Skip to content
Home » [NEW] | ไวยากรณ์ – NATAVIGUIDES

[NEW] | ไวยากรณ์ – NATAVIGUIDES

ไวยากรณ์: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

 Tense คือ… … กาล….หรือ….เวลา

 

 

ใช้ในการแสดง เวลา ของ การกระทำ เพื่อพูดบอกเหตุการณ์นั้นๆ ว่าเป็น ปัจจุบัน อดีตหรือ อนาคต

 

ก็ลองพิจารณาประโยคง่ายๆ เหล่านี้

 

ate Khaomankai yesterday
ฉันกินข้าวมันไก่เมื่อวาน

eat Khaomankai today
ฉันกินข้าววันไก่วันนี้

will eat Khaomankai tomorrow
ฉันจะกินข้าวมันไก่พรุ่งนี้

 

สังเกตออกง่ายๆแล้วใช่ไหม ว่าส่วนมากเขามี การระบุเวลา ช่วยให้เราเข้าใจกันง่ายๆ 
จะเป็นวันนี้ เมื่อวาน พรู่งนี้ อาทิตย์หน้า ตอนนี้ เมื่อเช้า ปีที่แล้ว หรืออะไรก็ว่าไป เราจะได้เจอประกอบในบทหลังๆ บ่อยๆแน่ๆ
แต่ภาษาอังกฤษนั้น ยังมีเรื่องการผันกริยาที่ภาษาไทยเราไม่มี
(ซึ่งผมไม่ขอสอน แต่เราต้องหัดใช้ให้ชินกันเอง)

 

จากที่บอกมา เราก็แบ่งเวลาได้เป็นสามชนิด นั้นคือ
1. Present Tense – ปัจจุบัน

2. Past Tense – อดีต

3. Future Tense – อนาคต

และในแต่ละเวลากาล จะมี Tense ย่อยๆแบ่งออกเป็นหลัก อีก 4 Tense คือ

1. Simple (แสดงเวลากระทำโดยไม่ได้กำหนดว่ากระทำเสร็จตอนไหน)

2. Continuous (แสดงเวลาว่าการกระทำที่กำลังทำอยู่ (เจาะจงเวลา)

3. Perfect (แสดงเวลาที่กระทำเสร็จไปแล้ว)

4. Perfect Continuous (แสดงเวลาการกระทำนั้นได้เริ่มทำแล้ว และยังคงทำอยู่)

 

ดังนั้นสรุปจากด้านบนมี 3 กาลเวลา ย่อยออกเป็นอย่างละ 4

รวมกันทั้งหมดแล้ว เราจะมี Tense รวมกันถึง 12 Tense
Oh my god! อย่าเพิ่งสลบเหมือด ท้อแท้ที่จะศึกษาต่อละ เพราะในชีวิตจริงๆ เราใช้บ่อยๆกันไม่ครบหรอก เพราะบางตัวนั้นโอกาสใช้น้อยมากๆ
ต่อจากนี้ จะนำมาอธิบายให้เราเข้าใจกันในเอนทรี่ต่อๆไปเอง

เรียงจากความง่ายไป คนที่เก่งเรื่องไวยากรณ์ง่ายๆ อาจเกิดความเบื่อ ต้องขออภัยด้วย แต่จำเป็นต้องเขียนให้ครบเรียงกันไปทุก Tense

 

ขอแค่จำพวกนี้ให้ได้พอ…

Tense หลักพื้นฐาน 3 อย่าง

1. Present Simple:- V1
2. Past Simple : – V2
3. Future Simple : will,shall Vinfinitive (V1)

ผสานกับ รูปหลัก 2 อย่าง

รูป Continuous: be Ving
รูป Perfect : have V3

 

——————————————————————————–

รู้แค่นี้เราก็สร้างรูปแบบ tense อื่นๆ ได้แล้ว เช่น

4. Present Continuous จะเห็นว่า คือ Present รวมกะรูป Continuous 
ให้ทำดังนี้

– V1  
 be Ving

< อันบนคือ Present อันล่างคือ Continuous ให้เขียนเหลื่อมกันช่องนึง >
ซึ่งประมวลผลได้ ว่า = is,am,are Ving(V.tobe ช่อง1คือ is,am,are )

5. Present Perfectจะเห็นว่า คือ Present รวมกะรูปPerfect 
ให้ทำดังนี้

– V1  
 have V3

< อันบนคือ Present อันล่างคือPerfect ให้เขียนเหลื่อมกันช่องนึง >
ซึ่งประมวลผลได้ ว่า = has,have V3(Have ช่อง1คือhas,have )

พอเริ่มเข้าใจยังนะ…

ต่อไป เริ่มadvanceขึ้นแล้ว เป็นการผสม 3 อัน หลักการเดิม

6. Present Perfect Continuous

– V1   
 have V3  
  be Ving

Present Perfect Continuous เหลื่อมกันอย่างละช่อง
V1 have คือ has,have : V3 be = been : Ving
รวมแล้วได้ = has,have been ving

ต่อไปลองทำเองละกันนะ จะสรุปเลยว่าได้อะไร

7. Past Perfect = had V3

8. Past Continuous = was,were Ving

9. Past Perfect Continuous = had been Ving

10. Future Perfect = will have V3

11. Future Continuous = will be Ving

12. Future Perfect Continuous = will have been Ving

 

——————————————————————————–

เมื่อรู้รูปแบบแล้ว ก็มาดูกันต่อว่า มันใช้ตอนไหนกัน (จริงๆเอาแต่หลักๆก็พอ)

1. Present Simple

แสดงการกระทำที่ทำเป็นประจำ มีคำบอกพวก always , often , every , seldom ( บอกว่าไม่บ่อยก็ใช่ )
แสดงความจริงทางวิทยาศาสตร์ สัจธรรม สุภาษิต
แสดงความจริงขณะที่พูดอยู่
เช่น 
I watch TV everyday.
The world is round.
Dang and Dam are brothers.

 

2. Present Continuous

ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ มักมีคำบอกเวลา เช่น now , at the moment , litsen! look!
บอกอนาคตอันใกล้ ( coming soon )
ป.ล. กิริยาที่ใช้บ่งบอกความรู้สึก ความคิด มักไม่ใช้รูป ing เช่น see , hear , feel ,smell , want , agree (และอีกมากมาย)

เช่น
Phan talking on the phone now.
The end of Evangelionis coming soon to the theater near you.

 

3. Present Perfect

ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since , for , so far
ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว แต่ผลของการกระทำยังอยู่ 
แสดงเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไป มักมีคำว่า just , yet , already , recently , lately , finally , eventually 
ใช้กับเหตุการณ์ที่ เคย/ไม่เคยทำ บอกจำนวนครั้งในอดีต มักมีคำว่า ever , never , once , twice ,again and again …
เช่น
I have likedjapanese animationever since I was a child.
I have turned on the radio.
I have already read this book.
Have you ever been to Neo-Tokyo?

 

4. Present Perfect Continuous

ใช้เหมือน Present Perfect แต่เน้นความต่อเนื่องของเวลาว่ายาวนาน มักมีคำว่า all week , all day ..
และใช้เน้นว่าจำดำเนินต่อเรื่อยไปในอนาคตด้วย
เช่น
I have been sitting here since 6 o’clock ( คือเน้นว่านั่งมานานแล้วแล้วก็จะนั่งต่อไป)
แต่ถ้าเป็น I have sat here since 6 o’clock ( บอกว่านั่งมานานแล้วต่อไปจะเป็นไงไม่รู้)

 

5. Past Simple

ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ได้จบลงไปแล้ว มักมีคำบอกเวลาดังนี้ yesterday , in the past , ago , in 1983 (ปีอดีต) , the other day , last ( night , week … )
คำว่า”used to” ซึ่งเป็นการใช้กับสิ่งที่เคยทำเป็นประจำในอดีต แต่ตอนนี้เลิกทำแล้ว คำว่า “used”ในความหมายนี้ จึงเติม ed เสมอ
เช่น
Dang saved my life yesterday.
She used to drink milk every night.

 

6. Past Perfect

ใช้เป็น Combo กับ Past Simple
โดยที่ ใช้กับเหตุการณ์ในอดีต 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน 
ที่เกิดก่อนใช้ Past Perfect ที่เกิดที่หลังใช้ Past Simple

เช่น
She had finished her breakfast before I arrived.

 

7. Past Continuous

ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต
ใช้กับ 2 เหตุการณ์ในอดีต ( Combo กับ Past Simple อีกแล้ว )
เหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ ( ใช้ Past Continuous ) แล้วก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรก ( ใช้ Past Simple )
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่ดำเนินไปพร้อมๆกันในอดีต มักมีคำว่า while , as เชื่อม
เช่น
At 8 o’clock last night , she was studying.
While I was walking down the street , it began to rain.
You were running in the park while I was swimming in the pool.

 

8. Past Perfect Continuous

ใช้เหมือน Past Perfect แต่เน้นว่า มีเหตุการณ์อย่างแรกดำเนินมาเรื่อยจนมีเหตุการณ์หลังเกิดขึ้น
เช่น
The police had been looking for the criminal for 2 years before they caught him.

 

9. Future Simple

แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต มีคำบอกเวลาคือ tomorrow , next (time,month…) , soon , shortly

be going to ต่างกับ will,shall ตรงไหน ??

will shall แสดงความเต็มใจทำให้ (ไม่ได้วางแผน)
be going to แสดงการวางแผนล่วงหน้า
แต่ถ้าคาดการณ์ว่าอาจเกิดในอนาคตใช้ได้ทั้ง2อย่าง
กรณีต่อไปนี้ห้ามใช้ be going to แทน will shall

เหตุการณ์แทนความจริง
ไม่นิยมใช้กับ V1 ที่แสดงความรับรู้ ความคิดเห็น
ไม่นิยมใช้กับ if clause
แต่ถ้าประโยคมีคำเชื่อมพวก when,before,after,as soon as,until ประโยคที่ติดกับคำเชื่อมจะเป็น present Simple แต่อีกประโยคจะเป็น Future Simple

เช่น
Ask your teacher about it. She will help you.
I’m going to paint my bedroom tomorrow.
Ice will melt in a few minutes.
I will love you forever.
I will buy you a cake if you give me money.

 

10. Future Continuous

ใช้กับการคาดคะเนว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นๆในเวลาจุดนั้นในอนาคต
เช่น
At the same time tomorrow , I will be sitting here.

 

11. Future Perfect

ใช้คาดการณ์ว่าจะกระทำในอนาคตและจะเสร็จสิ้นเมื่อถึงเวลาใดเวลาหนึ่ง มักมีคำว่า by next week , by tomorrw by 9 o’clock
เช่น
I will have finished my homework by the time I go out on a date tonight.

 

12. Future Perfect Continuous

ใช้คล้ายกับ Future Perfect แต่เน้นว่าอาจมีการดำเนินต่อไป
เช่น
I will go to bed at 10 PM. He will get home at midnight.
At midnight, I will be sleeping.
I will have been sleeping for 2 hours by the time he gets home.

 

[NEW] | ไวยากรณ์ – NATAVIGUIDES

 Tense คือ… … กาล….หรือ….เวลา

 

 

ใช้ในการแสดง เวลา ของ การกระทำ เพื่อพูดบอกเหตุการณ์นั้นๆ ว่าเป็น ปัจจุบัน อดีตหรือ อนาคต

 

ก็ลองพิจารณาประโยคง่ายๆ เหล่านี้

 

ate Khaomankai yesterday
ฉันกินข้าวมันไก่เมื่อวาน

eat Khaomankai today
ฉันกินข้าววันไก่วันนี้

will eat Khaomankai tomorrow
ฉันจะกินข้าวมันไก่พรุ่งนี้

 

สังเกตออกง่ายๆแล้วใช่ไหม ว่าส่วนมากเขามี การระบุเวลา ช่วยให้เราเข้าใจกันง่ายๆ 
จะเป็นวันนี้ เมื่อวาน พรู่งนี้ อาทิตย์หน้า ตอนนี้ เมื่อเช้า ปีที่แล้ว หรืออะไรก็ว่าไป เราจะได้เจอประกอบในบทหลังๆ บ่อยๆแน่ๆ
แต่ภาษาอังกฤษนั้น ยังมีเรื่องการผันกริยาที่ภาษาไทยเราไม่มี
(ซึ่งผมไม่ขอสอน แต่เราต้องหัดใช้ให้ชินกันเอง)

 

จากที่บอกมา เราก็แบ่งเวลาได้เป็นสามชนิด นั้นคือ
1. Present Tense – ปัจจุบัน

2. Past Tense – อดีต

3. Future Tense – อนาคต

และในแต่ละเวลากาล จะมี Tense ย่อยๆแบ่งออกเป็นหลัก อีก 4 Tense คือ

1. Simple (แสดงเวลากระทำโดยไม่ได้กำหนดว่ากระทำเสร็จตอนไหน)

2. Continuous (แสดงเวลาว่าการกระทำที่กำลังทำอยู่ (เจาะจงเวลา)

3. Perfect (แสดงเวลาที่กระทำเสร็จไปแล้ว)

4. Perfect Continuous (แสดงเวลาการกระทำนั้นได้เริ่มทำแล้ว และยังคงทำอยู่)

 

ดังนั้นสรุปจากด้านบนมี 3 กาลเวลา ย่อยออกเป็นอย่างละ 4

รวมกันทั้งหมดแล้ว เราจะมี Tense รวมกันถึง 12 Tense
Oh my god! อย่าเพิ่งสลบเหมือด ท้อแท้ที่จะศึกษาต่อละ เพราะในชีวิตจริงๆ เราใช้บ่อยๆกันไม่ครบหรอก เพราะบางตัวนั้นโอกาสใช้น้อยมากๆ
ต่อจากนี้ จะนำมาอธิบายให้เราเข้าใจกันในเอนทรี่ต่อๆไปเอง

เรียงจากความง่ายไป คนที่เก่งเรื่องไวยากรณ์ง่ายๆ อาจเกิดความเบื่อ ต้องขออภัยด้วย แต่จำเป็นต้องเขียนให้ครบเรียงกันไปทุก Tense

 

ขอแค่จำพวกนี้ให้ได้พอ…

Tense หลักพื้นฐาน 3 อย่าง

1. Present Simple:- V1
2. Past Simple : – V2
3. Future Simple : will,shall Vinfinitive (V1)

ผสานกับ รูปหลัก 2 อย่าง

รูป Continuous: be Ving
รูป Perfect : have V3

 

——————————————————————————–

รู้แค่นี้เราก็สร้างรูปแบบ tense อื่นๆ ได้แล้ว เช่น

4. Present Continuous จะเห็นว่า คือ Present รวมกะรูป Continuous 
ให้ทำดังนี้

– V1  
 be Ving

< อันบนคือ Present อันล่างคือ Continuous ให้เขียนเหลื่อมกันช่องนึง >
ซึ่งประมวลผลได้ ว่า = is,am,are Ving(V.tobe ช่อง1คือ is,am,are )

5. Present Perfectจะเห็นว่า คือ Present รวมกะรูปPerfect 
ให้ทำดังนี้

– V1  
 have V3

< อันบนคือ Present อันล่างคือPerfect ให้เขียนเหลื่อมกันช่องนึง >
ซึ่งประมวลผลได้ ว่า = has,have V3(Have ช่อง1คือhas,have )

พอเริ่มเข้าใจยังนะ…

ต่อไป เริ่มadvanceขึ้นแล้ว เป็นการผสม 3 อัน หลักการเดิม

6. Present Perfect Continuous

– V1   
 have V3  
  be Ving

Present Perfect Continuous เหลื่อมกันอย่างละช่อง
V1 have คือ has,have : V3 be = been : Ving
รวมแล้วได้ = has,have been ving

ต่อไปลองทำเองละกันนะ จะสรุปเลยว่าได้อะไร

7. Past Perfect = had V3

8. Past Continuous = was,were Ving

9. Past Perfect Continuous = had been Ving

10. Future Perfect = will have V3

11. Future Continuous = will be Ving

12. Future Perfect Continuous = will have been Ving

 

——————————————————————————–

เมื่อรู้รูปแบบแล้ว ก็มาดูกันต่อว่า มันใช้ตอนไหนกัน (จริงๆเอาแต่หลักๆก็พอ)

1. Present Simple

แสดงการกระทำที่ทำเป็นประจำ มีคำบอกพวก always , often , every , seldom ( บอกว่าไม่บ่อยก็ใช่ )
แสดงความจริงทางวิทยาศาสตร์ สัจธรรม สุภาษิต
แสดงความจริงขณะที่พูดอยู่
เช่น 
I watch TV everyday.
The world is round.
Dang and Dam are brothers.

 

2. Present Continuous

ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ มักมีคำบอกเวลา เช่น now , at the moment , litsen! look!
บอกอนาคตอันใกล้ ( coming soon )
ป.ล. กิริยาที่ใช้บ่งบอกความรู้สึก ความคิด มักไม่ใช้รูป ing เช่น see , hear , feel ,smell , want , agree (และอีกมากมาย)

เช่น
Phan talking on the phone now.
The end of Evangelionis coming soon to the theater near you.

 

3. Present Perfect

ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since , for , so far
ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่จบไปแล้ว แต่ผลของการกระทำยังอยู่ 
แสดงเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไป มักมีคำว่า just , yet , already , recently , lately , finally , eventually 
ใช้กับเหตุการณ์ที่ เคย/ไม่เคยทำ บอกจำนวนครั้งในอดีต มักมีคำว่า ever , never , once , twice ,again and again …
เช่น
I have likedjapanese animationever since I was a child.
I have turned on the radio.
I have already read this book.
Have you ever been to Neo-Tokyo?

 

4. Present Perfect Continuous

ใช้เหมือน Present Perfect แต่เน้นความต่อเนื่องของเวลาว่ายาวนาน มักมีคำว่า all week , all day ..
และใช้เน้นว่าจำดำเนินต่อเรื่อยไปในอนาคตด้วย
เช่น
I have been sitting here since 6 o’clock ( คือเน้นว่านั่งมานานแล้วแล้วก็จะนั่งต่อไป)
แต่ถ้าเป็น I have sat here since 6 o’clock ( บอกว่านั่งมานานแล้วต่อไปจะเป็นไงไม่รู้)

 

5. Past Simple

ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ได้จบลงไปแล้ว มักมีคำบอกเวลาดังนี้ yesterday , in the past , ago , in 1983 (ปีอดีต) , the other day , last ( night , week … )
คำว่า”used to” ซึ่งเป็นการใช้กับสิ่งที่เคยทำเป็นประจำในอดีต แต่ตอนนี้เลิกทำแล้ว คำว่า “used”ในความหมายนี้ จึงเติม ed เสมอ
เช่น
Dang saved my life yesterday.
She used to drink milk every night.

 

6. Past Perfect

ใช้เป็น Combo กับ Past Simple
โดยที่ ใช้กับเหตุการณ์ในอดีต 2 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกัน 
ที่เกิดก่อนใช้ Past Perfect ที่เกิดที่หลังใช้ Past Simple

เช่น
She had finished her breakfast before I arrived.

 

7. Past Continuous

ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในอดีต
ใช้กับ 2 เหตุการณ์ในอดีต ( Combo กับ Past Simple อีกแล้ว )
เหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ ( ใช้ Past Continuous ) แล้วก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรก ( ใช้ Past Simple )
ใช้กับเหตุการณ์ 2 อย่างที่ดำเนินไปพร้อมๆกันในอดีต มักมีคำว่า while , as เชื่อม
เช่น
At 8 o’clock last night , she was studying.
While I was walking down the street , it began to rain.
You were running in the park while I was swimming in the pool.

 

8. Past Perfect Continuous

ใช้เหมือน Past Perfect แต่เน้นว่า มีเหตุการณ์อย่างแรกดำเนินมาเรื่อยจนมีเหตุการณ์หลังเกิดขึ้น
เช่น
The police had been looking for the criminal for 2 years before they caught him.

 

9. Future Simple

แสดงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต มีคำบอกเวลาคือ tomorrow , next (time,month…) , soon , shortly

be going to ต่างกับ will,shall ตรงไหน ??

will shall แสดงความเต็มใจทำให้ (ไม่ได้วางแผน)
be going to แสดงการวางแผนล่วงหน้า
แต่ถ้าคาดการณ์ว่าอาจเกิดในอนาคตใช้ได้ทั้ง2อย่าง
กรณีต่อไปนี้ห้ามใช้ be going to แทน will shall

เหตุการณ์แทนความจริง
ไม่นิยมใช้กับ V1 ที่แสดงความรับรู้ ความคิดเห็น
ไม่นิยมใช้กับ if clause
แต่ถ้าประโยคมีคำเชื่อมพวก when,before,after,as soon as,until ประโยคที่ติดกับคำเชื่อมจะเป็น present Simple แต่อีกประโยคจะเป็น Future Simple

เช่น
Ask your teacher about it. She will help you.
I’m going to paint my bedroom tomorrow.
Ice will melt in a few minutes.
I will love you forever.
I will buy you a cake if you give me money.

 

10. Future Continuous

ใช้กับการคาดคะเนว่าจะเกิดเหตุการณ์นั้นๆในเวลาจุดนั้นในอนาคต
เช่น
At the same time tomorrow , I will be sitting here.

 

11. Future Perfect

ใช้คาดการณ์ว่าจะกระทำในอนาคตและจะเสร็จสิ้นเมื่อถึงเวลาใดเวลาหนึ่ง มักมีคำว่า by next week , by tomorrw by 9 o’clock
เช่น
I will have finished my homework by the time I go out on a date tonight.

 

12. Future Perfect Continuous

ใช้คล้ายกับ Future Perfect แต่เน้นว่าอาจมีการดำเนินต่อไป
เช่น
I will go to bed at 10 PM. He will get home at midnight.
At midnight, I will be sleeping.
I will have been sleeping for 2 hours by the time he gets home.

 


ห้าศาสนาสำคัญของโลก เข้าใจได้ใน 10 นาที – John Bellaimey


รับชมบทเรียนเต็มๆ: http://ed.ted.com/lessons/thefivemajorworldreligionsjohnbellaimey
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะพยายามหาคำตอบให้คำถามจำพวก \”เรามาจากไหน\” และ \”ฉันจะใช้ชีวิตให้มีความหมายได้อย่างไร\” คำถามเกี่ยวกับการดำรงอยู่เช่นนี้เป็นแกนของศาสนาสำคัญของโลกห้าศาสนา แต่ทั้งห้าศาสนาไม่ได้สัมพันธ์กันเพียงแค่ความศรัทธาเท่านั้น จอห์น เบลไลมีย์อธิบายประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่เกี่ยวพันกันของศาสนาฮินดู, ศาสนายูดาห์, ศาสนาพุทธ, ศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลาม
สอนโดย John Bellaimey, แอนนิเมชั่นโดย TEDEd.

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

ห้าศาสนาสำคัญของโลก เข้าใจได้ใน 10 นาที - John Bellaimey

ไวยากรณ์ภาษาเกาหลี 이다 / 아니다 | เกาหลี Everyday | 까우리 에브리데이


คลิปสอนภาษาเกาหลีเบื้องต้น คลิปนี้เริ่มพูดถึงเรื่องไวยากรณ์บ้างครับ เริ่มด้วยไวยากรณ์ที่ใช้บ่อยมากๆอย่าง 이다 , 아니다 ว่าคืออะไร แล้วใช้งานอย่างไร พร้อมตัวอย่างประโยคแบบง่ายๆ เหมาะสำหรับคนเพิ่งเริ่มเรียนภาษาเกาหลีครับ
ติดต่องาน \u0026 สปอนเซอร์ : [email protected]
ติดตาม เกาหลี Everyday เพิ่มเติมได้
Facebook : http://www.fb.com/KaoleeEveryday
Twitter : http://www.twitter.com/KaoleeEveryday
Website : http://www.kaoleeeveryday.com
Thx for Intro Outro : https://www.youtube.com/user/adMJ707
เกาหลี ภาษาเกาหลี เกาหลีeveryday

ไวยากรณ์ภาษาเกาหลี 이다 / 아니다  | เกาหลี Everyday | 까우리 에브리데이

สูตรสําเร็จ บาลีไวยากรณ์ ฉบับเต็มครบทั้งเล่ม มีตัวหนังสือประกอบ สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนบาลีประโยค 1-2


สำหรับฟังทบทวน หรือท่องให้คล่องปาก ขึ้นใจ ได้ทำนอง ไม่ติดขัด เพื่อการทรงจำ ( มีไฟล์ PDF หนังสือเล่มนี้…คลิ๊กได้เลยครับ) https://www.pariyat.com/downloads
(หากต้องการความรู้ความเข้าใจ ควรเข้าเรียนกับผู้รู้ หรืออ่าน ทำความเข้าใจจากตำรา และทำการวินิจฉัยให้แตกฉาน)
หากไม่เป็นที่พอใจ ก็กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ต้นฉบับจาก https://www.pariyat.com

สูตรสําเร็จ บาลีไวยากรณ์ ฉบับเต็มครบทั้งเล่ม มีตัวหนังสือประกอบ สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนบาลีประโยค 1-2

Muốn Giao Tiếp Xuất Sắc? Đây là 3 TUYỆT CHIÊU


🟡 Trở thành fanVIP: https://www.youtube.com/channel/UCkgjUHB8sdWbmdp39swMrTg/join
Đăng ký theo dõi kênh: http://popsww.com/Web5Ngay
Các video hay nhất của Web5ngay: https://w5n.co/best
Radio chính thức của web5ngay: https://tamsukinhdoanh.com
Group chính thức của Web5ngay: https://w5n.co/fb
Muốn GiaoTiếp Xuất Sắc? Đây là 3 TUYỆTCHIÊU bhth

Muốn Giao Tiếp Xuất Sắc? Đây là 3 TUYỆT CHIÊU

สามเณรทรงจำบาลีไวยากรณ์


สามเณรทรงจำบาลีไวยากรณ์

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆMAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ไวยากรณ์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *