Skip to content
Home » [NEW] รวมวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน ตอนที่ 1 | pardon me แปล ว่า – NATAVIGUIDES

[NEW] รวมวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน ตอนที่ 1 | pardon me แปล ว่า – NATAVIGUIDES

pardon me แปล ว่า: คุณกำลังดูกระทู้

คนทำงานต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในที่ทำงานมากมาย เช่น การขอความคิดเห็น หรือการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ซึ่งถ้าไม่ระวังบางครั้งประโยคที่เราใช้อาจจะฟังดูไม่ค่อยโอเคจนกลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้ JobThai เลยมีวิธีการพูดภาษาอังกฤษในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คนทำงานต้องเจอ แบบที่จะทำให้คุณดูเป็น Professional มาแนะนำ

 

ดาวน์โหลด JADOH Learning Application ได้ที่นี่

iOS

Android

 

 

ในการทำงานเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการให้ข้อเสนอแนะ หรือคำติชมต่าง ๆ ซึ่งในภาษาอังกฤษก็คือคำว่า “Feedback” เป็นคำที่คนทำงานต้องเคยเห็น เคยพูด เคยได้ยิน และแทบใช้ทับศัพท์จนเคยชินกันไปแล้ว แต่รู้ไหมว่าคำง่าย ๆ แบบนี้มีคนใช้แบบผิด ๆ โดยไม่รู้ตัวกันเยอะมาก นั่นก็คือการเติม S หลังคำว่า Feedback

 

ถ้าคุณเป็นคนนึงที่เคยเขียนหรือพูด Feedbacks ให้เปลี่ยนใหม่ คุณจะใช้ “No feedback” “A bit of feedback” “Some feedback” หรือ “Tons of feedback” ก็ได้ แต่ทุกครั้งต้องไม่เติม S เท่านั้นเอง

 

เวลามีการประชุม พูดคุยเรื่องงานกันเป็นทีม เราย่อยมีการขอความคิดเห็น หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ เพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์ที่สุด และนี่คือตัวอย่างประโยคที่น่าฟังเวลาจะพูดเพื่อขอความเห็นจากคนอื่น ๆ 

 

1. ใช้ “weigh in” เพื่อขอความเห็น

“Would you like to weigh in on this?” “ใครมีข้อเสนอแนะอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม?”

 

2. บอกว่าเราอยากฟังความคิดของเขา

“I would love to hear your thoughts.” “ฉันอยากจะได้ความคิดเห็นจากคุณ” หรือ “Let’s hear everyone’s thoughts on this.” “เรามาฟังความคิดเห็นจากทุกคนกันดีกว่า”

 

3 ใช้คำว่า Opinion ในการถาม

“Do you have an opinion on this issue?” “คุณมีความคิดเห็นยังไงในประเด็นนี้”

 

บางคนเลือกที่จะใช้คำว่า Input ที่แปลว่าข้อมูล ไอเดีย หรือคำแนะนำ ในประโยคที่ขอความคิดเห็น  ซึ่งการใช้คำนี้นั้นไม่ผิด แต่ต้องระวังอย่าเติม S หลังคำว่า Input เด็ดขาด

 

การมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในการทำงานนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ แต่การจะบอกคนอื่นว่าเราไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำ พูด หรือนำเสนอนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดออกมาง่าย ๆ เพราะเราอาจจะกังวลว่ามันจะทำให้คนฟังไม่พอใจ แต่ยังไงก็ตามเรายังสามารถพูดออกมาด้วยประโยคที่ฟังดูเป็นมืออาชีพได้ ด้วย 3 วิธีนี้

 

1. “Have you considered…?”

วิธีนี้คนฟังจะรู้สึกเหมือนว่าเราถาม และตอบข้อสงสัยเราโดยไม่รู้สึกว่าถูกเราโจมตี เช่น “Have you considered whether this color fits in with the rest of our color palette?” “คุณได้พิจารณาแล้วใช่ไหมคะว่าสีนี้เหมาะสมกับพาเลตของเรา”

 

2. “I’m afraid I disagree.”

เป็นวิธีพูดว่า “Unfortunately, I disagree.” “น่าเสียดายจังที่ฉันไม่เห็นด้วย” อย่างอ่อนน้อมและสุภาพ เช่น “I understand your main point, I’m afraid I disagree, and this is why…” “ฉันเข้าใจประเด็นของคุณค่ะ แต่ฉันยังไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะว่า…”

 

3. “Let’s agree to disagree.”

ในกรณีที่เลวร้าย หาทางออกไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลและเถียงกันไม่จบ ไม่มีคนถูกหรือคนผิดเราอาจจะพูดได้แค่ว่า “Let’s agree to disagree.” คือเราตกลงกันว่าเราจะเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่เป็นไร จบประเด็นนี้แล้วไปพูดเรื่องอื่นเถอะ

 

 

การขอให้คนอื่นพูดซ้ำอีกครั้งในเรื่องที่เราไม่เข้าใจ หรือฟังไม่ชัดนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะดีกว่าเราฟังและเข้าใจไปแบบผิด ๆ จนส่งผลต่อการทำงาน ซึ่งการจะขอให้เขาพูดทวนอีกครั้งแบบสุภาพ ที่ใช้ได้ทั้งการทำงาน ในห้องประชุม หรือสัมภาษณ์งาน สามารถพูดได้ ดังนี้

 

1. ขอให้เขาพูดอีกรอบไปแบบตรง ๆ เลย

“Could you repeat that please?” “พูดซ้ำได้ไหมคะ”

“Could you say that again?” “พูดอีกครั้งได้ไหม”

“Pardon me, could you repeat that?” “ขออภัยค่ะ พูดซ้ำได้ไหมคะ”

 

2. บอกเขาว่าเราไม่เข้าใจ

“I’m afraid I didn’t get that.” หรือ “I’m afraid I didn’t understand.” “ฉันเกรงว่าฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”

 

3. บอกว่าไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหม และขอให้เขาอธิบายด้วยวิธีอื่น

“I’m not sure I understand, could you explain it in a different way?” “ฉันไม่ค่อยแน่ใจว่าเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า ช่วยอธิบายด้วยวิธีอื่นได้ไหมคะ?”

 

คนทำงานอย่างเรา ๆ ต้องพบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็นตามงาน Event งาน Networking งานพบปะทางธุรกิจ หรือแม้แต่คนในแผนกอื่น ๆ ของบริษัทที่อาจมีเป็นร้อยเป็นพัน ซึ่งแน่นอนว่าการลืมชื่อคนที่เราเคยเจอนั้นเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเราได้กลับมาเจอเขาอีกครั้งและต้องมีการพูดคุยกัน จะทำยังไงดีให้รู้ชื่อของเขาแบบที่ยังดูเป็นมืออาชีพ เรามีวิธีมาแนะนำ

 

1. ยอมรับไปตรง ๆ ว่าเราลืมชื่อเขา ขอโทษ แล้วถามชื่อเขาอีกครั้ง

“I’m terribly sorry. I’m bad with names. Could you repeat your name for me, please?” “ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันจำชื่อคนไม่เก่ง ขอถามชื่ออีกครั้งได้ไหมคะ”

“Forgive me, I can’t recall your name at the moment. Could I ask for your name again, please?” “ให้อภัยฉันเถอะนะ แต่ฉันจำชื่อคุณไม่ได้จริง ๆ ขอถามชื่ออีกครั้งได้ไหมคะ”

 

2. ถ้าพอจะจำอะไรเกี่ยวกับเขาได้บ้าง ให้พูดออกไป เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ลืมเขา

“I’m so sorry, I know we met at last year’s trade show and I remember you. I just have forgotten your name. Could you please repeat it?” “ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันจำได้ว่าเราเคยเจอกันที่งานแสดงสินค้าปีที่แล้ว ฉันจำคุณได้ แต่ฉันลืมชื่อคุณจริง ๆ ขอถามอีกรอบได้ไหม?”

 

“I’m so sorry. We had that great chat over breakfast, but I’ve forgotten your name. Could you tell me again, please?” “ขอโทษนะคะ ฉันจำได้ว่าเราคุยกันสนุกมากเมื่อตอนทางอาหารเช้า แต่ฉันลืมชื่อคุณจริง ๆ คุณช่วยบอกชื่อคุณอีกรอบได้ไหมคะ”

 

3. แนะนำเพื่อนร่วมงานคนอื่นของเราให้เขารู้จัก

วิธีนี้จะเป็นวิธีที่เราได้รู้ชื่อเขาแบบเนียน ๆ เพราะเมื่อเราแนะนำเพื่อนร่วมงานเราแล้ว คนที่เราลืมชื่อเขาก็จะอาจจะแนะนำตัวเองกับเพื่อนของเรา ซึ่งตอนนั้นเราก็จะได้รู้ชื่อไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งประโยคแนะนำก็อาจจะพูดว่า “May introduce you to Sandra? She is our CFO and she’s one of the co-founders.”

การถูกขัดจังหวะหรือมีคนอื่นพูดแทรกขึ้นมาตอนที่เรายังพูดไม่จบ เป็นสถานการณ์ที่เราเจอกันบ่อย ๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสียมารยาท ทำให้คนที่พูดต้องสะดุดแล้ว ยังทำให้ต้องเสียเวลาและพลังงานในการพากลับเข้าเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่อีกด้วย และนี่คือ 3 วิธีการพูดเพื่อรับมือกับสถานการณ์แบบนี้

 

1. บอกสิ่งที่เรากำลังจะพูดต่อออกมา โดยเริ่มด้วยประโยคว่า “As I was saying…” “ที่ฉันกำลังจะพูดก็คือ…”

2. ถ้าเขายังขัดไม่เลิก ให้พูดออกไปว่า “Can we comeback to that point later?” “ไว้ค่อยคุยเรื่องนั้นกันนอกรอบได้ไหม?” เพื่อให้เขารู้ว่าเรื่องที่เขาพูดแทรกขึ้นมานั้นสามารถพูดทีหลังได้

3. ในกรณีที่ไม่หยุดก่อกวนจริง ๆ ก็ต้องบอกไปตรง ๆ เลยว่าให้ช่วยฟังที่เราพูดให้จบก่อนได้ไหม “Could you let me finish what I was saying?”

 

การทำงานกับปัญหาต่าง ๆ เป็นของที่มาคู่กันอยู่แล้ว ทำให้เราจะต้องมีการพูดคุยกันในทีมเพื่อรับรู้ปัญหาและหาทางแก้ ซึ่งประโยคที่มักจะคุ้นเคยกันก็คือ “Talk about a problem” แต่ถ้าอยากจะให้ฟังดูเป็นทางการมากขึ้น เราควรจะเปลี่ยนเป็น “Address an issue” แทน ซึ่งสามารถใช้ได้ในทั้งในกรณีที่ต้องการจะบอกว่าเรารับรู้ถึงปัญหา อภิปราย และหาทางแก้ไข

 

ตัวอย่างประโยค เช่น

“Let’s address this issue at the next meeting.” “ไว้เรามาหาทางออกของปัญหานี้กันในการประชุมคราวหน้านะคะ” หรือ “Our PR team has come up with s strategies to address this issue.”

“ฝ่าย PR ของเรามีไอเดียดี ๆ ที่จะใช้ในการแก้ปัญหานี้”

 

นอกจากนั้นเมื่อเราต้องการพูดว่าพบสาเหตุของปัญหาแล้ว แทนที่จะพูดว่า “Find the problem” ก็ควรเปลี่ยนมาใช้ “Identify the issue” แทน ในขณะที่การพูดถึงการคลี่คลายปัญหานั้น ก็ควรพูดว่า “Resolve the problem” แทน “Fix the problem” เพื่อฟังดูมืออาชีพมากขึ้น

 

ในการพูดคุยงานหรือประชุม บางครั้งอาจจะมีคนพูดออกนอกประเด็นหรือกำลังจะเปลี่ยนประเด็นไป โดยที่เรายังมีเรื่องที่อยากจะพูดหรือถาม ในกรณีนี้เราสามารถพูดแทรกขึ้นมาอย่างสุภาพและดูเป็นมืออาชีพได้ง่าย ๆ ว่า “May I ask a question?” “ขอถามนิดนึงได้ไหม?” เช่น “May I ask a question before we proceed?” “ก่อนที่เราจะไปขั้นตอนต่อไป ขอถามอะไรนิดนึงได้ไหมคะ?” ซึ่งเราสามารถใช้ประโยคนี้ทั้งกับเจ้านาย หรือผู้ใหญ่ได้ด้วย

 

การจดบันทึกหรือสรุปสิ่งที่พูดคุยกันไม่ว่าจะเป็นในการประชุม การสรุปการทำงาน หรือในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงาน ถือเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างมาก ซึ่งขณะที่มีการพูดคุยกันอยู่ เราสามารถแจ้งให้คนอื่น ๆ ทราบว่าเรากำลังจะจดบันทึกได้ด้วยประโยคเหล่านี้

1. “Shall I put this in writing?” “ขอจดบันทึกไว้ได้ไหมคะ?”

2. “Shall I summarize this in an email?” “ขอส่งสรุปผ่านอีเมลนะคะ?”

 

การจดบันทึกและส่งสรุปให้คนที่เราคุยด้วยนั้น นอกจากป้องกันไม่ให้เราลืมสิ่งที่คุยกัน และไม่ให้รายละเอียดต่าง ๆ ตกหล่นแล้ว ยังสามารถเป็นการรีเช็กว่าทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันได้อีกด้วย

 

เมื่อต้องพูดสิ่งที่เราต้องการ หลายคนมักจะใช้ประโยคว่า “I want to” แต่ถ้าเราอยากจะพูดแบบตรงไปตรงมา ให้ตัวเองดูมีความมั่นใจ และเป็นมืออาชีพด้วย เราควรจะเปลี่ยนมาใช้ประโยคว่า “I would like to” แทน ซึ่งเป็นประโยคที่ฟังสุภาพและดูดีกว่า และรูปแบบการใช้ในประโยคก็ไม่ได้แตกต่างกัน เช่น ถ้าอยากจะปรึกษาเรื่องการขึ้นเงินเดือนกับเจ้านาย ก็แค่เปลี่ยนจาก “I want to discuss a raise at the next meeting.” เป็น “I would like to discuss a raise at the next meeting.”

 

ได้แนวทางในการพูดภาษาอังกฤษตามสถานการณ์ต่าง ๆ แล้วก็อย่าลืมลองเอาไปปรับใช้ และฝึกฝนกันบ่อย ๆ ด้วยนะ และนอกจากวิธีพูดต่าง ๆ ในบทความนี้แล้ว เรายังมีวิธีพูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพในสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับคนทำงาน ตอนที่ 2 และ คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการทำงานแบบ Professional ด้วย คลิกที่ลิงก์ด้านล่างได้เลย

 

หางาน สมัครงานง่าย ๆ ด้วย JobThai Mobile Application

iOS

Android

Huawei AppGallery

 

 

JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน

Public group · 200,000 members

Join Group

 

[NEW] การขอโทษ (Apology) และตอบรับคำขอโทษในภาษาอังกฤษ | pardon me แปล ว่า – NATAVIGUIDES

ดังได้กล่าวแล้วในการขอบคุณ คือการขอโทษก็ควรอยู่ริมฝีปากหรือปลายลิ้นเช่นกัน เพราะเป็นคำที่จะต้องกล่าวบ่อยๆ การขอโทษใช้ได้หลายคำ และใช้แตกต่างกันไปตามโอกาส ในที่นี้ได้จำแนกการกล่าวคำขอโทษต่างๆ ไว้ดังนี้
1. Excuse ใช้เป็นกริยาในประโยคคำสั่ง โดยมี me เป็นตัวกรรม (object) ใช้ในการขอโทษสิ่งที่ผิดพลาดไปเล็กๆ น้อยๆ และถ้าขอโทษ เกี่ยวกับเรื่องใด ก็ใช้ for สำหรับสิ่งนั้น มีโครงสร้างดังนี้ Excuse me for …
ตัวอย่าง
Excuse me, please.
โปรดยกโทษให้ฉันด้วย
Excuse me for disturbing you.
ขอโทษด้วยที่รบกวนคุณ
Excuse me for what I said yesterday.
ขอโทษด้วยสำหรับสิ่งที่ทำไปเมื่อวานนี้
แต่โดยทั่วไปแล้ว คำนี้มักจะใช้ไนการขออนุญาต ขอร้อง โดยนำ ประโยคอื่นๆ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
Excuse me, I want to go out.
ขออนุญาต, ฉันต้องการจะออกไปข้างนอก
Excuse me, open the window, please.
ขอโทษ, กรุณาเปิดหน้าต่างด้วย
Excuse me, may I come in?
ขอโทษ, ฉันเข้าไปข้างในได้ไหม
Excuse me, where is the post office?
ขอโทษ, ที่ทำการไปรษณีย์อยู่ที่ไหน
การตอบรับ ในการตอบรับการขอโทษ ขออนุญาต สำหรับคำนี้ อาจใช้ได้หลายคำ แต่มีความหมายอย่างเดียวกัน ดังนี้
That’s all right.
ไม่เป็นไร
Certainly.
ไม่เป็นไร
Of course.
ไม่เป็นไร
Not at all.
ไม่เป็นไร
2. Sorry เป็นคำคุณศัพท์ (Adjective) ใช้แสดงความเสียใจกับ ความผิด ถือเป็นการขอโทษได้เหมือนกัน นิยมใช้กันมาก สร้างเป็นรูปประโยค ได้ดังนี้ I’m sorry ถ้าแสดงความเสียใจหรือขอโทษเกี่ยวกับเรื่องใดแล้ว ก็เพิ่มเข้าโดยสร้างเป็นประโยคหรือเป็นเพียงวลี Infinitive ก็ได้
ตัวอย่าง
I’m sorry.
ฉันขอโทษ (ฉันเสียใจ)
I’m sorry, I’m late.
ฉันขอโทษที่มาสาย
I’m terribly sorry.
ขอโทษมากๆ เลย (เสียใจมากๆ)
I’m awfully sorry I have kept you waiting for hours.
ขอโทษมากๆ ที่ปล่อยให้คุณรอเป็นเวลาหลายชั่วโมง
I’m very sorry I have troubled you.
ขอโทษอย่างมาก ด้วยที่รบกวนคุณ
I’m sorry to be late.
ฉันขอโทษที่มาสาย
I’m awfully sorry to have kept you waiting for hours.
ฉันขอโทษมากๆ ด้วยที่ปล่อยให้คุณรอเป็นเวลานาน
I’m very sorry to have troubled you
ขอโทษมากๆ ด้วยที่รบกวนคุณ
ถ้าเป็นการขอโทษระหว่างเพื่อนฝูงหรือไม่เป็นทางการ อาจตัด I’m (I am) ออกได้ เช่น
Sorry I’m late.
Sorry to have kept you waiting.
Sorry to have troubled you.
การตอบรับ ในการตอบรับสำหรับคำนี้ ใช้ดังนี้
That’s all right.
ไม่เป็นไร
Don’t worry about it
ไม่ต้องกังวลหรอก
คำ Sorry นี้ เมื่อใช้แสดงความเสียใจจริงๆ แตกต่างจากที่ใช้ในกรณีนี้ เป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจของผู้พูดเมื่อได้ทราบเรื่องราวนั้นๆ เช่น
I’m very sorry to hear that.
ฉันเสียใจที่ได้ยินเรื่องนั้น
I’m sorry about your son.
ฉันเสียใจเกี่ยวกับลูกชายของคุณ
I’m very sorry to hear that your father is ill.
ฉันเสียใจมากที่ได้ทราบว่า คุณพ่อของคุณป่วย
3. Pardon ใช้เป็นทั้งนามและกริยา ใช้แสดงการขอโทษสำหรับ ความผิดที่หนักขึ้นไปอีก ส่วนมากนิยมใช้เมื่อฟังไม่ได้ยิน ไม่ชัด และขอร้อง เพื่อขอให้พูดใหม่ และถ้าจะเน้นการขอโทษเกี่ยวกับเรื่องใดแล้ว ก็เติมเข้ามาได้ โดยนำด้วย for หรือเป็นประโยคเลยก็ได้ การใช้ Pardon เป็นนามมีโครงสร้างดังนี้ I beg your pardon ดังตัวอย่างต่อไปนี้
I beg your pardon.
ขอโทษ
I beg your pardon, will you please say it again?
ขอโทษ กรุณาพูดอีกครั้งได้ไหมครับ
I must beg your pardon for interrupting.
ฉันขอโทษที่ขัดจังหวะ
I must beg your pardon for forgetting our appointment.
ฉันต้องขอโทษด้วย ที่ลืมการนัดหมายของเรา
เมื่อใช้เป็นกริยา นิยมสร้างเป็นประโยคคำสั่ง (Command) ใช้เมื่อ พูดได้ยินไม่ชัด ต้องการให้พูดใหม่ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
Pardon me,
ขอโทษ
Pardon me, what did you say?
ขอโทษ, คุณพูดว่าอะไรนะ
การตอบรับ ในการตอบรับการขอโทษคำนี้ ที่นิยมใช้ก็คือ
That’s all right.
ไม่เป็นไร
That’s quite all right.
ไม่เป็นไรเลย
4. Apologize เป็นกริยา ใช้ขอโทษความผิดที่รุนแรงกว่าที่กล่าว มาแล้ว ถ้าจะเน้นว่าขอโทษเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ใช้ for นำหน้าสิ่งนั้นๆ คำนี้ นิยมสร้างเป็นประโยค
ตัวอย่าง
I apologize for my clumsiness.
ฉันขอโทษด้วยที่ซุ่มซ่าม
I apologize for losing your book.
ฉันขอโทษด้วยที่ทำหนังสือคุณหาย
I apologize for what I said last night.
ฉันขอโทษด้วยสำหรับสิ่งที่ฉันได้พูดไปเมื่อคืนที่แล้ว
I must apologize to you for breaking my promise.
ฉันต้องขอโทษคุณด้วยที่ต้องผิดสัญญา
การตอบรับ การตอบรับการขอโทษคำนี้อาจใช้หลายคำ เนื่องจากเป็นความผิดที่รู้สึกว่ารุนแรงกว่าชนิดต่างๆ ที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อให้รู้สึกเบาใจ หรือสบายใจในความผิดนั้นๆ อาจใช้คำปลอบใจ หรือคำตอบรับต่างๆ ดังนี้
That’s all right.
ไม่เป็นไร
It doesn’t matter.
ไม่เป็นไร
Don’t worry about it.
ไม่ต้องกังวลอะไร
Don’t mention it.
ไม่ต้องห่วงหรอก
It’s nothing at all.
ไม่มีอะไรเลย
5. Forgive เป็นการกล่าวขอให้ยกโทษให้ ถือเป็นการขอโทษอีก อย่างหนึ่ง เป็นคำกริยา อาจใช้เป็นรูปประโยคคำสั่งหรือขอร้องก็ได้ ถ้าเน้นจะขอโทษเรื่องอะไรอาจใช้ for นำสิ่งนั้น หรือใช้เป็นประโยคก็ได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
Forgive me for doing that.
ขอโทษด้วยที่ทำอย่างนั้น
Please forgive me, I won’t do it again.
กรุณายกโทษให้ฉันด้วย ฉันจะไม่ทำอีก
Would you please forgive me if I offended you?
ถ้าฉันล่วงเกินอะไรคุณไป กรุณายกโทษให้ฉันด้วยได้ไหม Forgive me, darling. I didn’t mean to be like that.
ยกโทษให้ฉันด้วยที่รัก ฉันไม่เจตนาจะเป็นเช่นนั้น
การตอบรับ การตอบรับสำหรับการขอโทษด้วยคำนี้ ใช้ได้หลายคำดังนี้
That’s all right.
ไม่เป็นไร
Not at all.
ไม่เป็นไร
It doesn’t matter.
ไม่เป็นไร
แบบฝึกหัด
จงสร้างโครงสร้างสำหรับการขอโทษจากเหตุการณ์ต่อไปนี้
1. Making some mistakes
2. Forgetting something
3. Losing something
4. Breaking something
5. Being late
6. Not doing something
7. Asking someone to repeat saying
8. Asking for forgiveness
ตัวอย่าง
Excuse me for what I did last night.
Excuse me for my mistake.
I’m sorry to have done like that to you.
I’m sorry, I have done like that to you.
I beg your pardon for what I did last night.
I must apologize to you for what I did last night.
Please forgive me for what I did last night.
โครงสร้างต่างๆ สำหรับการกล่าวขอโทษมีดังต่อไปนีh
Excuse me,….
Excuse me for……
I’m sorry to…….
I’m sorry, I…..
Sorry to…..
I beg your pardon,…..
I beg your pardon for……
I apologize to you for…..
Forgive me for…..
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา

(Visited 55,451 times, 5 visits today)


When to say SORRY, EXCUSE ME or PARDON ME


It can be confusing at times knowing if you should say SORRY, EXCUSE ME or PARDON ME. Here is a quick explanation of all three and examples of when you should use them.
sorry excuseme pardonme apologising
Please help me to grow my channel. LIKE, SHARE and COMMENT on my videos, and obviously SUBSCRIBE to my channel if you haven’t done so already. I really appreciate all your support.
Thank you so much!

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

When to say SORRY, EXCUSE ME or PARDON ME

Excuse Me, Sorry, Regret ใช้อย่างไร ? ขอโทษ เสียใจ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ?


สอบถามเรื่องคอร์สได้ที่ไลน์ @ajarnadam หรือโทร 02 612 9300
รายละเอียดคอร์ส http://www.ajarnadam.tv/
เรียนกับอดัม: http://www.facebook.com/hollywoodlearning
สาขาเชียงใหม : http://www.facebook.com/hollywoodlearningcm
เรียนออนไลน์กับอดัม: http://www.ajarnadam.tv
FBของอดัม: http://www.facebook.com/AjarnAdamBradshaw
Twitter: http://twitter.com/AjarnAdam

Excuse Me, Sorry, Regret ใช้อย่างไร ? ขอโทษ เสียใจ ภาษาอังกฤษว่าอย่างไร ?

Meghan Trainor – Me Too


“Me Too” by Meghan Trainor
Listen to Meghan Trainor: https://MeghanTrainor.lnk.to/listenYD
Watch more Meghan Trainor videos: https://MeghanTrainor.lnk.to/listenYD/youtube

Subscribe to the official Meghan Trainor YouTube channel: https://MeghanTrainor.lnk.to/subscribeYD

Follow Meghan Trainor:
Facebook: https://MeghanTrainor.lnk.to/followFI
Twitter: https://MeghanTrainor.lnk.to/followTI
Instagram: https://MeghanTrainor.lnk.to/followII
Website: https://MeghanTrainor.lnk.to/followWI
Spotify: https://MeghanTrainor.lnk.to/followSI

Lyrics
If I was you, I’d wanna be me too
I’d wanna be me too
I’d wanna be me too
If I was you, I’d wanna be me too
I’d wanna be me too
I’d wanna be me too

MeghanTrainor MeToo Pop

Meghan Trainor - Me Too

Incubus-pardon me acoustic live


I DON’T OWN THIS VIDEOO!
OVER A MILLION VIEWS!! THAT’S AWESOMEE!!
great song xD

Incubus-pardon me acoustic live

Incubus – Pardon Me


Incubus’ official music video for ‘Pardon Me’. Click to listen to Incubus on Spotify: http://smarturl.it/InsubusSpotify?IQid=IncubusPM
As featured on The Essential Incubus. Click to buy the track or album via
iTunes: http://smarturl.it/EssentialIncubus?IQid=IncubusPM
Google Play: http://smarturl.it/PardonMeGPlay?IQid=IncubusPM
Amazon: http://smarturl.it/EssentialAmazon?IQid=IncubusPM
More from Incubus
Warning: https://youtu.be/KoPlkmYaEQs
Wish You Were Here: https://youtu.be/8295rOMvtQI
Drive: https://youtu.be/fgT9zGkiLig
More great Alternative videos here: http://smarturl.it/Alternative00?IQid=IncubusPM
Follow Incubus
Website: http://incubushq.com/
Facebook: https://www.facebook.com/incubus
Twitter: https://twitter.com/incubusband
Subscribe to Incubus on YouTube: http://smarturl.it/IncSub?IQid=IncubusPM

Lyrics:
Pardon me while I burst
Pardon me while I burst
A decade ago, I never thought I would be.
A twenty three on the verge of spontaneous combustion. Woeisme
But I guess that it comes with the territory.
An ominous landscape of neverending calamity.
I need you to hear. I need you to see.
That I have had all I can take
And exploding seems like a definite possibility
To me
So Pardon me while I burst into flames.
I’ve had enough of the world, and its people’s mindless games
So Pardon me while I burn, and rise above the flame
Pardon me, pardon me. I’ll never be the same.

Incubus - Pardon Me

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ pardon me แปล ว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *