Skip to content
Home » [NEW] ประโยค Reported Speech คืออะไร จัดเต็ม! Indirect speech และ Direct speech | speech แปล – NATAVIGUIDES

[NEW] ประโยค Reported Speech คืออะไร จัดเต็ม! Indirect speech และ Direct speech | speech แปล – NATAVIGUIDES

speech แปล: คุณกำลังดูกระทู้

71

SHARES

Facebook

Twitter

ประโยค Reported Speech & Indirect Speech คืออะไร Reported แปลว่า รายงาน Speech แปลว่า คำพูด สองคำนี้แปลว่า คำพูดที่นำมารายงาน จะพูดให้เข้าใจเป็นภาษาง่ายๆคือ การนำคำพูดของคนอื่นมารายงานให้คนอื่นทราบ หรือการเอาคำพูดคนอื่นมาเล่าต่อนั้นเอง ตัวอย่างเช่น

แซมพูดว่า “คุณสวยที่สุดในโลก” เราก็เอามาเล่าต่อว่า “แซมบอกว่า ฉันสวยที่สุดในโลก”
แม่ร้องขึ้นว่า “ล้างจานให้หมด” เราก็มาเล่าต่อว่า “แม่สั่งให้ฉันล้างจานให้หมด”
สมศรีถามว่า “คุณชอบกินอะไร” เราก็มาเล่าต่อว่า “สมศรีถามฉันว่าฉันชอบกินอะไร”

Table of Contents

Reported Speech คืออะไร ใช้อย่างไร

reported speech คือ

ก่อนจะอธิบายต่อขอพูดถึงคำสองคำนี้ก่อน
Direct speech และ Indirect speech

Direct speech คำพูดแบบตรง หมายถึง การนำคำพูดคนอื่นมาพูดต่อ เช่น โจพูดว่า “ฉันชอบแมว” เราก็เอามาเล่าต่อว่า “โจบอกว่า ฉันชอบแมว” ถ้าเอาคำพูดนี้มาเล่าต่อ คนฟังจะเข้าใจว่าอย่างไร โจหรือฉันที่ชอบแมว แน่นอนว่าคนฟังต้องคิดว่า ฉันที่ชอบแมว ไม่ใช่โจ

Indirect speech หรือ Reported speech คำพูดแบบอ้อม หมายถึงการนำคำพูดคนอื่นมาเปลี่ยนเสียก่อนที่จะนำไปพูดบอกคนอื่น เช่น โจพูดว่า “ฉันชอบแมว” เราก็เอามาแปลงเป็น “โจบอกว่า เขาชอบแมว” แบบนี้คนฟังก็จะรู้เลยว่าคนที่ชอบแมวคือโจ

แล้วมันมีหลักการอะไรที่ทำให้ปวดหัวหรือเปล่า ตอบเลยว่า มี

หลักการเปลี่ยน Direct speech เป็น Indirect speech

1. เปลี่ยนคำพูดของคนอื่นให้อยู่ในรูปของอดีตกาล หรือ Past Tense นั่นเอง (ถ้าจะศึกษาเรื่องนี้ต้องผ่านด่านเรื่อง Tense มาแล้วนะครับ)
2. เปลี่ยนแปลงเวลาและคำแวดล้อมให้ถูกต้องกับความเป็นจริงในปัจจุบันที่พูด
3. เปลี่ยนสรรพนามจาก I เป็น He/She จาก We เป็น They / you จาก me เป็น her/ him แล้วแต่สถานการณ์
4. คำพูดที่อยู่ในรูปของประโยคคำถาม ให้แปลงเป็นประโยคบอกเล่า

ประโยค Reported Speech หรือ Indirect Speech มีกี่ประเภท

มี 3 ประเภทด้วยกัน

1. Indirect Speech – Statement ประโยคบอกเล่า

2. Indirect Speech – Commands, Requests or Suggestions ประโยค คำสั่ง แนะนำ ขอร้อง

3. Indirect Speech – Question ประโยคคำถาม

1. Indirect Speech – Statement ประโยคบอกเล่า

ขอให้จำกฎง่ายๆว่า ต้องเปลี่ยนคำกริยาปัจจุบันให้เป็นอดีต และเปลี่ยนคำที่เป็นบริบทให้ตรงกับความเป็นจริง

ในประโยคบอกเล่านี้ เราจะใช้คำว่า said that (พูดว่า…) หรือ told….that (บอก…ว่า) ก็ได้ คำว่า that จะละไว้ก็ได้

Present Simple Tense เปลี่ยนเป็น Past Simple tense

  • โจพูดกับฉัน ” I am tired.” ฉันเหนื่อย
    Jo told me that he was tired. โจบอกฉันว่าเขาเหนือย
    Jo said  he was tired. โจพูดว่าเขาเหนื่อย
  • เจนพูดกับโจ ” I love you very much.” ฉันรักคุณมาก
    Jane said that she loved Jo very much. เจนพูดว่าหล่อนรักโจมาก
    Jane told Jo that she loved Jo very much. เจนบอกโจว่าหล่อนรักโจมาก
  • โจพูดกับเจน ” I love you too.” ผมรักคุณเช่นกัน
    Jo said that he loved Jane too. โจพูดว่าเขารักเจนเช่นกัน
    Jo told Jane that he loved  her too. โจบอกเจนว่าเขารักหล่อนเช่นกัน
  • เด็กน้อยพูดกับแม่ ” I want to eat pizza every day.” หนูอยากกินพิซซ่าทุกวัน
    The little girl said that she wanted to eat pizza every day. หนูน้อยพูดว่าเธออยากกินพิซซ่าทุกวัน
    The little girl told her mum that she wanted to eat pizza every day. หนูน้อยพูดว่าเธออยากกินพิซซ่าทุกวัน
  • พวกเขา(บรรดานักบอลที่ได้แชมป์)พูดกับแฟนๆว่า ” We are so happy.” พวกเรามีความสุขมาก
    They said they were so happy. พวกเขาพูดว่าพวกเขามีความสุขมาก
    They told their fans that they were so happy. พวกเขาบอกกับแฟนๆว่าพวกเขามีความสุขมาก

ปล. ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนกริยาให้เป็นรูปอดีตก็ได้ ถ้าความนั้นเป็นข้อเท็จจริงทั่วไป เช่น

  • โจพูดกับฉันว่า I am a teacher. ผมเป็นครู (อันนี้เป็นข้อเท็จริง ตลอดกาล)
  • Jo said that he is a teacher. จะเห็นว่า ใช้กริยา is โดยที่ไม้ต้องเปลี่ยนเป็น was

เที่ยบกับ

  • โจพูดกับฉัน ” I am tired.” ฉันเหนื่อย
    Jo told me that he was tired. โจบอกฉันว่าเขาเหนือย
    อันนี้ไม่ใช่ข้อเท็จจริง เขาแค่เหนื่อยในขณะนั้นในอดีต ซึ่งตอนนี้อาจจไม่ใช่แล้ว ส่วนประโยคอื่นๆก็เทียบเคียงกัน

Present Continuous Tense เปลี่ยนเป็น Past Continuous tense

  • โจพูดกับฉัน ” I am eating dinner.” ฉันกำลังกินข้าวเย็นอยู่
    Jo said that he was eating dinner. โจพูดว่าเขากำลังกินข้าวเย็นอยู่
    Jo told me that he was eating dinner. โจบอกฉันว่าเขากำลังกินข้าวเย็นอยู่
  • เจนพูดกับโจ  ” I am taking a bath.” ฉันกำลังอาบน้ำอยู่
    Jane said that she was taking  a bath. เจนพูดว่าหล่อนกำลังอาบน้ำอยู่
    Jane told Jo that she was taking  a bath. เจนบอกโจว่าว่าหล่อนกำลังอาบน้ำอยู่
  • พวกเขา(บรรดานักบอลที่กำลังลงสนาม)พูดกับแฟนๆว่า ” We are playing against Leeds United.” พวกเรากำลังจะลงแข่งกับลีดส์ยูไนเต็ด
    They said they were playing against Leeds United. พวกเราพูดว่า พวกเขากำลังจะลงแข่งกับลีดส์ยูไนเต็ด
    They told their fans that they were playing against Leeds United. พวกเราบอกกับแฟนๆของพวกเขาว่า พวกเขากำลังจะลงแข่งกับลีดส์ยูไนเต็ด

Present Perfect Tense เปลี่ยนเป็น Past Perfect tense

  • โจพูดกับฉัน ” I have eaten dinner.” ฉันกินข้าวเย็นแล้ว
    Jo said that he had eaten dinner. โจพูดว่าเขากินข้าวเย็นแล้ว
    Jo told me that he had eaten dinner. โจบอกฉันว่าเขากินข้าวเย็นแล้ว
  • เจนพูดกับโจ  ” I have taken a bath.” ฉันอาบน้ำแล้ว
    Jane said that she had taken  a bath. เจนพูดว่าหล่อนอาบน้ำแล้ว
    Jane told Jo that she had taken  a bath. เจนบอกโจว่าว่าหล่อนอาบน้ำแล้ว

Present Perfect Continuous Tense เปลี่ยนเป็น Past Perfect Continuous tense

  • โจพูดกับฉัน ” I have been eating dinner for 30 munites.” ฉันกินข้าวเย็นมาเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว
    Jo said that he had been eating dinner for 30 munites.. โจพูดว่าเขากินข้าวเย็นมาเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว
    Jo told me that he had been eating dinner for 30 munites.. โจบอกฉันว่าเขากินข้าวเย็นมาเป็นเวลา 30 นาทีแล้ว

ทีนี้ถ้ามันเป็นเหตุการณ์ในอดีตล่ะ….ถ้าเป็นเหตุการณ์ในอดีตเอาสูตรง่ายๆไปใช้คือ คงเดิมไว้ เปลี่ยนแค่ตัวประธานให้ตรงกับสถานการณ์ก็พอ

Past Simple Tense เปลี่ยนเป็น Past Perfect tense หรือ คง Tense ไว้

  • โจพูดกับฉัน ” I ate dinner with Jenny yesterday.” ฉันกินข้าวเย็นกับเจนเมื่อวาน
    Jo told me that he ate dinner with Jenny the day befor yesterday. โจบอกฉันว่าเขากินข้าวเย็นกับเจนเมื่อวานก่อน

Past Continuous Tense ก็ให้คงไว้

  • โจพูดกับฉัน ” While I was walking to school, I saw a long snake. ขณะที่ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน ฉันเห็นงูตัวยาว
    Jo said while he was walking to school, he saw a long snake. โจพูดว่าขณะที่เขากำลังเดินไปโรงเรียน เขาเห็นงูตัวยาว

ประโยคที่มี auxiliary verb ให้เปลี่ยนดังนี้

  • can > could
  • may > might
  • will > would
  • shall > should
  • must > must, had to
  • โจพูดกับฉัน ” I can run fast.
  • Jo said that he could run fast. โจพูดว่าเขาสามารถวิ่งได้เร็ว
  • เจนพูดว่า ” I will go to London next month.
    Jane said she would go to London next month.

2. Indirect Speech – Commands, Requests or Suggestions ประโยค คำสั่ง แนะนำ ขอร้อง

  • การสั่งจะใช้คำว่า ordered, commanded
  • การแนะนำจะใช้ advised, suggested, recommended, told..
  • การของร้องจะใช้ asked

ในประโยคคำสั่ง คำแนะนำ และคำขอร้องจะใช้ infinitive with to (มี to นำหน้า)

  • นายพลสั่งลูกน้อง ” Jump into the sea now!” กระโดดลงทะเลยเดี๋ยวนี้
    The general ordered his soldiers to jump into the sea then.
  • ตำรวจสั่งชายผู้ต้องสงสัยบนถนน ” Put your hands on your head!” เอามือวางไว้บนหัวของคุณ!
    The police ordered the man to put his hand on his head. ตำรวจสั่งให้ชายหนุ่มเอามือของเขาวางไว้บนหัวของเขา
  • ผมป่วยอยู่บ้าน เจนมาหา ” You should see the doctor. ” คุณควรพบหมอนะ
    Jane advised me to see the doctor. เจนบอกว่าให้ฉันไปพบหมอ
    Why don’t you go to see the doctor.” ทำไมคุณไม่ไปพบหมอล่ะ
    Jane told me to see the doctor. เจนบอกให้ผมไปพบหมอ
  • เจนขอให้เราปิดประตูให้ ” Open the door, please.” ช่วยปิดหน้าต่างให้หน่อยค่ะ
    Jane asked me to open the door.

3. Indirect Speech – Question ประโยคคำถาม

ถ้าคำถามใช้ modal auxiliary verb ให้ใช้ if หรือ wether นำหน้า ซึ่งแปลว่า “ว่า” และ เรียงประโยคในรูแบบ ประธาน + modal verb + กริยาหลัก

  • เจนถามว่า ” Can you swim?” คุณว่ายน้ำเป็นไหม
    Jane asked me if I could swim. เจนถามฉันว่าฉันว่ายน้ำเป็นใช่ไหม
  • เจนถามว่า ” Will you go tomorrow?” คุณจะไปพรุ่งนี้ใช่ไหม
    Jane asked me if I would go tomorrow. เจนถามฉันว่าฉันจะไปพรุ่งนี้ใช่ไหม
  • เจนถามว่า “Shall I go tomorrow?” ฉันควรไปพบหมอไหม
    Jane asked me if she should go tomorrow. เจนถามฉันว่าหล่อนควรไปพรุ่งนี้ใช่ไหม
  • เจนถามว่า ” Will you go tomorrow?” คุณจะไปพรุ่งนี้ใช่ไหม
    Jane asked me if I would go tomorrow. เจนถามฉันว่าฉันจะไปพรุ่งนี้ใช่ไหม

คำถาม  do, does, did ให้ตัด do, does, did

  • เจนถามว่า ” Do you like cats?” คุณชอบแมวไหม
    Jane asked me if I liked cats. เจนถามฉันว่าฉันชอบแมวใช่ไหม
  • เจนถามว่า ” Did you eat my cake?” คุณกินเค้กฉันใช่ไหม
    Jane asked me if I ate her cake. เจนถามฉันว่าฉันกินเค้กของหล่อนใช่ไหม

คำถาม  Verb to be (is, am, are, was, were + ประธาน) ให้เรียงเป็นประโยคบอกเล่า (ประธาน + verb to be)

  • เจนถามว่า “Are you a doctor?” คุณชอบแมวไหม
    Jane asked me if I was a doctor. เจนถามฉันว่าฉันเป็นหมอใช่ไหม
  • เจนถามว่า “Were you a doctor at ABC Hospital?” คุณเคยเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเอบีซีใช่ไหม
    Jane asked me if I was a doctor at ABC Hospital. เจนถามฉันว่าเคยเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเอบีซีใช่ไหม

คำถาม Wh Questions (who, what, where, when, why และ how) ให้ใช้ wh question นำหน้า และเรียงเป็นประโยคบอกเล่า ประธาน + กริยา

  • เจนถามว่า “Where are you from?” คุณมาจากไหน
    Jane asked me where I was from. เจนถามฉันว่าฉันมาจากไหน
  • เจนถามว่า “Who do you love?” คุณรักใคร
    Jane asked me who I loved. เจนถามฉันว่าฉันรักใคร
  • เจนถามว่า “What will you do?” คุณจะทำอะไร
    Jane asked me what I would do. เจนถามฉันว่าฉันจะทำอะไร
  • เจนถามว่า “When is your birthday?” วันเกิดของคุณเมื่อไหร่
    Jane asked me when my birthday was. เจนถามฉันว่าวันเกิดของฉันเมื่อไหร่
  • เจนถามว่า “Why is Jo crying?” ทำไหมโจร้องให้
    Jane asked me why Jo was crying. เจนถามฉันว่าทำไมโจร้องให้

หลักการใช้ reported speech หลักๆก็มีเท่านี้แล แต่ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องของการใช้คำพูดให้ตรงกับความเป็นจริงที่ต้องประดิดประดอยเอาเองนะครับ แต่หลักการก็ประมาณนี้แหละ

ขอ 5 ดาวให้บทเรียนด้วยครับผม…

คลิกดาวดวงที่ขวามือสุดเลยครับครับ…

Average rating 4.7 / 5. Vote count: 471

ยังไม่มีใครให้ดาว คุณคือคนแรก….

[Update] จดคำศัพท์จากสุนทรพจน์ของ ‘BTS’ บนเวทีประชุมสมัชชาใหญ่ UN ประจำปี 2021 | speech แปล – NATAVIGUIDES

สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D วันนี้ English Issues จะพาทุกคนไปเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่น่าสนใจจาก Speech หรือสุนทรพจน์ของวง ‘BTS’ ที่ได้กล่าวในพิธีเปิดงาน SDG Moment ณ หอประชุมสมัชชาใหญ่ แห่งอาคารสำนักงานสหประชาชาติ (UN) ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2021 ที่ผ่านมากันครับ ซึ่งในครั้งนี้หนุ่มๆ บังทันได้รับแต่งตั้งจากผู้นำเกาหลีใต้อย่าง ‘มุนแจอิน’ ให้เป็น “ผู้แทนประธานาธิบดีพิเศษสำหรับคนรุ่นใหม่และวัฒนธรรม” นั่นเอง ปังมากกก! แต่ก่อนที่จะไปจดคำศัพท์ เรามาดูคำแปลภาษาไทยจาก speech ของพวกเขากันก่อนครับ 

Jin: “There were times during the past two years when I too felt bewildered and troubled, but still, we had people who cried out “let’s live on, let’s make the best of this moment.” 

จิน: “มีหลายครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมาที่ผมรู้สึกสับสนและกังวลใจ แต่ก็ยังมีผู้คนที่ร่ำร้องตะโกนบอกว่า ‘จงใช้ชีวิตต่อไปเถอะ มาใช้ช่วงเวลานี้ให้ดีที่สุดกันเถอะนะ’

Jimin: “We are in the ideal time of our lives to take on new challenges. It wasn’t as if you could blame anyone. You must have felt the frustration… the world changed like if we were transported in a flash to a parallel one” 

จีมิน: “เราอยู่ในช่วงเวลาที่ดีของชีวิตเราที่จะเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ และเราเองก็ไม่อาจไปโทษใครได้ คุณอาจต้องผิดหวัง … ที่จู่ๆ โลกก็เปลี่ยนไปเพียงชั่วพริบตาราวกับว่าเราถูกส่งไปอยู่อีกโลกคู่ขนาน

SUGA: “It was a time for us to mourn, for the things that COVID-19 took away from us, a time to discover how precious each and every moment we had taken for granted was.”

ชูก้า: “มันเป็นช่วงเวลาที่เราต่างโศกเศร้าใจในสิ่งที่โควิด-19 พลัดพรากจากเราไป และในขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราตระหนักได้ว่า แต่ละนาทีที่เราเคยมองข้ามไปนั้นมีคุณค่ามากแค่ไหน” 

j-hope: “Everyone agrees that Climate Change is an important problem but talking about the best solution might be, that’s not easy. It’s a topic that is tough to make conclusions about” 

เจโฮป: “ทุกคนต่างมีความคิดเห็นเหมือนกันที่ว่า ‘ภาวะโลกรวน’ นั้นเป็นปัญหาสำคัญ แต่การพูดถึงทางออกที่ดีที่สุดนั้นก็อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมันเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและยากจะสรุปได้ครับ” 

Photo Credit: @bts_bighit

RM: “I learned that there are many young people interested in environmental issues and choose it as their field of study. The future is unexplored territory, and that’s where we more than anyone will spend our time. And they are searching for the answers.”

RM: “ผมได้เรียนรู้มาว่ามีเยาวชนจำนวนมากสนใจประเด็นเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และเลือกศึกษาเป็นวิชาเอกของตนเอง แม้ว่าอนาคตจะยังเป็นดินแดนที่เรายังไม่ได้เผชิญ และนั่นคือที่ที่พวกเราจะใช้เวลามากกว่าใคร และพวกเขากำลังเดินทางเพื่อหาคำตอบเหล่านั้นครับ”

V: “I hope we just don’t consider the future as grim darkness. We have people concerned for the world and searching for answers. There are still many pages left in the story about us and I feel like we shouldn’t talk like the ending has already been written.” 

V: “ผมจึงไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าอนาคตข้างหน้านั้นจะมืดมน เพราะยังผู้คนที่ยังเป็นห่วงโลกของเราและยังคงเดินทางเพื่อหาคำตอบเหล่านั้น อีกทั้งยังมีอีกหลายหน้าให้ได้เขียนเรื่องราวของพวกเราลงไป ผมจึงรู้สึกว่า เราไม่ควรด่วนสรุปราวกับว่าจุดจบนั้นได้กำหนดไว้แล้ว”

Jung Kook: “Sometimes it feels like the world is stuck in place. It feels like if you’ve lost your way. There was a time when we felt the same way.” 

จองกุก: “บางทีอาจจะรู้สึกเหมือนว่าโลกหยุดหมุน รู้สึกเหมือนว่าเรากำลังหลงทาง พวกเราต่างมีช่วงเวลาเหล่านั้นเหมือนกัน”

RM: “I’ve heard that people in their teens and 20’s today are being referred to as ‘Corona Lost Generation’. That they lost their way at the time they needed the most opportunities…but I think it’s a stretch to say they’re lost.”

RM: “ผมได้ยินมาว่าเหล่าเยาวชนและคนรุ่นใหม่ในวัย 20 ทุกวันนี้ ถูกเรียกว่า ‘Corana Lost Generation’ เพราะว่าพวกเขาได้หลงทางในช่วงเวลาที่ต้องการโอกาสมากที่สุด…  แต่ผมคิดว่าเราไม่ควรไปนิยามพวกเขาด้วยคำพูดเหล่านั้นครับ”

Photo Credit: @bts_bighit

Jimin: “In these pictures, you can see there are kids that are trying to learn new things… They are not lost, they are finding new courage and taking on new challenges.” 

จีมิน: “ลองดูที่ภาพนี้นะครับ คุณจะเห็นว่ามีเด็กๆ ที่กำลังพยายามเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ พวกเขาไม่ได้พ่ายแพ้หรือหลงทาง แต่ยังคงค้นหาความกล้าหาญและเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ต่างหากครับ”

Jin: “Instead of the lost generation, a more appropriate name would be the ‘welcome’ generation because instead of fearing change, this generation says “welcome” and keeps pushing ahead.” 

จิน: “แทนที่จะเรียกว่าเป็น ‘Lost Generation’ ผมจึงคิดว่า ‘Welcome Generation’ น่าจะเป็นนิยามที่เหมาะสมกว่า เพราะแทนที่พวกเขาจะกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่คนรุ่นนี้กลับพูดว่า ‘ยินดีต้อนรับ’ และเลือกเดินหน้าต่อไป “

RM: “If we believe in possibilities and hope, even when the unexpected happens we won’t lose our way, but discover a new one.”

RM: “หากพวกเราเชื่อในความเป็นได้และเชื่อว่ายังมีความหวัง แม้ว่าจะมีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เราก็จะไม่หลงทาง และทำให้ค้นพบกับเส้นทางใหม่ๆ ”

Photo Credit: @UN_News_Centre

SUGA: “There will be choices we make that might not be perfect but that does not mean there won’t be anything we can do.” 

ชูก้า: “มันอาจจะมีทางเลือกของเราที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้” 

j-hope: “What is important are the choices we make when we are faced with change right? Some of you heard the news that we were coming to the UN and a lot of you were wondering whether we were vaccinated… and yes all seven of us, of course, we received.”

เจโฮป: “สิ่งที่สำคัญนั้นคือเส้นทางที่เราเลือกในช่วงเวลาที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เหรอครับ? พวกคุณบางคนได้ยินว่าพวกเรากำลังจะมาที่ UN และสงสัยว่าพวกเราได้รับวัคซีนแล้วหรือยัง…และใช่ครับ เราทั้งเจ็ดคนได้รับวัคซีนแล้วครับ”

RM: “We thought the world stopped but it continues to move forward, I believe that every choice that we make is the beginning of change, not the end. I hope that in this… new world we can say to each other: ‘Welcome’.”

RM: “เราต่างคิดว่าโลกหยุดหมุนไป แต่แท้จริงแล้วมันยังคงเดินหน้าต่อไป ผมเชื่อว่าทุกสิ่งที่เราเลือกนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงต่างหาก มันไม่ใช่จุดจบแต่อย่างใดหรอกครับ ผมหวังว่าในโลกใบใหม่แห่งนี้ เราสามารถเอื้อนเอ่ยต่อกันและกันว่า ‘ยินดีต้อนรับ’ นะครับ”

Photo Credit: @UN_News_Centre
 

____________________________

Key Words คำศัพท์น่ารู้จากสุนทรพจน์ BTS

1. bewildered [ADJ] 

  • อ่านว่า ‘ บิวีลเดอะ’ แปลว่า

    งุนงงอย่างที่สุด, สับสน, เลิ่กลั่ก 

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น perplexed, confused, bewildered, intricate, ambivalent, disorganized, discursive

2. troubled [ADJ] 

  • อ่านว่า ‘ ทรับ’เบิลดฺ’ แปลว่า

    ยุ่งยาก, ซึ่งเป็นทุกข์, เป็นภาระ, ซึ่งวุ่นวาย, น่ารำคาญ, หนักใจ

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น difficult, problematic, unsettled, tough, stressful, dark, hard

3. cry out [VT, PHRV] 

  • อ่านว่า ‘ ไคร เอาทฺ’ แปลว่า

    ร้องตะโกน. ร่ำร้อง, ร้องเสียงดัง (เพราะเจ็บปวด, ประหลาดใจ), ต้องการอย่างมาก 

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น shout out, call out, cry out

4. ideal time [N]

  • อ่านว่า ‘ไอเดียล’ไทมฺ’ แปลว่า

    เวลาที่เหมาะสม 

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น perfect time, good time, right time, best time, chance of lifetime, equal time, effective moment, golden opportunity, ideal rhythm, precisely the moment, rare opportunity

5. frustration [N]

  • อ่านว่า ‘ฟรัสเทร’เชิน’ แปลว่า

    ความขัดข้องใจ, ความผิดหวัง, การพบอุปสรรค

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น  disappointment, discontentment, dissatisfaction

Photo Credit: @UN_News_Centre

6. mourn [VI] 

  • อ่านว่า ‘มอร์น’ แปลว่า

    เศร้าโศก, เสียใจ, ไว้อาลัย, ไว้ทุกข์, คร่ำครวญ

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น  sorrow, grieve, regret, deplore, lamen

7. take for granted [phrase] 

  • อ่านว่า ‘เทค ฟอร์ กรานเทด’ แปลว่า

    ถือว่าเรื่องนั้นเป็นของธรรมดา, มองข้ามคุณค่า, มองสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นของตาย

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น   to underestimate the value of….

8. Climate Change 

  • การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือในคำศัพท์บัญญัติใหม่เรียกว่า

    ‘ภาวะโลกรวน’ 

9. unexplored [V] 

  • อ่านว่า ‘อันเอคซฺพลอร์” แปลว่า

    ยังไม่ได้สำรวจ, ยังไม่ได้ค้นหา

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น   undiscovered, uncharted, unexploited

10. territory [N] 

  • อ่านว่า ‘เท’ริทอ’รี’ แปลว่า

    อาณาเขต, เขต, ดินแดน, พื้นที่, แนวความคิด, แนวทางปฏิบัติ 

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น   area, region, boundary

Photo Credit: @bts_bighit

11. grim [ADJ] 

  • อ่านว่า ‘กรีม” แปลว่า

    ร้ายกาจ, โหดเหี้ยม, เคร่งขรึม, ดุร้าย

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น  strict, harsh

12. stretch [N]  

  • อ่านว่า ‘สเทรทชฺ’ แปลว่า

    ความยืดหยุ่น,ระยะทาง,การแผ่,การขึง,การเหยียด

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น  extent, expanse

13. appropriate [ADV]  

  • อ่านว่า ‘อะโพร’ พริเอท’ แปลว่า

    เหมาะสม, เข้ากัน

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น suitable, fit, proper

14. possibility [N]  

  • อ่านว่า ‘พอสซะเบิล’ลิที’ แปลว่า

    สิ่งที่เป็นไปได้,  สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้, โอกาส, ความเป็นไปได้

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น chance, occasion, circumstance, occurrence

15. be vaccinated [VT] 

  • อ่านว่า ‘แฝค-ซิเนท’ แปลว่า

    ได้รับวัคซีน , ฉีดวัคซีนแล้ว, ปลูกฝี

  • คำที่มีความหมายใกล้เคียงกัน (Syn.) เช่น  get vaccinated, immunize, inoculate

Photo Credit: @bts_bighit


ENGLISH SPEECH | ELON MUSK: Future, A.I. and Mars (English Subtitles)


Learn English with the legend Elon Musk in this enlightened Speech. In this conversation Elon Must talks about our Future, Artificial Intelligence (A.I) and Mars at World Government Summit moderated by H.E. Mohammad AlGergawi Watch with big English subtitles.
✅ Get the full transcript and audio of this speech FREE on our website:
https://www.englishspeecheschannel.com/englishspeeches/elonmuskspeech
✅ Also, download our FREE English Ebooks:
https://www.englishspeecheschannel.com/ebook/freeenglishebook

✅ Do you want to become a better writer, reader, speaker, and speller? Check our NEW eBook: https://www.englishspeecheschannel.com/perfectgrammarebook

👉 How to Learn English Online and from Home:
https://www.englishspeecheschannel.com/englishtips/howtolearnenglishonline
Follow us on Social Media:
👉 Instagram: englishspeeches
👉 Facebook: englishspeeches
👉 Twitter: englishspeeches
All content on our website is totally FREE.
The only thing we ask is: Please! SUBSCRIBE to our Channel:
🙏🏻 https://www.youtube.com/englishspeeches?sub_confirmation=1
❤️ Thank you for watching!
EnglishSpeeches
EnglishSubtitles
LearnEnglish
EnglishSpeech
ElonMuskSpeech
Link to the original video:
https://youtu.be/rCoFKUJ_8Yo
We use this video for educational purposes. Thank you for making this Speech possible.
FAIRUSE COPYRIGHT DISCLAIMER
Copyright Disclaimer Under Section 107 of the Copyright Act 1976, allowance is made for \”fair use\” for purposes such as criticism, commenting, news reporting, teaching, scholarship, and research. Fair use is a use permitted by copyright statute that might otherwise be infringing. Nonprofit, educational or personal use tips the balance in favor of fair use.
1)This video has no negative impact on the original works (It would actually be positive for them)
2)This video is also for teaching purposes.
3)It is not transformative in nature.
4)I only used bits and pieces of videos to get the point across where necessary.
English Speeches does not own the rights to these video clips. They have, in accordance with fair use, been repurposed with the intent of educating and inspiring others. However, if any content owners would like their images removed, please contact us by email at [email protected]

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ENGLISH SPEECH | ELON MUSK: Future, A.I. and Mars (English Subtitles)

Steve Jobs’ speech at Stanford university 2005 – Thai sub


Steve Jobs’s speech at Standford 2005 Thai sub

Steve Jobs' speech at Stanford university 2005 - Thai sub

สรุป reported speech เข้าใจง่าย


ปรึกษาการเรียน
เรียนภาษาอังกฤษแบบสนุกสนาน
FB page: https://web.facebook.com/KwanjaiKruEng/
ig: https://www.instagram.com/kwanjai_krueng/

สรุป reported speech เข้าใจง่าย

หกฉากครับจารย์ | EP.111 | 14 พ.ย. 64 Full EP


ติดตาม หกฉากครับจารย์
ทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 11.00 เป็นต้นไป
=========================================
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/workpoint
Website: https://www.workpointtv.com
Instagram: https://www.instagram.com/workpoint
TikTok: https://vt.tiktok.com/ZS9GDwTY

หกฉากครับจารย์ | EP.111 | 14 พ.ย. 64 Full EP

ฉบับเต็ม สุนทรพจน์ เกรต้า ธันเบิร์ก Greta Thunberg Full Speech – Workpoint News


ข้างล่างนี้คือคำแปลฉบับเต็มจากสุนทรพจน์ของ เกรต้า ธันเบิร์ก นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน ที่พูดในงาน UN Climate Summit 2019 ในวันที่ 23 กันยายน 2562 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
สิ่งที่ฉันอยากจะบอกคือเรากำลังจับตาคุณอยู่
นี่มันผิดไปหมด ฉันไม่ควรมาอยู่บนเวทีนี้ ฉันควรกลับไปเรียนหนังสือ ในอีกฟากฝั่งของมหาสมุทร แต่พวกคุณก็เดินทางมาหาความหวังจากพวกเรา เยาวชน คุณกล้าดีอย่างไร คุณขโมยเอาความฝันและวัยเด็กของเราด้วยความพูดจอมปลอม นี่ฉันถือว่าเป็นกลุ่มคนที่โชคดีแล้วนะ ผู้คนอยู่อย่างทรมาน คนบาดเจ็บล้มตาย และระบบนิเวศทั้งหมดกำลังล้มลง เรากำลังจะสูญพันธุ์กันอยู่แล้ว แต่พวกคุณกลับพูดกันแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ และผลการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ คุณกล้าดีอย่างไร (น้ำตาไหลตามด้วยเสียงปรบมือ)
วิทยาศาสตร์ตอบชัดเจนมากว่า 30 ปีแล้ว คุณกล้าดีมาก ที่ไม่ยอมให้ความสำคัญกับมัน แล้วยังมาบอกว่าพวกคุณทำดีพอแล้ว ทั้งๆ ที่คำตอบทางการเมืองยังไม่มีให้เห็น คุณพูดว่าคุณรับฟังและรับรู้ถึงปัญหาที่เร่งด่วน แต่ไม่ว่าฉันจะโกรธและเศร้าเพียงใด ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกคุณมันคือปีศาจ ที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ยังล้มเหลวต่อการลงมือทำงาน ฉันขอไม่เชื่อว่าคุณเป็นปีศาจละกัน
ไอเดียที่ว่าเราจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งใน 10 ปีข้างหน้า จะให้โอกาสเรา 50% ในโอกาสที่เราจะยังหวนกลับไปแก้ปัญหาทุกอย่างได้เท่าทัน 50% อาจจะพอรับได้สำหรับคุณ แต่ตัวเลขเหล่านั้นยังไม่รวม Tipping points วงจรป้อนกลับอีกมาก อากาศที่ร้อนขึ้นจากมลพิษต่างๆ และอีกหลายๆ ปัจจัยที่ถาโถม
พวกเขายังหวังพึ่งพาคนรุ่นใหม่ ในการลดคาร์บอนไดอ็อกไซด์ที่พวกคุณผลิตหลายล้านต้น ด้วยเทคโนโลยีที่ยังไม่มีอยู่จริง ความเสี่ยง 50% จึงรับไม่ได้สำหรับเรา ที่ต้องอาศัยอยู่กับผลจากมัน
ถ้าเราอยากมีโอกาส 67% ในการรักษาอุณหภูมิให้สูงไม่เกิน 1.5 องศา จากอุณหภูมิโลกทั้งหมด ตัวเลขจาก IPCC บอกว่า โลกมีคาร์บอนไดอ็อกไซด์เหลืออยู่ 420 กิ๊กกะตัน ในวันที่ 1 มกราคม 2018 วันนี้ตัวเลขนี้อาจจะเหลือแค่ 350 กิ๊กกะตันแล้วก็ได้ สถานการณ์อย่างนี้คุณจะยังใช้วิธีการเดิมๆ เทคนิคเดิมๆ รับมือกับปัญหานี้อยู่อีกหรือ?
ระดับก๊าซเรือนกระจกที่สูงขนาดนี้ เสี่ยงที่คาร์บอนไดอ็อกไซด์จะหมดสิ้นภายในแปดปีครึ่ง มันไม่มีทางออกหรือแผนการที่จะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ ตัวเลขเหล่านี้มันน่ากลัวเกินไป แต่พวกคุณกลับยังไม่โตพอที่จะยอมรับความจริง
พวกเราผิดหวังในตัวคุณ แต่คนรุ่นใหม่ก็เริ่มรู้แล้วว่าพวกคุณมันทรยศ สายตาของคนรุ่นใหม่ทั้งหมดจับจ้องมาที่คุณ ถ้าคุณเลือกที่จะปล่อยให้เราผิดหวัง ฉันขอบอกว่า เราจะไม่มีวันยกโทษให้คุณ
(เสียงปรบมือ)
เราจะไม่ปล่อยให้คุณลอยตัวไปจากความผิด ณ จุดนี้ ณ วันนี้ คือนาทีสำคัญที่เราขีดเส้นเอาไว้ โลกกำลังจะตื่น และความเปลี่ยนแปลงกำลังจะมา ไม่ว่าคุณจะชอบมันหรือไม่ก็ตามเถอะ ขอบคุณค่ะ
(เสียงปรบมือ)
เกาะติดทุกข่าวที่น่าสนใจ กับข่าวเวิร์คพอยท์
การเมือง สังคม เศรษฐกิจ ต่างประเทศ นโยบายสาธารณะ สุขภาพ คมนาคม
workpointnews ข่าวเวิร์คพอยท์ gretathunberg

Podcast by Workpoint News
iTunes https://apple.co/2YBNlG6
Spotify https://spoti.fi/2WQRZzB
Podbean https://workpointnews.podbean.com

ข่าวเวิร์คพอยท์ทีวีช่อง 23 ตลอดทั้งวัน
Website: workpointnews.com
Facebook: https://www.facebook.com/WorkpointNews/
YouTube: https://www.youtube.com/WorkpointNews
Instagram: https://www.instagram.com/workpointnews/
Twitter: https://twitter.com/workpointnews

ฉบับเต็ม สุนทรพจน์ เกรต้า ธันเบิร์ก Greta Thunberg Full Speech  - Workpoint News

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ speech แปล

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *