Skip to content
Home » [NEW] คำศัพท์ภาษาอังกฤษ พื้นฐาน ชุดที่ 4 | price list แปล ว่า – NATAVIGUIDES

[NEW] คำศัพท์ภาษาอังกฤษ พื้นฐาน ชุดที่ 4 | price list แปล ว่า – NATAVIGUIDES

price list แปล ว่า: คุณกำลังดูกระทู้

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ พื้นฐาน ชุดที่ 4

เรียนภาษาอังกฤษจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษแล้วตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ VOCABURALY LESSON 4 Reasonable The price is reasonable. Employer […]

เรียนภาษาอังกฤษจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษแล้วตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ

VOCABURALY LESSON 4

Reasonable
The price is reasonable.

Employer
The employer hired 10 new workers.

Employee
The employees of that company receive good benefits.

Accommodation
The hotel can provide accommodation for 400 guests.

Profession
He wants to work in an honorable profession like law.

Exclude
Don’t exclude any idea that may work.

Schedule
I have a very busy schedule today.

Passport
You must have a passport if you want to travel out of your country.

Overland
The overland trek took three days to complete.

Escape
The escape of the prisoners posed a threat to the nearby town

Incident
I hope the incident won’t affect the relations between our countries.

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ความหมาย และ ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ เพื่อให้การเรียนภาษาอังกฤษเข้าใจมากยิ่งขึ้น

1. Reasonable (adj.)
capable of reasoning, not excessive or extreme in accor dance with reason or sound thinking.
ความหมาย : สามารถให้เหตุผลได้ , ไม่เกินไปหรือสุดโด่ง , เหมาะสมกับเหตุผลหรือความคิดเข้าที
Please be reasonable.
แปลว่า : โปรดมีเหตุผลหน่อย

2. Employer, employee (n)
A person or concern that employs persons for wages and salary.
employee; A person who works for another in return for financial compensation.
ความหมาย : นายจ้าง ( คนที่ว่าจ้างทำงานด้วยค่าจ้างเงินเดือน )
employee
แปลว่า : ลูกจ้าง (คนที่ทำงานที่หวังค่าชดเชยตอบแทนเป็นเงินเดือน )

3. Accommodation (n)
Anything that meets a need, convenience.
ความหมาย : สิ่งที่สนองความต้องการ , ความสะดวกสบาย , ที่อยู่ , อาหารและที่พัก
You will find comfortable accommodation available here
แปลว่า : คุณจะได้พบกับที่พักและอาหารที่แสนสะดวกสบายบริการไว้ที่นี่

4. Profession (n)
An occupation or vocation requiring advanced study in a specialized field An avowal of faith.
ความหมาย : อาชีพการงานที่ต้องการการศึกษาชั้นสูง ในสาขาที่เฉพาะด้าน , คำสบานและคำปฏิญาณแห่งความเชื่อ
Please accept my sincere professions of regard.
แปลว่า : โปรดยอมรับการแสดงความนับถืออย่างจรืงใจของผมด้วย

5. Exclude (v)
to force out; expel
to prevent from entering a place group
ความหมาย : ขับออกไป , ขับไล่ , กันออกไปจากกลุ่ม , เว้น
The committee excluded him from the society.
แปลว่า : คณะกรรมการขับไล่เขาออกจากสมาคม

6. Schedule (n)
A list of items, a timetable, a production plan.
ความหมาย : บัญชีรายการ , ตารางแสดงเวลา , แผนการผลิต
He arrives according to schedule.
แปลว่า : เขามาถึงตรงตามกำหนดเวลา

7. Passport ( n )
An official governmental document that certifies the identity and citizenship of a person traveling abroad.
ความหมาย : หนังสือเดินทาง
May I see your passport?
แปลว่า :ขอดูหนังสือเดินทางของคุณหน่อยได้ไหมครับ

8. Overland (adj. )
ความหมาย : โดยทางบน
our family is planning an overland trip.
แปลว่า : ครอบครัวของเขากำลังวางแพลนการเดินทางทางบก

9. Escape (v)
to break from confinement,
to succeed in avoiding
ความหมาย : ทำลายเครื่องหรือสิ่งกักกัน , ประสบความสำเร็จในการเลี่ยงหนี
l managed to escape his attention.
แปลว่า : ฉันจัดการหลบเลี่ยงจากความสนใจของเขาได้สำเร็จ

10. Incident (n)
A definite, distinct occurrence; an event
ความหมาย : เหตุการณ์ , ปรากฏการณ์เด่นชัด
It is an unusual incident.
แปลว่า : มันเป็นเหตุการณ์ที่แปลก

[Update] การตลาด: ราคา (Price) | price list แปล ว่า – NATAVIGUIDES

ลักษณะทั่วไปของราคา
การแลกเปลี่ยนระหว่างสินค้ากับสินค้าที่กระทำกันในขณะที่การตลาดยังไม่ได้รับการพัฒนานั้นมักเกิดขึ้นมากมาย เพื่อเป็นการแก็ไขปัญหาดังกล่าว มนุษย์จึงได้หันมาใช้การแลกเปลี่ยนโดยอาศัยเงินเป็นสื่อกลาง การใช้เงินเป็นสื่อกลางนี้จำเป็นต้องมีการกำหนดจำนวนเงินหรือราคาสำหรับสินค้าแต่ละชนิดขึ้นเพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการแลกเปลี่ยน

วัตถุประสงค์ในการตั้งราคา

1. การตั้งราคาเพื่อมุ่งผลตอบแทนหรือกำไร
2. การตั้งราคาเพื่อให้ได้ยอดขายมากขึ้น 3. การตั้งราคาเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ประกอบด้วย 2 กรณี คือการตั้งราคาเพื่อเผชิญการแข่งขันและการตั้งราคาเพื่อรักษาเสถียรภาพของการตั้งราคา

ปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งราคา

1. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงต้นทุนการผลิตและต้นทุนการตลาด
2. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงบทบาทของราคา
3. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงลักษณะประเภทสินค้าที่ขาย สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าที่ใช้สินค้าอื่นทดแทนกันได้ควรกำหนดราคาที่ต่ำ สินค้าที่ใช้ประกอบกันกับสินค้าชนิดอื่นควรตั้งราครใกล้เคียงกับสินค้านั้น
4. การกำหนดราคาดโดยคำนึงถึงส่วนประสมการตลาดอื่นของธุรกิจ
5. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ
6. การกำหนดราคาดโดยคำนึงถึงราคาสินค้าของธุรกิจคู่แข่งขัน ถ้าธุรกิจคู่แข่งขันตั้งราคาสินค้าต่ำธุรกิจเราจะต้องตั้งราคาต่ำด้วยหากไม่ต้องการเผชิญสงครามราคา
7. การกำหนดราคาดโดยคำนึงถึงวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ในขั้นเจริญเติบโตธุรกิจอาจเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่พร้อมกับการกำหนดราคาที่สูงขึ้น ซึ่งอาจสูงใกล้เคียงกับธุรกิจคู่แข่งขันเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา
8. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงตำแหน่งผลิตภัณฑ์ ต้องใกล้เคียงกับคุณภาพสินค้า และสินค้าที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
9. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของธุรกิจ การกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ต้องกำหนดให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่กำหนดไว้
10. การกำหนดราคาดโดยคำนึงถึงความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา (Price Elasticity of Demand) ซึ่งหมายถึง อัตราส่วนร้อยละของการเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปสงค์ที่ได้รับผลกระทบร้อยละของการเปลี่ยนแปลงระดับราคา
การกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ด้านราคา

1. การตั้งราคาตามแนวภูมิศาสตร์ (Geographical pricing) เป็นการตั้งราคาโดยใช้เขตภูมิศาสตร์เป็นเกณฑ์ เนื่องจากผู้บริโภคกระจายกันอยู่ทั่วประเทศ การนำสินค้าไปขายยังเขตต่าง ๆ จะมีค่าขนส่ง ซึ่งเป็นต้นทุนของสินค้าซึ่งมีผลกระทบต่อราคา ดังนี้
– การตั้งราคาสินค้าแบบ F.O.B. ณ จุดผลิต เป็นการตั้งราคาที่ไม่รวมค่าขนส่ง
– การตั้งราคาส่งมอบราคาเดียว (Uniform delivered pricing) เป็นการตั้งราคาสินค้าเท่ากันสำหรับผู้ซื้อทุกราย จะรวมค่าขนส่งไว้กับราคาสินค้าแล้ว
– การตั้งราคาตามเขต (Zone delivered pricing) เป็นการตั้งราคาสินค้าให้แตกต่างกันตามเขตภูมิศาสตร์ ถ้าสินค้าอยู่ในเขตเดียวกัน ราคาเหมือนกัน ถ้าขายในเขตต่างกัน ราคาสินค้าก็ต่างกันไป
– การตั้งราคาแบบผู้ขายรับภาระค่าขนส่ง ผู้ขายจะยอมให้ลูกค้าหักค่าขนส่งจากใบเสร็จรับเงิน เพื่อขยายตลาดสู่พื้นที่ใหม่
– การตั้งราคาจากจุดฐานที่กำหนด (Basing point pricing) บริษัทจะกำหนดเป็นจุดฐาน ส่วนใหญ่การตั้งราคาวิธีนี้ใช้กับสินค้าประเภทซีเมนต์ ไม้ น้ำตาล ฯลฯ
2. การตั้งราคาให้แตกต่างกัน (Discrimination pricing) เป็นการตั้งราคาให้แตกต่างกันตามลักษณะของลูกค้าหรือความต้องการซื้อของลูกค้า
– การตั้งราคาตามกลุ่มลูกค้า
– การตั้งราคาตามรูปแบบผลิตภัณฑ์
– การตั้งราคาตามภาพลักษณ์
– การตั้งราคาตามสถานที่ หรือทำเลที่ตั้ง
– การตั้งราคาตามเวลา
3. กลยุทธ์การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา (Psychological pricing) เป็นวิะการตั้งราคาที่คำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้ซื้อ
– การตั้งราคาตามความเคยชิน (Customary pricing)
– การตั้งราคาเลขคี่ หรือเลขคู่ (Odd or ever pricing)
– การตั้งราคาสินค้าที่มีชื่อเสียง (Prestige goods pricing)
4. การตั้งราคาสำหรับสินค้าใหม่ (New product pricing) สินค้าใหม่อาจเป็นสินค้าแบบริเริ่ม หรือเป็นสินค้าใหม่แบบปรับปรุง บริษัทมีทางเลือกในการตั้งราคาสินค้าใหม่ ดังนี้
– การตั้งราคาระดับสูง (Market skimming pricing) เป็นการตั้งราคาในระยะเริ่มแรกที่ผลิตภัณฑ์ใหม่วางตลาด เพื่อตักตวงกำไรไว้ก่อน
– การตั้งราคาเพื่อเจาะตลาด (Declining product pricing) เป็นการตั้งราคาสินค้าใหม่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นช่วงแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด การตั้งราคาระดับต่ำจะทำให้ตลาดทดลองซื้อใช้ และยอมรับสินค้าอย่างรวดเร็ว
5. การตั้งราคาสินค้าที่เสื่อมความนิยม (Declining product pricing) สินค้าที่เสื่อมความนิยม เป็นสินค้าซึ่งอยู่ในวงจรชีวิตขั้นสุดท้าย บริษัทมีทางเลือกในการตั้งราคาที่เสื่อมความนิยม คือ รักษาระดับราคาเดิมไว้ให้อยู่ในตลาดนานที่สุด อาจขายโดยมีของแถมเพื่อจูงใจให้ซื้อ ลดราคาลงอีก หรือเปลี่ยนตำแหน่งตราสินค้าเสียใหม่และขึ้นราคาสินค้านั้น
6. การตั้งราคาส่วนประสมผลิตภัณฑ์ (Product mix pricing) เป็นการตั้งราคาที่ผู้ผลิตมีสินค้าหลายชนิด ซึ่งจะต้องคำนึงให้มีกำไรรวมสูงสุด บริษัทมีทางเลือกในการตั้งราคาดังนี้
– การตั้งราคาสำหรับสายผลิตภัณฑ์ (Product line pricing) เป็นการตั้งราคาแตกต่างกันในแต่ละสายผลิตภัณฑ์
– การตั้งราคาสินค้าที่เลือกซื้อประกอบหรือไม่ซื้อก็ได้ (Optional feature pricing) สินค้าที่เลือกซื้อประกอบจะมีราคาเฉพาะเป็นการให้โอกาสลูกค้าซื้อสินค้าหลักอลัเลือกซื้อสินค้าประกอบได้ตามที่ต้องการ – การตั้งราคาสินค้าเป็นสองส่วน ( Two part pricing) เป็นการตั้งราคาสำหรับธุรกิจบริการ
– การตั้งราคาสินค้าที่ขายรวมห่อ ( Product – bunding pricing) เป็นการตั้งราคาสินค้าหลายชนิด หรือหลายชิ้นรวมกันในราคาพิเศษ ซึ่งถ้าซื้อแยกชิ้นราคาจะสูงกว่าที่รวมกันไว้
– การตั้งราคาสนค้าประกอบที่ผู้ผลิต ผลิตขึ้นสำหรับใช้กับสินค้า (Captive product pricing) ได้แก่ มีดโกน มีสินค้าประกอบใบมีดโกน กล้องถ่ายรูปมีสินค้าประกอบเป็นฟิลม์ถ่ายรูป
7. การตั้งราคาเพื่อส่งเสริมการตลาด (Promotion pricing) เป็นการตั้งราคาเพื่อให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าจากพ่อค้าปลีกมากขึ้น
– การตั้งราคาล่อใจ (Loss – event pricing)
– การตั้งราคาในเทศกาลพิเศษ (Special – event pricing)
– การขายเชื่อแบบคิดดอกเบี้ยต่ำ ( Low – interest financing) ซึ่งทำการขายสินค้าแบบผ่อนเป็นงวด ๆ
– การให้สาวนลดตามหลักจิตวิทยา (Psychological discounting) เป็นการขายสินค้าโดยลดราคาลงอีก และลงท้ายราคาด้วยเลข 9
– การลดราคาเพื่อการส่งเสริมการขาย (Cent – off promotion) เป็นการตั้งราคาของพ่อค้าปลีกซึ่งขายโดยลดราคาลงอีก จากราคาขายที่กำหนดโดยผู้ผลิต
– การคืนเงิน ( Cash rebates) เป็นกลยุทธ์การตั้งราคาเพื่อส่งเสริมการขายผู้บริโภคจะได้รับเงินคืนจำนวนหนึ่งจากการซื้อสินค้าตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้
8. นโยบายการให้ส่วนลดและส่วนยอมให้ (Discount and allowances) ในการตั้งราคสินค้า บริษัทจะพิจารณาจัดให้มีส่วนลดและส่วนยอมให้ในบางช่วงเวลาของการขายส่วนลด (Discount) เป็นจำนวนเงินที่ผู้ขายลดให้จากราคาที่กำหนดไว้ในรายการเพื่อจูงใหให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อทันทีและซื้อเพิ่มส่วนยอมให้ ( Allowance) คือส่วนที่ผู้ขายชดเชยให้กับผู้ซื้อเหมือนทำให้ผู้ซื้อได้ลดราคาลง
9. นโยบายระดับราคา (The level of price policy) ผู้ผลิตจะตั้งราคาสินค้าตามตำแหน่งสินค้าของธุรกิจ ถ้ามีคู่แข่งดังต่อไปนี้
– การตั้งราคา ณ ระดับราคาตลาด
– การตั้งราคา ณ ระดับที่สูงกว่าราคาตลาด
– การตั้งราคา ณ ระดับราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด
10. นโยบายราคาเดียวกับนโยบายหลายราคา ( One price policy and variable price policy)
– นโยบายราคาเดียว เป็นการที่ผู้ผลิตกำหนดราคาขายสินค้าชนิดหนึ่งสำหรับลูกค้าทุกราย
– นโยบายหลายราคา เป็นการตั้งราคาสินค้าบางชนิดไว้แล้ว แต่การขายให้กับลูกค้าแต่ละรายได้ด้วยราคาไม่เท่ากันขึ้นกับความสามารถของผู้ซื้อในการต่อรองราคา
11. นโยบายแนวระดับราคา (Price lining policy) เป็นนโยบายในการผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน แต่มีระดับคุณภาพแตกต่างกัน ขายให้กับผู้ซื้อโดยตั้งราคาระดับต่าง ๆ

ราคา (Price) หมายถึง จำนวนเงินที่บุคคลต้องจ่ายเพื่อตอบแทนกับการได้รักรรมสิทธิ์ สิทธิ ความสะดวกสบายและความพอใจในผลิตภัณฑ์นั้นให้กับเจ้าของเดิม หรือในอีกความหมายหนึ่ง คือ สื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการในรูปเงินตราลักษณะทั่วไปของราคาการแลกเปลี่ยนระหว่างสินค้ากับสินค้าที่กระทำกันในขณะที่การตลาดยังไม่ได้รับการพัฒนานั้นมักเกิดขึ้นมากมาย เพื่อเป็นการแก็ไขปัญหาดังกล่าว มนุษย์จึงได้หันมาใช้การแลกเปลี่ยนโดยอาศัยเงินเป็นสื่อกลาง การใช้เงินเป็นสื่อกลางนี้จำเป็นต้องมีการกำหนดจำนวนเงินหรือราคาสำหรับสินค้าแต่ละชนิดขึ้นเพื่อใช้เป็นมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนวัตถุประสงค์ในการตั้งราคา1. การตั้งราคาเพื่อมุ่งผลตอบแทนหรือกำไร2. การตั้งราคาเพื่อให้ได้ยอดขายมากขึ้น 3. การตั้งราคาเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ประกอบด้วย 2 กรณี คือการตั้งราคาเพื่อเผชิญการแข่งขันและการตั้งราคาเพื่อรักษาเสถียรภาพของการตั้งราคาปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งราคา1. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงต้นทุนการผลิตและต้นทุนการตลาด2. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงบทบาทของราคา3. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงลักษณะประเภทสินค้าที่ขาย สินค้าฟุ่มเฟือย สินค้าที่ใช้สินค้าอื่นทดแทนกันได้ควรกำหนดราคาที่ต่ำ สินค้าที่ใช้ประกอบกันกับสินค้าชนิดอื่นควรตั้งราครใกล้เคียงกับสินค้านั้น4. การกำหนดราคาดโดยคำนึงถึงส่วนประสมการตลาดอื่นของธุรกิจ5. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจ6. การกำหนดราคาดโดยคำนึงถึงราคาสินค้าของธุรกิจคู่แข่งขัน ถ้าธุรกิจคู่แข่งขันตั้งราคาสินค้าต่ำธุรกิจเราจะต้องตั้งราคาต่ำด้วยหากไม่ต้องการเผชิญสงครามราคา7. การกำหนดราคาดโดยคำนึงถึงวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ในขั้นเจริญเติบโตธุรกิจอาจเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่พร้อมกับการกำหนดราคาที่สูงขึ้น ซึ่งอาจสูงใกล้เคียงกับธุรกิจคู่แข่งขันเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา8. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงตำแหน่งผลิตภัณฑ์ ต้องใกล้เคียงกับคุณภาพสินค้า และสินค้าที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน9. การกำหนดราคาโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของธุรกิจ การกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ต้องกำหนดให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่กำหนดไว้10. การกำหนดราคาดโดยคำนึงถึงความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา (Price Elasticity of Demand) ซึ่งหมายถึง อัตราส่วนร้อยละของการเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปสงค์ที่ได้รับผลกระทบร้อยละของการเปลี่ยนแปลงระดับราคาการกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ด้านราคา1. การตั้งราคาตามแนวภูมิศาสตร์ (Geographical pricing) เป็นการตั้งราคาโดยใช้เขตภูมิศาสตร์เป็นเกณฑ์ เนื่องจากผู้บริโภคกระจายกันอยู่ทั่วประเทศ การนำสินค้าไปขายยังเขตต่าง ๆ จะมีค่าขนส่ง ซึ่งเป็นต้นทุนของสินค้าซึ่งมีผลกระทบต่อราคา ดังนี้- การตั้งราคาสินค้าแบบ F.O.B. ณ จุดผลิต เป็นการตั้งราคาที่ไม่รวมค่าขนส่ง- การตั้งราคาส่งมอบราคาเดียว (Uniform delivered pricing) เป็นการตั้งราคาสินค้าเท่ากันสำหรับผู้ซื้อทุกราย จะรวมค่าขนส่งไว้กับราคาสินค้าแล้ว- การตั้งราคาตามเขต (Zone delivered pricing) เป็นการตั้งราคาสินค้าให้แตกต่างกันตามเขตภูมิศาสตร์ ถ้าสินค้าอยู่ในเขตเดียวกัน ราคาเหมือนกัน ถ้าขายในเขตต่างกัน ราคาสินค้าก็ต่างกันไป- การตั้งราคาแบบผู้ขายรับภาระค่าขนส่ง ผู้ขายจะยอมให้ลูกค้าหักค่าขนส่งจากใบเสร็จรับเงิน เพื่อขยายตลาดสู่พื้นที่ใหม่- การตั้งราคาจากจุดฐานที่กำหนด (Basing point pricing) บริษัทจะกำหนดเป็นจุดฐาน ส่วนใหญ่การตั้งราคาวิธีนี้ใช้กับสินค้าประเภทซีเมนต์ ไม้ น้ำตาล ฯลฯ2. การตั้งราคาให้แตกต่างกัน (Discrimination pricing) เป็นการตั้งราคาให้แตกต่างกันตามลักษณะของลูกค้าหรือความต้องการซื้อของลูกค้า- การตั้งราคาตามกลุ่มลูกค้า- การตั้งราคาตามรูปแบบผลิตภัณฑ์- การตั้งราคาตามภาพลักษณ์- การตั้งราคาตามสถานที่ หรือทำเลที่ตั้ง- การตั้งราคาตามเวลา3. กลยุทธ์การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยา (Psychological pricing) เป็นวิะการตั้งราคาที่คำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้ซื้อ- การตั้งราคาตามความเคยชิน (Customary pricing)- การตั้งราคาเลขคี่ หรือเลขคู่ (Odd or ever pricing)- การตั้งราคาสินค้าที่มีชื่อเสียง (Prestige goods pricing)4. การตั้งราคาสำหรับสินค้าใหม่ (New product pricing) สินค้าใหม่อาจเป็นสินค้าแบบริเริ่ม หรือเป็นสินค้าใหม่แบบปรับปรุง บริษัทมีทางเลือกในการตั้งราคาสินค้าใหม่ ดังนี้- การตั้งราคาระดับสูง (Market skimming pricing) เป็นการตั้งราคาในระยะเริ่มแรกที่ผลิตภัณฑ์ใหม่วางตลาด เพื่อตักตวงกำไรไว้ก่อน- การตั้งราคาเพื่อเจาะตลาด (Declining product pricing) เป็นการตั้งราคาสินค้าใหม่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นช่วงแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด การตั้งราคาระดับต่ำจะทำให้ตลาดทดลองซื้อใช้ และยอมรับสินค้าอย่างรวดเร็ว5. การตั้งราคาสินค้าที่เสื่อมความนิยม (Declining product pricing) สินค้าที่เสื่อมความนิยม เป็นสินค้าซึ่งอยู่ในวงจรชีวิตขั้นสุดท้าย บริษัทมีทางเลือกในการตั้งราคาที่เสื่อมความนิยม คือ รักษาระดับราคาเดิมไว้ให้อยู่ในตลาดนานที่สุด อาจขายโดยมีของแถมเพื่อจูงใจให้ซื้อ ลดราคาลงอีก หรือเปลี่ยนตำแหน่งตราสินค้าเสียใหม่และขึ้นราคาสินค้านั้น6. การตั้งราคาส่วนประสมผลิตภัณฑ์ (Product mix pricing) เป็นการตั้งราคาที่ผู้ผลิตมีสินค้าหลายชนิด ซึ่งจะต้องคำนึงให้มีกำไรรวมสูงสุด บริษัทมีทางเลือกในการตั้งราคาดังนี้- การตั้งราคาสำหรับสายผลิตภัณฑ์ (Product line pricing) เป็นการตั้งราคาแตกต่างกันในแต่ละสายผลิตภัณฑ์- การตั้งราคาสินค้าที่เลือกซื้อประกอบหรือไม่ซื้อก็ได้ (Optional feature pricing) สินค้าที่เลือกซื้อประกอบจะมีราคาเฉพาะเป็นการให้โอกาสลูกค้าซื้อสินค้าหลักอลัเลือกซื้อสินค้าประกอบได้ตามที่ต้องการ – การตั้งราคาสินค้าเป็นสองส่วน ( Two part pricing) เป็นการตั้งราคาสำหรับธุรกิจบริการ- การตั้งราคาสินค้าที่ขายรวมห่อ ( Product – bunding pricing) เป็นการตั้งราคาสินค้าหลายชนิด หรือหลายชิ้นรวมกันในราคาพิเศษ ซึ่งถ้าซื้อแยกชิ้นราคาจะสูงกว่าที่รวมกันไว้- การตั้งราคาสนค้าประกอบที่ผู้ผลิต ผลิตขึ้นสำหรับใช้กับสินค้า (Captive product pricing) ได้แก่ มีดโกน มีสินค้าประกอบใบมีดโกน กล้องถ่ายรูปมีสินค้าประกอบเป็นฟิลม์ถ่ายรูป7. การตั้งราคาเพื่อส่งเสริมการตลาด (Promotion pricing) เป็นการตั้งราคาเพื่อให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าจากพ่อค้าปลีกมากขึ้น- การตั้งราคาล่อใจ (Loss – event pricing)- การตั้งราคาในเทศกาลพิเศษ (Special – event pricing)- การขายเชื่อแบบคิดดอกเบี้ยต่ำ ( Low – interest financing) ซึ่งทำการขายสินค้าแบบผ่อนเป็นงวด ๆ- การให้สาวนลดตามหลักจิตวิทยา (Psychological discounting) เป็นการขายสินค้าโดยลดราคาลงอีก และลงท้ายราคาด้วยเลข 9- การลดราคาเพื่อการส่งเสริมการขาย (Cent – off promotion) เป็นการตั้งราคาของพ่อค้าปลีกซึ่งขายโดยลดราคาลงอีก จากราคาขายที่กำหนดโดยผู้ผลิต- การคืนเงิน ( Cash rebates) เป็นกลยุทธ์การตั้งราคาเพื่อส่งเสริมการขายผู้บริโภคจะได้รับเงินคืนจำนวนหนึ่งจากการซื้อสินค้าตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้8. นโยบายการให้ส่วนลดและส่วนยอมให้ (Discount and allowances) ในการตั้งราคสินค้า บริษัทจะพิจารณาจัดให้มีส่วนลดและส่วนยอมให้ในบางช่วงเวลาของการขายส่วนลด (Discount) เป็นจำนวนเงินที่ผู้ขายลดให้จากราคาที่กำหนดไว้ในรายการเพื่อจูงใหให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อทันทีและซื้อเพิ่มส่วนยอมให้ ( Allowance) คือส่วนที่ผู้ขายชดเชยให้กับผู้ซื้อเหมือนทำให้ผู้ซื้อได้ลดราคาลง9. นโยบายระดับราคา (The level of price policy) ผู้ผลิตจะตั้งราคาสินค้าตามตำแหน่งสินค้าของธุรกิจ ถ้ามีคู่แข่งดังต่อไปนี้- การตั้งราคา ณ ระดับราคาตลาด- การตั้งราคา ณ ระดับที่สูงกว่าราคาตลาด- การตั้งราคา ณ ระดับราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด10. นโยบายราคาเดียวกับนโยบายหลายราคา ( One price policy and variable price policy)- นโยบายราคาเดียว เป็นการที่ผู้ผลิตกำหนดราคาขายสินค้าชนิดหนึ่งสำหรับลูกค้าทุกราย- นโยบายหลายราคา เป็นการตั้งราคาสินค้าบางชนิดไว้แล้ว แต่การขายให้กับลูกค้าแต่ละรายได้ด้วยราคาไม่เท่ากันขึ้นกับความสามารถของผู้ซื้อในการต่อรองราคา11. นโยบายแนวระดับราคา (Price lining policy) เป็นนโยบายในการผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน แต่มีระดับคุณภาพแตกต่างกัน ขายให้กับผู้ซื้อโดยตั้งราคาระดับต่าง ๆ


Price Impact และ Slippage คืออะไร? ทำไมบางครั้งก็แลกเหรียญไม่ได้ #Defi #Crypto #YieldFarming


00:00 Intro
00:37 วิธีคำนวนราคาเหรียญจาก Liquidity Pool
01:25 Price Impact คืออะไร?
01:49 แฉกลโกงการหลอกซื้อเหรียญ
02:31 วิธีดูมูลค่าของ Liquidity ของหรียญ
02:53 Slippage คืออะไร?
03:18 การตั่งค่า Slippage พวกเหรียญ SafeMoon
ในวิดีโอนี้จะเล่าว่า Price Impact และ Slippage คืออะไร?
คร่าวๆ Price Impact คือ
ราคาที่เปลี่ยนแปลงจากการที่เราแลกเหรียญ ซึ่งอาจจะมีปัจจัยมาจากขนาดของ Liquidity Pool และจำนวนเหรียญที่เราแลก
ส่วน Slippage คือ
ค่าที่เวลาราคาที่แลกจริง มันต่างจากที่แสดงในหน้าเว็บ เราจะรับได้กี่ %
============
เผื่อใครสนใจสนับสนุน สนับสนุนได้เลยที่ Wallet address นี้นะครับ แฮะ
0x319356B39fbEc19a59f5cDC31538019FCa391da3

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

Price Impact และ Slippage คืออะไร? ทำไมบางครั้งก็แลกเหรียญไม่ได้ #Defi #Crypto #YieldFarming

Condition Orders เทรดสบายใจ ไม่ต้องเฝ้าจอ ด้วย Stop Order / Trailing Stop / Bracket Order


🥰👍ชอบกด Like ถูกใจกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจกันได้นะคะ: https://bit.ly/TFEXTraders
Facebook: https://www.facebook.com/TFEXTraders/
สนใจเปิดบัญชีเทรด ร่วมสนับสนุนช่อง TFEX Traders ด้วยการเปิดบัญชีจากลิ้งค์ referral ด้านล่างได้นะคะ…ขอบคุณมากค่า 🥰
💰เปิดบัญชีเทรด TFEX หุ้น ค่าคอมเรทพิเศษ:
https://forms.gle/zcWXLLWKqrrC3hdz6
💲เปิดบัญชีเทรด Bitcoin/Crypto กับ Bitkub:
https://www.bitkub.com/signup?ref=225617
💲เปิดบัญชีเทรด Bitcoin/Crypto กับ FTX:
https://ftx.com/a=3400226
💲เปิดบัญชีเทรด Bitcoin/Crypto กับ Binance:
https://accounts.binance.com/en/register?ref=44712982
💲 เปิดบัญชีเทรด Forex กับ Exness:
https://one.exness.link/a/z3qbcia365
💲 เปิดบัญชีเทรด Forex กับ Pepperstones:
https://bit.ly/เปิดบัญชีเทรดForexPepperstone
🎬 บันทึกการเทรด S50 Futures + Options
https://bit.ly/บันทึกการเทรดS50FuturesOptions
🎬 TFEX คืออะไร? เข้าใจก่อนเทรด
https://bit.ly/TFEXคืออะไรเข้าใจก่อนเทรด
🎬 Options คืออะไร? เข้าใจก่อนเทรด
https://bit.ly/Optionsคืออะไรเข้าใจก่อนเทรด
🎬 Technical Analysis สไตล์ TFEX Traders
https://bit.ly/Technicalสไตล์TFEXTrader
🎬 รวมสาระนักลงทุน
https://bit.ly/รวมสาระนักลงทุน
🎬 Traders Survival Mindset
https://bit.ly/TradersSurvivalMindset
🎬 Survival Money Management..รอดก่อน! แล้วค่อยรวย!
https://bit.ly/MoneyMgmtรอดก่อนแล้วค่อยรวย
🎬 พี่ต้าน Mudleygroup my idol
https://bit.ly/พี่ต้านMudleygroup

Condition Orders เทรดสบายใจ ไม่ต้องเฝ้าจอ ด้วย Stop Order / Trailing Stop / Bracket Order

หุ้นติด Cash balance คืออะไร


ช่วงนี้หลายคนน่าจะได้ยินข่าว หุ้นที่กำลังร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา ติด Cash balance
หรืออาจจะเคยเห็นเครื่องหมาย T1 อยู่ต่อท้ายชื่อหุ้น
แล้วการติด cash balance คืออะไร มาติดตามกัน…
.
ถ้าต้องการดูว่า มีหุ้นไหนในตลาดที่ติด Cash balance บ้าง และติดระดับไหน ถึงเมื่อไหร่ จะสามารถเข้าไปดูได้ในเว็บไซต์ของ set และเลือก “ข้อมูลบริษัท/หลักทรัพย์” เลือก “ข่าวบริษัท/หลักทรัพย์” และเลือก “หลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย” หรือจะกดจากลิงค์นี้ก็ได้นะ https://www.set.or.th/set/cashbalancesecurity.do
.
ติดตามคลิปอื่นๆ ได้จาก youtube channel นี้นะคะ https://m.youtube.com/channel/UCMkbg3toEzhpkQa186rDNPg?sub_confirmation=1
.
คอร์สออนไลน์ IINVESTOR
https://www.skilllane.com/courses/iinvestor

หุ้นติด Cash balance คืออะไร

Grid Trading – คืออะไร ขอแบบสั้นๆ (สั้นที่สุดละ)


สอบถาม พูดคุย แลกเปลี่ยน
https://www.facebook.com/meawbininvestor
เปิดบัญชีเทรด ฝากเหรียญ FTX
https://ftx.com/a=3075390

Grid Trading - คืออะไร ขอแบบสั้นๆ (สั้นที่สุดละ)

Jessie J – Price Tag (Lyrics) feat. B.o.B


Learn how to sing in only 30 days with these easy, fun video lessons! https://www.30daysinger.com/a/8328/BFzaEvmu

\”Jessie J Price Tag (Lyrics) feat. B.o.B\”

Alive is OUT NOW: http://po.st/Alivedlx
Follow Jessie J:
http://www.jessiejofficial.com
https://twitter.com/JessieJ
https://www.facebook.com/JessieJOfficial
Follow B.o.B:
https://instagram.com/bob
http://facebook.com/bobatl
http://twitter.com/bobatl
http://youtube.com/bobatl
http://bobatl.com
PriceTag JessieJ Lyrics

Jessie J - Price Tag (Lyrics) feat. B.o.B

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN TO MAKE A WEBSITE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ price list แปล ว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *