนยูได้บ่) [เนื้อเพลง] หัวใจอ้ายฮ้องดังว่า:โด่ดิดงดิโด้คิด


ทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
ไม่มีเจตนาใดๆ
ทำขึ้นเพื่อเพิ่มยอดวิวเท่านั้น
ไม่มีเจตนาละเมิดลิขสิทธิ์ใด
สามาดติดตาม Facebook ได้ที่
https://www.facebook.com/PXD1100231065616462/
____________________________________

เนื้อเพลง

I just wanna เป็นแฟนยูได้บ่ได้บ่แม่แก้มเปิ่นเจิ่นละเดินอยู่บนหาดทรายแม่นลูกสาวไผ่คือมางามแท้หล้าหน้าตาลูกครึ่งไทย America อ้ายบอกเลยว่าโดนอกโดนใจขอสารภาพตามโต๊ะตามตรงองค์ลงมงลงละว่าแม่นนางสาวไทยถ้าได้ แต่งานฝันอยากจะมีลูกชายคงหล่อหลาย ๆ เพราะว่าลูกชายได้แม่มันมา I just wanna เป็นแฟนยูได้บ่โอ้ล่ะน้อรูปบ่หล่อแขนเป็นพ่อได้บ่น้อน้อง Baby I love you หัวใจอ้ายมันเรียกร้องฮ้องดัง ๆ ข้างในว่าโด่ดิดงละดิโด้ดิดงละมันเต้นบ่ตรงลงโท๊ะลงทงเด้นโด่ดิดงเมื่อเห็นหน้ามนหาลังเทือกะมงเท่งโต๊ะเท่งมงเด้นโด่ดิดงละติโค้ดิดงละมันเต้นบ่ตรงลงโท๊ะลงทงเด้นโด่ดิดงละเมื่อเห็นหน้ามนหาลังเทือกะมงมงมงรูปหล่ออย่างพี่อันนี้ต้องแนนนาน ๆ Style บ้าน ๆ สเปคฝรั่งอ้ายผิวสีแทนเด้อบ่แม่นสีดำมีงานประจำขับเจ็ทสกีหวงยงหวงยางกะพอมีให้เช่าถ้าถือใจเอ้าอ้ายยกให้ฟรีๆกระดานโต้คลื่นวิน Surf ก็มีอ้ายให้ฟรีๆเพราะว่าคนนี้อ้ายนั้นถูกใจ I just wanna เป็นแฟนยูได้บ่โอ้ล่ะน้อรูปบ่หล่อแขนเป็นพ่อได้บ่น้อน้อง Baby I love you หัวใจอ้ายมันเรียกร้องฮ้องดัง ๆ ข้างในว่าโด่ดิดงละดิโด้ดิดงละมันเต้นบ่ตรงลงโต๊ะลงทงเด้นโด่ดิดงเมื่อเห็นหน้ามนหาลังเทือกะมงเท่งโต๊ะเท่งมงเด้นโด่ดิดงละดิโด้ติดงละมันเต้นบ่ตรงลงโต๊ะลงทงเด้นโด่ดิดงเมื่อเห็นหน้ามนหาลังเทือกะมงเท่งโต๊ะเท่งมงเท่งโต๊ะเท่งมงเด้นโด่ดิดงละดิโด้ติดงละมันเต้นบ่ตรงลงโต๊ะลงทงเด้นโด่ดิดงเมื่อเห็นหน้ามนหาลังเทือกะมงเท่งโต๊ะเท่งมงหัวใจอ้ายฮ้องดังว่าโด่ดิดงดิโด้ดิดงละมันเต้นบ่ตรงลงโต๊ะลงทงเด้นโด่ดิดงเมื่อเห็นหน้ามนหาลังเทือกะมงเท่งโต๊ะเท่งมงเด้นโด่ดิดงเท่งมงเท่งมงเด้นโด่ดิดงเท่งมงเท่งมงลงโท๊ะลงทงเท่งมงเท่งมงลงโท๊ะลงทงละเมื่อเห็นหน้ามนเด้นโด่ดิดงเท่งมงเท่งมงเด้นโด่ดิดงเท่งมงเท่งมงลงโต๊ะลงทงเท่งมงเท่งมงลงโท๊ะลงทงละเมื่อเห็นหน้ามนเด้นโด่ดิดง I just wanna เป็นแฟนยูได้บ่ได้บ่น้อ …
สิงโตนำโชค

สิงโตนำโชค (อ้ายจัสวอนน่าเป็นแฟนยูได้บ่) [เนื้อเพลง] หัวใจอ้ายฮ้องดังว่า:โด่ดิดงดิโด้คิด

คำนามและความหมาย – สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3


ครูโอ๋ สื่อการเรียนการสอน
webpage : http://www.kruao.com
fanpage : https://goo.gl/O22C3X
google+ : https://goo.gl/OBu7ia
youtube : https://goo.gl/bZlYwE
วีดีโอนี้จะสอนเกี่ยวกับ
มาศึกษา การใช้ คำนาม และความหมาย ของคำนาม
คำนาม หมายถึง

บทเรียนอิเล็กทรอกนิกส์ วิชา ภาษาไทย ป.3 ชุดนี้
เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำมาจาก
โครงการแท็บเล็ตพีซีเพื่อการศึกษาไทย
(OTPC : One Tablet Per Child)
จัดทำโดยสำนักงานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
http://www.otpchelp.com

คำนามและความหมาย - สื่อการเรียนการสอน ภาษาไทย ป.3

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ เรื่องคำนาม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *