Skip to content
Home » [NEW] คำที่ตามด้วย gerund infinitive หรือ past participle | past participle แปล ว่า – NATAVIGUIDES

[NEW] คำที่ตามด้วย gerund infinitive หรือ past participle | past participle แปล ว่า – NATAVIGUIDES

past participle แปล ว่า: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

admit
ยอมรับHe admitted stealing the ring.
เขาได้สารภาพว่า ขโมยแหวนวงนั้นไป
advise
แนะนำDoctors generally advised doing exercise.
แพทย์โดยทั่วไปจะแนะนำให้ออกกำลังกาย

The doctor advised him to do more exercise.
นายแพทย์คนนั้น แนะนำให้เขาออกกำลังกายเพิ่มมากขึ้น

มีกรรม (object) มาคั่น ให้ตามด้วย infinitive

allow
อนุญาตThailand doesn’t allow smoking in hospitals.
ประเทศไทยไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในโรงพยาบาล

Thailand doesn’t allow people to smoke in hospitals.
ประเทศไทยไม่อนุญาตให้ประชาชน สูบบุหรี่ในโรงพยาบาล

มีกรรมมาคั่น ให้ตามด้วย infinitive
คำอื่น ๆ เช่น advise, recommend, allow, permit, require เป็นต้น

anticipate
คาดการณ์ล่วงหน้าI anticipated getting stuck in traffic.
ฉันคาดว่าจะติดอยู่ในการจราจร (คาดว่ารถจะติด)
appreciate
ชื่นชมI appreciated Danny’s helping me.
ฉันชื่นชมกับความช่วยเหลือของแดนนี่ ที่มีต่อฉัน
avoid
หลีกเลี่ยง He avoided talking to her.
เขาหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น
can’t help
อดไม่ได้ที่จะI can’t help counting those calories.
ฉันอดใจไม่ได้ที่จะต้องนับจำนวน แคลอรี่ พวกนั้น
can’t stand
ทนไม่ได้
I can’t stand looking at myself in the mirror.
(ทุกครั้งที่มองกระจก ทนไม่ได้ที่เห็นรูปร่างตัวเองในกระจก)

I can’t stand to look at myself in the mirror.
(ไม่กล้าที่จะดูกระจก เพราะกลัวว่าจะเห็นรูปร่างตัวเอง)
complete
เสร็จสิ้นHe completed renovating the house.
เขาตกแต่งบ้านเสร็จแล้ว
consider
คิด,พิจารณา She considered moving to Ratchaburi.
เขาได้คิดที่จะย้ายไปที่จังหวัดราชบุรี

Everybody considers him to be the best person for the job.
ทุกคนพิจารณาเห็นว่า เขาเป็นคนที่เหมาะที่สุดสำหรับงานนั้น

มีกรรมมารับ ต้องใช้รูป infinitive

continue
ทำต่อไป He continued talking.
เขาพูดคุยต่อไป

He continued to talk.

เขาพูดคุยต่อไป

continue + gerund และ continue + infinitive ใช้ได้เหมือนกัน

defend
ป้องกันThe lawyer defended her making such statements.
delay
ช้า/เลื่อนHe delayed replying to the letter.
เขาเลื่อนตอบจดหมาย
demand
เรียกร้อง, ต้องการPeople demand that the troops be withdrawn.
ประชาชนเรียกร้องให้กองทหารต้องถอนออกไป

เป็นประโยค Subjunctive Mood คำกริยาของส่วนหลัง (that clause) จะเป็น infinitive without to
คำกริยาอื่น ๆ เช่น ask, demand, determine, insist, move, order, pray, prefer, recommend, regret, request, require, suggest, และ wish
คำคุณศัพท์อื่น ๆ เช่น essential, important, vital

deny
ปฏิเสธHe denied committing the crime.
เขาปฏิเสธการก่ออาชญากรรมนั้น
depend on
ขึ้นอยู่กับSuccess may depend on becoming more patient.
ความสำเร็จอาจจะขึ้นอยู่กับความอดทน
**คำกริยาที่ตามหลัง preposition จะต้องเติม ing เช่น
give up smoking = เลิกสูบบุหรี่
keep on working = ทำงานต่อไป
despise
ไม่ชอบ/เกลียด
She despises asking for favors.
ผู้หญิงคนนั้น ไม่ชอบการขอสิทธิพิเศษ
discuss
อภิปราย We discussed working at the company.
เราได้อภิปรายกัน เกี่ยวกับการทำงานกับบริษัทแห่งนั้น
dislike
ไม่ชอบShe dislikes cooking.
ผู้หญิงคนนั้น ไม่ชอบทำอาหาร
don’t mind
ไม่รังเกียจI don’t mind waiting.
ฉันไม่รังเกียจที่จะคอย

dread
กลัว She dreads meeting her in-laws.
ผู้หญิงคนนั้นกลัว การพบ ญาติฝ่ายสามี
encourage
กระตุ้น,ให้กำลังใจ
Doctors generally encourage eating healthy foods.
ตามปกติ หมอจะแนะนำให้กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

The doctor encouraged him to eat healthy foods.
แพทย์คนนั้น แนะนำให้เขา กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

มีกรรมมารองรับ ต้องตามด้วย infinitive

enjoy
สนุก We enjoy swimming.
เราสนุกกับการว่ายน้ำ
finish
เสร็จ,จบHe finished doing his homework.
เขาทำการบ้านเสร็จแล้ว

forget
ลืมHe’ll never forget spending so much money on his first computer.
เขาจะไม่มีวันลืมว่า ได้จ่ายเงินจำนวนมากไปกับคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของเขา
forget + gerund = ทำแล้วไม่ลืม
(การกระทำเกิดขึ้นแล้ว และจะไม่ลืม)

Don’t forget to buy some eggs.
อย่าลืมซื้อไข่นะ
I forgot to bring my books to school. I didn’t have anything to read.
ฉันลืมเอาหนังสือไปโรงเรียน ฉันไม่มีอะไรอ่าน – ลืมเอาไป – ไม่ได้เอาไป จึงไม่มีหนังสืออ่าน
forget + infinitive = ลืมจึงไม่ได้ทำ
ลืมที่จะทำกริยานั้น ๆ คือ ไม่ได้ทำ นั่นเอง

คำกริยาอื่น ๆ ที่เป็นลักษณะเดียวกันนี้ เช่น forget, regret และ remember
get
ชักชวนให้ทำ
Jack got his father to drive him to the station.
แจ็ค หว่านล้อมให้พ่อของเขา ขับรถพาเขาไปส่งที่สถานี

get + someone + to do something
ใช้ getในความหมายว่า ชักชวนให้ใคร ทำอะไร ต้องใช้กริยาช่อง 1 ที่มี to นำหน้า
ดูการใช้คำว่า have และ make เพิ่มเติม เพราะใช้ทำนองเดียวกัน

hate
เกลียด
Do you hate working on Saturdays?
คุณไม่ชอบทำงานวันเสาร์ใช่ไหม?
hate + gerund = โดยปกติ ไม่ชอบ…

I hate to tell you, but Uncle Jim is coming this weekend.
ฉันไม่อยากจะบอกคุณเลย แต่ลุงฉันจะมาหาวันเสาร์-อาทิตย์นี้
hate + infinitive = ใช้กับเหตุการณ์เฉพาะ เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง หรือ ไม่ชอบที่จะทำอะไร (มักจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดหลัง hate คือ ไม่ชอบ ที่จะบอก การบอกเกิดทีหลัง)

have
จ้างให้ทำ
Jack had the tailor measure him for a suit.
แจ็ค จ้างให้ช่างตัดเสื้อ วัดตัว เพื่อตัดสูท

have + someone + do something
ใช้ have ในความหมายว่า จ้างให้ใคร ทำอะไร ต้องใช้กริยาช่อง 1 ที่มีไม่ to นำหน้า หรือที่เรียกว่าเป็น base form
ดูการใช้คำว่า makeและ get เพิ่มเติม เพราะใช้ทำนองเดียวกัน

hear
ได้ยิน
I heard him sing.
ฉันได้ยินเขาร้องเพลง
hear + object + infinitive without to = ได้ยินตั้งแต่ต้นจนจบ

I heard him singing when I passed his room.
ฉันได้ยินเขากำลังร้องเพลง เมื่อตอนผ่านห้องของเขา
hear + object + gerund = รับรู้บางส่วนขณะที่ทำกิจกรรมนั้น ๆ

hear เป็นคำกริยาที่เกี่ยวกับสัมผัสความรู้สึก (verb of perception)
ตามด้วย infinitive without to เป็นการรับรู้ตั้งแต่ต้นจนจบ
ตามด้วย gerund เป็นการรับรู้เพียงบางช่วง ขณะที่ทำกริยานั้น ๆ เน้นที่กริยาที่ทำ

ถ้ามีคำว่า can หรือ could ใช้ร่วมกับคำประเภทนี้ จะตามด้วย gerund

I can hear people talking. They must be in the next room.
ฉันสามารถได้ยินคนคุยกัน เขาน่าจะต้องอยู่ถัดจากห้องนี้

คำกริยา อื่น ๆ ทำนองเดียวกัน เช่น hear, see, smell, watch, notice เป็นต้น

important
สำคัญIt is important that you be on time.
มันเป็นเรื่องสำคัญที่ คุณต้องตรงเวลา

คำว่า importantd เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) เป็นประโยค Subjunctive Mood คำกริยาของส่วนหลัง (that clause) จะเป็น infinitive without to
คำกริยาอื่น ๆ เช่น ask, demand, determine, insist, move, order, pray, prefer, recommend, regret, request, require, suggest, และ wish
คำคุณศัพท์อื่น ๆ เช่น essential, important, vital

insist
ยืนยันShe insisted that he be present.
เธอได้ยืนยันว่า เขาจำเป็นต้องไปปรากฏตัว

ประโยคนี้เป็น Subjunctive Mood คำกริยาของส่วนหลัง (that clause) จะเป็น infinitive without to
คำกริยาอื่น ๆ เช่น ask, demand, determine, insist, move, order, pray, prefer, recommend, regret, request, require, suggest, และ wish

keep
ทำต่อไปShe kept interrupting me.
เธอเอาแต่ขัดคอฉันตลอด

let
อนุญาตShe let me look at the photos.
เธออนุญาตให้ฉันดูรูปถ่าย

Let’s stop now and have some lunch, shall we?
เราหยุดกันก่อนแล้วกินข้าวกลางวัน ดีไหม
Let’s = Let us

Let ตามด้วย infinitive without to

like
ชอบ
ฉันชอบว่ายน้ำ
I like swimming.
ฉันชอบว่ายน้ำ
I like to swim.
ฉันชอบว่ายน้ำ
ใช้ได้ทั้งสองอย่าง คือ ตามด้วย gerund หรือ infinitive ก็ได้ ความหมายเหมือนกัน
บางตำราบอกว่า
like + gerund = เป็นความชอบ ทำแล้วสนุก เน้นที่ตัวกิจกรรมที่ทำแล้วสนุกและชอบ
I like swimming.
เน้นที่การว่ายน้ำ ว่ายน้ำแล้วสนุก

like + infinitive = ใช้กับสิ่งที่ชอบทำเป็นนิสัย ชอบเพราะเป็นเรื่องสำคัญหรือถูกต้อง เช่น
I like to be punctual.
ฉันชอบตรงเวลา
I like to swim when I go to the beach.
ถ้าไปทะเล ฉันชอบว่ายน้ำ

look forward to
รอคอยด้วยความสนใจI’m looking forward to seeing you again.
ฉันรอคอยการพบกับคุณอีก

look forward to + gerund
make
บังคับให้ทำJoe’s mother made him visit his relatives.
แม่ของโจ บังคับให้เขาไปเยี่ยมญาติของเขา

make + someone + do something
ใช้ make ในความหมายว่า บังคับให้ใคร ทำอะไร ต้องใช้กริยาช่อง 1 ที่มีไม่ to นำหน้า หรือที่เรียกว่าเป็น base form
ดูการใช้คำว่า haveและ get เพิ่มเติม เพราะใช้ทำนองเดียวกัน

mean
แปลว่า, ตั้งใจYou have forgotten your homework again. That means phoning your mother.
คุณลืมการบ้านอีกแล้ว. นั่นแปลว่า(ต้อง)โทรศัพท์หาแม่ของคุณ (เพื่อให้เอาการบ้านมาให้ หรือ ฟ้อง หรืออะไรก็แล้วแต่…)
mean+ing = แปลว่า, หมายถึง

I meant to phone your mother, but my mobile didn’t work.
ฉันตั้งใจจะโทรศัพท์ไปหาแม่ของคุณ, แต่มือถือของฉันมันใช้งานไม่ได้ (เสีย)
mean + infinitive = ตั้งใจจะทำอะไร

mention
กล่าวถึงI never mentioned meeting him.
ฉันไม่เคยกล่างถึงการพบเขาเลย
mind
รังเกียจDo you mind waiting here for a few minutes.
คุณจะรังเกียจที่จะคอยตรงนี้ สักประเดี๋ยวไหม
miss
คิดถึงShe misses living near the shops.
need
ต้องการThe room needs cleaning.
ห้องนี้ต้องการการทำความสะอาด
need + gerund แสดงว่าเป็น passive หรือ ประธานถูกกระทำ ในที่นี้คือ ห้องต้องการได้รับการทำความสะอาด
The room needs to be cleaned.
ห้องนั้น ต้องการ การทำความสะอาด
need + to be + กริยาช่องที่ 3 ก็ใช้ได้เหมือนกัน เป็น passive – ประธานถูกกระทำ
I need to clean the room.
ฉันจำเป็นต้องทำความสะอาดห้องนั้น
need ข้อนี้ เป็นคำกริยาธรรมดา ที่ตามด้วย to หมายถึง จำเป็นต้อง – ประธานเป็นผู้กระทำกริยานั้น

order
สั่ง
The sergeant ordered the private do push ups.
นายสิบสั่งให้พลทหารวิดพื้น

ประโยคนี้เป็น Subjunctive Mood คำกริยาของส่วนหลัง (that clause) จะเป็น infinitive without to
คำกริยาอื่น ๆ เช่น ask, demand, determine, insist, move, order, pray, prefer, recommend, regret, request, require, suggest, และ wish

permit
อนุญาตMost hotels do not permit smoking in restaurants.
โรงแรมส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในห้องอาหาร

Most hotels do not permit people to smoke in restaurants.
โรงแรมส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้คนสูบบุหรี่ในห้องอาหาร

permit + gerund
โดยปกติ permit จะตามด้วย gerund

permit + object + infinitive
ถ้ามีกรรม (object) ในประโยค จะตามด้วย infinitive

postpone
เลื่อนออกไปHe postponed returning to Paris.
เขาเลื่อนกำหนดการกลับไป กรุงปารีส
practice
ฝึกShe practiced singing the song.
ผู้หญิงคนนั้น ฝึกร้องเพลง เพลงนั้น
quit
เลิกShe quit working here.
ผู้หญิงคนนั้น เลิกทำงานที่นี่แล้ว (เธอไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว)
ตามด้วย gerund คือ เลิกสิ่งที่กำลังทำอยู่

She quit to work here.
เธอเลิก เพื่อมาทำงานที่นี่ (เธอทำงานที่นี่)
ตามด้วย infinitive มีความหมายว่า in order to (เพื่อ)

prevent
ป้องกัน You can’t prevent my leaving.
คุณป้องกันการจากไปของผม ไม่ได้หรอก

You can’t prevent me from leaving.
คุณป้องกันไม่ให้ผมจากไป ไม่ได้หรอก

We are working to prevent forest fires.
เราทำงานเพื่อป้องกันไฟป่า

prevent ตามด้วย possessive adjective + gerund (เช่น my leaving)
หรือ มีกรรม + from + gerund เช่น prevent me from leaving หรือ ต่อด้วยคำนาม ก็ได้

recall
จำได้ Tom recalled using his credit card at the store.
ทอมจำได้ว่า ได้ใช้บัตรเครดิต ที่ร้านแห่งนั้น
recommend
แนะนำ
Tony recommended taking the train.
โทนี่ แนะนำการไปด้วยรถไฟ
Tony recommended Mary to take the train.
โทนี่ แนะนำให้แมรี่ เดินทางโดยรถไฟ
มีกรรมมาคั่น ให้ตามด้วย infinitive
คำอื่น ๆ เช่น advise, recommend, allow, permit, require เป็นต้น

Tony recommended that Mary take the train.
โทนี่ แนะนำว่า แมรี่เดินทางโดยรถไฟ
ประโยคนี้เป็น Subjunctive Mood คำกริยาของส่วนหลัง (that clause) จะเป็น infinitive without to
คำกริยาอื่น ๆ เช่น ask, demand, determine, insist, move, order, pray, prefer, recommend, regret, request, require, suggest, และ wish

regret
เสียใจI regret promising to help you.
ฉันเสียใจที่ได้ให้สัญญาว่าจะช่วยคุณ
regret + gerund = เสียใจกับสิ่งที่ทำไปแล้ว

I regret to tell you that we can’t hire you.
ฉันเสียใจที่จะบอกให้คุณทราบว่า เราไม่สามารถจ้างคุณได้
regret + infinitive = เสียใจกับสิ่งที่กำลังทำ หรือกำลังจะทำ เช่น เสียใจที่จะบอกว่า….

remember
จำได้I remember locking the door when I left
ฉันจำได้ว่า ได้ล็อคประตูตอนออกจากบ้าน – ได้ล็อคประตู และยังคงจำได้ว่าได้ทำแล้ว
remember + gerund = จำได้ในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว

Remember to lock the door before you leave.
จำไว้ว่า ให้ล็อคประตูก่อนออกจากบ้าน – ยังไม่ได้ทำ
remember + infinitive = จำไว้ว่าจะต้องทำ

require
ต้องการ/จำเป็น/บังคับThe certificate requires completing two courses.
(หลักสูตร)ประกาศนียบัตร ระบุว่าต้องเรียนจบ 2 รายวิชา
They require us to complete two courses.
เขาให้เราจำเป็นต้องเรียน 2 รายวิชา

resist
ต่อต้านShe couldn’t resist laughing at him in those clothes.
เธอไม่สามารถต้านการหัวเราะเขาในเครื่องแต่งตัวชุดนั้นได้ (อดหัวเราะไม่ได้นั่นเอง)
risk
เสี่ยงIt’s always a risk starting up a new business.
มันเป็นการเสี่ยงเสมอ ในการจัดตั้งธุรกิจใหม่

see
มองเห็นI saw some men loading and unloading the trucks.
ฉันเห็นผู้ชาย 2-3 คน เอาของขึ้น เอาของลงจากรถบรรทุก

He saw her drive off with a young man in the passenger seat.
เขาเห็นเธอขับรถออกไปพร้อมด้วยชายหนุ่มนั่งในที่นั่งผู้โดยสาร

see + gerund = เห็นขณะที่อะไรกำลังเกิดขึ้น
see + infinitive without to = เห็นตลอดเหตุการณ์ ตั้งแต่ต้นจนจบ

stop
หยุดShe stopped working at 5 o’clock.
เขาหยุดทำงานตอน 5 โมง
ใช้ gerund เพื่อบอกว่า หยุดทำอะไร ในที่นี้คือ กำลังทำงาน แล้วหยุด ไม่ใช่ หยุดเพื่อทำงาน
stop + gerund = หยุดสิ่งที่กำลังทำ

I was very hungry, so I stop to eat.
ฉันหิวมาก จึงหยุดเพื่อกินอาหาร
ใช้ infinitive ในความหมายว่า in order to หรือ หยุด เพื่อทำอะไร ในที่นี้คือ เพื่อกินอาหาร
stop + infinitive = หยุดบางอย่างเพื่อจะทำบางอย่าง

suggest
แนะนำ They suggested staying at the hotel.
พวกเขาแนะนำให้พักที่โรงแรมนั้น

They suggested that Mrs Giddy be appointed as deputy head.
พวกเขาเสนอว่า นางกิดดี้ ต้องได้รับการแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้า

I suggested that he ask someone else.
ฉันแนะว่า เขาต้องถามคนอื่น

Suggest + that clause (หรือ วลีที่ขึ้นต้นด้วย that) เป็น Subjunctive Mood คำกริยาของส่วนหลัง (that clause) จะเป็น infinitive without to

คำกริยาอื่น ๆ เช่น ask, demand, determine, insist, move, order, pray, prefer, recommend, regret, request, require, suggest, และ wish

try
ลอง, พยายามSam tried opening the lock with a paperclip.
แซมลองใช้ลวดเสียบกระดาษไขกุญแจ (เช่น ลูกกุญแจหาย ลองเอาลูกกุญแจดอกอื่ืน ๆ มาไขแล้วก็ไม่ได้ผล สุดท้ายเลยลองเอาลวดเสียบกระดาษมาลองไข (try) ดูซิว่า จะได้ผลหรือไม่)
try + gerund = ทดลอง ทดสอบดู ลองดูวิธีอื่น ๆ

He tried to study hard to pass the exam.
เขาพยายามดูหนังสืออย่างหนัก เพื่อที่จะให้สอบผ่านให้ได้
try + infinitive = พยายามทำ (ในสิ่งที่ยาก ต้องออกแรง)

understand
เข้าใจI understand his quitting.
ฉันเข้าใจการออกจากงานของเขา

urge
กระตุ้นThey urge recycling bottles and paper.
เขากระตุ้น/ส่งเสริมการรีไซเคิ้ลขวดและกระดาษ

They urge citizens to recycle bottles and paper.
เขากระตุ้น/ส่งเสริมให้ประชาชนทำการรีไซเคิ้ลขวดและกระดาษ

มีกรรมมารองรับ ให้ใช้ infinitive

wish
ปรารถนา

  1. wish ในความหมายว่า ต้องการ จะมีการใช้เหมือนคำว่า want คือต้องตามด้วย infinitive
    I wish to speak to Mr Hennessy, please.
    ฉันต้องการพูดกับคุณ Hennessy
  2. wish ในความหมายว่า ปรารถนา ตามด้วย that clause จะใช้รูปแบบเหมือนกับ if clause
    ปรารถนาในปัจจุบันหรืออนาคต
    wish + past tense
    I wish (that) we had a bigger car.
    ฉันปรารถนารถยนต์ที่ใหญ่กว่านี้
    (กำลังนั่งอัดกันแน่นในรถ ก็เลยพูดว่า แหม ถ้าได้รถที่ใหญ่กว่านี้ก็จะดีไม่น้อย)
    ปรารถนาในเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
    wish + past perfect
    I wish (that) I had known Charlie was coming. I would have invited Jane.
    ฉันปรารถนาว่าจะได้รู้ก่อนว่าชาลีจะมา. ฉันจะได้เชิญเจนด้วย
    (แหม ถ้ารู้ว่าชาลีจะมาก่อนก็ดี จะได้บอกเจนให้มาด้วย)
    (จริง ๆ คือ ไม่รู้มาก่อนว่า ชาลีจะมา และก็ไม่ได้เชิญ เจน มาด้วย จึงเสียดายและพูดประโยคนี้ออกมา – เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว)
  3. wish + would + กริยาช่อง 1 เมื่อรำคาญบางอย่าง
    I wish you would stop making so much noise!
    ฉันหวังว่าคุณจะหยุดทำเสียงดังมากนั้นเสีย!

[Update] Past Tense ที่มี Time Expressions ในประโยคบอกเล่าและปฏิเสธ | past participle แปล ว่า – NATAVIGUIDES

สวัสดีค่ะนักเรียน ม.2 ที่น่ารักทุกคน วันนี้ครูจะพาไปดูเทคนิคและวิธีการใช้ ” Past Tense ที่มี Time Expressions ในประโยคบอกเล่าและปฏิเสธ” ซึ่งเมื่อเล่าถึงเวลาในอดีตส่วนใหญ่แล้วเรามักเจอคำว่า yesterday (เมื่อวานนี้), 1998 (ปี ค.ศ. ที่ผ่านมานานแล้ว), last month (เดือนที่แล้ว)  และกลุ่มคำอื่นๆ ที่กำกับเวลาในอดีต ซึ่งเราจะเจอ Past Time ในกลุ่ม Past Tenses หรือ อดีตกาล ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย

มาเริ่มกับ Past Tenses

 

 

การพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดในอดีตนั้นสามารถพูดได้หลายรูปแบบ แต่จะพูดอย่างไรให้สอดคล้องกับบริบทนั้นย่อมสำคัญเช่นกัน และก่อนอื่นเราจะต้องรู้จักก่อนว่า การเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตนั้นเราสามารถเล่าได้หลายแบบ ครูจะขอยกตัวอย่างจากสถานการณ์การใช้ไปหาโครงสร้างและคำศัพท์ที่จำเป็นเพื่อให้เราเข้าใจความสำคัญของ Tense นั้นๆ ร่วมกับเทคนิค “Situational usage” บทสนทนาที่ใช้ ใน Past Tenses ทั้งสี่รูปแบบของประโยคบอกเล่า/ปฏิเสธ ไปลุยกันเลยเด้อ

 

Time Expressions ในประโยคบอกเล่า/ปฏิเสธ

 

Past Time (3)

 

อดีตกาล
(Past Tenses)

การใช้
(
Usage)
โครงสร้าง
(
Structure)

คำกำกับเวลา

 

1) Past Simple Tense
ใช้กับเหตุการณ์ที่เราทำในอดีตย้ำว่า

เกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว

 

 

Ex: บอกเล่า

“Subject + V.2 หรือ Verb –ed”

Daniel ate noodles yesterday.

แดเนียลกินก๋วยเตี๋ยวเมื่อวานนี้

 

ปฏิเสธ:

“Subject + did not + v.inf…”

 

Ex:

You did not go home last week.

คุณไม่ได้กลับบ้านสัปดาห์ที่แล้ว

เวลาในอดีต 1990

3 days ago  (สามวันที่แล้ว)
last  month (เดือนที่แล้ว)
yesterday (เมื่อวานนี้)
in 1997 (ในปี ค.ศ. 1997 ที่เป็นอดีตมาแล้ว)

2. Past Continuous
 

บอกเล่า:

“Subject + was, were + V.ing…”

Ex: Albert Einstein was sitting under the apple tree.

แปล อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กำลังนั่งอยู่
ใต้ต้นแอปเปิล

(ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในอดีต)

 

 

โครงสร้างประโยคปฏิเสธ: Subject + was, were + “not” (wasn’t, weren’t) + V.ing…

Ex: 

Sophia did not like durian.
แปล โซเฟียไม่ชอบทุเรียน

 

 at the moment in the past
(ณ ขณะหนึ่งในอดีต)specific time in the past
(จุดๆหนึ่งที่เฉพาะเจาะจงในอดีต)
3. Past Perfect
 
บอกเล่า: Subject + had + V.3

Ex: I have had breakfast recently.

แปล ฉันพึ่งทานข้าวเช้าเมื่อครู่นี้เอง

 

ปฏิเสธ:

Subject + had not(hadn’t)+v.3

Ex:

The refugee hadn’t had breakfast since yesterday.
แปล ผู้อพยพยังไม่ได้ทานอาหารเช้าตั้งแต่เมื่อวานนี้

 

Previously (ก่อนหน้านี้)
just (พึ่งจะ)Before (ก่อน)
Recently (ไม่นานมานี้)Since (ตั้งแต่) + จุดๆหนึ่งของเวลาFor (เป็นเวลา) + ช่วงเวลาTill or until (จนกระทั่ง)

4. Past Perfect Continuous
 

บอกเล่า:
Subject + had + been + V.ing

Ex:
I had been running since 5 a.m. till 6 a.m. this morning.

แปล ฉันได้วิ่งมาตั้งแต่ตีห้าถึงหกโมงเช้า (วิ่งแบบไม่หยุดเลย)

ปฏิเสธ:

Ex.

I hadn’t been studying hard like before.
ฉันไม่ได้ขยันเรียนเหมือนแต่ก่อนเลย

 

 Past Simple Tense

 


โครงสร้างประโยคบอกเล่า: Subject + Verb 2 หรือ Verb เติม ed
ใช้กับเหตุการณ์ หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงในอดีต มักมีคำหรือกลุ่มคำของอดีตมากำกับเช่น yesterday, ago, last year, last month, last time

 

Situation: Rosie went to school late.

Dan: Why did you go to school late yesterday Rosie? (ทำไมเมื่อวานโรซี่ไปโรงเรียนสายเหรอ)
Rosie: I was at the garage.(ฉันไปอู่ซ่อมรถมาน่ะ)
Dan: What happened? (เป็นอะไรหรือเปล่า)
Rosie: My motorbike didn’t work yesterday. (รถมอเตอร์ไซ์ฉันเสียเมื่อวานนี้)

จะสังเกตได้ว่า  yesterday (เมื่อวานนี้) คือคำบอกเวลาในอีต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้ว

สรุปโครงสร้างประโยคปฎิเสธ:  Subject + did + not (didn’t)+ V.inf…

เช่น I did not go to school yesterday. แปลว่า ฉันไม่ได้ไปโรงเรียนเมื่อวานนี้

 

Past Continuous Tense

 

Past Time (1)

 

โครงสร้างประโยคบอกเล่า: Subject + was, were + V.ing…
เช่น

She was writing her diary while I was playing games.
เธอกำลังเขียนไดอารี่อยู่ขณะที่ฉันกำลังเล่นเกม

โครงสร้างประโยคปฎิเสธ: Subject + was, were + “not” (wasn’t, weren’t) + V.ing…

เช่น

Danniel was not paying attention to the class while a teacher was teaching.
แดเนียลไม่ตั้งใจเรียนขณะที่ครูกำลังสอนอยู่

สรุปหลักการใช้ Past Continuous:

1) ใช้ร่วมกับ Past Simple Tense เมื่อมีเหตุการณ์ หรือการกระทำ 2 อย่างเกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต

  • Past Simple Tense ใช้กับเหตุการณ์สั้นๆ ที่เกิดขึ้นทีหลัง
  • Past Continuous Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน  และ กำลังดำเนินอยู่ ณ ขณะนั้น

Situation: While Dazy was watching a Netflix, her mom arrived at the door.
Mom: Knock knock! Dazy, could you open the door? (ก้อกๆ เดซี่เปิดประตูให้แม่หน่อย)
Mom: (Complaining) why wasn’t she openning the door?  (แม่บ่น…ทำไมเธอถึงไม่เปิดประตู)
Dazy: Wait mom, I was waching a Netflix. (รอก่อนนะแม่ หนูกำลังดู Netflix อยู่)

 

2) อย่างที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีตในเวลาเดียวกัน

Situation: Venus was playing her mobile phone, while her teaching was teaching.

Ohm: What were you doing Venus while your teacher was teaching?
(วีนัส เธอทำอะไรอยู่ตอนที่ครูกำลังสอน)
Venus: Um…I was playing on my mobile phone. (เอิ่ม ฉันเล่นโทรศัพท์อยู่นะ)
Ohm: No wonder why teacher was very mad at you. (ไม่น่าล่ะ ครูโกรธใหญ่เลย)

 

 

Past Perfect Tense

 

โครงสร้างประโยคปฏิเสธ: Subject + had not + V.3 (Past Participle)…

Past Perfect

 

ทวนโครงสร้างประโยคบอกเล่า ในโครงสร้าง Subject + had + Past participle (V.3)
ใช้กับเหตุการณ์ หรือการกระทำ 2 อย่างที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดแล้วลงในอดีต

  • เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนให้ใช้ Past Perfect Tense
  • เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังให้ใช้ Past Simple Tense

Situation: Uncle Roger is talking to his grandmother, Mali

Uncle Roger: Had you been to the USA in 90s?
(คุณเคยไปประเทศสหรัฐอเมริกาในยุค90มั้ย)
Granny Mali:
Nope, I hadn’t been to the USA during that time.
(ฉันไม่เคยไปอเมริกาในยุค 90 เลย)
Granny Mali: I had been to Italy, Sweden, Denmark, and Singapore.

(ฉันเคยไปประเทศอิตาลี สวีเดน เดนมาร์ก และสิงคโปร์)
Uncle Roger: I got jealous already!
(อิจฉาคุณยายจังเลยครับ)

Past Perfect Continuous Tense

 

Past Time

 

โครงสร้างประโยคบอกเล่า: Subject + had + been + V. ing
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ: Subject + had not (hadn’t) + been +V.ing

Past Perfect Continuous Tense  จะเน้นความต่อเนื่องของเหตุการณ์
หรือการกระทำได้ดีกว่า Past Perfect Tense

 

Situation: Interviewing Mark Zuckerberg, the co-founder of Facebook

Interviewer: What’s your secret of becoming so “successful”?

= ความลับที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จคืออะไร

Mark Zuckerberg: I had been working hard on my dream.
= ผมทำงานหนักเพื่อความฝันของผม (อย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน หรือพักเลย)


Interviewer: Why had you been working hard like that?
= ทำไมคุณถึงทำงานหนักแบบนั้น

Mark Zuckerberg: Because I hadn’t been living in a good life-quality like today.
= เพราะว่าเมื่อก่อนผมไม่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบทุกวันนี้

 

ขอให้สนุกกับการทบทวนบทเรียนกันนะคะ อย่าลืมทบทวนบทเรียนเรื่อง Past Simple Tense กับวีดีโอด้านล่างนะคะ ซึ่งทั้งอัลบั้มนี้มีให้ทบทวนบทเรียนเกือบทุกเรื่องในภาษาอังกฤษบนยูทูปฟรีๆ เลยจร้า กดดูวีดีโอทบทวนสนุกๆได้ที่ด้านล่างเลยเด้อ

Have a good day! ขอให้มีวันที่ดีค่า
See you next time! แล้วเจอกันค่า

 

 

 

+1


Using Past Participle | English for Adults


Simply explained how to form and use the Past Participle.
If you become my Patron, you can download this as a PDF!

Patreon https://www.patreon.com/EnglishforAdults
Facebook https://www.facebook.com/englishforadults2020
Youtube https://www.youtube.com/c/EnglishforAdults

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Using Past Participle | English for Adults

List of Irregular Verbs.mp4


List of Irregular Verbs in English

List of Irregular Verbs.mp4

Grammar 2.1 Participles I (Present, Past Participles)


CKR Perfect English online course
ทักษะที่ 1 Grammar (ไวยกรณ์)
หัวข้อที่ 1 Participles
เรื่อง Present, Past Participles
โดย อ.ขวัญชนก หนูสง (ครูนิ้ง)
Camera Director: อัยรัตน์ โอฐกรรม, เจียระไน เฉลิมดิษฐ
Editor: สหภาพ เกิดช่วง
CKR englishonline nursingstudents grammar participles
โครงการพัฒนาคุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ด้านภาษาอังกฤษ
ผู้รับผิดชอบโครงการ อ.สุภัทรา สีเสน่ห์ ฝ่ายวิชาการและพัฒนานักศึกษา
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จักรีรัช

Grammar 2.1 Participles I (Present, Past Participles)

Past Participle Verbs


Past Participle Verbs

วิธีการใช้ Participle แบบเข้าใจง่าย


วิธีการใช้ Participle แบบเข้าใจง่าย โดยครูอีฟ
🐑วีดีโอนี้ตัดต่อมาจาก FB live จากเพจ ASheep Education🐑
🐑🐑 ครูอีฟไลฟ์สดทุกวันพฤหัส ช่วงค่ำๆ ไปติดตามกันได้นะจ๊ะ🐑🐑
ติดตามเพจ www.fb.com/asheepeducation

วิธีการใช้ Participle แบบเข้าใจง่าย

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ past participle แปล ว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *