Skip to content
Home » [NEW] ความหมายและการใช้ Degree Adverbs | การใช้adverb – NATAVIGUIDES

[NEW] ความหมายและการใช้ Degree Adverbs | การใช้adverb – NATAVIGUIDES

การใช้adverb: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Degree adverb (ดีกรี แอ็ดเวิบ) เป็นชนิดของกริยาวิเศษณ์ที่บอกระดับความเข้มข้นของการกระทำ (action) คุณศัพท์ (adjective) หรือกริยาวิเศษณ์อีกคำหนึ่ง (another adverb) หรือกริยาวิเศษณ์อีกคำหนึ่ง (another adverb) สำหรับ Degree adverbs ที่พบบ่อย ได้แก่ almost, nearly, quite, just, too, enough, hardly, scarcely, rarely, completely, very (much), fairly, rather และ extremely
ตำแหน่งของ Degree adverbs
1. วางไว้หน้าคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์ ที่มันขยาย ดังโครงสราง Degree adverb + Adjective/Adverb
ตัวอย่าง
The water was extremely cold.
น้ำหนาวเย็นมาก
(extremely “มาก” เป็น degree adverb ขยายคุณศัพท์ cold)
I am too tired to go out tonight.
ผมเหนื่อยเกินไปที่จะออกไปข้างนอกคืนนี้
(too “เกินไป” เป็น degree adverb ขยายคุณศัพท์ tired)
He worked very quickly.
เขาทำงานเร็วมาก
(very “มาก” เป็น degree adverb ขยายกริยาวิเศษณ์ quickly)
You did it quite well.
คุณทำมันได้ค่อนข้างดี
(quite “ค่อนข้าง” เป็น degree adverb ขยายกริยาวิเศษณ์ well)
2. วางไว้หน้ากริยาหลัก (main verb) ดังโครงสร้าง
Degree adverb + Main verb
ตัวอย่าง
He was just leaving.
เขาเพิ่งจะออกไป
(just “เพิ่งจะ” เป็น degree adverb ขยายกริยาหลัก leaving)
She has almost finished it.
เธอทำมันเกือบจะเสร็จแล้ว
(almost “เกือบจะ” เป็น degree adverb ขยายกริยาหลัก finished) She doesn’t quite know what she’ll do after graduating from the university.
เธอแทบจะไม่รู้ว่าจะทำอะไรเลยหลังจากจบจากมหาวิทยาลัย
(quite “แทบจะ” เป็น degree adverb ขยายกริยาหลัก know)
ความหมายและการใช้
1. almost & nearly
almost และ nearly มีความหมายเดียวกันคือ not completely/not quite แปลว่า “เกือบ, เกือบจะ” ใช้วางหน้าคุณศัพท์ (adjectives) หรือกลุ่มนาม (noun groups) ดังโครงสร้าง almost/nearly + adjective/noun groups
ตัวอย่าง
We’re nearly ready now.
พวกเราเกือบพร้อมแล้วตอนนี้
(nearly วางหน้าคุณศัพท์ ready)
I spent almost a month in China.
ผมใช้ชีวิตเกือบหนึ่งเดือนในประเทศจีน
(almost วางหน้ากลุ่มนาม a month in China)
The hay was almost ready for cutting.
ฟางข้าวเกือบพร้อมแล้วสำหรับการตัด
(almost วางหน้าคุณศัทพ์ ready)
She liked doing nearly all the things.
เธอชอบทำเกือบจะทุกสิ่ง
(nearly วางหน้ากลุ่มนาม all the things)
วาง almost/nearly หน้ากริยาหลัก (main verb) หากว่าในประโยคมี กริยาช่วยหนึ่งคำ (one auxiliary) และกริยาหลัก ให้วางไว้หลังกริยาช่วย แต่ถ้าหากมีกริยาช่วยมากกว่าหนึ่งคำ และกริยาหลัก ให้วางไว้หลังกริยาช่วยตัวที่หนึ่ง ดังโครงสร้าง
(1) almost/nearly + main verb
(2) auxiliary + almost / nearly + main verb
(3) auxiliary 1 + almost / nearly + auxiliary 2 + main verb
ตัวอย่าง
Dad nearly died after being bitten by a snake.
พ่อเกือบตายหลังจากถูกงูกัด
Douglas had almost run out of food.
ดักลาสเกือบไม่มีอาหารเหลือเลย
I have nearly been drowned three times.
ผมเกือบจะจมน้ำตายมาสามครั้งแล้ว
วาง almost/nearly ไว้หน้า Time adverbs (กริยาวิเศษณ์บอกเวลา) เช่น every morning, every day หรือ Place adverbs (กริยาวิเศษณ์บอกสถานที่) เช่น there, here เป็นต้น
ตัวอย่าง
I used to ride nearly every day.
ผมเคยขับรถเกือบทุกวัน
We went out almost every evening.
พวกเราออกไปข้างนอกเกือบจะทุกเย็น
We are almost there.
พวกเราเกือบจะถึงที่นั่นแล้ว
2. just
เราใช้คำว่า just เมื่อกล่าวถึงการกระทำหรือเหตุการณ์ใดๆ ที่เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ฉะนั้น just จึงมีความหมายว่า a very short time ago แปลว่า “เพิ่งจะ” ปกตินิยมใช้ใน Present Perfect Tense สำหรับ tense อื่น ก็สามารถใช้ just ได้ โดยมักวางไว้หน้ากริยาหลัก (main verb) ดังโครงสร้าง
just + main verb
ตัวอย่าง
He just died.
เขาเพิ่งจะตาย
I’ve just arrived here.
ผมเพิ่งจะมาถึงที่นี่
3. quite
เราใช้คำว่า quite เพื่อชี้แสดงว่าเหตุการณ์หรือการกระทำนั้นค่อนข้างจะถึงขีดสุด ฉะนั้น quite จึงมีความหมายว่า to a fairly great extent แปลว่า “ค่อนบ้างจะ” ใช้วางหน้าคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น ดังโครงสร้าง
quite + adjective / another adverb
ตัวอย่าง
He was quite young.
เขาค่อนข้างจะหนุ่ม
Nid was standing quite close to the manager.
นิดยืนค่อนข้างจะใกล้กับผู้จัดการ
4. enough, very, & too
enough เมื่อทำทน้าที่กริยาวิเศษณ์ หมายถึง to the necessary degree แปลว่า “เพียงพอ, พอดิบพอดี, กำลังดี, พอเหมาะพอเจาะ” วางไว้หลังคุณศัพท์ หรือกริยาวิเศษณ์ ดังโครงสร้าง
adjective/ adverb + enough
ตัวอย่าง
Is your coffee hot enough?
กาแฟของคุณร้อนพอดีไหม
He didn’t work hard enough.
เขาไม่ได้ทำงานหนักเพียงพอ
too เมื่อทำหน้าที่กริยาวิเศษณ์ หมายถึง more than necessary or useful แปลว่า “มากเกินจำเป็น, มากเกินใช้สอย” วางไว้หน้าคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์
ดังโครงสร้าง too + adjective / adverb
ตัวอย่าง
This coffee is too hot.
กาแฟนี้ร้อนเกินไป
He works too hard.
เขาทำงานหนักเกินไป
ทั้ง enough และ too เมื่อใช้กับคำคุณศัพท์ สามารถตามด้วยวลี “for someone/something” ได้ด้วย ดังโครงสร้าง
adjective/adverb + enough + for someone/something
too + adjective/adverb + for someone/something
ตัวอย่าง
The shirt was big enough for me.
เสื้อเชิ้ตใหญ่พอดีสำหรับผม
The shirt was too big for me.
เสื้อเชิ้ตใหญ่เกินไปสำหรับผม
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้วลี “to + infinitive” หลัง enough และ too กับคุณศัพท์ หรือกริยาวิเศษณ์ได้ด้วย
ตัวอย่าง
The coffee was too hot to drink.
กาแฟร้อนเกินไปที่จะดื่ม
ประโยคนี้ได้มาจากการรวมกันของ 2 ประโยคคือ
1. The coffee was very hot.
2. I can’t drink it.
He didn’t work hard enough to pass the exam.
เขาไม่ขยันพอที่จะสามารถสอบผ่านได้
ประโยคนี้ได้มาจากการรวมกันของ 2 ประโยคคือ
1. He didn’t work very hard.
2. He couldn’t pass the exam.
very หมายถึง “มาก” วางไว้หน้าคุณศัพท์ หรือกริยาวิเศษณ์ เพื่อเพิ่มน้ำหนักความหมายของคำคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์นั้นให้มากขึ้น ดังโครงสร้าง
very + adjective / adverb
ตัวอย่าง
That girl was very beautiful.
เด็กหญิงคนนั้นสวยมาก
He worked very quickly.
เขาทำงานเร็วมาก
หากต้องการสื่อความหมายในเชิงปฏิเสธ หรือตรงข้ามกัน ใช้ not very
ตัวอย่าง
That girl was not very beautiful.
เด็กหญิงคนนั้น ไม่สวยมาก
He didn’t work very quickly.
เขาไม่ได้ทำงานเร็วมาก
ข้อควรระวัง ระหว่าง too กับ very มีความแตกต่างกันอยู่มาก กล่าวคือ too บ่งบอกถึงปัญหา (problem) แต่ very บ่งบอกถึงข้อเท็จจริง (fact)
ตัวอย่าง
He speaks English too quickly.
เขาพูดภาษาอังกฤษเร็วเกินไป (ทำให้คนฟังไม่รู้เรื่อง)
He speaks English very quickly.
เขาพูดภาษาอังกฤษเร็วมาก (คนฟังรู้เรื่อง)
ยังมี Degree adverbs อื่นๆ อีกที่มีความหมายและการใช้คล้ายคลึงกับ very และ not very ดังรายการคำเหล่านี้เรียงตามลำดับความแรง (strengthe) ของความหมายจากเชิงบวก (positive) ไปยังเชิงลบ (negative) ดังนี้
POSITIVE→→→→→→→→→→→→→→→→→→→→→NEGATIVE
extremely especially particularly pretly quite fairly rather not especially not particularly
หมายเหตุ นักเรียนต่างชาติที่มิใช่เจ้าของภาษาอังกฤษ มักใช้คำว่า fairly กับ rather ผิดอยู่บ่อยๆ เนื่องจากทั้งสองคำมีความหมายใกล้เคียงกัน ฉะนั้น จึงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าทั้งสองคำที่ใช้ต่างกันอย่างไรบ้าง
fairly เป็นกริยาวิเศษณ์ที่ใช้เมื่อผู้พูดหรือผู้เขียนปรารถนาจะยืนยันความคิดที่รื่นรมย์เป็นไปในทางบวก (positive or pleasant idea) ส่วน rather นั้นใช้ในทางตรงข้าม กล่าวคือ ใช้เมื่อความคิดนั้นๆ ไม่รื่นรมย์เป็นไปในทางลบ (negative or unpleasant idea) หรืออาจจะกล่าวได้ว่า เมื่อใช้คำว่า fairly จะพุ่งเป้าไปยังอุดมคติ (ideal) ที่เราเห็นชอบ แต่หากใช้คำว่า rather จะเบี่ยงเบนออกจากอุดมคติ คือไม่เห็นชอบกับสิ่งนั้น
ตัวอย่าง
The film was rather disappointing.
ภาพยนตร์เรื่องนั้นค่อนข้างจะน่าผิดหวัง(ไม่ค่อยดี)
The information was fairly accurate.
ข้อมูลค่อนข้างจะเที่ยงตรง (ดีพอใช้)
Mary is rather tall for her age.
แมรี่ค่อนข้างสูงเกินอายุ (สูงมากไป)
The room looks fairly clean.
ห้องค่อนข้างจะสะอาด (สะอาดพอใช้)
He found his host rather irritating.
เขาพบว่าเจ้าของบ้านค่อนข้างจะน่ารำคาญ
5. hardly, rarely, & scarcely
Degree adverbs ทั้งสามคำนี้ มีความหมาย “แทบจะไม่” ซึ่งบ่ง บอกความหมายในเชิงปฏิเสธ โดยปกติภายในประโยค จะวาง hardly, rarely, scarcely ไว้หน้า main verb หรือวางไว้หลัง verb to be หรือกริยาช่วยอื่น (other auxiliary) ดังโครงสร้าง
hardly/rarely/scarcely + main verb
verb to be/ other auxiliary + hardly / rarely / scarcely
ตัวอย่าง
I hardly knew him.
ผมแทบจะไม่รู้จักเขาเลย
We could hardly move.
พวกเราแทบจะเคลื่อนไหวไม่ได้เลย
He rarely comes here.
เขาแทบจะไม่มาที่นี่เลย
I can scarcely remember what we ate.
ผมแทบจะจำไม่ได้เลยว่าพวกเราได้รับประทานอะไร
There could scarcely be a promising environment.
แทบจะไม่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเลย
โครงสร้างที่เห็นดังตัวอย่างเหล่านี้เป็นโครงสร้างปกติ (regular structure) ของการวางตำแหน่งของ Degree adverbs ทั้ง 3 คำนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกโครงสร้างหนึ่งเรียกว่า Negative inversion ซึ่งใช้ได้เฉพาะกับข้อความในประโยคที่มี Degree adverbs ที่เป็น negative meaning เมื่อวางไว้ตอนเริ่มต้นประโยค (placed at the beginning of the sentence) ในที่นี้คือ hardly, rarely และ scarcely โครงสร้างจะเป็นดังนี้
Hardly/Rarely/Scarcely + auxiliary + subject + main verb + remaining part
หมายเหตุ     1. remaining part = ส่วนที่เหลือ
2. การใช้ auxiliary มีหลักอยู่ว่า ถ้าหากในประโยคเดิมมีกริยาช่วยแสดงอยู่แล้ว ให้ใช้กริยาช่วยตัวนั้นเลย แต่หากในประโยคเดิมมีเฉพาะกริยาหลัก ก็ให้ใช้ verb to do ซึ่งต้องดูว่า กริยาหลักนั้นเป็นรูปกาล (tense) ใด กล่าวคือ หากเป็น Past Simple ให้ใช้ did หากเป็น Present Simple ก็ใช้ do/does ทั้งนี้ แล้วแต่ว่า subject (ประธาน) เป็นอะไร หากเป็นประธานบุรุษที่ 1 หรือ 2 หรือบุรุษที่ 3 พหูพจน์คือ they หรือนามพหูพจน์ให้ใช้ do แต่หากเป็นประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 คือ he, she, it หรือ นามเอกพจน์ให้ใช้ does
ตัวอย่าง
I hardly knew him.
=Hardly did I know him.
ผมแทบจะไม่รู้จักเขา
We could hardly move.
=Hardly could we move.
พวกเราแทบจะเคลื่อนไหวไม่ได้เลย
He rarely comes here.
=Rarely does he come here.
เขาแทบจะไม่มาที่นี่เลย
I can scarcely remember what we ate.
= Scarcely can I remember what we ate.
ผมแทบจะจำไม่ได้เลยว่าพวกเราได้รับประทานอะไร
There could scarcely be a promising environment.
= Scarcely could there be a promising environment.
แทนจะไม่มีสภาพแวดล้อมที่ดีเลย
นอกจาก hardly, rarely และ scarcely จะสามารถใช้ตามโครงสร้างนี้ได้แล้ว ยังมี adverbs และ adverbial expressions อื่นอีก ที่ใช้โครงสร้างประโยคตามนี้ ได้แก่ seldom, not only … but also, no sooner … than, not until, under no circumstances, hardly ever และ never
โปรดดูตัวอย่างเพิ่มเติม
It selsom rains here.
Seldom does it rain here.
ฝนแทบจะไม่ตกที่นี่เลย
I no sooner reached the surface than I was pulled back again. =No sooner did I reach the surface than I was pulled back again.
ผมยังไม่ทันจะขึ้นถึงผิวน้ำเลยก็ถูกดึงกลับไปอีก
หมายเหตุ โครงสร้างแบบ Negative inversion นี้ไม่เป็นที่นิยมใช้ในภาษาทูต มีใช้กันในภาษาเขียนเป็นส่วนใหญ่
6. completely
completely มีความหมายว่า “อย่างสมบูรณ์หรือโดยสมบูรณ์” วางไว้หน้าหรือหลัง main verb หรือหลัง auxiliary ดังโครงสร้าง
หรือ
completely + main verb หรือ sentence + completely
auxiliary + completely
ตัวอย่าง
I completely disagree with you.
I disagree with you completely.
ผมไม่เห็นด้วยกับคุณเลยแม้แต่น้อย
What you said are completely right.
สิ่งที่คุณได้พูดมาถูกต้องไม่มีที่ติเลย
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 14,825 times, 3 visits today)

[NEW] หลักการใช้ adverb of frequency พร้อมตัวอย่างประโยค | การใช้adverb – NATAVIGUIDES

ในภาษาอังกฤษ เวลาเราต้องการบอกว่าเราทำอะไรบ่อยขนาดไหน เราก็จะใช้คำอย่างเช่น always, usually, often, sometimes ซึ่งคำเหล่านี้จะถูกเรียกรวมๆว่า adverb of frequency

สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยแม่นเรื่อง adverb of frequency ในบทความนี้ ชิววี่ก็ได้เรียบเรียงเนื้อหามาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

Adverb of frequency คืออะไร

Adverb of frequency คือคำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ่อยมากน้อยเพียงใด ยกตัวอย่างเช่นคำว่า always, usually, often, sometimes, never

(คำว่า adverb แปลว่า “คำกริยาวิเศษณ์” ส่วนคำว่า frequency แปลว่า “ความถี่” เมื่อใช้รวมกัน คำว่า adverb of frequency จึงแปลว่า “คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้บอกความถี่” นั่นเอง )

ทบทวนความรู้
Adverb (คำกริยาวิเศษณ์) คือคำที่ใช้ขยาย verb, adjective, adverb หรือประโยค ซึ่งมักจะเป็นคำที่ลงท้ายด้วย -ly อย่างเช่น quickly, slowly, happily, sadly แต่ก็มี adverb บางคำที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย -ly เช่นกัน อย่างเช่นคำว่า always, never, very, fast

Adverb of frequency มีคำว่าอะไรบ้าง

Adverb of frequency จะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกก็คือกลุ่มที่ไม่ชี้ชัด (adverb of indefinite frequency) ซึ่งก็คือกลุ่มคำที่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าถี่ขนาดไหน แต่จะบอกความถี่แค่คร่าวๆเท่านั้น

ตัวอย่าง adverb of frequency ที่ใช้บ่อยในกลุ่มนี้เรียงตามความถี่จากมากไปน้อยก็อย่างเช่น

ความถี่Adverb of frequencyความหมายตัวอย่างประโยคบ่อยมาก (100%)Alwaysเป็นประจำ, เสมอI always wake up at 6 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอนหกโมงเป็นประจำUsuallyมักจะTim usually goes to school by bus.
ทิมมักจะไปโรงเรียนด้วยรถประจำทางNormally
GenerallyโดยปกติWe normally/generally have lunch at the canteen.
โดยปกติแล้ว พวกเราจะกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารOften
Frequentlyบ่อยครั้งAnne often/frequently does yoga.
แอนเล่นโยคะบ่อยSometimesบางครั้งI sometimes go swimming with my friends.
บางครั้งฉันก็ไปว่ายน้ำกับเพื่อนๆOccasionallyเป็นครั้งคราวMy aunt occasionally comes to visit us.
ป้าของฉันมาเยี่ยมพวกฉันบ้างเป็นครั้งคราวSeldomไม่ค่อยHe seldom goes to the gym.
เขาไม่ค่อยไปฟิตเนสRarely
Hardly everนานๆครั้งI rarely/hardly ever eat spicy food.
นานๆครั้งฉันถึงจะกินอาหารเผ็ดไม่เคยเลย (0%)Neverไม่เคยShe never wears high heels.
เธอไม่เคยใส่รองเท้าส้นสูง

นอกจากในตารางแล้ว ยังมี adverb of frequency อีกกลุ่มหนึ่ง นั่นก็คือกลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด (adverb of definite frequency) โดยจะเป็นตัวที่ระบุชัดเจนเลยว่าถี่ขนาดไหน อย่างเช่น

  • Hourly – ทุกชั่วโมง
  • Every day – ทุกวัน
  • Daily – ทุกวัน
  • Every week – ทุกสัปดาห์
  • Weekly – ทุกสัปดาห์
  • Every month – ทุกเดือน
  • Monthly – ทุกเดือน
  • Every year – ทุกปี
  • Yearly – ทุกปี
  • Annually – ทุกปี
  • Once a day – วันละครั้ง
  • Twice a week – สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
  • Three times a month – เดือนละ 3 ครั้ง

ทั้งนี้ adverb of frequency ในกลุ่มนี้หลายๆคำสามารถทำหน้าที่เป็น adjective (คำที่ใช้ขยายคำนาม) ได้ด้วย อย่างเช่นในคำว่า weekly meeting ตัว weekly นี้ทำหน้าที่เป็น adjective ขยายคำว่า meeting ซึ่งจะแปลว่า “การประชุมประจำสัปดาห์”

หลักการใช้ adverb of frequency

การใช้ adverb of frequency นอกจากเราจะต้องดูความหมายของคำแล้ว เรายังต้องคำนึงถึงตำแหน่งในประโยคด้วย

ตำแหน่งในประโยค

เราจะแบ่งตำแหน่งการใช้ adverb of frequency ในประโยคได้หลักๆ 3 แบบ คือกลางประโยค ต้นประโยค และท้ายประโยค

กลางประโยค

ตำแหน่งกลางประโยคเป็นเหมือนตำแหน่งมาตรฐานของ adverb of frequency นั่นก็คือทุกตัวจะสามารถใช้ตำแหน่งนี้ได้หมด (ยกเว้นกลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด เช่น every day, daily, weekly) โดยจะแบ่งได้เป็น 3 กรณี

1. กรณีที่มีแค่ verb หลัก

ถ้าประโยคมีแค่ verb หลัก โดยที่ verb หลักนั้นไม่ใช่ verb to be (เช่น is, am, are, was, were) เราสามารถใช้ adverb of frequency ไว้หน้า verb หลักได้เลย

I always drink coffee in the morning.
ฉันดื่มกาแฟตอนเช้าเป็นประจำ
(drink เป็น verb หลัก เราสามารถใช้ always หน้า drink ได้เลย)

We rarely see each other now.
เดี๋ยวนี้พวกเรานานๆจะได้เจอกันที
(see เป็น verb หลัก เราสามารถใช้ rarely หน้า see ได้เลย)

2. กรณีที่มี verb หลักเป็น verb to be

ถ้าประโยคมี verb หลักเป็น verb to be (เช่น is, am, are, was, were) โดยทั่วไปแล้ว เราจะใช้ adverb of frequency ไว้หลัง verb to be

I am usually busy with work.
ฉันมักจะยุ่งอยู่กับงาน

He isn’t often late.
เขาไม่ได้สายบ่อยๆ

แต่เราอาจใช้ adverb of frequency ไว้หน้า verb to be เมื่อเราต้องการยืนยันในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด หรือเมื่อเราต้องการเน้น verb to be นั้น

Jack: Is he usually late?
แจ็ค: เขามักจะมาสายใช่มั้ย
Anne: Yes, he usually is.
แอน: ใช่ เขามักจะมาสาย

She was not as cheerful as she normally is.
เธอไม่ร่าเริงเหมือนปกติที่เธอเป็น

3. กรณีที่มี verb ช่วย

ถ้าประโยคมี verb ช่วย (เช่น can, could, may, might, will, would, verb to be ใน continuous tense, verb to have ใน perfect tense) เราจะใช้ adverb of frequency ไว้ระหว่าง verb ช่วยและ verb หลัก (verb ช่วย + adverb of frequency + verb หลัก)

People can sometimes make mistakes.
คนเราบางทีก็สามารถทำอะไรผิดพลาดได้

He has never been to Russia.
เขาไม่เคยไปประเทศรัสเซีย

ต้นประโยค

เราสามารถใช้ adverb of frequency บางคำขึ้นต้นประโยคได้ เช่น usually, normally, often, frequently, sometimes, occasionally

Frequently, social media is used to socialize.
บ่อยครั้ง สื่อโซเชียลก็ถูกใช้ในการเข้าสังคม

Sometimes I miss her.
บางครั้งฉันก็คิดถึงเธอ

แต่ถ้าเป็นคำบางคำอย่าง seldom, rarely, hardly ever, never ถ้าจะใช้ขึ้นต้นประโยค เราจะต้องกลับประธานและ verb (รูป inversion) ซึ่งจะถือเป็นภาษาที่เป็นทางการ ไม่ใช่ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป

Hardly ever did he study hard.
เขาแทบจะไม่เคยตั้งใจเรียนเลย

Never have I felt so sad.
ไม่เคยเลยที่ฉันจะรู้สึกเศร้ามากๆ

สำหรับ adverb of frequency กลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด เช่น every day, annually, twice a month เราก็สามารถใช้ขึ้นต้นประโยคได้เช่นกัน

Every day I walk my dog in the park.
ทุกๆวันฉันจะพาสุนัขไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ
(แม้จะใช้ขึ้นต้นประโยคได้ แต่เรานิยมใช้ every day ไว้ท้ายประโยคมากกว่า)

Once a month, we eat out together at our favorite restaurant.
เดือนละครั้ง พวกเราจะออกไปกินข้าวนอกบ้านที่ร้านโปรด

ทั้งนี้ เมื่อ adverb ทำหน้าที่ขยายทั้งประโยคที่ตามหลัง เราจะนิยมใช้คอมม่า (,) คั่นหลัง adverb แต่ถ้ามันขยายแค่ verb หรือคำบางคำ เราจะเลือกที่จะใช้คอมม่าหรือไม่ก็ได้ (ส่วนมาก adverb of frequency มักจะขยายแค่ verb มากกว่าขยายทั้งประโยค)

ท้ายประโยค

เราสามารถใช้ adverb of frequency บางคำไว้ท้ายประโยคก็ได้เช่นกัน เช่น usually, normally, often, frequently, sometimes, occasionally

I don’t watch movies often.
ฉันไม่ได้ดูหนังบ่อย

We can hang out sometimes.
พวกเราไปเที่ยวด้วยกันบ้างบางครั้งก็ได้นะ

สำหรับ adverb of frequency กลุ่มที่ระบุความถี่แบบชี้ชัด เช่น every day, annually, twice a month เราก็สามารถใช้ท้ายประโยคได้เช่นกัน

I exercise every day.
ฉันออกกำลังกายทุกวัน

My son comes to visit me every year.
ลูกชายฉันมาเยี่ยมฉันทุกปี

รูปปฏิเสธ

Adverb of frequency บางคำจะมีความหมายเชิงปฏิเสธอยู่แล้ว เช่นคำว่า seldom, rarely, hardly ever, never การใช้คำเหล่านี้ในประโยค เราจะไม่ใช้คำปฏิเสธอื่นๆเข้ามาให้มันทับซ้อนกันอีก

เราจะใช้ I rarely eat spicy food. (ฉันไม่ค่อยได้กินอาหารเผ็ด)
แต่จะไม่ใช้ I doesn’t rarely eat spicy food.

เราจะใช้ I have never been to Japan. (ฉันไม่เคยไปประเทศญี่ปุ่น)
แต่จะไม่ใช้ I haven’t never been to Japan.

การใช้ tense

หลายคนมักจะสับสนว่าเราต้องใช้ tense อะไรเวลามี adverb of frequency ในประโยค

ปกติแล้ว adverb ไม่ได้เป็นตัวกำหนด tense ให้กับประโยค แต่สิ่งที่เป็นตัวกำหนด tense จะเป็นใจความของประโยคนั้นๆ ดังนั้น การใช้ adverb of frequency เราจึงสามารถใช้กับ tense อะไรก็ได้ ขอแค่ให้มีความหมายเหมาะสมก็พอ

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพเช่น

ถ้าพูดถึงข้อเท็จจริง หรือสิ่งที่เป็นกิจวัตรทั่วไป เราจะใช้ present simple tense

I always wake up at 5 o’clock.
ฉันตื่นนอนตอนตีห้าเป็นประจำ

ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว เราจะใช้ past simple tense

I always woke up at 5 o’clock when I was a student.
ฉันตื่นนอนตอนตีห้าเป็นประจำเมื่อตอนที่ฉันยังเป็นนักเรียน
(สมัยนู้นฉันตื่นตีห้าเป็นประจำ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว)

ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งส่งผลมาถึงปัจจุบัน เราจะใช้ present perfect tense

I have always loved you since the first day we met.
ฉันรักคุณเสมอมาตั้งแต่ตอนที่พวกเราเจอกันครั้งแรก
(เริ่มรักตอนนั้น และปัจจุบันก็ยังรักอยู่)

ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคต เราจะใช้ future simple tense

I will always love you no matter what happens.
ฉันจะรักคุณเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

จบแล้วนะครับกับหลักการใช้ adverb of frequency ในภาษาอังกฤษ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


ติว TOEIC ครูดิว : Verb Suffix มีอะไรบ้าง


✿ ถ้าพื้นฐานน้อย แนะนำหาคอร์สติวดีกว่าค่ะ! ✿
👉 สมัครคอร์ส KruDew ติว New TOEIC 2020 (ทดลองติวฟรี!) ➡️ https://bit.ly/2wR4Gmu
✿ คอร์ส KruDew ติว TOEIC มีอะไรให้บ้าง? ✿
✅Grammar ที่ใช้สอบ TOEIC ให้ครบ เริ่มสอนจากพื้นฐาน เรียนได้ทุกคนแน่นอน
✅เทคนิคช่วยจำต่างๆ จำง่าย เอาไปใช้กับข้อสอบได้จริงๆ
✅เก็งศัพท์ TOEIC ออกข้อสอบบ่อยๆ ให้ครบ ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งรวบรวมเอง
✅ อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ล่าสุด ครบ 200 ข้อ
✅สามารถสอบถามข้อหรือจุดที่สงสัยได้ตลอด
✅การันตี 750+ (ถ้าสอบแล้วไม่ถึง สามารถทวนคอร์สได้ฟรี)
📣 ถ้าไม่อยากพลาดคลิปดีๆแบบนี้ อย่าลืมกด ❤️ Subscribe ❤️กันนะคะ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ติว TOEIC ครูดิว : Verb Suffix มีอะไรบ้าง

Adjective กับ Adverb ใช้ต่างกันอย่างไร อธิบาย + ตัวอย่าง การใช้


Note !
อย่าลืมมา join group ติวโจทย์ TOEIC แบบใหม่ของพี่เล็กกันได้ที่
https://www.facebook.com/groups/53123…

Hilight!
เปิดแล้วคอร์สติว TOEIC Level up สำหรับคนที่อยากเพิ่มคะแนน TOEIC ให้ถึงเป้า
update แนวข้อสอบแบบใหม่ดูรายละเอียดได้ทาง
https://www.englishleklek.tv/courses/newtoeic_reading_online/

credit music :
Get’ er Done,Aaron Lieberman
Metal Race, Josh Kirsch

Adjective กับ Adverb ใช้ต่างกันอย่างไร อธิบาย + ตัวอย่าง การใช้

การใช้ Adverb of Frequency และ คำถาม How often…?


การใช้ Adverb of Frequency : คำแสดงความบ่อย / ความถี่
การใช้ตอบ How often..?

การใช้ Adverb of Frequency และ  คำถาม  How often...?

การใช้ Adverb


ขอบคูณที่รับชมครับ 🙂

การใช้ Adverb

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ป.5 เรื่อง การใช้ Adverbs of Frequency


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ป.5 เรื่อง การใช้ Adverbs of Frequency

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ การใช้adverb

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *