Skip to content
Home » [NEW] บอกไม่รู้เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีแค่ I don’t know นะ! | ถ้าบอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่ – NATAVIGUIDES

[NEW] บอกไม่รู้เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีแค่ I don’t know นะ! | ถ้าบอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่ – NATAVIGUIDES

ถ้าบอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่: คุณกำลังดูกระทู้

“I don’t know” เบื่อไหมกับคำๆนี้… ไม่ว่าใครจะพูดอะไรมา ถ้าไม่รู้ฉันขอตอบ I don’t know ไว้ก่อนแหละ แต่รู้รึเปล่าว่าจริงๆแล้วในภาษาอังกฤษ มีคำอีกมากมายหลายที่สามารถใช้แทน I don’t know ได้

ถ้าอยากเป็นคนที่ดูชิคๆเก๋ๆ ลองไปเรียนรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษ 15 คำที่สามารถใช้แทนคำว่า “ฉันไม่รู้” ได้ คราวนี้เวลาใครถามอะไรมาแต่เราไม่รู้คำตอบ จะได้มีคำเจ๋งๆไปตอบเขาได้ยังไงล่ะ

15-ways-to-say-I-don't-know

1. Who knows?

ใครจะไปรู้ล่ะ ใช้ตอบแบบไม่ค่อยแคร์คู่สนทนาสักเท่าไรนัก

Example
A: How long does it take to get to Georgia? (ถ้าจะไปจอเจียร์นี่ต้องใช้เวลาเท่าไรเหรอ)
B: Who knows? (ใครจะไปรู้ล่ะ!)

นอกจากนั้นฝรั่งยังใช้ Who knows? ในความหมายว่า ไม่แน่,บางที,อาจจะ เช่น

Calvin and Taylor have been a couple for two years. Who knows, they might get married soon. (คาลวินกับเทเลอร์คยกันมาสองปีแล้ว บางทีเขาอาจแต่งงานกันในเร็วๆ นี้ก็ได้นะ)

2. I couldn’t tell you

ฉันบอกคุณไม่ได้หรอก ไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวเหล่านั้นเป็นความลับที่ไม่สามารถบอกใครๆได้ แต่หมายความว่าเราเองก็ไม่รู้คำตอบเหมือนกัน ก็เลยไม่สามารถจะตอบคำถามนั้นๆได้

Example
A: Is there a pharmacy near here? (แถวนี้มีร้านขายยามั้ย?)
B: I couldn’t tell you. This is the first time I came here. (ฉันตอบคุณไม่ได้หรอก เพราะฉันก็เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรกเหมือนกัน)

3. Who can say?

แปลว่า “ใครจะไปรู้” “ใครจะไปตอบได้” ใช้กับคนกันเอง หรือระหว่างเพื่อนกับเพื่อน

Example
A : What’s happening here? (เกิดอะไรขึ้นเนี่ย)
B : Who can say? Why don’t you ask someone else instead? (ใครจะไปรู้ล่ะ ลองถามคนแถวนี้ดูสิ)

4. Beats me!

นี่ก็แปลว่าไม่รู้เหมือนกัน แต่ได้ยินคำว่า beats (ตี,ชก) แล้วอย่าคิดว่าคนพูดต้องการให้คุณซ้อมเขาหรือทุบตีเขาล่ะ คำพูดสั้นๆนี้เป็นคำที่ใช้บ่อยมากในหมู่เจ้าของภาษาเมื่อพวกเขาสับสน, งุนงง, หรือ ไม่เข้าใจอะไรบางสิ่ง มักใช้ในความหมายประมาณว่า “ไม่รู้เหมือนกัน”

Example
It beats me how he could survive alone in the mountain for 3 months. (ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารอดชีวิตในหุบเขามาได้ไงตั้ง 3 เดือน)

5. I’m not sure

ฉันไม่แน่ใจ คำนี้หลายๆคนน่าจะใช้บ่อยกันจนเคยชินแล้ว

Example
A: What are you going to do tomorrow? (วันพรุ่งนี้คุณมีแผนจะทำอะไรบ้าง)
B: I’m not sure. (ฉันก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน)

6. I’m not certain

มีความหมายเช่นเดียวกับ I’m not sure คือ “ไม่แน่ใจ” ใช้ในกรณีที่ผู้พูดสามารถให้คำตอบได้ แต่ก็ไม่รับรองว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

Example
A: I’m not certain we can trust this man. ฉันไม่แน่ใจนะว่าเราจะไว้ใจผู้ชายคนนี้ได้รึเปล่า

7. How should I know?

ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ ใช้ในนัยยะคล้ายๆกับคำว่า… “แล้วฉันจำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอ” ซึ่งให้อารมณ์ในแง่ลบต่อคนฟัง หรือตอบแบบคนตอบไม่ค่อยเต็มใจจะพูดถึงเรื่องนั้นสักเท่าไรนัก

Example
A: Who do you think will win? (เธอคิดว่าใครจะชนะ)
B: How should I know? (ฉันจะไปรู้เหรอ!)

8. Not as far as I know

แปลเป็นภาษาบ้านๆว่า เท่าที่รู้ก็ไม่นะ

Example
A: Have you ever been to Australia? (นายเคยไปออสเตรเลียยังอะ)
B: Not that I know of… (เท่าที่ฉันรู้ก็คิดว่ายังไม่เคยนะ)

จริงๆการใช้คำนี้ ก็ไม่เชิงว่า “ไม่รู้เลย” จริงๆ คำนี้มีความหมายในเชิงที่คนตอบเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจสักเท่าไร แต่เท่าที่เดาหรือคิดเอาเองในตอนนั้น คำตอบคือ ไม่…นะ

9. I’m not sure I’m the best person to answer that

ฉันไม่แน่ใจนะว่าฉันจะเป็นคนที่เหมาะที่จะตอบ ประมานว่า ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะตอบคำถามนี้ได้นะ

Example
A: Do you know who is the first man on earth? (คุณรู้ไหมว่าใครคือมนุษย์คนแรกที่เกิดขึ้นมาบนโลก)
B: Hmm…I’m not sure I’m the best person to answer that. (เอ่อ… ฉันไม่คิดว่าฉันจะตอบคำถามนี้ได้นะ)

10. Dunno

หลายๆคนคงเคยเห็นคำนี้ใน Chat กันมาเยอะ อย่าเพิ่งงงกันนะ เพราะคำนี้ก็แปลว่า “ไม่รู้” เช่นกัน (มาจากคำว่า don’t know) เป็นภาษาที่ไม่เป็นทางการอย่างมากของ British English คล้ายๆกับคำว่า ไม่รุ, มะรุ ของภาษาไทยนั่นเอง และแนะนำว่าอย่าใช้คำนี้ในการเขียนที่เป็นทางการอย่างเด็ดขาด เพราะอย่างที่บอกว่าคำนี้ก็คล้ายๆกับภาษาวัยรุ่นบ้านเรานั่นแหละ ไม่เหมาะกับการเอาไปเขียนที่เป็นทางการนะจ๊ะ

Example
A : I dunno what to do. If you leave me now (ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าเธอจากฉันไปในตอนนี้)

11. Search me!

ไม่ได้หมายความว่าหาฉันให้เจอนะ แต่แปลว่า “ฉันไม่รู้” เป็นคำตอบแบบไม่เป็นทางการ ที่มีคำว่า Search อยู่ด้วย ก็เพราะสามารถใช้ในความหมายที่ว่า “มาถามอะไรฉันล่ะ” “มาถามฉันเหรอ ฉันไม่รุ้หรอก”

A: Where is my boyfriend? (แฟนฉันอยู่ไหนล่ะ)
B: Search me! (มาถามฉันเนี่ยนะ ฉันไม่รู้หรอก)

และหากเพื่อนๆต้องการบอกว่า I don’t know หรือ ฉันไม่รู้ ในที่ที่เป็นทางการหน่อย อย่างห้องประชุม การติดต่อธุรกิจกับลูกค้า หรือกับใครก็แล้วแต่ที่ต้องการความสุภาพเป็นพิเศษ สามารถนำประโยคเหล่านี้ไปใช้ได้ค่ะ

12. Let me double-check and then get back to you.
(ขอไปเช็คอีกครั้ง แล้วจะมาให้คำตอบนะคะ)

13. I’ve been wondering the same thing. Let’s find out together.
(ฉันก็กำลังสงสัยในสิ่งเดียวกันกับคุณ เราไปหาคำตอบกันเถอะ)

14. Hold on. Let me check and get back to you.
(ขอเวลาตรวจสอบสักครู่ แล้วจะมาให้คำตอบทีหลังนะคะ)

15. I don’t have that information right now, but I’ll be happy to get the answer for you.
(ตอนนี้ฉันยังไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้เลย แต่ยินดีจะไปหาคำตอบให้คุณนะ)

เป็นไงบ้างคะ สำหรับ 15 ประโยคที่ใช้แทนคำว่า I don’t know ในภาษาอังกฤษ อย่าลืมนำไปฝึกพูดกันนะคะ หากจะพูด “I don’t know” เมื่อไร ลองเปลี่ยนไปเป็นประโยคอื่นๆใน 15 ประโยคนี้ดูบ้างนะคะ จะทำให้คุณดูเป็นคนชิคๆ ขึ้นมาทันทีเลยล่ะ  แต่ก็ต้องเลือกใช้ให้ถูกสถานการณ์ด้วยนะ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นจะแทนที่จะดู “ชิค” จะกลับกลายเป็น “เฉิ่ม” แทนน่ะสิ

[Update] 6 อย่างที่วัยรุ่นควรรู้ก่อนเข้ารั้วมหาวิทยาลัย | ถ้าบอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่ – NATAVIGUIDES

1. มหาวิทยาลัยไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต

น้องๆ หลายคนที่คะแนนเอ็นท์ไม่ถึงสำหรับจะเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน อาจจะหลงคิดไปว่า แย่ล่ะ อนาคตหมองหม่นเหมือนที่เค้าแชร์กันในเน็ตว่า ‘เปิดมือถือมานี่ หน้าจอสว่างกว่าอนาคตชั้นอีก แบบนี้ก็ไม่ใช่นะคะ! นานิจะไม่ขอยกย่องคำพูดที่ว่า โอ้ย มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ก็ไม่จบมหาวิทยาลัย จะไปแคร์อะไร! แต่จะบอกว่ามหาวิทยาลัยไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต และมัน ‘อาจจะดีก็ได้’ นานิเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันมีเหตุผลของมัน เรื่องแย่ๆ ทั้งหลายที่เราเคยเจอ มันทำให้เราต้องดิ้นรนและสู้จนมีทุกวันนี้ ดังนั้นเรื่องแย่ๆ ครั้งนี้ก็จะเป็นบทเรียนสำคัญที่จะทำให้เราโตขึ้นไปเป็นคนที่เก่งและใจสู้ว่าเดิมในอนาคต ถ้าเราพยายามอย่างสุดฝีมือแล้วหล่ะก็ ให้จำคำสอนนี้ไว้

“Don’t sweat the small stuff, it’s all small stuff”
คือ เราไม่ควรเสียเหงื่อหรือเครียดเป็นเด็กเบบี๋กับเรื่องเล็กๆ และสุดท้ายแล้ว ทุกเรื่องนั่นแหละ ก็เป็นเรื่องเล็กทั้งนั้น

ถ้าไม่ได้มหาวิทยาลัยที่ชอบ แทนที่จะมานั่งบ่น นั่งเสียใจ เราควรเอาเวลาไปตั้งใจอ่านหนังสือใหม่ เผื่อปีหน้าจะได้ซิ่ว หรือไม่ก็ตั้งใจเรียนในมหาวิทยาลัยที่ได้นั่นแหละ เอาให้ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองไปเลย ให้มันรู้ไปว่าจะสู้คนอื่นที่อยู่ในมหาวิทยาลัยอันดับดีกว่าไม่ได้!

ข้อคิดนึ้ใช้ได้กับทุกเรื่องนะคะ ดังนั้นจำไว้ว่าไม่ว่าตอนนี้จะเครียดเรื่องอะไร สุดท้ายแล้ว เรื่องนั้นมันก็จะผ่านไป แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องเล็กๆ ในชีวิตของเรา อย่าไปซีเรียสฟูมฟายกับมัน แค่ทำทุกอย่างให้เต็มที่ สุดฝีมือแล้วทุกอย่างจะดีเอง

2. เวลาแค่ปีสองปีมันไม่ได้ทำให้เราช้าไปกว่าคนอื่นซักเท่าไหร่หรอก

ฝรั่งเค้ามีวัฒนธรรมอย่างนึงคือการ take gap year ซึ่งคือการหยุดเรียนไปเลยปีนึงหลังจากที่จบม.6 แล้วออกไป ‘หาตัวเอง’ นานิเองก็ทำเหมือนกัน คือ เอาเวลาไปเที่ยวตามบ้านเพื่อนที่เมืองนอก (จะได้ที่พักฟรีด้วยนะ) แล้วก็เอาเวลาไปฝึกงานตามที่ต่างๆ ที่เคยคิดว่าชอบ ตอนนั้นนานิไปฝึกงานในแผนกการเงิน แล้วก็ฝึกที่บริษัทจัดสัมมนา เรื่องการบริหารเงิน มันเลยเป็นการคอนเฟิร์มว่าชอบสายนี้ชัวร์ป้าป ไม่งั้นนานิอาจจะเรียนอย่างอื่นไปแล้ว เช่นหมอ หรือวิศวะเคมี ดังนั้นก็ต้องขอขอบคุณ gap year ที่ทำให้นานิเรียนมาถูกสาย ไม่ต้องเสียเวลาซิ่วหรือเรียนจนจบแล้วทำงานแล้วถึงรู้ว่าไม่ใช่งานที่โดนใจ

แต่มันเหมือนจะเป็นวัฒนธรรมของคนไทยไปแล้วมั้งที่เรียนยิ่งเร็วยิ่งดี pass ชั้นได้ยิ่งดี เรียนจบสามปีครึ่ง หรือสามปี หูยเร็วดีแปลว่าฉลาด ซึ่งโอเคค่ะ ถ้าเรารู้ว่าเราต้องการอะไร และรู้ตัวเองว่าชอบอะไรอยากทำอะไร มีเป้าหมายชัดเจนแล้วหล่ะก็ เรียนจบเร็วตั้งแต่อายุน้อยมันก็ดีค่ะ จะได้เข้าสู่โลกของการทำงานจริงๆ ซักที แต่ปัญหาคือ นิสัยอยากเรียนให้จบเร็วๆ มันติดมาถึงทุกคน รวมไปถึงคนที่ยังไม่รู้เลยว่าเรียนอะไรดี นานิไม่อยากให้เรายอม ‘เรียนอะไรก็ได้ เรียนๆ ไปก่อน’ เน้นเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ทันเพื่อน จบให้ได้ทันคนอื่น แบบนี้มันไม่ได้ช่วยประหยัดเวลานะ เพราะมันอาจจะทำให้เราเสียเวลาเป็นสิบปี เรียนอะไร ทำอะไรที่ ‘ไม่ใช่เรา’ ก็ได้

3. เกรดไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ถ้าไม่มีเราก็อาจจะพลาดโอกาสดีๆ หลายอย่างเหมือนกัน

“learn it the hard way คือ เรียนรู้ความจริงจากประสบการณ์อันเจ็บปวดของตัวเอง”

‘เกรดไม่สำคัญหรอก ความสามารถจริงๆ กับประสบการณ์ต่างหากหล่ะที่บริษัท มองหา’ นี่เป็นคำพูดของนานิเองเมื่อปีที่แล้ว และเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยิน คนพูดแบบนี้มาเหมือนกัน แต่ตอนนี้นานิได้ ‘learn it the hard way’ คือ เรียนรู้ความจริงจากประสบการณ์อันเจ็บปวดของตัวเองค่ะ ว่าคำสอนที่ว่าเกรดไม่สำคัญนั้น มันไม่จริง! ดังนั้นถ้าใครบอกแบบนี้นะ ก็ให้ตั้งใจอ่านหนังสือต่อไป เหอะ อย่าไปสนเค้า

จริงที่ว่าเกรดดีแต่ไม่มีประสบการณ์ฝึกงานแถมยังไม่มีความรู้อื่นเลยนอกจากความรู้ในตำรา เพราะเอาแต่อ่านหนังสือสอบ มันจะทำให้เราเป็นแค่หนอนหนังสือ แต่การที่มีประสบการณ์และความรู้นอกห้องเรียนดีเลิศแถมกิจกรรมเพียบ แต่ดัน เกรดห่วย มันอาจจะทำให้เราไม่ได้สิทธ์เข้าสอบสัมภาษณ์ก็ได้ อันนี้พูดให้น้องๆ ฟังจากประสบการณ์ของตัวเองเลย นานิถือว่าตัวเองมี resume ที่ค่อนข้างสวย หรือประวัติดีมีประสบการณ์ทำงานและเทรดแบบสายตรงกับงานที่อยากทำ แต่ปัญหาคือ บริษัทในฝันที่นานิอยากได้นักหนา กลับไม่เคยเรียกนานิสัมภาษณ์! พอไปถามรุ่นพี่ก็ปรากฏว่า บริษัทที่เจ๋งๆ ระดับเทพนั้นเค้ามีคนสมัครงานเข้ามามากมายเป็นหมื่นเป็นแสนคน เค้าไม่มีเวลามานั่งอ่าน resume ของทุกคนหรอก ดังนั้นเค้าจะใช้คอมฯสแกนเกรดก่อนค่ะ ถ้าเราเกรดต่ำกว่าเกณฑ์ที่เค้าวางไว้ resume และใบสมัครที่แนบไปเป็นอันต้องลงกล่อง

ดังนั้นอย่างที่นานิเคยพูดว่าให้เราใช้คำว่า ‘และ’ ไม่ใช่ ‘หรือ’ คือ เวลาเข้ามหาวิทยาลัย แล้วไม่ใช่คิดและตัดสินใจว่าจะตั้งใจเรียน ‘หรือ’ จะทำกิจกรรมดี แต่ให้ทั้งตั้งใจเรียน ‘และ’ ตั้งใจทำกิจกรรมกับฝึกงานหาประสบการณ์ ความรู้นอกห้องเรียน ใครบอกเกรดไม่สำคัญก็ปล่อยเค้าไปเด้อ

4. การเรียนรู้เป็นหน้าที่ของเรา ไม่ใช่ของมหาวิทยาลัย

น้องๆ หลายคนพอเข้ามหาวิทยาลัยไปก็อาจจะมีโมเม้นที่เป็นเหมือนนานิ คือ รู้สึกว่ามหาวิทยาลัยไม่เห็นสอนอะไรที่มีประโยชน์กับชีวิตจริงเลย แต่ลองคิดดูดีๆ ค่ะบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่มหาวิทยาลัยให้กับนานิและนักศึกษาอีกหลายคนที่ยังอาจจะไม่รู้ตัวก็คือ

‘Don’t wait for the university to spoon feed you. The world rewards those who take control of their own lives’
นั่นก็คือ อย่าโยนความรับผิดชอบให้มหาลัยหรืออะไรก็ตาม ว่าเค้าจะต้องมาสอนเรา ป้อนทุกอย่างให้เราถึงปากเพราะโลกนี้จะมอบรางวัลให้กับผู้ที่ลุกขึ้นมาสู้และควบคุมชีวิตตัวเองเท่านั้น!

ใช่ค่ะ มหาวิทยาลัยไม่สอนสิ่งที่ใช้ได้จริง จนนานิทนไม่ไหว ต้องออกมาหาหนังสืออ่าน ต้องออกมาเข้าสัมมนาต้องออกมาทำอะไรมากมายเพราะทนเบื่อกับการท่องจำบทเรียนและทฤษฎีไม่ไหว ตอนนี้นานิรู้แล้วว่ามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะมหาวิทยาลัยนี่แหละ และการที่มหาวิทยาลัยไม่สอนนั่นแหละ คือคำสอนที่ดีที่สุด…

สำหรับใครที่เบื่อสิ่งแวดล้อม เบื่อมหาลัย เบื่องาน เบื่อๆ อย่าลืมนะคะ ‘อย่าโยนชีวิตของเราให้ใครรับผิดชอบ เพราะโลกนี้จะให้รางวัลแด่คนที่ลุกขึ้นมาสู้และควบคุมชีวิตตัวเองเท่านั้น’

5. ยอดฝีมือล้วนมีอาจารย์ดี ถ้าอยากเป็นนักแม่นปืน ก็อย่ามัวแต่ไปขอเรียนวิชาจากเจ้าสำนักมวยไทย

ข้อคิดนี้นานิได้มาจาก Robert Kiyosaki ผู้เขียนหนังสือซีรีส์ พ่อรวยสอนลูก ค่ะ หลายคนเข้ามหาลัยไปก็หวังแต่จะหาวิชาความรู้จากศาสตราจารย์หรืออาจารย์ที่สอน แต่เอาจริงๆ ก็คือฟังเค้าได้ แต่อย่าเชื่อทั้งหมด เพราะอาจารย์หลายท่าน (ไม่ใช่ทุกท่านนะ) เค้าเรียนจบมาก็ต่อโท ต่อเอกเลย ไม่ได้ทำงานในสายงานนั้นโดยตรงมาก่อน แบบนี้เค้าจะเชี่ยวชาญด้านวิจัยและวิชาการสายนั้นมากกว่า

“อย่ามัวแต่ถามอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยอย่างเดียว แต่ให้ออกไปพูดคุยหาโอกาสพบปะกับ ‘คนจริง’ ในอุตสาหกรรมที่เราอยากจะทำด้วย”

ดังนั้นถ้าเราอยากเป็นนักการเงิน ก็จงหาคนที่เป็นนักการเงินจริงๆ มาเป็นอาจารย์หรือ mentor (ผู้ใหญ่ที่จะคอยช่วยชี้แนะแนวทางให้เรา) ใครอยากเป็นนักธุรกิจก็จงหานักธุรกิจจริงๆ มาเป็นอาจารย์อย่ามัวแต่ถามอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยอย่างเดียว แต่ให้ออกไปพูดคุยหาโอกาสพบปะกับ ‘คนจริง’ ในอุตสาหกรรมหรือสายอาชีพที่เราจบไปแล้วอยากจะทำด้วย แบบนี้ถึงจะได้แนวทางที่ถูกต้องและนำไปใช้ได้จริงๆ ค่ะ

6. ความฝันอันยิ่งใหญ่ ไม่ได้มีไว้ให้คนส่วนใหญ่เข้าใจ

เวลาเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้วเนี่ย หลายคนอาจจะมีไฟและความฟิต อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ที่มันนอกกรอบดูบ้าง แต่บางทีก็อาจจะมีเสียงค้านจากคนรอบตัวว่า ‘ทำไม่ไหวหรอก’ ‘จะไปเสี่ยงทำไม’ ฯลฯ แต่บอกเลยว่าช่วงมหาวิทยาลัยเนี่ยแหละ ที่เป็นช่วงเวลาแห่งการลองผิด ลองถูก ลองทำอะไรต่างๆ เพราะมหาวิทยาลัยมันเป็นฟูกให้เราล้มใส่อยู่แล้ว เวลาเป็นเด็กเป็นนักศึกษา เรายังไม่ได้มีภาระมากมาย แถมจะทำอะไรก็ยังสามารถขอทุนสนับสนุนจากมหาลัย หรือทุนจากการชนะการแข่งขันโมเดลธุรกิจต่างๆ ได้ง่ายกว่าคนที่อายุมากแล้ว ถามจริงๆ ถ้าอายุแค่นี้แถมยังมีฟูกให้ล้มใส่แล้วยังไม่กล้าลองไม่กล้าเสี่ยงเนี่ย แล้วจะรอไปเสี่ยงวันที่มีภาระต้องดูแลครอบครัวหรอคะ? อย่ากลัวที่จะฝันใหญ่และอย่าสนกับคนที่หัวเราะความฝันคนอื่น

อย่ากลัวที่จะฝันใหญ่ อย่างที่ James Cameron เคยพูดไว้ว่า

 

If you set your goal ridiculously high and it’s a failure, you will fail above everyone else’s success’ คือ ถ้าคุณตั้งเป้าหมายความฝันไว้สูงสุดๆ ไปเลยแล้วคุณล้ม คุณก็จะล้มอยู่เหนือระดับความสำเร็จของคนอื่นๆ

แล้วก็อย่าฟังคำนินทาสบประมาทของคนที่ไม่หวังดี คนหวังดีเค้าจะเตือนให้เราระวังและคอยช่วยหาทางให้เราทำตามฝันได้อย่างปลอดภัย แต่คนไม่หวังดีเค้าจะหัวเราะความฝันของเรา ดังนั้นเวลามีความฝันแล้วเราต้องปกป้องมันด้วย อย่างที่นักแสดง Will Smith ได้พูดกับลูกชายในหนังเรื่อง ‘The Pursuit of Happiness’ ว่า

‘Don’t ever let somebody tell you… You can’t do something. Not even me.
You got a dream… You gotta protect it. People can’t do somethin’ themselves, they wanna tell you you can’t do it. If you want somethin’, go get it. Period.’

อย่าให้ใครมาบอกลูกว่าลูกทำอะไรไม่ได้ แม้แต่พ่อก็ตาม ลูกมีความฝัน ลูกต้องปกป้องมัน เวลาที่คนอื่นทำอะไรไม่ได้ ไม่สำเร็จ เค้าก็จะบอกลูกว่า ลูกก็ทำมันไม่ได้เหมือนกัน แต่ช่างเค้า ถ้าลูกอยากได้อะไร ก็จงออกไปเอามันมาให้ได้!

ย้ำอีกครั้ง มหาวิทยาลัยนี่แหละคือช่วงเวลาทองแห่งการลองผิดลองถูก อย่าสนคำสบประมาทของคนอื่น เพราะ ‘ความฝันอันยิ่งใหญ่ ไม่ได้มีไว้ให้คนส่วนใหญ่เข้าใจ’ และอย่ากลัวที่จะฝันใหญ่ เพราะ ‘ถ้าคุณตั้งเป้าหมายความฝันไว้สูงสุดๆ ไปเลยแล้วคุณล้ม คุณก็จะล้มอยู่เหนือระดับความสำเร็จของคนอื่นๆ’

ออกไปทำตามความฝันของเรากันค่ะ!


ไม่บอกเธอ – Bedroom Audio (KARAOKE)


นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

ไม่บอกเธอ - Bedroom Audio (KARAOKE)

ไม่บอกเธอ – Bedroom Audio Ost.Hormones cover by Jannine Weigel (พลอยชมพู)


Stream/Download new single “Pak Rai Jai Rak” here :
https://lnk.to/JW_PRJRYD
“The Diary” short film on JannineWeigelVEVO out now! :
https://youtu.be/4MIVUU2Db6Q
Today is Christmas! I like this song the most and in my opinion it has the best music video I’ve had too 😀
I wish you all a Merry Christmas! 😀
God bless you.
วันนี้ก็วันคริสต์มาสแล้วนะคะ เพลงนี้เป็นเพลงที่พลอยชมพูชอบมากที่สุดและเป็นคลิปที่ภาพสวยที่สุด อิอิ
ขอมอบให้กับแฟนคลับในวันคริสต์มาสนะคะ ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ ค่ะ
พระเจ้าอวยพรค่ะ
Thank you to Crispy Sound : http://www.youtube.com/CrispySound2012
Original song : https://youtu.be/KsgDFv2c5gI
Music Video : http://fb.me/duangz.omyim
Backing Track : http://fb.me/kpakasit
Sound Engineer : http://fb.me/van.d.lulu
Record Studio: http://fb.me/vintagestudio
English subtitles.
I wanna get close to you. I wanna know you since we first met.
My heart’s racing when I heard your voice.
Since the day we’ve met, I’ve been dreaming ’bout you.
I want to say \”Hi\” to you. When I don’t get to see you, I’m so anxious.
I worried so much about you when you’re away.
‘How were you doing?.’ ‘Was there anyone taking care of you?’
I lose my breath everytime you’re near.
Your smile made my heart throbbed.
I want to tell you my feeling.
But I don’t know if it’s too soon. Since I don’t know how you feel about me.
If I said it out but then you say no to me.
If it goes on like this, you’d walk away from me.
It’s already good enough to feel you near,
to heard your voice, to take care of you closely.
I’ll keep this secret close to my heart.
I won’t say it out no matter how strong my feeling has for you.
I want you to know my feeling.
I really want to say that word.
But I’m too scared that it’d be sad.
‘Cause if you denied my feeling, you wouldn’t forgive that word.
It’s so frustrating that I have to keep these feelings inside.
My heart suffers but I’m too scared that if I say it out, it’d be sad.
But I don’t know if it’s too soon. Since I don’t know how you feel about me.
If I said it out but then you say no to me.
If it goes on like this, you’d walk away from me.
It’s already good enough to feel you near,
to heard your voice, to take care of you closely.
I’ll keep this secret close to my heart.
I won’t say it out no matter how strong my feeling has for you.
If you look closely, you’d find what’s hiding in my worries.
But I just don’t know how you feel about me.
If you watch closely, you’d see my truth feeling.
That one word that I haven’t said it out.
I’ll keep it until you open up to me.
‘Til I’m sure that you think of me,
and you’re ready to hear my secret.
I’ll tell you closely ‘I Love You’. Could you hear it? My true feeling.
If it’s still doesn’t clear. I’ll tell you one more time.
\”I love you with all my heart.\” Could you hear it?
Credit : http://touch.exteen.com/blog/reshavalentine/20130703/bedroomaudio
My facebook fan pages :
English : https://www.facebook.com/JannineWeigelOfficial
Thai : http://fb.me/PloychompooFC
Deutsch (German): http://fb.me/jannineweigelgerman
Vietnamese : http://fb.me/JanninaW.in.Vietnam
Cambodian : http://fb.me/janninakhmerfan
Indonesian : http://fb.me/JanninaW.Indonesia
Chinese : http://fb.me/JWChinese
Myanmar : http://fb.me/JannineWeigel.MM
Japanese : http://fb.me/JannineWeigelJapan
Philippines : http://fb.me/JWFilipino
Korean : http://fb.me/JannineWeigelKorea
Jannine Weigel Fan Art : http://fb.me/jannineweigelfanart
Official website : http://www.jannineweigelofficial.com
Instagram : http://instagram.com/JannineWeigel
Twitter : http://twitter.com/TheJannineW
SoundCloud : http://soundcloud.com/janninaweigel
Weibo : http://www.weibo.com/JannineW730
Youku : http://i.youku.com/jannineweigel
ไม่บอกเธอ Bedroom Audio Ost.Hormones cover by Jannina W (พลอยชมพู)

ไม่บอกเธอ - Bedroom Audio Ost.Hormones cover by Jannine Weigel (พลอยชมพู)

RIVER RHYME : มากกว่าที่เธอรู้


เพลง : มากกว่าที่เธอรู้
วง : RIVER RHYME
คำร้อง/HOOK : ฺBLACKSHEEPRR
คำร้อง/JOHN : JOHN TAKASHI
ขับร้อง : MAIYARAP
บันทึกเสียง : NEVER SOLE
ดนตรี/solo : SLOTPHOOM
ออกแบบปก:BLACKSHEEPRR
วีดีโอ :BLACKSHEEPRR
เพิ่มเติม
ไม่ยอมมาอัดเพลงจนเกือบไม่ทัน : JOHN TAKASHI
ให้คำแนะนำเวลาเมาสุราเสมอ : TONE
ชอบร้องให้ฟังทั้งๆที่ไม่มีท่อนของตัวเอง : KZEE
ไม่มีบทบาทอะไรนอกจากร้อง HOOK : MAIYARAP
จะมาช่วยเค้าทำบีทแต่มาตอนเค้าเสร็จแล้ว : FLOWCODE
นอนอยู่ในห้องตอนอัด DEMO : พี่ฟิว(แมว)
ติดต่อเราได้ที่
0859580648 (พี่กัน)
MALAMA
https://www.facebook.com/malamacollective/?fref=ts
RIVER RHYME
https://www.facebook.com/RiverRhyme/?fref=ts

RIVER RHYME : มากกว่าที่เธอรู้

เพลง ไม่บอกเธอ ของ bedroom


เนื้อเพลงภาพรวม
เนื้อเพลง

อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ
อยากรู้จักตั้งแต่ได้เจอ
ใจฉันสั่นเมื่อได้ยินเสียงเธอ
ตั้งแต่วันแรกเจอ
ก็เผลอเอาไปคิดละเมอ
พอรู้จักก็อยากจะทักทาย
แต่พอไม่เจอแล้วใจก็วุ่นวาย
เธอหายไปก็ห่วงเธอแทบตาย
จะเป็นเช่นไร
ตรงนั้นมีใครดูแลอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้
เกือบลืมหายใจเมื่อเธอเข้ามาใกล้ใกล้
แค่เธอยิ้มมา ก็สั่นไปทั้งหัวใจ
อยากจะบอกเธอให้ได้รับรู้ความในใจ
แต่บอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่
ก็ยังไม่รู้ว่าเธอคิดเช่นไร
ถ้าบอกคำนั้นแล้วเธอตอบมาว่าไม่ใช่
ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงจะเดินหนีไป
ดีพอแล้วที่ได้มีเธออยู่ใกล้ใกล้
ได้ยินเสียงได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกล
จะซ่อนความลับเอาไว้ในหัวใจ
มากเพียงไหนฉันจะไม่ยอมพูดไป
อยากจะบอกให้เธอได้รู้ใจ
ที่จริงก็อยากจะบอกคำนั้นไป
แต่กลัวเหลือเกินว่าจะต้องเสียใจ
หากเธอรับไม่ได้
เธอคงไม่ยอมให้อภัยกับคำนั้น
อึดอัดเหลือเกิน ต้องเก็บเอาไว้ข้างใน
อึดอัดหัวใจ แต่ก็กลัวว่าถ้าพูดไป
กลัวว่าจะต้องเสียใจ
แต่บอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่
ก็ยังไม่รู้ว่าเธอคิดเช่นไร
ถ้าบอกคำนั้นแล้วเธอตอบมาว่าไม่ใช่
ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงจะเดินหนีไป
ดีพอแล้วที่ได้มีเธออยู่ใกล้ใกล้
ได้ยินเสียงได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกล
จะซ่อนความลับเอาไว้ในหัวใจ
มากเพียงไหนฉันจะไม่ยอมพูดไป
มองกันให้ดีเธอก็คงรู้
ในความห่วงใยฉันมีอะไรซ่อนอยู่
ที่ยังไม่รู้คือเธอนั้นคิดอย่างไร
มองกันให้ดีเธอก็คงจะเห็น
ความจริงที่เป็นว่าฉันคิดอะไร
หนึ่งคำนั้นที่ยังไม่ได้พูดไป
จะเก็บเอาไว้ในวันที่จะเผยใจ
รอวันนั้น วันที่ฉันแน่ใจ
ว่าวันนี้เธอคิดว่าฉันนั่นใช่
และเธอพร้อมจะฟังความข้างใน
จะบอกว่ารักให้เธอได้ยินใกล้ใกล้
บอกว่ารักเธอได้ยินหรือไม่
ถ้ายังไม่ชัดฟังอีกครั้งก็ได้
ได้ยินไหมว่ารักเธอทั้งหัวใจ
ขอบคุณที่รับชม

เพลง ไม่บอกเธอ ของ bedroom

Bedroom Audio – ไม่บอกเธอ ⟨ slowed + reverb ⟩


Made for everyone to listen to the slowed reverb, not expecting any gain 📌
Thank For Watching ❤️
ORIGINAL ✅ :
► https://youtu.be/KsgDFv2c5gI
PHOTO ✨ :
► Hataage kemono michi
► https://www.pinterest.com/pin/716635359440262544/
FOLLOW ME 🔔 :
► YOUTUBE : https://bit.ly/3qL7o2x​​
► SOUNDCLOUD : https://soundcloud.com/suption
LYRICS 🎶 :
อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ
อยากรู้จักตั้งแต่ได้เจอ
ใจฉันสั่นเมื่อได้ยินเสียงเธอ
ตั้งแต่วันแรกเจอ
ก็เผลอเอาไปคิดละเมอ
พอรู้จักก็อยากจะทักทาย
แต่พอไม่เจอแล้วใจก็วุ่นวาย
เธอหายไปก็ห่วงเธอแทบตาย
จะเป็นเช่นไร
ตรงนั้นมีใครดูแลอยู่หรือไม่ก็ไม่รู้
เกือบลืมหายใจเมื่อเธอเข้ามาใกล้ใกล้
แค่เธอยิ้มมา ก็สั่นไปทั้งหัวใจ
อยากจะบอกเธอให้ได้รับรู้ความในใจ
แต่บอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่
ก็ยังไม่รู้ว่าเธอคิดเช่นไร
ถ้าบอกคำนั้นแล้วเธอตอบมาว่าไม่ใช่
ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงจะเดินหนีไป
ดีพอแล้วที่ได้มีเธออยู่ใกล้ใกล้
ได้ยินเสียงได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกล
จะซ่อนความลับเอาไว้ในหัวใจ
มากเพียงไหนฉันจะไม่ยอมพูดไป
อยากจะบอกให้เธอได้รู้ใจ
ที่จริงก็อยากจะบอกคำนั้นไป
แต่กลัวเหลือเกินว่าจะต้องเสียใจ
หากเธอรับไม่ได้
เธอคงไม่ยอมให้อภัยกับคำนั้น
อึดอัดเหลือเกิน ต้องเก็บเอาไว้ข้างใน
อึดอัดหัวใจ แต่ก็กลัวว่าถ้าพูดไป
กลัวว่าจะต้องเสียใจ
แต่บอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่
ก็ยังไม่รู้ว่าเธอคิดเช่นไร
ถ้าบอกคำนั้นแล้วเธอตอบมาว่าไม่ใช่
ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงจะเดินหนีไป
ดีพอแล้วที่ได้มีเธออยู่ใกล้ใกล้
ได้ยินเสียงได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกล
จะซ่อนความลับเอาไว้ในหัวใจ
มากเพียงไหนฉันจะไม่ยอมพูดไป
มองกันให้ดีเธอก็คงรู้
ในความห่วงใยฉันมีอะไรซ่อนอยู่
ที่ยังไม่รู้คือเธอนั้นคิดอย่างไร
มองกันให้ดีเธอก็คงจะเห็น
ความจริงที่เป็นว่าฉันคิดอะไร
หนึ่งคำนั้นที่ยังไม่ได้พูดไป
จะเก็บเอาไว้ในวันที่จะเผยใจ
รอวันนั้น วันที่ฉันแน่ใจ
ว่าวันนี้เธอคิดว่าฉันนั่นใช่
และเธอพร้อมจะฟังความข้างใน
จะบอกว่ารักให้เธอได้ยินใกล้ใกล้
บอกว่ารักเธอได้ยินหรือไม่
ถ้ายังไม่ชัดฟังอีกครั้งก็ได้
ได้ยินไหมว่ารักเธอทั้งหัวใจ
ไม่บอกเธอ

Bedroom Audio - ไม่บอกเธอ ⟨ slowed + reverb ⟩

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆLEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ ถ้าบอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *