Skip to content
Home » [NEW] ขอวีซ่าอเมริกา 7 ขั้นตอน [คำถามสัมภาษณ์ | ไปทํางานที่อเมริกา – NATAVIGUIDES

[NEW] ขอวีซ่าอเมริกา 7 ขั้นตอน [คำถามสัมภาษณ์ | ไปทํางานที่อเมริกา – NATAVIGUIDES

ไปทํางานที่อเมริกา: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

Step 2 : กรอกแบบฟอร์มขอวีซ่าอเมริกาออนไลน์ – Online Nonimmigrant Visa Application (DS-160)

เริ่มต้นกรอกวีซ่าอเมริกา ในแบบฟอร์มออนไลน์ โดยคลิกที่ https://ceac.state.gov/genniv/

  

• เข้ามาที่หน้า “Apply for a Nonimmigrant Visa” มุมขวาบน เลือกภาษาไทย (THAI)
• ในหัวข้อ Get Started เลือกสถานที่ขอวีซ่า (Select a location where you will be applying for this visa)
• เลือก สถานทูตอเมริกาในกรุงเทพ THAILAND, BANGKOK หรือ สถานกงสุลอเมริกาในเชียงใหม่ THAILAND, CHIANG MAI
*สถานกงสุลอเมริกาในเชียงใหม่ ดูแลรับผิดชอบผู้ขอวีซ่าอเมริกาในเขตภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง 15 จังหวัด อันได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ และพิจิตร
• ใส่รหัสยืนยันตามที่แสดงในหน้าเว็บ (Enter the code as shown)
• เลือก “START AN APPLICATION” เพื่อเริ่มต้นกรอกแบบฟอร์ม
*คลิก “UPLOAD AN APPLICATION” อัพโหลดแบบฟอร์มที่ได้เซฟถาวรไว้ในคอมพิวเตอร์ เพื่อกลับมาทำงานต่อภายหลัง (กรณีไม่สะดวกกรอกให้เสร็จใน 30 วัน)
**คลิก “RETRIEVE AN APPLICATION” ดึงแบบฟอร์มกลับมาทำงานต่อ กรณีกรอกข้อมูลไปบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่เสร็จ (และยังไม่เกิน 30 วัน)

 

 

• ในหน้า Application Information ระบบจะสร้างหมายเลขประจำตัวแบบฟอร์มขอวีซ่าอเมริกาของท่าน Your Application ID ให้โดยอัตโนมัติ ที่มุมขวาบนจะปรากฏรหัสประจำตัวสิบหลัก
• พิมพ์หน้า Application Information ออกมาเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ค้นหาง่าย (กรณีกลับมาทำงานต่อในภายหลัง)
• ในหัวข้อ Security Question ด้านล่าง ให้เลือกคำถามด้านความปลอดภัย ให้ท่านกรอกคำตอบเป็นภาษาอังกฤษ
(เลือกคำถาม-คำตอบที่จำได้ง่ายเช่น “ยายของท่านชืออะไร” What is the given name of your mother’s mother?)
(ให้จดบันทึกคำตอบไว้ด้วย)
• เลือก Continue
*กรณีต้องการกลับมาทำงานกรอกข้อมูลต่อในภายหลัง ระบบจะให้ระบุ Your Application ID, นามสกุลห้าพยางค์แรก, ปีที่เกิด, และคำตอบสำหรับ Security Question

 

 

• กรอกข้อมูล Personal Information 1 : นามสกุล / ชื่อ (ภาษาอังกฤษและภาษาไทย) / ระบุชื่อ หรือนามสกุลอื่นที่เคยใช้ หรือนามสกุลก่อนแต่งงาน (maiden name) / ท่านมีรหัส telecode ที่ใช้แสดงชื่อหรือไม่ / เพศของท่าน / สถานะภาพสมรส / วันเดือนปีเกิดและสถานที่เกิด
• กรอกเสร็จคลิก Next

 

• กรอกข้อมูล Personal Information 2: ระบุประเทศบ้านเกิด / มีสถานะเป็นพลเมืองประเทศอื่นอีกหรือไม่ (ถ้ามี ให้ระบุ รวมทั้งถ้ามีพาสปอร์ตให้ระบุหมายเลขด้วย) / เป็นประชากรถาวรประเทศอื่นอีกหรือไม่ (ถ้ามี ให้ระบุ) / มีบัตรประจำตัวประชาชนไทย / หมายเลขประกันสังคม หรือหมายเลขผู้เสียภาษีอากรในสหรัฐอเมริกา หรือไม่ (ถ้ามี ให้ระบุ….หากไม่มีให้เลือก Does Not Apply)
• คลิก Next

 

 

• กรอกข้อมูล Travel Information :
ระบุวัตถุประสงค์ของการเดินทางไปอเมริกา (Purpose of Trip to the US) คลิกใน drop-down list ให้เลือก Temp. Business Pleasure Visitor (B)
เลือกประเภทวีซ่าอเมริกา ให้เลือกวีซ่าธุรกิจและวีซ่าท่องเที่ยว Business & Tourism (Temporary Visitor) (B1/B2)
* กรณีขอวีซ่าชั่วคราวประเภทอื่น ให้ระบุวัตถุประสงค์การเดินทางตามความเป็นจริง วีซ่าอเมริกามีกี่ประเภท ให้คลิกเลือกตามรายการดังต่อไปนี้ : 
Foreign Government Official (A), Alien in Transit (C), Crew Member (D), Treaty Trader or Investor (E), Academic or Language Student (F), International Organization Rep./Emp. (G), Temporary Worker (H), Foreign Media Representative (I), Exchange Visitor (J), Fiance or Spouse of a US Citizen (K), Intra-company Transferee (L), Vocational/Non-academic Student (M), Alien with Extraordinary (O), Internationally Recognized Alient (P), Cultural Exchange Visitor (Q), Religious Worker (R), Etc. 

/ ระบุวันที่จะเดินทางไป (Intended Date of Arrival) และระยะเวลาพำนักในสหรัฐอเมริกา (Intended Length of Stay in U.S.) โดยระบุให้ใกล้เคียงความเป็นจริง / ระบุที่อยู่ที่จะไปพำนักในอเมริกา (หากไม่ทราบ ระบุเป็นชื่อโรงแรมหรือที่พักใกล้เคียง) / ระบุผู้ที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทาง (เช่น ตัวท่านเอง บุคคลอื่น นายจ้างปัจจุบัน นายจ้างในอเมริกา บริษัทหรือองค์กรอื่นๆ)
• คลิก Next

  

• กรอกข้อมูล Travel Companions Information: มีคนอื่นเดินทางไปกับท่านหรือไม่ (ถ้ามี ให้ระบุ)
หากระบุว่ามีผู้อื่นเดินทางไปด้วย จะมีคำถามว่า ท่านเดินทางไปกับกลุ่มหรือคณะใดหรือไม่
หากเดินทางเป็นกลุ่ม ให้ระบุชื่อกลุ่มหรือคณะที่ท่านเดินทางไปด้วย
• คลิก Next

 

• กรอกข้อมูล Previous U.S. Travel Information: ท่านเคยเข้าไปอเมริกาหรือไม่ (ถ้าเคย ให้ระบุ)
ถ้าเคยไปอเมริกา ให้ระบุวันเดือนปีที่ไปถึง ระยะเวลาที่พำนักในอเมริกา (หากเคยเข้าไปหลายครั้ง คลิกเพิ่มช่อง Add Another หรือต้องการลบช่องออก คลิก Remove)
/ ท่านเคยได้รับอนุมัติวีซ่าอเมริกาหรือไม่ (ถ้าเคย ให้ระบุ โดยกรอกวันเดือนปี ที่ได้รับอนุมัติวีซ่า รวมทั้งหมายเลขวีซ่า Visa Number)
/ ท่านเคยถูกปฏิเสธวีซ่าอเมริกา ถูกปฏิเสธไม่ให้เดินทางเข้าอเมริกา หรือถอนเรื่องคำขอเดินทางเข้าอเมริกา ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ (ถ้าเคย ให้เลือก Yes และเขียนอธิบายรายละเอียดในกล่อง Explain)
*แม้เคยมีประวัติขอวีซ่าอเมริกาไม่ผ่าน หรือวีซ่าอเมริกาถูกปฏิเสธ ในการยื่นเรื่องครั้งใหม่ หากเตรียมตัวให้ดี ยื่นเอกสารให้เรียบร้อย แสดงให้เห็นว่ามีความแข็งแรงทางเศรษฐกิจการเงิน ธุรกิจการงานมั่นคง มีความผูกพันกับประเทศไทย และจะเดินทางกลับเมื่อเสร็จภาระกิจในอเมริกา การขอวีซ่าอเมริกาครั้งใหม่มีโอกาสผ่าน
**ข้อควรระวัง…..หากเคยถูกปฏิเสธเพราะให้ข้อมูลเท็จหรือปลอมแปลงเอกสาร ท่านอาจถูกขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์และถูกปฏิเสธวีซ่าอย่างถาวร ดังนั้นการให้ข้อมูลที่เป็นจริง เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
/ ท่านเคยมอบหมายให้ผู้ใดยื่นเรื่องขอโยกย้ายถิ่นฐานถาวร immigrant petition กับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐอเมริกา (United States Citizenship and Immigration) หรือไม่ (ถ้าท่านเคยมอบหมายให้ผู้ใดยื่นใบสมัครขอวีซ่าถาวรให้กับท่าน ให้อธิบายรายละเอียดว่า ยื่นขอวีซ่าถาวรในประเภทใด วันเดือนปีที่สมัคร หมายเลขใบสมัคร ข้อมูลตัวแทนผู้รับมอบอำนาจเช่นนักกฏหมายในอเมริกา สถานะล่าสุดของใบสมัคร เป็นต้น)
*แม้มีประวัติเคยยื่น หรืออยู่ในระหว่างยื่นขอวีซ่าถาวรอเมริกาหรือกรีนคาร์ดเพื่อโยกย้ายถิ่นฐานถาวรไปอยู่อเมริกา ในการยื่นขอวีซ่าอเมริกาชั่วคราว ท่านควรเตรียมเอกสารให้แข็งแรงเพื่อแสดงให้เห็นว่า ท่านมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฏหมาย มีสถานะทางเศรษฐกิจการเงินที่แข็งแรง มีความผูกพันที่จะยึดเหนี่ยวให้เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจชั่วคราวในอเมริกา
ตัวอย่างเช่น บิดามารดาพำนักอยู่ในประเทศไทยได้ยื่นคำร้องขอ วีซ่าถาวรอเมริกาประเภทนักลงทุน ในระหว่างรอการอนุมัติ ต้องการส่งบุตรไปเรียนต่อในอเมริกา โดยทั่วไปสถานทูตอเมริกาออกวีซ่านักเรียนอเมริกาให้กับบุตรโดยไม่มีปัญหาอะไร เมื่อคำร้องขอวีซ่าถาวรอเมริกาผ่านการอนุมัติ บุตรยื่นขอเปลี่ยนสถานะจากนักเรียนต่างชาติไปเป็นผู้ถือกรีนคาร์ด โดยทำเรื่องระหว่างอยู่ในอเมริกาได้เลย
**กฏหมายอิมมิเกรชั่นอเมริกายอมรับหลักการเรื่อง เจตจำนงคู่ (Dual Intent) นั่นคือ บุคคลสามารถยื่นขอวีซ่าชั่วคราวเพื่อเดินทางเข้าอเมริกาชั่วคราวได้ ในขณะที่ได้ยื่นคำร้องขอวีซ่าถาวรเพื่อพำนักถาวรในอเมริกาไว้ โดยเจ้าหน้าที่ฯพิจารณาคำร้องทั้งสองเรื่องแยกออกจากกัน
• คลิก Next

  

• กรอกข้อมูล Address and Phone Information:
กรอกข้อมูลที่อยู่ให้ครบถ้วน
/ ที่อยู่สำหรับจัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์เป็นที่เดียวกับที่บ้านหรือไม่ (หากไม่ใช่ที่เดียวกัน ให้ระบุที่อยู่ส่งเอกสารทางไปรษณีย์)
/ ระบุหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อหลัก
ระบุหมายเลขโทรศัพท์รอง หมายเลขโทรศัพท์ที่ทำงาน (หากไม่มี ให้ติ๊ก Does Not Apply)
/ ท่านเคยใช้หมายเลขโทรศัพท์อื่นในช่วงห้าปีที่ผ่านมาหรือไม่ (หากมี ให้ติ๊ก Yes)
/ ระบุอีเมล์แอดเดรสของท่าน
/ ท่านเคยใช้อีเมล์อื่นใดในช่วงห้าปีที่ผ่านมาหรือไม่ (ถ้ามี ให้ระบุ หากมีหลายอีเมล์ คลิกเพิ่มช่องที่ Add Another หรือลบช่องออกที่ Remove)
/ ท่านเคยใช้บัญชีโซเชียลมีเดีย Social Media ใดๆในช่วงห้าปีที่ผ่านมาหรือไม่ (ถ้ามี ต้องเปิดเผยทุกบัญชี)
*ถ้ามี ให้คลิกที่ drop-down list เลือกผู้ให้บริการโซเชียลมีเดีย (เช่น Facebook,Twitter เป็นต้น) กรอกชื่อบัญชีของท่าน Social Media Identifier โดยไม่จำเป็นต้องระบุรหัส password ให้คลิกเพิ่มช่องที่ Add Another หรือลบช่องออกที่ Remove)
**ผู้ขอวีซ่าบางท่าน อาจไม่เคยมีบัญชีโซเชียลมีเดีย ให้ระบุ “None” ได้เลย ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด หากเป็นข้อเท็จจริง
/ ท่านต้องการให้ข้อมูลของท่านที่ปรากฏในเว็บไซต์หรือแอ็พปลิเคชั่นอื่นๆ ที่ท่านเคยสร้างหรือแชร์ข้อมูลในช่วงห้าปีที่ผ่านมาหรือไม่? (เช่นภาพถ่าย วีดีโอ การอัพเดตสถานะในเว็บ ฯลฯ)
(ควรคลิก Yes โดยท่านระบุโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม Social Media Platform และระบุรายละเอียดชื่อบัญชีโซเชียลมีเดีย)
• คลิก Next

  

• กรอกข้อมูล Passport Information: ระบุข้อมูลรายละเอียดในพาสปอร์ต วันที่ออก วันที่หมดอายุ / ท่านเคยทำพาสปอร์ตหายหรือถูกขโมยพาสปอร์ตหรือไม่ (ถ้าเคย ให้ระบุหมายเลขและอธิบายรายละเอียด)
• คลิก Next

 

• หน้าถัดไป U.S. Point of Contact Information: ให้กรอกข้อมูลชื่อนามสกุล ชื่อองค์กร (ถ้ามี) ความสัมพันธ์ (Relationship to You) ที่อยู่ของบุคคลในอเมริกาที่ท่านจะไปติดต่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์แอดเดรส
(ถ้ามี ให้ระบุชื่อบุคคล บริษัท หรือองค์กรที่ท่านจะไปติดต่อ ระบุความสัมพันธ์เป็นเพื่อน ญาติ หรือคู่ค้า หากไปท่องเที่ยวให้ระบุชื่อสถานที่ ดูข้อมูลที่อยู่ เบอร์โทรติดต่อได้ในเว็บไซต์)
• คลิก Next

 

 

• กรอกข้อมูล Family Information: Relatives – ระบุชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิดของบิดามารดา
(บิดาและมารดา พำนักอยู่ในอเมริกาหรือไม่ หากพำนักในอเมริกา ระบุสถานะว่า เป็นพลเมือง Citizen, ประชากรถาวรหรือผู้ถือกรีนคาร์ด Legal Permanent Resident, ผู้ถือสถานะชั่วคราว Nonimmigrant เช่น คนงานต่างชาติ นักเรียนต่างชาติ ฯ)
/ ท่านมีญาติสนิท immdeiate relatives พำนักในอเมริกาหรือไม่
(ถ้ามี ให้ระบุรายละเอียด การมีญาติสนิทในอเมริกา มีผลดีต่อการขอวีซ่า มากกว่าผลเสีย ควรยื่นเอกสารประกอบให้แข็งแรง)
/ ท่านมีญาติอื่นๆ Any other relatives พำนักในอเมริกาหรือไม่
(ถ้ามี ให้ระบุรายละเอียด การมีญาติในอเมริกา มีผลดีต่อการขอวีซ่า มากกว่าผลเสีย ควรยื่นเอกสารประกอบให้แข็งแรง)
• คลิก Next

• กรอกข้อมูล Family Information: Former Spouse – อดีตสามีหรือภรรยาจำนวนกี่คน ระบุชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด ประเทศบ้านเกิด สถานที่เกิด วันเดือนปีสมรส วันเดือนปีหย่า
อธิบายว่าการสมรสยุติลงอย่างไร หย่ากันที่ประเทศไหน (ถ้ามี ให้ระบุ)
• คลิก Next

 

 

• กรอกข้อมูล Present Work / Education / Training Information – ระบุอาชีพหลัก รายละเอียดชื่อนายจ้าง ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ วันที่เริ่มต้นทำงาน รายได้ต่อเดือนเป็นเงินบาทไทย อธิบายหน้าที่ความรับผิดชอบในตำแหน่งงานนั้น (ให้ระบุตามความเป็นจริง อย่างไรก็ตาม การมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่สำคัญในตำแหน่งงาน เป็นสิ่งแสดงว่าท่านจะเดินทางกลับประเทศไทย หลังเสร็จสิ้นภาระกิจในอเมริกา)
• คลิก Next

  

• กรอกข้อมูล Previous Work / Education / Training Information – ท่านเคยทำงานที่อื่นหรือไม่ (ถ้ามี ให้ระบุตามความเป็นจริง เน้นประวัติการทำงานที่สำคัญ) / ท่านเรียนจบในระดับสูงกว่ามัธยมปลายหรือไม่ (ถ้ามี ให้ระบุตามความเป็นจริง)
• คลิก Next

 

 

• กรอกข้อมูล Additional Work / Education / Training Information – ท่านเป็นสมาชิกชนเผ่าหรือเผ่าพันธ์ใดหรือไม่ และภาษาที่พูด (กรอกตามข้อเท็จจริง) / ท่านเคยเดินทางไปประเทศอื่นใดหรือไม่ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา (กรอกตามข้อเท็จจริง) / ท่านเป็นสมาชิกองค์กรหรือสนับสนุนหรือทำงานให้กับองค์กรวิชาชีพ สังคม องค์กรการกุศลใดหรือไม่ (ถ้ามีประวัติที่ดี ควรระบุรายละเอียด)
/ ท่านมีทักษะความเชี่ยวชาญพิเศษ หรือการฝึกฝนด้านอาวุธ วัตถุระเบิด นิวเคลียร์ ชีววิทยาหรือด้านเคมีวิทยา หรือไม่ / ท่านเคยรับราชการทหารหรือไม่ / ท่านเคยเป็นสมาชิก หรือเกี่ยวข้องกับกองกำลังติดอาวุธ กองกำลังพลเรือน กลุ่มกบฏ หรือกองโจร หรือองค์กรก่อความไม่สงบใดๆหรือไม่
(ให้ตอบ No ทุกข้อ ยกเว้นหากเคยมีประวัติ ให้ตอบ Yes โดยท่านต้องชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนในแบบฟอร์ม รวมทั้งสามารถอธิบายอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่กงสุลตอนสัมภาษณ์วีซ่า)
• คลิก Next

 

  

• กรอกข้อมูล Security and Background: Part 1 – ท่านเป็นโรคติดต่อร้ายแรงใดๆหรือไม่ / ท่านมีอาการเจ็บป่วยทางจิตหรือทางกายที่มีแนวโน้มเป็นภัยต่อสวัสดิภาพของตัวท่านและบุคคลอื่นหรือไม่ / ท่านใช้หรือติดสารเสพติด หรือเคยใช้หรือเคยติดยาเสพติดหรือไม่
(ให้ตอบ No ทุกข้อ ยกเว้นหากเคยมีประวัติ ให้ตอบ Yes โดยท่านต้องชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนในแบบฟอร์ม รวมทั้งสามารถอธิบายอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่กงสุลตอนสัมภาษณ์วีซ่า)
• คลิก Next

 

• กรอกข้อมูล Security and Background: Part 2 – เป็นคำถามเกี่ยวกับประวัติการกระทำความผิดกฏหมาย การมีส่วนร่วมข้องเกี่ยวกับการค้าประเวณี การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ ของผู้สมัครและหรือญาติใกล้ชิด ฯลฯ
(ให้ตอบ No ทุกข้อ ยกเว้นหากเคยมีประวัติ ให้ตอบ Yes โดยท่านต้องชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนในแบบฟอร์ม รวมทั้งสามารถอธิบายอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่กงสุลตอนสัมภาษณ์วีซ่า)
• คลิก Next 

 

• กรอกข้อมูล Security and Background: Part 3 – เป็นคำถามเกี่ยวกับประวัติการกระทำความผิดกฏหมายของผู้สมัครและหรือญาติใกล้ชิด การมีส่วนร่วมข้องเกี่ยวกับการก่อการร้าย การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ การก่อความรุนแรง การปิดกั้นด้านศาสนา การบังคับทำแท้ง การค้าอวัยวะมนุษย์ ฯลฯ
(ให้ตอบ No ทุกข้อ ยกเว้นหากเคยมีประวัติ ให้ตอบ Yes โดยท่านต้องชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนในแบบฟอร์ม รวมทั้งสามารถอธิบายอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่กงสุลตอนสัมภาษณ์วีซ่า)
• คลิก Next

  

• กรอกข้อมูล Security and Background: Part 4 – ท่านเคยได้รับวีซ่าอเมริกา หรือช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้รับวีซ่าอเมริกาหรือได้รับผลประโยชน์อื่นใดด้านที่เกี่ยวข้องกับการโยกย้ายถิ่นฐาน โดยการปลอมแปลงเอกสารหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือผ่านช่องทางผิดกฏหมายอื่นใด
(ให้ตอบ No ทุกข้อ ยกเว้นหากเคยมีประวัติ ให้ตอบ Yes โดยท่านต้องชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนในแบบฟอร์ม รวมทั้งสามารถอธิบายอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่กงสุลตอนสัมภาษณ์วีซ่า)
/ ท่านเคยถูกขับไล่หรือโดนเนรเทศออกจากประเทศใดๆหรือไม่
(ให้ตอบ No ทุกข้อ ยกเว้นหากเคยมีประวัติ ให้ตอบ Yes โดยท่านต้องชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนในแบบฟอร์ม รวมทั้งสามารถอธิบายอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่กงสุลตอนสัมภาษณ์วีซ่า)
• คลิก Next

 

 

• กรอกข้อมูล Security and Background: Part 5 – ท่านเคยกีดกันเยาวชนอเมริกัน ออกไปเสียจากบุคคลที่ได้รับสถานะผู้ปกครอง โดยคำสั่งของศาลในสหรัฐอเมริกา
(ให้ตอบ No ยกเว้นหากเคยมีประวัติ ให้ตอบ Yes โดยท่านต้องชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนในแบบฟอร์ม รวมทั้งสามารถอธิบายอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่กงสุลตอนสัมภาษณ์วีซ่า)
/ ท่านเคยลงคะแนนหรือโหวตเสียงอย่างไม่ถูกต้องและขัดต่อกฏหมายในสหรัฐอเมริกาหรือไม่
(ให้ตอบ No ยกเว้นหากเคยมีประวัติ ให้ตอบ Yes โดยท่านต้องชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนในแบบฟอร์ม รวมทั้งสามารถอธิบายอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่กงสุลตอนสัมภาษณ์วีซ่า)
/ ท่านเคยสละสัญชาติอเมริกัน ด้วยวัตถุประสงค์ต้องการหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีอากรหรือไม่
(ให้ตอบ No ทุกข้อ ยกเว้นหากเคยมีประวัติ ให้ตอบ Yes โดยท่านต้องชี้แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนในแบบฟอร์ม รวมทั้งสามารถอธิบายอย่างชัดเจนต่อเจ้าหน้าที่กงสุลตอนสัมภาษณ์วีซ่า)
• คลิก Save

  

• ปรากฏหน้า Save Confirmation ยืนยันว่าแบบฟอร์มขอวีซ่าอเมริกาได้ถูกบันทึกไว้ในฐานข้อมูล
*ใน 30 วันถัดไป ท่านสามารถดึงข้อมูลในแบบฟอร์มกลับมาทำงานต่อให้เสร็จ (retrive your application) โดยกรอก Application ID และตอบคำถามด้านความปลอดภัย Security questions ให้ถูกต้อง
• คลิก Continue Application

หมายเหตุ:
คลิก Save Application to File หากยังไม่สะดวกในการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มขอวีซ่าอเมริกาให้เสร็จใน 30 วันถัดไป ท่านสามารถเลือกบันทึกข้อมูลเก็บไว้อย่างถาวร (permanently save) ในไฟล์ในคอมพิวเตอร์ของท่าน 
คลิก Exit Application หากต้องการออกจากระบบ

 

• อัพโหลดภาพถ่ายลงในเว็บ
• คลิก Next

หมายเหตุ: เงื่อนไขใหม่ รูปถ่ายวีซ่าอเมริกา มีดังนี้
ต้องไม่สวมแว่นตา / ขนาด 2 นิ้ว x 2 นิ้ว / เป็นภาพถ่ายสี มีพื้นหลังขาว ไม่มีเงาบดบัง / เห็นหน้าชัดเจน ไม่สวมหมวกหรือผ้าคลุม / รูปถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน

 

 

• ปรากฏหน้า Photo Quality Standards Result (ยืนยันว่ารูปถ่ายมีคุณภาพใช้ได้)
• คลิก Next

 

 

• ยืนยันใช้รูปภาพ Confirm Photo
• คลิก REVIEW

 

• ปรากฏหน้ายืนยันว่า ท่านได้กรอกข้อมูลในแบบคำร้องขอวีซ่าชั่วคราว (NIV application) เสร็จเรียบร้อย
• ก่อนยื่นแบบคำร้อง ให้ตรวจสอบข้อมูลทุกหน้า Personal, Address, Phone, and Passport Information ว่าถูกต้องหรือไม่ (หากต้องการแก้ไข ให้คลิก Edit)
• หากข้อมูลถูกต้อง ให้คลิก Next

 

 

• หน้า Location Information (ยืนยันสถานที่ยื่นขอวีซ่า)
• คลิก Sign and Submit

 

• ปรากฏหน้า Sign and Submit
• E-Signature เซ็นชื่อรับรองทางอิเล็คโทรนิคส์เพื่อยืนยันว่า ข้อมูลที่กรอกมาทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงและถูกต้องโดยระบุหมายเลขพาสปอร์ต และระบุรหัส (code) ที่เห็นในกล่องขวามือ
• ยื่นแบบคำร้องขอวีซ่า โดยคลิก Sign and Submit Application

 

• การกรอกแบบฟอร์มเสร็จสมบูรณ์ โดยระบบเข้ามาที่หน้า DS-160 confirmation page มีแถบบาร์โค้ด (มุมขวาบน) มีตัวอักษรและตัวเลข
Print Confirmation พิมพ์เฉพาะหน้านี้ออกมา และนำติดตัวไปในวันสัมภาษณ์ที่สถานทูตหรือสถานกงสุล
* Print Application หากต้องการพิมพ์แบบคำร้องทุกหน้าออกมาเก็บไว้
** Email Confirmation ส่งหน้านี้ไปที่อีเมล์ของท่าน

 

ข้อสังเกตุ:

• แบบฟอร์มขอวีซ่าอเมริกาออนไลน์ (DS-160) กรอกให้เสร็จและยื่นทางออนไลน์เท่านั้น (สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกัน ไม่รับใบสมัครที่พิมพ์หรือเขียนด้วยลายมือ)
• ผู้สมัครรวมถึงผู้ติดตามทุกคน ต้องกรอกใบสมัคร DS-160 แยกเป็นของตนเอง
• การยื่นขอวีซ่าอเมริกาทุกครั้ง ต้องกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ชุดใหม่ (เอกสาร DS-160 ชุดเก่า นำมายื่นขอวีซ่าครั้งใหม่ไม่ได้)
• หมายเลขบาร์โค้ดในเอกสาร DS-160 confirmation page มีความสำคัญ ใช้จองวันนัดสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกาออนไลน์
• มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 December 2018 ในวันสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา หมายเลขบาร์โค้ดใน DS-160 confirmation page ที่นำติดตัวไป ต้องตรงกับหมายเลขที่ใช้จองวันสัมภาษณ์ หากหมายเลขบาร์โค้ดไม่ตรงกัน การสัมภาษณ์จะถูกยกเลิก
• ในกรณีหมายเลขบาร์โค้ดไม่ตรงกัน ให้ท่านแก้ไขอย่างน้อย 3 วันทำการก่อนวันนัดสัมภาษณ์จริง
• สถานทูตหรือสถานกงสุลอเมริกาที่เลือกไว้ในแบบฟอร์ม DS-160 ต้องตรงกับสถานที่เข้ารับการสัมภาษณ์จริง
• ระหว่างกรอกแบบฟอร์มวีซ่าอเมริกาออนไลน์ ให้อัพโหลดรูปถ่ายวีซ่าอเมริกาถ่ายไว้ไม่เกินหกเดือนลงไป แนะนำว่า ให้สแกนจากรูปถ่ายจริง หรือขอไฟล์ดิจิตอลจากร้านถ่ายรูป ขนาดและสเปครูปถ่าย ดูรายละเอียดในเว็บ https://travel.state.gov/content/travel/en/us-visas/visa-information-resources/photos.html
• ระหว่างกรอกแบบฟอร์มวีซ่าอเมริกาออนไลน์ หากหยุดดำเนินการนานเกิน 20 นาที หน้าเว็บจะหมดอายุ ท่านต้องเริ่มต้นกระบวนการใหม่ (ข้อมูลใน application ที่กรอกเรียบร้อยแล้ว ควรจัดเก็บเป็นไฟล์ Save ลงในคอมพิวเตอร์)
• ในระหว่างกรอกแบบฟอร์มวีซ่าอเมริกาออนไลน์ ปิดพักหน้าจอ browser ไปก่อนได้ หากต้องการกลับมาทำงานต่อให้เสร็จในภายหลัง หรือในกรณีระบบมีปัญหา เพียงกรอกหมายเลข Application no., กรอกนามสกุลของท่านพยัญชนะ 5 ตัวแรก, กรอกปีที่เกิด, และกรอกคำตอบสำหรับคำถามความปลอดภัยที่เลือกไว้ ก็เข้ามาทำงานต่อในระบบได้
• เมื่อกรอกข้อมูลทุกอย่างเรียบร้อย กดส่งเอกสารทางออนไลน์ได้เลย Sign and submit

 

Table of Contents

[NEW] 20 ข้อคิดสำคัญที่ได้เรียนรู้จากการไปเรียนและ ใช้ชีวิตที่อเมริกา ดินแดนเสรีภาพ | ไปทํางานที่อเมริกา – NATAVIGUIDES

เวลาเพียงแค่ปีกว่าในการไป ใช้ชีวิตที่อเมริกา ทั้งเรียน ทำงานและเที่ยว ได้พบเจอผู้คนมากมายหลากหลายวัฒนธรรม ทำให้มุมมองความคิดและอะไรๆในชีวิตของเราเปลี่ยนไปเยอะมาก ได้เข้าใจโลกมากขึ้น และแน่นอนมันเกิดการเปรียบเทียบกับประเทศที่เป็นบ้านของเราเองอย่างเมืองไทย เมื่อเราต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เราจึงอยากจะส่งต่อข้อคิดที่ได้เรียนรู้เอาไว้บอกน้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่กำลังจะกลับมาอยู่บ้านและกำลังจะไปใช้ชีวิตที่นั่นให้ได้รับรู้กัน

20 ข้อคิดที่ได้จากการ ใช้ชีวิตที่อเมริกา

1.การก้าวออกไปจาก Comfort Zone เป็นเรื่องที่ต้องลองทำสักครั้งในชีวิต

ออกไปพบเจอโลกภายนอกบ้างจะได้เห็นว่าปัญหาที่เราเจออยู่นั้น มันเล็กนิดเดียวจริงๆ ชีวิตยังมีอะไรให้ออกไปค้นพบอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความฝัน การเปลี่ยนงาน เปลี่ยนที่เรียน เพียงแค่เรากล้าที่จะก้าวออกไป มุมานะแล้วทำมันอย่างเต็มที่ เพื่อที่ว่าเราจะไม่เสียใจเมื่อได้มองย้อนกลับมา

เราใช้เงินเก็บจำนวน 1 แสนบาท ออกไปแตะขอบฟ้า ทำตามความฝันแบบที่ยืนด้วยขาตัวเองล้วนๆ เป็นการก้าวออกจาก Comfort Zone ที่พีคมากๆ ไปไกลถึงอีกซีกโลกเพื่อที่จะค้นหาความหมายของชีวิตว่าเราต้องการอะไรกันแน่ ถ้าถามว่าเจอมั้ย ก็ตอบเลยว่าไม่เจอ แต่มันกลับทำให้เราได้เห็นตัวเองชัดขึ้น ได้ค้นพบว่าในตัวเรานั้นมีดีอะไร และคุณค่าที่แท้จริงอยู่ที่ตรงไหน

2.การได้ค้นพบว่าโลกเรายังมีความหลากหลายอีกมาก

มากกว่าแค่คำว่า “คนจน” กับ “คนรวย” มันยังมีเรื่องสีผิว เชื้อชาติ วัฒนธรรม อาหารการกิน และอื่นๆอีกมากมายที่เราควรจะไปทำความรู้จักและทำความเข้าใจกับมัน ซึ่งจะทำให้เรามีมุมมองที่กว้างขึ้นทั้งทางด้านความคิด ทัศนคติ และการใช้ชีวิต ไม่ตัดสินว่าคนคนนั้นดีหรือไม่ดีจากเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น เมื่อเราเข้าใจมันก็จะยิ่งทำให้เราเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์มากขึ้นและสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข

จะยกตัวอย่างให้ฟังเรื่องนึง ตอนที่เรากำลังเดินไปเรียนแถวดาวน์ทาวน์ในมืองชิคาโก เราเดินผ่าน Homeless (คนไร้บ้าน) คนนึง เราก็มองเค้าด้วยสายตาแบบเหยียดเล็กน้อย ผสมกับความกลัวว่าเค้าจะมาขอเงิน ในช่วงนั้นอากาศก็เย็นมาก เราเลยจามออกไปหนึ่งที แล้วเราก็ได้ยิน Homeless คนนั้นพูดกับเราว่า Bless you! คำนี้ฝรั่งเค้าใช้เป็นธรรมเนียมเวลาที่มีใครจาม เหมือนกับบอกว่า ขอให้พระเจ้าอวยพร หรือจะหมายถึง ขอให้หายไวๆ ก็ได้ เราเลยคิดได้ว่า โห ขนาด Homeless ที่เรามองเค้าเป็นคนชนชั้นที่ต่ำกว่า เค้ายังทักเราด้วยคำพูดดีๆเลย แล้วทำไมเราถึงต้องมองเค้าแบบแบ่งแยกขนาดนั้นด้วยนะ จากนั้นมาเลยต้องพยายามเปลี่ยนทัศนคติในการมองคนซะใหม่ รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า Empathy ความเข้าอกเข้าใจผู้อื่นให้มากขึ้นกว่าเดิม

3.การได้พบว่าการไปเที่ยว กับการไปใช้ชีวิตความรู้สึกต่างกันอย่างสุดขั้ว

เวลาไปเที่ยวแบบไปแป๊บๆแล้วกลับ มันไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ก็แค่เอาเงินที่เก็บมาใช้ซื้อความสุขแบบชิลๆ อยากกินอะไรก็กิน อยากทำอะไรก็ทำ แต่กับการมาใช้ชีวิตต้องคิดเสมอว่าจะหมุนเงินยังไงให้มีเพียงพอใช้จ่ายในแต่ละเดือน ต้องวางแผนการใช้จ่ายและการหาเงินให้เข้มงวดมากขึ้น และแน่นอนว่ามันมีความเครียด ความกดดันตลอดเวลา เป็นสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้ว่ามันต่างกันจริงๆ แต่มันก็ให้ความสนุก ท้าทายและเพิ่มรสชาติให้ชีวิตไปอีกแบบนึง

4.การได้ค้นพบว่าเมืองไทยโคตรโชคดีเลย

เมืองไทยเป็นเมืองที่มีสภาพอากาศดีทั้งปี เชื่อมั้ยว่าอากาศหนาวนั้นมันทรมานมากๆ และไม่ได้สนุกอย่างที่คิด ถ้าไม่เชื่อก็ลองมาใช้ชีวิตที่ชิคาโกดูสิ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าหนาวววววมากเมืองนึงในอเมริกา จะเข้าใจสัจธรรม และรู้ซึ้งถึงความสุขของการได้อยู่เมืองไทยอากาศแบบอุ่นๆค่อนไปทางร้อนตลอดทั้งปี และยังมีอาหารที่สมบูรณ์เพียบพร้อม มีทั้งความจัดจ้านและความซับซ้อนทั้งในเรื่องของรสชาติ กลิ่นและความแซ่บสะเด็ด ที่ไม่ว่าจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนก็ต้องโหยหาถึงสิ่งนี้ตลอดเวลา แถมเรื่องค่าครองชีพยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้ามีบ้านเป็นของตัวเองอยู่แล้ว เสียแค่ค่ากินอย่างเดียวนี่ ยังไงก็เหลือเฟือ

5.การได้ไปโรงเรียนแบบ International จริงๆ

โรงเรียนที่เราได้ไปเรียนมีแค่อาจารย์ที่เป็นคนอเมริกัน ที่เหลือนักเรียนเป็นคนที่มาจากทั่วโลก อย่างเช่น ไทย ยูเครน รัสเซีย มองโกเลีย เกาหลี อินเดีย ปากีสถาน ตุรกี มอนโดวา เป็นต้น ซึ่งในตอนแรกเราคิดว่าเราจะได้เจอแต่ฝรั่งหัวทอง แต่สิ่งที่พบจริงๆกลับกลายเป็นคนนานาชาติ และแน่นอนว่าด้วยความหลากหลายขนาดนี้ ภาษาเดียวที่จะคุยกันรู้เรื่องก็คือ ภาษาอังกฤษ ถึงจะงูๆ ปลาๆ บางทีก็ไม่รู้เรื่อง แต่เรามีตัวช่วย นั่นคือ คอมพิวเตอร์และ Google Translate ที่ทำให้เราสามารถเข้าใจกันได้ไม่ยาก และที่สำคัญคือมันทำให้เราได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน อย่างเช่นเรื่องภูมิประเทศ ศาสนา และการเมือง ทำให้เราได้เข้าใจพวกเค้ามากขึ้นไปอีก อยากรู้เรื่องราวการเรียนภาษาแบบเต็มๆ มาที่นี่ได้เลย

6.การได้ลด EGO และการ Discriminate

มันคือการลดทิฐิ ความยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง และการเลิกมองคนแบบแบ่งแยก อย่างเช่นว่า ชั้นเก่ง แต่เธอไม่เก่ง การมองว่าคนชาติอื่นไม่ดีเท่าชาติเรา สิ่งที่เราได้เจอคือ ตอนที่เรียนภาษาแล้วมีการสอบมิดเทอม คะแนนเต็ม 40 เราได้ 32 เค้าตัดเกรดออกมาที่ B แต่เพื่อนที่เป็นคนปากีสถาน นางได้ 38 งี้ แล้วได้ A นางก็บอกว่าทำไมยูไม่มานั่งข้างๆชั้นล่ะ จะได้ให้ลอกได้ เราก็แบบ เฮ้ย นางเจ๋งว่ะ เลยต้องเปลี่ยนมุมมองคนประเทศนี้ใหม่หมดเลยรวมไปถึงเพื่อนชาติอื่นๆด้วย และคิดเสมอว่าตัวเรานั้นไม่ได้เก่งมาจากไหนหรือเก่งกว่าใครๆเลย

7.การได้เจอ Culture Shock แบบไทยสไตล์

เนื่องด้วยว่าตอนที่เราไปนั้น เราโชคดีที่มีเพื่อนคนไทยอยู่ที่นั่นเลยไม่เกิดอาการ Homesick หรือ Culture Shock แบบทั่วๆ ไปซักเท่าไหร่ เพราะมีเพื่อนคอยคุยด้วยและให้คำแนะนำในทุกๆ เรื่อง แต่สิ่งที่ต้องปรับตัวใหม่เหมือนการรับน้องเลยคือ การเปลี่ยนอาชีพตัวเองจาก Graphic Designer เท่ๆ มาเป็นเด็กเสิร์ฟ ซึ่งมันช่างท้าทาย EGO ของเรามากๆ

ตอนที่ไปอยู่ชิคาโก 7 วันแรก เราน้ำตาร่วงเลยนะ ไม่เคยรู้สึกแย่กับชีวิตขนาดนั้นมาก่อน แย่แบบที่ว่า เฮ่ย ทำไมกุต้องมาใช้ชีวิตแบบนี้เนี่ย นี่คิดอะไรอยู่ เป็นกราฟฟิกอยู่ดีๆ ไม่ชอบหรือไง ทำไมต้องมาเดินเสิร์ฟอาหาร โดนเจ้าของร้านด่าเพราะทำอะไรไม่เป็น ต้องมาคอยเอาใจลูกค้า ถูพื้นและล้างส้วมทั้งๆที่อยู่บ้านก็ไม่เคยช่วยแม่ทำ ดราม่าร้องไห้ ระบายให้เพื่อนฟัง จนเพื่อนถามว่าไหวมั้ย จะกลับบ้านมั้ยล่ะ

แต่ทุกคนที่มาที่นี่ไม่ว่าจะเป็นน้องๆ ที่เพิ่งมาเรียน เพื่อนที่กำลังเรียนปริญญาโท พี่ที่เรียนจบโทบัญชีมา ก็ทำงานแบบนี้ได้กันหมดนะ เป็นทั้งงานหลักและงานเสริม มันเป็นอะไรที่จี้จุดมากๆเลย เหมือนเพื่อนกำลังพูดว่า “อ่อนว่ะ แค่นี้ก็ทำไม่ได้” สุดท้ายเลยต้องปรับตัวซะใหม่ เปลี่ยนทัศนคติจนทำให้เราสามารถใช้ชีวิตต่อในอเมริกาได้อย่างแฮปปี้จนมีเรื่องมาเล่าให้เพื่อนๆฟังอย่างเยอะนี่ล่ะ

8.การได้เรียนรู้ว่าอาชีพเสิร์ฟอาหารนั้น มันไม่ง่ายเลย

ไม่ใช่ว่าแค่ฟังภาษาอังกฤษออกแล้วจะรอด ยังมีสกิลอีกหลายอย่างที่เราต้องฝึกๆๆแล้วก็ฝึก ไม่ว่าจะเป็นการจำเมนูและส่วนผสมของอาหารที่เป็นภาษาอังกฤษ การรับออเดอร์ การพูดคุยกับลูกค้า การรับโทรศัพท์และจัดการกับออเดอร์ให้เร็วที่สุด การเดินเร็วๆพร้อมจานอาหารหนักๆ และสุดท้ายคือการจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าสารพัดอย่างให้ผ่านไปได้ด้วยดี เราต้องใช้เวลาเรียนรู้เป็นเดือน และฝึกความคล่องอีกเกือบ 2 เดือนกว่าจะทำทุกอย่างได้ครบถ้วน

9.การได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับสังคมไทยๆ เป็นสิ่งที่ดีนะ

บางคนชอบบอกว่าอย่าอยู่กับคนไทยเยอะ เดี๋ยวจะไม่มีพัฒนาการทางด้านภาษา และไม่ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แต่เมื่อเราได้อยู่ๆไปก็พบว่ามันต้องหาสมดุลซึ่งกันและกันมากกว่า มีเพื่อนคนไทยก็ช่วยให้ไม่เหงา มีเพื่อนต่างชาติก็จะรู้จักกับมุมมองทางความคิดต่อโลกนี้ในแง่อื่นๆบ้าง และที่สำคัญคือคนไทยดีๆ มีเยอะแยะไป เรากล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าเจอแต่กัลยาณมิตรทั้งนั้น หลายๆคนพร้อมที่จะช่วยเหลือแบ่งปันกัน ทั้งเรื่องสุขเรื่องทุกข์ น้องๆที่ได้เจอก็น่ารักและยังคงเป็นเพื่อนกันมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีกแน่ๆ

10.การเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขัน

การใช้ชีวิตในอเมริกานั้นมีแต่เรื่องน่าตื่นเต้น ยิ่งถ้าเป็นคนชอบเดินทางนี่ยิ่งคูณสองเลย เพราะไม่มีใครใช้ภาษาเดียวกับเรา ต้องพยายามสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ทำให้สมองต้องทำงานหนักและประมวลผลออกมาอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปได้

เราเคยขึ้นเครื่องบินไฟล์ทจาก LA ไปไทเปเพื่อจะกลับบ้านที่เมืองไทย เนื่องจากเที่ยวบินดีเลย์ เครื่องเช็คอินอัตโนมัติไม่ทำงาน และเหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เครื่องบินจะเทคออฟ แต่เรายังไม่สามารถเอาตัวเองไปเช็คอินผ่าน ตม เพื่อไปยังจุดต่อไปได้ และคิวก็ยาวมาก นาทีนั้นต้องอ้าปากถามคนที่อยู่ข้างหลังว่า ทำยังไงดี เราไปสายการบินเดียวกันรึเปล่า แล้วก็ได้คำตอบว่ายังมีคนที่มาพร้อมๆกับเราที่ยังไม่ได้เช็คอินอีกเยอะ สุดท้ายก็คิดได้ว่า เอาวะ ไม่ใช่เราคนเดียวที่จะตกเครื่อง ถ้าไปไม่ทันก็ยังมีเพื่อนอีกเยอะเนี่ยล่ะ อย่ากังวลไปเลย และแล้วเราและเพื่อนร่วมทางอีกหลายคนก็ไปทันไฟลท์นั้นเพราะเจ้าหน้าที่มาช่วยเคลียร์ให้ โอเค รอบนี้รอดตัวไป

11.การมีความกล้า พร้อมที่จะคุยกับคนแปลกหน้าอยู่เสมอ

สังคมฝรั่งดีตรงที่ทุกคนพร้อมที่จะพูดคุย ทักทายแม้จะไม่เคยได้รู้จักกันมาก่อน อย่างเช่น ช่วงเดือนแรกที่เราไปอยู่ เราแวะไปช็อปปิ้งเบาๆที่ Forever 21 กำลังเลือกรองเท้าอย่างตั้งใจ ลองคู่นั้น เปลี่ยนคู่นี้ บังเอิญว่าได้ลองสวมคู่นึงเป็นสไตล์ที่เราชอบ และคิดว่ามันดูดี ปรากฏว่ามีผู้หญิงผิวสีคนนึง (เราจะเรียกกันในหมู่คนไทยว่า พี่มืด)

เค้าทักเราเหมือนรู้จักกันมานานว่า Oh My God! That’s look great. It’s really suit you. You should get it. แปลว่า ว้ายตายแล้ววว มันดีมากเลย เหมาะกับเธอสุดๆ เธอต้องซื้อนะ ว่าแล้วนางก็หยิบคู่ที่เหมือนของเรามาลองมั่ง แล้วก็พบว่ามันไม่ได้เข้ากับเค้าเลย อาจจะด้วยสีผิวที่มันตัดกับรองเท้าเกินไป เราก็งงๆไปพักนึง อะไรของนางวะ ไม่ได้รู้จักกัน มาชวนคุยทำไม นี่ก็ได้แต่ยิ้ม แล้วก็ตอบไปตามมารยาทว่า Oh really! Thanks a lot จริงหรอ ขอบใจมากจ้า สุดท้าย เราก็คว้ารองเท้าคู่นั้นมาครองจนได้ ตอนที่จ่ายตังเสร็จแล้วเดินผ่านเค้า เลยบอกเค้าไปว่านี่ชั้นซื้อตามที่เธอแนะนำแล้วนะ นางก็บอกว่า แล้วเธอจะไม่ผิดหวัง

12.การได้เข้าใจว่าสภาพแวดล้อมที่ดี มีผลต่อสภาพจิตใจมาก

เราใช้ชีวิตอยู่ในเมืองชิคาโก ซึ่งเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีการคมนาคมที่สะดวกมาก มีรถไฟทั่วและรถบัสถึงและวิ่งให้บริการตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง แถมยังถูกออกแบบมาอย่างดีไม่ให้งงด้วย ทำให้ทุกครั้งที่ต้องเดินทางไปทำธุระต่างๆมีความสะดวกและไม่ต้องหงุดหงิด สุขภาพจิตเสียกับภาวะรถติดด้วย มันทำให้เราเกิดการเปรียบเทียบกับการใช้ชีวิตในเมืองไทยได้อย่างชัดเจนเลย

ไม่เพียงเท่านั้น ที่นี่ยังมีผังเมืองที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ความเป็นอยู่ของคนในเมืองเป็นไปในทางที่ดีขึ้น มีสวนสาธารณะ ลานอเนกประสงค์ใหญ่ๆ ทางเดินเลียบริมแม่น้ำและทะเลสาบที่ทำไว้ให้คนได้มาเดินเล่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ออกกำลังกายผ่อนคลายอารมณ์กัน ช่วยลดภาวะกดดันและความเครียดได้เป็นอย่างดี

13.การได้เห็นความแตกต่างของพ่อแม่ฝรั่งในการเลี้ยงดูลูก

เราไปเดินเล่นงาน Event งานนึงที่จัดขึ้นในหน้าร้อน ซึ่งงานจัดที่สวนสาธารณะแถว Western ในเมืองชิคาโก มีคนมาเที่ยวงานเยอะแยะมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นพ่อแม่พาเด็กๆมาเที่ยว ที่บริเวณหน้างานจะมีน้ำพุที่เปิดให้มันพุ่งๆแค่ในหน้าร้อนเท่านั้น ตรงนี้ก็มีเด็กๆให้ความสนใจกันเยอะมาก มาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน เล่นไปกรี๊ดไป

เราก็ยืนดูเค้าเล่นกันเพลินๆ แล้วจู่ๆน้องผู้หญิงคนนึง อายุประมาณ 7 ขวบก็ลื่นล้มลง เข่ากระแทกพื้น นางร้องไห้จ๊ากเลย เรียกหาพ่อให้มาดู เราก็มองหาพ่อของน้องว่าอยู่ไหน คิดในใจว่าเค้าจะต้องวิ่งมาพยุงลูกให้ลุกขึ้นแล้วก็โอ๋น้อง แต่ปรากฏว่าพ่อนางยืนดูเฉยๆเว่ย ไม่ทำอะไรทั้งนั้น ส่วนน้องคนนั้น เมื่อพ่อไม่สนใจนางก็หยุดร้องไห้ ลุกขึ้นมาจากพื้น พร้อมกับเข่าและมือเลอะๆ ไปเล่นน้ำพุกับเพื่อนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ๋งว่ะ ล้มแล้วก็ต้องลุกเอง ไม่มีใครช่วยได้ตลอดหรอกนะ พ่อของน้องคงพูดในใจแบบนี้ล่ะมั้ง

14.การที่ได้รู้ว่าผู้หญิงที่จะมีคู่ได้นั้น ไม่จำเป็นต้องสวยและหุ่นดีเสมอไป

เราเคยมองว่าคนที่เค้ามีคู่ สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ต้องเป็นคนที่หน้าตาดีและหุ่นดี แต่สิ่งที่เราได้เห็นจากที่อเมริกานี้คือ มันไม่จำเป็นเลย เรื่องรูปร่างไม่ใช่เรื่องสำคัญในการมีคู่ เราเคยเจอคุณแม่ที่มีรูปร่างใหญ่กว่าเราสองเท่าผิวสี และมีลูกสองคนมาด้วย คำว่าสวยนี่ห่างไกลมากๆ แค่ภาพนั้นภาพเดียวทำให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยว่าสาระมันคงไม่ได้อยู่ที่รูปร่างภายนอกแล้วล่ะ คงเป็นเรื่องในแง่อื่นๆซะมากกว่า และการที่อยู่เป็นโสดก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ถ้าเรามีคุณค่าในตัวเอง ภูมิใจในสิ่งที่เป็นและไม่ทำให้ใครเดือดร้อนเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

15.การได้รู้ซึ้งและตกผลึกกับคำว่า Active Income

เราเลือกที่จะไปใช้ชีวิตที่อเมริกาเพื่อประสบการณ์ใหม่ๆและรายได้ที่สูงขึ้น ซึ่งการเป็นเด็กเสิร์ฟนั้นตามความรู้สึกของเรามันเหมือนงานรับจ้าง หรืองาน Freelance นั่นเอง รายได้เฉลี่ยอยู่ที่วันละ $100 วันไหนไม่ทำงานก็ไม่มีเงิน ค่าใช้จ่ายที่อเมริกาก็สูง ค่าเทอมก็มี

นั่นหมายความว่าเราไม่สามารถที่จะหยุดวิ่ง หรือหยุดทำงานได้เลย เป็น Active Income แบบชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เหมือนได้เห็นภาพตัวเองในอนาคตว่าในวันที่เรามีรายได้ 60,000 บาทต่อเดือนที่เมืองไทย เราก็คงจะมีชีวิตไม่ต่างจากนี้ ซึ่งมันไม่สนุกเลยนะ สิ่งนี้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เราอย่างนึงที่ทำให้เราต้องเร่งพัฒนาตัวเอง ศึกษาความรู้ใหม่ๆที่กำลังเป็นที่ต้องการสำหรับโลกอนาคต และต้องไม่เอาตัวเองไปผูกมัดกับการสร้างรายได้มากนัก ซึ่งมันมีอยู่จริงถ้าเราพยายามมองหามัน

แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเราเช่นกัน ภาวะนี้คือการปรับตัวทางด้านอารมณ์และจิตใจเพื่อให้คุ้นเคยกับบ้านเกิด เราว่างงานอยู่ 3 เดือน เป็นช่วงเคว้งคว้าง หางานทำไม่ได้ เราค่อยๆรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไปทีละนิดๆ แต่ก็ยังไม่เป็นอะไรมาก และเมื่อได้กลับเข้าไปทำงานประจำปุ๊บ เหมือนคนมีปัญหาเลยอ่ะ รู้สึกแย่กับชีวิตมากๆ รับไม่ได้กับทุกๆเรื่องที่เกิดขึ้น คิดแต่ว่าทำไมเราต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้อีกแล้ว

เจอปัญหารถติดที่ไม่ได้เจอมาเป็นปี ต้องทนกับการก่อสร้างในกรุงเทพที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทำงานเดิมๆที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเลยซักนิด รู้สึกเบื่อชีวิตมาก ไม่มีอะไรสนุกสำหรับเราเลย ไม่รู้จะหาทางออกยังงัย แล้วสุดท้ายเราก็ไปอารมณ์เสียใส่แม่จนแม่ไม่อยากคุยด้วย แล้วน้องก็มาให้สติกับเราว่าแกไม่ปกตินะ แกเป็นภาวะนี้รึเปล่า แกต้องยอมรับมันซะแล้วก็ปรับปรุงตัว เราก็เลยมาอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วก็พบว่าเรามีอาการทุกอย่างเหมือนที่เค้าเขียนไว้เลย

เราเลยแก้ปัญหานี้ด้วยการออกไปทำอะไรที่มันท้าทายอีกครั้ง นั่นคือการไปงานสัมนา Nomad Summit ที่ไม่มีคนไทยซักคนเดียว มีคนมาจากนานาชาติประมาณ 350 คน ค่าบัตรก็แพ้งแพง ที่สำคัญคือเราไปงานนี้คนเดียว เราได้คุยกับคนต่างชาติหลายๆคน แล้วก็พบว่าภาษาอังกฤษก็ยังโอเคอยู่นะ และชีวิตก็ไม่ได้หนีเราไปไหน ซึ่งหลังจากจบงานนั้น ความมั่นใจในตัวเองเริ่มกลับมา ทัศนคติที่เรามองเมืองไทยก็เปลี่ยนไปด้วย เพราะพวกเขาเหล่านั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชอบเมืองไทยมากๆ กลายเป็นว่าเราต้องปรับทัศนคติใหม่ให้ตัวเองในการมองประเทศนี้ ทำให้ตัวเองมีคุณค่ามากขึ้น และพยายามปรับตัวให้เข้ากับเมืองไทยใหม่อีกครั้ง

17.ชีวิตต้องวางแผน

เหตุผลหลักที่ทำให้เราตัดสินใจไปอเมริกานั่นคือ เงินนนน ตั้งใจว่าจะไปใช้ชีวิตซัก 3 ปี เก็บเงินล้านนึงกลับบ้าน แต่พอเอาเข้าจริง ทุกอย่างมันไม่เป็นตามแผนเลย เริ่มต้นก็ไม่ค่อยโอเคแต่ก็ประคับประคองมาได้ รายได้ต่อเดือนก็ไม่เป็นไปตามเป้า หารายได้แบบที่พออยู่ได้ซึ่งก็ต้องรวมค่าใช้จ่ายอย่างค่าบ้าน ค่าเทอม ค่ากิน และการไปเที่ยวหาประสบการณ์บ้าง

พอหมดเวลาของการใช้ชีวิตแบบนั้น ถึงเวลาที่ต้องกลับบ้าน แต่ไม่ได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้ว่ากลับมาจะสมัครงานอะไร ใช้ชีวิตแบบไหน แล้วจะได้งานทำเมื่อไหร่ มันเลยทำให้ชีวิตรวนๆอยู่พักนึง เสียทั้งเวลาเสียทั้งเงินไปหลายเดือนเลยล่ะ กว่าจะจับจุดได้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไปดี เราก็เลยอยากบอกว่าคิดให้ดีๆนะก่อนจะตัดสินใจทำอะไร เพราะบางอย่างมันย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็เก็บเงินเยอะๆ และเก็บประสบการณ์+รูปภาพไว้เยอะๆละกัน เผื่อว่าวันนึงมันอาจจะเอามาใช้ประโยชน์ได้แบบที่เราพยายามทำอยู่นี้

18.เมืองไทยเปลี่ยนไปเร็วมากๆ

ระหว่างที่ไม่อยู่ปีกว่าๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันทำให้เราตั้งตัวไม่ทัน โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย อยู่ๆตลาดก็เปลี่ยนจากการขายสินค้า SME ขายขนม มาเป็นการขายคอร์สสร้างความร่ำรวยกันแทน แต่ในอเมริกาสังคมแบบที่เราได้สัมผัสคือธุรกิจร้านอาหาร ที่ดูยังงัยก็ไม่น่าจะต่างจากเมื่อ 10 ปีที่แล้วเท่าไหร่

มีเพียงเรื่องเทคโนโลยีที่ช่วยให้การซื้อขายอาหารง่ายขึ้นมาก นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า Grubhub มีทั้งบริการกดสั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งที่ร้านอาหารส่วนใหญ่จะต้องติดตั้ง Tablet และบริการจาก Grubhub ทั้งนั้น คนไหนขี้เกียจก็แค่กดสั่งอาหารในบริเวณ Neighborhood หรือละแวกบ้านไม่เกิน 5 ไมล์ จะมีคนมาส่งถึงที่ เราทำหน้าที่แค่จ่ายตังเท่านั้น ซึ่งบางคนก็จ่ายผ่านแอพ ด้วยการตัดบัตรเครดิตไปเลย

นั่นหมายความว่าการที่เราไปอยู่ต่างแดนนานๆ แล้วคิดว่าอยากจะกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย อย่างน้อยก็ต้องตามเทรนด์ของสังคมไทยให้ทัน ไม่งั้นก็จะถูกทิ้งกองไว้ตรงนั้นอย่างไม่มีใครเหลียวแลแน่ๆ

19.ทำธุรกิจของตัวเองดีกว่าหางานประจำ

ช่วงที่เราได้กลับไปทำงานประจำแบบงงๆ เรารู้สึกเครียดและแปลกแยกมากเลย มีแต่คำถามว่าทำไมมันไม่เป็นแบบนั้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ และทำไมเราถึงดูห่วยจัง รู้สึกว่ามันไม่ใช่ที่ของเรา แต่พอเริ่มปรับตัวได้ หาทางออกให้ตัวเองได้ก็เลยคิดว่าอยากจะแนะนำให้คนที่พอจะมีทุนอยู่บ้างไปทำธุรกิจของตัวเองดีกว่า เอาไอเดียดีๆ ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆที่เราได้ไปสัมผัสกัน มาปรับใช้กับธุรกิจของเราเองโดยเริ่มจากธุรกิจเล็กๆ ที่ไม่ต้องใช้เงินทุนสูงมาก แล้วค่อยๆพัฒนาต่อให้มันเติบโตก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดี

และในเมื่อมีโอกาสได้ใช้ชีวิตในประเทศที่เป็นผู้นำเทรนด์ของโลกขนาดนี้แล้ว ทำไมเราไม่ลองศึกษาเทคโนโลยีอย่างพวกแอพพลิเคชั่นเจ๋งๆ ที่เราชอบและช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตเรา นำมาปรับใช้กับบ้านเราดูมั่งล่ะ เรื่องเทคโนโลยีนี่เป็นอะไรที่ต้องรู้ และสามารถเปลี่ยนชีวืตเราไปได้เลยนะ ถ้าเรารู้จักใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้จริงๆ

ถ้าใครยังไม่พร้อมกับการทำธุรกิจก็แนะนำให้สมัครงานในบริษัทอินเตอร์ที่ได้ทำงานกับชาวต่างชาติจะช่วยให้รู้สึกว่ายังมีพื้นที่สำหรับเราอยู่นะ และคิดไม่ผิดที่กลับมาอยู่เมืองไทย เพราะที่นี่ยังไงก็บ้านเรา ยังมีเรื่องราวให้เราได้เรียนรู้อีกเยอะ

20.ภาษาอังกฤษคือใบเบิกทางชั้นดี

อาจจะไม่ต้องถึงขั้นว่าได้ใบเซอร์ หรือได้ดีกรีดีๆมาประดับบ้านก็ได้ แค่ให้เข้าใจและสามารถสื่อสารได้ก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้วล่ะ ภาษาอังกฤษเหมือนเป็นสะพานเชื่อมให้เราไปเจอกับโลกใบใหม่ที่ไม่ค่อยคุ้น ถ้าเราอยากตามทันเทรนด์ของสังคมระดับอินเตอร์เราก็ต้องใช้ภาษาให้คล่องโดยเฉพาะการอ่านและฟังคอนเท้นท์ที่มีสาระดีๆ ที่มีให้อ่านกันฟรีๆอยู่เสมออย่างเช่น Ted x Talk หรือจะเป็นเรื่อง Make money online เรื่อง Blogging และการทำงานแบบ Remote Work เชื่อสิว่ามันจะทำให้เราขยับไปอยู่ในอีกเลเวลนึงได้

สรุป

และนี่คือ 20 ข้อคิดที่อยากจะบอกสำหรับคนที่กำลังคิดจะไป ใช้ชีวิตที่อเมริกา คนที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ และคนที่กำลังคิดจะกลับบ้านที่เมืองไทย เราอยากให้เก็บประสบการณ์และบทเรียนที่ไม่ว่าจะร้ายหรือดีเอาไว้สอนตัวเองให้เป็นคนที่เก่งขึ้น พร้อมจะสู้กับปัญหา อย่าลืมหาความรู้อัพเดทให้ตัวเองอยู่เสมอเพราะโลกเราเปลี่ยนไปเร็วจริงๆ สิ่งที่เคยขายได้ในวันนี้ อีกหนึ่งเดือน 6 เดือนก็อาจจะขายไม่ได้แล้ว และอย่าลืมวางแผนให้ชีวิตตัวเอง อยากจะทำอะไรก็ต้องเริ่มปูทางสร้างมันซะตั้งแต่วันนี้เลยเพราะกรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวเช่นใด ชีวิตเราก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

สร้างเว็บบล็อกสำหรับบันทึกชีวิตตัวเอง เก​็บไว้เป็นความทรงจำดีๆที่เคยเกิดขึ้น ทางนี้เลยจ้า


เพลงหลับลึก ใน5นาทีที่ทำด้วยนักจิตบำบัด แก้นอนไม่หลับด้วย Delta waves คลื่นหลับลึก


เสียงคลื่น Delta waves ช่วยในการหลับลึก หลับสนิททั้งคืน โดยแต่ละคนอาจใช้เวลาสั้นยาวไม่เท่ากัน แต่จะหลับได้ง่ายขึ้นเมื่อหัดทำจิตใจให้ผ่อนคลายและดึงสติกลับมาทุกครั้งที่กำลังคิดไปถึงเรื่องอื่น กลับมาฟังเพลงนี้ซ้ำๆ ทุกคืนคุณจะนอนหลับได้เร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หากชื่นชอบและอยากสนับสนุนช่องของเรา คุณสามารถเลี้ยงกาแฟเราได้นะคะ
เราจะได้ตาสว่างยันเช้าเพื่อทำเพลงให้พวกคุณได้นอนหลับสบาย ^^
เลี้ยงกาแฟเราได้ที่นี่ค่ะ https://www.buymeacoffee.com/KateVP
เพลงนี้ทำโดยคุณ Loula Taylor นักจิตบำบัดที่มีใบรับรองในประเทศสหรัฐอเมริกา
Nice to meet you!
I’m a professional scriptwriter and a voice artist and I lead meditation as well as helpful hypnosis at The Awareness Center in Carborro North Carolina. I am a certified Hypnotist with a certificate in Regression Hypnosis.
เพลงกล่อมนอน เพลงกล่อมนอนผู้ใหญ่ เพลงหลับลึก

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

เพลงหลับลึก ใน5นาทีที่ทำด้วยนักจิตบำบัด แก้นอนไม่หลับด้วย Delta waves คลื่นหลับลึก

อยากไปทำงานที่ อเมริกา ใช้เงินเท่าไหร่? | USA adventure | Nice Tales


ไนซ์แจงรายละเอียด ให้ว่าอยากไปต้องเก็บตังเท่าไหร่ ใครอยากไป ตามมาดูกันเลยค่ะ.

ติดตาม Nice ช่องทางอื่นๆได้ที่
FB : https://fb.me/NiceTalesChannel
IG : https://www.instagram.com/princezznize/
Www.panit.me

อยากไปทำงานที่ อเมริกา ใช้เงินเท่าไหร่? | USA adventure | Nice Tales

เพลงสำหรับเปิดคลอตอนอ่านหนังสือ ช่วยให้อ่านได้มากขึ้น และจำได้ดีขึ้น


เพลงสำหรับเปิดคลอตอนอ่านหนังสือ ช่วยให้อ่านได้มากขึ้น และจำได้ดีขึ้น ผ่อนคลาย โล่งสมอง

เพลงสำหรับเปิดคลอตอนอ่านหนังสือ ช่วยให้อ่านได้มากขึ้น และจำได้ดีขึ้น

หา \”ผี\” ในบ้านตัวเอง! ด้วยเครื่องมือ EMF นำเข้าจากต่างประเทศ


หา \”ผี\” ในบ้านตัวเอง! ด้วยเครื่องมือ EMF นำเข้าจากต่างประเทศ

You can see me at!
Ajumma
ʕᴥ• ʔ Instagram : https://www.instagram.com/namnung.p
ʕᴥ• ʔ Fanpage : https://www.facebook.com/ajummanammy
ʕᴥ• ʔ Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?…

Oppa
ʕ•̮͡•ʔ Instagram : https://www.instagram.com/oppathuchy
ʕ•̮͡•ʔ Fanpage : https://www.facebook.com/oppathuchy
ʕ•̮͡•ʔ Facebook : https://www.facebook.com/thuchyhandso…

Contact Work:
Email: [email protected]
Line: @OppaThuchyManager

หา \

Study Music ฟังแล้วตั้งใจทำงาน อ่านหนังสือ เพิ่ม 500% ด้วยคลื่นเสียง Alpha Waves ผ่อนคลาย คลายเครียด


คลื่นเสียงนี้ทำโดยนักจิตบำบัด ในประเทศสหรัฐอเมริกา คลื่นเสียง Alpha Wave คือคลื่นเสียงที่มีความถี่ระหว่าง ประมาณ 714 รอบต่อวินาที เวลาที่ความถี่น้อยลง หมายถึงว่า เราจะคิดช้าลง เป็นจังหวะ เป็นท่วงทำนอง คมชัด ให้เวลาแก่จิตในการไตร่ตรองและมีความคิดเป็นระบบขึ้น สภาวะที่สมองทำงานอยู่ในคลื่นอัลฟ่ายังพบอยู่ในหลายๆ รูปแบบ เช่น ขณะที่กล้ามเนื้อหรือร่างกายผ่อนคลาย ช่วงเวลาที่ง่วงนอน ก่อนหลับหรือหลับใหม่ๆ เวลาทำอะไรเพลินๆ จนลืมสิ่งรอบๆ ตัว เวลาสบายใจ เวลาอ่านหนังสือหรือจดจ่อกับกิจกรรมใด ๆ อย่างต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง และการเข้าสมาธิในระดับภวังค์ที่ไม่ลึกมาก
โดยหากจะตั้งโปรแกรมจิตใต้สำนึกก็ควรทำในช่วงที่คลื่นสมองเป็นอัลฟ่า ในคนทั่วไปเองก็ควรฝึกฝนตนเองให้สมองทำงานอยู่ในช่วงคลื่นอัลฟ่าเป็นประจำเช่นเดียวกัน เพราะจะช่วยสร้างความผ่อนคลาย ร่างกายจะไม่ทำงานอยู่บนฐานแห่งความกลัวหรือวิตกกังวล แต่จะมองชีวิตอย่างสนุกสนาน มีความรู้สึกอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ หรืออยากสำรวจโลกแบบเด็ก ๆ แต่คนส่วนใหญ่มักจะขาดการฝึกฝนให้ตนเองมีคลื่นสมองชนิดนี้ และมักปล่อยให้อารมณ์อัตโนมัติตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ขาดการคิดใคร่ครวญด้วยระยะเวลาอันเหมาะสมก่อน หากเรามีการฝึกฝนจิตให้ตื่นรู้เช่นเดียวกันกับแนวทางการปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนา คลื่นอัลฟ่านี้จะถูกบ่มเพาะให้เข้มแข็งขึ้น สามารถรื้อโปรแกรมอัตโนมัติเก่า สร้างโปรแกรมอัตโนมัติใหม่ ๆ ได้
หากชื่นชอบและอยากสนับสนุนช่องของเรา คุณสามารถเลี้ยงกาแฟเราได้นะคะ
เราจะได้ตาสว่างยันเช้าเพื่อทำเพลงให้พวกคุณได้นอนหลับสบาย ^^
เลี้ยงกาแฟเราได้ที่นี่ค่ะ https://www.buymeacoffee.com/KateVP
ที่มา
http://www.jaisabuy.com/index.php?lay=show\u0026ac=article\u0026Id=5385708\u0026Ntype=1
Copyrights
Meditate and Create, LLC
Commercial Rights License
เพลงเพิ่มสมาธิ เพลงอ่านหนังสือ เพลงกล่อมนอน

Study Music ฟังแล้วตั้งใจทำงาน อ่านหนังสือ เพิ่ม 500% ด้วยคลื่นเสียง Alpha Waves ผ่อนคลาย คลายเครียด

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ไปทํางานที่อเมริกา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *