Skip to content
Home » [Update] Modal Verb (กริยาช่วย) ฉบับที่สมบูรณ์แบบครบเครื่องทุกเรื่องที่ต้องรู้ | ought to แปล ว่า – NATAVIGUIDES

[Update] Modal Verb (กริยาช่วย) ฉบับที่สมบูรณ์แบบครบเครื่องทุกเรื่องที่ต้องรู้ | ought to แปล ว่า – NATAVIGUIDES

ought to แปล ว่า: คุณกำลังดูกระทู้

เชื่อว่าเพื่อนๆ ส่วนใหญ่มักจัมองผ่านความสำคัญของ Modal verb หรือกริยาช่วย ดังนั้นวันนี้ Eng Breaking จะแนะนำให้คุณความรู้เรื่องของ Modal verb อย่างรายละเอียดตั้งแต่ A-Z พร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ

Modal Verb คืออะไร? พร้อมตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเรียน ภาษาอังกฤ คงเคยได้ยินหรือได้ใช้กลุ่มคำกริยาหลักๆ เช่น (Main Verbs) กริยาช่วย (Auxiliary Verbs) ความรู้เกี่ยวกับกริยาคงเยอะไปนิดหน่อยแต่มันเป็นเรื่องกริยาที่ไม่ค่อยซับซ้อน เข้าใจง่ายและได้แบ่งประเภคมาช้ดเจนอยู่แล้ว

วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันเกี่ยวกับกริยาที่แตกกับกริยาหลักทั่วไป นั้นก็คือ Modal Verbs หรือในภาษาไทยเรียกได้ว่า กริยาช่วยนั้นเอง Modal Verbs บทความนี้เป็นฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับเรื่องของ Modal Verbs ที่มีครบเครื่องทุกเรื่องที่ต้องรู้

ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนที่กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของกริยาช่วยแน่นอนเลยค่ะ 

Modal Verbs คือ กริยาช่วย กลุ่มของ Modal verbs ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would, can, could, may, might และ must Modal Verbs มีความพิเศษตรงนี้มีความหมายในตัวมันเอง เพราะโดยปกติแล้วกริยาช่วยจะมีหน้าที่แค่ทำให้ประโยคนั้นสมบูรณ์ด้านไวยากรณ์แต่จะไม่มีความหมาย

หลักการใช้ Modal Verb ที่ต้องจดจำไว้

หลักการใช้ Modal Verb หรือกริยาช่วยที่ Eng Breaking สรูปมาให้เข้าใจง่ายๆ มีสามหลักการดังนี้:

1 – หลัง Modal verb ทุกตัวต้องตาม Verb infinitive ซึ่งก็คือ Verb ที่เป็นรูปธรรมดา ไม่ผัน ไม่เติม (ไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม s/es)

เช่นเมื่ออยากจะบอกว่า เขาสามารถขับรถได้เราจะพูดว่า
– He can drive a car ประโยคนี้ถูกต้องแล้วนะคะ
– แต่ถ้าใครใช้ประโยคว่า He can to drive a car. คือมัน ผิดแน่นอนแล้วค่ะ เพราะในกรณีนี้ไม่จำเป็นที่ต้องใช้คำว่า “to”.

2 – ไม่ว่าจะเป็นประธานตัวไหน เอกพจน์หรือพหูพจน์ คนเดียวหรือสองคน ก็ใช้กับ modal verb ได้เลยโดยไม่ต้องเติม s / es ให้ยุ่งยาก (ง่ายซะยิ่งกว่าง่ายอีกค่ะ)

เช่นเมื่อคุณอยากพูดประโยคหนึ่งที่มีความหมายว่า มีนาควรหยุดสูบบุหรี่
– ประโยคที่ถูกต้องจะเป็น Mina should stop smoking.
– ประโยคที่ใช้ผิดจะเป็น Mina shoulds stop smoking.

ดังนั้นอย่าใช้ผิดนะคะ ถ้าใช้ผิดส่วนนี้คะแนนสอบภาษาอังกฤษของคุณจะไม่ได้สูงแน่นอน และนี่เป็นรูปแบบของข้อสอบที่มักจะเจอบ่อยมากด้วย อย่าพลาดนะคะ

3 – Modal verb ในกลุ่มนี้สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือคำถามได้เลย

โดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do หรือ does เข้ามาช่วยอีกแล้ว เช่น
– ถูก She mustn’t enter here.
– ผิด She doesn’t must enter here.

นอกจากนั้นแล้ว คำกริยาช่วยนั้นประกอบไปด้วย Can, Could, May, Might, Must, Mustn’t, Should, Ought to, Shall และ Will คำกริยาช่วยเหล่านี้มีคุณลักษณะอื่นๆ เช่น ไม่มีรูปแบบ past tense และในรูปแบบ negative หรือปฏิเสธนั้นสามารถทำได้ด้วยการใส่ NOT เท่านั้น และในรูปแบบประโยคคำถามสามารถทำได้ด้วยการใช้ขึ้นต้นประโยค

Modal Verb ต่างจาก verb ปกติอย่างไร?

คุณเคยสงสัยไหมคะว่า Modal Verb ต่างจาก verb ปกติอย่างไร? สรูปสั้นๆ ดังต่อไปนี้คงจะช่วยคุณเข้าใจและแยกอกความแตกต่างระหว่าง Modal Verbs กับ verb ปกติอ เพื่อการใช้งานได้ถูกต้องต่อไปนี้

  1. Modal Verb ไม่ต้องเติม s ไม่ว่าประธานจะเป็นตัวไหน
  2. สามารถทำเป็นประโยคปฏิเสธหรือประโยคคำถามได้เลยโดยไม่ต้องใช้กริยาช่วยตัวอื่น เช่น do, does
  3. หลัง Modal Verbs ต้องตามด้วย infinitive verbs (verb รูปธรรมดาที่ไม่เติม -ing, -ed, to, s หรือ es)

Modal Verbs ที่ต้องไม่พลาด 

กริยาช่วยเป็นส่วนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ผู้เรียนทุกคนต้องไม่พลาด เพราะมันใช้บ่อยในทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน เช่น

  • มักจะใช้ Modal Verb ในกรณีอยากบอกความเป็นไปได้ 
  • มักจะใช้ Modal Verb ในกรณีอยากแสดงความสุภาพ 

1 – Can/Could ที่แปลว่า สามารถ

รูปปฏิเสธของ Can คือ Can not (Can’t)
รูปปฏิเสธของ Could คือ Could not (Couldn’t)

โครงสร้างในประโยค: Can/Could + V.infinitive

เงื่อนไข: เราจะใช้ modal verb Can/Could เพื่ออธิบายถึงความสามารถในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ต่างๆ หรือการขอร้อง / ขออนุญาต

2 – Will/Would ที่แปลว่า จะ

รูปปฏิเสธของ Will คือ Will not (Won’t)
รูปปฏิเสธของ Would คือ Would not (Wouldn’t)

ครงสร้างในประโยค: Will / Would + V.infinitive

เงื่อนไข: เราจะใช้  modal verbs Will/Would ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่ตั้งใจไว้ รวมถึงบอกความเป็นไปได้

3 – Shall/Should ที่แปลว่า ควรจะ

รูปปฏิเสธของ Shall คือ Shall not (Shan’t)
รูปปฏิเสธของ Should คือ Should not (Shouldn’t)

โครงสร้างในประโยค: Shall / Should + V.infinitive

เงื่อนไข: ใช้ modal verbs Shall/Should เมื่อต้องการให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ หรือบอกถึงเหตุการณ์ในอนาคตว่าน่าจะเกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอน

4 – May/Might ที่แปลว่า อาจจะ

รูปปฏิเสธของ May คือ May not
รูปปฏิเสธของ Might คือ Might not (Mightn’t)

โครงสร้างในประโยค: May / Might + V.infinitive

เงื่อนไข: ใช้  modal verbs May/Might บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ (ซึ่ง may จะแสดงความเป็นไปได้ที่มากกว่า might)

5 – Must ที่แปลว่า ต้อง 

โครงสร้างในประโยค: Must + V.infinitive

เงื่อนไข: ใช้มันในประโยคบอกเล่าเพื่ออธิบายถึงข้อบังคับ และในรูปประโยคปฏิเสธเพื่อบอกว่าไม่ควรทำบางสิ่งบางอย่าง 

6 – Ought to ที่แปลว่า ควรจะ

โครงสร้างในประโยค: Ought to + V.infinitive

เงื่อนไข: ใช้กับคำแนะนำ หรือใช้กับสิ่งที่ยังไม่มั่นใจแน่ชัด เป็นคำที่คนสมัยก่อนใช้กัน ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยใช้กันแล้ว จะใช้ Should มากกว่า

การสร้างประโยคโดยการใช้ Modal verb

ข้อดีของ Modal verbs คือ พวกมันมีกฎการใช้ง่ายๆ 3 แบบ

  • ประโยคบอกเล่า (affirmative sentence)  สำหรับประโยคบอกเล่าเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน Modal verb หรือก็คือ เราไม่จำเป็นต้องเติม –s แม้ว่าประธานจะเป็นเอกพจน์บุคคลที่สาม (third person singular)

I
You
He/ She/ It
We
TheyWill
Would
Shall
Must
Should
Ought to
Can
Could
May
MightGo
Study
Wait

Leave


Listen
Read

  • ประโยคปฏิเสธ (negative sentence) เวลาทำเป็นประโยคปฏิเสธ เราจะเติม  ‘not’

I
You
He/ She/ It
We
You
TheyWill not/ won’t
Would not/ wouldn’t
Shall not/ shan’t
Must not/ mustn’t
Should not/ shouldn’t
Ought not/ oughtn’t
Cannot/ can’t
May not (Might not)/ mightn’tGo
Study
Wait
Leave
Listen
Read

  • ประโยคคำถาม (interrogative sentence) 

Will
Would
Shall
Must
Should
Ought to
Can
Could
May
MightI
You
He/ She/ It
We
You
TheyGo?
Study?
Wait?
Leave?
Listen?
Read?

โครงสร้างประโยคของ Modal verb (กริยาช่วย)

1 – บอกเล่า ของ Modal verbs (กริยาช่วย) กริยาช่วย + กริยาแท้ 

โครงสร้างในประโยค: S + Modal Verl + V_infinity

ตัวอย่างเช่น

  • I can help you ฉันจะช่วยคุณได้นะ
  • He should go home  เขาควรกลับบ้าน

2 – โครงสร้างประโยคปฏิเสธ ของ Modal verb (กริยาช่วย) กริยาช่วย + not + กริยาแท้

โครงสร้างในประโยค: S + Modal Verl + not + V_infinity

ตัวอย่างเช่น

  • I cannot  help you ฉันช่วยคุณไม่ได้นะ
  • He should not go home  เขาไม่ควรกลับบ้าน

3 – โครงสร้างประโยคคำถาม ของ Modal verbs (กริยาช่วย) กริยาช่วย + ประธาน + กริยาแท้

โครงสร้างในประโยค: Modal Verl + S + V_infinity

ตัวอย่างเช่น

  • Can you help me ? คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม
  • Should I go home ? ฉันควรกลับบ้านไหม

วิธีใช้กริยาช่วย Modal Verb ที่ต้องรู้

เพื่อเข้าใจและเห็นภาพได้ง่ายขึ้นเราจะสรูปวิธีใช้กริยาช่วย Modal Verb ที่มักจะเจอบ่อยๆ ในตารางดังต้อไปนี้

Can/Could> Can บอกความสามารถในปัจจุบัน 
> Could บอกความสามารถในอดีต
– ใช้ถามเพื่อขออนุญาต, ให้การอนุญาตหรือไม่อนุญาต, ร้องขอบางสิ่งบางอย่าง, เสนอการช่วยเหลือ โดย Could มีความสุภาพมากกว่า Can
– ช้บอกสิ่งที่เป็นไปได้หรือเกิดขึ้น โดย Could บอกสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต มีโครงสร้าง Could + have + past participle (V.3)Will/Would> Will ใช้บอกสิ่งที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต, บอกความตั้งใจ
> Would ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอดีต, ใช้ขอร้องอย่างสุภาพ, บอกความต้องการ และใช้ในประโยคเงื่อนไข Shall/Should> Shall ใช้ในการเสนอแนะ ชี้แนะ เสนอความช่วยเหลือ 
> Should แปลว่า ควรจะ… ใช้ในการแนะนำMay/Might> ใช้บอกความเป็นไปได้ หรือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
> ใช้ในการให้อนุญาต, ขออนุญาตMust> ใช้พูดถึงสิ่งที่ต้องทำ สิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้

ตัวอย่างเช่น

1 – Can

I can swim. ฉันอ่านหนังสือได้ (บ่งบอกความสามารถ)
He can fix computers. เขาสามารถซ่อมคอมพิวเตอร์ได้
Can I have a cup of coffee please? ขอกาแฟแก้วหนึ่งได้ไหม (ขอร้องแบบทั่วๆ ไป)
Can I use this restroom please? ฉันสามารถใช้ห้องน้ำนี้ได้ไหม?

2 – Could

Could I have a cup of coffee please? ขอกาแฟแก้วหนึ่งได้ไหมคะ/ครับ (ขอร้องแบบสุภาพ)
Could you fill in these blanks please? รบกวนช่วยกรอกข้อมูลตรงช่องว่างนี้ได้ไหมคะ?
I could have done it by myself. ฉันสามารถทำมันได้ด้วยตัวฉันเอง
I could swim when I was young. ตอนสาวๆ ฉันเคยว่ายน้ำได้นะ

3 – Will

I will not go to school tomorrow. ฉันจะไม่ไปโรงเรียนพรุ่งนี้ (บอกเหตุการณ์ในอนาคตที่ตั้งใจไว้)
I will visit Japan next year. ฉันจะไปญี่ปุ่นปีหน้า
We will give you this book. พวกเราจะให้หนังสือเล่มนี้แก่คุณ

4 – Would

If she didn’t do that, she would be happy. ถ้าเธอไม่ทำแบบนั้นลงไป เธอคงจะมีความสุข (บอกความเป็นไปได้ว่า “คงจะ” มีความสุข)
I knew that Nid would be successful. ฉันรู้ว่านิดจะประสบความสำเร็จ
Would you like some milk? คุณต้องการนมไหม?
Would you like to have some coffee?  ต้องการจะรับกาแฟไหมคะ/ครับ

5 – May

I may join the party tonight ฉันอาจจะไปร่วมปาร์ตี้คืนนี้
May I come in? ฉันขออนุญาตเข้าไปข้างในได้ไหมคะ?
May I borrow your phone? ฉันขอยืมโทรศัพท์คุณได้ไหม?
She may be in danger. เธออาจจะตกอยู่ในอันตราย

6 – Might

He might have finished it. เขาอาจจะทำมันเสร็จ
I might go see a doctor. ฉันอาจไปพบแพทย์
The store might have been closed today. ร้านค้าอาจจะปิดวันนี้ (have been closed เป็น passive หมายถึงถูกปิด)

7 – Shall

Shall we go to the movie tonight? เราไปดูหนังกันคืนนี้ดีไหม? (ข้อเสนอ)
We shall pass the exam. พวกเราจะต้องสอบผ่านแน่ๆ (พูดถึงความน่าจะเป็นในอนาคต ซึ่งค่อนข้างมั่นใจว่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ)
Shall I carry your bags for you? ฉันถือกระเป๋าให้คุณไหม?

8 – Should

Should we take a taxi? พวกเราควรจะขึ้นแท็กซี่นะ?
I think you should stop smoking. ฉันคิดว่าคุณควรเลิกสูบบุหรี่นะ
You should try that new restaurant.คุณควรลองร้านอาหารใหม่นั้น

9 – Must

I must finish my work. ฉันต้องทำงานให้เสร็จ
The show must go on. ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
She must be very intelligent. เธอจะต้องฉลาดมากแน่ๆ

10 – Ought to

We ought to help the poor. = We should help the poor. เราควรจะช่วยเหลือคนจน
You ought to try this soup – it’s delicious! คุณควรลองซุปนี้ – อร่อยมาก!
She ought to make a decision about that house before someone else buys it. – เธอควรตัดสินใจเกี่ยวกับบ้านหลังนั้นก่อนที่คนอื่นจะซื้อ
We ought to start the meeting, it’s getting late. เราควรจะเริ่มการประชุมมันช้าไปแล้ว

เพิ่มเติม : นอกจาก modal verb ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมี modal verbs ตัวอื่นที่เราจะเจออีก เช่น

  •         Ought to + have + V3 แสดงสิ่งที่ควรทำในอดีต แต่ไม่ได้ทำ
  •         Would rather + have + V3 อยากทำแต่ความจริงไม่ได้กระทำ (อดีต)
  •         needn’t + have + V3 แสดงสิ่งที่ทำไปแล้วทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำ (อดีต)
  •         didn’t have to = didn’t need to ไม่จำเป็นต้องกระทำ และก็ไม่ได้กระทำ(ในอดีต)
  •         needn’t have done ไม่จำเป็นต้องกระทำ แต่ก็ทำไปแล้ว (ในอดีต)

ฟังก์ชั่นที่พบบ่อยที่สุดของกริยาช่วย

ต่อไปนี้เป็นฟังก์ชั่นที่พบบ่อยที่สุดของกริยาช่วย

1 – กริยาช่วยที่แสดงความหมายว่า เป็นไปได้

เราใช้คำกริยา can, must, may เพื่อทำนายความเป็นไปได้ของสิ่งที่เกิดขึ้น 

ความแน่นอนจากมากไปน้อย: ต้องทำได้อาจอาจ 

ตัวอย่างเช่น

Learning English can be hard to some. การเรียนภาษาอังกฤษอาจเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน

It’s snowing outside. It must be cold. ข้างนอกมีหิมะตก มันต้องหนาวแน่ ๆ

2 – กริยาช่วยที่แสดง ความสามารถความสามารถทักษะ

เราใช้คำกริยา can and could เพื่อพูดถึงความสามารถ

Can ใช้เมื่อพูดถึงความเป็นไปได้ในปัจจุบันและสามารถใช้เมื่อพูดถึงความเป็นไปได้ในอดีต

ตัวอย่างเช่น

He can’t speak Korean. เขาพูดภาษาเกาหลีไม่ได้

My grandfather could swim fast when he was a young boy. ปู่ของฉันสามารถว่ายน้ำได้เร็วเมื่อเขายังเป็นวัยรุ่น

3 – กริยาช่วยที่แสดง ภาระหน้าที่คำแนะนำ

เราใช้คำกริยา must, should to, should เพื่อแสดงความคิดว่าสิ่งที่ควรทำหรือควรทำ

ความจำเป็นจากมากไปน้อย: ต้องควรจะควร

ตัวอย่างเช่น

  • Students must do their homework. นักเรียนต้องทำการบ้าน
  • You should visit your parents often. คุณควรไปเยี่ยมพ่อแม่บ่อยๆ

4 – กริยาช่วยที่แสดงความอนุญาตและขออนุญาต

เราใช้คำกริยาอาจจะสามารถแสดงการอนุญาตให้ทำบางสิ่งได้

ตัวอย่างเช่น

  • You may not eat or drink in the library. ห้ามรับประทานอาหารหรือดื่มในห้องสมุด
  • Could I go home early today? วันนี้ฉันกลับบ้านเร็วได้ไหม

5 – กริยาช่วยที่แสดงความหมายว่า คำขอคำเชิญที่สุภาพ

เราใช้คำกริยา can, could, would, would ในการร้องขอหรือคำเชิญที่สุภาพ

  • Could you help me with this? คุณช่วยฉันเรื่องนี้ได้ไหม
  • Would you like some coffee? คุณต้องการกาแฟไหม?

6 – กริยาช่วยที่แสดงความหมายว่า สัญญา

เราใช้คำกริยาแสดงความตั้งใจที่จะทำบางสิ่งหรือสัญญาว่าจะทำบางสิ่ง

ตัวอย่างเช่น

  • I will stay here with you. ฉันจะอยู่ที่นี่กับคุณ

7 – กริยาช่วยที่แสดง นิสัย

เราใช้คำกริยา will และจะพูดถึงนิสัยในปัจจุบัน (will) หรืออดีต (would).

ตัวอย่างเช่น

  • When I was little, I would play outside all day. ตอนเด็ก ๆ ฉันจะเล่นข้างนอกทั้งวัน
  • Tim will always be late! ทิมจะมาสายเสมอ!

อย่างที่เห็น Modal verbs เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในภาษาอังกฤษ ตอนนี้คุณคงจะเห็นแล้วว่ามันสามารถใช้ได้อย่างไรบ้าง ลองฝึกเอามาใช้ดูเวลาที่ต้องพูดหรือว่าเขียนการใช้ Modal verbs นั้น อาจจะแบ่งลักษณะการใช้ออกเป็นกลุ่มๆ ได้ดังนี้

สรูปให้เข้าใจง่ายดายคือ Modal verbs ใช้แสดงความเป็นไปได้ และแนวโน้มของความเป็นไปได้ ว่าสิ่งที่กล่าวนั้นเป็นไปได้หรือมีความสามารถแค่ไหน เช่น may, might, can, could

และยังใช้ในการให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ เช่น should และ ใช้แสดงความจำเป็น กฎข้อบังค้บ เช่น must และใช้แสดงความสุภาพ มารยาททางสังคมต่างๆ เช่น การร้องขอ การขออนุญาต เช่น can, could, may, might, shall, will, would นั้นเอง เป็นคำกริยาที่มักจะเจอบ่อยใช่ไหมคะ ดังนั้นเพื่อการใช้งานอย่างถูกต้องและคล่องในทุกกรณีคุณจำควรเห็นความสำคัญของกริยาช่วยนะคะ

ว่ายังไงบ้างคะสำคัญบทความ Modal Verbs (กริยาช่วย) ฉบับที่สมบูรณ์แบบครบเครื่องทุกเรื่องที่ต้องรู้วันนี้ที่ Eng Breaking แนะนำมาให้ค่ะ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต้อคุณ และอย่าลืมเคล็คลับเพื่อช่วยคุณพิชิตเรื่องเรียนภาษาอังกฤษได้คือต้องมีวิธีการเรียนอย่างถูกต้อง เรียบง่าย หาเอกสารเพื่อเรียนเพิ่มเติม แต่ต้องหาที่แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

เราเชื่อว่าคุณจะเป็นผู้เรียนต่อไปที่สำเร็จแน่นอน อย่าลืมติดตามเราเพื่ออัพเดทเนื้อหาใหม่ๆ เกี่ยวกับไวยากณ์ภาษาอังกฤษแชรันความรู้และประสบการณ์ของคุณด้วยนะคะ

[NEW] Modal Auxiliaries ที่สำคัญ | ought to แปล ว่า – NATAVIGUIDES

สวัสดีค่านักเรียนชั้นม.5 ที่น่ารักทุกคน วันนี้เราจะไปดู ” Modal Auxiliaries หรือ Modal verbs “ ที่ใช้บ่อยพร้อมเทคนิคการใช้งานง่ายๆกันค่า Let’s go! ไปลุยกันเลยจร้า

รู้จักกับ

Modal Auxiliaries

 

Modal Auxiliaries คือ กริยาช่วยกลุ่ม  Modal verbs หรือ  Modals ซึ่งจะมีความหมายพิเศษในตัวของมันเอง และ ไม่ควรจะแปลตรงๆ ตามความหมายใน Dictionary เหมือนกริยาช่วยตระกูล V. to be, V. to do, และ V. to have เราจะต้องดูที่บริบทการใช้งานของผู้พูด

กลุ่มของ Modal verbs ที่ควรรู้จักคือ shall, should, will, would,  may, might can, could, must, ought to,
used to
ที่เราจะได้รู้และทบทวนในบทความนี้นั่นเองค่า

Sit back, relax, and enjoy your lesson! ขอให้สนุกกับการเรียนน๊า

 

การใช้ Modal Verbs ตามเทคนิค “เท่าเดิม ไม่เพิ่มเติมอะไร”

 

  1. ไม่เติมอะไรท้ายกริยาที่ตามหลัง Modal verbs ทุกตัว เพราะต้องตามด้วย Verb infinitive
    ง่ายๆ ก็คือ Verb เปลือยที่เป็นรูปกริยาธรรมดาไม่เติม –ing, -ed, ไม่เติม to, หรือ ไม่เติม -s/-es หรืออะไรใดๆเลยค่ะ เช่น

Michel can cook.

แปล ไมเคิลทำอาหารได้ จะเห็นว่า หลังกริยาช่วย can ตามด้วยกริยา V. infinitive “cook” ที่ไม่เติมอะไรเลย
คงไว้รูปแบบกริยาช่องที่1ไม่ผันเด้อ ถ้าเราเจอ Michel can cooks. แบบนี้คือผิด แกรมม่านะคะที่รัก

 

  1. ไม่เติมอะไรหลัง “Modal verbs” ไม่ว่าจะเป็น -s, -es
    เช่น

    ถูก: Tina should exercise every day.
    แปล ตีน่าควรออกกำลังกายทุกวัน

    VS

    ผิด: Tina shoulds exercise every day.

 

 

  1. สำหรับประโยคปฏิเสธนั้น หลัง Modal verbs ให้ใช้ not ได้เลย
    ตามโครงสร้าง
    Subject + Modal verb + not + V. Infinitive…

เช่น
They could not attend the conference.
แปล พวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้

 

การใช้

Modal Auxiliaries

แสดง “ความเป็นไปได้”

 

 

 

สำหรับความเป็นไปได้ แบ่งเป็น 3 ระดับดังนี้ คือ เป็นไปได้มาก เป็นไปได้ปานกลาง เป็นไปได้น้อย

ตาราง

Modal Auxiliaries

9 คำ พร้อมความหมาย

 

 

can
can + V. infinitive
แปลว่า สามารถ…

could
could + V. infinitive
แปลว่า สามารถ

may
may + V. infinitive
แปลว่า อาจจะ

might
might + V. infinitive
แปลว่า อาจจะ

shall
shall + V. infinitive
แปลว่า จะ/ ควรจะ

should
should + V. infinitive
แปลว่า จะ/ ควรจะ

will
will + V. infinitive
แปลว่า จะ

would
would + V. infinitive
แปลว่า จะ

must
must + V. infinitive
แปลว่า ต้อง

 

ข้อควรรู้: would จะใช้เพื่อแสดงการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต
ส่วนการใช้ Modal verbs พวก  must, can, will จะแสดงความเป็นไปได้มาก

  • Can

Can แปลเป็นไทยได้ว่า สามารถ หรือ มีโอกาสที่จะ ดังนี้

บอกเล่า: I can edit the video.

แปล ฉันสามารถตัดต่อวีดีโอได้

คำถาม: Can you edit the video?

แปล คุณสามารถตัดต่อวีดีโอได้มั้ย

ปฏิเสธ: I cannot (can’t) edit the video.

แปล ฉันไม่สามารถตัดต่อวีดีโอได้

  • Will

เราอาจจะเคยเจอ will ในโครงสร้างของ Future Simple Tense มาบ้างแล้ว ซึ่ง will แปลว่า จะ ใช้บอกอนาคต  เพื่อแสดงถึงแนวโน้มของความเป็นไปได้มาก ในโครงสร้างประโยคบอกเล่า Subject + will + V. Infinitive และแสดงให้เห็นว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งในอนาคต จะมีบางอย่างกำลังดำเนินอยู่ในโครงสร้าง Subject + will + be + V. ing ของประโยค Future Continuous Tense เช่น

 

บอกเล่า: There will be snowing in the evening.

มีความเป็นไปได้มากที่หิมะจะตกเย็นนี้

ปฏิเสธ: They will not (won’t) be late again.
พวกเขาจะไม่สายอีก

คำถาม: Will there be snowing tomorrow?
พรุ่งนี้หิมะจะตกมั้ย

  • ใช้ will เพื่อแสดง ความเต็มใจที่จะทำ หรือ คำสัญญาที่จะทำ

เช่น

I will forgive you.

ฉันจะให้อภัยคุณ

I promise (that) I will come back to you.

ผมให้สัญญาว่าจะกลับมาหาคุณอีกครั้ง

 

Will ในสถานการณ์ ที่ โซเซ แนะนำให้แฟนไปออกกำลังกายที่ฟิต

Joseph: You should go to the fitness center Tina.

คุณควรหาเวลาเข้าฟิตเนาบ้างนะ

Tina: Of course, I will.

แน่นอน ฉันจะไปแน่

 

  • Must

เราใช้ must เมื่อเรามั่นใจว่าบางสิ่ง ต้อง เกิดขึ้น หลัง must ตามด้วย V. Infinitive
แสดงถึงความมั่นใจมาก เช่น

Jill must be Jenny’s sister. They look alike.

จิ้มจะต้องเป็นพี่สาวเจนนี่แน่ๆ พวกเขาดูหน้าตาคล้ายกันมาก

He must be joking.

เขาต้องกำลังล้อฉันเล่นแน่ๆ

Look at his Lamborghini car! He must be very rich!

ดูรถแลมโบกีนี่ของเขาสิ เขาต้องรวยมากแน่ๆเลย

 

 

เมื่อต้องแสดงความเป็นไปได้  “ระดับปานกลาง”

กริยาช่วยกลุ่มนี้ ได้แก่ may, might, could, should

คำเหล่านี้เมื่ออยู่ในประโยคจะมีน้ำหนักของคำระดับปานกลาง และจะมีความหมายเหมือนกันซึ่งแปลว่า อาจจะ เช่น

She may skip school today.

หล่อนอาจจะหลบเรียนวันนี้

I might like him a bit.

ฉันอาจจะชอบเขานิดหน่อย

It may/might/could be worst.

มันอาจจะแย่มากๆก็ได้

  • Should

Should มีความหมายว่า น่าจะ หรือ ควรจะ เช่น

 

She has met the doctor already. She should be okay.
หล่อนพบหมอแล้ว หล่อนน่าจะโอเค้กแล้ว

You should take the test.
คุณควรทำแบบทดสอบดูนะ

 

 

  • Could แสดงความเป็นไปได้น้อยมาก

Could นอกจากจะใช้เพื่อแสดงแนวโน้มของความเป็นไปได้ปานกลาง และ การเปรียบเทียบที่เกินจริง บางครั้งเป็นการประชดประชัน
เช่น

I’m hungry. I could eat a horse.

ฉันหิวมาก ฉันสามารถกินม้าได้ทั้งตัวเลย (เกินจริง)

She could win the beauty pageant.

หล่อนคงจะชนะการประกวดนางงามนะ (ประชด) ***ลองนึกถึงสถานการณ์แฟนนางงามขี้อิจฉาพูดประโยคนี้แล้วยิ้มที่มุมปาก

 

How could I be without him?

ฉันจะอยู่ด้วยตัวเองยังไงโดยไม่มีเขา (ไม่มั่นใจ)

  • Semi-modal: “ought to”

การใช้ ought นี้จะแปลว่า “ควรจะ” มีหลักการใช้ดังตัวอย่างบทสนทนาด้านล่างนี้

 

 

หลักการแนะนำทั่วๆไป:

Doctor Mike really ought to take more rest.
คุณหมอไมค์ควรจะพักผ่อนบ้าง

People ought not to go to the night club during Covid-19.
เราไม่ควรจะออกไปเที่ยวตอนกลางคืนช่วงโควิด19

 

และเมื่อต้องพูดถึงสิ่งที่ควรทำในอดีตแต่ไม่ได้ทำ มักเป็นการเพ้อ แสดงความเสียใจ ตามโครงสร้าง

Subject + ought to+ have +V3+… เช่น

 

I ought to have studied harder so that I could pass the exam.
ฉันควรจะตั้งใจเรียนมากกว่านี้ถึงจะสอบผ่าน

 

Semi-modal Verb “used to”

  • used to คำนี้แปลว่า “เคย”

ปัจจุบันเราไม่นิยมใช้ used to ในรูปแบบของกริยาช่วยแล้ว แต่ก็ยังมีคนพูดถึงอยู่ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

 

I used to exercise so much.
ฉันเคยออกกำลังกายอย่างมาก

She used to date a Hollywood superstar.
หล่อนเคยออกเดทกับนักแสดงฮอลลีวูด

 

เพิ่มเติม: “be used to”
ตามโครงสร้าง (be) used to +noun / V.ing  แปลว่า “เคยชิน” เช่น

I am used to cooking at home.
ฉันชินกับการทำอาหารกินเองแล้ว

Jake is used to living alone.
เจคเคยชินกับการอยู่คนเดียว

A professional nurse is used to having emergency cases.
พยาบาลวิชาชีพเคยชินกับเคสคนไข้ฉุกเฉินแล้ว

 

ตารางสรุปกริยาช่วยเพิ่มเติม

 

 

 

กริยาช่วยรูปปกติ

 

รูปปฎิเสธ (แบบเต็ม)

 

รูปปฎิเสธ (แบบย่อ)

1
is
 (เป็น, อยู่, คือ)
is not
isn’t

2
am
 (เป็น, อยู่, คือ)
am not
ไม่มีรูปย่อ

3
are
 (เป็น, อยู่, คือ)
are not
aren’t

4
was
 (เป็น, อยู่, คือ)
was not
wasn’t

5
were
 (เป็น, อยู่, คือ)
were not
weren’t

6
do
 (ทำ)
do not
don’t

7
does
 (ทำ)
does not
doesn’t

8
did
(ทำ)
did not
didn’t

9
has
 (มี)
has not
hasn’t

10
have
 (มี)
have not
haven’t

11
had
(มี)
had not
hadn’t

12
can
(สามารถ)
cannot
can’t

13
could
 (สามารถ)
could not
couldn’t

14
may
 (อาจจะ)
may not
mayn’t

15
might
 (อาจจะ)
might not
mightn’t

16
will
(จะ)
will not
won’t

17
would
จะ)
would not
wouldn’t

18
shall
(จะ)
shall not
shan’t

19
should
(ควรจะ)
should not
shouldn’t

20
must
(จะ,จะต้อง)
must not
mustn’t

21
need
(จำเป็น)
need not
needn’t

22
dare
 (กล้า)
dare not
daren’t

23
ought to
 (ควรจะ)
ought not
oughtn’t

24
used to
 (เคย)
used not to
usedn’t to

อธิบายเพิ่มเติม:

ตั้งแต่ 12 ถึง 20
 เรียกว่า “Modal verbs”
( can, could, may, might, will, would, shall, should, must )
ตั้งแต่ 21 ถึง 24
เรียกว่า “Semi-modal verbs” 
( need, dare, ought to, used to )

สรุปการใช้ Modal auxiliaries

 

  • แสดงความเป็นไปได้ และแนวโน้มของความเป็นไปได้  เช่น  can, could, may, might
  • ให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ เช่น should, ought to
  • กฎข้อบังคับ เช่น must
  • มารยาททางสังคม การขออนุญาต แสดงความสุภาพ เช่น can, could, may, might, shall, will, would

เมื่อจะต้องใช้ Modal auxiliaries สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ บริบทการใช้งาน ว่าเราต้องการจะสื่ออะไร ในระดับ เป็นไปได้มาก เป็นไปได้ปานกลาง เป็นไปได้น้อย เพื่อให้เราสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ถูกต้อง และคล่องมากๆแบบเจ้าของภาษากันจร้า อย่าลืมดูวีดีโอทบทวนบทเรียนในหัวข้อ วิชาภาษาอังกฤษ ชั้น ม.5 เรื่อง Modal auxiliaries ที่สำคัญ กันด้วยเด้อ เลิฟๆ

คลิกที่ปุ่มเพลย์แล้วไปเรียนให้สนุกกันจร้า

 

0


Grammar – Giving Advice – SHOULD, OUGHT TO, HAD BETTER


http://www.engvid.com/ In this English lesson, I teach you how to give advice, using ‘should’, ‘ought to’, and ‘had better’. These are used differently and can mean different things, so learn about the differences here. Don’t forget to take the quiz at http://www.engvid.com/giveadviceshouldoughttohadbetter/

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม

Grammar - Giving Advice - SHOULD, OUGHT TO, HAD BETTER

Should vs Ought to, English modal verbs


Should and Ought to are rather similar but to avoid making mistakes you still need to understand how they differ. This video will help you figure out when and how you can use them properly. Modal verbs are very important in any language so let’s study them!
Study English and Russian with AR!
My channel https://www.youtube.com/user/AntoniaRomaker
My group http://vk.com/SeriesEnglish
My facebook group http://www.facebook.com/groups/SeriesEnglish

Should vs Ought to, English modal verbs

[อังกฤษ] กริยาช่วย Modals Verb สำหรับเตรียมสอบ


ใหม่!! WINNER SHORTNOTE คอร์สเรียนออนไลน์ ติวเข้มหนังสือจากหนังสือ WINNER SHORTNOTE ให้น้องๆเตรียมพร้อมทุกสนามสอบ
⭐เนื้อหา WINNER SHORTNOTE วันนี้มาเพิ่มความรู้ เรื่อง Modals Verb
Can could
Will would
Shall should
May might
Must
Ought to
⭐ดูจบแล้วกดกระดิ่ง เพื่อตั้งเตือน จะได้ไม่พลาด EP ถัดไป รับรองว่าจะจัดให้ทุกวิชาเลย!
TCAS 9วิชาสามัญ ONET Gat Eng phrasalverb
____________________________________________________________________
ฝากหนังสือจาก WINNER STUDY นะคะ ทุกเล่มตั้งใจเขียนโดยทีม นิสิตจุฬา
เพื่อสำหรับเตรียมสอบเข้าคณะที่ใช่มหาลัย ที่ชอบ
สั่งซื้อได้ตลอด 24 ชม.ทาง LINE @winnerstudy
🍒WINNER SHORTNOTE
ครบ8วิชา ม.46(ไทย อังกฤษ สังคม วิทย์ คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ)
ใช้ได้ทุกสนามสอบ ทั้งใน โรงเรียน GAT PAT ONET 9 วิชาสามัญ
🍒WINNER 1000Q พันคิว วิทย์
รวม1000ข้อสอบ วิทย์ 4 วิชาม.46 (ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ดาราศาสตร์)
คล้ายข้อสอบจริงสุด โจทย์มี 3 ระดับ (ง่ายกลางยาก) ใช้สอบ ONET, PAT, 9 วิชาสามัญได้
เฉลยเข้าใจสุด และละเอียดมาก เหมือนได้ติวเตอร์ดีกรีจุฬาส่วนตัวตลอด 24 ชม.
🍒หนังสือ WINNER 1000Q พันคิว คณิต
รวม1000ข้อสอบ ตะลุยโจทย์คณิต ม.46​
คล้ายข้อสอบจริงสุด ทั้งโจทย์ และระดับความยาก อ้างอิงจากข้อสอบ PAT1 ONET 9วิชาสามัญ
เฉลยละเอียดมาก เหมือนติวเตอร์ดีกรีจุฬา กว่า 40 คนนั่งอธิบายอยู่ข้างๆ
ทำครบ ทำจบเล่ม สอบติดแน่!⭐️
.
.
📙WINNER SHORTNOTE ม.ต้น
ครบ5วิชา ม.13(ไทย อังกฤษ สังคม วิทย์ คณิต) ใช้ได้ทุกสนามสอบทั้งสอบเข้าโรงเรียนดังและ ONET
มีแบบฝึกหัดท้ายบท ให้ประลองปัญญาก่อนเจอของจริง
ราคา 520 บาท
ดูเพิ่มเติมได้ที่
YOUTUBE: https://www.youtube.com/channel/UCtSbwlAIU54zTlRco9q3u8A?view_as=subscriber
IG: https://www.instagram.com/winnerstudyth/

[อังกฤษ] กริยาช่วย Modals Verb สำหรับเตรียมสอบ

Sự thật về cuốn sách của Elight


The truth about Phan Kieu Trang’s book \”Tiếng Anh cơ bản.\”
The spreadsheet: https://docs.google.com/spreadsheets/d/110jWWWfptf1f0XULTQCgRvYpCNdgkVXNR3WFTCSusDY/edit?usp=sharing
Music: https://soundcloud.com/artificialmusic/stroll
Subtitles by Lê Minh Hà of HP IELTS Express
https://www.facebook.com/hpielts/?timeline_context_item_type=intro_card_work\u0026timeline_context_item_source=100001968568446\u0026pnref=lhc

Sự thật về cuốn sách của Elight

should / ought to


should / ought to

นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูบทความเพิ่มเติมในหมวดหมู่LEARN FOREIGN LANGUAGE

ขอบคุณมากสำหรับการดูหัวข้อโพสต์ ought to แปล ว่า

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *