Relative clause คือประโยคย่อยที่ขยายความ หรือระบุให้แน่ชัดว่าคำนามที่กล่าวนั้นหมายถึงคนใด สิ่งใด Relative Clause จะตามหลัง Relative Pronoun แบ่งออกเป็นสองประเภทคือ

1. Defining Relative Clause
2. Non-defining Relative Clause

1.Defining Relative Clause
คือข้อความที่ทำหน้าที่คล้ายคำคุณศัพท์ (Adjective) เพื่อไปขยายนามที่อยู่ข้างหน้าให้ได้ใจความสมบูรณ์และชัดเจนขึ้นว่า เป็นคนไหน สิ่งไหน ของใคร เป็นต้น หากไม่มี Defining Relative Clause มาขยาย นามที่กล่าวถึงนั้นก็จะไม่เจาะจง จะเป็นการกล่าวขึ้นมาลอย ๆ ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้ไม่กระจ่าง อาจจะต้องซักถามต่อไปอีกว่า เป็นใคร สิ่งไหน หรือของใคร ตัวอย่างเช่น
The man was killed.
ผู้ชายถูกฆ่า
จากประโยคนี้ ผู้ฟังจะไม่ทราบเลยว่าผู้ชายคนไหนที่ถูกฆ่าแต่ถ้าเพิ่ม Defining Relative Clause เข้าไปที่หลัง the man จะทำให้ความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะทำให้ทราบว่าเป็นผู้ชายคนไหน เช่น
The man who went to the party with Mary last night was killed.
ผู้ชายคนที่ไปงานเลี้ยงกับ Mary เมื่อคืนนี้ถูกฆ่า

ลักษณะของ Defining Relative Clause
Defining Relative Clause โดยปกติแล้วจะมีลักษณะดังนี้
1. ทำหน้าที่คล้ายคำคุณศัพท์ (Adjective) เพื่อไปขยายนามที่อยู่ข้างหน้า ให้ได้ใจความสมบูรณ์และชัดเจนขึ้นว่า หมายถึง คนไหน สิ่งไหน ของใคร เป็นต้น
2. ไม่มีเครื่องหมาย comma (,) คั่นระหว่างนามกับ Defining Relative Clause
3. จะขึ้นต้นด้วยคำสรรพนาม (Pronoun) ดังนั้นคำสรรพนามที่ขึ้นต้น Defining Relative Clause จึงเรียกว่า Relative Pronoun ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับนามที่ขยาย เช่น ถ้า Defining Relative Clause ขยายนามที่เป็นคน Relative Pronounก็ต้องเป็นคำที่ใช้แทนคน ฯลฯ

หน้าที่ของ Relative Pronoun
Relative Pronoun ที่ขึ้นต้น Defining Relative Clause จะต้องสอดคล้องกับนามที่มันขยาย ซึ่งจะมีหน้าที่อยู่ 3 ประการหลัก คือ1. ทำหน้าที่เป็นประธาน มี 2 แบบ ได้แก่
1.1 ถ้าเป็นคน ให้ใช้ who หรือ that แต่นิยมใช้ who มากกว่า เช่น
The man who is singing is Mr. White.
ผู้ชาย คนที่กำลังร้องเพลง คือ Mr. White
มาจาก The man is Mr. White รวมกับ The man is singing.
1.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของ ให้ใช้ which หรือ that แต่นิยมใช้ which มากกว่า เช่น
The dog which is on the table is from America.
สุนัข ตัวที่อยู่บนโต๊ะ มาจากอเมริกา
มาจาก The dog is from America. รวมกับ The dog is on the table.2. ทำหน้าที่เป็นกรรม มี 2 แบบ ได้แก่
2.1 ถ้าเป็นคน ให้ใช้ whom หรือ that แต่นิยมใช้ whom มากกว่า เช่น
The woman whom you saw yesterday is Mrs. White.
ผู้หญิง คนที่คุณเห็นเมื่อวานนี้ คือ Mrs. White
มาจาก The woman is Mrs. White.รวมกับ You saw the woman yesterday.
2.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของ ให้ใช้ which หรือ that แต่นิยมใช้ which มากกว่า เช่น
I like the cat which Paul bought last week.
ฉันชอบแมว ตัวที่ Paul ซื้อมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
มาจาก I like the cat. รวมกับ Paul bought the cat last week.
ถ้า Relative Pronoun ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยาที่ตามมา เราสามารถตัด Relative Pronoun นั้นออกไปได้ เช่น
The woman whom you saw yesterday is Mrs. White.
whom เป็นกรรมของ saw ดังนั้นประโยคนี้ สามารถพูดได้อีกแบบหนึ่งว่า
The woman you saw yesterday is Mrs. White.
I like the cat which Paul bought last week.
Which เป็นกรรมของ bought ดังนั้นประโยคนี้ สามารถพูดได้อีกแบบหนึ่งว่า
I like the cat Paul bought last week.

Relative Pronoun ที่ขึ้นต้น Defining Relative Clause จะต้องสอดคล้องกับนามที่มันขยาย ซึ่งจะมีหน้าที่อยู่ 3 ประการหลัก คือ1. ทำหน้าที่เป็นประธาน มี 2 แบบ ได้แก่1.1 ถ้าเป็นคน ให้ใช้ who หรือ that แต่นิยมใช้ who มากกว่า เช่นThe manis Mr. White.ผู้ชายคือ Mr. Whiteมาจาก The man is Mr. White รวมกับ The man is singing.1.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของ ให้ใช้ which หรือ that แต่นิยมใช้ which มากกว่า เช่นThe dogis from America.สุนัขมาจากอเมริกามาจาก The dog is from America. รวมกับ The dog is on the table.2. ทำหน้าที่เป็นกรรม มี 2 แบบ ได้แก่2.1 ถ้าเป็นคน ให้ใช้ whom หรือ that แต่นิยมใช้ whom มากกว่า เช่นThe womanis Mrs. White.ผู้หญิงี้ คือ Mrs. Whiteมาจาก The woman is Mrs. White.รวมกับ You saw the woman yesterday.2.2 ถ้าเป็นสัตว์หรือสิ่งของ ให้ใช้ which หรือ that แต่นิยมใช้ which มากกว่า เช่นI like the catฉันชอบแมวมาจาก I like the cat. รวมกับ Paul bought the cat last week.ถ้า Relative Pronoun ทำหน้าที่เป็นกรรมของกริยาที่ตามมา เราสามารถตัด Relative Pronoun นั้นออกไปได้ เช่นThe womanis Mrs. White.whom เป็นกรรมของ saw ดังนั้นประโยคนี้ สามารถพูดได้อีกแบบหนึ่งว่าThe womanis Mrs. White.I like the catWhich เป็นกรรมของ bought ดังนั้นประโยคนี้ สามารถพูดได้อีกแบบหนึ่งว่าI like the cat

3. ทำหน้าที่เป็นเจ้าของ มี 2 แบบ ได้แก่
3.1 ถ้าเจ้าของเป็นคน ให้ใช้ whose เช่น
The boy whose bicycle is red is Tom.
เด็กผู้ชาย คนที่จักรยานของเขาสีแดง คือ Tom
มาจาก The boy is Tom. รวมกับ The boy’s bicycle is red.

3.2 ถ้าเจ้าของเป็นสัตว์หรือสิ่งของ ให้ใช้ of which เช่น
The dog of which the tail is long is Pong-Pong.
(สุนัข ตัวที่หางของมันยาว คือ Pong-Pong)
มาจาก The dog is Pong-Pong. รวมกับ The tail of the dog is lo

2. Non-defining relative Clause ได้แก่ clause ซึ่งมีลักษณะที่สำคัญ ดังนี้
   1.เป็น clause ที่เพิ่มเข้ามาไม่มีความจำเป็นแก่ใจความในประโยค เพียงแต่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้ได้ความละเอียดมากขึ้น
จากสิ่งซึ่งทราบแล้ว
    2.ต้องมีเครื่องหมาย comma ข้างหน้าและข้างหลัง clause เสมอ
3.ต้องไม่ใช้ relative pronouns ซึ่งไม่ชี้เฉพาะเจาะจง เช่น who, whom,whose หรือ which เท่านั้น จะใช้ that ไม่ได้เลย ตัวอย่างเช่น
Dave , who lives next door , came here yesterday.จากประโยคข้างต้น relative clause “who lives next door” ไม่มีความจำเป็นเลย เพราะเอ่ยชื่อ Dave เราก็ทราบแล้วว่าคือใครดังนั้นข้อความ who lives next door จึงเพิ่มเข้ามาเพื่อให้รายละเอียดเท่านั้น เมื่อกล่าวถึง Dave ก็เป็นที่เข้าใจกันดีระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง
Amy, who lives next door , is coming to see you.
จากประโยคข้างต้น relative clause “who lives next door” ไม่มีความจำเป็นเลย เพราะเอ่ยชื่อ Amy เราก็ทราบแล้วว่าคือใคร ดังนั้นข้อความ who lives next door จึงเพิ่มเข้ามาเพื่อให้รายละเอียดเท่านั้น
เมื่อกล่าวถึง Amy ก็เป็นที่เข้าใจกันดีระหว่างผู้พูดและผู้ฟัง

หน้าที่ของ Non-defining Relative Clause
1. เป็นประธานในประโยค (Subject)
1.1 Persons (คน) ใช้ who เท่านั้น
a) Charles Dickens was a very famous writer . He wrote “Oliver Twist”.
= Charles Dickens , who wrote “Oliver Twist” , was very famous writer.
b) Mr. John Brown received a reward. He got high marks in the final exam.
= Mr. John Brown ,who got high marks in th final exam, recieved a reward.
c) My friend’s uncle has gone to Paris. He works at the Ministry of Education.
= My friend’s uncle, who works at the Ministry of Education, has gone to Paris.
1.2 things (สิ่งของ สถานที่ ที่ไม่ใช่คน)ใช้ which เท่านั้น
a) Bangkok is very crowded. Bangkok is the capital of Thailand.
= Bangkok , which is the capital of Thailand, is very crowded.
b) Chiang Mai is a fantastic city. It‘s in the north of Thailand.
= Chiang Mai , which is in the North of Thailand, is a fantastic city.
c) I always read Thairath . It is a famous newspaper.
= I always read Thairath , which is a famous newspaper.

2. กรรมในประโยค (Object of the verb)
2.1 Persons ใช้ whom เท่านั้น และตัด object ในประโยคเดิม (ไม่สามารถละ whom ได้)
a) Peter Gray is coming to see you. I met him in Wellington.
= Perter Gray , whom I met in Wellingon , is coming to see you.
b) Your girlfriend Jane came to see me. I really like her.
= Youir girlfriend Jane , whom I really like , came to see me.
c) David and Martin have arrived. I mentioned them to you.
= David and Martin , whom I mentioned to you , have arrived.
2.2 things (สิ่งของ)ใช้ which เท่านั้น และตัด object ในประโยคเดิม (ไม่สามารถละ which ได้)
a) White elephants are rare. Thai people present them to the King.
= White elephants , which Thai people present to the King , are rare.
b ) Thai rice isn’t expensive. Most people like it.
= Thai rice , which most people like , isn’t expensive.
c) Dream World is famous for children. I visited Dream World last week.
= Dream World , which I visited last week , is famous for children.

3. กรรมของบุรพบท (Object of the preposition)
3.1 Persons (คน)
สามารถใช้โครงสร้างดังต่อไปนี้
,whom + subject + verb…..+preposition,…… หรือ
…., preposition + whom + subject + verb , …….Dan Brown is a writer. You spoke to him yesterday.
= Dan Brown , whom you spoke to yesterday , is a writer.
= Dan brown , to whom you spoke yesterday , is a writer.
b) Mr. Dave is my teacher. You borrowed a pen from him.
= Mr. Dave, whom you borrowed a pen from , is my teacher.
= Mr. Dave, from whom you borrowed a pen , is my teacher.
3.2 Things (สิ่งของ สถานที่ สิ่งที่ไม่ใช่คน)
ตัวอย่างเช่น
a) The Oriental Hotel is very big. I stayed at it last night.
= The Oriental Hotel , which I stayed at last night , is very big.
= The Oriental Hotel , at which I stayed last night , is very big.
(=The Oriental Hotel , where I stayed last night , is very big.) (หมายถึงสถานที่)
b) The White House is in Washington D.C.The President of America lives in it.
= The White House , which the President lives in , is in Washington D.C.
= The White House , in which the President lives, is in Washington D.C.
(= The White House , where the President lives , is in Washington D.C.)

4. แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive)
4.1 Persons (คน) ใช้ whose เช่น
a) My eldest brother has just got married. You saw his girlfriend last Sunday.
= My eldest brother , whose girlfriend you saw last Sunday , has just got married.
b) Krisana writes novels. Her picture was in the paper.
= Krisana , whose picture was in the paper , writes novels.4.2 Things (สิ่งของ)ใช้ of which หรือ with + Adj.+ Noun
a) My uncle’s house is on Silom Road. The window of it is brown.
= My uncle’s house, of which the window is brown , is on Silom Road.
(หรือ My uncle’s house with the broken window is on Silom Road.)

การเชื่อมประโยคโดยใช้ relative clauses

3.1 Persons (คน)สามารถใช้โครงสร้างดังต่อไปนี้,whom + subject + verb…..+preposition,…… หรือ…., preposition + whom + subject + verb , …….is a writer. You spoke toyesterday.= Dan Brownis a writer.= Dan brownis a writer.b)is my teacher. You borrowed a pen from= Mr. Daveis my teacher.= Mr. Daveis my teacher.3.2 Things (สิ่งของ สถานที่ สิ่งที่ไม่ใช่คน)ตัวอย่างเช่นa)is very big. I stayed atlast night.= The Oriental Hotelis very big.= The Oriental Hotelis very big.(=The Oriental Hotelis very big.) (หมายถึงสถานที่)b).The President of America= The White Houseis in Washington D.C.= The White Houseis in Washington D.C.(= The White Houseis in Washington D.C.)4.1 Persons (คน) ใช้ whose เช่นa) My eldest brother has just got married. You sawlast Sunday.= My eldest brotherhas just got married.b) Krisana writes novels.was in the paper.= Krisanawrites novels.4.2 Things (สิ่งของ)ใช้ of which หรือ with + Adj.+ Nouna) My uncle’s house is on Silom Road.is brown.= My uncle’s houseis on Silom Road.(หรือ My uncle’s houseis on Silom Road.)

posted Sep 2, 2012, 9:15 PM by Karnchanoke Wattanasin

Combining sentences using relative clauses การเชื่อมประโยคโดยใช้ relative clauses

 

ข้อควรจำในการเชื่อมประโยคโดยใช้ who, which, whose:

–       Who = คน; which = สิ่งของ; whose + noun = เป็นเจ้าของ + ของ/คน (= his/their/etc. + noun)

–       Relative pronoun เป็นคำที่ใช้แทนคำนาม ดังนั้น..

–> เมื่อใส่ who/which แทนคำนามแล้ว ไม่ต้องใส่คำนามนั้นซ้ำ

Example 1: Sam is a doctor.  He works at Bangkok Hospital.

= Sam is a doctor who works at Bangkok Hospital.

NOT Sam is a doctor who he works at Bangkok Hospital.

–> เมื่อใส่ whose แทนการแสดงความเป็นเจ้าของ + คำนามแล้ว ไม่ต้องใส่คำแสดงความเป็นเจ้าของ (เช่น his, her, their ฯลฯ) นั้นซ้ำ

Example 2: Pete is a painter.  His paintings sell at high prices.

= Pete is a painter whose paintings sell at high prices.

NOT Pete is a painter whose his paintings sell at high prices.

–       เมื่อเห็นโจทย์ที่ให้เชื่อมประโยค ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

(1) อ่านประโยคทั้งสองแล้วหาคำที่ซ้ำกัน คำนั้นอาจเป็นคน สิ่งของ หรือเป็นคน/สิ่งของซึ่งเป็นเจ้าของ อีกคน/สิ่งหนึ่ง ก็ได้

(2) วางประโยคทั้งสองเรียงกัน –> ใส่คำนามตัวแรกที่ตำแหน่งเดิมในอนุประโยค –> จากนั้นใส่ who, which หรือ whose + noun (คำนามที่เป็นของคำนามตัวแรก) ตามความเหมาะสม –> แล้วใส่คำอื่นๆ ที่เหลือในอีกอนุประโยคหนึ่ง เช่น

Example 3: Yuna Kim is a figure skater.  She won an Olympic gold medal in 2010.

–> Yuna Kim is a figure skater + who + (ตัด she ทิ้ง) won an Olympic gold medal in 2010. = Yuna Kim is a figure skater who won an Olympic Gold medal in 2010.

(2.1) ถ้าคำที่ซ้ำกันเป็นคน ให้พูดถึงคำนามคำนั้นครั้งหนึ่ง แล้วเติม who แทนคำเดียวกันในการพูดครั้งที่สอง ดังตัวอย่างที่ 1 ด้านบน “doctor who”

(2.2) ถ้าคำที่ซ้ำกันเป็นสิ่งของ ให้พูดถึงคำนามคำนั้นครั้งหนึ่ง แล้วเติม which แทนคำเดียวกันในการพูดครั้งที่สอง เช่น

Example 4: That is an mp3 player. + It can store thousands of songs. = That is an mp3 player which can store thousands of songs.

(2.3) who และ which ทำหน้าที่เป็นได้ทั้งประธานและกรรมในอนุประโยคนั้นๆ จะเป็นอะไรขึ้นอยู่กับประโยคที่โจทย์ให้มา เช่น

Example 5: My friend plays that game.  It is an online game. –> My friend plays that game, which is an online game.

คำอธิบาย that game ในประโยคแรกซ้ำกับ it  ในประโยคที่สอง ซึ่งเป็นสิ่งของ ต้องใช้ which เชื่อมประโยค โดย which ทำหน้าที่เป็นประธานในอนุประโยค “which is an online game”

Example 6: He’s dating that girl.  He met her at a party. –> He’s dating Fiona who(m) he met at a party.

คำอธิบาย that girl ในประโยคแรกซ้ำกับ her ในประโยคที่สอง ซึ่งเป็นคน ต้องใช้ who เชื่อมประโยค โดย who ทำหน้าที่เป็นกรรมในอนุประโยค “he met at a party”

จากประโยคเดิม He met her … เมื่อใส่ who เข้าไปแทนแล้ว ก็ตัดคำว่า her ออกจากประโยค แล้วเก็บคำอื่นทุกคำไว้

(2.4) ถ้าคำที่ซ้ำกันเป็นคน/สิ่งที่เป็นเจ้าของอีกคน/สิ่งหนึ่ง ให้พูดถึงคำนามที่เป็นเจ้าของนั้นครั้งหนึ่ง แล้วเติม whose แทนคำที่แสดงความเป็นเจ้าของในการพูดครั้งที่สอง แล้วตามด้วยคน/สิ่งที่คำนามตัวแรกเป็นเจ้าของ ดังตัวอย่างที่ 2 ด้านบน “painter whose paintings”

–       ตำแหน่งของคำที่ซ้ำกับอีกคำในประโยคที่สองอาจจะไม่ได้อยู่ท้ายประโยคแรกเสมอไป เช่น

Example 7: That violin is mine.  It is made of rosewood. –> That violin, which is made of rosewood, is mine.

–       เมื่อเชื่อมประโยคเสร็จแล้ว ใส่เครื่องหมายววรคตอนให้เหมาะสมด้วย เช่น

Example 8: Who is the student?  That student got an A for English 1.  –> Who is the student who got an A for English 1?

 

Share this:

• Twitter

• Facebook

Like this:

Like

Loading…

Related

What Are Business Rules and What Is Their Importance?

By Mike Raia Posted May 28, 2019

 

Without clear business rules and procedural definitions will often find a chaotic workplace with inconsistent outcomes, poor morale amongst employees, and dissatisfied customers.

Introduction

If you’ve been a long-term business owner or even a leader in an established business of any kind, you know how chaotic things can get when most decisions are left to fully autonomous employees.

While there is definitely a role for autonomy as it promotes job satisfaction and can help employees grow as they learn to make decisions to better the business, in most cases, at least a core set of understood business rules is critical to help the organization function.

“If you don’t have time to do it right, you must have time to do it over.”

-Unknown

What are Business Rules?

 

Business rules, in their simplest definition, are directives that define (or constrain) business activities. Designed to help an organization achieve its goals, those without clear business rules and procedural definitions will often find a chaotic workplace with inconsistent outcomes, poor morale amongst employees, and dissatisfied customers.

The concept of business rules was not born out of the technology era. Rather, the development or invention of business rules was born out of a grass-roots effort to provide the best possible approach to business operations. But, the adoption of business rules as a broad concept for organizations didn’t occur until the early 1990s.

Business rules are now accepted as an underlying requirement of most organizations and are often used to help prepare system-flows or procedural flow charts that outline how a business will operate.

When business rules are done right, they provide efficiency, consistency, predictability, and many other benefits. They also ensure that work can continue to move forward.

Examples of Business Rules

Business rules can be developed by a broad range of approaches, but the following few points provide very basic examples, to help you understand what we’re getting at:

• A decision-making hierarchy for invoice processing, where the values of certain invoices are tiered to determine which managers can approve
• Calculations to determine bonus potential and payouts for sales personnel
• A series of required questions that if an answer is no, a certain vendor is excluded from a particular partnership opportunity
• A set of questions and answers for a guest booking a hotel room, to determine availability and rates

Why Are Business Rules So Important?

Effective business rules help set expectations and provide guidelines on how work will be conducted. Business rules must also be used to ensure an organization is abiding by local, state, and federal regulatory requirements and guidelines or may address the governance of a specific project.

Organizational leaders often leverage business rules to establish safety, in times of conflict resolution, decrease errors, and prevent the need for litigation.

Briefly: Combining Rules with Automation

Business rules alone rely on individuals to follow and enforce them. Combining these rules with an automation platform allows organizations to transparently apply them as part of normal business workflows. For instance, rather than Bob in accounting reviewing invoice amounts and then escalating them manually when a threshold is exceeded, the digitized invoices flow to the appropriate people automatically. This can be applied to any existing business rule that is part of a business process. We’ll cover more on this below.

The Challenge of “Tribal Knowledge” with Business Rules

Most companies have tribal knowledge, which is undocumented information, processes, and rules that exist only in the minds of certain employees. When business rules are not shared widely across an organization and are unwritten, it creates inconsistency in production, processes, quality, and customer/employee experiences. Basically, when business rules are not made commonly available to all interested parties, the business subjects itself to a degradation in performance.

Take this example that well outlines the importance of ensuring tribal knowledge is not limited to a select few:

• Imagine an organization with seasonal spikes in business. This could be a retailer that needs to ramp up store staff and customer relations support or even a tax office that needs to bring in additional support to get through the months leading up to April 15.
• Your trainer works to train all of these new resources in short order so that they can hit the floor or workspace and start bringing value.
• But, let’s say a new regulatory requirement about the sales of a specific product to those only over the age of 18 in a particular state. This information is known by the Legal or Regulatory staff who prepare for the change but it’s never communicated to the trainer, and thus not passed down to all the new seasonal employees.
• This organization, lacking standardized and well-communicated business rules, could very well be subject to litigation for not following proper rules and regulations when employees fail to properly screen customers at checkout.

In this example, having a central channel to document and, as importantly, communicate rules is the core issue. In many other cases, the issue is simply that only one person knows a rule and it’s taken for granted they’ll always be there to provide critical guidance.

But when critical organization-wide information is known to one individual, it can be dangerous. This is the whole “if you get hit by a bus tomorrow, what would we do?” scenario. Unfortunately, there are unexpected employee vacancies and it’s critical for businesses to transition from tribal knowledge to documented knowledge and ensure it is put into practice for any business rules that need to inform critical business decisions.

Types of Business Rules

When defining the types of business rules that most organizations rely upon, it is important to understand various assertions:

1. A structural assertion is one where a fact expresses some aspect of the structure of an enterprise that determines how decisions are made.
2. An action assertion outlines a constraint or set of conditions that have some form of control over the actions of the enterprise. 
3. A derivation is simply an additional element of knowledge that comes from other key knowledge about the business.

Read more about the history of business rules.

Within the assertions explained above, rules are further defined as one of three types when part of a process:

• Coordination rules—Coordination rules put forward a general requirement that must be met for a process to continue. These are general statements like “A request must include the department’s billing code.” These rules help keep a process moving without re-work.
• Qualification/ disqualification rules—A set of qualification/ disqualification rules are used when it must be determined if a particular subject should be included or excluded in a process. Think of this as a filtering rule that prevents a lot of wasted time and effort.
• Decision rules—A decision rule is used when a subject needs to be evaluated and assigned the next step. (e.g. approved, rejected, sent back for more information).

Business Rules Complement Business Processes and Automation

In many cases, organizations can incorporate their business rules into a workflow automation platform that can generate final decisions and offers as part of a workflow. An excellent example of this is in the hotel industry.

When a guest goes online (or even contacts the reservations department by phone), he or she must provide certain pieces of information, in order to determine if a room is available and to get the rate. The key information requested is generally the length of stay, the number of guests, and dates for the stay.

Another critical but secondary piece of information is whether or not that guest belongs to that chain’s loyalty program, and if so, their past history and current loyalty tier. And obviously, the presence of a discount code for a deal package will also have an impact on the rate.

Once the hotel’s reservation system has all of this information, it can better provide a list of the rooms available, and at what rate. All of those pieces of data that the guest provided feed the business rules for that hotel chain. These rules are an excellent blend of how decision and qualification rules are used in parallel with coordination rules, to generate a decision.

Incorporating Business Rules into Your Organization

In today’s workplace, where there are seemingly no limits to the amount of impressive technology designed to improve productivity and efficiency, organizations have to remember that technology is only part of the solution. More important than any piece of technology you decide to purchase is the work that individuals and teams must do to codify the business rules and processes that actually run the business. Once these rules and processes are determined and accepted, you can begin to digitally transform the business through automation.

Thanks to my collaborator on this article, Ann Jarema, Sales & Marketing Leader by day and business process enthusiast by night. Ann has worked at a variety of business process-related software companies including Sutherland and FICO.

 

 

Mike Raia Author

Marketing the world’s best workflow automation software and drinking way too much coffee. Connect with me on LinkedIn at https://www.linkedin.com/in/michaelraia/

Please enable JavaScript to view the comments powered by Disqus.