Skip to content
Home » [NEW] คำถามแบบใช้คำถาม(Wh – Question) พร้อมแบบฝึกหัด | ตัวอย่าง ประโยค คำถาม ภาษา ไทย – NATAVIGUIDES

[NEW] คำถามแบบใช้คำถาม(Wh – Question) พร้อมแบบฝึกหัด | ตัวอย่าง ประโยค คำถาม ภาษา ไทย – NATAVIGUIDES

ตัวอย่าง ประโยค คำถาม ภาษา ไทย: นี่คือโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้

คำถามชนิดนี้ขึ้นต้นประโยคด้วยคำที่เป็นคำถาม (question words) แล้วตามด้วยกริยา ซึ่งมีหลักการใช้เช่นเดียวกับคำถาม yes/no ที่กล่าวแล้ว ยกเว้นคำถามที่ใช้เป็นประธาน (subject) และส่วนสมบูรณ์ (complement) คำถามต่างๆ มีดังนี้
Who ใคร Whom ใคร Whose ของใคร
What อะไร
Which อันไหน คนไหน
Where ที่ไหน
When เมื่อไร
Why ทำไม
How อย่างไร
คำเหล่านี้ใช้ถามโดยที่ผู้ถามไม่มีข้อมูลอะไรเลย อยากจะได้คำตอบมาแทนคำที่ใช้ถามนั้นๆ ลักษณะโครงสร้างสำคัญของคำถามชนิดนี้ก็คือ วางคำเหล่านี้ไว้ต้นประโยค ซึ่งจะได้กล่าวถึงในรายละเอียดเป็นลำดับไป
Who (ใคร) ใช้ถามถึงบุคคล ทำหน้าที่เป็นประธานหรือส่วนสมบูรณ์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปประโยค หรือคำกริยาใดๆ มีโครงสร้างเช่นเดียวกับ ประโยคธรรมดา
ตัวอย่าง
Who is that?
นั้นใคร
Who is your teacher?
ใครเป็นครูของคุณ
Who told you the news about him?
ใครบอกคุณเกี่ยวกับข่าวของเขา
Who can answer these questions?
ใครสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้
Who won’t go there tomorrow?
พรุ่งนี้ ใครจะไม่ไปที่นั่น
Who is speaking?
ใครกำลังพูด
Whom (ใคร) ใช้ถามถึงบุคคล ทำหน้าที่เป็นกรรม (Object) ทั้งของกริยาและคำบุรพบท (Preposition) ใช้กริยาเช่นเดียวกับประโยคคำถาม Yes/No
ตัวอย่าง
Whom do you want to see?
คุณต้องการจะพบใคร
Whom does she love?
เธอรักใคร
Whom will she marry?
เธอจะแต่งงานกับใคร
Whom would you like to speak to?
คุณต้องการจะพูดกับใคร
Whom are we waiting for?
เรากำลังคอยใคร
With whom will you stay in Bangkok?
คุณจะพักอยู่กับใครในกรุงเทพฯ
Whose (ของใคร) ใช้ถามถึงเจ้าของของสิ่งนั้น ๆ คือแสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive) เป็นได้ทั้งสรรพนาม (Pronoun) และคุณศัพท์ (Adjec¬tive) คือใช้โดยลำพังหรือใช้ขยายคำอื่นก็ได้
ตัวอย่าง
Whose is this car?
รถคันนี้ของใคร
Whose are those books?
หนังสือโน้นเป็นของใคร
Whose work won the first prize?
ผลงานของใครชนะรางวัลที่หนึ่ง
Whose car is the most expensive?
รถของใครราคาแพงที่สุด
Whose address do you want to know?
คุณต้องการจะทราบที่อยู่ของใคร
Whose name doesn’t appear in the list?
ชื่อของใครไม่มีในบัญชี
What (อะไร) ใช้ถามถึงสิ่งของ สามารถใช้โดยลำพังเป็นสรรพนาม หรือขยายคำอื่นเป็นคุณศัพท์ก็ได้ และเป็นได้ทั้งประธาน ส่วนสมบูรณ์ และกรรม
ตัวอย่าง
What is your name?
คุณชื่ออะไร
What makes you come here?
อะไรทำให้คุณมาที่นี่
What do you feel about that?
คุณมีความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนั้นอย่างไร
What would you like to know?
คุณอยากจะทราบเรื่องอะไร
What time is it?
เวลาเท่าไร
What subjects should we take this term?
เทอมนี้เราจะเรียนวิชาอะไรบ้าง
What province are you from?
คุณมาจากจังหวัดอะไร
Which (อันไหน) ใช้ได้ทั้งกับบุคคลและสิ่งของ เป็นการถามแยกแยะให้ชัดเจนลงไปว่าคนไหน สิ่งไหน เป็นได้ทั้งสรรพนามและคุณศัพท์ และใช้ได้ทั้งประธานและกรรม
ตัวอย่าง
Which is better?
อันไหนดีกว่า
Which would you like to take?
คุณตองการจะรับอันไหน
Which bus can I take to get to the station?
ฉันจะนั้งรถเมล์คันไหนไปสถานีได้
Which of these ones do you think is correct?
ในบรรดาทั้งหลายเหล่านี้ คุณคิดว่าอันไหนถูกต้อง
Which person will get this position?
คนไหนจะรับตำแหน่งนี้
Which party should we vote for?
เราควรจะเลือกพรรคไหน
Which one do you like? the red or the back one?
คุณชอบอันไหน อันสีแดงหรือสีดำ
Where (ที่ไหน) ใช้ถามถึงสถานที่ เป็นคำกริยาวิเศษณ์ (Adverb) อาจใช้เป็นส่วนสมบูรณ์ได้เช่นกัน
ตัวอย่าง
Where is your house?
บ้านของคุณอยู่ที่ไหน
Where is the nearest post office?
ที่ทำการไปรษณีย์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน
Where are you from?
คุณมาจากไหน
Where should we go after class?
หลังจากเลิกเรียนแล้วเราควรไปที่ไหนกัน
Where did you buy this book?
คุณซื้อหนังสือเล่มนี้ที่ไหน
Where have you been?
คุณไปไหนมา
When (เมื่อไร) เป็นคำกริยาวิเศษณ์ ใช้ถามถึงเวลา และใช้เป็นส่วนสมบูรณ์ได้เช่นเดียวกับ where เป็นการถามถึงเวลาอย่างกว้างๆ
ตัวอย่าง
When is your birthday?
วันเกิดของคุณเมื่อไร
When will she leave for Hong Kong?
เธอจะออกเดินทางไปฮ่องกงเมื่อไร
When will we meet again?
เมื่อไรเราจะพบกันอีก
When does the first train arrive and depart?
รถไฟขบวนแรกมาถึงและออกเมื่อไร
When were you born?
คุณเกิดเมื่อไร
Why (ทำไม) เป็นคำกริยาวิเศษณ์ ใช้ถามถึงเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้
ตัวอย่าง   
Why are you always late for class?
ทำไมคุณจึงมาเรียนสายเป็นประจำ
Why is his work very popular in this city?
ทำไมผลงานของเขาจึงเป็นที่นิยมมากในเมืองนี้
Why will we go to visit that place?
ทำไมเราจึงจะไปเยี่ยมชมสถานที่นั้น
Why did she speak to him like that?
ทำไมเธอจึงพูดกับเขาเช่นนั้น
Why don’t you come along with us?
ทำไมคุณจึงไม่ไปกับพวกเรา
Why weren’t they allowed to go into that house?
ทำไมพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบ้านหลังนั้น
How (อย่างไร) เป็นคำกริยาวิเศษณ์ ใช้ถามถึงอาการหรือวิธี (Manner) ว่าเกิดเหตุการณ์นั้นๆ ได้อย่างไร อาจจะใช้โดยลำพัง คือขยายกริยาได้เลย หรือใช้ขยายคำคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์ตัวอื่นก็ได้ ฉะนั้นการใช้ how จึงอาจแยกย่อยได้อีกดังนี้
(1) ใช้ขยายกริยา to be เป็นการถามถึงอาการ เช่น
How are you today?
วันนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง
How are your parents?
คุณพ่อคุณแม่ของคุณสบายดีหรือ
How is the weather today?
วันนี้อากาศเป็นอย่างไร
How was the conference yesterday?
การสัมมนาเมื่อวานนี้เป็นอย่างไร
How is your English?
ภาษาอังกฤษของคุณเป็นอย่างไร
(2) ใช้ขยายกริยาอื่น ถามถึงวิธีของการกระทำนั้นๆ เช่น
How do you get to work?
คุณเดินทางไปทำงานอย่างไร
How do you spell your surname?
คุณสะกดนามสกุลของคุณอย่างไร
How can I start this machine?
ฉันจะติดเครื่องนี้ได้อย่างไร
How should we go to that place?
เราควรจะไปที่นั้นกันอย่างไร
How did he contact you yesterday?
เมื่อวานนี้เขาติดต่อคุณอย่างไร
(3) ใช้ขยายคำอื่น ซึ่งอาจเป็นคำคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์ก็ได้ มี ความหมายว่าเท่าไร เช่น
How old are you?
คุณอายุเท่าไร
How far is the airport from here?
สนามบินไกลจากที่นี่เท่าไร
How much are these?
เหล่านี้ราคาเท่าไร
How often did he visit you last year?
ปีที่แล้วเขามาเยี่ยมคุณบ่อยไหม
How fast can she type in English?
เธอพิมพ์ภาษาอังกฤษได้เร็วเท่าไร
How well do you speak Thai?
คุณพูดไทยได้ดีแค่ไหน
How tall is he?
เขาสูงเท่าไร
How long will they stay here?
พวกเขาจะพักกันอยู่ที่นี่นานเท่าไร
(4) ใช้กับ much และ many ซึ่งขยายนามอีกทีหนึ่ง มีความหมายว่า มากเท่าไร มีการใช้แตกต่างกันดังนี้ How much ใช้กับนามนับไม่ได้ (un¬countable) How many ใช้กับนามนับได้ (countable) และเป็นพหูพจน์
ตัวอย่าง
How much water is left in the jar?
มีนํ้ามากเท่าไรเหลืออยู่ในโอ่ง
How much sugar do you want for your coffee?
คุณต้องการนํ้าตาลมากเท่าไรสำหรับกาแฟของคุณ
How much beer do you take a day?
คุณดื่มเบียร์มากเท่าไรต่อวัน
How much money is there in your pocket?
ในกระเป๋าคุณมีเงินอยู่เท่าไร
How many members are there in your family?
ในครอบครัวของคุณมีสมาชิกอยู่กี่คน
How many brothers and sisters do you have?
คุณมีพี่น้องด้วยกันกี่คน
How many books has he written?
เขาเขียนหนังสือได้กี่เล่มแล้ว
For how many days will we be there?
เราจะอยู่ที่นั้นกันกี่วัน
ประโยคคำถามที่สร้างด้วยคำถามเหล่านี้ (question words) บางคำ อาจใช้แทนกันได้ และมีความหมายเหมือนเดิม คือสามารถใช้คำถามที่เป็น สรรพนาม (pronoun) หรือคุณศัพท์ (adjective) คือ what, which แทน คำถามที่เป็นกริยาวิเศษณ์ (adverb) คือ where, when, why, how ได้ บางคำอาจจะทำให้ความหมายเจาะจงหรือชัดเจนยิ่งขึ้น ตัวอย่างการแทนกริยา วิเศษณ์ด้วยคำสรรพนามหรือคุณศัพท์ ดังต่อไปนี้
-Where ถามถึงสถานที่ในความหมายกว้างๆ แต่ถ้าจะให้แคบ เข้าหรือเจาะจงสถานที่นั้นๆ ใช้ which หรือ what ขยายสถานที่นั้นๆ แทน เช่น
Where do you live?
คุณอาศัยอยู่ที่ไหน
= In which area do you live?
คุณอาศัยอยู่บริเวณไหน
Where will we go to visit?
เราจะไปเยี่ยมชมที่ไหน
= What place will we go to visit?
เราจะไปเยี่ยมชมสถานที่ไหน
Where are you from?
คุณมาจากไหน
= What country are you from?
คุณมาจากประเทศอะไร
-When ถามถึงเวลาโดยกว้างๆ ถ้าเจาะจงเวลานั้นๆ ลงไป ใช้ which หรือ what ขยายคำนามบอกเวลานั้นๆ เช่น
When was Bangkok founded?
กรุงเทพฯ ตั้งขึ้นเมื่อไหร่
= In which year was Bangkok founded?
กรุงเทพฯ ตั้งขึ้นปีไหน
When will we leave for Had Yai?
เราจะออกเดินทางไปหาดใหญ่เมื่อไร
= On what date will we leave for Hard Yai?
เราจะออกเดินทางไปหาดใหญ่วันที่เท่าไร
When does the shop open and close?
ร้านค้านี้เปิดและปิดเมื่อไร
= At what time does the shop open and close?
ร้านค้านี้เปิดและปิดเวลาเท่าไร
-Why ถามถึงจุดมุ่งหมายหรือเหตุผลโดยทั่วไป สามารถใช้ what หรือ what reason แทนได้ เช่น
Why should we go there?
ทำไมพวกเราจึงควรไปที่นั่น
= For what should we go there?
เพราะอะไร พวกเราจึงควรไปที่นั่น
Why do you apply for this job?
ทำไมคุณจึงสมัครงานนี้
= For what purpose do you apply for this job?
เพราะจุดประสงค์อะไร คุณจึงสมัครงานนี้
Why don’t you want to come with us?
ทำไมคุณจึงไม่อยากไปกับพวกเรา
= For what reason don’t you want to come with us?
เพราะเหตุผลอะไร คุณจึงไม่อยากไปกับพวกเรา
-How เฉพาะที่ถามถึงวิธีหรืออาการ ซึ่งใช้โดยลำพังเท่านั้น สามารถ ใช้ which หรือ what มาคู่กับ manner หรือ way แทนได้ เช่น     How can we go there?
เราจะไปที่นั้นได้อย่างไร
= By which manner can we go there?
เราจะไปที่นั้นกันได้โดยวิธีไหน
How do you play this instrument?
คุณเล่นเครื่องดนตรีนี้อย่างไร
= In what way do you play this instrument?
คุณเล่นเครื่องดนตรีนี้โดยวิธีไหน
How can I meet her?
ฉันจะพบเธอได้อย่างไร
= By what way can I meet her?
ฉันจะพบเธอได้วิธีใด
How do you fix this machine?
คุณซ่อมเครื่องนี้อย่างไร
= In what manner do you fix this machine?
คุณซ่อมเครื่องนี้โดยวิธีใด
การตอบคำถาม Wh-question
คำถามชนิดนี้ต้องการคำตอบเพื่อมาแทนคำที่ใช้ถามนั้น ส่วนจะหาคำอะไรมาตอบนั้น ก็อยู่ที่ว่าคำถามนั้นๆ ถามเกี่ยวกับอะไร คำถามชนิดนี้ตอบด้วย yes หรือ no ไม่ได้ การตอบคำถามชนิดนี้อาจจำแนกออกตามคำที่ใช้ถามได้ ดังต่อไปนี้
ถ้าถามด้วย Who, Whom, Whose จะต้องตอบด้วยบุคคล โดย ทำหน้าที่เป็นประธาน (subject) กรรม (object) และแสดงความเป็นเจ้าของ (possessive) ตามลำดับ
ตัวอย่าง

คำถาม

 

คำตอบ

Who is your teacher?

ครูของคุณเป็นใคร

 

Somchai is my teacher.

สมชายเป็นครูของฉัน

Who told you the news?

ใครบอกข่าวนี้ให้คุณ

 

My sister (did).

น้องสาวของฉันบอก

 

Whom would you like to see?

คุณต้องการจะพบใคร

 

I’d like to see Vichian.

ต้องการจะพบวิเชียร

 

Whom are we waiting for?

เรากำลังคอยใคร

 

We’re waiting for Nikom.

กำลังคอยนิคม

 

With whom will he stay in Bangkok?

เขาจะพักอยู่กับใครในกรุงเทพฯ

 

He’ll stay with his friend.

จะพักกับเพื่อนของเขา

 

Whose are these books?

หนังสือเหล่านี้เป็นของใคร

 

They are Subin’s.

เป็นของคุณสุบิน

 

Whose car runs faster?

รถของใครวิ่งได้เร็วกว่ากัน

 

Virat’s does. (Virat’s car runs faster.)

รถของวิรัตน์

 

Whose work do you want to read?

คุณต้องการจะอ่านงานของใคร

 

I want to read Sharda’s work.

ฉันต้องการจะอ่านงานของคุณชาร์ดา

 

-ถ้าถามด้วย What ต้องตอบด้วยสิ่งของ หรือสิ่งอื่นที่ไม่ใช่บุคคล ซึ่งอาจจะเป็นประธานหรือกรรมก็ได้
ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

What is your name?

คุณชื่ออะไร

 

My name is Pin Panna.

ฉันชื่อปิ่น ปันนา

 

What do you want to drink?

คุณต้องการจะดื่มอะไร

 

I want beer.

ฉันต้องการเบียร์

 

What time is it?

เวลาเท่าไร

 

It’s three twenty. (3:20)

เวลา 3 โมง 20 นาที

 

What subjects would you like to take?

คุณต้องการเรียนวิชาอะไรบ้าง

 

I want to take Translation and Writing.

ต้องการเรียนการแปลและการเขียน

 

What makes you come again?

อะไรทำให้คุณกลับมาอีก

 

Your kindness does.

ความกรุณาของคุณนั้นเอง

 

-ถ้าถามด้วย Which ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งสิ่งของและบุคคล จึงตอบได้ทั้งสองอย่าง ส่วนจะเป็นอะไรก็ต้องดูที่ความหมาย บางครั้งอาจจะมีตัวเลือกไว้ให้ด้วยก็ได้ และอาจจะเป็นได้ทั้งประธานและกรรม

ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

Which is better?

อันไหนดีกว่า

 

The small one is.

อันเล็กดีกว่า

 

Which bus can I take to go there?

ฉันจะนั้งรถเมล์คันไหนไปที่นั้นได้

 

The red one.

คันสีแดง

 

Which person is suitable for the post?

คนไหนเหมาะสมกับตำแหน่งนี้

 

Thawee is.

ทวีเหมาะสม

Which one would you like?

The Seiko, the Rado or the Mido?

คุณต้องการยี่ห้อไหน ไซโก้ ราโด้ หรือมิโด้

 

The Mido.

ต้องการมิโด้

 

-ถ้าถามด้วย Where ต้องตอบด้วยสถานที่ ซึ่งเป็นกริยาวิเศษณ์
บอกสถานที่ (Adverb of Place)
ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

Where is your house?

บ้านของคุณอยู่ที่ไหน

 

It is on Ramintra Road, Bangkapi.

อยู่ถนนรามอินทรา บางกะปิ

 

Where do you live?

คุณอาศัยอยู่ที่ไหน

I live at 108/219 Ramintra Road, Minburi.

ที่บ้านเลขที่ 108/219 ถนนรามอินทรา มีนบุรี

 

Where did you buy this book?

คุณซื้อหนังสือเล่มนี้ที่ไหน

 

I bought it at the supermarket.

ซื้อที่ศูน์การค้า

 

Where are they from?

พวกเขามาจากไหน

 

They are from India.

มาจากอินเดีย

 

Where will we go today?

วันนี้ เราจะไปที่ไหนกัน

 

To the temple.

ไปวัด

 

-ถ้าถามด้วย When ด้องตอบด้วยเวลา ซึ่งเป็นกริยาวิเศษณ์บอก เวลา (Adverb of Time) จะตอบอย่างกว้างๆ หรือเวลาเจาะจงนั้น ก็อยู่ที่จุดมุ่งหมายของคำถามว่าเน้นอย่างไร

ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

When was the pagoda built?

เจดีย์องค์นี้สร้างเทื่อไร

It was built in the Ayuthya period.

สร้างสมัยอยุธยา

When will the show start and finish?

การแสดงจะเริ่มขึ้นเมื่อไรและเลิกเมื่อไร

It will start at three and finish at six.

จะเริ่มบ่าย 3 โมง และเบิกบ่าย 6 โมง

When did the accident take place?

อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อไร

It took place on July 25.

เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม

When do you plan to have a party?

คุณวางแผนจะจัดงานเลี้ยงเมื่อไร 

 

Next Sunday.

วันอาทิตย์หน้า

-ถ้าถามด้วย Why ต้องตอบด้วยเหตุผลหรือจุดประสงค์ของเหตุการณ์นั้นๆ โดยนำด้วย because (เพราะว่า) สำหรับบอกเหตุผล หรือนำด้วย to หรือ for (เพื่อ, สำหรับ) สำหรับบอกถึงจุดประสงค์

ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

Why will we go to visit that place?

ทำไมเราจึงจะไปเยี่ยมชมสถานที่นั้น

 

Because it is very intresting.

เพราะว่ามันน่าสนใจมาก

Why don’t you come with us?

ทำไมคุณจึงไม่ไปกับพวกเรา

Because I’m very busy.

เพราะฉันมีงานยุ่ง

Why did you come last night?

เมื่อคืนนี้คุณมาทำไม

I came to meet her.

ฉันมาเพื่อจะได้พบเธอ

Why was the ceremony held?

ทำไมจึงจัดงานขึ้น

To congratulate him.

เพื่อแสดงความยิยดีกับเขา

Why is she decorating her house?

เธอกำลังตกแต่งบ้านทำไม

For her birthday party.

            เพื่องานวันเกิดของเธอ

 

-ถ้าถามด้วย How ตอบได้หลายวิธี เพราะมีจุดประสงค์ในการถามแตกต่างกัน ซึ่งมีรูปประโยคต่างๆ กันดังกล่าวแล้ว ฉะนั้น การตอบจึงแตกต่างกันดังนี้
(1)ถ้าถามใช้ How โดยลำพังขยายกริยา to be มีความหมายถึง อาการหรือสภาพ ถ้าขยายกริยาอื่น ถามถึงวิธี ฉะนั้น ในการตอบ จะต้องบอกถึงสภาพอาการ หรือวิธีต่างๆ
ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

How are you today?

วันนี้คุณเป็นอย่างไร

I am very well.

ฉันสบายดี

How is his English?

ภาษาอังกฤษของเขาเป็นอย่างไร

It’s very good.

ดีมากเลย

How did the accident occur?

อุบัติเหตุเกิดขึ้นอย่างไร

The bus ran over the boy.

รถเมล์วิ่งทับเด็ก

How can I start the machine?

ฉันจะติดเครื่องนี้อย่างไร

Press this button.

กดปุ่มนี้

How do you go to school?

คุณไปโรงเรียนอย่างไร

I go by bus.

ไปโดยรถเมล์

(2) ถ้าใช้ How ขยายคำอื่นคือคุณศัพท์หรือกริยาวิเศษณ์ เป็นการถามถึงปริมาณหรือขนาด ฉะนั้นจะต้องตอบเป็นปริมาณหรือขนาด
ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

How old are you?

คุณอายุเท่าไร

 

I’m forty years old.

ฉันอายุ 40 ปี

 

How tall is she?

เธอสูงเท่าไร

 

She’s 1.50 m.

เธอสูง 1.50 เมตร

 

How much is the ticket?

ตั๋วราคาเท่าไร

 

It’s 100 baht.

ราคา 100 บาท

 

How long will you stay here?

คุณจะพักอยู่ที่นี่นานเท่าไร  

 

For about a week.

ประมาณ 1 สัปดาห์

 

How often do you visit the family?

คุณไปเยี่ยมครอบครัวบ่อยไหม

Once a year.

ปีละครั้ง

 

How much sugar do you want?

คุณต้องการนํ้าตาลมากไหม

 

Two spoons.

ต้องการ 2 ช้อน

 

How much salary does she have?

เธอมีเงินเดือนมากเท่าไร

 

10,000 baht.

หมื่นบาท

 

How many students are there in your class?

ในห้องเรียนของคุณมีนักเรียนกี่คน

 

About 70.

ประมาณ 70 คน

 

How many books have you written so far?

คุณเขียนหนังสือได้กี่เล่มแล้ว

 

More than 20.

มากกว่า 20 เล่มแล้ว

 

How many days did he work here?

เขาทำงานที่นี่กี่วัน

 

For nearly 20 days.

เกือบ 20 วัน

 

แบบฝึกหัด
จงสร้างประโยคคำถามแบบ Wh-question สำหรับคำตอบต่อไปนี้
ตัวอย่าง
It is a book, (what)
= What is it?
I want to borrow you 300 baht, (how much)
= How much do you want to borrow me?
1. He is my teacher, (who)
……………………………………………………………………..
2. I wrote a letter to my father last night, (whom)
……………………………………………………………………..
3. That car is Thawee’s. (whose)
……………………………………………………………………..
4. It belongs to me. (whom)
……………………………………………………………………..
5. She will take the red one. (which)
……………………………………………………………………..
6. Your word made her cry yesterday, (what)
……………………………………………………………………..
7. They are doing their exercises in the room, (what)
……………………………………………………………………..
8. They apply to study at Krirk. (where)
……………………………………………………………………..
9. The midterm examination will take place in August, (when)
……………………………………………………………………..
10. I came here to meet you. (why)
……………………………………………………………………..
11. We were very late because it rained, (why)
……………………………………………………………………..
12. We can go there by train, (how)
……………………………………………………………………..

13. This pen is 500 baht, (how much)
……………………………………………………………………..
14. He comes to take class four days a week, (how often)
……………………………………………………………………..
15. There are about 60 students in my class, (how many)
……………………………………………………………………..
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา

(Visited 358,821 times, 10 visits today)

[Update] ประโยคคำถามแบบรับและปฏิเสธ (Yes/No Question) | ตัวอย่าง ประโยค คำถาม ภาษา ไทย – NATAVIGUIDES

ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษที่สามารถพูดคุยกันได้ง่าย ๆ นั้นก็คือ ประโยคที่ต้องการคำถามแบบยอมรับ หรือปฏิเสธ หรือที่เรียกว่า Yes/No Question ซึ่งเราจะได้เรียนรู้กันในวันนี้ค่ะ

Yes/No Question         คำถามแบบรับและปฏิเสธ

ประโยคคำถาม (Interrogative Sentences)
ในการพบปะพูดคุยกันในตอนแรกๆ หรือเมื่อพบกันใหม่ๆ นั้น ส่วนมากมักจะเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน หรือถามเกี่ยวกับเรื่องราว หรือเหตุการณ์ต่างๆ ดังนั้น จึงใช้ประโยคคำถามคำตอบกันเป็นส่วนมาก จึงมีคำถามว่า เมื่อเราพบกันใหม่ๆ มักจะพูดใช้เสียงสระอะไรมากที่สุด คำตอบก็คือเสียงสระไอ ซึ่งก็คือคำถามนั้นเอง เช่นถามว่ามาเมื่อไร สบายดีไหม อยู่ที่ไหน มากับใคร จะเห็นว่าการเริ่มต้นในการพูดคุยสนทนานั้น มักจะเป็นการถามตอบกันเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าประโยคคำถาม เป็นก้าวแรกที่นำไปสู่การสนทนาในรายละเอียด ฉะนั้นในที่นี้จึงเริ่มต้นศึกษากันด้วยประโยคคำถาม และเพราะประโยคคำถามนำไปใช้ในความหมายอื่นๆ ได้ด้วย ผู้ศึกษาจึงควรทำความเข้าใจให้ดี และใช้ให้ถูกต้อง
ประโยคคำถามมีหลายประเภท มีโครงสร้างและมีจุดมุ่งหมายใน การถามต่างกัน ซึ่งอาจจำแนกออกได้เป็น 5 ชนิด ดังนี้
1. Yes/No Question         คำถามแบบรับและปฏิเสธ
2. Wh- question        คำถามแบบใช้คำถาม
3. Alternative Question     คำถามแบบให้เลือกเอา
4. Tag Question        คำถามในท่อนหลัง
5. Indirect Question         คำถามโดยอ้อมหรือคำถามปลอม ประโยคคำถามต่างๆ เหล่านี้ มีโครงสร้างต่างกัน ซึ่งจะกล่าวใน
รายละเอียดเป็นลำดับไป
Yes/No Question
ประโยคคำถามชนิดนี้ต้องการคำตอบรับ (Yes) หรือปฏิเสธ (No) เป็นการถามที่ผู้ถามอาจจะมีข้อมูลอยู่บ้างว่า น่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ถามเพื่อให้ได้ความแน่ใจว่าเป็นจริงตามที่เข้าใจหรือเปล่า ลักษณะโครงสร้างที่สำคัญของคำถามชนิดนี้ก็คือ วางกริยาไว้ต้นประโยค การสร้างประโยคคำถามชนิดนี้อาจจำแนกออกตามประเภทของกริยาที่ช่วยในการสร้างประโยค ดังนั้น ในที่นี้จึงแยกออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยา to be ถ้าในประโยคนั้นมีกริยาหลัก เป็น to be เมื่อสร้างเป็นประโยคคำถาม วางกริยา to be ไว้ต้นประโยคได้เลย เช่น
Are you hungry?
คุณหิวไหม
Is it very hot today?
วันนี้ร้อนมากใช่ไหม
Is your name Sharda?
คุณชื่อชาร์ดาใช่ไหม
Was the show interesting for you?
การแสดงน่าสนใจสำหรับคุณหรือไม่
Are you going to do exercises today?
วันนี้คุณจะทำแบบฝึกหัดหรือไม่
ประโยคเหล่านี้มีรูปเป็นบอกเล่าดังนี้
You are hungry.
It is very hot today.
Your name is Sharda.
The show was interesting for you.
You are going to do exercises today.
2. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยา to do ถ้าประโยคนั้นมีกริยาหลักไม่ใช่ to be ฌอสร้างเป็นประโยคคำถามต้องใช้กริยา to do มาช่วย และวางไว้ต้นประโยค โดยมีพจน์ (number) และกาล (tense) เช่นเดียวกันกับกริยาหลัก และเปลี่ยนกริยาหลักนั้นเป็นรูป infinitive คือรูปดั้งเดิมของกริยานั้น เช่น
Do you know his address?
คุณรู้ที่อยู่ของเขาไหม
Does she teach at your school?
เธอสอนอยู่ที่โรงเรียนคุณใช่ไหม
Does this bus go to the airport?
รถเมล์คันนี้ไปสนามบินใช่ไหม
Did you meet him at the party last night?
คุณพบเขาที่งานเลี้ยงเมื่อคืนนี้ไหม
Did he attend class yesterday?
เมื่อวานนี้เขาเข้าเรียนไหม
ประโยคคำถามเหล่านี้เปลี่ยนมาจากประโยคบอกเล่าดังนี้
You knows his address.
She teaches at your school.
This bus goes to the airport.
You met him at the party last night.
He attended class yesterday.
3. ขึ้นต้นประโยคด้วยกริยาช่วย (helping verb) อื่นๆ ถ้าในประโยคนั้นมีกริยาช่วยอยู่ด้วย เช่น will, can, may, would เมื่อเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม วางกริยาช่วยไว้ต้นประโยคได้เลย ถ้ามีกริยาช่วยหลายตัว นำเฉพาะกริยาช่วยตัวแรกไปวางต้นประโยค เช่น
Can you speak Thai?
คุณพูดไทยได้ไหม
May I help you?
ฉันจะช่วยเอาไหม
Shall we go shopping after class?
เลิกเรียนแล้วไปหาซื้อของกันไหม
Will she come back here next week?
เธอจะกลับมาที่นี่สัปดาห์หน้าใช่ไหม
Could you lend me this book for two days?
คุณจะกรุณาให้ฉันยืมหนังสือเล่มนี้สักสองวันได้ไหม
Have you been to Chiang Mai?
คุ    ณเคยไปเชียงใหม่หรือไม่
Should he be informed of the news?
ควรจะแจ้งข่าวให้เขาทราบไหม
ประโยคคำถามเหล่านี้มีรูปเป็นบอกเล่าดังนี้
You can speak Thai.
I may help you.
We shall go shopping after class.
She will come back here next week.
You could lend me this book for two days.
You have been to Chiang Mai.
He should be informed of the news.
ประโยคคำถามเหล่านี้สามารถสร้างเป็นรูปปฏิเสธได้ เรียกว่า คำถามปฏิเสธ (Interrogative Negative หรือ Negative Question) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแยกกล่าวไว้เป็นอีกชนิดหนึ่งต่างหาก เพื่อจะได้ศึกษาอย่างละเอียด แต่ในที่นี้ เพราะเห็นว่าเป็นประโยคที่มีโครงสร้างอย่างเดียวกัน เพียงเติม not เข้ามาเท่านั้น ซึ่งเป็นเครื่องหมายปฏิเสธ ดังนั้น จึงนำมากล่าวไว้ด้วยกัน เพื่อจะได้ศึกษาทำความเข้าใจไปพร้อมกัน ฉะนั้นประโยคคำถามต่างๆ ที่ กล่าวมาแล้วนั้น สามารถสร้างเป็นคำถามปฏิเสธได้ดังนี้
Aren’t you hungry? (Are you not hungry?)
คุณไม่หิวใช่ไหม
Isn’t it very hot today? (Is it not very hot today?)
วันนี้ไม่ร้อนมากใช่ไหม
Wasn’t the show interesting for you?
การแสดงไม่เป็นที่น่าสนใจสำหรับคุณใช่ไหม
Don’t you know his address?
คุณไม่รู้ที่อยู่เขาใช่ไหม
Didn’t he attend class yesterday?
เมื่อวานนี้เขาไม่เข้าเรียนใช่ไหม
Can’t you speak Thai?
คุณพูดภาษาไทยไม่ได้ใช่ไหม
Won’t she came back here next week?
สัปดาห์หน้าเธอจะไม่กลับมาที่นี่ใช่ไหม
Haven’t you been to Chiang Mai?
คุณไม่เคยไปเชียงใหม่ใช่ไหม
Shouldn’t he be informed of the news?
ไม่ควรแจ้งข่าวให้เขาทราบใช่ไหม
Couldn’t you lend me this book for two days?
คุณจะไม่ให้ฉันยืมหนังสือเล่มนี้สักสองวันใช่ไหม
การตอบคำถามแบบ Yes/No Question
ดังได้กล่าวแล้วคือ คำถามประเภทนี้ต้องการคำตอบรับ (yes) หรือปฏิเสธ (no) การตอบคำถามชนิดนี้อาจจำแนกกล่าวได้เป็น 2 แบบ ตามชนิดของลักษณะคำถาม คือ คำถามแบบธรรมดาและคำถามแบบปฏิเสธ ดังนี้
1. ตอบคำถามแบบธรรมดา เป็นคำถามแบบประโยคบอกเล่า ซึ่งถือเป็นคำถามธรรมดา ไม่ต้องการการตอบรับหรือปฏิเสธอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ ฉะนั้น ผู้ถามจึงคาดว่าจะได้คำตอบรับหรือปฏิเสธก็ได้ แม้ว่าบางครั้งอาจจะหวังการตอบรับมากกว่าปฏิเสธก็ตาม ดังนั้น ในการตอบจึงอาจจะเป็นการรับหรือปฏิเสธ โดยมีโครงสร้างประโยคดังนี้
-ถ้าตอบรับ ต้องขึ้นต้นประโยคด้วย Yes แล้วตามด้วยประโยค บอกเล่า ซึ่งใช้คำสรรพนาม (pronoun) เป็นประธาน แล้วตามด้วยกริยาช่วย ที่ใช้ในประโยคคำถาม
-ถ้าตอบปฏิเสธ ต้องขึ้นต้นประโยคด้วย No แล้วตามด้วยประโยค ปฏิเสธ ซึ่งมีประธานและกริยาอย่างเดียวกันกับประโยคบอกเล่า เพียงแต่เติม not เข้ามาหลังกริยาซึ่งเป็นเครื่องหมายปฏิเสธ
ตัวอย่าง

คำถาม

คำตอบ

Are you hungry?

คุณหิวไหม        

Yes, I am.

หิว,ฉันหิว

No, I am not.

ไม่, ฉันไม่หิว

Is your name Virat?

คุณชื่อวิรัตน์ใช่ไหม

Yes, it is.

ใช่., ฉันชื่อวิรัตน์

No, it is not.

เปล่า, ไม่ใช่

Does this bus go to the zoo?

รถเมล์คันนี้ไปสวนสัตว์ใช่ไหม

Yes, it does.

ใช่,มันไปสวนสัตว์

No, it doesn’t.

เปล่า,ไม่ใช่

Did Vichai and Suda come last night?

เมื่อคืนนี้ วิชัยและสุดามาไหม

Yes, they did.

มา,เขามา

No, they didn’t.

เปล่า,เขาไม่มา

Can you speak Chinese?

คุณพูดภาษาจีนได้ไหม

Yes, I can.

ได้,ฉันพูดได้

No, I can’t.

เปล่า,พูดไม่ได้

Will your mother arrive tomorrow?

คุณแม่ของคุณจะมาถึงพรุ่งนี้ใช่ไหม

Yes, she will.

ใช่, จะถึงพรุ่งนี้

No, she won’t.

เปล่า,ไม่ใช่

Have you finished your homework?

คุณทำการบ้านเสร็จแล้วใช่ไหม

Yes,I have.

ใช่, เสร็จแล้ว

No, I haven’t.

เปล่า, ยังไม่เสร็จ

 

2. ตอบคำถามที่เป็นปฏิเสธ ประโยคคำถามชนิดนี้ต้องการคำตอบปฏิเสธมากกว่า คือผู้ถามมีความมั่นใจว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าตอบรับผู้ถาม คงแปลกใจ เพราะตรงข้ามกับที่คิด แต่ในความเป็นจริง สามารถเป็นได้ทั้งตอบรับและตอบปฏิเสธ การตอบคำถามชนิดนี้อาจทำให้เกิดความสับสนในความหมายภาษาไทย คือตอบรับในภาษาอังกฤษมีความหมายเป็นปฏิเสธในภาษาไทย และปฏิเสธมีความหมายเป็นตอบรับ ฉะนั้น จึงทำให้ได้คำตอบที่ผิดในภาษาอังกฤษ คือตอบรับแล้วตามด้วยประโยคปฏิเสธ และตอบปฏิเสธตามด้วยประโยคบอกเล่า การตอบในภาษาอังกฤษเป็นไปตามกฎทั่วไป คือถ้า ตอบรับต้องตามด้วยประโยคบอกเล่า และถ้าตอบปฏิเสธต้องตามด้วยประโยคปฏิเสธ แต่ความหมายจริงๆ ในภาษาไทยแล้วก็เหมือนกัน ดังนั้น จึงได้ให้คำตอบภาษาไทยไว้ทั้งสองแบบ เพื่อให้เห็นความหมายที่เหมือนกัน
ตัวอย่าง
Are you not well today?
วันนี้คุณไม่สบายใช่ไหม
Yes, I am.
เปล่า, ฉันสบาย / สบาย, ฉันสบาย
No, I am not.
ใช่, ฉันไม่สบาย / ไม่สบาย, ฉันไม่สบาย
Isn’t it too difficult for you?
มันไม่ยากเกินไปสำหรับคุณใช่ไหม
Yes, it is.
เปล่า, มันยากเกินไป / ยาก, มันยากเกินไป
No, it isn’t.
ใช่, มันไม่ยากเกินไป / ไม่ยาก, มันไม่ยากเกินไป
Didn’t he tell you the news yesterday?
เมื่อวานนี้เขาไม่ได้บอกข่าวคุณใช่ไหม
Yes, he did.
เปล่า, เขาบอก / บอก, เขาบอก
No, he didn’t.
ใช่, เขาไม่บอก / ไม่บอก, เขาไม่บอก
Can’t your wife speak Thai?
ภรรยาของคุณพูดไทยไม่ได้ใช่ไหม
Yes, she can.
เปล่า, เธอพูดได้ / ได้, เธอพูดได้
ใช่, เธอพูดไม่ได้ / ไม่ได้, เธอพูดไม่ได้
Haven’t you been to Japan?
คุณไม่เคยไปญี่ปุ่นใช่ไหม
Yes, I have.
เปล่า, ฉันเคยไป / เคย, ฉันเคยไป
No, I haven’t.
ใช่, ฉันไม่เคยไป / ไม่เคย, ฉันไม่เคยไป
แบบฝึกหัด
จงสร้างประโยคต่อไปนี้เป็นคำถามแบบ Yes/No Question แล้วตอบคำถาม
ตัวอย่าง
He speaks English very fast.
= Does he speak English very fast?
Yes, he does. / No, he doesn’t.
1. She sings very beautifully.
………………………………………………………………………………………….
2. This work is very hard for him.
………………………………………………………………………………………….

3. They practise speaking English every day.
………………………………………………………………………………………….

4. He got educated from B.H.U.
………………………………………………………………………………………….
5. He has been to Australia many times.
………………………………………………………………………………………….
6. We should go to take part in a party.
………………………………………………………………………………………….
7. You can tell me the way to the zoo.
………………………………………………………………………………………….

8. This car isn’t very expensive.
………………………………………………………………………………………….
9. She didn’t meet him yesterday.
………………………………………………………………………………………….
10. There are not many students in the class today.
………………………………………………………………………………………….

11. It is not far from the station to your house.
………………………………………………………………………………………….
12. You came back home in rain last night.
………………………………………………………………………………………….
ที่มา:ดร.สวาสดิ์  พรรณา

(Visited 163,043 times, 6 visits today)


8 คำถามปริศนาง่ายๆ เเต่คนส่วนมากมักตอบผิด


8 คำถามปริศนาง่ายๆ เเต่คนส่วนมากมักตอบผิด
สามารถติดตามที่เพจ!! :
Facebook(ส่วนตัว):https://www.facebook.com/people/JangPrasong/100009099581881
Instagram : https://www.instagram.com/jangprasong/

╔═╦╗╔╦╗╔═╦═╦╦╦╦╗╔═╗
║╚╣║║║╚╣╚╣╔╣╔╣║╚╣═╣
╠╗║╚╝║║╠╗║╚╣║║║║║═╣
╚═╩══╩═╩═╩═╩╝╚╩═╩═╝
☆┌─┐ ┌─┐☆
 │▒│ /▒/
 │▒│/▒/
 │▒ /▒/─┬─┐
 │▒│▒|▒│▒│
┌┴─┴─┐┘─┘
│▒┌──┘▒▒▒│
└┐▒▒▒▒▒▒┌┘
 └┐▒▒▒▒┌┘

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูความรู้เพิ่มเติมที่นี่

8 คำถามปริศนาง่ายๆ เเต่คนส่วนมากมักตอบผิด

C๕๖: เทคนิคการตั้งประโยคคำถาม+การตอบ | เรียนภาษาอังกฤษ กับ อ.พิบูลย์ แจ้งสว่าง


อ่านบทความเกร็ดความรู้ภาษาอังกฤษ (ฟรี) \u0026 ดูรายละเอียดคอร์สเรียน Eng ได้ที่
www.NakedEnglish.net หัวข้อ: บทความที่น่าสนใจ
ติดตามเราได้ที่ Facebook.com/EnglishWithPiboon
เราเน้นเรียน+สอนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ให้สนทนาและเข้าใจหลักการใช้ภาษาอย่างถูกต้อง
[จัดทำและสอนโดย อ. พิบูลย์ แจ้งสว่าง] Piboon Jangsawang

C๕๖: เทคนิคการตั้งประโยคคำถาม+การตอบ | เรียนภาษาอังกฤษ กับ อ.พิบูลย์ แจ้งสว่าง

ภาษาไทย ป.2 ประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ ครูสุธีรา ไชยปัญญา


ภาษาไทย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2
สาระที่ 4 หลักการใช้ภาษาไทย
ท 4.1 ตัวชี้วัดที่ 3
เรื่อง ประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ
ครูสุธีรา ไชยปัญญา
โรงเรียนอนุบาลยโสธร จ.ยโสธร
มีใบความรู้ และใบกิจกรรมสามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ https://drive.google.com/folderview?id=0BydHLJgPtYsXQ1I4NDBibTRDXzg\u0026usp=sharing
โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ DLIT (Distance Learning Information Technology)
http://www.dlit.ac.th

ภาษาไทย ป.2 ประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ ครูสุธีรา ไชยปัญญา

เกม ทายคำภาษาไทย 10 ข้อ


เกม ทายคำภาษาไทย 10 ข้อ

เกม ทายคำภาษาไทย 10 ข้อ

ประโยคภาษาอังกฤษ | คำถาม | ใช้พูดกับฝรั่ง | ที่มาเที่ยวเมืองไทย | @เรียนง่ายภาษาอังกฤษ


ประโยคภาษาอังกฤษ | คำถาม | ใช้พูดกับฝรั่ง | ที่มาเที่ยวเมืองไทย | @เรียนง่ายภาษาอังกฤษ

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่MAKE MONEY ONLINE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ตัวอย่าง ประโยค คำถาม ภาษา ไทย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *