Skip to content
Home » [NEW] ข้อสังเกตการใช้Countable and Uncountable nouns | deer พหูพจน์ – NATAVIGUIDES

[NEW] ข้อสังเกตการใช้Countable and Uncountable nouns | deer พหูพจน์ – NATAVIGUIDES

deer พหูพจน์: คุณกำลังดูกระทู้

Countable nouns (เค้าเทเบิล นาวสฺ) คือ ชื่อของสิ่งต่างๆ บุคคล หรืออื่นๆ ที่เราสามารถนับเป็นชิ้นเป็นอันเป็นตัวได้ เช่น เราสามารถพูดว่า
เอกพจน์
one cup (วัน คัพ) ถ้วย 1 ใบ
one egg (วัน เอ้ก) ไข่ 1 ฟอง
พหูพจน์
two cups (ทู คัพสฺ) ถ้วย 2 ใบ
five eggs (ไฟ้วฺ เอ้กสฺ) ไข่ 5 ฟอง
Uncountable nouns (อันเค้าเทเบิล นาวสฺ) คือ ชื่อของสิ่งต่างๆ ที่เราไม่สามารถนับได้ เช่น เราไม่สามารถพูดว่า
one rice X            two rices X
ข้อสังเกต จากตัวอย่างที่ยกมา Countable nouns เป็นได้ทั้งรูปเอกพจน์ (singular form ซิงกิวเลอะ ฟอม) และพหูพจน์(plural form พลูเริล ฟอม) ส่วน Uncountable nouns มีเพียงรูปเอกพจน์ไม่สามารถวางคำแสดงจำนวนนับไว้ข้างหน้าได้ และไม่มีรูปพหูพจน์
ปกติหน้าคำนามนับได้รูปเอกพจน์ เรามักจะใช้คำ อาทิ a, an, one หรีออื่นๆ
ตัวอย่าง
I’ve got an egg. ฉันมีไข่ 1 ฟอง
He has a dog. เขามีสุนัข 1 ตัว
ในกรณีของคำนามนับได้พหูพจน์ และคำนามนับไม่ได้ เราอาจจะใช้คำว่า some (ซัม) แปลว่า “มีอยู่บ้าง” วางหน้านามก็ได้ หรืออาจจะไม่ใช้คำว่า some เลยก็ได้
ตัวอย่าง
We’ve got some oranges.     เรามีส้มอยู่บ้าง
There’s some petrol.         มีน้ำมันอยู่บ้าง
We’ve got oranges.             เรามีส้ม
There’s petrol.                 มีนํ้ามัน
คำนามต่อไปนี้เป็นคำนามนับไม่ได้ ได้แก่
advice (แอ็ดไวซฺ)    คำแนะนำ
bread (เบรด)        ขนมปัง
furniture (เฟอนิเชอะ) เครื่องเรือน
hair (แฮ)            ผมบนศีรษะ
information (อินฟอเมเชิ่น) ข้อมูล
money (มันนิ)        เงิน
news (นิวสฺ)        ข่าว
weather (เวเธอะ)    อากาศ
spaghetti (สปาเก็ททิ)    สปาเก็ตตี
ฉะนั้น
He’s got a bread. (ผิด)
He’s got some bread. (ถูก)
Her hairs are lovely. (ผิด)
Her hair is lovely.(ถูก)
ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า เราไม่สามารถนับคำนามที่เป็นนามนับไม่ได้ หากประสงค์จะนับจำนวนก็มีวิธี นั่นคือให้นับจำนวนภาชนะที่บรรจุคำนามนับไม่ได้ ได้แก่ glass (กลาส) = แก้ว, packet (เพ็กเค็ท) = ห่อ, carton (คาร์ทัน) = กล่อง, bottle (บ็อทเทิล) = ขวด, litre (ลิเทรอะ) = ลิตร, can (แคน = กระป๋อง, loaf (โลฟ) = ก้อน เช่น
a glass of water (เออะ กลาส ออฟ วอเทอะ) น้ำ 1 แก้ว
two packets of rice (ทู แพ็กเค็ทสฺ ออฟ ไรซฺ) ข้าว 2 ห่อ
three cartons of milk
(ธรี คาร์ทันสฺ ออฟ มิลคฺ)
นม 3 กล่อง
A bottle of oil
(เออะ บ็อททึ่น ออฟ ออย)
น้ำมัน 1 ขวด
two cans of lemonade
(ทู แคนสฺ ออฟ เลเมอะเนด)
นํ้ามะนาว 2 กระป๋อง
A loaf of bread
(เออะ โลฟ ออฟ เบรด)
ขนมปัง 1 ก้อน
ข้อสังเกต He’s got some bread. (นับไม่ได้)
He’s got a loaf of bread. (นับได้)
There’s some milk. (นับไม่ได้)
There are three cartons of milk. (นับได้)
คำนามส่วนมากในภาษาอังกฤษจัดอยู่ในประเภทของคำนามนับได้ นั่นก็หมายถึงว่า คำนามประเภทนี้มีทั้งรูปเอกพจน์ (singular form ซิงกิวเลอะ ฟอม) และรูปพหูพจน์ (plural form พลูเริล ฟอม) ซึ่งกฎเกณฑ์ในการเปลี่ยนคำนามนับได้จากรูปเอกพจน์เป็นรูปพหูพจน์มีดังนี้
1. คำนามนับได้รูปเอกพจน์ส่วนมากเปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์โดยการเติม -s เช่น a book – two books, a bus stop – three bus stops, a holiday – five holidays, a computer game – computer games ฯลฯ
ตัวอย่าง
เอกพจน์
I haven’t read a book for ages.
ผมไม่ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งมานานแล้ว
พหูพจน์
I haven’t read books for ages.
ผมไม่ได้อ่านหนังสือมานานแล้ว
เอกพจน์
We need a holiday a year.
เราต้องการวันหยุดสักครั้งหนึ่งในหนึ่งปี
พหูพจน์
We need at least three holidays a year.
เราต้องการวันหยุดอย่างน้อยที่สุดสามครั้งในหนึ่งปี
2. คำนามนับได้รูปเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย -ss, -s, -ch, -sh, -x เปลี่ยน เป็นรูปพหูพจน์ได้โดยการเติม -es เช่น a class – two classes, a bus – many buses, a Swiss watch – a few Swiss watches, a dish – two dishes, a box – three boxes ฯลฯ
ตัวอย่าง
เอกพจน์
I’m in class 4.
ผมเรียนอยู่ชั้น ป.4
พหูพจน์
I have two classes today.
วันนี้ผมมีเรียนสองวิชา
เอกพจน์
Put that box over there.
วางกล่องใบนั้นที่โน่น
พหูพจน์
Put those boxes over there.
วางกล่องเหล่านั้นที่โน่น
3. คำนามนับได้รูปเอกพจน์ส่วนใหญ่ที่ลงท้ายด้วย -0 เปลี่ยนเป็นรูป พหูพจน์โดยการเติม -es เช่น a potato – some potatoes, a tomato – many tomatoes แต่คำนามนับได้รูปเอกพจน์บางคำซึ่งมีเป็นส่วนน้อยที่เปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์โดยเติม –s เช่น a radio – many radios, a piano – two pianos, a photo – a lot of photos ฯลฯ
ตัวอย่าง
เอกพจน์
Is that a potato ?
นั่นใช่มันฝรั่งหัวหนึ่งหรือเปล่า
พหูพจน์
Are those potatoes?
เหล่านั้นเป็นมันฝรั่งใช่ไหม
เอกพจน์
This is my photo.
นี้เป็นรูปถ่ายของผม
พหูพจน์
These are your photos.
รูปถ่ายเหล่านี้เป็นของคุณ
4. คำนามนับได้รูปเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย “อักษรพยัญชนะ + y” เปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์ดังนี้คือ “อักษรพยัญซนะ + ies” นั่นคือเปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -es โดยมีข้อแม้ว่าหน้า y ต้องเป็นอักษรพยัญชนะ เช่น a country – many countries, a baby – two babies, a lady – many ladies แต่ถ้าอักษรหน้า y ของคำนามนับได้รูปเอกพจน์นั้นเป็นอักษรสระ ได้แก่ a, e, i, o, u เปลี่ยนเป็นรูปพหูพจน์ โดยการเติม -s เช่น a day – three days, a boy – a few boys, a toy – many toys ฯลฯ
ตัวอย่าง
เอกพจน์
We visited a country in Europe.
เราได้ไปเที่ยวประเทศหนึ่งในยุโรป
พหูพจน์
We visited many countries in Europe.
เราได้ไปเที่ยวหลายประเทศในยุโรป
เอกพจน์
I wil stay here for a day.
เราจะพักอยู่ที่นี่หนึ่งวัน
พหูพจน์
I will stay here for three more days.
เราจะพักอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสามวัน
5. คำนามนับได้รูปเอกพจน์บางคำมีรูปพหูพจน์โดยไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ดังกล่าวมา ต้องอาศัยการจำหรือใช้บ่อยๆ ได้แก่ a woman – two women, a man – men, a tooth – many teeth, a mouse – a few mice, a fish – a lot of fish, a sheep – many sheep, a child – few children, a person -people, a foot – feet, a louse – a few lice, a deer – deer, an ox – two oxen ฯลฯ
ตัวอย่าง
เอกพจน์
That child is naughty.
เด็กคนนั้นซุกซน
พหูพจน์
Those children are naughty.
เด็กๆ เหล่านั้นซุกซน
เอกพจน์
A person just arrived here.
มีคนหนึ่งเพิ่งมาถึงที่นี่
พหูพจน์
A lot of people came here.
มีหลายคนมาที่นี่แล้ว    .
คำนามนับไม่ได้
คำนามนับไม่ได้ เป็นคำนามที่เราไม่สามารถนับได้โดยตรง คำนามประเภทนี้ มักใช้เครื่องตวงวัดเป็นเครื่องมือในการนับ ฉะนั้นจึงพอสรุปกฎเกณฑ์การใช้ได้ดังนี้
1. คำนามนับไม่ได้ไม่มีรูปพหูพจน์ เช่น rain, milk, money, ice, rice, work(งาน), snow, coffee, tea, air ฯลฯ
ตัวอย่าง
ผิด Coffees are bad for your health.
ถูก Coffee is bad for your health.
กาแฟเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ผิด If you need to change moneys, go to the bank.
ถูก If you need to change money, go to the bank.
ถ้าคุณต้องการแลกเปลี่ยนเงิน จงไปที่ธนาคาร
2. หากคำนามนับไม่ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งประธาน (subject ซับเจ็ก ทฺ) ของประโยค จะต้องใช้กริยาในรูปเอกพจน์ (singular verb ซิงกิวเลอะ เวิบ)
ตัวอย่าง
ผิด Rices are the basic ingredient of Eastern cooking.
ถูก Rice is the basic ingredient of Eastern cooking.
ข้าวเป็นส่วนประกอบหลักของการปรุงอาหารในซีกโลกตะวันออก
ผิด Waters are more important than food in the desert.
ถูก Water is more important than food in the desert.
ในทะเลทราย นํ้าสำคัญกว่าอาหาร
3. ไม่สามารถใช้ a, an หรือคำที่แสดงจำนวนตัวเลขเพื่อนับคำนามนับไม่ได้
ตัวอย่าง
ผิด My sister started a work when she was sixteen.
ถูก My sister started work when she was sixteen.
พี่สาวของผมเริ่มทำงานเมื่ออายุได้ 16 ปี
ผิด Last winter we had five ices on the lakes.
ถูก Last winter we had ice on the lake.
เมื่อช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา น้ำในทะเลสาบได้กลายเป็นน้ำแข็ง
4. หน้าคำนามนับไม่ได้ เราสามารถใช้ some, much, any, a lot of, (a) little, plenty of, lots of ได้ เมื่อกล่าวถึงปริมาณของสิ่งนั้น แต่ เราไม่ สามารถใช้คำว่า many, (a) few หน้าคำนามนับไม่ได้ ได้
ตัวอย่าง
ผิด We want to buy many breads.
ถูก We want to buy some bread.
เราต้องการซื้อขนมปัง
ผิด There’s a few petrol in the car.
ถูก There’s a little petrol in the car.
มีนํ้ามันเล็กน้อยในรถยนต์
5. คำนามบางคำสามารถเป็นได้ทั้งคำนามนับได้และนับไม่ได้ กล่าวคือ หากเป็นคำนามนับไม่ได้จะมีความหมายทั่วๆ ไป เช่น cheese (เนยแข็ง), glass (วัสดุแก้ว), paper (กระดาษ), iron (แร่เหล็ก), hair (ผมบนศีรษะ) แต่หากเป็นคำนามนับได้จะหมายถึงชนิดนั้นหรือมีความหมายเป็นอย่างอื่นเช่น 20 different cheeses (เนยแข็งชนิดต่างๆ 20 ชนิด), glasses (แว่นตา, แก้วน้ำ), a paper (หนังสือพิมพ์), an iron (เตารีด), a hair (ผม 1 เส้น)
ตัวอย่าง
นามนับไม่ได้
I hate cheese.
ผมเกลียดเนยแข็ง
นามนับได้
I bought 20 different cheeses.
ผมได้ซื้อเนยแข็งมา 20 ชนิด
นามนับไม่ได้
It’s made of glass.
มันทำมาจากวัสดุแก้ว
นามนับได้
I had a glass of Coca-Cola.
ผมมีเครื่องดื่มโคคา-โคลา 1 แก้ว
นามนับไม่ได้
Books are made of paper.
หนังสือทำมาจากกระดาษ
นามนับได้
Buy me a paper, please.
กรุณาซื้อหนังสือพิมพ์มาให้ผมด้วย
ที่มา:รองศาสตราจารย์ทณุ  เตียวรัตนกุล

(Visited 22,812 times, 2 visits today)

[Update] หลักการเติม s และ es หลังคำนาม พร้อมตัวอย่าง | deer พหูพจน์ – NATAVIGUIDES

ในภาษาอังกฤษ การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ เรามักจะเติม s หรือ es ต่อท้าย อย่างเช่น boy เป็น boys, cat เป็น cats, dish เป็น dishes

แต่ก็มีบางคำที่ต้องเปลี่ยนตัวอักษรก่อนแล้วค่อยเติม es อย่างเช่น candy เป็น candies, fly เป็น flies หรือบางคำก็เปลี่ยนตัวอักษรอย่างเดียว โดยที่ไม่ต้องเติม s หรือ es อย่างเช่น foot เป็น feet, man เป็น men

จากที่เขียนมานี้ หลายๆคนก็คงสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าคำไหนต้องใช้รูปพหูพจน์แบบไหน

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ก็ขอให้วางใจได้ เพราะในบทความนี้ ชิววี่ได้เรียบเรียงเนื้อหาเกี่ยวกับกฏการเติม s และ es หลังคำนาม มาให้ได้เรียนรู้กันแบบง่ายๆแล้ว ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย

ทบทวนความรู้
คำนามเอกพจน์ คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนหนึ่งหน่วย ซึ่งก็คือคำนามรูปปกติทั่วไป เช่น friend, pen, bus, foot, ox
คำนามพหูพจน์ คือคำนามที่แสดงถึงสิ่งที่มีจำนวนตั้งแต่สองหน่วยขึ้นไป มักจะเป็นคำนามรูปที่เติม s หรือ es ต่อท้าย เช่น friends, pens, buses แต่ก็มีบางคำที่ใช้การเปลี่ยนหรือเติมตัวอักษรอื่นแทน เช่น feet, oxen

หลักการเติม s และ es หลังคำนาม

การเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ หลักๆแล้วจะแบ่งได้เป็น 5 แบบ คือ

  1. เติม s ได้เลย เช่น cat เป็น cats, girl เป็น girls
  2. เติม es ได้เลย เช่น dish เป็น dishes, potato เป็น potatoes
  3. เปลี่ยนตัวอักษรท้ายคำแล้วค่อยเติม es เช่น wolf เป็น wolves, enemy เป็น enemies
  4. เปลี่ยนหรือเพิ่มตัวอักษรบางตัวหรือเปลี่ยนทั้งคำ เช่น tooth เป็น teeth, ox เป็น oxen, person เป็น people
  5. บางคำก็ใช้รูปพหูพจน์เหมือนเอกพจน์ เช่น deer, sheep

ซึ่งถ้าเจาะรายละเอียด จะแบ่งได้เป็นหลักการ 10 ข้อดังนี้

1. คำนามทั่วไปเติม s ต่อท้ายได้เลย

คำนามที่ไม่เข้าข่ายหลักการข้ออื่น เราสามารถเติม s ต่อท้ายตรงๆได้เลย ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAntAntsมดBookBooksหนังสือGirlGirlsเด็กผู้หญิงHouseHousesบ้านTableTablesโต๊ะ, ตารางTreeTreesต้นไม้

2. คำนามที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ z ให้เติม es ต่อท้าย

คำนามที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, ch, x หรือ z เราจะต้องเติม es ต่อท้ายแทน s ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายBusBusesรถโดยสารประจำทางLensLensesเลนส์ClassClassesชั้นเรียน, คาบเรียนDressDressesชุดเดรสBrushBrushesแปรงDishDishesจานBeachBeachesชายหาดWatchWatchesนาฬิกาBoxBoxesกล่องFoxFoxesสุนัขจิ้งจอกBlitzBlitzesการโจมตีแบบสายฟ้าแลบBuzzBuzzesความรู้สึกตื่นเต้น, เสียงหึ่ง เช่น เสียงผึ้ง

3. คำนามบางคำที่ลงท้ายด้วย s หรือ z ต้องซ้ำ s หรือ z แล้วค่อยเติม es

คำนามที่ลงท้ายด้วย s หรือ z ปกติแล้วจะเติม es ได้เลย แต่ก็มีบางคำที่เราจะต้องซ้ำ s หรือ z ก่อน แล้วค่อยเติม es ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายGasGassesแก๊สQuizQuizzesแบบทดสอบWhizWhizzesผู้มากความสามารถในบางด้าน

4. คำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ให้เปลี่ยน f หรือ fe เป็น v แล้วค่อยเติม es

คำนามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe เราจะเปลี่ยน f หรือ fe เป็น v ก่อน แล้วค่อยเติม es ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายLeafLeavesใบไม้ShelfShelvesชั้นวางของWolfWolvesหมาป่าKnifeKnivesมีดLifeLivesชีวิตWifeWivesภรรยา

แต่บางคำที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ก็จะเติม s โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยน f หรือ fe เป็น v

คำพวกนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นคำที่หน้า f เป็นสระ 2 ตัวติดกัน (a, e, i, o, u) แต่บางคำก็ไม่ใช่ อย่างเช่น chef, safe

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายBeliefBeliefsความเชื่อChefChefsเชฟทำอาหารProofProofsหลักฐานReefReefsแนวหินโสโครกใต้ทะเลRoofRoofsหลังคาSafeSafesตู้เซฟ

5. คำนามที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es ยกเว้นถ้าหน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ให้เติม s ได้เลย

คำนามที่ลงท้ายด้วย y เราจะเปลี่ยน y เป็น i แล้วค่อยเติม es ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายBabyBabiesเด็กทารกCityCitiesเมืองขนาดใหญ่EnemyEnemiesศัตรูFlyFliesแมลงวันLibraryLibrariesห้องสมุดPuppyPuppiesลูกสุนัข

แต่ถ้าหน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, u) เราจะเติม s ได้เลย

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายBoyBoysเด็กผู้ชายDayDaysวันMonkeyMonkeysลิงToyToysของเล่นTrayTraysถาดWayWaysหนทาง, วิธี

6. คำนามที่ลงท้ายด้วย o ให้เติม es

คำนามที่ลงท้ายด้วย o เราจะเติม es ต่อท้าย ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายDominoDominoesโดมิโน่EchoEchoesเสียงสะท้อนHeroHeroesฮีโร่MosquitoMosquitoesยุงPotatoPotatoesมันฝรั่งTomatoTomatoesมะเขือเทศ

แต่ก็มีบางคำที่ใช้การเติม s แทน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคำที่หน้า o เป็นสระ (a, e, i, o, u) แต่บางคำก็ไม่ใช่ อย่างเช่น piano

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAudioAudiosเสียงBambooBamboosต้นไผ่, ไม้ไผ่PianoPianosเปียโนStudioStudiosสตูดิโอVideoVideosวิดีโอZooZoosสวนสัตว์

นอกจากนี้ ยังมีบางคำที่สามารถเติมได้ทั้ง s และ es คือใช้ได้ทั้ง 2 แบบเลย อย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายBuffalo*Buffalos
BuffaloesควายCargoCargos
Cargoesสินค้าที่บรรทุกโดยยานพาหนะขนาดใหญ่ เช่น เรือ เครื่องบินMangoMangos
Mangoesมะม่วงMottoMottos
Mottoesคติพจน์TornadoTornados
Tornadoesพายุทอร์นาโดVolcanoVolcanos
Volcanoesภูเขาไฟ

*คำว่า buffalo สามารถใช้รูปพหูพจน์ได้หลายแบบ ทั้ง buffalos (แบบเติม s), buffaloes (แบบเติม es) และ buffalo (เหมือนรูปเอกพจน์)

7. คำนามที่มาจากภาษาอื่น บางคำจะมีรูปพหูพจน์เฉพาะ

คำนามที่มาจากภาษากรีกที่ลงท้ายด้วย sis เมื่อเป็นรูปพหูพจน์ เราจะเปลี่ยนให้เป็น ses ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAnalysisAnalysesการวิเคราะห์, ผลวิเคราะห์BasisBasesหลักสำคัญ, ส่วนประกอบหลักCrisisCrisesช่วงวิกฤติNeurosisNeurosesโรคประสาทOasisOasesโอเอซิส, แหล่งน้ำกลางทะเลทรายThesisThesesวิทยานิพนธ์

คำนามที่มาจากภาษาลาตินที่ลงท้ายด้วย us เราจะเปลี่ยนให้เป็น i ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAlumnusAlumniศิษย์เก่าCactusCacti (หรือ cactuses)ต้นกระบองเพชรFungusFungiเห็ด, เชื้อรา

แต่คำที่มาจากภาษาอื่นบางคำก็ใช้รูปพหูพจน์ได้หลายแบบ อย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAppendixAppendices
AppendixesภาคผนวกCactusCacti
Cactusesต้นกระบองเพชรCurriculumCurricula
CurriculumsหลักสูตรFormulaFormulae
Formulasสูตร เช่น สูตรคณิตฯStadiumStadia
Stadiumsสนามกีฬาขนาดใหญ่ThesaurusThesauri
Thesaurusesพจนานุกรมคำพ้อง

นอกจากตัวอย่างเหล่านี้แล้ว ยังมีคำต่างประเทศลักษณะอื่นอีก ที่มีรูปพหูพจน์เฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นคำที่พบเจอได้ไม่บ่อย หรือไม่ก็เป็นคำที่มักจะใช้รูปพหูพจน์เป็นปกติอยู่แล้ว (เช่น data, criteria ซึ่งเป็นรูปพหูพจน์ของ datum และ criterion ตามลำดับ)

8. คำนามบางคำใช้การเปลี่ยนหรือเติมตัวอักษรบางตัว โดยที่ไม่ต้องเติม s หรือ es

คำนามบางคำจะใช้การเปลี่ยนตัวอักษรที่เป็นสระ (a, e, i, o, u) เช่น เปลี่ยนจาก o เป็น e หรือเปลี่ยนจาก a เป็น e ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายFiremanFiremenพนักงานดับเพลิงFootFeetเท้าGooseGeeseห่านManMenผู้ชายToothTeethฟันWomanWomenผู้หญิง

และบางคำก็ใช้การเติมตัวอักษรอื่นที่ไม่ใช่ s หรือ es อย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายChildChildrenเด็กOxOxenวัว

9. คำนามบางคำจะเปลี่ยนแทบทั้งคำ โดยที่ไม่ได้เติม s หรือ es

คำนามบางคำจะมีรูปพหูพจน์ที่แตกต่างจากเดิมมาก เหมือนเป็นคนละคำกันเลย ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายMouseMiceหนูPersonPeopleคน

10. คำนามบางคำมีรูปเอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน

คำนามบางคำจะมีรูปเอกพจน์และพหูพจน์เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น

เอกพจน์พหูพจน์ความหมายAircraftAircraftอากาศยานDeerDeerกวางDiceDiceลูกเต๋าFish*FishปลาSheepSheepแกะSpeciesSpeciesสายพันธุ์

*คำว่า fish จริงๆแล้วมีรูปพหูพจน์ 2 แบบ คือ fish และ fishes แต่ในกรณีทั่วไป เช่นการบอกว่ามีปลาหลายตัว เราจะนิยมใช้ fish มากกว่า ส่วน fishes นั้นมักจะใช้เมื่อพูดถึงปลาหลายๆสายพันธุ์

เป็นยังไงบ้างครับกับกฏการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์ ทีนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจและสามารถเปลี่ยนพจน์ของคำนามได้ถูกต้องมากขึ้นแล้วนะครับ

อย่าลืมนะครับ ภาษาอังกฤษยิ่งเรียนรู้ ยิ่งฝึก ก็ยิ่งเก่ง สำหรับบทความนี้ ชิววี่ต้องขอตัวลาไปก่อน See you next time


Hello English! – คำนามพวกนี้ต้องอยู่ในรูปพหูพจน์เท่านั่น!! (10 Nouns)


ทุกคนน่าจะเข้าใจความหมายของเอกพจน์และพหูพจน์ดี และก็มีวิธีต่างๆที่ใช้เปลี่ยนนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ เช่น การเติมs หรือ –es …แต่ รู้มั้ยว่ามันมีคำนามบางคำที่ ต้อง!! อยู่ในรูปพหูพจน์เท่านั้นด้วยนะ “เอ้า มีงี้ด้วยเหรอ” “มีสิ” “เห้ย อะไร! ทำไมถามเองตอบเองก็ได้” กดดูคลิปเลยครับ ช้าอยู่ใยเล่า
ข้อมูลเพิ่มเติม: www.njdigital.net
โทร. 023383631 , 023383623
Facebook \u0026 Youtube: NJ Digital
Twitter \u0026 Instagram: NJ Digit

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Hello English! -  คำนามพวกนี้ต้องอยู่ในรูปพหูพจน์เท่านั่น!! (10 Nouns)

The Plural Song


İzlediğiniz için teşekkürler!
ABONE OLUN. Yeni çıkan videolarımızı kaçırmayın.
https://tr.singlishwithjosh.com/
Sitemde hem \”The Plural Song\” şarkısı ve ek kaynakları bulabilirsiniz.
https://tr.singlishwithjosh.com/thepluralsong

Thanks for watching!
Please SUBSCRIBE and CLICK THE BELL to get notified about new videos.
https://www.singlishwithjosh.com
See \”The Plural Song\” on my website with additional resources.
https://www.singlishwithjosh.com/thepluralsong

THE PLURAL SONG
Bags hold books, students sit at tables
Cars go places, horses live in stables
Not all plurals simply take an s
Some don’t change and others are a mess
If a noun ends with these letters
Don’t add s, es would be better
s like in buses, ch like in coaches
x like in taxes, sh like in wishes
If a noun has an f at the end
The f might run away, ve might step in
Wolf turns to wolves, thief turns to thieves
But some f’s stay like roofs and beliefs

If a noun ends with y
y turns to ie like cities and skies
But if y has a vowel before it
Just add s like days – don’t ignore it
Some don’t change when more than one appear
Like sheep and tuna and fish and moose and deer
Some nouns change randomly like dice
Child turns children and mouse turns mice
Woman turns to women and goose turns to geese
Man turns to men and tooth turns to teeth
Person becomes people and foot turns to feet
Cactus turns to cacti and this list is incomplete

The Plural Song

Irregular Plural Nouns in English | Singular and Plural Nouns


Irregular Plural Nouns!
Learn useful grammar rules to form irregular plural nouns in English: https://7esl.com/irregularpluralnouns/
Irregular Plural Nouns List:
Person people
Ox oxen
Man men
Woman women

WATCH MORE:
★ Grammar: https://goo.gl/7n226T
★ Vocabulary: https://goo.gl/E5Ty4T
★ Expressions: https://goo.gl/JBpgCF
★ Phrasal Verbs: https://goo.gl/Ux3fip
★ Idioms: https://goo.gl/y7wNjN
★ Conversations: https://goo.gl/pmdpQT
★ English Writing: https://goo.gl/46gmY7
★ IELTS: https://goo.gl/Tg2U4v
★ TOEFL: https://goo.gl/8Zwvic
★ British vs. American English: https://goo.gl/VHa5W8
★ Pronunciation: https://goo.gl/P4eR39
★ Business English: https://goo.gl/r7jqtB

OUR SOCIAL MEDIA:
Pinterest: https://www.pinterest.com/7english/
Facebook: https://www.fb.com/7ESLLearningEnglish/

For more videos and lessons visit:
https://7esl.com/

Irregular Plural Nouns in English | Singular and Plural Nouns

หลักการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ Singular and Plural


คำนามเอกพจน์ คำนามพหูพจน์ ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์singular plural

หลักการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ Singular and Plural

Karen song :မြာဲဆု္အဲဏွ္လယ္ – Day Poe : Muai Sa Ai Ner Lae – Day Poe : PM (official MV)


Ring Back Tone :
11992 262952
11992 262953
Dtac Music : https://music.dtac.co.th/render/home/portal/search/0/Muai%20Sa%20Ai%20Ner%20Lae
Karen song :Muai Sa Ai Ner Lae(หมวย สะ เเอ่ น่อ เเหละ )
ขับร้องโดย : Day Poe (เด โพ):
ลิขสิทธิ์ ค่าย PM MUSIC STUDIO
คำร้อง/ทำนอง เรียบเรียงโดย
ดาวน์โหลดเพลง กด888 หรือ 0900128978,0804790100
ติดตามที่ https://www.youtube.com/channel/UCI8T8NRvI8p9oAII9l8fwzQ

Karen song :မြာဲဆု္အဲဏွ္လယ္ - Day Poe : Muai Sa Ai Ner Lae - Day Poe : PM (official MV)

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณที่รับชมกระทู้ครับ deer พหูพจน์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *