Skip to content
Home » [NEW] รู้ไว้!! 25 วิธีใช้คำว่า shit ในหลายความหมาย | ever ใช้ยังไง – NATAVIGUIDES

[NEW] รู้ไว้!! 25 วิธีใช้คำว่า shit ในหลายความหมาย | ever ใช้ยังไง – NATAVIGUIDES

ever ใช้ยังไง: คุณกำลังดูกระทู้

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว

Dek-D.com

กลับมาพบกับ

English Issues

 เช่นเคยนะคะ วันนี้เราจะมาเรียนเรื่องที่ผู้ปกครองอาจจะต้องให้คำแนะนำในการรับชมค่ะ นั่นคือวิธีใช้คำว่า shit นั่นเอง อย่าเพิ่งตกใจค่ะ

พี่พิซซ่า

ไม่ได้จะให้น้องๆ เป็นคนหยาบคาย แต่ยุคนี้เราก็ต้องรู้ไว้บ้างว่าคำนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง ทำใจดีๆ แล้วไปดูกันเลย (ใครยังไม่ได้อ่านเรื่อง fuck คราวก่อนก็คลิกเลย)

     คำว่า shit เป็นคำที่หยาบคายมากคำหนึ่งในภาษาอังกฤษค่ะ โดยทั่วไปแล้วไม่ควรพูดใส่คนอื่น โดยเฉพาะคนที่ไม่สนิทกันนะคะ อาจจะมีเรื่องกันได้ค่ะ แต่ก็มีการใช้ shit ในความหมายดีๆ ด้วยเช่นกัน แต่ก็ต้องขอย้ำก่อนเลยนะคะว่า

อย่านำความหมายในแง่ลบไปฝึกใช้จริง

ค่ะ เพราะคำนี้

ต้องดูสถานการณ์ด้วยว่าใช้ได้มั้ย

ในเมื่อเราไม่ใช่เจ้าของภาษาก็อาจจะมองสถานการณ์ที่เหมาะสมไม่ออก หลีกเลี่ยงการใช้เลยจะดีกว่าค่ะ ให้รู้ไว้เพื่อให้เข้าใจเวลาดูหนังฟังเพลงก็พอ

     ส่วนความหมายปกติของ shit นั้นคือขี้ค่ะ เป็นได้ทั้งคำนามและคำกริยา คำที่ฟังดูโอเคหน่อยก็คือ

poop

ที่หมายถึงอึค่ะ เป็นได้ทั้งคำนามและกริยาเช่นกัน หรือ

poo

ที่เป็นคำนาม หรือจะทางการก็

feces

อุจจาระค่ะ สังเกตว่าระดับความรุนแรงของแต่ละคำต่างกัน ถ้าจะใช้ shit ในความหมายปกติจริงๆ ควรใช้กับสัตว์มากกว่าคนค่ะ จะมีใช้กับคนได้ก็ต้องเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ จริงๆ

1. shit

หมายถึงแย่มากๆ, ห่วยแตก, เลวร้าย
That song was shit. เพลงนั้นห่วยมาก

2. the shit

หมายถึงดีโคตรๆ, อย่างเจ๋ง, ยอดเยี่ยมสุดๆ เพียงเติม the ไปข้างหน้าก็ได้ความหมายตรงข้ามกันแล้ว
That song was the shit. เพลงนั้นโคตรเจ๋งเลย

3. Holy shit! หรือ Shit!

ใช้เป็นคำอุทาน แสดงความตกใจในเรื่องหรือสิ่งที่ไม่คาดคิด
Holy shit! Did he really eat that? เหยดดดดด เขากินนั่นจริงๆ หรอ

4. a piece of shit

ใช้พูดถึงคนที่นิสัยเลวมาก หรือของที่ไม่ได้มาตรฐาน เอามาใช้ได้ไม่สมกับที่คิดไว้
My new car is a piece of shit. รอคันใหม่ของฉันไม่ได้เรื่องเลย
Someone stop that piece of shit! He stole my money. ใครก็ได้หยุดไอเลวนั่นที มันขโมยเงินฉัน

5. my shit

ใช้พูดถึงข้าวของของตัวเอง เปลี่ยน my เป็น your, his หรืออื่นๆ ก็ได้
Don’t move my shit. อย่าเคลื่อนที่ของของฉัน

6. good shit

หมายถึงของดีๆ มักใช้กับของกินหรือยาเสพติด เพื่อบอกว่าเป็นของชั้นดี คุณภาพเยี่ยม
Have you tried this dish? This is good shit. คุณลองทานเมนูนี้รึยัง นี่เป็นของดีมากๆ เลย

7. No shit.

ใช้พูดเมื่อรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอกมา แต่เดี๋ยวนี้มักใช้ในเชิงประชดมากกว่า เมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายบอกมาและทำเหมือนเป็นข่าวใหญ่นั้น จริงๆ เขารู้กันหมดแล้ว ไม่ได้ตื่นเต้นด้วยเลย
A: Did you know that Brad Pitt is married? เธอรู้ยังว่าแบรด พิตต์แต่งงานแล้ว
B: No shit. จริงดิ (แบบประชด เพราะคนรู้กันหมดตั้งนานแล้ว)

8. know your shit (about ……….)

มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดีมากๆ สามารถเปลี่ยน your เป็น her, his หรืออื่นๆ ได้ขึ้นกับว่ากำลังพูดถึงใคร
She really knows her shit about cars. เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับรถเป็นอย่างดีสุดๆ

9. full of shit

ใช้พูดถึงคนที่ชอบโกหก หรือเล่าแต่เรื่องไร้สาระ เรื่องโม้ๆ มโนเวอร์ที่หาสาระไม่ได้
A: I can buy a house with cash. ฉันสามารถซื้อบ้านด้วยเงินสดได้
B: You’re so full of shit. You don’t have that much money. แกมันขี้โม้ แกไม่มีเงินมากขนาดนั้นซะหน่อย
ส่วนอีกคำที่คล้ายกันคือ a load of shit หมายถึงเรื่องโกหกล้วนๆ หรือคำโกหก อันนี้หมายถึงตัวเรื่องนะคะ ส่วนคำแรกหมายถึงตัวคน
Everything he says is a load of shit. ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นแต่คำโกหก

10. a shit stirrer

หมายถึงคนที่ชอบทำให้คนอื่นต้องทะเลาะกันหรือมีเรื่องกัน
Stop talking about my ex, you’re such a shit stirrer! หยุดพูดถึงแฟนเก่าฉันได้แล้ว เธอนี่มันช่างหาเรื่องให้คนอื่นจริงๆ เลย

11. shitfaced

เป็นคำคุณศัพท์ หมายถึงเมาปลิ้น, เมาเละ, เมาหนักมาก สามารถเขียนเป็น shit faced หรือ shit-faced ก็ได้เช่นกัน
I’m sorry. I was shitfaced last night. ผมขอโทษ ผมเมาเละเลยเมื่อคืน
แต่ถ้าอยากใช้ว่าไปเมาเละ ให้ใช้กับกริยา get ค่ะ
Let’s get shitfaced tonight! คืนนี้ไปเมาให้เละกันเถอะ

12. Tough shit


ใช้พูดเมื่ออีกฝ่ายมาบ่นให้ฟัง แล้วไม่รู้จะปลอบอะไรแต่ก็อยากบอกว่าปลงซะเถอะ เพราะยังไงก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ไม่ว่าคนนั้นจะมาบ่นเรื่องสอบตก ตกงาน แฟนทิ้ง หรือแม้แต่ลืมกินข้าวก็ตาม
A: She told me she was going to call me this morning but she forgot about me. เธอบอกว่าเธอจะโทรหาฉันเช้านี้แต่เธอกลับลืมไปแล้ว
B: Tough shit. อืม ก็นะ

13. be in deep shit

หมายถึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เจอปัญหาใหญ่
He is in deep shit because his girlfriend knew about Lindsey. เขาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแล้วเพราะแฟนเขารู้เรื่องลินด์ซี่ย์แล้ว

14. shit out of ใคร/อะไร

ใช้เพื่อบอกว่าจะทำอะไรบางอย่างแบบเต็มที่สุดๆ ประมาณว่าคนทั่วไปเขาไม่ทำกันแบบนี้หรอก
I’ll beat the shit out of you. ฉันจะอัดแกให้น่วม (ประมาณว่าปกติจะอัดในระดับหนึ่งแต่กับคนนี้อาจมีความแค้นเป็นพิเศษจนจะทำหนักกว่าปกติ)

15. scare the shit out of me

ทำให้ฉันกลัวจนขี้หดตดหาย เปลี่ยน me เป็น you, him, her หรืออื่นๆ ได้ ขึ้นกับว่าทำให้ใครกลัว
Geez! You scared the shit out of me. เฮ้ย เธอทำฉันกลัวสุดๆ ไปเลย
แต่ถ้าจะเอาคนที่รู้สึกกลัวขี้หดตดหายขึ้นเป็นประธานของประโยคว่าเขารู้สึกกลัว (ไม่ได้บอกว่าใครทำ) สามารถใช้ be scare shitless ได้ค่ะ
I was scared shitless when I was on a roller coaster.
ฉันกลัวเป็นบ้าเลยตอนอยู่บนรถไฟเหาะ

16. get your shit together

หมายถึงให้จัดการชีวิตตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง หรือทำอะไรให้เรียบร้อย มักเป็นคำแนะนำของคนที่เป็นห่วง หรือเป็นคำสั่งจากคนที่สูงกว่า
He’s getting his shit together. He’s back in school. เขากำลังจัดการชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น เขากลับมาเรียนแล้ว

17. not give a shit

ใช้บอกว่าไม่สนใจ, ไม่แคร์ในเรื่องนั้นๆ เลยซักนิด
Just do you want. I don’t give a shit. จะทำอะไรก็ทำไปเลย ฉันไม่แคร์

18. a shit list

ลิสต์ในหัวที่เต็มไปด้วยชื่อคนที่เราไม่ชอบ มักเป็นคนนิสัยไม่ดีที่ชอบทำอะไรไม่ดีใส่เรา หรือเป็นคนที่เรารำคาญ
I don’t want to see his face. He’s on my shit list. ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา เขาอยู่ในชิทลิสต์ของฉัน

19. shit happens

สื่อว่าเข้าใจดีว่าชีวิตคนเราย่อมมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นได้เสมอ ออกแนวยอมรับชะตากรรมหรือปลง
A: Where’s your wallet? กระเป๋าสตางค์เธอไปไหนล่ะ
B: It was stolen this morning. Shit happens. มันโดนขโมยไปเมื่อเช้า ช่างเหอะ

20. shoot the shit

คุยกับเพื่อนในเรื่องทั่วๆ ไปในบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง
We’re looking for a nice bakery to shoot the shit. เรากำลังมองหาร้านขนมสวยๆ เพื่อไปนั่งเม้ามอย

21. Does a bear shit in the woods?

เป็นคำถามแบบไม่ต้องการคำตอบ มักใช้เวลาอีกฝ่ายถามอะไรมา และเป็นคำถามที่ยังไงก็รู้คำตอบกันอยู่แล้ว เหมือนถามกวนว่าจะถามทำไม
A: Are you going to the party tonight? เธอจะไปงานปาร์ตี้คืนนี้มั้ย
B: Does a bear shit in the woods? Of course I’m going! ถามอะไรเนี่ย ฉันไปอยู่แล้วสิ (B คงเป็นคนที่ชอบปาร์ตี้และไปทุกงานไม่เคยพลาด จึงไม่ควรถามเลยว่าจะไปมั้ย)

22. when the shit hits the fan

หมายถึงสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงหรือเละเทะไปหมดจนเกินควบคุม จากที่ตอนแรกเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆ เรื่องเดียว มักใช้กับความลับที่เก็บไว้ถูกเปิดเผย แล้วส่งผลให้เป็นเรื่องโกลาหลใหญ่โต
If Mom finds out how much you spent on this car, the shit will really hit the fan. ถ้าแม่รู้ว่าเธอใช้เงินไปกับรถคันนี้เท่าไหร่นะ ความซวยบังเกิดแหง

23. Shit just got real
ใช้เมื่ออยู่ๆ จากสถานการณ์ธรรมดาๆ ก็กลายเป็นเรื่องที่เข้มข้นขึ้น จนอาจเกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้ หรือจากเรื่องง่ายๆ อยู่ๆ ก็กลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาซะงั้น หรือจากที่หัวเราะกันอยู่ดีๆ ก็บรรยากาศมาคุOh! Shit just got real. โอ้ เริ่มจริงจังกันแล้วสินะ

24. shit out of luck

ใช้พูดเมื่อดวงซวย หรือดวงดีๆ ที่มีมาหมดไปแล้ว
A: The tickets have all sold out. ตั๋วหมดเกลี้ยงแล้วอ่ะ
B: It looks like you’re shit out of luck. ดูเหมือนว่าเธอจะอับโชคนะ

25. Eat shit!

เป็นคำหยาบคายมากๆ ของ No ใช้ปฏิเสธการทำอะไรบางอย่างหรือไล่อีกคนให้ไปไกลๆ
A: Excuse me, would you mind …? ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณพอจะ…
B: Eat shit! ไปกินขี้ซะ (ไล่ไปตั้งแต่เขายังพูดไม่ทันจบประโยค)

     นี่แค่เล็กๆ น้อยๆ กับ 25 วิธีใช้ที่พี่พิซซ่าเอามาฝากนะคะ ความจริงมีการใช้ได้อีกมากมายหลายแบบเลย ทั้งการพลิกแพลงจากใน 25 ข้อนี้ และวิธีอื่นๆ ที่ไม่ได้นำเสนอค่ะ แต่พี่คิดว่าเท่านี้ก็น่าจะพอสำหรับหนังและซีรี่ส์ที่เราดูกันทั่วไปแล้วนะคะ ย้ำอีกทีว่าเรื่องนี้ไม่ต้องฝึกใช้ในชีวิตจริงนะคะ เพราะพี่ไม่รับรองความปลอดภัยค่ะ ส่วนใครที่ยังไม่ได้อ่านวิธีใช้อีกคำที่หยาบกว่าอย่าง fuck สามารถคลิกตามไปอ่านได้ที่นี่เลยนะคะ

 

[Update] หลักการใช้ Present Perfect Tense ฉบับเข้าใจง่าย | ever ใช้ยังไง – NATAVIGUIDES

คราวก่อนได้เริ่มเล่าเหล่าลูกหลานตระกูล present มาพอสมควร ขอแนะนำไวยากรณ์ต่อไปที่ควรรู้หลังจากรู้เกี่ยวกับกิจวัตร หรือสิ่งที่กำลังทำ ไปแล้ว แล้วถ้าจะบอกว่า ทำเสร็จแล้วล่ะจะใช้โครงสร้างยังไง?

นี่ล่ะค่ะ เลยนำเรามาสู่ tense เรื่องต่อไปของเรา Present Perfect Tense นั่นเอง

12021938_990524284332192_1679220823_n

มาดูกันที่โครงสร้างกันก่อนเช่นเคยนะคะ เผื่อใครยังนึกหน้าตาไม่ออก

Subject (ประธาน) + have/has + Past participle verb

*Past participle คือ กริยาช่องที่ 3 ที่เราชอบเรียกกันนั่นแหละค่ะ แต่ชื่ออย่างเป็นทางการและที่เจ้าของภาษาเค้ารู้จักคือ Past particle

โครงสร้างประโยค
Subject
have/has
Past participle (กริยาช่องที่ 3)

ประโยคบอกเล่า
I/You/We/They
have
been to France.

He/She/It
has
been to France.

โครงสร้างประโยค
Subject
have/has
not
Past participle

(กริยาช่องที่ 3)

*(yet)

ประโยคปฏิเสธ
I/You/We/They
have
not
been to France.
yet.

He/She/It
has
been to France.

โครงสร้างประโยค
Have/Has
Subject
*(ever)
Past participle

(กริยาช่องที่ 3)

*(yet)

ประโยคคำถาม
Have
I/you/we/they
ever
been to France?
yet ?

Has
he/she/it
been to France?

โครงสร้างประโยค
Wh questions
Have/Has
Subject
Past participle

(กริยาช่องที่ 3)

ประโยคคำถาม Wh-
Why
have
I/you/we/they
been to France?

When
has
he/she/it
been to France?

*คำในวงเล็บจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้นะคะ เป็น option เสริมให้ดูสละสลวยมากขึ้น

Note: กริยาที่เห็นเป็นเพียงแค่ตัวอย่างเท่านั้นนะคะ Subject บางตัวนำมาใช้กับกริยานี้ไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูความเหมาะสมอีกที

Tense นี้ฟังแต่ชื่ออาจดูน่ากลัวเพราะไม่คุ้นหู และดูจากโครงสร้างที่ต้องรู้เรื่องกริยา Past participle ก็อาจทำหลายคนส่ายหน้า โบกมือบ๊ายบายกันแล้ว แต่ความจริงแล้วเป็น Tense ที่ใช้เยอะกันมากจนน่าตกใจ ไอ้ Present Perfect tense นี่มันใช้สำหรับกรณีหลักๆกรณีเดียว นั่นคือ

เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว แต่เกี่ยวโยงถึงปัจจุบัน อาจจะดำเนินต่อถึงอนาคตก็ได้

เป็น Tense ที่อ้างถึงเวลาปัจจุบัน ณ ขณะที่พูดอยู่ แต่กล่าวถึงสิ่งที่ได้ทำผ่านมาในอดีต เหมือนการมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นประสบการณ์หรือเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ที่ส่งผลกับเราในปัจจุบันขณะพูด

เช่น I have already had breakfast (ฉันทานข้าวเช้ามาเรียบร้อยแล้ว ณ ขณะที่พูดก็รู้สึกอิ่มพุงกางอยู่)
Thomas and James have been to Brazil (โทมัสและเจมส์เคยไปบราซิลมาแล้ว เป็นประสบการณ์ที่โทมัสกับเจมส์เคยไปลัลลาด้วยกันมา)

ประโยคตัวอย่างข้างต้นนี้ล้วนแล้วแต่พูดถึงสิ่งที่ทำในอดีตและจบไปแล้ว

แต่ที่ว่ายังมีผลเกี่ยวเนื่องกับปัจจุบัน มันก็คือ ณ ขณะที่พูดนั้นเหตุการณ์ที่พูดถึงดำเนินเสร็จแล้วในช่วงหนึ่เท่านั้น ที่ว่ากินข้าวก็เป็นความรู้สึกว่ายังอิ่มอยู่นะ หรือการไปบราซิลที่เป็นประสบการณ์ยังมีความรู้สึกคิดถึงที่นั่นอยู่

อาจจะยังงงๆ ว่ามันยังไงกันล่ะ ? ลองดูประโยคตัวอย่างด้านล่างนี้เพิ่มดูนะคะ

I have met a lot of people in the last few years (ฉันเจอผู้คนมากมายในไม่กี่ปีที่ผ่านมา ณ ขณะที่พูดปัจจุบันนี้ฉันก็ยังเจอคนแล้วเท่านี้ อนาคตค่อยว่ากัน)

We have not had any problems so far. (เราไม่มีปัญหาอะไรเลยตั้งแต่คราวนู้นยันตอนที่พูดอยู่นี้  อนาคตก็อาจจะเจอปัญหาก็ว่ากันไป)

I have lost my wallet. (ฉันทำกระเป๋าตังค์หาย ณ ขณะที่พูดปัจจุบันกระเป๋าก็ยังหายอยู่ อนาคตก็อาจจะเจอไม่เจอไม่รู้)

ทุกอย่างใน Present Perfect จะเกี่ยวเนื่องเห็นชัดในปัจจุบันที่ว่าแม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นและจบไปแล้ว ผลของมันยังเห็นได้ในปัจจุบัน

สิ่งที่เรามักจะเห็นบ่อยๆกับประโยค Present Perfect ก็คือคำว่า

ever(เคย)       just (เพิ่งจะ)             already (เสร็จแล้ว)             และ             yet (ยัง)

เช่น Have you ever tried Padthai before? (เธอเคยกินผัดไทแล้วหรือยัง)
I have just had lunch. (ฉันเพิ่งจะทานข้าวกลางวันไปเอง)
He has already left. (ณ เวลานี้เขาออกไปแล้ว)
I have written an email, but I haven’t sent it yet. (ฉันเขียนอีเมลล์เรียบร้อยแล้ว แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ส่ง)

บางครั้ง Present Perfect  นี้มักจะมาคู่กับ Past Simple ที่พูดถึงเรื่องราวในอดีตเป็นตัวช่วยในการขยายเนื้อความเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วจบไปแล้วจริงๆ

ตัวอย่างเช่น

I have been to Thailand for two years. I went to Bangkok , Khonkhan and Chiang Mai. I also tried many Thai foods and learned Thai language.

ประโยคแรก ใช้ Present Perfect เพื่อบอกว่าฉันเคยอยู่ประเทศไทยมา 2 ปี แล้วจึงตามด้วยประโยค Past Simple ที่ช่วยอธิบายประโยคแรก ว่าฉันไปกรุงเทพ ขอนแก่น และเชียงใหม่มา แล้วยังเคยกินอาหารไทยเยอะแยะแถมยังได้เรียนภาษาไทยอีกด้วย

บางครั้งใน Present Perfect เลยมีเรื่องของระยะเวลาเข้ามาเกี่ยวด้วยว่าทำตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือทำมาเป็นระยะเวลานานเท่าไหร่ จนถึงเวลา ณ ขณะที่พูด

โดยจะใช้คำว่า since (ตั้งแต่ปีไหน วันไหน เดือนไหน etc.) และ for (กี่ปี กี่วัน กี่เดือน  etc.)

เช่น Your sister has grown a lot since the last time we met. (น้องสาวของเธอโตขึ้นมากตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน)

My Chinese has improved since I moved to China. (ภาษาจีนของฉันดีขึ้นมากตั้งแต่ที่ฉันย้ายมาอยู่ที่จีน)

have stayed in Nan for ten years. (ฉันเคยอาศัยอยู่ที่น่านมาได้ 10 ปีแล้ว)
You have played computer games for three hours. (เธอเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์มาได้ 3ชั่วโมงแล้วนะ)

เป็นยังไงบ้างคะ ดูแล้วอาจซับซ้อนนิดหน่อย หลักๆก็จำไว้แค่ว่าถ้าประโยคที่เราจะพูดหรือเขียนเป็นสิ่งที่ เพิ่งจะทำ(just) หรือ เคยทำ(ever) หรือ ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว (already) หรือ ยังไม่เคยทำ (yet) ก็ไม่ต้องคิดมาก เอา Present Perfect ที่เราได้เรียนกันวันนี้ไปใช้ได้เลย ทีนี้ก็จะไม่เป็นภาระให้แค่ Present Simple หรือ Past Simple อีกต่อไป เหลือแค่ลองเอาไปใช้ดูนะคะ ผิดถูกก็ว่าค่อยๆแก้กันไป แต่ให้ได้ใช้ได้ฝึก

ท่องไว้นะคะ Practice makes perfect!


Everyday กับ Every Day ใช้ต่างกันอย่างไร


สอบถามเรื่องคอร์ส Line: Aj.Adam, Info.Hollywood, KhunBaiTuey
โทร 02 612 9300, 081 353 7810, 089 422 4546
สนใน sponsor คลิปอาจารย์อดัมติดต่ออีเมล [email protected] หรือโทร 02 612 9300
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
สาขาเชียงใหม : http://www.facebook.com/hollywoodlearningcm
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam
FBของซู่ชิง: http://www.facebook.com/jitsupachin
YouTube ของซู่ชิง: http://www.youtube.com/user/jitsupachin
Twitter ซูชิง: http://twitter.com/Sue_Ching

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Everyday กับ Every Day ใช้ต่างกันอย่างไร

ever ภาษาอังกฤษใช้ยังไง แปลว่าอะไรได้บ้าง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับ ESE


ever ภาษาอังกฤษใช้ยังไง แปลว่าอะไรได้บ้าง
เป็นหนึ่งในคำในภาษาอังกฤษที่ใช้ผิดกันเยอะพอสมควร เนื่องจากเรามักจะแปลตรงตัวกันจนเกินไป มาลองดูในวีดีโอนี้กัน ว่าเราจะสามารถใช้ ever ในสถานการณ์ไหนได้บ้าง
การออกเสียง ed
https://youtu.be/qn5q14cR7vc

Follow us on Facebook: https://www.facebook.com/easyandsimpleenglish/
Follow us on Instagram: https://www.instagram.com/ese_stagram_th/
Visit our website: http://easysimpleenglish.com/
Contact: Tel: 0863537300 Line: ese.th

ever ภาษาอังกฤษใช้ยังไง แปลว่าอะไรได้บ้าง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับ ESE

EP.3 ขุด Bitcoin คืออะไรนะ!? | เฟื่องลดา


ถามกันมาเยอะค่ะ \”ขุด Bitcoin คืออะไร !?\” 💰
EP.3 นี้เฟื่องเลยขุดหาข้อมูลมาให้ค่ะ 😜
สงสัยอะไรมาคุยกันใน comment ได้เลยค่ะ 😊
BLOCKCHAIN 101
EP.1 BITCOIN ไม่ใช่แชร์ลูกโซ่! 😱
https://www.youtube.com/watch?v=zQOFauZUDgo
EP.2 Bitcoin เปลี่ยนโลก(ยังไง?)
https://youtu.be/AAYkoRCPgCA

ABOUT ME
Instagram: http://www.instagram.com/faunglada
Facebook: http://www.facebook.com/faunglada
Twitter: http://twitter.com/faunglada
Blog: http://www.faunglada.com
ติดต่องาน/ลงโฆษณา : [email protected]
โทร : 0917087821

EP.3 ขุด Bitcoin คืออะไรนะ!? | เฟื่องลดา

VIDEO 22 – DÙNG ‘EVER’ TRONG TIẾNG ANH NHƯ THẾ NÀO | Patterns with ‘EVER’


2 cấu trúc câu thông dụng với ‘ever’: \r
1 – Have you ever + Vpp …: Hỏi về trải nghiệm cá nhân: Bạn có bao giờ …?
2 – Subject + verb (be) + superlative adj + mệnh đề dùng thì present perfect với ever \r
Email: [email protected] \r
Fanpage: www.facebook.com/learningEnglishwithMsAnh \r
learningEnglishwithme \r
ever \r
haveyouever \r
EnglishInUse

VIDEO 22 – DÙNG 'EVER' TRONG TIẾNG ANH NHƯ THẾ NÀO | Patterns with ‘EVER’

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.3 เรื่อง การใช้ Present perfect + การใช้ ever


สำหรับนักเรียนชั้น ป.5 ม.6 ทุกคนที่ต้องการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และคณิตศาสตร์
นักเรียนสามารถทำแบบฝึกหัด และทำแบบทดสอบได้จาก เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของเรา
Web: https://nockacademy.com/learn/
iOS: https://apple.co/2SKdksn
Android: http://bit.ly/2REzb7w
●สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่สนใจ●
http://nockacademy.com
●สำหรับโรงเรียนใดที่สนใจ●
https://nockacademy.com/forschool/

วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.3 เรื่อง การใช้ Present perfect + การใช้ ever

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ever ใช้ยังไง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *