Skip to content
Home » [NEW] รีวิวแบกเป้เที่ยวฮัลล์สตัทท์(Hallstatt) 2 วัน 1 คืน ชื่นชมหมู่บ้านโรแมนติก นั่งเรือชิคๆชมวิวทะเลสาบ มีที่เที่ยวอะไรอีกบ้าง ตามไปดูสิ | นิสัย คน ออสเตรีย – NATAVIGUIDES

[NEW] รีวิวแบกเป้เที่ยวฮัลล์สตัทท์(Hallstatt) 2 วัน 1 คืน ชื่นชมหมู่บ้านโรแมนติก นั่งเรือชิคๆชมวิวทะเลสาบ มีที่เที่ยวอะไรอีกบ้าง ตามไปดูสิ | นิสัย คน ออสเตรีย – NATAVIGUIDES

นิสัย คน ออสเตรีย: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้


มาแบกเป้ท่องโลกกันต่อจากรีวิวตอนที่แล้ว วันนี้คุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า รีวิวพาไปเที่ยวฮัลสตัท หมู่บ้านโรแมนติกแห่งนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ไปเดินถ่ายรูปชมวิวบ้าง ทำไมคนนิยมมากันจัง ตามไปชมกันดูสิ (Hallstatt village travel review)

ขอสวัสดีทักทาย ซำบายดีกับเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภากันทุกคนๆ มาลั๊ลลาท่องเที่ยวเปิดโลกกว้าง แบกเป้เดินทางกันต่อค่ะ หลังจากรีวิวบทความตอนที่แล้ว ดิฉันคุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ได้พาคุณผู้อ่านไปเที่ยวชมเมืองซาลซ์บูรก์กันไปแล้วนะคะ เรียกว่าเป็นเมืองมรดกโลกที่มีปราสาท พระราชวังสวยงามจริงๆ โดยเพื่อนๆสามารถเข้าไปดูรีวิวก่อนหน้าได้ที่เว็ปไซต์ :

และเมืองท่องเที่ยวถัดจากเมืองซาลซ์บูรก์ ก็คือเมืองฮัลลสตัทท์ หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศออสเตรีย และโด่งดังในโลกก็ว่าได้ เดี๊ยนตั้งใจมาเที่ยวออสเตรีย ก็เพราะอยากเห็นเมืองนี้ด้วยตาตัวเองสักครั้ง เนื่องจากยังจำภาพติดตาของหมู่บ้านเล็กๆแสนโรแมนติก อยู่ติดริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยภูเขาแอลป์และหิมะปกคลุมมีทัศนียภาพสวยงามมาก จากนิตยสารท่องเที่ยวสมัยยุคอินเตอร์เน็ตยังไม่บูมอยู่เลยค่ะ อยากมาเที่ยวดูสักครั้ง

และใหนๆ ก็จัดทริปแบกเป้ลุยเดี่ยว มาเที่ยวประเทศออสเตรียทั้งที เพื่อมาไม่ให้เสียเที่ยว จะได้ไม่รู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้มาดู เดี๊ยนปักหมุดจัดทริปมาเที่ยวนอนที่เมืองนี้สักคืน มาดูสิว่าจะสวยงามเป๊ะปังแค่ใหน และในเมืองฮัลล์สตัทท์แห่งนี้ หากจะจัดทริปสั้นๆแบกเป้มานอนสัก 2 วัน 1 คืน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ไปชมบ้าง 

ก่อนจะเข้าสู่ภาพรีวิวท่องเขียนเที่ยวเรื่อยเปื่อย เราก็มารู้จักเมืองฮัลล์สตัทท์กันสักเล็กน้อย พอสังเขปนะคะ

สาระน่ารู้เล็กน้อยๆเกี่ยวกับหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์

พอสังเขป

(About Hallstatt Village,Austria)

สาระน่ารู้เล็กน้อยๆเกี่ยวกับหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ (๋Hallstatt Village) พอสังเขป


หมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ (๋Hallstatt Village) เป็นหมู่บ้านเล็กๆติดริมทะเลสาบฮัสชตัททางตะวันตกเฉียงใต้ ของรัฐอัปเปอร์ ในประเทศออสเตรีย และจัดเป็นหนึ่งในหมู่บ้านมรดกโลกซัลทซ์คัมเมอร์กูท แวดล้อมไปด้วยภูมิทัศน์ที่งดงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักเดินทางจากทั่วโลก และในหมู่บ้านอัลชตัทก็ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตเกลือตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ เป็นที่มาของวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับกลุ่มชนในพื้นที่ มีภาษาเคลล์เป็นภาษาท้องถิ่นดั้งเดิมของเมืองนี้ และในยุคเหล็กของยุโรป เมื่อช่วงประมาณปี 800-450 ปีก่อนคริสต์ศักราช ก็มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดียุคแรกสุดของชาวเคลต์บางชิ้นในหมู่บ้านนี้แห่งนี้ด้วย

ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกนิยมมาเที่ยวกันอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากตั้งอยู่ติดริมทะเลสาบฮัลสตัท มีทัศนียภาพและธรรมชาติที่สวยงาม ในช่วงฤดูร้อน อากาศก็เย็นสบายไม่ร้อนจนเกินไป แต่หากเป็นช่วงฤดูหนาว จะมีหิมะปกคลุม อากาศหนาวจัด แต่ก็มีนักเดินทางมาเยือนแทบ โดยระยะทางจากของหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ (hallstatt Village) มีระยะทางห่างจากเมืองกรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ประมาณ 288 กิโลเมตร

การเดินทางมายังหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ (hallstatt Village) สามารถนั่งรถไฟโดยสารจากกรุงเวียนนา มาเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Attnang-Puchheim จากนั้นก็ต่อขบวนรถไฟท้องถิ่นมาลงที่สถานี hallstatt Bahnhof แล้วนั่งเรือโดยสารข้ามฟากมายังหมู่บ้านนี้ได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งเป็นที่นิยมของนักเดินทางทั่วไป รวมทั้งชาวออสเตรียเองด้วย
หลังจากที่รู้จักหมู่บ้านฮัลล์สตัทแบบพอสังเขปกันไปแล้ว ก็มาดูรีวิวการเดินทางไปเที่ยวฮัลล์สตัทท์ (hallstatt Village) และรีวิวโรงแรมใกล้กับหมู่บ้านฮัลสตัทท์กันได้เลยค่ะ

เริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เขียนต่อจากรีวิวตอนที่แล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ :

แบกเป้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในเมืองซาลซ์บูก เดินเท้ามาที่สถานีรถไฟ เพื่อนั่งรถไฟมุ่งหน้าไปยังเมืองฮัลล์สตัทท์


นั่งรถไฟออกจากเมืองซาลซ์บูร์กมาเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Attnang-Puchheim ใช้เดินทางจากเมืองซาล์บูรกมาเวลาประมาณ 50 นาที

เดินทางนั่งรถไฟออกจากเมืองซาลซ์บูร์กมาเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Attnang-Puchheim ใช้เดินทางจากเมืองซาล์บูรกมาเวลาประมาณ 50 นาที

หลังจากนั้นก็เปลี่ยนขบวนรถไฟไปนั่งรถไฟท้องถิ่น cityjet ใช้เวลานั่งรถไฟออกจากเมือง Attnang-Puchheim ไปยัง Hallstall train station อีก 1 ชั่วโมง


ใครที่เลือกจองห้องพักไว้ที่หมู่บ้านฮัลสตัท หรือว่าไม่ได้นอนพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ สามารถนั่งรถไฟลงที่สถานี Hallstatt ได้เลยค่ะ

หากใครที่เลือกจองห้องพักไว้ที่หมู่บ้านฮัลสตัท หรือว่าไม่ได้นอนพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ สามารถนั่งรถไฟลงที่สถานี Hallstatt ได้เลยค่ะ ใกล้ๆสถานีรถไฟจะมีท่าเรือข้ามฟากไปที่หมู่บ้านให้บริการ ราคาไม่แพง

นั่งรถไฟจากสถานี 1 ชั่วโมงกว่า ก็ต้องเตรียมตัวลงแล้วค่ะ

ใช้เวลานั่งรถไฟจากสถานี 1 ชั่วโมงกว่า ก็ต้องเตรียมตัวลงแล้วค่ะ บรรยากาศภายในขบวนรถไฟ ก็มีแต่ชาวออสเตรียและนักท่องเที่ยวจากเอเชีย รวมทั้งอินเดียเยอะมาก

ส่วนทริปนี้ดิฉันนอนพักที่หมู่บ้านโอเบอร์เทราน์ (obertraun railway station)

ลงที่สถานีรถไฟหมู่บ้าน โอเบอร์เทราน์ (obertraun railway station) หมู่บ้านเล็กๆริมทะเลสาบอยู่ใกล้หมู่บ้านฮัลล์สตัท และมีโรงแรม ที่พักราคาถูก ประหยัดให้เลือกหลายแห่ง ราคาไม่แพงด้วย


แผนที่หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ ติดริมทะเลสาบฮัลสตัท (Obertraun Village Map)

แผนที่หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ ติดริมทะเลสาบฮัลสตัท (Obertraun Village Map)

เดินเท้าออกจากสถานีรถไฟไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้
ทิวทัศน์ในหมู่บ้านแห่งนี้ สวยงามน่ารักดีจัง มีทุ่งหญ้า มีป่าไม้และภูเขา เหมือนในการ์ตูนเลย

ระหว่างเดินเท้าจากสถานีรถไฟมา ก็เจอน้องแมวเหมียวหน้าดุๆหน่อยๆ มานั่งรอต้อนรับหน้าโรงแรมหน้าตานางดูนิ่งมากๆ ไม่ยิ้มแย้มเลย ดูหยิ่งยังไงไม่รู้ แต่ก็น่ารักดีนะ

โอบล้อมไปด้วยเทือกเขาแอลป์ มีหิมะปกคลุม อากาศเย็นสบาย แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนก็ตาม

หากใครที่วางแผนมาเที่ยวฮัลล์สตัท และเลือกนอนพักที่หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ (Obertraun Village)

โดยโรงแรมที่พักทริปเที่ยวฮัลสตัทคืนนี้ นอนพักที่

ทริปเที่ยวฮัลล์สตัทคืนนี้ นอนนพักที่โรงแรมโฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See)

บรรยากาศสภาพแวดล้อมโดยรอบของโรงแรม

ห้องพักแบบเตียง Single Room หรือห้องสำหรับนอนคนเดียวจริงๆ ตกคืนละ 2,357 บาท รวมอาหารเช้า

ห้องพักแบบเตียง Single Room หรือห้องสำหรับนอนคนเดียวจริงๆ ขนาดห้องพักเล็กกะทัดรัดกำลังดี ไม่คับแคบเกินไป มีเพื่อนๆแอบถามมาว่า พาใครไปด้วยหรือเปล่า เดี๊ยนอยากบอกเลยว่า ทริปนี้ลุยเดี่ยวแบบโลนลี่แพลนเนตจริงๆจ้า

ส่วนราคาห้องพักที่โฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See) แบบเตียงนอนคนเดียว  Single room ตกคืนละ 2,357 บาท รวมอาหารเช้า
ห้องพักถือว่าโอเค เหมาะสมอยู่นะคะ เพราะราคาก็ไม่แพงมากเกินไปด้วย เมื่อเทียบกับโรงแรมในหมู่บ้านฮัลสตัท ที่ราคาแพงกว่ามากๆ


ห้องพักสำหรับนอนคนเดียว Single room มีห้องน้ำในตัว แต่ไม่มีโถส้วมนะคะ ถ้าปวดฉี่ หรือปวดขึ้ ต้องอั้นไว้หน่อย รอไปปล่อยที่ห้องสุขารวมในชั้นเดียวกัน

ในห้องก็ถือว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตามมาตรฐาน มีอาบน้ำในตัวให้ค่ะ แต่ไม่มีห้องส้วมให้ ถ้าเกิดปวดขี้ ปวดฉี่ ต้องอั้นไว้หน่อย รอไปปล่อยที่ห้องสุขารวมในชั้นเดียวกัน

มีระเบียงห้องพักให้ด้วย

มองออกจากมุมระเบียงไปก็จะเห็นทะเลสาบอัลสตัท ที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาวิวทิวทัศน์สวยงามยิ่งนัก บรรยากาศดี แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อน ก็ไม่ร้อนจนเกินไป อากาศเย็นสบาย ที่สำคัญคือไม่วุ่นวาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนจริงๆ

นอกจากนี้ในชั้นเดียวกันใกล้ๆกับห้องสุขาของโรงแรมก็มีห้องครัวสำหรับทำอาหารทาน มีตู้เย็น เตาไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อนให้ ถือว่าดีทีเดียว 

เหมาะสำหรับการพักผ่อนมากๆ ไม่อยากออกไปใหนเลยค่ะ อยากจะนอนอยู่ที่โรงแรมอย่างเดียว

บรรยากาศของโฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See) ติดริมทะเลสาบฮัลสตัท มีครอบครัวของหงส์สีขาวและลูกๆออกมายลโฉมให้ชมกันอีกด้วย

มีครอบครัวของหงส์ขาว พราวเสน่ห์และลูกๆ พร้อมหน้าพร้อมตา ออกมาอวดโฉมให้ชมกันอีกด้วย
แต่ดูแล้ว แม่หงส์จะห่วงลูกมากๆเลยล่ะค่ะ

อาหารเช้าที่โรงแรมเป็นแบบ Continental Breakfast Buffet

ขนมปังทานกับโยเกิรต์ ผลไม้และเนื้อเย็น  แฮม ชีส ถือว่าเหมาะสมกับราคาค่ะ
ทานอาหารมื้อเช้าอิ่มยันเที่ยง กะว่ามื้อเที่ยงไม่ทานแล้ว คงทานรอบเย็นทีเดียว

มีแม่ไก่ กำลังนั่งกกไข่อยู่


แผนที่และตารางรถเมลล์โดยสารสาย 543 จากโฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See) ไปยังฮัลสตัท(Hallstatt) มีภาษาไทยให้อีกด้วย

 สำหรับการเดินทางจากโรงแรมโฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See) ทางโรงแรมก็มีแผนที่แนะนำการเดินทางให้ด้วย ว่าจะเดินทางไปอย่างไร มีภาษาไทยระบุให้ด้วย แสดงว่าคนไทยมาเที่ยวกันเยอะ โดยเดินจากโรงแรมไปขึ้นรถตรงวงเวียนใกล้ที่พักค่ะ

ทางเจ้าของที่พักบอกว่าหากใครที่อยากประหยัดตัง แนะนำให้นั่งรถบัสสาย 543 ไปลงที่ Hallstatt โดยรถจะมารับที่ป้ายรอรถเมลล์ในหมู่บ้านๆใกล้กับที่พัก เดินออกไปนิดเดียว เริ่มเวลา 9.03 น. ไปจนถึง ตอนเย็น 17.28 น.เลยค่ะ


ตารางรถเมลล์โดยสารสาย 543 จากโฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See) ไปยังฮัลสตัท(Hallstatt)

ตารางรถเมลล์โดยสารสาย 543 จากโฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See) ไปยังฮัลสตัท(Hallstatt) โดยรถให้บริการวันจันทร์ ถึง วันศุกร์เท่านั้นนะคะ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ แนะนำนั่งเรือไปดีกว่าค่ะ


ตารางเวลาเรือโดยสารจากObertraun ไปยัง hallstatt

 ตารางเวลาเรือโดยสารจากหมู่บ้าน Obertraun ไปยัง hallstatt
ราคาตกคนละ 8 ยูโร  

เรือกำลังจะจอดเทียบท่า


ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 30 นาทีกว่าๆจากหมู่บ้านโอเบอร์ทราน์(Obertraun Village) มาถึงหมู่บ้านฮัลสตัท (hallstatt)

ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 30 นาทีกว่าๆจากหมู่บ้านโอเบอร์ทราน์(Obertraun Village) มาถึงหมู่บ้านฮัลสตัท (hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้ถึงสักทีค่ะ

บรรยากาศหมู่บ้านฮัลสตัท (hallstatt) ก็สวยงามสมคำล่ำลือจริงๆค่ะ มีฝูงหงส์ออกมาเริงร่าอวดโฉมต่อสายตานักท่องเที่ยวให้ได้กดชัดเตอร์ และถ่ายรูปลงมือถือไว้โพสลงโซเชียลมีเดียหลากหลายมุม


แผนที่ท่องเที่ยวในหมู่บ้านอัลล์สตัทและใกล้เคียงเป็นภาษาไทย (Hallstatt tourist attractions places map)

โดยในหมู่บ้านมีศูนย์ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวให้ไปสอบถามกัน และแผนที่ข้อมูลแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวก็มีภาษาไทยให้อีกด้วย

แผนที่ท่องเที่ยวในหมู่บ้านอัลล์สตัทและใกล้เคียง (Hallstatt tourist attractions places map)

แผนที่ท่องเที่ยวในหมู่บ้านอัลล์สตัทและใกล้เคียง
ใหนๆก็มาถึงหมู่บ้านอัลล์สตัททั้งที ในหมู่บ้านแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้างๆ วันนี้ดิฉันเลยขอสรุปทริปสั้นๆมาดังนี้ค่ะ เผื่อเพื่อนๆคนใหน ที่วางแผนจะแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวที่ออสเตรียคนเดียว หรือพาคู่รักมา ก็ลองปักหมุดเดินถ่ายรูปกันได้นะคะ

1.จุดชมวิวถ่ายภาพที่ระลึกหมู่บ้านฮัลล์สตัท(Classic Village Viewpoint / Postcard Angle)

1.จุดชมวิวถ่ายภาพที่ระลึกหมู่บ้านฮัลล์สตัท(Classic Village Viewpoint / Postcard Angle)

1.จุดชมวิวถ่ายภาพที่ระลึกหมู่บ้านฮัลล์สตัท(Classic Village Viewpoint / Postcard Angle)

1.จุดชมวิวถ่ายภาพที่ระลึกหมู่บ้านฮัลล์สตัท(Classic Village Viewpoint / Postcard Angle)
1.จุดชมวิวถ่ายภาพที่ระลึกหมู่บ้านฮัลล์สตัท(Classic Village Viewpoint / Postcard Angle)
หนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงที่สุด ที่นักเดินทางท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเก็บภาพที่ระลึก เนื่องจากเป็นมุมถ่ายภาพหมู่บ้านที่สร้างชื่อเสียงให้ หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยตั้งอยู่ทางเดินถนนริมทะเลสาบในหมู่บ้าน อยู่เลยถัดจากย่าน จัตุรัสกลางเมือง เดินมาประมาณ 150 เมตร ก็จะเห็นจุดชมวิวดังกล่าวมองไปจะเห็นโบสถ์คริสต์ Christuskirche (Hallstatt) เป็นโบสถ์เก่าแก่และเป็นอาคารที่สร้างจุดเด่นให้หมู่บ้านแห่งนี้

2.

ย่านจัตุรัสใจกลางเมืองฮัลสตัท (Market Square Hallsatt village)


2.

ย่านจัตุรัสใจกลางเมืองฮัลสตัท (Market Square Hallsatt village)


2.

ย่านจัตุรัสใจกลางเมืองฮัลสตัท (Market Square Hallsatt village)


2.

ย่านจัตุรัสใจกลางเมืองฮัลสตัท (Market Square Hallsatt village)

2.

ย่านจัตุรัสใจกลางเมืองฮัลสตัท (Market Square Hallsatt village)

ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง Hallstatt และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

ของจัตุรัสแห่งนี้ โดย

มีรูปปั้น Holy Trinity และรายล้อมรอบไปด้วยอาคารเก่าแก่ สถาปัตยกรรมที่สวยงาม

ที่ยังอนุรักษ์ไว้อย่างดี 

นักท่องเที่ยวจะได้พบ กับร้านอาหารร้านกาแฟ โรงแรมบาร์ รวมท้ง ร้านขายของที่ระลึกมากมาย

และในบริเวณดังกล่าวยังเป็นสถานที่

จัดกิจกรรมที่แตกต่างตลอดทั้งปีด้วย ไม่ว่าจะเป็นขบวนคอร์ปัสคริสตีแบบดั้งเดิมในฤดูใบไม้ผลิ และตลาดคริสต์มาสในฤดูหนาวที่ดึงดูดนักเดินทางมาเยือนเมืองนี้กันอย่างไม่ขาดสาย 

 

3.น้ำตกในหมู่บ้านอัลล์สตัท (Hallstatt Waterfall) นักท่องเที่ยวสามารเดินเท้าจากด้านล่างขึ้นมาชมน้ำตกด้านบนได้  และด้านบนยังมีจุดนั่งพัก และจุดชมวิวที่หมู่บ้านที่สวยงามอีกแห่งด้วย

4.พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ (Museum Hallstatt)
เป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่อีกแห่งในออสเตรีย เปิดขึ้นในปี ค.ศ. 1888 เพื่อแสดงการค้นพบทางโบราณคดีพิเศษของหมู่บ้าน Hallstatt ซึ่งถูกค้นพบในปีก่อนหน้า นักท่องเที่ยวที่เข้าชมจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่สวยงามแห่งนี้ จัดแสดงห้องนิทรรศการเริ่มต้นตั้งแต่ยุคหิน รวมทั้งการเดินทางผ่านประวัติศาสตร์นับพันปีมาจนถึงปัจจุบัน และมีจัดแสดงการค้นพบเหมืองเกลือ (ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก) ในบริเวณฝังศพยุคเหล็กและสุสานใกล้เคียงให้ได้ชมกันอีกด้วย

5.จุดชมวิวถ่ายภาพด้านบนของหมู่บ้านบริเวณน้ำตก ก็สวยงามไม่แพ้กัน จัดเป็นอีกหนึ่งมุมที่เหล่าผู้รักการทัศนาจร นิยมมาถ่ายภาพให้สวยออนซอนกัน

หรือใครที่อยากจะนั่งเรือชมวิวทะเลสาบ ที่หมู่บานก็มีเรือบริการนำเที่ยวเช่นเดียวกันค่ะ เรือลำเล็กๆน่ารักดีค่ะ เหมาะกับคู่รักฮันนีมูน หรือครอบครัวกลุ่มเล็กนั่งชมวิวไปแบบเพลินๆ ก็จำเริญใจไม่น้อยเชียวล่ะ

ใครชอบแบบนั้น ก็ควักเงินซื้อได้เลย 

แต่ละอย่างก็น่ารัก มุ้งมิ้งมากๆ ซึ่งราคาก็สมเหตุสมผลอยู่ค่ะ

จริงๆแล้วในหมู่บ้านแห่งนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่งเลยล่ะค่ะ ใครที่ชอบเที่ยวถ่ายรูปและเดินศึกษาประวัติศาสตร์ แนะนำมาเที่ยวชมกันได้นะคะ 

ซึ่งตอนขากลับก็ไปรอขึ้นเรือที่จุดเดิมกลับค่ะ รู้สึกว่าตอนขากลับ ราคาค่าเรือจะถูกกว่าตอนขามาประมาณ 2 ยูโร โดยค่าเรือกลับอยู่ที่ 6 ยูโร ถ้าจำไม่ผิดนะคะ

แต่หากใครไม่อยากขึ้นเรือ และอยากประหยัด ไปรอขึ้นรถเมลล์โดยสารกลับได้เหมือนกัน ประหยัดกว่าเยอะเลย แต่หากใครไม่อยากไปรอขึ้นรถเมลล์ตามเวลา ก็นั่งเรือกลับดีกว่า ยอมจ่ายแพงนิดหน่อย แต่สะดวกดีค่ะ

ส่วนน้ำริมคลองก็ใสสะอาด เดินนวยนาดชมไปเรื่อย ก็หายเหนื่อยไปเลยล่ะค่ะ

มีทางรถมอเตอร์ไซต์ ทางจักรยาน และทางเดินระบุชัดเจน

ดูแล้วหงอยๆเหงาๆยังไงไม่รู้ ไม่เหมือนเมื่อวานเลยค่ะ 

หลังจากที่ได้ทานอาหารเช้า ก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เช็คเอาท์ออกจากที่พัก เพื่อเดินทางไปเที่ยวยังเมืองต่อไปค่ะ

จบทริปรีวิวเที่ยวฮัลล์สตัทท์ !! หมู่บ้านแสนโรแมนติกที่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองสักที ถือเป็นอีกหมู่บ้านที่สวยงามจริงๆ แต่นักท่องเที่ยวก็เยอะมากๆด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์จากเอเชียลงเมืองฮัลลตัทที มาเป็นคันรถเลยค่ะ อย่าแปลกใจนะคะว่าทำไม ไม่มีชาวต่างชาติ เพราะจุดขายเพื่อนักท่องเที่ยวจากเอเชียจริงๆ ฝรั่งจากยุโรปหัวแดงๆ ไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่นัก แต่ที่สำคัญหมู่บ้านแห่งนี้ ก็สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับสถานประกอบการโรงแรม และร้านค้า ร้านอาหารที่นี้ได้เยอะมากเชียล่ะค่ะ

สำหรับบทความรีวิวเที่ยวเมืองฮัลล์สตัท 2 วัน 1 คืน ในทริปนี้ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆท่าน ที่เสียสละเวลา คลิ๊กเข้ามาสไลด์เลื่อนเปิดดูกัน ไว้พบกันใหม่ในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน
——————————————————————————-

บทความบล็อกรีวิวเที่ยวเมืองอื่นๆ มีดังนี้

แบ่งปันทริปเที่ยวกรุงเวียนนาด้วยตัวเองง่ายๆ

มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้เริงสุขสันต์กันบ้าง ตามไปชมกันเลยค่ะ

เปิดโลกกว้าง เดินทางไปเที่ยวเมืองซาลซ์บูร์ก

(Salzburg)

เมืองเก่าแก่แห่งนี้ มีที่เที่ยวจุดชมวิวสวยๆอะไรบ้า

แบ่งปันทริปท่องโลกกว้าง เที่ยวเมืองเซลอัมซี เมืองน่ารัก

มีจุดนั่งพักถ่ายรูปสวยๆ ไปดูสิว่ามีที่เที่ยวอะไรบ้าง

รีวิวพาเที่ยวชมมิวเซียมสยาม แหล่งเรียนรู้ไทยๆสุดเก๋ไก๋

มีอะไรอัพเดทใหม่ๆให้ชมบ้าง ตามไปดูกันเลยจ้า

มาเด้อมาเที่ยวเมืองขอนแก่น สุดสะแนนแสนชิล

ขับรถไปถ่ายรูปชมวิวต่างๆ มีที่ใหนเช็คอินบ้าง ตามไปเที่ยวกันเลยจ้า

มาม๊ะ..มารีวิวเที่ยวเมืองอุดร

เช่ารถออนซอน ตะลอนไปชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง มีที่ใหนบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อจ้า

เก็บตก รีวิวเที่ยวเวียงจันทร์ 1 วัน ไปเช้า-เย็นกลับ

มีที่เที่ยวอะไรให้ชื่นชมกันอีกบ้าง ตามไปเบิ่งกันเด้อ

แบ่งปันรีวิวแบกเป้เที่ยวอินส์บรูค 2 วัน 1 คืน

มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ชื่นชมกันบ้าง ตามไปดูกันเลย

รีวิววิธีการเดินทางไปเที่ยวชมปราสาทน็อยชวานสไตน์

ด้วยตัวเองมาฝากใน 1 วัน มีที่เที่ยวอะไรให้ชมอีกบ้าง ตามไปชมกันเลย

พารีวิวเที่ยวชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร

กรุงเทพ เสพความรู้แบบไทยๆ เดินชมในนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้

รีวิวแบกเป้เที่ยวเมืองมิวนิค

เดินชิคๆไปชมสถานที่สวยงามต่างๆ มีที่ใหนบ้าง ตามไปชมกันเลย

เก็บตก แวะเที่ยวเมืองปราจีนบุรี

เมืองที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน แต่ก็มีอะไรให้ยลตระการ ชื่นบานอุราอยู่ไม่น้อย

รีวิวแบกเป้เที่ยวนครนายก ไม่มีรถส่วนตัว ก็เช่ารถมอเตอร์ไซต์ขับ

เที่ยวไปทั่วได้ใน 1 วันแบบชิลๆ

แบ่งปันรีวิวแบกเป้ลุยเดี่ยวพาไปเที่ยวเมืองอูล์ม(Ulm)

เมืองน่ารัก ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางผ่าน แต่ก็มีสถานที่ให้ยลตระการอยู่ไม่น้อย

ท่องโลกกว้าง เดินทางไกลไปเที่ยวในกรุงเฮก(Den haag)

ไปดูสิว่ามีที่เที่ยวอะไรให้ชื่นชมบ้าง

ขอสวัสดีทักทาย ซำบายดีกับเพื่อนๆเหล่าผู้รักการทัศนาจร อรชร อ้อนแอ้น สุดสะแนน แสนโสภากันทุกคนๆ มาลั๊ลลาท่องเที่ยวเปิดโลกกว้าง แบกเป้เดินทางกันต่อค่ะ หลังจากรีวิวบทความตอนที่แล้ว ดิฉันคุณนายเว่อร์ เธอเป็นคนบ้า ได้พาคุณผู้อ่านไปเที่ยวชมเมืองซาลซ์บูรก์กันไปแล้วนะคะ เรียกว่าเป็นเมืองมรดกโลกที่มีปราสาท พระราชวังสวยงามจริงๆ โดยเพื่อนๆสามารถเข้าไปดูรีวิวก่อนหน้าได้ที่เว็ปไซต์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2019/12/backpack-travel-salzburg-city-austria-review.html และเมืองท่องเที่ยวถัดจากเมืองซาลซ์บูรก์ ก็คือเมืองฮัลลสตัทท์ หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศออสเตรีย และโด่งดังในโลกก็ว่าได้ เดี๊ยนตั้งใจมาเที่ยวออสเตรีย ก็เพราะอยากเห็นเมืองนี้ด้วยตาตัวเองสักครั้ง เนื่องจากยังจำภาพติดตาของหมู่บ้านเล็กๆแสนโรแมนติก อยู่ติดริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยภูเขาแอลป์และหิมะปกคลุมมีทัศนียภาพสวยงามมาก จากนิตยสารท่องเที่ยวสมัยยุคอินเตอร์เน็ตยังไม่บูมอยู่เลยค่ะ อยากมาเที่ยวดูสักครั้งและใหนๆ ก็จัดทริปแบกเป้ลุยเดี่ยว มาเที่ยวประเทศออสเตรียทั้งที เพื่อมาไม่ให้เสียเที่ยว จะได้ไม่รู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้มาดู เดี๊ยนปักหมุดจัดทริปมาเที่ยวนอนที่เมืองนี้สักคืน มาดูสิว่าจะสวยงามเป๊ะปังแค่ใหน และในเมืองฮัลล์สตัทท์แห่งนี้ หากจะจัดทริปสั้นๆแบกเป้มานอนสัก 2 วัน 1 คืน มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรให้ไปชมบ้างก่อนจะเข้าสู่ภาพรีวิวท่องเขียนเที่ยวเรื่อยเปื่อย เราก็มารู้จักเมืองฮัลล์สตัทท์กันสักเล็กน้อย พอสังเขปนะคะเป็นหมู่บ้านเล็กๆติดริมทะเลสาบฮัสชตัททางตะวันตกเฉียงใต้ ของรัฐอัปเปอร์ ในประเทศออสเตรีย และจัดเป็นหนึ่งในหมู่บ้านมรดกโลกซัลทซ์คัมเมอร์กูท แวดล้อมไปด้วยภูมิทัศน์ที่งดงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักเดินทางจากทั่วโลก และในหมู่บ้านอัลชตัทก็ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตเกลือตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ เป็นที่มาของวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับกลุ่มชนในพื้นที่ มีภาษาเคลล์เป็นภาษาท้องถิ่นดั้งเดิมของเมืองนี้ และในยุคเหล็กของยุโรป เมื่อช่วงประมาณปี 800-450 ปีก่อนคริสต์ศักราช ก็มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดียุคแรกสุดของชาวเคลต์บางชิ้นในหมู่บ้านนี้แห่งนี้ด้วยปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกนิยมมาเที่ยวกันอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากตั้งอยู่ติดริมทะเลสาบฮัลสตัท มีทัศนียภาพและธรรมชาติที่สวยงาม ในช่วงฤดูร้อน อากาศก็เย็นสบายไม่ร้อนจนเกินไป แต่หากเป็นช่วงฤดูหนาว จะมีหิมะปกคลุม อากาศหนาวจัด แต่ก็มีนักเดินทางมาเยือนแทบ โดยระยะทางจากของหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ (hallstatt Village) มีระยะทางห่างจากเมืองกรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ประมาณ 288 กิโลเมตรการเดินทางมายังหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ (hallstatt Village) สามารถนั่งรถไฟโดยสารจากกรุงเวียนนา มาเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Attnang-Puchheim จากนั้นก็ต่อขบวนรถไฟท้องถิ่นมาลงที่สถานี hallstatt Bahnhof แล้วนั่งเรือโดยสารข้ามฟากมายังหมู่บ้านนี้ได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งเป็นที่นิยมของนักเดินทางทั่วไป รวมทั้งชาวออสเตรียเองด้วยหลังจากที่รู้จักหมู่บ้านฮัลล์สตัทแบบพอสังเขปกันไปแล้ว ก็มาดูรีวิวการเดินทางไปเที่ยวฮัลล์สตัทท์ (hallstatt Village) และรีวิวโรงแรมใกล้กับหมู่บ้านฮัลสตัทท์กันได้เลยค่ะเริ่มต้นการเดินทางทริปนี้ เขียนต่อจากรีวิวตอนที่แล้ว ตามเว็ปไซต์ลิงค์ : https://khunnaiver.blogspot.com/2019/12/backpack-travel-salzburg-city-austria-review.html แบกเป้เช็คเอาท์ออกจากโรงแรมในเมืองซาลซ์บูก เดินเท้ามาที่สถานีรถไฟ เพื่อนั่งรถไฟมุ่งหน้าไปยังเมืองฮัลล์สตัทท์หากเพื่อนๆคุณผู้อ่านคนใหน ที่วางแผนปักหมุดจะเริ่มต้นเดินทางจากเมืองซาล์บูร์กมาเที่ยวให้เดินทางดังนี้ง่ายๆ ไมยากค่ะเดินทางนั่งรถไฟออกจากเมืองซาลซ์บูร์กมาเปลี่ยนขบวนรถไฟที่สถานี Attnang-Puchheim ใช้เดินทางจากเมืองซาล์บูรกมาเวลาประมาณ 50 นาทีหลังจากนั้นก็เปลี่ยนขบวนรถไฟไปนั่งรถไฟท้องถิ่น cityjet ใช้เวลานั่งรถไฟออกจากเมือง Attnang-Puchheim ไปยัง Hallstall train station อีก 1 ชั่วโมงระหว่างนั่งรถไฟก็ชมวิวทิวทัศน์ไปพลางๆ ดูสวยงามสะพร่างยิ่งนัก มาเที่ยวช่วงหน้าร้อนก็สดใส แต่ถ้ามาหน้าหนาว ก็จะงามวิไลไปด้วยหิมะขาวโพลนทัศนียภาพสวยงามมากๆ ตอนที่มาเที่ยวนี้ก็มาช่วงเริ่มต้นฤดูร้อนแล้ว แต่อากาศที่นี่ก็เย็นสบายมากๆ ไม่รู้สึกว่าร้อนเลยในขบวนโบกี้รถไฟ มีป้ายบอกด้วยว่าถึงสถานีใหนแล้ว ตามป้ายในภาพแจ้งว่าถึงสถานี Hallstatt แล้วหากใครที่จองโรแรมที่พักในหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ ไว้ก็ลงที่สถานีนี้ได้เลยค่ะหากใครที่เลือกจองห้องพักไว้ที่หมู่บ้านฮัลสตัท หรือว่าไม่ได้นอนพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ สามารถนั่งรถไฟลงที่สถานี Hallstatt ได้เลยค่ะ ใกล้ๆสถานีรถไฟจะมีท่าเรือข้ามฟากไปที่หมู่บ้านให้บริการ ราคาไม่แพงส่วนทริปนี้ดิฉันนอนพักที่หมู่บ้านโอเบอร์เทราน์ เป็นหมู่บ้านติดริมทะเลสาบ อยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์(hallstatt) ต้องนั่งรถไฟนั่งเลยไปอีกหนึ่งสถานีค่ะใช้เวลานั่งรถไฟจากสถานี 1 ชั่วโมงกว่า ก็ต้องเตรียมตัวลงแล้วค่ะ บรรยากาศภายในขบวนรถไฟ ก็มีแต่ชาวออสเตรียและนักท่องเที่ยวจากเอเชีย รวมทั้งอินเดียเยอะมากจากนั้นก็เดินลงจากโบกี้รถไฟ ลงที่สถานีหมู่บ้าน โอเบอร์ทราวน์ (obertraun railway station) เพื่อเดินทางลงที่สถานีรถไฟหมู่บ้าน โอเบอร์เทราน์ (obertraun railway station) หมู่บ้านเล็กๆริมทะเลสาบอยู่ใกล้หมู่บ้านฮัลล์สตัท และมีโรงแรม ที่พักราคาถูก ประหยัดให้เลือกหลายแห่ง ราคาไม่แพงด้วยแผนที่หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ ติดริมทะเลสาบฮัลสตัท (Obertraun Village Map)บรรยากาศที่สถานีรถไฟในหมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ หมู่บ้านชนบทเล็กติดริมทะเลสาบฮัลสตัท และอยู่ใกล้หมู่บ้านท่องเที่ยวชื่อดังอย่างฮัลสตัทอีกด้วยเดินเท้าออกจากสถานีรถไฟไปยังโรงแรมที่พักคืนนี้ทิวทัศน์ในหมู่บ้านแห่งนี้ สวยงามน่ารักดีจัง มีทุ่งหญ้า มีป่าไม้และภูเขา เหมือนในการ์ตูนเลยระหว่างเดินเท้าจากสถานีรถไฟมา ก็เจอน้องแมวเหมียวหน้าดุๆหน่อยๆ มานั่งรอต้อนรับหน้าโรงแรมหน้าตานางดูนิ่งมากๆ ไม่ยิ้มแย้มเลย ดูหยิ่งยังไงไม่รู้ แต่ก็น่ารักดีนะบรรยากาศในหมู่บ้านก็สวยงาม ดูแบบชนบท เรียบง่ายมากๆโอบล้อมไปด้วยเทือกเขาแอลป์ มีหิมะปกคลุม อากาศเย็นสบาย แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนก็ตามระหว่างทางเดินแต่ละบ้านก็ปลูกไม้ดอกไม้ประดับริมทาง ดูแล้วสวยงามน่ารักเชียวมีป้ายบอกเส้นทางไปยังโรงแรมชัดเจนหากใครที่วางแผนมาเที่ยวฮัลล์สตัท และเลือกนอนพักที่หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ (Obertraun Village)โดยโรงแรมที่พักทริปเที่ยวฮัลสตัทคืนนี้ นอนพักที่ โฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See ) โรงแรมติดริมทะเล และเป็นโรงแรมราคาถูกที่สุดแล้วในการจองทริปนี้ เนื่องจากโรงแรมอื่นที่ถูกกว่า ถูกจองเต็มหมดแล้วบรรยากาศสภาพแวดล้อมโดยรอบของโรงแรม โฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See )ถือว่ามีทัศนียภาพสวยงามมาก เนื่องจากอยู่ติดริมทะเลสาบเช็คอินน์เข้าพักได้กุญแจห้องหมายเลข 10 โรงแรมสไตล์บ้านๆแบบชนบท ไม่ได้เป็นคีย์การ์ดเหมือนโรงแรมอื่นๆที่พักก่อนหน้านี้นะคะห้องพักแบบเตียง Single Room หรือห้องสำหรับนอนคนเดียวจริงๆ ขนาดห้องพักเล็กกะทัดรัดกำลังดี ไม่คับแคบเกินไป มีเพื่อนๆแอบถามมาว่า พาใครไปด้วยหรือเปล่า เดี๊ยนอยากบอกเลยว่า ทริปนี้ลุยเดี่ยวแบบโลนลี่แพลนเนตจริงๆจ้าส่วนราคาห้องพักที่โฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See) แบบเตียงนอนคนเดียว Single room ตกคืนละ 2,357 บาท รวมอาหารเช้าห้องพักถือว่าโอเค เหมาะสมอยู่นะคะ เพราะราคาก็ไม่แพงมากเกินไปด้วย เมื่อเทียบกับโรงแรมในหมู่บ้านฮัลสตัท ที่ราคาแพงกว่ามากๆในห้องก็ถือว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตามมาตรฐาน มีอาบน้ำในตัวให้ค่ะ แต่ไม่มีห้องส้วมให้ ถ้าเกิดปวดขี้ ปวดฉี่ ต้องอั้นไว้หน่อย รอไปปล่อยที่ห้องสุขารวมในชั้นเดียวกันมีตู้ใส่เสื้อผ้า สิ่งของบ้าหอบฟางก็ยัดเข้าไปได้มีระเบียงห้องพักให้ด้วยมองออกจากมุมระเบียงไปก็จะเห็นทะเลสาบอัลสตัท ที่โอบล้อมด้วยเทือกเขาวิวทิวทัศน์สวยงามยิ่งนัก บรรยากาศดี แม้จะเป็นช่วงหน้าร้อน ก็ไม่ร้อนจนเกินไป อากาศเย็นสบาย ที่สำคัญคือไม่วุ่นวาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนจริงๆตรงระเบีบงมีโต๊ะให้นั่งพัก นั่งทำงานได้ด้วยบรรยากาศดีมากๆ เงียบสงบ ไม่วุ่นวายเหมาะสำหรับการพักผ่อนมากๆ ไม่อยากออกไปใหนเลยค่ะ อยากจะนอนอยู่ที่โรงแรมอย่างเดียวมีครอบครัวของหงส์ขาว พราวเสน่ห์และลูกๆ พร้อมหน้าพร้อมตา ออกมาอวดโฉมให้ชมกันอีกด้วยแต่ดูแล้ว แม่หงส์จะห่วงลูกมากๆเลยล่ะค่ะเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านเล็กที่บรรยากาศดี มีวิวทิวทัศน์สวยงามไม่แพ้เมืองอื่นๆในออสเตรียทีส่วนอาหารเช้าของโรงแรมที่นี่ก็เป็นแบบ Continental Breakfast Buffet บุฟเฟ่ต์มีอาหารให้เลือกทานสไตล์ยุโรปหลากหลายขนมปังทานกับโยเกิรต์ ผลไม้และเนื้อเย็น แฮม ชีส ถือว่าเหมาะสมกับราคาค่ะทานอาหารมื้อเช้าอิ่มยันเที่ยง กะว่ามื้อเที่ยงไม่ทานแล้ว คงทานรอบเย็นทีเดียวภายในห้องอาหารของโรงแรม ก็ตกแต่งด้วยของสะสมดูน่ารัก สวยงาม เข้ากับบรรยากาศดีค่ะมีแม่ไก่ กำลังนั่งกกไข่อยู่บนโต๊ะก็มีเครื่องปรุงต่างๆ ให้ครบ ถ้าหากมี น้ำปลา พริก มะนาวให้ด้วย ก็จะดีเริ่ดสะแมนแตนมากๆเลยสำหรับการเดินทางจากโรงแรมโฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See) ทางโรงแรมก็มีแผนที่แนะนำการเดินทางให้ด้วย ว่าจะเดินทางไปอย่างไร มีภาษาไทยระบุให้ด้วย แสดงว่าคนไทยมาเที่ยวกันเยอะ โดยเดินจากโรงแรมไปขึ้นรถตรงวงเวียนใกล้ที่พักค่ะทางเจ้าของที่พักบอกว่าหากใครที่อยากประหยัดตัง แนะนำให้นั่งรถบัสสาย 543 ไปลงที่ Hallstatt โดยรถจะมารับที่ป้ายรอรถเมลล์ในหมู่บ้านๆใกล้กับที่พัก เดินออกไปนิดเดียว เริ่มเวลา 9.03 น. ไปจนถึง ตอนเย็น 17.28 น.เลยค่ะตารางรถเมลล์โดยสารสาย 543 จากโฮเต็ล เฮาส์ อัม ซี (Hotel Haus Am See) ไปยังฮัลสตัท(Hallstatt) โดยรถให้บริการวันจันทร์ ถึง วันศุกร์เท่านั้นนะคะ ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ แนะนำนั่งเรือไปดีกว่าค่ะส่วนใครที่ไม่อยากนั่งหรือไปยืนรถเมลล์โดยสารในหมู่บ้าน ติดๆกับโรงแรมก็มีเรือให้บริการไปยังหมู่บ้านฮัลล์สตัทท์(Hallstatt) ซึ่งได้รับความนิยมไม่น้อย เนื่องจากสะดวก และได้นั่งเรือชมวิวแม่น้ำ และทัศนียภาพโดยรอบด้วยตารางเวลาเรือโดยสารจากหมู่บ้าน Obertraun ไปยัง hallstattราคาตกคนละ 8 ยูโรเป็นเรือหางยาวๆ ตอนแรกเดี๊ยนคิดว่าจะได้นั่งเรือหงส์สีขาว นั้นไปเสียอีกเรือออกตามเวลาเป๊ะ ส่วนการชำระเงินค่าเรือโดยสาร ก็ต้องจ่ายกับคนขับเรือเอาค่ะคนขับเรือก็ขับไปแบบช้าๆเนิ่บๆ ไม่เร่งรีบแต่อย่างใด ส่วนนักท่องเที่ยวที่นั่งมาด้วยกันก็มีแต่ฝรั่งมังค่าแถบยุโรปนั่งมาด้วยกันนั่งเรือไป ชมวิวไปเรื่อยเปื่อยแบบชิลๆ ทิวทัศน์โดยรอบก็โอบล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์สูงใหญ่ งามวิไลยิ่งนักถือเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์ดีๆ ที่เหมาะสำหรับการมาเที่ยวเมืองนี้ระหว่างนั่งเรือก็จะเห็นบ้านเรือนติดริมน้ำเห็นเรือใบกำลังแล่นอยู่ในทะเลสาบ ดูนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ ชิลกันมากๆมองไปเห็นหมู่บ้านอัลลสตัทอยู่ไม่ไกลใช้เวลานั่งเรือประมาณ 30 นาทีกว่าๆจากหมู่บ้านโอเบอร์ทราน์(Obertraun Village) มาถึงหมู่บ้านฮัลสตัท (hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแห่งนี้ถึงสักทีค่ะบรรยากาศหมู่บ้านฮัลสตัท (hallstatt) ก็สวยงามสมคำล่ำลือจริงๆค่ะ มีฝูงหงส์ออกมาเริงร่าอวดโฉมต่อสายตานักท่องเที่ยวให้ได้กดชัดเตอร์ และถ่ายรูปลงมือถือไว้โพสลงโซเชียลมีเดียหลากหลายมุมเนื่องจากเป็นหมู่บ้านมรดกโลกที่มีชื่อเสียง ทำให้นักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์จากประเทศต่างๆมาเที่ยวกันเยอะมากเช่นเดียวกัน ดูค่อนข้างจอแจและคีกคักไม่น้อยเดินไปในหมู่บ้าน รู้สึกว่าเหมือนมาเที่ยวเอเชีย ไม่ได้รู้สึกว่ามาเที่ยวออสเตรียเลยล่ะ มีแต่เอเชีย กรุ๊ปทัวร์จากจีน อินเดีย คือเยอะมากๆ นอกจากนี้ยังมีกรุ๊ปทัวร์จากไทยมาด้วย ก็อย่างว่าแหละ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงาม ใครๆก็ต้องตามมาชมสักครั้้งนะคะแนะนำว่าหากใครที่มาเดินชมในหมู่บ้านฮัลสตัทแห่งนี้ หากเจอป้าย Private area ติดไว้ ห้ามเข้าไปเด็ดขาดนะคะ ต้องเคารพกฏระเบียบของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ด้วยค่ะโดยในหมู่บ้านมีศูนย์ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวให้ไปสอบถามกัน และแผนที่ข้อมูลแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวก็มีภาษาไทยให้อีกด้วยแผนที่ท่องเที่ยวในหมู่บ้านอัลล์สตัทและใกล้เคียงใหนๆก็มาถึงหมู่บ้านอัลล์สตัททั้งที ในหมู่บ้านแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรน่าสนใจบ้างๆ วันนี้ดิฉันเลยขอสรุปทริปสั้นๆมาดังนี้ค่ะ เผื่อเพื่อนๆคนใหน ที่วางแผนจะแบกเป้ลุยเดี่ยวมาเที่ยวที่ออสเตรียคนเดียว หรือพาคู่รักมา ก็ลองปักหมุดเดินถ่ายรูปกันได้นะคะหนึ่งในจุดชมวิวถ่ายรูปที่มีชื่อเสียงที่สุด ที่นักเดินทางท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเก็บภาพที่ระลึก เนื่องจากเป็นมุมถ่ายภาพหมู่บ้านที่สร้างชื่อเสียงให้ หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยตั้งอยู่ทางเดินถนนริมทะเลสาบในหมู่บ้าน อยู่เลยถัดจากย่าน จัตุรัสกลางเมือง เดินมาประมาณ 150 เมตร ก็จะเห็นจุดชมวิวดังกล่าวมองไปจะเห็นโบสถ์คริสต์ Christuskirche (Hallstatt) เป็นโบสถ์เก่าแก่และเป็นอาคารที่สร้างจุดเด่นให้หมู่บ้านแห่งนี้2.3.น้ำตกในหมู่บ้านอัลล์สตัท (Hallstatt Waterfall) นักท่องเที่ยวสามารเดินเท้าจากด้านล่างขึ้นมาชมน้ำตกด้านบนได้ และด้านบนยังมีจุดนั่งพัก และจุดชมวิวที่หมู่บ้านที่สวยงามอีกแห่งด้วย4.พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านฮัลล์สตัทท์ (Museum Hallstatt)เป็นพิพิธภัณฑ์เก่าแก่อีกแห่งในออสเตรีย เปิดขึ้นในปี ค.ศ. 1888 เพื่อแสดงการค้นพบทางโบราณคดีพิเศษของหมู่บ้าน Hallstatt ซึ่งถูกค้นพบในปีก่อนหน้า นักท่องเที่ยวที่เข้าชมจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานที่ที่สวยงามแห่งนี้ จัดแสดงห้องนิทรรศการเริ่มต้นตั้งแต่ยุคหิน รวมทั้งการเดินทางผ่านประวัติศาสตร์นับพันปีมาจนถึงปัจจุบัน และมีจัดแสดงการค้นพบเหมืองเกลือ (ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก) ในบริเวณฝังศพยุคเหล็กและสุสานใกล้เคียงให้ได้ชมกันอีกด้วย5.จุดชมวิวถ่ายภาพด้านบนของหมู่บ้านบริเวณน้ำตก ก็สวยงามไม่แพ้กัน จัดเป็นอีกหนึ่งมุมที่เหล่าผู้รักการทัศนาจร นิยมมาถ่ายภาพให้สวยออนซอนกันนอกจากนี้แล้วในเมืองแห่งนี้ ยังมีจุดถ่ายภาพชมวิวสวยๆอีกหลากหลายมุมให้ เดินชิลๆ ชมวิวถ่ายภาพไปเรื่อยเปื่อยค่ะมีตุ๊กตา ตุ๊กตุ๋นประดับประดาไว้ริมทางเดินตามบ้านมานชานเรือนที่หมู่บ้านแห่งนี้ ผู้คนก็มักจะนิยมนำของเก่าที่ไม่ใช้แล้ว มาตกแต่งรอบๆริมบ้าน ดูน่ารัก เข้ากับบรรยากาศของหมู่บ้านดีหากใครเดินชมรอบหมู่บ้านเมื่อยขา ก็ไปนั่งพักลั๊ลลาริมทะเลสาบได้หรือใครที่อยากจะนั่งเรือชมวิวทะเลสาบ ที่หมู่บานก็มีเรือบริการนำเที่ยวเช่นเดียวกันค่ะ เรือลำเล็กๆน่ารักดีค่ะ เหมาะกับคู่รักฮันนีมูน หรือครอบครัวกลุ่มเล็กนั่งชมวิวไปแบบเพลินๆ ก็จำเริญใจไม่น้อยเชียวล่ะนอกจากระหว่างทางเดินในหมู่บ้าน ก็มีร้านอาหาร ร้านค้าและของที่ระลึกให้เลือกมากมายหลายอย่างใครชอบแบบนั้น ก็ควักเงินซื้อได้เลยเดินมาเหนื่อยๆ เมื่อยก็แวะหาอะไรทานสักหน่อยค่ะจัดไปขนมเค้กชิ้นนึง รสชาติอร่อยดีค่ะยังไม่อิ่มตามต่อด้วยไอศครีมเย็นๆ เดินกินเล่นต่อไปได้อีก ไอศครีมที่นี่ก็ขายดีมากๆ เพราะนักท่องเที่ยวที่มาส่วนใหญ่จะเดินชมในหมู่บ้าน ต้องใช้พลังงานเยอะ เติมน้ำตาลลงในเส้นเลือดก็ใช่ได้อยู่นะตามร้านขายของฝาก มีของที่ระลึกให้เลือกมากมายหลายแบบแต่ละอย่างก็น่ารัก มุ้งมิ้งมากๆ ซึ่งราคาก็สมเหตุสมผลอยู่ค่ะหากใครมาเที่ยวที่นี่ และจะซื้อของฝาก แนะนำพกสตังมาเยอะนะคะ ได้ของที่ระลึกกลับไปเยอะเลยเชียวใช้เวลาเดินอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ เที่ยวชมในหมู่บ้านฮัลล์สตัทอยู่นานจนถึงเย็น ก็ได้เวลาเดินทางกลับหมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์แล้วค่ะจริงๆแล้วในหมู่บ้านแห่งนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกหลายแห่งเลยล่ะค่ะ ใครที่ชอบเที่ยวถ่ายรูปและเดินศึกษาประวัติศาสตร์ แนะนำมาเที่ยวชมกันได้นะคะซึ่งตอนขากลับก็ไปรอขึ้นเรือที่จุดเดิมกลับค่ะ รู้สึกว่าตอนขากลับ ราคาค่าเรือจะถูกกว่าตอนขามาประมาณ 2 ยูโร โดยค่าเรือกลับอยู่ที่ 6 ยูโร ถ้าจำไม่ผิดนะคะแต่หากใครไม่อยากขึ้นเรือ และอยากประหยัด ไปรอขึ้นรถเมลล์โดยสารกลับได้เหมือนกัน ประหยัดกว่าเยอะเลย แต่หากใครไม่อยากไปรอขึ้นรถเมลล์ตามเวลา ก็นั่งเรือกลับดีกว่า ยอมจ่ายแพงนิดหน่อย แต่สะดวกดีค่ะนั่งเรือกลับมาที่หมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ มานั่งพักผ่อนที่หมู่บ้านแห่งนี้ รู้สึกว่า บรรยากาศต่างกับที่หมู่บ้านฮัลสตัทมากๆ เพราะที่นี่ไม่วุ่นวาย จอแจเหมือนหมู่บ้านฝั่งโน้นแถมมีลานสนามหญ้าให้ได้นอนลั๊ลลากันอีกด้วย วันใหนแดดออก ชาวบ้านในระแวกก็จะพาบุตรหลาน มานอนสำราญอาบแดดกันบ้างก็มานอนอาบแดดที่สะพานท่าเรือหมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ ริมทะเลสาบฮัลสตัทบ้างก็พากันกระโดดเล่นน้ำกันอย่างสำราญเริงใจ ดูไปแล้วคนที่นี่ช่างมีความสุข สนุกครืนเครง บรรเลงจับใจ งามวิไลเริ่ดสะแมนแตนยิ่งนักนอกจากนี้บรรยากาศรอบหมู่บ้าน ก็เป็นฟาร์มทุ่งหญ้า โอบล้อมด้วยป่าเขาส่วนน้ำริมคลองก็ใสสะอาด เดินนวยนาดชมไปเรื่อย ก็หายเหนื่อยไปเลยล่ะค่ะมองไปที่ทุ่งหญ้าก็เป็นทุ่งดอกไม้สีขาวพราวเสน่ห์ ยวนเยหัวใจน่าร้กหลงไหล อยากจะไปเด็ดดอมดม ให้ตรอมตรมหัวใจเหลือเกินเป็นหมู่บ้านชนบทห่างไกลจากเมืองหลวง ที่น่าอยู่จริงๆ ภูมิทัศน์โดยรอบสวยงามถนนหนทาง ก็แบ่งจัดเป็นสัดเป็นส่วนมีทางรถมอเตอร์ไซต์ ทางจักรยาน และทางเดินระบุชัดเจนเดินมาอีกหน่อย ในหมู่บ้านโอเบอร์ทราวน์ก็มีร้านซุปเปอร์มาเก็ตให้บริการอีกด้วย แถมอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟและโรงแรมที่พักคืนนี้ด้วยมีภาพวาดน่ารักให้ได้ถ่ายรูปกันอีกด้วยเดินทางกลับมานั่งพักชมวิวชิลๆริมทะเลสาบฮัลสตัท ที่โรงแรมก็ตกเย็นพอดีพอถึงช่วงเย็น บรรยากาศที่นี่ลมพักสบายดียิ่งนัก เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อนมากๆเชียวล่ะค่ะ ในส่วนที่ชอบที่สุดคงเป็นความเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย จอแจ เหมือนหมู่บ้านฮัลสตัทฝั่งโน้น ถ้าใครมาพักที่หมู่บ้านแห่งนี้ จะเห็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงค่ะส่วนอาหารค่ำมื้อนี้ก็ทานแบบง่ายๆ อยากกินผัดกะเพรา แต่ต้องอดทนไว้ก่อน มื้อเย็นนี้เลยทานขนมปังทานกับสลัดผักคอส กล้วและผลไม้เป็นก่อนแล้วกันเช้าวันใหม่ อากาศวันนี้ไม่ค่อยแจ่มใสเหมือนเมื่อวาน ค่อนข้างครึ้มและอากาศเย็นทีเดียวดูแล้วหงอยๆเหงาๆยังไงไม่รู้ ไม่เหมือนเมื่อวานเลยค่ะถึงแม้อากาศจะเย็น แต่ครอบครัวของหงส์ขาวและลูกๆก็พากันออกมาว่ายน้ำ ให้ได้ยลโฉมกันอย่างเพลิดเพลินจำเริญใจหลังจากที่ได้ทานอาหารเช้า ก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เช็คเอาท์ออกจากที่พัก เพื่อเดินทางไปเที่ยวยังเมืองต่อไปค่ะจบทริปรีวิวเที่ยวฮัลล์สตัทท์ !! หมู่บ้านแสนโรแมนติกที่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเองสักที ถือเป็นอีกหมู่บ้านที่สวยงามจริงๆ แต่นักท่องเที่ยวก็เยอะมากๆด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์จากเอเชียลงเมืองฮัลลตัทที มาเป็นคันรถเลยค่ะ อย่าแปลกใจนะคะว่าทำไม ไม่มีชาวต่างชาติ เพราะจุดขายเพื่อนักท่องเที่ยวจากเอเชียจริงๆ ฝรั่งจากยุโรปหัวแดงๆ ไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่นัก แต่ที่สำคัญหมู่บ้านแห่งนี้ ก็สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับสถานประกอบการโรงแรม และร้านค้า ร้านอาหารที่นี้ได้เยอะมากเชียล่ะค่ะสำหรับบทความรีวิวเที่ยวเมืองฮัลล์สตัท 2 วัน 1 คืน ในทริปนี้ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆท่าน ที่เสียสละเวลา คลิ๊กเข้ามาสไลด์เลื่อนเปิดดูกัน ไว้พบกันใหม่ในเว็ปบล็อกถัดไปนะคะ จากคุณนายเว่อร์ เทอร์ชอบเที่ยวกินนอน——————————————————————————-

[NEW] ชีวิตสนุกๆ ของนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ ‘ฮังการี’ ประเทศที่มีอะไรมากกว่าที่เราคิด! | นิสัย คน ออสเตรีย – NATAVIGUIDES

    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว

Dek-D.com

วันนี้มาพบกับเรื่องราวสนุกๆ จากประสบการณ์ชีวิตนักเรียนแลกเปลี่ยนในต่างประเทศกันอีกแล้วนะคะ เรื่องที่

พี่นิทาน

นำมาฝากวันนี้เป็นเรื่องราวของชีวิตเด็กแลกเปลี่ยนในฮังการี ประเทศในฝันพี่เลยค่ะ อ่านแล้วอยากไปมากๆ เรามาดูกันเลยว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นบ้าง! 

    

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เราชื่อ “ใบเฟิร์น” นะคะ

ตอนนี้เรียนอยู่ ม.6 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี เราเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนรุ่นที่ 55 ประเทศฮังการี โครงการ AFS ค่ะ

    ตอนที่เราอยู่ที่ฮังการีนั่นก็เป็นช่วงที่เราอยู่ ม.5 ค่ะ ตอนแรกที่เราเลือกประเทศนี้ มีแต่คนถามว่าทำไมถึงเลือก บอกตามตรงตอนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ 5555 เราแทบจะไม่ได้รู้จักฮังการีเลย รู้แค่ว่ามันมีกรุงบูดาเบลส เอ้ย บูดาเปสต์! เป็นเมืองหลวง มีพริกปาปริก้าที่ขึ้นชื่อ เคธี่ เพอร์รี่เคยมาถ่ายทำ MV เพลง Fireworks รู้แค่นั้นจริงๆค่ะ 5555 สุดท้ายดันติดตัวจริงซะนี่ เราคิดหนักมากค่ะว่าจะไปจริงๆ เหรอ จะคุ้มค่าไหม ประเทศนี้จะเป็นยังไง ตื้อไปหมด แต่สุดท้ายคุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าอยากให้ไปค่ะ เพราะอยากให้เราได้มีประสบการณ์การใช้ชีวิต เราก็เลย เอาวะ! ไม่ลองไม่รู้ ก็เลยตัดสินใจไป 

    ฮังการีเป็นประเทศเล็กๆ ในยุโรปกลางค่ะ ติดกับออสเตรีย ซึ่งไม่มีทางออกติดทะเล ใช้ภาษาฮังกาเรียนเป็นภาษาแม่ รองลงมาคือภาษาเยอรมันและภาษาอังกฤษค่ะ เห็นประเทศเล็กๆ แบบนี้แต่เค้าอยู่ใน EU นะคะ แต่ยังคงใช้สกุลเงินโฟรินท์อยู่ โดย 1 บาทไทยจะประมาณ 8 โฟรินท์ค่ะ ค่าครองชีพที่นั่นพอๆ กับประเทศไทยเลยค่ะ เมืองหลวงคือบูดาเปสต์ มีแม่น้ำดานูบตัดผ่าน แบ่งเป็นฝั่งบูดา และเปสต์ ไฮไลท์ของบูดาเปสต์มีหลายที่เลยค่ะ ได้แก่อาคารรัฐสภา สะพานข้ามแม่น้ำดานูบ ฮีโรสแควร์ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ป้อมชาวประมง นิวยอร์กคาเฟ่และอีกมากมายเลยค่ะ

    เมืองที่เราไปอยู่คือเมือง Debrecen ค่ะ เป็นเมืองใหญ่รองลงจากกรุงบูดาเปสต์ มีประชากรประมาณ 2 แสนคน เมืองนี้ค่อนข้างเจริญพอตัวเลยค่ะ มีห้างใหญ่ ไม่ติดทุ่งนา มีอะไรให้ทำเรื่อยๆ ตลอดทั้งปีค่ะ จุดเด่นของเขาคือโบสถ์ใจกลางเมือง The big church (Nagytemplom) ซึ่งตรงนั้นจะมีลานไว้รวมตัวชาวเมืองเวลามีเทศกาลต่างๆ ค่ะ 

    คนฮังกาเรียนจะนิสัยคล้ายๆ คนไทยนิดนึงค่ะ เค้าจะเคารพผู้ใหญ่ นอบน้อม และติดขี้อายนิดๆ ด้วยค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะกล้าแสดงออกนะคะ เหมือนลูกผสมระหว่างคนเอเชียกับยุโรปน่ะค่ะ555 เราไปอาศัยอยู่กับครอบครัว Bak ค่ะ ประกอบไปด้วยโฮสต์พ่อ ซึ่งเป็นตำรวจ โฮสต์แม่ซึ่งเป็นครู โฮสต์ซิส 2 คน คนนึงเด็กกว่าเรา 1 ปี อยู่โรงเรียนเดียวกัน และโฮสต์ซิสคนโตทำงานแล้วค่ะ เค้าอยู่ที่บูดาเปสต์ กลับมาเยี่ยมบ้างบางครั้ง เค้าจะมีของฝากติดไม้ติดมือให้เราตลอดค่ะ น่ารักมากๆ เลยค่ะ อ้อ แล้วก็มีโฮสต์ตายายด้วยค่ะ เค้ามักจะพาเราไปเยี่ยมตายายบ่อยๆ ซึ่งตายายจะอยู่ที่บ้านริมแม่น้ำ เราชอบมากๆเลยค่ะ เพราะซิสมักจะชวนเดินเล่นเลียบริมแม่น้ำ เค้าตั้งชื่อเราเป็นภาษาฮังกาเรียนว่า Napsi ค่ะ ซึ่งขึ้นด้วยตัว N ตามชื่อจริงเรา Napsi ย่อมาจาก Napsugár = พระอาทิตย์ค่ะ

    โรงเรียนที่เราไปอยู่ชื่อ Medgyessy Ferenc Gimnázium ค่ะ เป็นโรงเรียนศิลปะ มีกิจกรรมให้ทำตลอดปี เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กติสท์ๆ รักศิลปะ การแสดง ร้องเล่นเต้นรำค่ะ ซึ่งนักเรียนที่นี่เค้ามีเอกลักษณ์ประจำตัวกันทุกคนค่ะ อย่างเพื่อนในห้องเราคนนึงผมนี่สีแดงมาเลยค่ะ ย้ำว่าแดงนะคะไม่ใช่น้ำตาลแดง บางคนผมสีฟ้าก็มีค่ะ บางคนใส่ชุดเหมือนเดิมทุกวัน บางคนใส่ชุดแม่มดมาเรียน บางคนใส่ชุดสีเดิมทุกวัน นี่เรื่องจริงนะคะ 

    วันแรกที่เราไปแนะนำตัวนักเรียนแลกเปลี่ยน ทุกคนดูตื่นเต้นมากค่ะ พอกลับบ้านไปซิสเราเค้ามาบอกว่าเพื่อนเค้าชอบเรามาก เค้าบอกว่าเราน่ารักมากๆ เลย อาจจะด้วยนิสัยคนไทยสยามเมืองยิ้ม และพยายามจะตลกฝืดในแบบของเรามั้งคะ เค้าเลยแบบ คนนี้ดูร่าเริงดีนะ 5555 เราเข้าไปอยู่ห้องภาษาอังกฤษ – เยอรมันค่ะ เพื่อนๆ พอพูดอังกฤษได้บ้าง ส่วนที่พูดเก่งเทพๆ นั้นมีประมาณ 6-7 คนได้ค่ะ ซึ่งก็กลายเป็นเพื่อนสนิทเราเลยล่ะค่ะ ส่วนเพื่อนคนอื่นเค้าก็พยายามพูดอังกฤษกับเราค่ะ เราก็พยายามพูดฮังกาเรียนกับเค้า เค้าจะดีใจมากๆ เวลาเห็นเราพูดได้หรือฟังเค้าออกค่ะ 

    เราเลิกเรียนตอนประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสองค่ะ ทำให้มีเวลาเหลือเฟือก่อนกลับบ้าน เราก็มักจะไป town center ค่ะ ไปเดินห้างบ้าง นั่งคาเฟ่บ้าง ชิลๆ บ้าง เดินเล่นที่สวนสาธารณะของเมือง ส่วนใหญ่ตอนเย็นเราจะเจอกับเพื่อนคนไทยใน Debrecen อีก 2 คนค่ะ โชคดี (หรือโชคร้ายก็ไม่รู้5555) ที่บ้านของพวกเราทั้งสามอยู่ใกล้กันมากค่ะ เดินไป 5 นาทีก็ถึงแล้ว เราเลยมักนัดเจอกันคุย ปรึกษาเรื่องต่างๆ ทำให้พวกเราสนิทกันเร็วมาก ผ่านเรื่องดีเรื่องร้ายมาด้วยกัน 11 เดือนเต็มๆ เลยค่ะ 

    เรามีเพื่อนๆ ต่างชาติในเมืองเดียวกัน 20 กว่าคนเลยค่ะ จากเบลเยียม ตุรกี อิตาลี ญี่ปุ่น อาร์เจนติน่า เยอรมัน โคลัมเบีย และอีกมากมายค่ะ พวกเรามักจะออกทริปไปเมืองอื่นด้วยกัน เรียกว่ามีอะไรให้ทำตลอดทั้งปีเลยค่ะ ที่นี่จะมีเทศกาลต่างๆ คล้ายๆกับประเทศอื่นในยุโรปเลยค่ะ ที่สำคัญๆ ก็พวก Christmas, Easter และ Name Day ค่ะ Name Day เนี่ยคือวันที่จัดเหมือนวันเกิดค่ะ เค้าจะให้ของขวัญกัน โดยจะมีกำหนดว่าวันที่ 1 มกราคมเป็น Name day ของชื่ออะไรบ้างแบบนี้ค่ะ วัน Christmas ที่ผ่านมาโฮสต์เราพาไปเที่ยวเมือง Sopron และขับรถข้ามไปฝั่ง Austria ค่ะ เค้าพาเราไปตลาดคริสต์มาสที่ขึ้นชื่อใน Vienna ด้วยค่ะ อีกทั้งยังมี santa party ซึ่งเป็นปาร์ตี้รวมนักเรียนแลกเปลี่ยนของ AFS จากทุกๆ เมือง โฮสต์เรายังพาไปฉลองกับตายาย และญาติๆ เค้าอีกค่ะ ช่วงคริสต์มาสเลยไม่ว่างเลยค่ะ ต้องไปฉลองที่นั่นทีที่นู่นที ยิ่งใหญ่มากๆ ค่ะ

    วันสุดท้ายของโรงเรียน เพื่อนๆ ในห้องเซอร์ไพรส์เราค่ะ เค้าเรียกให้เราไปยืนหน้าห้องตอนเช้า แล้วก็เปิดเพลง See you again ที่จอโปรเจคเตอร์ แล้วทุกคนก็ยืนร้องเพลงคลอให้เราค่ะ พอร้องเสร็จเค้าให้ไวน์ปาลิงก้าซึ่งเป็นเหล้าขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ และให้กรอบรูปที่เป็นรูปถ่ายรวมของพวกเราตอน class trip สมุดที่ทุกคนในนั้นเซ็นชื่อไว้ เราร้องไห้เลยล่ะค่ะ หลังจากนั้นเราก็มีอำลาปาร์ตี้ค่ะ ซึ่งจัดที่บ้านเพื่อนคนนึง แล้วในปาร์ตี้ก็มีแค่เพื่อนสนิทเรา 6 คนค่ะ เค้าทำเค้กที่เขียนว่า Napsi ให้เราด้วยค่ะ น่ารักมากเลย แล้ววันก่อนกลับ 1 วัน โฮสต์น้องเราต้องไปแข่งเต้นที่บูดาเปสต์ เค้าเลยไปส่งเราที่สนามบินไม่ได้ เราเลยกอดลากันในห้องและร้องไห้กันหนักมากๆ ค่ะ ก่อนเก็บของออกจากห้องเราแอบเขียนจดหมายสอดไว้ในโต๊ะเราถึงทุกคนในบ้าน อยากเซอร์ไพรส์ เราเขียนเป็นภาษาฮังกาเรียนโดยให้เพื่อนช่วยค่ะ เขียนเอง อ่านเอง ร้องไห้เอง 5555

   ตลอดปีที่ผ่านมาเราได้ไปเที่ยวทั่วฮังการีเลยค่ะ เรียกได้ว่าแค่เรื่องเที่ยวก็คุ้มแล้ว ทั้งโฮสต์พาเที่ยว ทั้งกิจกรรมของ AFS แถมเราเป็นคนชอบเที่ยว หากมีเวลาว่างก็ตีตั๋วไปเมืองต่างๆ กับเพื่อนๆ เองเลยค่ะ แถมมีกำไรที่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วย เช่น อิตาลี ออสเตรีย สโลวาเกีย ครอบครัวอุปถัมภ์เราก็ดีมากๆๆๆ เลยค่ะ เรียกได้ว่าแฮปปี้ ราบรื่นตลอดปี เพื่อนๆ ในโรงเรียนก็น่ารักมากค่ะ แถมเค้ายังรู้จักประเทศไทยกันด้วยนะคะส่วนใหญ่

    สุดท้ายนี้ขอฝากไว้สำหรับน้องๆ ที่กำลังลังเลว่าจะไปประเทศไหน อาจจะมีฮังการีอยู่ในตัวเลือก หรืออาจจะเป็นประเทศอื่นที่น้องๆ ยังไม่กล้าตัดสินใจ เราอยากบอกว่า ทุกประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศเล็กๆ หรือประเทศใหญ่ๆ ย่อมมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่ะ อย่ากลัวที่จะเลือก อย่ากลัวที่จะเสี่ยง ขึ้นชื่อว่านักเรียนแลกเปลี่ยนเราต้องเปิดใจรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่มีถูกหรือผิดค่ะ อยู่ที่ว่าเราจะนำประสบการ์ณมามองในมุมไหนหรือปรับใช้ยังไงต่างหาก น้องๆ คนไหนมีข้อสงสัยหรืออยากปรึกษา (หรืออยากส่อง555) ตามเรามาได้ที่ instagram : Uqbaifern เลยค่ะ มาพูดคุยกันได้น้า เค้ารออยู่วว อิอิ

 

      พออ่านแล้วก็รู้สึกอยากมีช่วงเวลาสนุกๆ แบบน้องใบเฟิร์นบ้างเลยค่ะ พี่เคยไปเที่ยวฮังการีมาไม่กี่วัน เลยยังไม่ได้สัมผัสอะไรมากมายเท่าไหร่ แต่ถ้ามีโอกาสได้เรียนรู้ผู้คนและภาษาก็คงสนุกมากๆ เหมือนที่น้องใบเฟิร์นเล่ามาเลยค่ะ เชื่อว่าน้องๆ คนอื่นอ่านแล้วก็คงอยากไปบ้างแน่ๆ เลยใช่มั้ยคะ และสำหรับใครที่มีเรื่องราวสนุกๆ จากการไปตะลุยเมืองนอกมาและอยากเล่าให้เพื่อนๆ ฟังบ้าง ก็เขียนส่งมาได้ที่ [email protected] เลยนะคะ ^^ 


รักเธอไม่มีวันหยุด – อ้อน เกวลิน [OFFICIAL MV]


เพลง รักเธอไม่มีวันหยุด
อัลบั้ม รักเธอหมดใจ
ศิลปิน อ้อน เกวลิน คอตแลนต์
ดาวน์โหลดเพลงนี้ได้ที่ 49159406 โทรออก
เสียงรอสาย ริงโทน เพลงเต็ม
หรือฟังเพลงนี้ ที่
iTunes : https://apple.co/2tkKvb6
JOOX : https://bit.ly/2GlJybb
Spotify : https://spoti.fi/2N4dJnx
Truemusic : https://bit.ly/2TLV6HJ
Executive Producer : วิศาล พันลาย
Producer : พรพจน์ อันทนัย , วิศาล พันลาย
ที่ปรึกษา : อ.วิทยา, คุณสายพิณ, คุณเดชา, คุณบวร, คุณศรราม,
Composer : อ.พรพจน์ อันทนัย
ศิลปิน ขับร้อง : อ้อน เกวลิน คอตแลนต์
ร้องประสาน : อ้อน เกวลิน คอตแลนต์
บันทึกเสียงและภาพตัดต่อ : LEPSO STUDIO
เรียบเรียงเสียงประสาน : ศาสสัณฑ์ บุญญาสัย, อ.พรพจน์ อันทนัย
ดนตรีดีไซน์ : อ. พรพจน์ อันทนัย
MIX DOWN : พรพจน์ อันทนัย , วิศาล พันลาย , ผู้ช่วย ”ไก่ วันชัย”
เนื้อเพลง :
จาก กันจึงรู้ความจริง
ไม่มีแล้วใคร
ที่จะรักฉัน และจริงใจ
เทียบเท่าเธอได้เลยคง ไม่มี
กลับมาเพื่อทวงคำสัญญา
จากคนๆหนึ่งซึ่งเคยรักกัน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา กับฉัน
เธอไม่มีวัน ทอดทิ้งให้ฉัน
เดียว ดาย
.อยากให้เธอรู้
ว่าฉันคิดถึงเธอที่สุด
อยากให้เธอรู้
ว่าฉันยังรักเธอที่สุด
รักเธอไม่มี วันหยุด
พูดจากส่วนลึก สุดใจ
.อยากให้เธอรู้
ว่าฉันยังรักยังรักเธอ
แต่ตอนนี้เธออยู่ไหน
รู้หรือไม่ว่าฉันต้องการ
……..
อดีตที่ฉันเคยทำ
ให้เธอช้ำใจ
ขอโทษเถิดนะถ้ายังไม่
สายเกินไปโปรดอภัยให้กัน
กลับมาเพื่อทวงคำสัญญา
จากคนๆหนึ่งซึ่งเคยรักกัน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา กับฉัน
เธอไม่มีวันทอดทิ้งให้ฉัน
เดียว ดาย
.อยากให้เธอรู้
ว่าฉันคิดถึงเธอที่สุด
อยากให้เธอรู้
ว่าฉันยังรักเธอที่สุด
รักเธอไม่มี วันหยุด
พูดจากส่วนลึก สุดใจ
.อยากให้เธอรู้
ว่าฉันยังรักยังรักเธอ
แต่ตอนนี้เธออยู่ไหน
รู้หรือไม่ว่าฉันต้องการ
หากต้องขาดเธอไป
ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว
เฝ้ารอจนป่านนี้
ยังไม่มีเลยวี่แวว
หรือว่าเธอมีใคร
แล้วจึง ไม่ห่วง
ไม่เหลือ เยื่อใยอีกแล้ว
[ อยากให้เธอรู้
ว่าฉันคิดถึงเธอที่สุด ]
[ อยากให้เธอรู้
ว่าฉันยังรักเธอที่สุด ]
รักเธอไม่มีวันหยุด
พูดจากส่วนลึก สุดใจ
อยากให้เธอรู้
ว่าฉันยังรัก ยังรักเธอ
แต่ ตอนนี้เธออยู่ไหน
รู้หรือไม่ว่าฉันต้องการ
แต่ ตอนนี้เธออยู่ไหน
รู้หรือไม่ว่าฉันยังรักเธอ
LEPSOSTUDIO เพลงดังในอดีต อ้อนเกวลิน

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

รักเธอไม่มีวันหยุด - อ้อน เกวลิน [OFFICIAL MV]

ตั้งแต่สามีมาอยู่ด้วยเราทะเลาะกันเรื่องอะไรบ้าง จนได้บอกให้กลับประเทศ


ตั้งแต่สามีมาอยู่ด้วยเราทะเลาะกันเรื่องอะไรบ้าง จนได้บอกให้กลับประเทศ

5 เรื่องจริงที่คุณต้องรู้ ก่อนมาออสเตรีย🇦🇹


เที่ยวออสเตรีย ทวีปยุโรป ออสเตรีย

5 เรื่องจริงที่คุณต้องรู้ ก่อนมาออสเตรีย🇦🇹

ด่วน-สำคัญ สำหรับคนไทยที่อยู่ในประเทศ ออสเตรีย สโลเวเนีย และ สโลวาเกียนะคะ |FamO|


❗️ด่วนสำคัญ❗️🇹🇭 โปรดอ่าน โปรดแชร์ ✍️
การลงทะเบียนคนไทยในออสเตรีย สโลวาเกีย และสโลวีเนีย ของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา✍️🇹🇭
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนากำลังดำเนินการปรับปรุงฐานข้อมูลสำหรับติดต่อคนไทยในออสเตรีย สโลวาเกีย และสโลวีเนีย เพื่อประโยชน์ในการติดต่อ สื่อสาร และดูแลคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ จึงขอความอนุเคราะห์ท่านกรอกข้อมูลตามลิงก์ด้านล่าง
https://forms.gle/aJmPW7Xoafbscvka7
หากเป็นไปได้ภายในวันที่ 23 มีนาคม 2563
โดยกรอกข้อมูลสำคัญให้ครบถ้วน ได้แก่ (1) ชื่อและนามสกุลภาษาไทย (2) ชื่อและนามสกุลภาษาอังกฤษ (3) หมายเลขบัตรประชาชนหรือหมายเลขหนังสือเดินทาง (4) หมายเลขโทรศัพท์ (5) เมืองที่อยู่ (6) ประเทศ (7) บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉินและหมายเลขโทรศัพท์
หากไม่สามารถกรอกข้อมูลตามลิงก์ได้ สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มที่แนบมา และส่งแบบฟอร์มที่กรอกแล้ว ทางไปรษณีย์มาที่
Royal Thai Embassy in Vienna
Cottagegasse 48, A1180, Vienna
หรือโทรศัพท์แจ้งข้อมูลที่หมายเลขโทรศัพท์ +43 1 478333519 และ +43 664 994 45916 จันทร์ศุกร์ เวลา 10.0016.00 น.
นอกจากนี้ เพื่อความครบถ้วนของฐานข้อมูล ขอความอนุเคราะห์ท่านช่วยประชาสัมพันธ์กับคนไทยที่รู้จักให้กรอกข้อมูลดังกล่าวด้วย
สถานทูตไทยกรุงเวียนนา

ด่วน-สำคัญ สำหรับคนไทยที่อยู่ในประเทศ ออสเตรีย สโลเวเนีย และ สโลวาเกียนะคะ |FamO|

จีบฝรั่ง นิสัยชาวออสเตรเลีย |ชีวิตเมียฝรั่ง |Star UK StarTV


จีบฝรั่งวันนี้ นิสัยของสาวออสเตรเลียมาเล่าเรื่องราวของสาวออสซี่และมาดูว่าพวกเขาเฟรนลี่ขนาดไหนนิสัยของผู้หญิงออสเตรเลียเป็นอย่างไรตามมาฟังกันได้ค่ะนิสัยที่พูดถึงนี้ไม่ใช่กับผู้หญิงทุกคนแต่เป็นคนส่วนใหญ่ที่มีนิสัยแบบนี้ใครที่อยากจะคบหากับชาวต่างชาติหรือว่าศึกษาวัฒนธรรมของเพื่อนต่างชาติมาทำความรู้จักกับเขาได้ที่ช่อง star UK star TV อย่าลืมที่จะกดไลค์กดติดตามเพื่อที่จะเป็นกำลังใจในการทำคลิปต่อไปนะคะ

จีบฝรั่ง นิสัยชาวออสเตรเลีย |ชีวิตเมียฝรั่ง |Star UK StarTV

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ นิสัย คน ออสเตรีย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *