Skip to content
Home » [NEW] ประเทศสเปน – O’bon Paris | ประเทศ spain – NATAVIGUIDES

[NEW] ประเทศสเปน – O’bon Paris | ประเทศ spain – NATAVIGUIDES

ประเทศ spain: คุณกำลังดูกระทู้

Table of Contents

ท่องเที่ยวในประเทศสเปน

ประเทศสเปน เป็นประเทศที่พอพูดถึงทีไรก็จะนึกถึงการเฉลิมฉลอง งานรื่นเริง และความสนุกสนานของผู้คนที่นั้น ประเทศสเปนตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในยุโรปที่มีอากาศค่อนข้างอุ่น แสงแดดเข้าถึงตลอดเวลาแม้ในฤดูหนาว 

ประเทศสเปนเป็นประเทศที่มีมรดกโลกเยอะที่สุดรองลงมาจากประเทศอิตาลี ไม่ว่าจะเป็นเหล่าสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีเสน่ห์ตามเมืองต่างๆ นอกจากศิลปะ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมของสเปนแล้ว สเปนยังมีอาหารเป็นอีกหนึ่งจุดเด่น โดยอาหารท้องถิ่นของสเปนนั้นค่อนข้างแตกต่างจากอาหารในประเทศยุโรปอื่นๆทั่วไป เป็นที่สนใจและน่าดึงดูดสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก

ภาษาท้องถิ่น: ภาษาสเปน (Spanish), ภาษากาตาลา (Catalan), ภาษาบาสก์ (Basque) และภาษากาลิเซีย (Galician)

พื้นที่: 504,030 ตารางกิโลเมตร

ศาสนา: นิกายคาทอลิก 74% และอื่นๆอีก 26%

สกุลเงิน: ยูโร (EUR) สัญลักษณ์ €

กระแสไฟฟ้า: 220V

 

 

 

เที่ยวไหนดีในสเปน?

ประเทศสเปนเป็นประเทศที่ค่อนข้างใหญ่และมีหลากหลายเมืองที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น บาร์เซโลน่า มาดริด และเมืองเล็กๆอื่นๆอีกมากมาย โดยในแต่ละเมืองก็จะมีบรรยากาศและลักษณะของสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ตึกรามบ้านช่อง ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของเมืองนั้นๆตั้งแต่อดีตไปจนถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้นแล้วถ้าใครแพลนจะมาเที่ยวที่ประเทศสเปน ขอให้เตรียมวันมาให้เยอะๆ เพราะประเทศนี้น่าเที่ยวมากๆ

1) บาร์เซโลน่า (BARCELONA): มหาวิหารซากราดา แฟมิเลีย (Sagrada Familia), คาซ่าบัตโล่ (Casa Batllo), คาซ่ามิล่า (Casa Mila), ปาร์คกูเอล (Parc Guell), ถนนคนเดินรัมบลาส (La Ramblas), พลาซ่ากาตาลุญญา (Catalunya Plaza), พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ่ (Picasso Museum), ตลาดสดบุคเคอเรีย (Boqueria Market), ชายหาด Barceloneta, เนินเขามองต์คูอิก (Montjuic) และน้ำพุมหัศจรรย์ (Magic Fountain of Montjuic)

1.2) เมืองอื่นใกล้ๆบาร์เซโลน่า: เจโรนา (Girona) – สะพานไอเฟล (Eiffel Bridge), Arab Baths, Plaza de la Independencia, โบสถ์เจโรนา (Girona Cathedral) และกำแพงเจโรนา (Girona Wall) / ซีเจส (Sitges) – ชายหาด, พิพิธภัณฑ์ Maricel, พิพิธภัณฑ์ Cau Ferrat / มอนต์เซอร์รัต (Montserrat)

2) มาดริด (MADRID): พระราชวังหลวงมาดริด (Madrid Royal Palace), ตลาดซานมิเกล (San Miguel Market), พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติ National Museum Art Center Reina Sofia, Puerta del Sol, พิพิธภัณฑ์ปราโด (Prado Museum), จัตุรัส Cybele, สวนสาธารณะ Retiro, Plaza Mayor of Madrid และ Gate of Alcala

3) โทลีโด (TOLEDO): เมืองเก่าโทลีโด (Toledo Old Town), มหาวิหารโทลีโด (Cathedral Primada), Monastery of San Juan de Los Reyes, ประตูเมืองโทลีโด (Puerta del Sol และ Puerta de Bisagra), สะพาน San Martin, พิพิธภัณฑ์ El Greco, จุดชมวิวเมือง Mirador del Valle, โบสถ์ San Ildefonso, โบสถ์ Santo Tome, Puente de Alcantara, ป้อมปราการโทลีโด (Alcazar of Toledo)

4) เซบียา (SEVILLE): มหาวิหารเซบียา (Cathedral of Seville), หอระฆังจิรัลด้า (Giralda Bell Tower), สวนสาธารณะ (Maria Luisa), พระราชวัง Royal Alcazar, Plaza de Espana, Tower of Gold (Torre de Oro), ถนนซานตาครูซ (Santa Cruz Street) และ Casa de Pilatos

5) รอนด้า (RONDA): เมืองเก่ารอนด้า (Ronda Old Town), สนามแข่งวัวกระทิงรอนด้า (Bullring Ronda), พระราชวัง Moorish, สะพาน Puente Neuvo, Arabic Baths และ Arena

6) มาลากา (MALAGA): เมืองเก่ามาลากา (Malaga Old Town), Plaza de la Constitucion, พิพิธภัณฑ์ปาโบล ปิกัสโซ่ (Pablo Picasso Museum), ท่าเรือมาลากา (Malaga Port), Alcazaba, มหาวิหารมาลากา (Malaga Cathedral), อัฒจันทร์โรมันโบราณ (Roman Theater), ปราสาท Gibralfaro, Plaza Merced, Mercado de la Merced, สนามแข่งวัวกระทิงมาลากา (Malaga Bullring), Mercado Atarazanas และชายหาด La Malagueta

7) กรานาดา (GRANADA): พระราชวังอาลัมบรา (Alhambra Palace), Albaicin, มหาวิหารกรานาดา (Cathedral of Granada), สวน Carmen de Los Martires และพระราชวัง Charles V

8) วาเลนเซีย (VALENCIA): มหาวิหารวาเลนเซีย (Valencia Cathedral), Torres de Serranos, La Lonja de la Seda, El Miguelete, ตลาด Mercado Central (Mercado Central Market), Plaza de la Reina, ศาลาว่าการวาเลนเซีย (Valencia Town Hall), พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Fine Arts Museum และ Plaza del Ayuntamiento

9) เกาะต่างๆ: เกาะอิบิซา (Ibiza), เกาะมินอร์กา (Menorca) และเกาะมายอร์กา (Mallorca)

 

 

 


สเปนช่วงไหนน่าเที่ยวบ้าง?

แดดอ่อนๆ คลื่นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซัดเข้าริมฝั่ง: เดือนมีนาคมถึงมิถุนายน

อากาศในช่วงเดือนมีนาคมที่ประเทศสเปนนั้นเป็นอากาศของฤดูใบไม้ผลิ โดยอากาศจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่ฤดูหนาวได้ผ่านพ้นไป และจะเริ่มร้อนเมื่อก้าวเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเต็มตัว ช่วงที่ดีที่สุดในการเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศสเปนนั้นเห็นจะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะอากาศจะยังไม่ร้อนมาก และไม่หนาวจนเกินไป จะได้รับทั้งแดดอุ่นๆ และลมที่โชยมาจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อก้าวเข้าสู่เดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ฝนจะเริ่มตกชุก ควรเตรียมเสื้อกันฝนหรือร่ม และแจ็คเก็ตบางๆติดตัวไปด้วย

  
อากาศเริ่มร้อนแรงขึ้นพอๆกับเสน่ห์ของประเทศสเปน: เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน

เนื่องจากอยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและอยู่ทางทิศใต้ของทวีป นั่นทำให้ฤดูร้อนในประเทศสเปนนั้นค่อนข้างที่จะร้อนกว่าประเทศอื่นๆในยุโรป เตรียมน้ำดื่มให้เพียงพอในแต่ละวันที่ออกเดินทางท่องเที่ยว และที่ขาดไม่ได้คือครีมกันแดดและแว่นตากันแดด เพราะแดดที่สเปนนั้นแรงไม่แพ้ใครเลย เวลาในช่วงกลางวันจะค่อนข้างยาวนานในฤดูร้อน ถ้าหากต้องการชมวิวตอนกลางคืน แนะนำว่าให้เริ่มออกเดินทางในช่วงสายๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเหนื่อยจนเกินไป

 
ลมเย็นๆเริ่มโชยมา ไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป: เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน

หลังจากที่เผชิญอากาศร้อนในช่วงซัมเมอร์กันมาแล้ว ฤดูใบไม้ร่วงก็เริ่มย่างกรายเข้ามา ลมเย็นเริ่มโชยมา อุณหภูมิเริ่มลดลงเรื่อยๆ ทำให้เริ่มเที่ยวได้ง่ายขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากไม่ได้ไปผจญภัยกับแดดที่ร้อนแรงเกินต้านทาน หากแต่ว่าในช่วงเช้าและตอนค่ำหลังพระอาทิตย์ตก อากาศจะเริ่มเย็นอย่างเห็นได้ชัด เตรียมร่มและเสื้อแจ็คเก็ตบางๆไปสักตัวเพื่อความปลอดภัย ในฤดูใบไม้ร่วงนี้ เวลากลางวันเริ่มสั้นลง เวลาทำการของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็เริ่มปิดเร็วขึ้น อย่าลืมเช็คตารางเวลาให้ดีก่อนออกเดินทาง

 

เมื่อยามความร้อนแรงของประเทศสเปนเริ่มแผ่วลง และถูกแทนที่ด้วยความหนาวเย็น: เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์

ถึงแม้จะเป็นฤดูหนาว หากแต่ว่าอุณหภูมิที่ประเทศสเปนมักจะไม่ลดลงต่ำกว่าศูนย์องศา เสมือนกับว่าเป็นอากาศในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิหรือปลายฤดูใบไม้ร่วงเสียมากกว่า อย่างไรก็ตาม อากาศยังสามารถแปรปรวนได้เสมอ เช็คอากาศก่อนออกเดินทางและเตรียมเสื้อผ้ามาให้พร้อม จะได้เดินทางท่องเที่ยวได้อย่างไร้กังวล

 

 

งบประมาณในการท่องเที่ยวสเปน

ประเทศสเปนมีค่าครองชีพที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในยุโรปตะวันตก ประเทศสเปนมีวัฒนธรรมในการรับประทานทาปาส (Tapas) หรือของว่างทานเล่น ซึ่งตามร้านอาหารจะเสิร์ฟทาปาสทั้งวัน โดยไม่มีการจำกัดเวลาดังเช่นประเทศอื่นๆในยุโรปที่เสิร์ฟอาหารเป็นเวลา อีกทั้งยังมีขนมท้องถิ่นของสเปน เช่น ชูโรสหรือปาท่องโก๋สเปน (Churros) วางขายตามท้องถนนในราคาถูก นอกจากนั้นแล้วก็มี ฮามอน (Jamon), คาวา (Cava) และแซงเกรีย (Sangria) ที่หาได้ง่ายๆตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไปในราคาที่ถูกกว่าร้านอาหาร ถ้าหากต้องการของทานเล่นก็สามารถหาซื้อทาปาสเหล่านี้ตามซุปเปอร์มาเก็ตแล้วนำกลับไปรับประทานที่ที่พักได้ แต่ถึงแม้ว่าอาหารจะมีราคาที่ค่อนข้างถูก ในทางกลับกัน ราคาตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์นั้นมีราคาที่ค่อนข้างแพง ค่าใช้จ่ายต่อวันในการท่องเที่ยวที่ประเทศสเปน จึงจะตกอยู่ที่ประมาณ 80-120€ ต่อคน ไม่รวมค่าที่พัก ขึ้นอยู่กับร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการจะไป

 

 


กินอะไรดีเมื่อไปเยือนสเปน?

วัฒนธรรมการรับประทานทาปาส (Tapas) ที่ประเทศสเปนนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก โดยจะหาร้านทาปาสได้ตามร้านอาหารหรือบาร์ในตัวเมืองทั่วไป อย่าเข้าใจผิดไปว่า “ทาปาส” นั้นคือชื่ออาหาร ความจริงแล้ว “ทาปาส” คือชื่อเรียกอาหารทานเล่นที่เสิร์ฟมาในขนาดเล็ก โดยที่คุณสามารถสั่งทาปาสเมื่อไรก็ได้ และมีตัวเลือกมากมายให้เลือก นอกจากนั้นยังมีอาหารสเปนอีกหลายอย่างที่น่าลอง มาดูกันว่ามีอาหารสเปนจานไหนที่น่าสนใจบ้าง

1) PAELLA: ปาเอยา เป็นอาหารท้องถิ่นของประเทศสเปนที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด สำหรับใครที่ชอบรับประทานซีฟู้ด ปาเอยาซีฟู้ดถือว่าเป็นจานเด็ดที่ต้องลอง แต่ถ้าหากเลือกไม่ได้ระหว่างเนื้อกับซีฟู้ด ก็สามารถสั่งแบบมิกซ์มาได้เลย นอกจากนั้นยังมีจานแปลกอย่างอาร์ร็อสเนเกร (Arroz Negro) หรือปาเอยาซอสหมึกดำที่ทำมาจากหมึกของปลาหมึกยักษ์นั่นเอง ตามร้านอาหารทั่วไปมักจะเสิร์ฟปาเอยาขนาดสำหรับ 2 คนรับประทาน แต่ก็จะมีบางร้านที่เสิร์ฟในขนาด 1 คนรับประทาน ถ้าหากเดินทางคนเดียว ลองเช็คดูให้แน่ใจว่าร้านไหนเสิร์ฟปาเอยาสำหรับ 1 คนบ้าง มิเช่นนั้นจะรับประทานไม่หมดเอา

2) JAMON: เมื่อเดินทางไปตามตลาดสดหรือซุปเปอร์มาเก็ตต่างๆ จะสังเกตุเห็นขาหมูชิ้นโตตั้งอยู่ นั่นก็คือฮามอนนั่นเอง โดยประเทศสเปนเป็นประเทศที่ผลิตฮามอนเยอะที่สุดในโลก และฮามอนที่ดีที่สุดก็คือฮามอน อิเบอริโค (Jamon Iberico) คุณสามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตต่างๆหรือสั่งที่ร้านอาหารเพื่อมาทานเล่นก็ได้ บางประเทศในยุโรปอนุญาตให้นำฮามอนเข้าประเทศได้ แต่ก็มีประเทศที่ไม่อนุญาตให้นำฮามอนเข้าไป อย่างเช่นสหรัฐอเมริกาเป็นต้น เพราะฉะนั้น ลองเช็คข้อมูลดูดีๆก่อนที่จะซื้อกลับบ้าน

3) TORTILLA ESPANOLA: ตอร์ตียาของสเปนนั้น จะมีรูปร่างที่หนากว่าและเนื้อสัมผัสที่หนักกว่า ด้วยไข่ มะเขือเทศ และหัวหอม ถ้าหากใครที่ไม่ต้องการรับประทานตอร์ตียาที่หนักจนเกินไป สามารถสั่งแบบไม่ใส่หัวหอมได้ ชาวสเปนนิยมรับประทานตอร์ตียาเป็นอาหารเช้า

4) PATATAS BRAVAS: ปาตาตัสบราวาส เป็นหนึ่งในเมนูทาปาสยอดนิยม โดยคำว่า “Patata” แปลว่ามันฝรั่ง จึงทำให้เมนูนี้ออกมาเป็นมันฝรั่งฝานเป็นแผ่นบางๆราดด้วยซอสหลากชนิด

5) PULPO: ปุลโปคือปลาหมึกยักษ์ที่นำมาปรุงจนสุก ราดด้วยน้ำมันมะกอก เกลือสมุทร (Sea Salts) และผงปาปริก้า โดยส่วนมากจะเสิร์ฟพร้อมกับมันบดที่ซ่อนตัวอยู่ด้านล่างของปลาหมึก

6) GAMBAS AL AJILLO: กัมบัส อัล อาคิโย่ เป็นอีกหนึ่งเมนูทาปาสที่ต้องลองและมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถ้าไปแล้วไม่ได้รับประทานเรียกว่าไปไม่ถึงประเทศสเปน กุ้งสดตัวโตๆนำไปปรุงให้สุกกับน้ำมันมะกอกและกระเทียม ทั้งหอมและอร่อย

7) CHURROS: ขนมของสเปนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกคือชูโรส หรือที่คนไทยเรียกว่า “ปาท่องโก๋สเปน” ตามท้องถนนจะมีร้านขายชูโรสอยู่ทั่วไป ทั้งชูโรสแบบออริจินัล หรือจะสอดไส้แยมผลไม้ไว้ด้านใน คนท้องถิ่นมักจะชอบรับประทานชูโรสคู่กับช็อกโกแลตร้อน และนำชูโรสลงไปจิ้มเป็นดิป ถ้าหากมีโอกาสผ่านไปผ่านมาที่ร้าน Xurreria ที่แปลว่าร้านขายชูโรส ก็อย่าลืมแวะซื้อรับประทานกันเสียหน่อย จะได้พูดได้ว่ามาถึงประเทศสเปนอย่างเต็มภาคภูมิ

8) PAN CON TOMATE: เป็นจานเรียกน้ำย่อยที่นิยมรับประทานกันในประเทศสเปน โดยคำว่า “Pan con Tomate” แปลว่า “มะเขือเทศบนขนมปัง” โดยบนขนมปังกรอบ จะมีการปาดกระเทียมลงไปก่อนบางๆ ตามด้วยมะเขือเทศ ราดด้วยนำ้มันมะกอกพร้อมโรยเกลือตามเพื่อเพิ่มรสชาติ ร้านอาหารบางร้าน จะเสิร์ฟกระเทียม มะเขือเทศ และขนมปังมาแยกกัน เป็นกิมมิคเล็กๆเพื่อให้มีอะไรทำบนโต๊ะอาหาร

9) CREMA CATALANA: เมื่อเดินไปเที่ยวที่เมืองบาร์เซโลน่า อย่าลืมสั่ง Crema Catalana เป็นขนมหวานปิดท้ายมื้ออาหาร หน้าตาของมันจะคล้ายกับ Creme Brulee ขนมหวานของฝรั่งเศส หากแต่วิธีการเสิร์ฟต่างกัน โดยทางฝรั่งเศสจะเสิร์ฟร้อน แต่ทางสเปนจะเสิร์ฟเย็น Crema Catalana นั้นทำมาจากเลม่อนและซินนามอน มีรสชาติที่หวานและสดชื่น

10) SANGRIA: แซงเกรีย เรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประจำประเทศสเปนเลยก็ว่าได้ แซงเกรียนั้นทำมาจากไวน์แดงที่นำไปผสมกับผลไม้สด เมื่อดื่มเข้าไปจะทำให้สดชื่นและไม่รู้สึกว่ากำลังดื่มแอลกอฮอล์อยู่ นอกจากนั้นแล้วยังมีแซงเกรียที่ทำมาจากไวน์ขาว ไวน์โรเซ และอีกมากมาย

11) CAVA: สำหรับใครที่ไม่ใช่คอไวน์ ลองดื่มคาวา ซึ่งเป็นแชมเปญสไตล์สเปน ดื่มง่าย และไม่หนักจนเกินไป 

 

 

การเดินทางในสเปน

การเดินทางไปยังเมืองต่างๆในประเทศสเปนด้วยรถไฟ ถือว่าเป็นการเดินทางที่สะดวกและราคาถูกที่สุด แต่สำหรับใครที่วางแผนมาเที่ยวประเทศสเปนเป็นเวลานาน บัตร Renfe Spain Pass อาจจะทำให้การท่องเที่ยวของคุณง่ายขึ้น ด้วยเจ้าบัตรนี้ คุณสามารถเดินทางด้วยรถไฟ Renfe เพื่อไปยังจุดหมายปลายทางไหนก็ได้ นอกจากนั้นคุณยังสามารถเข้าพิพิธภัณฑ์ที่ร่วมรายการได้ฟรี และยังมีส่วนลดอื่นๆอีกมากมายที่มากับบัตรใบนี้ มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือคุณไม่สามารถขึ้นรถไฟกลางคืน (Night Train) ได้ บัตร Renfe Spain Pass นี้สามารถปรับแต่งเส้นทางและระยะเวลาได้ตามที่คุณต้องการ ระหว่าง 4, 5, 8 หรือ 10 เส้นทาง ในระยะเวลา 1 เดือน บัตรมีอายุ 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ออกบัตร เพราะฉะนั้น คุณสามารถทำการซื้อบัตรล่วงหน้าได้ก่อนออกเดินทาง แต่ 1 บัตรต่อ 1 คนเท่านั้น ไม่สามารถใช้ร่วมกับผู้อื่นได้

 

1) การเดินทางไปยังเมืองอื่นๆในสเปน

รถไฟ: การเดินทางโดยรถไฟเป็นที่นิยมกันมากที่สุดในประเทศสเปน โดยมีบริษัท Renfe เป็นผู้ให้บริการ รถไฟทำให้การเดินทางไปยังเมืองอื่นๆง่ายดายขึ้นหลายเท่า สำหรับรถไฟกลางคืนหรือ Night Train นั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีตู้นอนให้เพื่อให้ผู้โดยสารพักผ่อนระหว่างการเดินทางที่ยาวนาน คุณสามารถทำการสำรองที่นั่งได้ล่วงหน้าที่เว็บไซต์ www.renfe.com หรือที่สถานีรถไฟก่อนออกเดินทางได้ หากแต่ว่าเว็บไซต์อาจจะมี Error บ้างเล็กน้อย ฉะนั้นถ้าหากพบเห็นว่าเว็บไซต์ Error ก็ไม่ต้องกังวลไป เช็คตารางเวลาแล้วเดินทางมาที่สถานีรถไฟเร็วหน่อยเพื่อเผื่อเวลาซื้อตั๋ว และบางครั้งจะมีเจ้าหน้าที่มาขอตรวจตั๋วรถไฟ และจำต้องแสดงพาสปอร์ตในกรณีที่เป็นนักท่องเที่ยว

รถบัส: ถ้าหากราคารถไฟแพงเกินไปหรือไม่มีรถไฟไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ รถบัสเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สะดวกสบายไม่แพ้กัน โดย Alsa เป็นบริษัทรถบัสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสเปน เข้าไปเช็คราคาแล้วตารางเวลาได้ที่เว็บไซต์ www.alsa.com

 

2) การเดินทางในกรุงบาร์เซโลน่า

ในเมืองบาร์เซโลน่า ขนส่งสาธารณะประกอบไปด้วยเมโทรหรือรถไฟใต้ดิน และรถบัส โดยเมโทรจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลาประมาณตี 5 จนถึงเวลาประมาณเที่ยงคืนในวันธรรมดา ถึงตี 2 ในวันศุกร์ และให้บริการ 24 ชั่วโมงในวันเสาร์ เมโทรจะมีรอบที่ถี่กว่ารถบัส ส่วนรถบัสก็มีอยู่ทั่วเมือง และยังมีรถบัสกลางคืน (Night Bus) ในกรณีที่รถบัสธรรมดาหมดแล้ว ในเมืองบาร์เซโลน่านั้นจะแบ่งเขตการวิ่งของเมโทรออกเป็นโซน และสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ในโซน 1 หรือโซนตัวเมือง

ตั๋ว T-10: T-10 เป็นชื่อเรียกตั๋วรถในบาร์เซโลน่า เป็นตั๋วที่สามารถใช้ได้ถึง 10 ครั้ง ต่อหนึ่งครั้งคุณสามารถเปลี่ยนรถได้ 3 ครั้งภายใน 75 นาที อย่าลืมที่จะ validate ตั๋วก่อนขึ้นรถบัสหรือเมโทร และตั๋วนี้สามารถใช้ได้หลายคน โดยด้านหลังของตั๋วจะแสตมป์วันที่และเวลาเอาไว้เมื่อ validate เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจเช็คหมดเวลาหรือยัง และใช้ไปกี่ครั้งแล้ว

BARCELONA CARD:  สำหรับใครที่วางแผนจะมาเที่ยวที่เมืองบาร์เซโลน่าเป็นเวลานาน และจำเป็นต้องใช้ขนส่งสาธารณะบ่อยๆ บัตร Barcelona Card เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ มีระยะเวลาให้เลือกตั้งแต่ 2 วันไปจนถึง 5 วัน ในระยะเวลานั้นคุณสามารถเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะไม่ว่าจะเป็นเมโทร รถบัส รถแทรมโบราณ รถไฟภายในเมืองบาร์เซโลน่า และรถไฟจากตัวเมืองไปยังสนามบินได้โดยไม่จำกัดครั้งและเวลา เวลาจะเริ่มนับเมื่อครั้งแรกที่คุณทำการ validate บัตรใบนี้ โดยตั๋วจะนับจากชั่วโมงและนาทีที่ validate ตั๋ว ไม่ได้นับเป็นวัน สามารถซื้อบัตรล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์ www.holabarcelona.com หลังจากนั้นคุณจะได้รับ voucher ผ่านอีเมล เพื่อนำไปรับบัตร Barcelona Card ได้ที่สถานีเมโทรในเมืองบาร์เซโลน่า

 

การเดินทางจากสนามบินบาร์เซโลน่าไปยังใจกลางเมือง

รถบัสสนามบิน: รถบัสจากสนามบินจะมาทุกๆ 5-10 นาทีจาก Terminal 1 และทุกๆ 10-20 นาทีจาก Terminal 2 รถบัสจากสถามบินจะมาจอดที่พลาซ่า Plaza Catalunya ใจกลางเมืองบาร์เซโลน่า บนรถบัสมีสัญญาณ Wi-Fi ฟรีให้บริการ ราคาอยู่ที่เที่ยวละ 5.90€ และราคาไป-กลับอยู่ที่ 10.20€ โดยคุณสามารถซื้อตั๋วไปกลับเอาไว้ล่วงหน้าได้โดยจะต้องใช้ภายใน 15 วัน

รถไฟ: จาก Terminal 1 สามารถนั่ง Airport Shuttle Bus ฟรีเพื่อไปยัง Terminal 2 (สถานี T2-B Station) หรือจาก Terminal 2 ก็เดินตามสัญลักษณ์รถไฟ Renfe เพื่อนั่งรถไฟเข้าไปยังตัวเมืองบาร์เซโลน่า รถไฟจะไปจอดที่สถานี Sants หรือ Passeig de Gracia ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที 

รถบัสสาย 46: การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองที่ถูกที่สุดก็เห็นจะเป็นรถบัสสาย 46 นี้ เที่ยวละ 2.15€ สามารถใช้ตั๋ว T-10 ได้ รถบัสออกจาก Terminal 1 และจอดที่ Terminal 2 และ Plaza Espagna รถบัสจะจอดตามป้ายเรื่อยๆ ตรวจเช็คข้อมูลให้ดีก่อนออกเดินทาง

 

 

3) การเดินทางในกรุงมาดริด

ที่มาดริดจะมีทั้งเมโทร รถบัส และแทรม สามารถใช้ได้ทั้งตั๋วเที่ยวเดียวหรือตั๋ว 10 เที่ยว โดยตั๋ว 10 เที่ยวจะมีราคาต่อเที่ยวที่ถูกกว่า และสามารถใช้ได้ด้วยกัน

สำหรับเมโทรในมาดริดจะแบ่งออกเป็นโซน โดยสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะอยู่ในโซน A ซึ่งสามารถใช้ตั๋วในราคาธรรมดาได้ ในมาดริดมีสถานีเมโทรอยู่กว่า 250 สถานีและมีเมโทรทั้งหมด 12 สาย ฉะนั้นตรวจสอบเส้นทางให้ดีก่อนออกเดินทาง หรือดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นหรือเข้าเว็บไซต์ Citymapper เพื่อตรวจสอบเส้นทาง อย่าลืม validate ตั๋วทุกครั้งที่เดินทาง

นอกจากเมโทรแล้ว รถบัสเองก็มีหลายสายเช่นกัน สังเกตุอักษรด้านหน้า ถ้าหากมีตัวอักษร “N” อยู่ด้านหน้าตัวเลขรถบัส นั่นหมายความว่ารถบัสสายนั้นคือรถบัสกลางคืน (Night Bus)

DAY PASS: บัตร Day Pass มีระยะเวลาตั้งแต่ 1-3 วัน สำหรับใครที่คิดว่าจะต้องเดินทางบ่อยๆในตัวเมือง ราคา 1 Day Pass อยู่ที่ 8.40€

MADRID CARD: บัตร Madrid Card ไม่เพียงแต่ให้คุณใช้บริการขนส่งสาธารณะได้ฟรีและไม่จำกัดรอบ แต่คุณยังสามารถใช้บริการรถบัส City Tour และเข้าพิพิธภัณฑ์ได้หลากหลายที่ บัตร Madrid Card มีให้เลือกทั้งหมด 3 ระยะเวลาคือ 24 ชั่วโมง, 48 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมง ลองวางแผนการเดินทางและคำนวนดูว่าระหว่างตั๋วอื่นๆและบัตร Madrid Card อันไหนจะคุ้มกว่ากัน

 

การเดินทางจากสนามบินมาดริดไปยังใจกลางเมือง

รถบัสสนามบิน: รถบัสจากสนามบินเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน จอดทุกๆ Terminal ยกเว้น Terminal 3 เลือกลงที่สถานี Atocha หรือ Cybele ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้กับตัวเมืองมากที่สุด รถบัสจะมาทุกๆ 15-20 นาที และวิ่งน้อยลงหลังเที่ยงคืน จากสนามบินไปยังตัวเมืองใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคา 5€ ต่อเที่ยว

รถไฟ: รถไฟวิ่งจาก Terminal 4 ราคา 2.60€ ต่อเที่ยว ไป-กลับที่ 5.20€ รถไฟจะมาทุกๆ 30 นาที หากแต่ว่ารถ Shuttle Bus ที่รับผู้โดยสารจาก Terminal อื่นๆมายัง Terminal 4 มีไม่มากนัก เพราะฉะนั้นเชคตารางเวลารถ Shuttle Bus และรถไฟดีๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการรอรถ โดยจากสนามบินไปยังตัวเมืองใช้เวลาประมาณ 30 นาที

เมโทร: เดินตามสัญลักษณ์ “METRO” ไปตาม Terminal ต่างๆ ก็จะพบกับสถานีเมโทร ตั๋วเมโทรสามารถซื้อได้จากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ สำหรับใครที่ต้องการเปลี่ยนที่ไปยังสาย Cercanias จะไม่สามารถทำได้ด้วยตั๋วเมโทรธรรมดา เพราะสายนี้คือรถไฟ Renfe คุณจำเป็นต้องซื้อตั๋วใหม่อีกใบหนึ่ง ตรวจสอบจุดหมายปลายทางให้ดีก่อนออกเดินทาง

 

 

 

ตั๋ว บัตรเดินทาง และส่วนลดต่างๆในสเปน

สำหรับนักเรียนที่เดินทางท่องเที่ยว อย่าลืมถือบัตรนักเรียนแบบ International Student Card ติดตัวมาด้วย เพราะที่นี่มีส่วนลดหลากหลายสำหรับผู้ที่ถือบัตรนักเรียน สอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับส่วนลดสำหรับนักเรียนได้ก่อนทำการซื้อตั๋ว

ประเทศสเปนมีชื่อเสียงโด่งดังมาจากสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและพิพิธภัณฑ์หลากหลาย จึงทำให้ค่าเข้าตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆนั้นค่อนข้างมีราคาสูง จึงมีบัตร Travel Pass ต่างๆที่ทำออกมาสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หากแต่ว่าก็ยังมีหลายสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ได้เข้าร่วมรายการ จำเป็นต้องซื้อตั๋วแยก

บัตร Barcelona Museum Pass อำนวยความสะดวกให้คุณสามารถเข้าพิพิธภัณฑ์ได้ถึง 6 แห่ง ทั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Catalunya, พิพิธภัณฑ์ Joan-Miro (Joan-Miro foundation) และพิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ่ (Picasso Museum) เป็นต้น

ในส่วนของบัตร Madrid Card รวมทั้งขนส่งสาธารณะและพิพิธภัณฑ์เข้าด้วยกัน มีระยะเวลาให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น 24 ชั่วโมง, 48 ชั่วโมง หรือ 72 ชั่วโมง โดยบัตร 24 ชั่วโมงราคาจะอยู่ที่ 47€

และส่วนมากตามสถานที่ท่องเที่ยวมักจะมีนักท่องเที่ยวมาต่อคิวเพื่อรอซื้อตั๋วกันมากมาย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในต่อคิว แนะนำว่าควรซื้อตั๋วมาล่วงหน้า นอกจากจะช่วยประหยัดเวลาแล้วยังมีราคาถูกกว่าซื้อตั๋วหน้างานอีกด้วย

 

 

 

สกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยนในสเปน

ประเทศสเปนใช้สกุลเงินเดียวกันกับประเทศอื่นๆในยุโรป นั่นก็คือ EUR (€) หรือยูโร นับว่าค่อนข้างสะดวกสบายเลยทีเดียว เพราะไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงินให้ยุ่งยากเมื่อต้องเดินทางท่องเที่ยวต่อไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป ร้านอาหารบางร้านในประเทศสเปนรับเฉพาะบัตรเครดิต/เดบิตเท่านั้น เพราะฉะนั้นอย่าลืมเตรียมบัตรเครดิต/เดบิตไว้ให้พร้อมด้วย

 

 

ของที่ระลึกน่าซื้อจากสเปน

1) ESPADRILLES: เอสปาดริลเป็นรองเท้าที่ผู้คนนิยมใส่กันมากในประเทศสเปน โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ร้านค้าที่ขายรองเท้า Espadrilles ที่เก่าแก่ที่สุดในสเปนคือ Casa Hernanz ที่กรุงมาดริด เปิดครั้งแรกเมื่อปี 1840 และยังมีร้าน La Manual Alpargatera ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้กัน อยู่ที่เมืองบาร์เซโลน่า

2) JAMON: ฮามอนหรือแฮมที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสเปน สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามตลาดสดหรือซุปเปอร์มาเก็ต ถ้าหากคุณต้องการเดินทางต่อไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป ตรวจสอบข้อมูลให้แน่ใจก่อนว่าสามารถนำฮามอนเข้าประเทศได้ มิเช่นนั้นอาจจะโดนเจ้าหน้าที่สั่งให้ทิ้งได้

3) SANGRIA: แซงเกรียเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชื่อดังจากประเทศสเปนที่ต้องลอง เพื่อเป็นการเก็บเอาบรรยากาศที่ประเทศสเปนกลับมาบ้าน ซื้อแซงเกรียติดไม้ติดมือกลับมา แล้วนำมาดื่มเมื่อยามคิดถึงประเทศสเปน

4) CAVA: แต่สำหรับใครที่ชอบเครื่องดื่ม sparkling อาจจะชอบคาวามากกว่า สามารถซื้อกลับมาเป็นของที่ระลึกได้เช่นกัน

5) OLIVE OIL: น้ำมันมะกอกจากประเทศสเปนได้รับการยอมรับว่าเป็นน้ำมันมะกอกที่ดีที่สุดในโลก โดยมีความเป็นมากว่า 3,000 ปีที่แล้ว เริ่มต้นที่เมืองอันดาลูเซีย (Andalusia) และหลังจากนั้นก็ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศและทั่วโลก ด้วยความที่ประเทศสเปนนั้นมีภูมิประเทศที่ค่อนข้างแห้งและอุ่น เหมาะสำหรับการปลูกต้นมะกอกเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนำ้มันมะกอกธรรมดาแล้ว ยังมีนำ้มันมะกอกทรัฟเฟิล และอีกมากมายทั้งน้ำมันมะกอกสำหรับประกอบอาหาร และเครื่องสำอาง อาหารอีกเพียบที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอก

6) HONEY CAMOMILE TEA: ชาน้ำผึ้งและดอกคาโมมายล์ หรือ Manzanilla con Miel ในภาษาสเปน เป็นหนึ่งในของที่ระลึกที่เป็นที่นิยมกันมาก อีกทั้งยังมีราคาที่ถูก ร้านขายชาเหล่านี้มีอยู่มากมายตามตัวเมือง หากแต่ Hornimans เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด

7) PAELLA KIT: ปาเอยา อาหารท้องถิ่นยอดฮิต ใครที่กลัวว่ากลับไทยจะหารับประทานไม่ได้ ลองซื้อชุดทำปาเอยากลับบ้านไปทำเองสัก 2-3 ชุด เมื่อไรที่คิดถึงก็หยิบขึ้นมาทำ ส่วนใหญ่แล้วในเซ็ตจะประกอบไปด้วยข้าวและซอส แต่บางเซ็ตนั้นจะมีกระทะปาเอยามาให้ด้วย

8) TURRON: เป็นขนมที่ไม่ซื้อกลับไปไม่ได้เด็ดขาด โดยในแต่ละเมืองของสเปนจะมี Turron ที่แตกต่างกันออกไป ปกติแล้วขนมนี้จะทำมาจากน้ำผึ้ง ไข่ น้ำตาล และถั่ว ให้รสชาติที่กลมกล่อมไม่หวานจนเกินไป มีตั้งแต่แบบแข็งไปจนถึงแบบนิ่ม ชอบรับประทานแบบไหนก็ไปหาซื้อได้เลยตามซุปเปอร์มาเก็ต

9) HAND MADE SOAPS: ที่เมืองบาร์เซโลน่า มีร้าน Sabater Hnos ที่เป็นร้านทำสบู่แฮนด์เมดชื่อดัง ซึ่งมีเพียง 5 สาขาทั่วโลกเท่านั้น ที่นี่มีการทำสบู่หลากหลายชนิด ทั้งขนาด กลิ่น และรูปร่าง ทำให้เกิดความสนุกสนานในการเลือกซื้อ

10) SOCCER CLUB SOUVENIRS: ที่ขาดไม่ได้ก็เห็นจะเป็นของที่ระลึกจากทีมฟุตบอลชื่อดังจากประเทศสเปนอย่าง Real Madrid และ FC Barcelona แน่นอนว่าตามตัวเมืองจะมีร้านขายของของทีมฟุตบอลเหล่านี้เต็มไปหมด มีทั้งปากกา พวงกุญแจ ชุดบอล กระเป๋า เสื้อแจ็คเก็ตและอีกมากมาย

11) FASHION ITEMS: แบรนด์เนมที่มีต้นกำเนิดจากประเทศสเปนนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Balenciaga, Camper, Mango, Zara, Massimo Dutti และ Desigual คุณสามารถเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมเหล่านี้ได้ในราคาที่ถูกกว่าประเทศอื่นๆ อย่างเช่น Zara และ Mango เป็นต้น 

  

 

 

การขอคืนภาษี (TAX REFUND) จากสเปน

คุณสามารถทำการขอ Tax Refund หรือการคืนภาษีได้จากหลากหลายแบรนด์และแหล่งช้อปปิ้ง ไม่ว่าจะเป็น Zara, Mango, Desigual หรือ Massimo Dutti เป็นต้น บอกได้เลยว่าประเทศสเปนเป็นประเทศที่ช้อปปิ้งสนุกมาก

ถ้าหากคุณต้องการทำ Tax Refund ที่ประเทศสเปน คุณจะต้องไม่ถือสัญชาติยุโรปหรือเป็นผู้พำนักอาศัยในทวีปยุโรป (European Residents) และสินค้าจะต้องยังไม่ถูกเปิดและถูกใช้งาน คุณจะต้องเดินทางออกจากประเทศสเปนภายในเวลา 3 เดือน และจะต้องซื้อสินค้ามูลค่ารวม 90.15€ ขึ้นไปเพื่อที่จะทำการขอ Tax Refund ได้ ที่ประเทศสเปนมีข้อดีอย่างหนึ่งคือ คุณสามารถนำใบเสร็จจากแบรนด์เดียวกันมารวมกันได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ซื้อในวันที่และสาขาเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่นคุณซื้อ Zara มูลค่า 50€ เมื่อวานที่กรุงมาดริด และซื้อเพิ่มจากสาขาบาร์เซโลน่าเพิ่มอีก 45€ ในวันนี้ นั่นแปลว่าคุณสามารถนำ 2 ใบเสร็จมารวมกันได้ออกมาเป็นมูลค่า 95€ เพื่อนำไปขอ Tax Refund

เมื่อทำการขอ Tax Refund จากร้านค้าที่เข้าร่วมรายการคุณจะได้รับแบบฟอร์มประกอบการขอ Tax Refund กรอกรายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชื่อ อีเมล รหัสไปรษณีย์ และเบอร์โทรศัพท์ให้ครบถ้วน เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาในการกรอกข้อมูลที่สนามบิน

ถ้าหากประเทศสเปนเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของคุณในทวีปยุโรปก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย สามารถขอ Tax Refund ได้เลยที่สนามบินประเทศสเปน แต่ถ้าหากว่าคุณจะเดินทางต่อไปประเทศอื่นๆในยุโรป คุณจะต้องไปขอ Tax Refund ที่ประเทศสุดท้ายที่คุณเดินทางไปก่อนที่จะกลับประเทศไทย แต่ถ้าหากคุณแค่จะต้องไปเปลี่ยนเครื่องบินที่ประเทศอื่นๆในยุโรปเพื่อเดินทางกลับ สามารถขอ Tax Refund ที่ประเทศสเปนได้เลย

บริษัทที่ให้บริการขอ Tax Refund ที่ประเทศสเปนนั้นมีอยู่ 2 บริษัทคือ Global Blue และ Global Exchange ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเป็นของบริษัทไหนแล้วจึงนำเอกสารไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่หรือหย่อนตู้ ในกรณีที่มีอยู่เคาน์เตอร์เดียวที่สนามบิน คุณสามารถทำที่นั่นที่เดียวได้เลย 

สามารถเลือกได้ว่าต้องการรับเงินคืนแบบเงินสดหรือคืนในบัตร โดยถ้าต้องการเงินสดจะต้องแสดงแบบฟอร์มต่อเจ้าหน้าที่ และถ้าหากต้องการเงินคืนในบัตร จะต้องนำแบบฟอร์มไปหย่อนตู้เท่านั้น

 

 

 

มารยาทเบื้องต้นและการให้ทิปในสเปน

ที่ประเทศสเปนไม่มีธรรมเนียมการให้ทิปในร้านอาหาร หากแต่ว่าค่าบริการนั้นได้รวมไปแล้วในบิล อย่างไรก็ตาม คนท้องถิ่นยังมีการให้ทิปอยู่บ้างตามโอกาสและความเหมาะสม

 

 

เคล็ดลับในการท่องเที่ยวสเปน

ปัจจุบันนี้ ได้มีความตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่างประเทศสเปนและแคว้นกาตาลุญญา (Catalonia) ของสเปน โดยชาวท้องถิ่นมักจะแนะนำตัวเองว่าเป็นคนกาตาลุญญา แทนที่จะบอกว่าตนเองเป็นคนสเปน อีกทั้งยังมีภาษากาตาลา (Catalan) เป็นของตนเองอีกด้วย เมื่อไรก็ตามที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่กาตาลุญญา รวมไปถึงเมืองบาร์เซโลน่า จะสังเกตุเห็นได้ว่ามีธงกาตาลุญญาประดับอยู่ทั่วไป และเมื่อถึงถึงเวลาที่มีการแข่งขันฟุตบอลเกิดขึ้น ชาวกาตาลุญญาก็จะแสดงความเป็นกาตาลุญญามากยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นข้อควรระวังที่ถ้าหากว่าคุณเป็นแฟนทีม Real Madrid และต้องการใส่ชุดบอลเดินในเมืองบาร์เซโลน่า คุณอาจจะพบเจอกับเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้คุณอับอายก็เป็นได้

หลายๆประเทศที่อยู่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จะมีชื่อเรียกการงีบหลับช่วงกลางวันว่า “Siesta” โดยร้านอาหาร ร้านค้า ซุปเปอร์มาเก็ต และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อาจจะมีการปิดทำการในช่วงเวลา Siesta ขึ้นอยู่กับสถานที่ เพราะฉะนั้น ตรวจสอบเวลาทำการให้ดีและหลีกเลี่ยงที่จะเดินทางไปในช่วงเบรคระหว่างวัน

คนท้องถิ่นมักจะเริ่มรับประทานอาหารเย็นตอน 20:00 และร้านอาหารส่วนใหญ่ก็จะเริ่มวุ่นวายตั้งแต่ 20:00 เป็นต้นไป สำหรับใครที่คิดว่าจะไปนั่งดินเนอร์ในบรรยากาศสบายๆที่ร้านอาหารชื่อดังของเมืองนั้นๆ แนะนำว่าควรไปก่อน 20:00 เพื่อหลีกเลี่ยงคนเยอะและวุ่นวาย

อาหารท้องถิ่นของสเปนมักจะมีรสชาติออกไปทางเค็ม สำหรับใครที่ไม่ค่อยทานอาหารเค็ม ให้ท่องคำว่า “sin sal por favor” เอาไว้ให้ขึ้นใจ เพื่อที่จะเอาไว้บอกกับพนักงานได้ว่า ไม่ต้องการใส่เกลือในอาหารจานที่คุณสั่ง

ในช่วงอาหารกลางวัน ลองรับประทาน Menu del Dia ตามร้านอาหารต่างๆ ซึ่งเป็น Menu of the Day ที่จะเสิร์ฟทั้งจานเรียกน้ำย่อย จานหลัก และขนมหวาน ในราคาที่ถูก

ตามเมืองใหญ่ในประเทศสเปน มักจะมีมหาวิหาร (Cathedrale) และพระราชวัง (Alcazar) ประจำเมืองตั้งอยู่ ประเทศสเปนั้นไม่มีศาสนาประจำชาติ หากแต่ว่าจะเห็นได้ว่ามีโบสถ์คาทอลิคอยู่เต็มไปหมด นั่นก็คือ Cathedrale นั่นเอง ส่วน Alcazar นั้นแปลพระราชวังหรือป้อมปราการในภาษาอารบิค ส่วนมากจะตั้งอยู่บนเนินเขาสูง เป็นจุดชมวิวเมืองที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้

การที่จะเที่ยวให้สนุกคือการที่ได้รับรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีตของสถานที่นั้นๆ ตัวช่วยอย่าง Audio Guide จะช่วยให้ข้อมูลได้เป็นอย่างดี ตามพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

 

[Update] Former Spanish Colonies of the World | ประเทศ spain – NATAVIGUIDES

Like other superpower nations in history, Spain once traveled the oceans looking for countries to occupy and control in the name of wealth, prosperity, and world domination. During the 15th and 16th centuries, Spain led Europe as a global explorer and a colonial force expanding its power worldwide, beginning with Christopher Columbus’ voyage to the Americas in 1492. From this time up until the early 19th century, this nation held colonies in Europe, the Americas, Asia, and Africa. These were geographic locations with bountiful natural resources and strategic ports on popular trade routes.

To this day, Spain still holds territories abroad in places like Ceuta and Melilla in North Africa, but many of its previous colonies have been lost in the wars of history. In fact, Spain held 35 colonies at various points in history, exacting its power so widely it was called “the empire on which the sun never sets,” an expression that also began to be used in reference to Great Britain when the latter’s prominence overcame Spain’s.

Christopher Columbus by Sebastiano del Piombo, 1519. Image credit: Everett Collection/Shutterstock

Many of Spain’s former colonies still use Spanish as an official language to this day with numerous different Spanish dialects spoken around the world, but this is not true of all former colonies. Jamaica, the Philippines, Belize and Trinidad and Tobago are former colonies where Spanish is not an official language.

What were some of Spain’s most prominent colonies, and how did it lose them? Here is a quick look. 

Mexico

Mexico is now a thriving country in North America with its own culture, cuisine, music, and flare. The nation was once dominated by Indigenous groups including the Mayans, the Aztecs, and the Toltecs at various points in history before Columbus arrived on the continent. This ended when Hernán Cortés, a Spanish conquistador, conquered the Aztec empire in 1521 and claimed Mexico for Spain. Spain’s rule lasted for centuries and Mexico did not regain its independence until the nation’s people won the Mexican War of Independence in 1821. 

The imprint of Spain has been long-lasting in Mexico. While the presence of Indigenous cultures can be felt, the people speak Spanish as a dominant language, and the majority have now adopted the European religion of Catholicism. Spanish architecture is also widespread throughout the country. Spanish culture and those of the area’s Indigenous populations have become intertwined in a tight bond. 

California 

Before the US was settled by the British, many parts including California, Florida, and New Mexico were once occupied by Spain. The first Europeans to come to California after the Indigenous Americans had already been there for thousands of years was Juan Rodriguez Cabrillo and his crew. This group arrived at San Diego Bay on September 28, 1542, and named the land “Alta California.” The first permanent European settlement was not established until quite later, when the Presidio at San Diego was created by Spain more than two hundred years later, in 1769. This governance didn’t last for long, however. In 1821 Mexico gained its independence from Spain and Alta California was then no longer a Spanish colony but rather became a Mexican province. 

At this time, ranchers and trappers began filling this new territory. In June 1846, conflict arose when American settlers decided to occupy Sonoma Plaza, and raise the bear flag. They declared it to be the Republic of California, starting the Bear Flag Revolt. Within a month, the US occupied the new republic, thus ending the revolt. A couple of years later in 1848 gold was discovered in California and Americans rushed to claim it. In 1850, California became a US state. 

The California State flag draws its inspiration fro the flag raised during the Bear Flag Revolt in 1846. Image credit: Millenius/Shutterstock

The Philippines  

Spain colonized the Philippines in the late 1500s. Located in Southeast Asia as an island archipelago, the nation was seen as a good stopping spot on route to the riches of East Asia, and a boon to Spain’s role in the spice trade. This colonization lasted for three hundred years up until 1898 when Filipino rebels along with US troops fought off the Spanish, and declared the Philippines to be an independent nation. Unfortunately, this freedom did not last for long and the Americans took over, sneakily annexing the Philippines while devising a peace treaty with Spain. The Philippines gained their independence from the US in 1946 and is now a sovereign nation. 

History is full of the chase for power and riches. Spain, alongside Portugal, France, the Dutch Republic, and England spread their dominance and culture throughout the world traveling by sea during the period of modern western colonization. The effects of Spain’s influence can be seen throughout the world today in architecture, culture, and the people that live in its former colonies. Mexico, California, and the Philippines are just a few examples, as Spain colonized most of the Americas prolifically, and parts of Africa and Europe. By visiting Central and South America, it is easy to see how strong Spain’s cultural influence has been. Hundreds of years after their rule, the presence of the Spanish is still felt worldwide. 


PHÁP: ĐẤT NƯỚC QUYẾN RŨ NHẤT THẾ GIỚI


BlvHaiThanh BLVHảiThanh BLVhaiThanhStory Pháp Paris
PHÁP: ĐẤT NƯỚC QUYẾN RŨ NHẤT THẾ GIỚI
Đăng ký kênh tại đây các bạn nhé!
https://bit.ly/blvhaithanh
France NướcHoaPháp QuyếnRũ ĐấtNướcQuyếnRũ NướcHoa ThếGioi ĐịaLý QuốcGia VănHòa LịchSửViệtNam ChiếnTranhViệtNam ViệtNam ĐếQuốcMỹ Dântộc ViệtNam VănHóa DuLịch VănHóaViệtNam LịchSửViệtNam QuốcGia LịchSửQuốcGia VietNam LichSuVietNam KỷLục XemGìHômNay Thếgiớiquanhta

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

PHÁP: ĐẤT NƯỚC QUYẾN RŨ NHẤT THẾ GIỚI

CULTURE SHOCK สเปน (กินข้าวเที่ยงตอนบ่าย3 ,ปิดร้านเพื่อนอนกลางวัน ,โสเภณีสวยมากกก ….


CULTURE SHOCK เรื่องน่าตกใจ เรื่องมหัศจรรย์ในประเทศสเปน
🌟🌟Contact for review or commercial issues (สนใจให้รีวิวสินค้าหรือลง โฆษณา) :
Email: [email protected]
My Instragram: pakboong_france
My Facebook : ผักบุ้ง สะดุ้งน้ำเย็น pakboong
https://www.facebook.com/pakboongfrance
ขอบคุณที่เมตตากันค่ะ 🙏🏻

CULTURE SHOCK สเปน (กินข้าวเที่ยงตอนบ่าย3 ,ปิดร้านเพื่อนอนกลางวัน ,โสเภณีสวยมากกก ....

Top 8 Đất Nước Nghèo Nhất Châu Âu


psmh nuocngheo
Top 8 Đất Nước Nghèo Nhất Châu Âu
Để so sánh nước nào giàu hay nghèo chúng ta dựa vào thu nhập bình quân đầu người nhé. Kinh tế châu Âu là nền kinh tế của hơn 740 triệu người sống trong 44 quốc gia khác nhau ở châu Âu. Giống như các lục địa khác, sự giàu có của các quốc gia châu Âu không đều nhau, có thể nhìn thấy rõ nét sự chênh lệch này giữa các nước Đông Âu và Tây Âu. Trong khi các quốc gia Tây Âu có GDP và mức sống cao thì nhiều nền kinh tế Đông Âu vẫn bị ảnh hưởng từ cuộc khủng hoảng của Liên Xô và nam tư trước đây. Có những quốc gia khá nổi tiếng, khá phát triển về ngành du lịch nhưng lại nằm trong danh sách những nước nghèo nhất châu Âu khiến nhiều người không khỏi bất ngờ. Tuy nhiên, nghèo nhất châu âu cũng bằng hoặc hơn các nước trung bình ở châu á hay châu phi nhé các bạn
Fan page của kênh : https://www.facebook.com/vouucac/
Các bạn có thể ủng hộ cho kênh qua STK Agribank: 8410215037593 hoặc Momo 0948300556. xin trân trọng cảm ơn
Lưu ý: PSMH không sở hữu tất cả tư liệu được sử dụng trong video này. Một số tư liệu được sử dụng trong video thuộc về các chủ sở hữu đáng kính.
Mọi thắc mắc về bản quyền, tài trợ, quảng cáo, cộng tác vui lòng liên hệ email: [email protected]
We do NOT own all the materials as well as footages used in this video. Please contact [email protected] for copyright matters!
Cảm ơn các bạn đã theo dõi video. Hãy đăng ký kênh để theo dõi nhé

Top 8 Đất Nước Nghèo Nhất Châu Âu

Nước Ý nơi đáng đi nhất Châu Âu \u0026 những giá trị văn hóa


Cùng Fahoka đến những thành phố di sản của nước Ý để biết nhiều thông tin và kinh nghiệm hay.
🇮🇹 GIÁ TOUR DÀNH CHO 1 KHÁCH 57,990,000đ tại chiakhoadulich.com
💢https://www.facebook.com/fahokaxedich/
💢Instagram: https://www.instagram.com/lovetriper/
💢Thông tin chi tiết chuyến đi, xin mời đọc: http://www.fahoka.com
💌Email: [email protected]
Nhớ ủng hộ kênh bằng cách đăng ký để du lịch khắp thế gian nhé!

If you are not pleasant of some sound \u0026 image in the video, pls contact me I will consider to edit or remove. Thank you!

Nước Ý nơi đáng đi nhất Châu Âu \u0026 những giá trị văn hóa

ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะร้าง 1 วัน!! (เกาะขายหัวเราะ)


ถ้าถามว่าใช้ชีวิตลำบากไหม บอกเลยว่าสุดๆ ตอนกลางน้ำขึ้นเก๋ไม่สามารถไปที่เกาะได้เลยเพราะว่า คลื่นแรงมาก ใครอยากจะใช้ชีวิตบนเกาะขายหัวเราะต้องเตรียมร่างกายให้ดี และ พลังใจต้องดีด้วย ไม่งั้นไปอยู่ไม่ได้นะ 5555555555
ติดตามเก๋และไปร์ทได้ที่
เก๋
FB : https://www.facebook.com/kaykai.overyes
IG : kaykai_ntch
ไปร์ท
FB :https://www.facebook.com/prite.netijen
IG : netijenn
ซุง
FB:https://www.facebook.com/starwinn?fre…
IG: sungstarwin
เต้
IG:lataecnp
สาม
IG:Sam_dangwichai
คุณครู Erin
IG:etjoslin

สนใจสนับสนุนช่อง/sponsor
ส่งเมล์มาที่ : [email protected]

ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะร้าง 1 วัน!! (เกาะขายหัวเราะ)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ประเทศ spain

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *